คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ค่ำคืนแห่งการสูญเสีย
ค่ำคืนที่คร่าคร่ำไปด้วยรถยนต์และพาหนะต่างชนิดที่อยู่บนท้องถนน แสงไฟจากเสาไฟฟ้าและจากรถยนต์ต่างๆที่พากันเปิดไฟเลี้ยวตามทางที่ตนเองต้องการไป รถ BMW ที่ขับฉวัดไปฉวัดมาทำให้รถที่อยู่ใกล้ต่างพากันเบรกและหักหลบเพื่อความปลอดภัยของตนเอง ไม่วายที่จะส่งเสียงด่าออกมาอย่างอดไม่ได้ คนขับรถเลี้ยวไปมาอย่างน่าหวดเสียวนั้นดูจะไม่ยี่หระต่อคำด่าเหล่านั้น สายตาที่มองมุ่งตรงไปยังข้างหน้าราวกับถ้าบินได้ก็คงจะบินไปทันที แววนัยน์ตาที่ส่องประกายออกมาบ่งบอกถึงความคับแค้นใจที่มี เสียงพูดที่ยังดังอยู่ในโสตประสาทเรื่อยๆยังคงตามหลอกหลอนเขาอยู่
“ รดาขอโทษนะนันท์ รดาคิดว่า...เราสองคนคงต้องห่างกันซักพัก ”
เสียงของผู้หญิงนามว่ารดายังคงตามติดเขาอยู่ตลอดเวลา ช่วงเวลาที่เขาและเธอคบกันมันไม่ความหมายอะไรเลยงั้นหรือ?
เสียงรถยนต์ที่เพิ่งเฉียวไปเมื่อครู่เบรกอย่างกะทันหัน เมื่อเห็นรถคันงามตัดหน้าไปเมื่อครู่ ตอนนี้สิ่งที่อยู่ในใจเขาคือคำว่าไม่เข้าใจ...น้อยใจ...และสุดท้ายที่คงจะหนีไม่พ้นคือ...เสียใจ
รถคันใหญ่ที่ออกมาจากซอยข้างๆไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน ทำให้เจ้าของรถคันงามหักหลบทันทีพร้อมกับเสียงที่อื้ออึงตามมา เสาไฟฟ้าที่อยู่ด้านข้างถนนถูกกระแทกชนอย่างแรงด้านบนสุดของเสาไฟหักหล่นลงมาทับยังรถที่เข้าไปพุ่งกระแทกมัน แล้วทุกอย่างก็ดับมืดลง เหมือนกับความมืดมิดที่อยู่ในจิตใจของคนที่อยู่ในรถคันนั้น
เสียงอึกทึกของคนในโรงพยาบาลต่างพากันวิ่งไปมาอย่างร้อนรน ชายหนุ่มผิวขาวคิ้วดกเข้มตาสีดำเหมือนนิลนั้นนั่งอยู่หน้าห้องที่ป้ายข้างบนติดไว้ว่า ICU สองมือต่างกุมเข้าหากันราวกับจะขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ ที่ใดที่หนึ่ง ฝีเท้าของใครบางคนทำให้ดวงตาสีดำสนิทนั้นเงยหน้าจากพื้นของโรงพยาบาลที่ขัดมันวาวนั้นมาสบตากับเจ้าของฝีเท้าเมื่อครู่
“ ใจเย็นๆนะณุ นันท์มันคงไม่เป็นไรหรอก ” เสียงเจ้าของฝีเท้ากล่าว
ชายหนุ่มที่ชื่อณุยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย ราวกับไม่สนใจกับคำพูดของอีกฝ่าย สายตาที่บ่งบอกถึงความไม่เข้าใจและอะไรต่างๆอีกมากมายนั้นเป็นสิ่งเดียวที่บอกว่าชายตาสีดำนิลนั้นคิดอย่างไร
บุรุษที่สวมชุดขาวเดินออกมาพร้อมกับพยาบาลที่ถือเอกสารบางอย่างอยู่ในมือ ทำให้ชายทั้งสองคนที่อยู่หน้าห้องนั้นเดินตรงไปยังบุรุษชุดขาวทันที
“ น้องชายผมเป็นยังไงบ้างครับ? ” น้ำเสียงทุ้มลึกของเจ้าของดวงตาดำนิลพูดขึ้น
“ สมองได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนักครับ ส่วนอื่นๆของร่างกายก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่ที่สมองมีเลือดขังอยู่มาก หมอพยายามที่จะเอาเลือดพวกนั้นออกมาให้หมด แต่คงต้องใช้เวลาหน่อย เพราะร่างกายคนไข้ไม่ค่อยแข็งแรงเท่าที่ควร ส่วนเรื่องที่คนไข้จะฟื้นมั้ย? อันนี้หมอคงตอบไม่ได้ บางทีอาจจะเป็นเจ้าชายนิทรา ถ้าในคืนพรุ่งนี้เขายังไม่ฟื้น ยังไงก็ถือว่าปลดภัยในระดับหนึ่งแล้วครับ ” เสียงของหมอที่เพิ่งออกมาจากห้องผ่าตัดเมื่อครู่นี่พูดขึ้น
เจ้าชายนิทรา???
เสียงของหมอยังดังอยู่อย่างนั้น ประโยคต่อไปที่พูดหลังจากนั้นดูมันจะเป็นเพียงเสียงที่ลอยตามลมไปเท่านั้น เขาไม่รู้ว่าหมอได้พูดอะไรอีกกับเพื่อนชายหนุ่มของเขาที่เพิ่งมาถึงเมื่อครู่ ความหวังที่จะให้น้องชายตัวเองรอดดูมันจะเป็นจริงขึ้นมา แต่ว่า...รอดกลับเป็นเจ้าชายนิทรา????
สุทิศมองหน้าเพื่อนของตนเองที่ล้มตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมอย่างหมดแรง หลังจากที่เขาเอ่ยขอบคุณหมอเมื่อครู่ เขาไม่รู้ว่าจะช่วยปลอบอะไรได้มากกว่าพาตัวเองไปนั่งอยู่ข้าง พลางตบบ่าที่แข็งแรงนั้นอย่างเบาๆ ความเงียบที่ผ่านไปไม่รู้กี่นาทีหรือเป็นชั่วโมง เสียงของชายหนุ่มตานิลพูดขึ้นราวกับเพ้อว่า
“ แกว่าเจ้านันท์มันจะฟื้นไหม? ”
สุทิศมองหน้าเพื่อนที่ถามอย่างกับจะบอกว่า ไม่รู้วะ...
เสียงถอนหายใจออกมาจากคนที่ถามเมื่อครู่ก่อนที่จะลุกขึ้นอย่างช้าๆ แต่ยังไม่ทันได้ก้าวออกจากเก้าอี้ตัวเดิมที่นั่ง ก็มีชายหนุ่มอีกคนเดินตรงเข้ามา พร้อมกับยื่นของบางอย่างให้แล้วพูดว่า
“ นี่เป็นสิ่งที่เราพบในที่เกิดเหตุ ลูกน้องของผมเจอมันตกอยู่ด้านหลังเบาะครับ ” เสียงของชายหนุ่มใส่เครื่องแบบนั้นพูดขึ้นก่อนที่จะพูดต่อไปว่า
“ น้องชายของคุณไม่ได้ดื่มแอลกอฮอลล์เข้าไปเลยแม้แต่นิดเดียว ผมสอบถามคนแถวนั้นที่เห็นเหตุการณ์ว่าน้องชายของคนขับรถเลี้ยวไปมาอย่างน่ากลัว ข้อสันนิษฐานของผม ผมคิดว่า น้องชายของคุณคงจะผิดหวังหรือไม่ก็เสียใจเกี่ยวกับเรื่องบางอย่างมาเลยทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น ยังไงเรื่องรถของน้องชายคุณทางประกันได้เอามันไปซ่อมแล้วนะครับ” พูดจบก็เดินจากไปพร้อมกับรอยยิ้มที่ส่งให้เป็นการให้กำลังใจ
ถุงสีใสที่มองเห็นว่าข้างในนั้นมีอะไรบ้างถูกเปิดออกด้วยมือขาวที่เย็นเฉียบนั้น กระเป๋าสตางค์ของน้องชายเขาที่เขาซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด พร้อมกับแหวนเงินวงเล็กกะทัดรัดที่ดูจะไม่เหมาะกับน้องชายเขานั้นถูกหยิบขึ้นมาด้วยสายตานิลที่สำรวจอย่างถี่ถ้วน
“แหวนของใครวะ?” เสียงของสุทิศที่ยินอยู่ข้างๆถามขึ้นอย่างสงสัย
เจ้าของมือที่หยิบขึ้นมานั้นไม่ตอบได้แต่มองแหวนเงินนั้นแล้วสมองก็ทำการประมวลผลไปด้วย กระเป๋าสตางค์ที่ถูกเปิดออกมาด้วยมือเย็นนั้นเผยให้เห็นถึงรูปหน้าชายหนุ่มเจ้าของกระเป๋าสตางค์และข้างๆที่ถ่ายคู่กันเป็นรูปหน้าของผู้หญิงหน้าตาสะสวย คิ้วที่โก่งเรียว ริมฝีปากประจับแล้วดวงตาที่เซ็กซี่นั้นทำให้ชายคนที่มองอยู่ถึงกับตะลึงเลยทีเดียว
เขาพอที่จะรู้สาเหตุของน้องชายที่กระทำตัวด้วยการขับรถอย่างบ้าคลั่งนั้น ชายหนุ่มตานิลมองรูปหน้าของหญิงสาวที่อยู่ในรูปอย่างละเอียดก่อนที่จะปิดลงด้วยสายตาที่เย็นเยียบเหมือนกับหัวใจของเขาตอนนี้ ชายหนุ่มที่ชื่อว่าสุทิศมองเพื่อนของตัวเองอย่างงงๆกับการกระทำที่ดูเหนื่อยหน่ายเมื่อครู่มาเป็นกระฉับกระเฉงทันทีนั้นด้วยความสงสัย
“เป็นอะไรไปวะ”
ชายหนุ่มที่ถูกถามไม่ตอบ...
--------------------------------
เสียงนาฬิกาปลุกทำให้เจ้าของเตียงนุ่มนั้นลุกขึ้นมาอย่างัวเงียก่อนที่จะคลานไปยังเจ้าตัวต้นเสียงนั้นแล้วกดสิ่งที่โผล่ออกมาจากข้างบนนาฬิกานั้นลงไป แล้วทุกอย่างก็เงียบลงทันที ก่อนที่จะดึงผ้าห่มมาห่มตัวเองต่อ เสียงประตูที่เปิดและผู้ที่ก้าวเข้ามาใหม่มองหญิงสาวที่ยังคงนอนอยู่นั้นด้วยสายตาที่ค่อนข้างหน่าย ดวงหน้าที่หวานละมุน คิ้วเรียวยาว ปากบางที่เม้มเข้าหากันแสดงถึงความไม่พอใจอะไรบางอย่างอยู่
สองเท้าเดินตรงไปยังร่างที่นอนอยู่บนเตียงแล้วดึงผ้าห่มออกทันที พร้อมกับเสียงหวานที่ออกมาจากปางบางนั้นว่า
“ตื่นเดี๋ยวนี้เลยนะพี่รดา ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้”
แล้วสงครามแย่งผ้าห่มก็เกิดขึ้น หญิงสาวที่ชื่อรดายังคงพยายามที่จะยื้อผ้าห่มมาเพื่อที่จะนอนต่อ แต่ผู้มาใหม่ก็ไม่ยอมก่อนที่จะยื่นหนังสือพิมพ์ฉบับของวันนี้ให้พี่สาวของตนเองดูแล้วพูดด้วยน้ำเสียงกึ่งไม่พอใจว่า
“พี่นันท์ถูกรถชนเมื่อคืนนี้” ประโยคที่พูดออกมาจากน้องสาวของตนเองทำให้เจ้าของห้องรีบลุกขึ้นมาทันที เผยให้เห็นดวงหน้าที่คล้ายกับน้องสาวของตนเองมาก แต่ผิดกันที่ดวงตาเท่านั้น ดวงตาที่หวานละมุนใครที่ได้จับจ้องก็ดูจะชื่นชมและเอ็นดู แต่ดวงตาอีกคู่ใครที่ได้มองได้เห็นคงจะต้องบอกได้ทันทีว่าแฝงความมีเสน่ห์นั้นไว้ด้วยดวงตาคู่งามนั้น
“อะไรนะ!!!” รดาเอ่ยถามน้องสาวฝาแฝดของตนเอง
“อย่างที่รรินทร์บอกนั่นแหละค่ะ” รรินทร์บอกพี่สาวของตนเองก่อนที่จะนั่งลงอย่างเหนื่อยๆกับการที่แย่งผ้าห่มจากพี่สาวของเธอเมื่อครู่
“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นคะ? รรินทร์เห็นพี่รดาขับรถไปทานอาหารค่ำกับพี่นันท์ไม่ใช่หรอคะ? แต่พอกลับมาบ้านพี่รดากลับให้ผู้ชายอีกคนมาส่ง มันเรื่องอะไรกันคะ?” รริทร์ยิงคำถามส่งให้พี่สาวแฝดของเธอทันที
รดามองหน้าน้องสาวก่อนที่จะรับหนังสือพิมพ์ที่ยื่นออกมาตรงหน้าทีด้วยเล็กๆนั้น พลางอ่านอย่างลวกๆ
“ว่ายังไงคะ?” รรินทร์เร่งถาม
“ไม่ใช่เรื่องของแกยัยรรินทร์ จะไปไหนก็ไปปะ แล้วไม่ต้องพูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีก แล้วก็ไม่ต้องเล่าให้พ่อกับแม่ด้วยล่ะ รู้ไหม?” รดาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจก่อนที่พาตัวเองตรงไปยังห้องน้ำทันที ทิ้งให้น้องสาวมองด้วยสายตาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ที่สำคัญตอนนี้พี่นันท์จะเป็นยังไงบ้าง ในหนังสือพิมพ์บอกว่าจะเป็นเจ้าชายนิทรา จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้? เสียงถอนหายใจเบาๆออกมาจากคนตัวเล็กก่อนที่เดินลงข้างล่างด้วยความสงสัยแต่ก็ต้องเก็บมันไว้ พี่สาวของเธอไม่ชอบให้ใครไปยุ่งวุ่นวายในชีวิตของเธอมากนัก แม้ว่าจะอายุเท่ากันแต่รรินทร์ก็นับถือพี่สาวของตนเองอยู่เสมอ
เสียงแม่บ้านที่เดินตรงมายังเธอทำให้หญิงสาวที่เดินลงจากบันไดอย่างใจลอยนั้นเงยหน้ามองแม่บ้านวัยกลางคนนั้น
“เก็บของเรียบร้อยแล้วหรือคะ?”
หญิงสาวยิ้มให้ก่อนที่จะพยักหน้าแล้วเดินไปยังห้องอาหารที่เธอทานไปได้เพียงนิดเดียวนั้น แล้วเดินตรงไปยังพี่สาวของเธอเพื่อบอกเกี่ยวกับเรื่องของแฟนหนุ่มนั่นแหละ
รรินทร์ ภมรยุรวงศ์เป็นลูกสาวของนักธุรกิจส่งออกที่ตอนนี้บริษัทได้ขยายไปถึงอเมริกาพ่อกับแม่ของเธอจึงต้องย้ายไปอยู่ที่นั่นเพื่อนจัดสรรงานและคอยคุมพี่ชายของเธอให้พอที่จะดูแลกิจการด้วยตัวเองได้ ฉะนั้นที่เมืองไทยเธอจึงอยู่กับพี่สาวฝาแฝดของเธอเพียงสองคน พร้อมกับคนในบ้านอีกไม่กี่คน วันมะรืนนี้เธอจะต้องเดินทางไปหาพ่อและแม่ของเธอ พวกท่านทั้งสองส่งตั๋วเครื่องบินมาให้ แต่พี่สาวของเธอไม่อยากไปที่นั่นบอกว่าอยากอยู่ที่เมืองไทยมากกว่า วันมะรืนเธอจึงเดินทางเพียงคนเดียว
“รรินทร์” เสียงเรียกของพี่สาวทำให้เธอเงยหน้าจากจานข้าวที่อยู่ตรงหน้า
“ตั๋วเครื่องบินที่จะเดินทางไปวันมะรืนน่ะ พี่ขอแล้วกันนะ”
รรินทร์มองหน้าพี่สาวอย่างไม่เข้าใจ ก่อนที่จะตอบว่า
“ทำไมล่ะคะ? ไหนพี่รดาบอกรรินทร์ว่าจะไม่ไปไง”
“ก็เปลี่ยนใจแล้ว เดี๋ยวแกโทรไปบอกพ่อแล้วกัน” พูดจบรดาก็เดินออกจากห้องทานอาหารไปทันที
“มีอะไรหรอคะ?” เสียงแม่บ้านถามขึ้น
“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ” รรินทร์ตอบและวางช้อนลง ก่อนที่จะโทรไปหาบิดาของเธอเกี่ยวกับเรื่องที่พี่สาวฝาแฝดของเธอจะเดินทางในวันมะรืนนี้
--------------------------------
เสียงชายหนุ่มสองคนกำลังนั่งสนทนาเกี่ยวกับผู้หญิงที่อยู่ในรูปถ่าย ชายหนุ่มคนแรกนั่งอยู่บนโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ซึ่งบ่งบอกถึงฐานะและตำแหน่งหน้าที่ที่รับผิดชอบในบริษัทแห่งใหญ่แห่งนี้ ส่วนอีกคนดูจะนอบน้อมต่อเจ้าของโต๊ะตัวใหญ่นี้เป็นอย่างมากเพราะฟังจากน้ำเสียงที่ต้องลงท้ายด้วยครับทุกคำ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรจะสั่งอะไรก็มีแต่จะรับฟังแล้วออกความเห็นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“ไปหาที่อยู่ของผู้หญิงคนนี้ แล้วสืบประวัติทุกอย่างมาด้วย ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้” เสียงของเจ้าของโต๊ะตัวใหญ่ดังขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆแต่เต็มไปด้วยอำนาจ
“ครับ ไม่มีปัญหา” พูดจบผู้เป็นเพียงบุคคลภายนอกก็ลุกขึ้นจากเก้าแสนนุ่มนั้นแล้วก้มหัวลงเป็นการเคารพผู้อ่อนวัยกว่าแล้วเดินจากไปอย่างเงียบๆ
ความคิดเห็น