ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SF NOGUN 63

    ลำดับตอนที่ #6 : Grade Twelve III (จบ)

    • อัปเดตล่าสุด 29 พ.ค. 58



    GRADE TWELVE III



    เช้าวันใหม่ บ้านหลังใหญ่คุ้นเคยตั้งอยู่ตรงหน้า ขาเล็กหยุดอยู่ตรงหน้าบ้านอย่างกล้าๆกลัวๆหลังจากแยกกับติวเตอร์หนุ่มที่หน้าปากซอย เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆทีหนึ่งเรียกกำลังใจก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน





    “ไปไหนมา! ทำไมไม่บอกพ่อกับแม่ก่อน” ทันทีที่ขาเล็กก้าวผ่านประตูเข้ามาในบ้าน เสียงแหลมที่คุ้นเคยดังขึ้นทันที เขามองตามต้นเสียงก่อนจะพบทั้งพ่อและแม่ของเขานั่งรออยู่ที่โซฟารับแขก




    “คุณพูดกับลูกดีๆสิ ก็เมื่อคืนลูกโทรมาบอกแล้วไง” ผู้เป็นพ่อปรามภรรยาตนเอง หญิงวัยกลางคนพยายามใจเย็นและพูดด้วยน้ำเสียงที่ปกติที่สุด




    “ทำไมถึงไม่บอกแม่ก่อนว่าจะไม่กลับบ้าน โทรไปหาก็ไม่รับสาย รู้ไหมว่าแม่เป็นห่วง” ร่างเล็กเมื่อได้ยินแม่ตนเองพูดแบบนั้น ความรู้สึกผิดก็แวบเข้ามา




    “ขอโทษครับ มันกะทันหัน”




    “เอาล่ะๆ ช่างมันเถอะ ลูกก็กลับมาแล้ว ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะกัน” ประโยคแรกพูดกับภรรยาตนเอง ประโยคหลังหันไปพูดกับลูกชาย




    “ครับ ผมขอโทษครับ ผมขอตัวไปอ่านหนังสือก่อนนะครับ” พบจบร่างเล็กก็เดินขึ้นบันไดไปยังห้องของตนเองชั้น2 ถอดกระเป๋าเป้นักเรียนวางพิงไว้กับพนักเก้าอี้อ่านหนังสือ จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองสบายๆเนื่องจากใส่ชุดนักเรียนตัวเดิมกลับมา




    ร่างเล็กนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิมก่อนจะหยิบหนังสือกฎหมายเล่มเดิิมขึ้นมาวางตรงหน้า เปิดไปยังหน้าที่เขาคั่นที่คั่นหนังสือไว้ นิ้วเรียวขยับแว่นกลมสีดำให้เข้าที่ ก่อนจะตั้งใจอ่านหนังสือต่อไป ความที่สมาธิมัวแต่จดจ่ออยู่กับหนังสือเล่มหนาเตอะตรงหน้าทำให้ไม่ได้ยินเสียงคนเปิดประตูเข้ามา ร่างเพรียวของคนมาใหม่หยุดยืนอยู่เยื้องๆข้างหลังคนตัวเล็กที่กำลังอ่านหนังสือ ตาหวานๆไม่ต่างจากคนเป็นลูกชายมองร่างเล็กที่มัวแต่อ่านหนังสือจนไม่สนใจสิ่งรอบข้าง และเธอก็พอจะดูออกว่าหนังสือที่ร่างเล็กตรงหน้ากำลังอ่านคือหนังสือกฎหมายที่เจ้าตัวนั้นรักเหลือเกิน แววตาใสทอประกายอยากรู้อยากเห็นยามได้อ่านหนังสือเล่มนี้ เธอพิศมองแววตานั้นอย่างพิจารณาคิดอะไรบางอย่าง




    “ชอบมากหรอหนังสือกฎหมายเนี่ย” เธอเอ่ยขึ้นเรียบๆ ความที่ร่างเล็กไม่ทันได้ตั้งตัวและไม่ทราบว่ามีคนเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ทำให้ร่างเล็กสะดุ้งน้อยๆ เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากคนเป็นแม่




    “ครับ” เอ่ยตอบสั้นๆแต่หนักแน่นในคำตอบ แม้ในใจจะรู้สึกประหม่ากับการพูดคุยเรื่องนี้กับคนเป็นแม่




    “อยากจะเป็นอัยการให้ได้งั้นสิ” เธอเลิกคิ้วหยั่งเชิงถาม




    “ครับ” แววตามุ่งมั่นฉายแววออกมาผ่านเลนส์แว่น สร้างความมั่นใจให้กับร่างเพรียวในการเอ่ยประโยคหนึ่งออกมา




    “งั้นก็เรียนตามที่ลูกชอบเถอะ” ร่างเล็กได้ยินดังนั้นก็ถึงกับอึ้ง ไม่เคยคิดว่าจะได้ยินประโยคนี้จากปากแม่ เขามองหน้าแม่อย่างไม่มั่นใจว่าตนหูฝาดไปหรือเปล่า เรียกรอยยิ้มเอ็นดูขำๆปรากฏบนหน้าแม่




    “แม่พูดจริงหรอครับ” แววตาใสทอประกายตื่นเต้น รอยยิ้มค่อยๆปรากฏขึ้นบนใบหน้า




    “จริงสิ แม่จะโกหกทำไมล่ะ” ได้รับคำยืนยันดังนั้น ร่างเล็กโผเข้ากอดคนเป็นแม่แน่น มือบางกอดตอบลูกชาย รอยยิ้มดีใจฉายขึ้น เขาไม่ได้ยิ้มกว้างๆแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้วนะ




    “ขอบคุณครับแม่ ขอบคุณนะครับ” ปากบางพร่ำขอบคุณอย่างสุขใจ




    “ไม่ต้องมาขอบคงขอบคุณอะไรเยอะแยะหรอก เดี๋ยวก็หนีออกจากบ้านอีก” ร่างเล็กผละออกมองหน้าแม่อยากอึ้งๆที่รู้ทัน




    “แม่รู้?”




    “ปัดโธ่ เรื่องง่ายๆแค่นี้ทำไมจะไม่รู้” ร่างเล็กที่เมื่อรู้ว่าแม่รู้ทันทุกอย่างก็หน้ามุ่ย คนเป็นแม่หัวเราะน้อยๆ มือบางขยี้หัวอย่างเอ็นดูก่อนจะขอตัวจะได้ไม่รบกวนเวลาอ่านหนังสือลูก




    1 เดือนผ่านไป ณ คอนโดหรูติดถนนใหญ่ กันนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียงภายในห้องกว้างใหญ่สีขาวครีมอย่างเคยชิน หลังจากวันนั้นที่เขามานอนค้างคอนโดโตโน่วันเสาร์อาทิตย์เขาก็มักจะขออนุญาตพ่อและแม่มาที่นี่บ่อยๆ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่ได้ถึงกับคบหาเป็นแฟนกัน ซึ่งพ่อแม่ของกันก็ทราบดีว่าร่างสูงเป็นใคร ตอนแรกที่กันบอกแม่ก็ดูจะตกใจและเกือบจะให้เลิกยุ่งกับร่างสูงเพราะเป็นห่วงว่ากันจะมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องนี้จนเสียการเรียน แต่พอกันบอกว่าร่างสูงเป็นติวเตอร์คณิตศาสตร์ที่เรียนพิเศษแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร มิหนำซ้ำยังบอกให้กันคบคนนี้ไปเลยอีกด้วย ปากบางยกยิ้มขึ้นเมื่อคิดถึงเรื่องนั้น นึกขำแม่ตัวเองที่เปลี่ยนท่าทีอย่างไวเมื่อรู้ว่าร่างสูงเป็นใคร




    “ยิ้มอะไร” ร่างสูงในชุดลำลองที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำถามขึ้นเมื่อเห็นเด็กเนิร์ดของเขาเอาแต่ยิ้มอยู่กับหนังสือ ใบหน้าหวานเงยขึ้นมองก่อนจะตอบ




    “นึกถึงเรื่องที่แม่จะให้คบพี่โน่เฉยๆครับ” ร่างเล็กก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือต่อ ร่างสูงที่พอจะรู้เรื่องนี้จากกันมาบ้างยกยิ้มขึ้น ขายาวก้าวเข้าไปนั่งข้างเด็กเนิร์ดก่อนจะพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้หูเล็กๆแดงก่ำ




    “ก็คบมันซะเลยสิ ไหนๆแม่ก็อยากให้คบแล้ว” ร่างสูงแกล้งกระเซ้า




    “ระวังโดนข้อหาพรากผู้เยาว์นะครับ” ร่างเล็กพูดหยอกๆ




    “อ่าลืมไปว่ากำลังคุยกับว่าที่เด็กนิติฯสินะ แต่ไม่โดนหรอก เพราะกัน 18 แล้ว” ใบหน้าคมทำหน้าล้อเลียน ยักคิ้วเข้มกวนๆอย่างเหนือกว่า จนกันจิ๊ปากอย่างไม่จริงจังนัก




    “เบื่อคนรู้ทันจริงๆ” ร่างสูงยกยิ้มขึ้นก่อนจะเอ่ยถามย้ำเร่งเอาคำตอบ




    “ว่าไงคบไม่คบ”




    “คบก็คบสิ” ด้วยความดีใจ ร่างสูงรวบตัวร่างเล็กมากอดอย่างแรง กันที่เดิมทีเขินอยู่ก็เขินหนักกว่าเก่า แต่แกล้งโวยวายกลบเกลื่อน




    “ปล่อยเลยนะ ผมจะอ่านหนังสือ พรุ่งนี้สอบ GAT PAT แล้ว ถ้าผมสอบไม่ติดผมจะโทษพี่โน่” ร่างสูงยอมปล่อยแต่โดยดี ก่อนจะกระเถิบตัวออกมาข้างๆไม่ห่างมากนัก




    วันนี้เป็นวันศุกร์นักเรียนไปโรงเรียนกันหมด คอร์ส PAT1 ที่กันเคยเรียนช่วงเย็นก็จบคอร์สแล้ว เขาจึงมีเวลาหยุดอยู่กับเด็กเนิร์ดของเขาทั้งวัน โรงเรียนของกันอนุญาตให้นักเรียนชั้นม.6ทุกคนหยุด 1 สัปดาห์เพื่ออ่านหนังสือสอบ GAT PAT ที่จะมาถึงในวันพรุ่งนี้และยาวไปจนถึงกลางสัปดาห์หน้าหากใครจะสอบวิชา PAT อื่นๆ ตั้งแต่โรงเรียนอนุญาตให้หยุด กันก็มาขลุกตัวอยู่กับเขาทุกวัน บอกว่าเผื่อมีอะไรไม่เข้าใจจะได้ถามได้ ซึ่งเขาก็เต็มใจอย่างยิ่ง วันนี้จะพิเศษหน่อยก็ตรงที่กันจะมานอนค้างด้วยเพราะพรุ่งนี้จะได้ไปสอบ GAT PAT พร้อมกัน ซึ่งติวเตอร์อย่างเขาก็ต้องเข้าสอบด้วยเพื่อที่จะเอาแนวข้อสอบในแต่ละปีมาสอนเด็กๆในคลาสต่อๆไป




    “กันนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ไปสอบนอนดึกไม่ดีนะ” ร่างสูงเอ่ยเตือนเด็กเนิร์ดข้างๆที่ยังเอาแต่ท่องสูตรคณิตศาสตร์จนเวลาล่วงเลยมาถึง 4 ทุ่มแล้ว




    “แป๊บนึงพี่โน่ ขออีกรอบ รอบสุดท้ายแล้ว” มือเล็กเริ่มเปิดหนังสือตั้งแต่หน้าแรกตามหน้าที่ตนพับหัวมุมไว้ว่ามีสูตรต้องจำอย่างเร็วๆ ปากบางท่องขมุบขมิบ ร่างสูงเองก็ไม่ได้ว่าอะไร ปล่อยให้ร่างเล็กท่องจนเจ้าตัวมั่นใจว่าจำได้หมดจริงๆ ไม่นานก็ปิดหนังสือลงและเก็บใส่กระเป๋านักเรียน




    “นอนได้แล้ว” ร่างสูงจัดการปิดไฟที่หัวเตียงและล้มตัวลงนอนเป็นตัวอย่าง ร่างเล็กก็ทำตามอย่างว่าง่าย ตาหวานเหลือบมองชุดนักเรียนตัวเองที่แขวนไว้หน้าตู้เสื้อผ้าถัดออกไปจากโซฟา ย้ำเตือนว่าพรุ่งนี้เขาต้องใส่มันไปสอบแล้ว แม้จะเตรียมตัวมานานจนพร้อมแค่ไหนก็มิวายกังวลอยู่ดี




    เช้าวันรุ่งขึ้น


    “พี่โน่จะใส่ชุดนี้ไปสอบจริงๆหรอ” ร่างเล็กในชุดนักเรียนถามขึ้นเมื่อเห็นคนเป็นติวเตอร์อยู่ในชุดนักเรียนม.ปลายเหมือนกับเขา แต่หน้าอกขวาปักตราคนละโรงเรียนกับเขา




    “ก็ใช่น่ะสิ ทำไมอ่ะ พี่ก็ใส่ชุดนี้ไปสอบทุกปีนะ” ร่างสูงก้มลงสำรวจตัวเองอย่างงงๆว่าแปลกตรงไหน




    “ก็หน้าไม่ให้แล้วอ่ะ” ร่างเล็กพูดไปตามความคิดโดยไม่ทันตัวรู้ว่าตนเองหยอกล้อเล่นกับคนนี้ทั้งที่ไม่เคยหยอกล้อเล่นกับใครมาก่อนแม้แต่เพื่อนสนิทและร่างสูงเองก็รู้สึกได้ เขาอึ้งน้อยๆที่เด็กเนิร์ดของเขากล้าแซวเขาและแอบดีใจที่รู้ว่าเขาเป็นคนเดียวที่ร่างเล็กตรงหน้าหยอกล้อเล่นด้วย





    “เดี๋ยวนี้กล้าแซวพี่หรอออ” ร่างสูงเดินไปจับแก้มร่างเล็กบิดไปมาอย่างหมั่นเขี้ยว ใบหน้าหวานมุ่ยเมื่อโดนแกล้ง ทั้งคู่ออกจากคอนโดและโบกแท็กซี่ไปยังโรงเรียนแห่งหนึ่งที่จัดเป็นสนามสอบที่ทั้งคู่เลือกไว้




    โตโน่เลือกพากันมานั่งที่โต๊ะม้าหินอ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่ร่มรื่นบริเวณหน้าอาคารสอบหลังจากดูรายชื่อและสถานที่สอบเรียบร้อยแล้ว อากาศยามเช้าเย็นสบาย แสงแดดอ่อนๆไม่ได้ทำให้รู้สึกร้อน ลมเย็นพัดเฉื่อยๆ บริเวณโรงเรียนค่อนข้างเงียบเนื่องจากยังเช้านักเรียนจึงเดินทางมาถึงไม่มาก เหมาะแก่การอ่านหนังสือยิ่งนัก




    มือเล็กหยิบหนังสือเล่มเดิมขึ้นมาเปิดอ่าน แต่ร่างสูงขัดขึ้นเสียก่อน




    “พี่ว่ากันไม่ต้องอ่านคณิตแล้ว กันจำได้แล้วแหละ” ร่างเล็กเงยหน้ามองคนตรงข้ามอย่างงงๆว่ามารู้ดีกว่าตัวเขาได้ยังไง “แหม เมื่อคืนละเมอเป็นสูตรเลขขนาดนั้น สงสัยมันฝังอยู่ในซีรีบรัมแล้วแหละ” ได้ยินร่างสูงพูดดังนั้นก็รู้สึกอายๆแปลกๆ แต่ยังไม่อยากเชื่อด้วยกลัวว่าร่างสูงจะแกล้งอะไรหรือเปล่า




    “มั่วแล้ว กันไม่ได้ละเมอสักหน่อย” ร่างเล็กแกล้งปฏิเสธไว้ก่อน หยั่งเชิงว่าคนตรงหน้าพูดจริงหรือกำลังแกล้งเขากันแน่




    “ไม่มั่วอ่ะ เอ็กซ์กำลังสองส่วนเอกำลังสองบวกวายกำลังสองส่วนบีกำลังสองเท่ากับหนึ่ง วายกำลังสองส่วนเอกำลังสองลบเอ็กซ์กำลังสองส่วนบีกำลังสองเท่ากับหนึ่ง....พี่ยังลุกขึ้นมานั่งฟังตั้งนาน เป๊ะทุกสูตรเลยติวเตอร์คนนี้้รับรอง” ร่างสูงแกล้งทำเสียงงัวเงียเหมือนที่กันละเมอเมื่อคืน ใบหน้าหวานแดงก่ำเมื่อโดนล้อเลียน เขาจิ๊ปากเบาๆอย่างที่ชอบทำเวลาไม่พอใจที่โดนแกล้ง เรียกเสียงหัวเราะจากร่างสูงเมื่อเห็นกริยานั้น มือเล็กที่กำลังเปิดหนังสือก็ปิดมันลงทั้งๆที่ยังไม่ได้อ่าน




    “อ้าวไม่อ่านแล้วหรอ” ร่างสูงที่ยังคงหัวเราะถามขึ้นเมื่อเห็นร่างเล็กเก็บหนังสือเล่มนั้นลงกระเป๋าแล้วหยิบหนังสืออีกวิชาหนึ่งขึ้นมาแทน





    “ไม่อ่านแล่ว” น้ำเสียงเหวี่ยงๆยิ่งทำให้ร่างสูงขำหนักกว่าเดิม ร่างเล็กส่งค้อนวงโตมาให้




    เวลาจวนเจียนใกล้จะได้เวลาสอบวิชาแรกนั่นคือ GAT ร่างเล็กปิดหนังสือลงพร้อมกับถอนหายใจว่านี่จะเป็นการอ่านวิชานี้ครั้งสุดท้ายแล้ว เขาเก็บหนังสือทั้งหมดลงกระเป๋าเตรียมพร้อมขึ้นห้องสอบ ร่างสูงที่ไม่ได้ลงสอบวิชาแรกเนื่องจากเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับวิชานี้ยิ้มให้กำลังใจคนตัวเล็กที่ลุกขึ้นยืนเตรียมจะไปสอบแล้ว




    “สู้ๆนะ ขอให้ทำได้” ขายาวเดินอ้อมโต๊ะม้าหินไปหาร่างเล็ก รวบตัวเข้ามากอดให้กำลังใจ ร่างเล็กพยักหน้าหงึกหงักอยู่ที่ไหล่กว้าง ก่อนจะผละออกและเดินขึ้นห้องสอบไปตามที่ในบัตรสอบแจ้งไว้




    ชั้น3 ของอาคารเรียน ขาเล็กหยุดอยู่ที่หน้าห้องสอบตามที่บัตรสอบระบุไว้ เขาเดินเข้าไปเบียดเสียดกับนักเรียนคนอื่นที่กำลังมุงดูรายชื่อผู้เข้าสอบของห้องนี้และต่างกำลังหาชื่อของตนเองเพื่อให้แน่ใจว่ามาไม่ผิดห้อง ร่างเล็กเมื่อพบชื่อตนเองก็สบายใจ 




    เขาเลี่ยงที่จะยืนแออัดอยู่หน้าห้อง ขาเล็กชันเข่าบนที่นั่งริมระเบียง แขนเล็กเกาะราวระเบียงไว้ สายตาหวานภายใต้แว่นกลมทอดมองบรรยากาศข้างล่างที่เงียบสงบเนื่องจากนักเรียนได้ขึ้นห้องสอบไปหมดแล้วเหมือนต้องการจะผ่อนคลายก่อนเข้าห้องสอบ พลันสายตาสะดุดเข้ากับใครคนหนึ่งที่กำลังยืนยิ้มให้เขาอยู่หน้าอาคาร ร่างสูงของคนเป็นติวเตอร์ ยกมือขึ้นบ้ายบายเมื่อร่างเล็กเห็นตน มือเล็กยกขึ้นบ้ายบายตอบ 




    เสียงจากประชาสัมพันธ์ดังขึ้นให้นักเรียนเข้าห้องสอบได้ ร่างเล็กหันไปมองแถวยาวเหยียดอยู่หน้าห้องของนักเรียนที่ต่างกำลังรอการตรวจบัตรประชาชนรายคนก่อนเข้าห้องสอบ เขาหันกลับมามองลงไปข้างล่างเห็นร่างสูงชูสองนิ้วมาให้เหมือนจะบอกให้สู้ๆ ปากบางยกยิ้มตอบก่อนจะเดินไปต่อคิวยาวเหยียดนั่นเพื่อรอเข้าห้องสอบ สูดหายใจเข้าลึกๆเนื่องจากเป็นสนามสอบแรกจึงตื่นเต้นไม่น้อย




    “ค่อยๆก็ได้กันเดี๋ยวหนังสือขาด” ร่างสูงเตือนเมื่อเห็นร่างเล็กกำลังเปิดหนังสือหาอะไรบางอย่างอย่างเอาเป็นเอาตายหลังจากออกจากห้องสอบ คิ้วสวยขมวดเข้าหากัน มือเล็กที่ถือหนังสืออยู่สั่นน้อยๆเหมือนลุ้นในสิ่งที่หา




    “นี่ไง! เยส! ผมถูกๆ” ขาเล็กกระโดดเหย็งๆอย่างดีใจที่ตนเองตอบถูกหลังเช็กคำตอบจากในหนังสือแล้ว ร่างสูงอดขำไม่ได้กับกริยาท่าทางเหมือนเด็กน้อยแบบนั้น




    “ไปกินข้าวกันก่อนดีกว่า คนเยอะมากเลย เดี๋ยวจะไม่มีที่นั่ง” ร่างสูงจูงมือเล็กให้เดินตามไป ร่างเล็กเดินตามแต่โดยดีมืออีกข้างกดไล่อ่านเฉลยในทวิตเตอร์ที่พวกติวเตอร์สำนักต่างๆออกมาเฉลยให้ ปากบางยกยิ้มอย่างดีใจเมื่อตนเองตอบถูกหลายข้อ




    “ตอบถูกละสิยิ้มแบบนี้” ร่างสูงเห็นคนข้างๆยิ้มไ่ม่หยุดก็อดแซวไม่ได้ ร่างเล็กไม่ตอบเพียงแต่ยิ้มให้แทน




    หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จทั้งคู่ก็นั่งติววิชา PAT1 ที่จะสอบในวิชาต่อไปกันที่โรงอาหารเนื่องจากม้าหินที่นั่งในตอนเช้าถูกแย่งที่ไปแล้ว ภาพเด็กนักเรียนสองคนนั่งติวหนังสือพลางหยอกล้อกันที่ถึงแม้ว่าอีกคนจะพ้นวัยมานานแล้วแต่ถ้าไม่บอกก็คงไม่มีใครรู้คงเข้าใจว่าอายุเท่ากันทำให้ใครๆต่างอดชื่นชมในความน่ารักไม่ได้ บางคนก็อิจฉาที่ร่างสูงนั้นหล่อเหลือเกิน ส่วนร่างเล็กก็หน้าตาน่ารักเหมาะสมกัน บางคนที่จำร่างสูงได้ว่าเป็นติวเตอร์ก็ชี้ให้เพื่อนดูถกเถียงกันว่าใช่ไหม




    ถึงเวลาเข้าห้องสอบวิชา PAT1 กันและโตโน่แยกกันที่ชั้น2 สองคนกอดกันราวกับให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ก่อนที่ร่างสูงจะเดินขึ้นไปยังห้องสอบของตนเองที่อยู่ชั้น5




    สัญญาณหมดเวลาสอบดังขึ้น เด็กๆกรูกันออกจากห้อง บางคนดีใจที่เวลาของความทรมานหมดลงเสียทีวิ่งไปหยิบกระเป๋าแล้วก็วิ่งออกไปเลย บางคนเดินออกมาจากห้องสอบงงๆเพราะเพิ่งตื่น บางคนหน้านิ่วคิ้วขมวดปวดหัวกับข้อสอบที่ยากเกินมนุษย์มนา กันจัดอยู่ในประเภทหลัง มือเล็กคว้ากระเป๋าอย่างมึนๆเดินลงไปรอหน้าตึกที่นัดกับโตโน่ไว้ ตาหวานสอดส่ายหาคนที่รอคอยที่ปะปนมากับเด็กนักเรียนจำนวนมากหลากหลายสถาบัน




    “ไปไงทำได้ไหม” ร่างสูงเดินฝ่าฝูงชนออกมาหาร่างเล็กที่คิ้วยังผูกกันไม่คลายด้วยท่าทีที่สบายๆ




    “ดูหน้าผมสิ” นิ้วเรียวชี้ให้ดูที่หน้าตัวเอง หน้าหวานมึนๆอึนๆของร่างเล็กทำให้ร่างสูงขำ




    “เอาเถอะๆ เดี๋ยวจะเฉลยให้ทุกข้อเลย มานั่งนี่มา” ร่างสูงจูงมือเล็กให้เดินตามเนื่องจากเกรงว่าถ้าปล่อยให้เดินตามเฉยๆคงหลงหายไปกับฝูงชนแน่ๆดูจากหน้าอึนๆนั่นแล้ว




    ร่างสูงพามาหยุดที่ม้าหินอ่อนเมื่อเช้าที่ตอนนี้ว่างแล้ว มือใหญ่หยิบกระดาษเอสี่เปล่าขึ้นมา 1 ใบขีดๆเขียนๆอยู่นาน ร่างเล็กมองตามรอยดินสอที่คนตรงหน้าเขียนแต่ความมึนงงไม่หายกับข้อสอบทำให้เขายังไม่อยากสนใจอะไรทั้งสิ้นในตอนนี้ หัวทุยฟุบลงกับโต๊ะม้าหินอย่างอ่อนแรง ร่างสูงก็ไม่ได้ว่าอะไร มือหนายังคงขีดๆเขียนๆต่อไปอย่างเร็วเพราะกลัวว่าข้อสอบที่จำออกมาจะลืมเสียก่อน




    แสงสีส้มบ่งบอกเวลาสนธยาดวงอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้า บริเวณรอบข้างเงียบสงัด มีเพียงเขาสองคนที่ยังคงนั่งอยู่ที่ม้าหิน ร่างสูงเขียนเสร็จนานแล้ว แต่เห็นว่าร่างเล็กกำลังหลับจึงไม่อยากปลุก รอให้คนตัวเล็กตื่นเอง หัวทุยขยับน้อยๆ ตาหวานค่อยๆลืมขึ้น นี่เขาเผลอหลับไปตอนไหน




    “ตื่นแล้วหรอ” เสียงทักทายดังขึ้นเมื่อเห็นว่าร่างเล็กตื่นแล้ว




    “นี่ผมหลับไปตอนไหนเนี่ย” ร่างเล็กลุกขึ้นนั่งตัวตรงปกติ มือเล็กขยี้ตาผ่านกรอบแว่นสีดำไล่ความง่วง




    “หลับตั้งแต่มานั่งแล้ว อ่ะนี่ เฉลยเสร็จแล้ว พร้อมจะมาดูหรือยัง” มือใหญ่หยิบกระดาษเอสี่ที่เต็มไปด้วยลายมือขยุกขยิกเต็มแผ่นไปหมดขึ้นมาวางบนโต๊ะ ตบเก้าอี้ข้างๆตัวพร้อมเรียกให้มานั่งดูใกล้ๆ ซึ่งกันก็ตามมานั่งอย่างว่าง่าย “ข้อหนึ่งตรรกศาสตร์ที่เป็นตารางเยอะๆตอบข้อสามที่เป็นงี้ ถูกเปล่า” ร่างสูงถามพลางชี้ให้ร่างเล็กดูตาม ใบหน้าหวานพยักขึ้นลงหงึกๆ “ข้อสองเรื่องตรรกศาสตร์เหมือนกัน ตอบ4.ผิดทั้งสองข้อ” มองหน้าร่างเล็กอย่างต้องการคำตอบ ใบหน้าหวานนิ่งไปเหมือนกำลังนึกอะไรบางอย่างก่อนจะพยักหน้าว่าตนเองตอบถูก




    ร่างสูงถามไปเรื่อยๆจนข้อกาหมดเหลือแต่ข้อเขียน ร่างเล็กนั่งหน้ามุ่ยหลังจากฟังเฉลย ถูกบ้างผิดบ้างสลับกันไป แอบเซ็งที่อุตส่าห์อ่านมาตั้งเยอะแต่ดันทำไม่ค่อยได้ มือใหญ่ตบบ่าเบาๆเชิงปลอบใจว่าถ้ากันทำไม่ได้คนอื่นก็ต้องทำไม่ได้เหมือนกันอย่าคิดมากไปเลย ร่างสูงไม่รอช้า เฉลยข้อเขียนต่อ




    “ข้อแรกไม่ยากนะ ทำได้ไหมตอบ 5” ใบหน้าคมหันไปถามร่างเล็กที่มองกระดาษเฉลยอย่างนิ่งๆเหมือนใช้ความคิด ใบหน้าหวานหันมองคนเป็นติวเตอร์เหมือนจะบอกว่าตนไม่ได้ตอบแบบนี้ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อใบหน้าห่างกันแค่นิดเดียว สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นของกันและกัน หัวใจเต้นแรงระส่ำราวกับว่าจะหลุดออกมา แรงดึงดูดบางอย่างทำให้ไม่สามารถละออกไปได้ ไม่รู้ว่าใบหน้าคมหรือใบหน้าหวานกันแน่เคลื่อนเข้าหาอีกฝ่าย ริมฝีปากหนาประกบกับริมฝีปากบางอย่างนุ่มนวล ทั้งคู่หลับตาลงรับความรู้สึก ความหอมหวานทำให้ทั้งคู่ไม่สามารถละออกจากกันได้ ร่างสูงพยายามสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากเล็ก ทำให้ร่างเล็กเริ่มรู้สึกตัว เขารีบผลักร่างสูงออก




    “เอ่อ...พี่ขอโทษนะ” ร่างสูงเอ่ยขอโทษอย่างรู้สึกผิดหลังจากสติกลับมาครบถ้วน




    “ไม่เป็นไรครับ เฉลยต่อเถอะ” ร่างเล็กก้มหน้านิดๆไม่กล้าสบตาร่างสูง แก้มใสขึ้นสีอย่างน่ารัก ร่างสูงแอบอมยิ้มกับท่าทีเขินอายนั้น แล้วเฉลยต่อจนตอนนี้ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว ทั้งคู่เดินเล่นอยู่ริมถนนที่เป็นทางกลับคอนโด ท่าทีหยอกล้อกันสนุกสนานทำให้คนผ่านไปผ่านมาต้องยิ้มในความน่ารัก




    วันกำหนดประกาศผลสอบ GAT PAT กันนั่งอยู่หน้าจอแมคบุ๊คในคอนโดร่างสูงข้างๆมีติวเตอร์หนุ่มนั่งอยู่ไม่ห่าง มือเล็กที่คีย์เลขประจำตัวประชาชนอยู่สั่นอย่างเห็นได้ชัด ลากเม้าส์มาวางตรงปุ่มกดดูคะแนนสอบหลังจากกรอกรายละเอียดหมดแล้ว




    “กดสิกัน” โตโน่ที่เห็นคนตัวเล็กไม่ยอกกดเข้าไปดูสักทีก็เร่งให้กด




    ร่างเล็กสูดลมหายใจเข้าทีหนึ่งอย่างเรียกกำลังใจก่อนจะกดดู เมื่อหน้าจอปรากฏผลคะแนนใบหน้าหวานก็ก้มเข้าไปดูใกล้ๆรวมถึงร่างสูงด้วย เมื่อเห็นคะแนนเป็นที่น่าพอใจก็กระโดดกอดร่างสูงเฮลั่น มีความหวังที่จะติดคณะที่ฝันขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง




    แต่ก็ดีใจได้ไม่นานเมื่อไม่กี่วันต่อมาเขาต้องสอบ7วิชาสามัญต่อ บรรยากาศเดิมๆกลับมาอีกครั้ง เขาต้องอ่านหนังสืออย่างหนักเพื่อเอาคะแนนไปรวมกับ GAT PAT ในการเข้าคณะที่เขาต้องการ ไม่นานผลสอบก็ออกมาและเป็นที่น่าพอใจอีกครั้ง




    วันประกาศผลคณะนิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยที่เขาสมัคร กันนั่งอยู่หน้าแมคบุ๊คตัวเดิม ที่เดิม ที่เจ้าตัวบอกว่าขลังเพราะไม่ว่าผลสอบอะไรที่มาเปิดดูที่ตรงนี้ก็มักจะโชคดีเสมอ ร่างสูงยืนเท้าเก้าอี้ตัวที่กันนั่งอยู่ข้างหลังคอยมองตามหน้าเว็บประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกที่กันค่อยๆเลื่อนลงและอ่านแต่ละชื่ออย่างรอบคอบ ตาหวานพยายามมองหาชื่อตัวเอง จนเหลือแผ่นสุดท้าย มือเล็กหยุดเลื่อนเม้าส์ สูดลมหายใจเข้าลึกๆเรียกกำลังใจ ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ชื่อๆหนึ่ง ‘นภัทร อินทร์ใจเอื้อ’




    เหมือนโลกหยุดหมุนกันอ่านชื่อนั้นซ้ำไปซ้ำมาให้แน่ใจว่าไม่ผิดแน่ๆ เขาเงยหน้ามองร่างสูงที่ยิ้มให้เขาอยู่ก่อนแล้ว น้ำตาแห่งความดีใจเอ่อล้นออกมาจากดวงตาหวาน ลุกขึ้นโผกอดร่างสูงแน่น




    “ผมทำได้แล้วๆๆ” ร่างสูงเองก็ดีใจกับกันไม่น้อย กอดตอบกันอย่างมีความสุข




    “กันโทรไปบอกพ่อกับแม่สิ ท่านต้องดีใจมากแน่ๆ” มือใหญ่หยิบโทรศัพท์ของร่างเล็กส่งให้หลังจากเจ้าตัวดีใจจนโทรศัพท์ข้าวของกระจายไปหมด มือเล็กรับโทรศัพท์มาก็กดโทรหาแม่ทันที มือยังไม่หายสั่น น้ำตาที่หยุดไหลไปแล้วกลับมาไหลอีก ร่างสูงมองภาพนั้นอย่างเอ็นดู




    “พ่อกับแม่ดีใจมากเลย บอกจะจัดปาร์ตี้ให้ด้วย” กันพูดยิ้มๆ ก่อนจะเข้าไปกอดร่างสูงอีกที “ขอบคุณนะครับพี่โน่ ขอบคุณที่ทำให้กันมีวันนี้ ขอบคุณที่อยู่ข้างกันมา” มือใหญ่ลูบกลุ่มผมนุ่มตอบ




    “ถ้างั้นขออยู่ข้างกันตลอดไปได้หรือเปล่า” ใบหน้าหวานเงยหน้าขึ้นมาตอบ




    “พูดแล้วก็ทำให้ได้ล่ะ” มือใหญ่รั้งหัวทุยให้มาซบอกอย่างหมั่นเขี้ยว ทั้งคู่กอดกันอย่างมีความสุข




    กัน

    จะว่าไปแล้วปีนี้จะว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงชีวิตครั้งยิ่งใหญ่ของผมก็เป็นได้ มีอะไรหลายอย่างเข้ามาและก็เปลี่ยนไปเสียหมด ดูอย่างแม่ผมสิครับท่านเคยยอมให้ผมเรียนคณะอื่นที่ไหนนอกจากแพทย์ อยู่ดีๆก็เปลี่ยนใจให้เรียนได้ซะงั้น คณะที่อยากเข้าแต่ใจคิดมาตลอดว่าอาจเกินเอื้อมก็เข้าได้ ผมตามหาความฝันสำเร็จไปอีกขั้น และที่ขาดไม่ได้ คนๆหนึ่งที่เข้ามาในชีวิตผมแบบที่ไม่คิดว่าจะเกี่ยวข้องกันได้ ใครจะคิดว่าติวเตอร์โรงเรียนกวดวิชากับลูกศิษย์จะมารักกันได้ น่าตลกสิ้นดี แต่มันก็เป็นไปแล้ว และผมก็ไม่คิดว่าจะรักใครคนหน่งได้มากขนาดนนี้ด้วย....พี่โน่



    __________________________________________________________________________________


    อักษรนารา


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×