คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Grade Twelve I
GRADE TWELVE I
ตึกสูงระฟ้าใจกลางเมืองหลวง ที่นี่รวบรวมสำนักติวเตอร์โรงเรียนกวดวิชาชื่อดังของเมืองไทยไว้มากมาย เด็กนักเรียนเดินเข้าเดินออกพลุกพล่านประหนึ่งที่นี่เป็นแหล่งรวมแฟชั่นชั้นนำ ยิ่งช่วงปิดเทอมตุลาคมแบบนี้ยิ่งพลุกพล่านไปกันใหญ่ เรียกได้ว่าเป็นสถานที่คุ้นเคยสำหรับเด็กมัธยมยุคนี้เลยก็ว่าได้ รวมถึง ‘กัน’ เด็กหนุ่มชั้นม.6 ของโรงเรียนชื่อดังย่านใจกลางกรุงเทพมหานคร
ขาเล็กก้าวขึ้นบันไดเลื่อนอย่างเร่งรีบเพื่อไปเรียนวิชาคณิตศาสตร์ให้ทันหลังจากที่เขาลงทะเบียนจองเวลากระชั้นชิดจากวิชาที่แล้ว มิหนำซ้ำติวเตอร์วิชาที่แล้วยังปล่อยเลทอีกด้วย การเข้าเรียนสายตั้งแต่วันเปิดคอร์สคงไม่ดีแน่ๆ
“ขอโทษครับ” เอ่ยปากขออนุญาตเข้าห้องเรียนขนาดกลางเมื่อเห็นว่าติวเตอร์กำลังจะเริ่มสอนแล้ว การมาสายของเขากลายเป็นเป้าสายตาของเพื่อนๆร่วมคอร์สพอสมควร แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ รีบเดินเข้าไปนั่งที่ที่ตนเองจองไว้เมื่อตอนลงทะเบียน นั่นก็คือแถวหน้าสุด
มือเล็กถอดกระเป๋าสะพายข้างสีดำไว้บนตักหยิบหนังสือติววิชาคณิตศาสตร์และอุปกรณ์เครื่องเขียนออกมาวางบนโต๊ะเลกเชอร์แล้ววางกระเป๋าลงข้างขาตนเอง นิ้วเรียวขยับแว่นกลมสีดำให้เข้าที่พร้อมตั้งใจฟัง
“สวัสดีครับเด็กๆทุกคน ยินดีต้อนรับเข้าสู่คอร์สคณิตศาสตร์ม.ปลายเพื่อพิชิต PAT1 (แพท1)* นะครับ ครูชื่อครูพี่โตโน่นะครับ เรียกสั้นๆว่าครูพี่โน่ก็ได้ หลายคนอาจจะรู้จักกันแล้วในคอร์สก่อนๆ หลายคนอาจจะเพิ่งรู้จักกันวันนี้ อ่ะไม่เป็นไร ค่อยๆทำความรู้จักกันไปแล้วกันเนอะ คอร์สนี้ยังอีกยาวไกล...” ติวเตอร์หนุ่มกล่าวทักทายเด็กๆในคอร์สอย่างชำนาญการและเป็นกันเอง ทำให้เด็กๆผ่อนคลายลงบ้าง
เด็กๆหลายคนหัวเราะไปกับมุขตลกของติวเตอร์ที่พยายามสรรหามาให้เด็กๆไม่เครียดเกิดไประหว่างเรียน แต่ไม่ใช่ ‘กัน’ ใบหน้าหวานภายใต้กรอบแว่นสีดำนั้นเรียบเฉย จนคนเป็นติวเตอร์แปลกใจไม่น้อยกับท่าทีเคร่งขรึมเกินอายุแบบนั้น
“ทีนี้มาดูเรื่องที่ออกสอบกันก่อน เด็กๆเปิดไปหน้า 3....หน้า 3 เห็นไหม ไฮไลท์เลย เรื่องที่ออกสอบเยอะที่สุดคือเรื่องลำดับและอนุกรม* ขีดตามนะ...” ติวเตอร์หนุ่มขีดไฮไลท์ให้ดูเป็นตัวอย่างบนจอสัมผัสทันสมัยที่ฉายขึ้นโปรเจกเตอร์ให้นักเรียนได้ดูกันอย่างชัดๆทั่วถึง
“เอ้าพอเท่านี้ก่อน ไปพักได้” สิ้นประโยคอนุญาตจากติวเตอร์ เสียงเฮลั่นจากเด็กๆที่รอคอยเวลาพักเบรกมานานก็ดังขึ้นทันที “ให้เวลาพัก 10 นาทีนะ กลับมาให้ตรงเวลากันด้วย” ย้ำกับเด็กๆอีกรอบ
เป็นเรื่องปกติสำหรับเด็กๆที่เวลาพัก บางคนจะเข้าห้องน้ำ บางคนก็จับกลุ่มคุยกับเพื่อน บางคนลงไปซื้อขนม สิ่งเหล่านี้กลายเป็นสิ่งชินตาสำหรับติวเตอร์อย่างโตโน่ไปแล้ว แต่แล้วตาคมก็ไปสะดุดกับใครบางคนที่ไม่ได้ลุกไปไหนอย่างเพื่อนคนอื่น เอาแต่นั่งอยู่กับที่ นิ้วเรียวจับดินสอเขียนอะไรบางอย่างขยุกขยิกบนหนังสือติว คิ้วสวยขมวดเข้าหากันอย่างคนใช้ความคิด แววตามุ่งมั่นเอาจริงเอาจัง
ร่างสูงของคนเป็นติวเตอร์พินิจมองเด็กคนนี้อย่างสนใจ ใบหน้าเรียวเล็ก คิ้วสวยได้รูป ดวงตาหวานภายใต้กรอบแว่นกลมสีดำไม่ได้ถูกบดบังแม้แต่น้อย จมูกโด่งเป็นสัน ปากเล็กบางสีแดง ผมที่ไม่ได้เซททำให้ปอยผมปรกลงบนหน้าผากมน เด็กคนนี้ทำให้เขาต้องมนตร์สะกดได้ เพราะอะไรกันนะ
สายตาคมจ้องมองเด็กคนนี้ไม่วางตา อากัปกิริยาทุกอย่างอยู่ในสายตาเขาทุกอย่าง อยู่ดีๆมือเล็กๆนั่นก็วางดินสอลง หัวทุยๆฟุบหน้าลงไปกับโต๊ะเลกเชอร์ ท่าทางคงจะเพลียสินะ
“เอ้าเด็กๆได้เวลาเรียนแล้ว กลับเข้ามาๆ” ข้อมือใหญ่ยกนาฬิกาขึ้นดูหลังจากครบ 10 นาทีแล้ว ก่อนจะเรียกให้เด็กๆกลับเข้าประจำที่เพื่อเรียนต่อ ตาคมลอบมองเด็กคนนั้นก็เห็นว่าเงยหน้าขึ้นมาพร้อมเรียนแล้ว เขาจึงไม่รอช้าที่จะสอนต่อ “เมื่อกี้เรามาทำความรู้จักข้อสอบ PAT1 ไปแล้ว ทีนี้ลองมาดูเรื่องเซต*กัน จำได้ไหมเรื่องเซต เรียนไปตอนม.4......อย่าทำหน้างั้นสิลูก พี่ใจไม่ดีเลย” ได้ยินเสียงหัวเราะของเด็กๆตอบกลับมา “เซตมีสัญลักษณ์...”
20:00 น. เลิกเรียน เด็กๆทยอยกันออกจากห้อง ร่างสูงของคนเป็นติวเตอร์ก็เช่นกัน เขาเก็บอุปกรณ์การสอนให้เรียบร้อย กะว่าจะทำความรู้จักกับเด็กคนนั้น แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกที เด็กคนนั้นก็ไปแล้ว เขานึกเสียดายขึ้นมา แต่ไม่เป็นไร เพราะเราคงได้เจอกันอีกยาว
วันรุ่งขึ้น
ศูนย์อาหารชั้น2 ภายในอาคารเรียนแห่งนี้พลุกพล่านไปด้วยนักเรียนและผู้ปกครองที่มารอส่งบุตรหลานเข้าเรียน บางคนไม่ได้ทานข้าวเช้ามาจากที่บ้านก็อาศัยมาฝากท้องที่นี่ ร่างสูงก็เช่นกัน เขาเดินเข้ามายังร้านประจำและทันทีที่ป้าคนขายเห็นหน้าเขาก็พอจะรู้ว่าเขาต้องการอะไร แกยิ้มแย้มทักทายลูกค้าประจำอย่างคนอัธยาศัยดีก่อนจะตักข้าวต้มปลาให้อย่างทุกวัน
มือหนาวางชามข้าวต้มลงบนโต๊ะประจำก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งตามอย่างสบายอารมณ์ คอร์สช่วงเช้าของวันนี้เริ่มสายพอสมควร เขาจึงไม่ได้รีบมากนัก ตักข้าวต้มร้อนๆเข้าปากอย่างผ่อนคลาย สายตาคมทอดออกไปนอกกระจกบานใหญ่มองลงไปเบื้องล่าง ภาพเด็กๆวัยรุ่นเดินลงจากรถไฟฟ้ากำลังเดินเข้าตึกแห่งนี้กลายเป็นภาพชินตาสำหรับเขาไปแล้ว
แต่แล้วเขาก็ต้องสะดุดตากับเด็กคนหนึ่ง เด็กแปลกจากเพื่อนที่เรียนกับเขาเมื่อวาน ใบหน้าหวานภายใต้กรอบแว่นดำ วันนี้เด็กคนนั้นอยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาว กางเกงขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบสีขาว สะพายกระเป๋าข้างสีดำใบเดิม กำลังเดินเข้าตึกแห่งนี้ปะปนมากับเด็กคนอื่นๆ
“มาเรียนแต่เช้าเลยนะ” ร่างสูงพูดเบาๆกับตนเองก่อนจะลุกออกจากที่เมื่ออิ่มแล้ว เตรียมกดลิฟต์ขึ้นไปยังชั้น12 ของอาคารที่โรงเรียนกวดวิชาของเขาตั้งอยู่
ประตูลิฟต์เปิดออก ทำเอาร่างสูงตกใจไม่น้อย เมื่อเด็กแปลกของเขายืนเบียดเสียดอยู่ในนั้นอยู่ก่อนแล้ว เขายิ้มให้น้อยๆก่อนจะก้าวเข้าไปยืนข้างๆเด็กคนนั้นที่ตกใจไม่แพ้กัน เขารีบยกมือไหว้ติวเตอร์ของเขาก่อนจะยิ้มตอบบางๆ รอยบุ๋มปรากฏบนแก้มเนียน นี่เป็นครั้งแรกที่ร่างสูงเห็นเด็กคนนี้ยิ้ม รอยยิ้มของเขาสวยจัง แม้จะเป็นเพียงยิ้มน้อยๆก็ตาม ร่างสูงคิดในใจ
เด็กคนนั้นยกมือไหว้เขาอีกรอบเมื่อประตูลิฟต์ชั้น6 เปิด ก่อนที่จะเดินออกไป คงมีเรียนวิชาอื่นก่อนสินะ
“5 โมงเย็นเจอกันนะ” นี่เป็นประโยคแรกที่ติวเตอร์หนุ่มพูดกับเขา ทันเห็นเด็กคนนั้นที่เดินออกไปได้ไม่ไกลหันกลับมามองแล้วพยักหน้ายิ้มให้ทีหนึ่งก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิดลง
17:00 น. ติวเตอร์หนุ่มก้าวเข้ามาในห้องเรียนที่เด็กๆนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ตาคมเหลือบมองที่นั่งที่ว่างเปล่าอยู่ที่หนึ่ง มาสายอีกแล้วหรอ
“มา ต่อจากเมื่อวานนะ เราจะไปกันอย่างรวดเร็วเพราะเราเรียนมาหมดแล้ว พี่จะทวนให้คร่าวๆเฉยๆนะ เมื่อวานจบที่ตรรกศาสตร์*ใช่ไหม...” ติวเตอร์หนุ่มสไลด์ไฟล์ PDF ไฟล์เดียวกับหนังสือเรียนในจอสัมผัสให้นักเรียนเปิดหนังสือตาม
“ขออนุญาตครับ” เสียงเดิมดังขึ้นที่ประตูห้องเบาๆพอให้เป็นมารยาทไม่ให้รบกวนการเรียนการสอนภายในห้อง ก่อนที่ติวเตอร์หนุ่มจะพยักหน้าเบาๆเชิงอนุญาต แล้วดำเนินการสอนต่อไปไม่ให้สะดุด ร่างเล็กก้มตัวน้อยๆเมื่อเดินแทรกผ่านหน้าเพื่อนร่วมคอร์สเพื่อไปยังที่นั่งตนเอง จัดการหยิบหนังสือวิชาคณิตศาสตร์ขึ้นมา ตาหวานเลยหน้ามองจอฉายโปรเจกเตร์ขนาดใหญ่เพื่อเปิดหนังสือตาม
“เด็กๆอย่าลืมที่พี่บอกนะ พี่บอกว่าไง เรื่องเซตกับตรรกศาสตร์...” ติวเตอร์หนุ่มเว้นวรรคให้เด็กๆก่อนที่เด็กๆจะตอบกลับมาอย่างไม่พร้อมเพรียงกันนัก “เรื่องเซตกับตรรกศาสตร์ออกทีละข้อสองข้อแต่ต้องเก็บคะแนนนให้ได้นะ อย่าลืมๆ” ย้ำเตือนเด็กๆอีกรอบเพื่อให้เห็นว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นเรื่องสำคัญ
“ทีนี้วันนี้จะขึ้นเรื่องจำนวนจริง* จำนวนจริงแบ่งออกเป็น...” และการเรียนการสอนก็ดำเนินต่อไป ติวเตอร์หนุ่มเล่าเรื่องที่ไปเจอมาให้เด็กๆฟังบ้าง นินทาเด็กๆคอร์สที่แล้วให้ฟังบ้าง เพื่อที่เด็กๆจะได้ไม่เครียดจนเกินไป
20:00 น. เวลาที่เด็กๆรอคอย รวมถึง ‘กัน’ ทุกคนรีบเก็บของเพื่อที่จะได้รีบกลับบ้าน แต่เด็กหนุ่มตาหวานใส่แว่นกลับบรรจงเก็บอย่างไม่รีบ จนเพื่อนๆออกไปจนหมดห้องแล้ว กันกลับเพิ่งลุกจากเก้าอี้มือเล็กๆคว้ากระเป๋าที่วางไว้ข้างโต๊ะขึ้นมาสะพายข้าง ติวเตอร์หนุ่มอดแปลกใจในตัวเด็กคนนี้ไม่ได้ เด็กคนนี้ไม่เหมือนเด็กคนอื่นจริงๆ ชักอยากจะรู้จักให้มากกว่านี้แล้วสิ
หลังจากจบการสอนในวันนี้ กว่าติวเตอร์หนุ่มจะเก็บของเสร็จ กว่าจะดูแลความเรียบร้อย ออกมาอีกทีเด็กแปลก (ในความคิดเขา) คนนั้นก็หายไปแล้ว นึกเสียดายขึ้นมา รู้อย่างนี้น่าจะทักเสียตั้งแต่ตอนอยู่ในห้องเรียน เขาไม่ได้สนใจ ขายาวก้าวลงบันไดเลื่อน ก่อนบางอย่างที่ชั้น3 จะทำให้เขาสะดุดตา บางทีโชคอาจจะเข้าข้างเขา ตาคมเหลือบไปเห็นเด็กคนนั้นนั่งอยู่ในร้านกาแฟกำลังสั่งอะไรกับพนักงานสักอย่าง ร่างสูงของคนเป็นติวเตอร์ไม่รอช้า รีบเดินตามเด็กคนนั้นเข้าไป
“พี่นั่งด้วยได้ไหม” เอ่ยขออนุญาตเด็กน้อยที่ดูจะตกใจเมื่อเห็นติวเตอร์หนุ่ม มือเล็กรีบพนมมือไหว้ ก่อนจะพยักหน้าน้อยๆ
“เอ่อ..ครูจะสั่งอะไรครับเดี๋ยวผมสั่งให้” เด็กหนุ่มถามอย่างสุภาพ เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากร่างสูง
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่จัดการเอง อ้อแล้วก็เรียกพี่โน่ก็ได้ ไม่ต้องเรียกครูหรอก คนอื่นเขาก็เรียกพี่โน่กันทั้งนั้น” ร่างสูงลุกออกไปที่เคาน์เตอร์เพื่อสั่งกาแฟ
เขาเดินกลับมานั่งตรงข้ามเด็กหนุ่มหลังจากสั่งเสร็จ เห็นเด็กหนุ่มคนนั้นหยิบหนังสือที่เรียนกับเขาวันนี้ขึ้นมา กำลังทบทวนสิ่งที่เขาสอนไปวันนี้ อดชื่นใจไม่ได้ ขยันจังนะเด็กคนนี้ เห็นแบบนี้ก็ไม่อยากรบกวน ได้แต่นั่งมองเงียบๆ กระทั่งกาแฟสองแก้วที่ร่างสูงจำได้ว่าแก้วหนึ่งตนเองเป็นคนสั่งเอง พร้อมกับเค้กช็อคโกแลตถูกนำมาเสิร์ฟ เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะวางหนังสือไว้ริมโต๊ะด้านขวาเพื่อให้พนักงานเสิร์ฟได้วางสะดวก เอ่ยขอบคุณก่อนที่พนักงานจะเดินกลับไป
“เป็นเด็กเป็นเล็กหัดกินกาแฟหรอเนี่ย” เสียงทุ้มของร่างสูงเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเด็กหนุ่มที่คาดว่าอายุยังไม่ถึง 18 ดีกำลังจิบกาแฟเย็น ทำให้ตาหวานเลิกมองขึ้น
“ไม่กินแล้วคืนนี้จะอยู่อ่านหนังสือยังไงไหวล่ะครับ” มือเล็กวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ ก่อนสายตาจะจ้องมองหนังสือเรียนที่เปิดค้างไว้ข้างขวาของโต๊ะอีกครั้ง
“นี่ ไม่ต้องขยันเอาใจพี่ขนาดนั้นก็ได้นะ กินก่อนเถอะ ค่อยอ่าน” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างเอ็นดู
“ผมก็อ่านของผมแบบนี้อยู่แล้ว ไม่ใช่เฉพาะวิชาพี่หรอกครับ” มือซ้ายจับช้อนตักเค้กช็อคโกแลตเข้าปาก สายตาไม่ได้ละไปจากหนังสือเลย อืม ถนัดซ้ายสินะ
“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้มั้ง ค่อยอ่านตอนก่อนเข้าเรียนหรือไม่ก็ที่บ้านก็ได้”
“ไม่มีเวลาหรอกครับ ยังมีวิชาอื่นรออยู่” ชีวิตเด็กสมัยนี้ต้องเรียนหนักขนาดนี้เชียวหรอ ร่างสูงคิดในใจ
“เออว่าแต่เราชื่ออะไรล่ะ จะได้เรียกถูก” ร่างเล็กๆเงยหน้าขึ้นก่อนจะตอบพร้อมโชว์ลักยิ้มที่แก้ม
“กันครับ”
“แล้วนี่กลับบ้านยังไงเนี่ย ดึกแล้วนะเนี่ย”
“อ่อ กลับรถไฟฟ้าครับ” นิ้วเรียววางช้อนหลังจากทานหมดแล้ว ทำให้ร่างสูงอดแซวไม่ได้
“กินเค้กตอนกลางคืนเดี๋ยวก็อ้วนหรอก” เด็กหนุ่มยิ้มน้อยๆก่อนจะตอบ
“ก็ผมไม่ได้กินข้าวเย็นหนิครับ” ได้คำตอบดังนั้นทำเอาร่างสูงแปลกใจไม่น้อย
“แล้วทำไมไม่กินล่ะ”
“ไม่มีเวลาครับ กว่าจะเลิกเรียนคอร์สบ่ายก็ 5 โมงแล้ว แถมคอร์สพี่ยังเริ่ม 5 โมงอีก อย่าว่าแต่กินข้าวเลย แค่ไปเรียนให้ทันยังยากเลยครับ” เด็กหนุ่มตอบยิ้มๆอย่างเป็นเรื่องปกติสำหรับเขา แต่สำหรับติวเตอร์หนุ่มที่ไม่คิดว่าเด็กมัธยมจะต้องเรียนหนักขนาดนี้ก็ต้องทำให้เขาอึ้งไม่น้อย ไหนจะเรียนตอนเช้าอีกล่ะ
“เรียนหนักขนาดนั้นเลยหรอ” อดสงสารไม่ได้ ยุคนี้กว่าจะเข้ามหาลัยได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ
“ชินแล้วครับ” เด็กหนุ่มบอกยิ้มๆ ก่อนจะเก็บของ “ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”
“เดี๋ยวพี่ไปส่ง” ประโยคของติวเตอร์หนุ่มทำเอาเด็กน้อยงง คิ้วสวยเลิกขึ้นอย่างแปลกใจ “ดึกแล้ว กลับคนเดียวอันตราย” ขายาวก้าวนำหน้าเด็กหนุ่มก่อนจะไปจ่ายตังค์ที่เคาน์เตอร์ “มื้อนี้พี่เลี้ยงนะ”
กันที่เดินตามมาทีหลังรีบปฏิเสธทันควัน “ไม่เป็นไรครับๆ ผมจ่ายเอง” มือเล็กล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบกระเป๋าตังค์ออกมา กำลังจะควักแบงค์ห้าร้อย แต่โดนมือใหญ่จับไว้ก่อน
“ไม่เป็นไร พี่จ่ายเอง” เมื่อคนเป็นติวเตอร์บอกดังนั้น เด็กหนุ่มก็ไม่กล้าขัดอะไรอีก ได้แต่ยกมือไหว้ขอบคุณ
สถานีบีทีเอส
“พี่ส่งผมตรงนี้ก็ได้ครับ เดี๋ยวผมเดินไปอีกนิดเดียวก็ถึงหมู่บ้านแล้ว ขอบคุณนะครับที่มาส่ง” เด็กหนุ่มไหว้ขอบคุณก่อนจะหันหลังเดินไป
“เดี๋ยวสิ” เสียงทุ้มเรียกทำให้เด็กหนุ่มหันกลับมา เลิกคิ้วถาม ก่อนร่างสูงจะยื่นกระดาษบางอย่างมาให้
“แอดมานะ” มือเล็กรับมาอย่างงงๆก่อนจะหันหลังเดินกลับบ้านตนเอง
บ้านหลังใหญ่โตภูมิฐานตามฐานะของนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ เด็กหนุ่มเดินเข้ามาในบ้านด้วยท่าทีเหนื่อยอ่อน เขายกมือไหว้ผู้เป็นแม่ที่นั่งดูทีวีอยู่บริเวณโซนนั่งเล่นของบ้าน
“เรียนเป็นยังไงบ้างล่ะวันนี้” ทันทีที่เห็นลูกชายคนเดียวของเธอเดินเข้ามาในบ้าน มือบางก็กดปิดทีวีทันที แล้วหันมาสนใจเด็กหนุ่มแทน
“ก็ดีครับ” เด็กหนุ่มตอบเรียบๆอย่างเหนื่อยอ่อนเต็มทน
“แล้วคืนนี้อย่าลืมอ่านหนังสือด้วยล่ะ เดี๋ยวก็สอบหมอไม่ติดกันพอดี” เด็กหนุมเมื่อได้ยินคำว่า ‘หมอ’ ก็ถึงกับถอนหายใจทันที ใบหน้าหวานงอ บ่งบอกว่าหงุดหงิด
“แม่ครับ ผมบอกแล้วไงครับว่าผมไม่อยากเป็นหมอ ผมจะเข้านิติฯ*” เด็กหนุ่มยืนกรานเช่นทุกวัน เขาเบื่อหน่ายกับความคิดของแม่ตนเองเต็มทน ความคิดที่ว่าอาชีพแพทย์เท่านั้นที่มั่นคงและเลี้ยงชีพตัวเองและครอบครัวได้ และอาชีพแพทย์เท่านั้นที่มีเกียรติคนยกย่องนับถือ
“นิติ? เหอะ จบไปแล้วจะทำอะไร” ไม่ชอบเลยกับคำแค่นดูถูกจากคนที่เรารัก
“ผมจะสอบเป็นอัยการ” เด็กหนุ่มพูดเสียงหนักแน่น หวังให้แม่เข้าใจเขาบ้าง เขาไม่ใช่แค่สักแต่ว่าอยากจะเรียนคณะนี้ แต่เขาวางแผนอนาคตไว้แล้วว่าเขาจะต้องทำอะไรบ้าง
“แล้วมันเป็นกันได้ทุกคนไหม? บัณฑิตจบใหม่ปีละกี่พันคน การจะเป็นที่หนึ่งในนั้นคิดว่ามันง่ายขนาดนั้นเลยหรอ?” เด็กหนุ่มพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ตัวเองเมื่อแม่ของเขาเริ่มขึ้นเสียง เขาคิดในใจว่าทำไมเราต้องมาทะเลาะกันเรื่องนี้ทุกวัน แค่ตระเวรเรียนพิเศษตั้งแต่เช้ายันค่ำก็เหนื่อยมากพอแล้ว ยังต้องมาเหนื่อยกับการทะเลาะกับแม่อีก
“ผมขอตัวไปอ่านหนังสือนะครับ” ตัดสินใจแบบเดิมทุกครั้ง เขารู้ดีว่าเขาสะกดกลั้นอารมณ์ไว้ได้ไม่นาน หากยังทะเลาะกับแม่ต่อไป คงแสดงกิริยาไม่ดีใส่ผู้มีพระคุณเป็นแน่ ขาเล็กก้าวขึ้นบันไดไปยังชั้น2 ของบ้านและตรงเข้าไปยังห้องนอนของตัวเอง
มือเล็กวางนามบัตรที่ติวเตอร์ของเขาให้มาไว้บนโต๊ะอ่านหนังสือสีขาวอย่างไม่ใส่ใจนัก ร่างเล็กทิ้งตัวลงบนที่นอนนุ่มทั้งยังสะพายกระเป๋าอย่างเหนื่อยอ่อน หลับตาลงเพื่อพักสายตาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะวางกระเป๋าบนเก้าอี้สีขาวแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
น้ำเย็นๆทำให้เขาสดชื่นขึ้นและใจเย็นลงบ้าง ร่างเล็กในชุดนอนสีขาวขอบน้ำเงินนั่งลงบนเก้าอี้สีขาว ไม่ลืมที่จะเปิดโคมไฟแสงสีส้มอ่อนถนอมสายตา มือเล็กหยิบชีทติวและหนังสือเรียนวันนี้ขึ้นมาวางบนโต๊ะ กองหนังสือสูงพะเนินเทินทึกทำให้ร่างเล็กอดถอนหายใจไม่ได้ ค่อยๆหยิบมาอ่านทีละวิชาอย่างตั้งใจไม่ลืมที่จะอ่านเตรียมตัวล่วงหน้าสำหรับวันพรุ่งนี้
เวลาล่วงเลยจนตอนนี้ 02:00 น. เขาปิดหนังสือลงและจัดเข้ากระเป๋าใบเดิมเพื่อไปเรียนต่อในวันรุ่งขึ้น มือเล็กขยี้ตาหวานที่ใกล้จะปิดเต็มทนผ่านแว่นสีดำ ขาเล็กกำลังจะก้าวขึ้นเตียงแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเหลือบเห็นนามบัตรที่เพิ่งได้มาค่ำวันนี้ มือเล็กรีบคว้าโทรศัพท์อย่างเพิ่งนึกอะไรได้
นิ้วเรียวกดรหัสผ่านสี่หลักอย่างคล่องแคล่วก่อนหน้าจอจะปรากฏรูปวอลเปเปอร์ตาชั่งตราสัญลักษณ์ของคณะนิติศาสตร์ที่เขาอยากเข้า ริมฝีปากบางยกยิ้มขึ้นเมื่อเห็นรูปนี้ นิ้วสไลด์หน้าจออย่างชำนาญและสัมผัสไปที่สี่เหลี่ยมมนสีเขียวมีรูปโทรศัพท์สีขาวตรงกลาง ก่อนจะกดเมมเบอร์ที่อยู่ในนามบัตร ไม่นานรายชื่อก็ปรากฏอยู่ในแท็บ New Friends ของแอพพลิเคชั่นยอดนิยมอย่างไลน์
เขาวางโทรศัพท์ไว้บนหัวเตียง ถอดแว่นวางไว้ข้างโทรศัพท์ก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราเตรียมตื่นไปเรียนแต่เช้าอีกเช่นเคย
____________________________________________________________________________________________
* หมายเหตุ
PAT1 (แพท1) คือ ข้อสอบความถนัดทางคณิตศาสตร์ที่นักเรียนชั้นม.6 ต้องสอบเพื่อใช้ยื่นคะแนนเข้ามหาวิทยาลัย (บางคณะ)
ลำดับและอนุกรม คือ บทเรียนคณิตศาสตร์บทหนึ่งซึ่งอยู่ในหลักสูตรชั้นม.5
เซต คือ บทเรียนคณิตศาสตร์พื้นฐานบทแรกที่ต้องเรียนเมื่อเข้าม.4
ตรรกศาสตร์ คือ บทเรียนคณิตศาสตร์เพิ่มเติมบทที่สองที่ต้องเรียนต่อจากเซต
นิติศาสตร์ (เป็นที่รู้กันในชื่อ นิติฯ) คือ คณะในมหาวิทยาลัยว่าด้วยการศึกษาเกี่ยวกับกฎหมาย
เรื่องนี้คือแต่งระบายอารมณ์ไรเตอร์เลย 5555
บางส่วนในเรื่องนี้อ้างอิงจากประสบการณ์ส่วนตัวและคนรอบข้าง
อักษรนารา
ความคิดเห็น