คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : My Angel II
My Angel II
เช้าวันต่อมา
“พี่โน่ๆ ทำไมคนนั้นถึงผมสีทองล่ะ” เจ้าตัวเล็กที่กอดโมเดลที่เพิ่งต่อเสร็จถามผมขึ้นขณะที่เรากำลังดูหนังซาวนด์แทร็กกันอยู่ในโซนห้องนั่งเล่น
“ก็เขาเป็นฝรั่งนี่นา”
“เอ๋ ฝรั่งกับเราสีผมไม่เหมือนกันหรอกหรอ” เจ้าตัวเล็กเอียงคอถามตาแป๋ว
“อื้ม ไม่เหมือนกันหรอก” ผมอดที่จะยิ้มในความใสซื่อของเจ้าตัวเล็กขี้สงสัยนี่ไม่ได้
“แต่ๆๆ แต่ว่าวันนั้นกันเห็นผู้หญิงคนนึงผมสีชมพูโฆษณาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปด้วยนะ กันว่าเขาเป็นคนไทยนะ แต่ทำไมผมสีชมพูก็ไม่รู้” ได้ยินดังนั้นผมถึงกับหลุดขำออกมา จากกำลังซึ้งๆกับหนังในจอสี่เหลี่ยมกลายเป็นขบขันในความไร้เดียงสาของนางฟ้าข้างๆแทน
“เขาย้อมผมหน่ะกัน”
“ย้อมผม? ย้อมผมได้ด้วยหรอ” เจ้าตัวเล็กตาเป็นประกาย ปีกข้างหลังขยับน้อยๆ กำลังคิดอะไรซนๆอีกหรือเปล่าเนี่ย
“อื้ม” ผมพยักหน้ายิ้มๆให้คำตอบ
“สีอะไรก็ได้งั้นหรอ?”
“อื้ม” ได้ยินดังนั้นเจ้าตัวเล็กก็ยิ้มกว้างโชว์แก้มบุ๋ม ปีกน้อยๆพับเข้าพับออก
ช่วงสายของวัน
หนุ่มน้อยมีปีกนั่งเท้าคางกับขอบโซฟาสายตาจดจ้องไปยังชายหนุ่มร่างสูงที่กำลังตวัดปลายพู่กันเพื่อสร้างสรรค์ผลงานชิ้นใหม่ที่นางฟ้าน้อยๆอย่างเขาก็ไม่เข้าใจเท่าไหร่
ความผิดปกติที่เกิดขึ้นทำให้ร่างสูงต้องละสายตาจากภาพวาดตรงหน้ามายังนางฟ้าจอมซนของเขาที่วันนี้เงียบผิดปกติ ทุกครั้งเขามักจะได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วของนางฟ้าตัวป่วนกำลังเล่นซนอยู่ตรงไหนสักที่ แต่วันนี้กลับมานั่งมองเขาเงียบๆ
“ทำไมวันนี้เงียบๆล่ะ” ผมวางมือจากการวาดรูปแล้วผละออกมา
“ไม่มีอะไรหนิ” เจ้าตัวเล็กตอบซื่อๆ คำพูดก็ดูปกติดี คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง
“ใกล้จะเที่ยงแล้ว เดี๋ยวพี่ลงไปซื้อข้าวมาให้ รออยู่ในห้อง อย่าออกไปไหนนะ” ผมกำชับเจ้าตัวเล็ก เดี๋ยวเกิดเดินออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกแล้วโดนจับได้ว่ามีปีกคงไม่ดีแน่ๆ เจ้าตัวเล็กพยักหน้าหงึกหงัก ปีกเล็กๆกระพือเบาๆ
ครึ่งชั่วโมงถัดมา
“มาแล้...” ผมเปิดประตูเข้ามายังไม่ทันพูดจบก็ถึงกับชะงักกับภาพที่เห็น นางฟ้าจอมซนของผมกำลังเอื้อมมือไปข้างหลัง ในมือถือพู่กันที่ผมเพิ่งเก็บไปเมื่อตอนก่อนลงไปซื้อข้าว ข้างๆตัวมีจานสีที่ดูเหมือนจะมีการผสมสีขึ้นมาใหม่เป็นสีฟ้าอ่อนๆ เหลือบมองปีกสีขาวข้างหลังนางฟ้าจอมซนที่บัดนี้ได้เปลี่ยนเป็นสีฟ้าอ่อนๆเหมือนกับในจานสี
“แหะๆ” เจ้าตัวเล็กหันมายิ้มแหยๆให้ผม
“ทำอะไรเนี่ยกัน!?!” ผมรีบวางข้าวบนโต๊ะอาหารแล้วไปหยิบพู่กันออกจากมือนางฟ้าจอมซนด้วยสายตาดุๆ
“ย้อมขนปีก” เจ้าตัวเล็กส่งยิ้มกว้างมาให้ผม แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเจอสายตาดุๆของผม ปีกฟ้าๆนั่นลู่ลง “กันขอโทษ” เจ้าตัวเล็กคอตก ปีกลู่ลงกว่าเดิม น้ำใสๆหยดแหมะลงบนพื้น
ผมถอนหายใจ เห็นแบบนี้ก็ดุไม่ลง ยอมรับว่าแพ้น้ำตาของเจ้าตัวเล็กนี่
“ไม่เป็นไรๆ ไม่ต้องร้อง” ผมเดินเข้าไปรั้งหัวทุยเข้ามาซบอก มืออีกข้างลูบปีกน้อยๆเบาๆ
“ไม่โกรธกันแล้วใช่ไหม” ตาแดงๆช้อนมองผม
“อื้ม” พยักหน้าพร้อมกับส่งยิ้มไปให้เจ้าตัวเล็กในอ้อมกอด เห็นเขายิ้มออกมา ปีกน้อยๆขยับแสดงความดีใจ “แล้วว่าแต่นึกยังไงถึงย้อมขนปีกเนี่ย” ผมถามพลางเอามือเกลี่ยผมเจ้าตัวเล็กที่ยาวปรกลงมาบนหน้าผาก เช็ดคราบน้ำตาให้เบาๆ
“ก็กันเห็นในทีวีเขาย้อมสีผมกันนี่นา กันก็แค่อยากทำบ้าง” เจ้าตัวเล็กทำปากยื่น เขาจะรู้ตัวไหมนะว่าเขาน่ารักขนาดไหนในสายตาผม
“ที่ถามพี่เมื่อเช้าสินะ” ผมหัวเราะเบาๆพลางโยกเจ้าตัวเล็กในอ้อมกอดไปมา นึกถึงความผิดปกติของเจ้าตัวเล็กเมื่อเช้านี้ก็อดขำไม่ได้ สรุปที่เงียบไปเพราะกำลังเก็บรายละเอียดการใช้พู่กันของผมสินะ ปีกฟ้าๆแข็งทื่อขึ้นมาอีกแล้ว และผมก็รู้ว่านางฟ้าของผมกำลังเขิน “แต่ตอนนี้กันต้องไปล้างสีออกก่อน” ได้ยินดังนั้นเจ้าตัวเล็กก็เด้งตัวออกจากอ้อมกอดผม
“งะ! ทำไมล่ะ!?!”
“ก็เพราะว่าสีนี้มันไม่ใช่สีที่เขาเอาไว้ย้อมผมกันนะสิ ทิ้งไว้นานๆเดี๋ยวก็ขนร่วงหรอก”
“โอ๊ะ!” เจ้าตัวเล็กอุทานเบาๆ มองที่ต้นเหตุซึ่งไม่ใช่ที่อื่นไกล ก็มาจากปีกฟ้าๆนั่นแหละ ยังไม่ทันขาดคำ ขนหนึ่งก้านค่อยๆร่วงลงสู่พื้น
“เห็นไหม ยังไม่ทันขาดคำเลย รีบไปล้างเลย” เห็นเจ้าตัวเล็กรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไป ผมส่ายหน้าเบาๆในความซนของเจ้าตัวเล็ก แล้วเดินไปเตรียมจัดแจงถ้วยชามสำหรับมื้อกลางวัน
ทางด้านกัน
“แย่แล้วสิ” หนุ่มน้อยมีปีกเปิดฝักบัวค่อยๆบรรจงล้างสีแสนโปรดของเขาออกจากปีกแสนรัก รู้ดีว่าสาเหตุของอาการขนปีกร่วงคืออะไร ที่แน่ๆไม่ใช่เพราะการย้อมสีขนเมื่อกี้แน่นอน “ถ้าพี่โน่รู้จะว่ายังไงนะ” อดกังวลไม่ได้
หนุ่มน้อยมีปีกเดินออกมาจากห้องน้ำก็เจอร่างสูงนั่งรอทานข้าวอยู่ที่โต๊ะอาหาร เขานั่งลงตรงที่ของตัวเองก่อนจะตักอาหารเข้าปาก ปีกสีฟ้าที่ตอนนี้ถูกทำความสะอาดจนกลับมาเป็นสีขาวเหมือนเดิมกำลังพับเข้าพับออกโดยอัตโนมัติเพื่อให้ปีกแห้งเร็วขึ้น
“โอ๊ะโอ๋!” ขนปีกอีกก้านค่อยๆร่วงลงไม่ต่างจากก้านที่แล้ว
“ขนร่วงอีกแล้วหรอกัน” ร่างสูงชะเง้อมองมาจากฝั่งตรงข้าม
“อะ..อื้อ”
“เฮ้อซนไม่เข้าท่า เป็นไงล่ะทีนี้” ร่างสูงว่าไปตามที่ตนเองเข้าใจ ในขณะที่หนุ่มน้อยมีปีกได้แต่คิดในใจ พี่โน่จะรู้ไหมนะว่ามันไม่เกี่ยวกับสีที่เขาทาเล่นเมื่อกี้เลย
หลายวันต่อมา ขนปีกของกันยังคงร่วงทุกวันและดูเหมือนจะร่วงเยอะขึ้นทุกวันๆ ซึ่งอาการเหล่านี้อยู่ในสายตาของร่างสูงตลอดเวลา ทำให้เขาอดเป็นห่วงนางฟ้าของเขาไม่ได้
“พี่โน่ทำอะไรอ่ะ” เจ้าตัวเล็กชะเง้อหน้ามองจอโน้ตบุ๊คของผม “วิธีรักษาโรคขนร่วงในนกแก้ว... พี่โน่!!!” เจ้าตัวเล็กอ่านหัวข้อที่ผมกำลังอ่านอยู่ก็ถึงกับแหวใส่ผมทันที “กันไม่ใช่นกแก้วนะ!!” เอาแล้วไงครับ หน้างอแล้ว กระพือปีกผั่บๆๆด้วย
“พี่รู้ครับๆ แต่ว่ามันก็น่าจะเหมือนกันนี่นา”
“ไม่เหมือน!!”
“โอเคครับๆ ไม่เหมือนก็ไม่เหมือน” ผมปิดจอโน้ตบุ๊คลง ฟิ้ววว~ ร่วงมาอีก 1 ก้าน หลายวันมานี้ขนปีกกันเขาร่วงเยอะมากเลยครับ ผมไม่คิดว่าเขาจะแพ้สีน้ำนั่นขนาดนั้น “กัน พี่ว่าไปหาหมอไหม เอ่อ..สัตวแพทย์ก็ได้ แพ้เยอะนะเนี่ย หลายวันแล้วขนยังไม่หยุดร่วงเลย” ผมเดินเข้าไปจับปีกเขาสำรวจ ยิ่งจับก็ยิ่งร่วง เฮ้อ!
“กันไม่ใช่สัตว์เลี้ยงนะถึงต้องไปหาสัตวแพทย์อ่ะ ฮึ่ย!” เจ้าตัวเล็กขืนตัวออกจากผม
“งั้นก็ไปหาหมอ”
“อื้อ ไม่ๆๆๆๆๆๆๆ” เจ้าตัวเล็กส่ายหน้ารัวๆ
“ไม่ไปได้ยังไง แพ้เยอะขนาดนี้”
“ก็กันไม่ได้แพ้สักหน่อย กันรู้น่าว่ากันเป็นอะไร”
“แล้วกันเป็นอะไร” ดูเหมือนว่าหนุ่มน้อยมีปีกจะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าหลุดพูดอะไรออกไป เขาต้องพยายามหาทางแก้ตัวแล้วล่ะ
“กะ..กัน อาจจะอยู่ในช่วง....ผลัดขน”
“ผลัดขน?”
“อื้อ”
ครืดดดดดดดๆ เสียงโทรศัพท์ของร่างสูงดังขึ้น ทำให้เขาไม่ทันได้ซักไซร้กับคำตอบที่ยังไม่เข้าใจเท่าไหร่ มือหนาคว้าโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างโน้ตบุ๊คหน้าจอปรากฏชื่อที่คุ้นเคย
“ฮัลโหลครับแม่......ครับ.....อ่อว่างครับ.......เอ่อออ...คือว่าผมมะ.....ก็ได้ๆครับ....ครับๆ....แล้วเจอกันครับ” ร่างสูงวางสายจากผู้เป็นแม่ก่อนที่คิ้วเข้มจะขมวดเข้าหากันอย่างคนกำลังกังวลอะไรสักอย่าง
“มีอะไรหรอพี่โน่” หนุ่มน้อยมีปีกที่ก้มลงไปเก็บขนตัวตัวเองที่ร่วงบนพื้นเงยหน้าถามร่างสูง
“แม่ให้กลับไปเยี่ยมที่ต่างจังหวัดหน่ะ”
“โอ๊ะ! ต่างจังหวัดหรอ” หนุ่มน้อยมีปีกกระโดดยืนขึ้นเต็มความสูง แววตาเป็นประกายอย่างนึกสนุก ปีกข้างหลังขยับอย่างตื่นเต้นไม่สนว่ายิ่งขยับขนจะยิ่งร่วง
“อือ”
“ว้าวๆๆ น่าสนุกจัง” หนุ่มน้อยมีปีกกระโดดเหย็งๆ แต่เมื่อเห็นอีกคนไม่สนุกด้วยจึงหยุดการกระทำนั้น “ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะพี่โน่ ไม่อยากไปหรอ”
“ไม่ใช่ไม่อยาก แต่กันจะไปได้ยังไง เดี๋ยวเขาก็รู้ความจริงกันหมด”
“กันก็เก็บปีกไง ใครจะสงสัยเล่า” ว่าแล้วก็เก็บปีกให้ดูเป็นตัวอย่าง “เนี่ยแบบเนี้ย” ฟิ้ววว ขนก้านที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ร่วงลงมา
“ลืมไปแล้วหรอว่าตัวเองขนร่วงอยู่หน่ะ”
“อ่านั่นสินะ” หนุ่มน้อยมีปีกกางปีกออกมาเมื่อรู้ว่าเก็บปีกไปก็เท่านั้น “แต่ว่าถ้ามันร่วงกันก็เก็บไง ไม่มีใครเห็นหรอก”
“…” ร่างสูงยังคงไม่วางใจในนางฟ้าของเขา
“น่าาานะ เชื่อกันสิ” หนุ่มน้อยมีปีกเกาะแขนร่างสูงพร้อมเอาจมูกสวยๆมาถูกับแขนแกร่งอย่างอ้อนๆ ปีกข้างหลังพับเข้าพับออกช้าๆ ก้านขนขาวๆค่อยๆร่วงลงมาอีก 2 ก้าน
วันเดินทาง
รถทัวร์ค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากกรุงเทพมุ่งหน้าไปยังขอนแก่น กระเป๋าสองใบถูกเก็บไว้ในที่ของมันโดยเจ้าหน้าที่พนักงาน ใบหนึ่งเป็นกระเป๋าผ้าสีดำสะพายข้าง อีกใบหนึ่งเป็นกระเป๋าลากสีดำลายแบทแมนใบเล็ก หนุ่มน้อยมีปีกนั่งอยู่ริมหน้าต่าง ตาหวานมองตามข้างทางอย่างสนใจ ปีกที่ถูกเก็บเรียบร้อยสั่นระริกแสดงความตื่นเต้น อากัปกิริยาทุกอย่างอยู่ในสายตาร่างสูงตลอดเวลา จะเป็นไรไหม ถ้าเขาจะบอกว่าหลงรักนางฟ้าจอมซนข้างๆเข้าแล้ว
“พี่โน่ๆนั่นๆๆๆ นั่นอะไรอ่ะ” เสียงใสๆเรียกถามพลางชี้ไปที่ทุ่งกว้างเขียวขจี
“เขาเรียกนาข้าว”
“หืม นาข้าวหรอ?” ใบหน้าน่ารักหันมาเอียงคอถาม
“ใช่ นาข้าว ข้าวที่เรากินก็มาจากนาข้าวพวกนี้แหละ เดี๋ยวพอไปถึงบ้านพี่นะ กันจะเห็นนาข้าวเต็มไปหมดเลย” มือหนาลูบกลุ่มผมนุ่มเบาๆอย่างถนุถนอม
“งื้อ บ้านพี่โน่ก็มีนาข้าวหรอ” หนุ่มน้อยมีปีกแววตาเป็นประกายขึ้นมา ปีกสั่นระริกกว่าเดิม เรียกร้อยยิ้มเอ็นดูจากร่างสูงได้ไม่ยาก
“มีสิ ที่บ้านพี่ทำนาด้วยนะ เดี๋ยวจะพาไปเที่ยว”
“เย้!” ได้ยินดังนั้นหนุ่มน้อยมีปีกก็ร้องดีใจเสียงดังอย่างลืมตัว จนร่างสูงต้องรีบเอามือตะครุบปากเพราะเกรงว่าจะรบกวนผู้โดยสารท่านอื่น พอหนุ่มน้อยมีปีกรู้ตัวก็ยิ้มแหยๆให้ร่างสูง ทั้งคู่หัวเราะเบาๆให้กันอย่างมีความสุข
ขอนแก่น
เรือนไม้ขนาดกลางยกใต้ถุนสูง ข้างๆเรือนมีช่องหน้าต่างแคบๆพอให้ศีรษะพ้นออกมาได้ ประตูบานเดียวเชื่อมต่อกับระเบียงที่เจาะช่องพอดีสำหรับทางขึ้นลงบันได หลังคาทรงจั่วมุงด้วยกระเบื้องไม้
ร่างสูงสะพายกระเป๋าของตนเองจูงมือนางฟ้าของเขาที่ลากกระเป๋าลายแบทแมนมาหยุดอยู่บริเวณหน้าบ้าน หญิงวัยกลางคนโผล่หน้าออกมาจากหน้าต่างแคบๆเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย พอเห็นว่าเป็นใครก็ยิ้มอย่างดีใจ
“โน่ขึ้นบ้านก่อนสิลูก” หญิงวัยกลางคนตะโกนเรียกก่อนที่จะหายเข้าไปเตรียมน้ำท่ามาต้อนรับลูกชายกลับบ้านที่ดูเหมือนว่าจะพาใครที่เธอไม่รู้จักมาด้วย
บนเรือน
“สวัสดีครับแม่” คนเป็นลูกไหว้แม่ตัวเองที่ยอกมือรับไหว้ ส่วนคนที่ตามมาด้วยอย่างนางฟ้าจอมซนที่ตอนนี้กลายเป็นนางฟ้าเจี๋ยมเจี้ยมก็ยกมือไหว้ตาม
“กัน นี่แม่พี่ แม่ครับนี่กัน เป็น...เอ่อ...รุ่นน้องที่สนิทกัน” ประโยคแรกบอกกับหนุ่มน้อยมีปีก อีกประโยคบอกกับแม่ตัวเอง หญิงวัยกลางคนพินิจใบหวานอยู่นานสร้างความอึดอัดให้แก่นางฟ้าซนๆอย่างเขาเป็นอย่างมาก ก่อนที่จะเอ่ยทักทาย
“หนูชื่อกันหรอจ๊ะ”
“คะ..ครับ” ดวงตาหวานเสหลบไม่กล้าสบตา
“ไม่ต้องกลัวหรอกน่า แม่ใจดีนะ” เสียงที่ติดเอ็นดูน้อยๆทำให้หนุ่มน้อยมีปีกสบายใจขึ้น เขาเงยหน้ามองหญิงวัยกลางคนที่มองเขาด้วยความเอ็นดู ปีกข้างหลังที่เก็บไว้สั่นระริกแสดงความตื่นเต้นจนร่างสูงกลัวแม่ตนเองจะสงสัย เขาเอื้อมมือไปลูบมันเบาๆอย่างปลอบโยน ซึ่งถ้ามองจากมุมที่แม่เขานั่งคงเป็นการตบบ่าให้กำลังใจกัน
“เออแม่ครับ แล้วพ่อไปไหนล่ะ” ร่างสูงถามพลางชะเง้อหาผู้เป็นพ่อ
“ไปทำนาหน่ะ” พอได้ยินแม่พูดแบบนั้น หนุ่มน้อยมีปีกก็ตาเป็นประกายขึ้นมาทันที ปีกน้อยๆที่หยุดสั่นไปแล้วกลับมาสั่นระริกอีกครั้ง ทำนางั้นหรอ? เหมือนนาข้าวที่เราเห็นหรือเปล่านะ? “อยากไปหาไหมล่ะ” ร่างสูงมองหน้านางฟ้าของเขาเพื่อถามความเห็น แต่ดูเหมือนจะคำตอบจะอยู่บนใบหน้าตื่นเต้นนั่นแล้ว
“ไปครับไป” ร่างสูงตอบแม่ตัวเอง
“งั้นก็เอาของไปเก็บกันก่อนไป แม่ไม่ได้จัดห้องไว้ให้หนูกันเลย เดี๋ยวแม่จัดให้ก่อนนะ” หญิงวัยกลางคนทำท่าจะไปจัดห้องอีกห้องหนึ่งซึ่งเป็นห้องนอนเอาไว้รับแขก
“ไม่ต้องหรอกครับแม่ กันนอนกับผมก็ได้” ร่างสูงเบรกแม่ตัวเองไว้ เท้าใหญ่รีบเหยียบก้านขนสีขาวๆที่ปลิวไปตกอยู่ข้างๆแม่ตัวเองก่อนที่คนเป็นแม่จะเห็น
“เอางั้นหรอ อื้มก็ได้” เมื่อลูกชายพูดดังนั้น หญิงวัยกลางคนก็หยิบเอาแก้วน้ำไปเก็บในครัวอย่างไม่ติดใจอะไร พอร่างของผู้เป็นแม่พ้นเข้าไปในครัวร่างสูงก็ถอนหายใจออกมา
“เฮ้อ เกือบไปแล้วไหมล่ะ” มือหน้าก้มลงไปเก็นขนปีกเจ้าปัญหาที่ใต้เท้าแล้วรีบเอาไปทิ้งถังขยะนอกบ้าน ก่อนที่จะพานางฟ้าจอมซนของเขาไปเที่ยวนาข้าวตามที่สัญญากันไว้
ทุ่งนา
บนแคร่ใต้ร่มเงาไม้ใหญ่ ชายวัยกลางคนผู้มีผิวขาวเป็นทุนเดิมแต่โดนแดดเผาจากการทำงานกลางแจ้งจนคล้ำกำลังพักจากการทำนามาทั้งวัน มือใหญ่จับผ้าขนหนูที่พาดบ่าเช็ดเม็ดเหงื่อบนใบหน้าหล่อเหลาตามอายุไม่แพ้ลูกชาย สายตาที่ไม่ดีนักตามกาลเวลาเพ่งมองผู้มาใหม่สองคนที่กำลังจูงมือกันเดินตรงมายังตนเอง ทันทีที่เสียงทักคุ้นเคยดังขึ้น รอยยิ้มดีใจก็ผุดขึ้นบนหน้า
“อ้าวมาแล้วหรอ แล้วนี่พาใครมาด้วยล่ะเนี่ย” ชายวัยกลางคนทักลูกชายตัวเองเลยมายังหนุ่มน้อยที่อยู่ข้างๆลูกชาย
“นี่กันครับ เป็นรุ่นน้องที่สนิทกัน” ร่างสูงแนะนำนางฟ้าของเขาให้คนเป็นพ่อรู้จัก ก่อนที่หนุ่มน้อยมีปีกจะยกมือไหว้อย่างนอบน้อม
“เอ้อ น่ารักดีหนิ คบกันนานหรือยังล่ะ” คำถามของผู้เป็นพ่อทำให้หนุ่มน้อยมีปีกแก้มขึ้นสี ปีกน้อยๆข้างหลังแข็งทื่อ ได้แต่ก้มหน้าไม่กล้าสบตา ในขณะที่ร่างสูงดูจะตกใจกับคำถามแต่ยังเก็บอาการได้ดี
“คบอะไรเล่าพ่อ พี่น้องกัน”
“อ้าว พ่อก็ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นหนิ พ่อก็แค่ถามว่ารู้จักกันคบกันมานานหรือยัง” คนเป็นพ่อถามด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ร่างสูงที่เพิ่งรู้ตัวว่าโดนพ่อตัวเองแกล้งก็หน้าบูดขึ้นมาอย่างไม่จริงจังนัก คนเป็นพ่อหันมายักคิ้วให้อย่างกวนๆ “แล้วนี่มาหาพ่อถึงนานี่มีอะไรหรือเปล่า” คนเป็นพ่อเลิกแกล้งลูกชายตัวเองแล้วถามขึ้นเพราะปกติเจ้าลูกชายจะไม่ค่อยมาหาเขาที่นาเท่าไหร่ ส่วนมากก็จะรออยู่บ้านแต่ไหงวันนี้กลับมาหาเขาได้
“พอดีกันเขาอยากมาเที่ยวนาข้าวน่ะพ่อ ผมก็เลยพามา”
“อ่อ อย่างงั้นหรอ” ชายวัยกลางคนเบี่ยงเบนความสนใจมาที่หนุ่มน้อยมีปีก “สนใจช่วยพ่อทำนาไหมล่ะ” ได้ยินดังนั้นหนุ่มน้อยมีปีกก็ยิ้มกว้างทันที ปีกข้างหลังสั่นอย่างตื่นเต้นจนขนร่วงลงมาอีกก้าน ดีที่ร่างสูงตาไวคว้าไว้ได้ทันก่อนที่ผู้เป็นพ่อจะเห็น
“สนครับ”
ครับ ตอนนี้ผมกำลังนั่งมองพ่อผมกับนางฟ้าจอมซนกำลังช่วยกันทำนาอย่างสนุกสนาน พ่อผมสอนวิธีการทำนาคร่าวๆให้กัน โดยที่กันก็เป็นนักเรียนที่ดี ตั้งใจฟัง แล้วก็หัวไวพอสมควร พ่อผมสอนอะไรก็ทำได้หมด จนพ่อผมเอ่ยปากชมบ่อยๆ ดูท่าพ่อผมจะเอ็นดูกันมากทีเดียว
ตกเย็นเราสามคนก็พากันกลับบ้าน แม่ทำกับข้าวไว้รอหอมลงมาถึงหน้าบ้าน เราทานอาหารพร้อมกัน 4 คน พูดคุยแลกเปลี่ยนกันกับสิ่งที่แต่ละคนเจอมา กันที่ดูจะคุ้นเคยกับครอบครัวผมแล้วก็ชวนพ่อแม่ผมคุยนั่นคุยนี่จนพ่อแม่ผมเอ็นดูไปหมด หลังจากทานข้าวเสร็จเราต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปทำภารกิจส่วนตัว
ภายในห้องนอน
“พี่โน่ๆ บ้านพี่โน่มีแมวด้วยหรอ” กันที่อาบน้ำเสร็จแล้วถามผมพร้อมกับมองไปที่แมวสีสวาดที่ชื่อเจ้าถุงเงิน กำลังนอนเลียขนอยู่ข้างเตียง
“อื้ม มันชื่อเจ้าถุงเงินน่ะ”
“ตอนมาไม่ยักกะเห็นแฮะ” เจ้าตัวเล็กลงไปนั่งตรงหน้าเจ้าถุงเงิน ตาหวานจ้องมองอย่างสงสัย
“มันคงออกไปเล่นข้างนอกมามั้ง อย่าไปเล่นกับมันมากล่ะ มันไม่ใช่แมวอารมณ์ดีเท่าไหร่” ผมเตือนเจ้าตัวเล็กก่อนที่จะเดินไปเข้าห้องน้ำ
เหมี้ยววววว!! แควก! โอ๊ยย! แงงงงงงง แงงงงงงงง
เสียงแมวดังขึ้นพร้อมกับเสียงร้องไห้จ้าที่คุ้นเคยทำให้ผมที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จต้องรีบไปดู และก็เดาไม่ผิด นางฟ้าจอมซนนั่งร้องไห้จ้ากุมมือตัวเอง ส่วนถุงเงินพอผมเปิดประตูเข้ามามันก็เดินนวยนาดออกจากห้องไป ผมรีบเข้าไปดูเจ้าตัวเล็กที่ร้องไห้ไม่หยุด จนพ่อแม่ผมต่างวิ่งมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
“เจ็บตรงไหน ให้พี่ดูสิ” ผมวิ่งเข้าไปจับตัวเจ้าตัวเล็กที่ยังไม่ยอมหยุดร้องไห้สำรวจดูว่าเจ็บตรงไหน
“ฮรึก ฮืออออ” เขายื่นแขนซ้ายมาให้ผมดู รอยแมวข่วนเป็นทางยาวตั้งแต่ข้อพับยาวลงมาจนเกือบถึงข้อมือ ไหนจะเลือดซิบๆนั่นอีก เห็นแล้วอดสงสารไม่ได้
“ไปล้างแผลนะ” ผมค่อยๆประคองเจ้าตัวเล็กลุกขึ้น พาไปล้างแผลและทำแผลจนเสร็จ ตอนนี้เจ้าตัวเล็กหยุดร้องไห้แล้ว ผมพาเขามาที่เตียงจัดท่านอนห่มผ้าให้เรียบร้อย ลูบผมนุ่มเบาๆจนเขาหลับไป
ผมเดินออกมาเล่นที่ีระเบียงบ้านเนื่องจากอนนี้ยังไม่ใช่เวลานอนของผม เห็นพ่อนั่งอยู่เลยเดินไปนั่งลงข้างๆ อันที่จริงผมจะสนิทกับพ่อมากกว่าแม่ เพราะเป็นผู้ชายเหมือนกัน คุยกันถูกคอมากกว่า
“เจ้ากันหลับไปแล้วหรอ” พ่อถามขึ้นโดยไม่ได้มองหน้าผม
“ครับ”
“ชอบเขาทำไมไม่บอกเขาล่ะ” พ่อผมถามเรียบๆ แต่คนโดนถามไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลย
“พ่อพูดอะไรเนี่ย” คราวนี้พ่อหันมามองหน้าผมเต็มๆ
“แกคิดว่าพ่อดูไม่ออกหรือไง พ่อเลี้ยงแกมาตั้งแต่เล็กจนโตทำไมจะดูไม่ออกว่าแกคิดอะไรอยู่” พ่อมองผมด้วยสายตาอ่อนโยน นี่แหละครับพ่อผม รู้ทันผมไปเสียทุกเรื่อง
“ก็..เขาคงไม่ได้คิดแบบผม”
“ไม่ลองไม่รู้สิวะไอ้ลูกชาย” พ่อตบบ่าผมแล้วลุกเดินเข้าบ้านไป
“ลองหรอ หึ” ผมหัวเราะตัวเองที่ไม่เคยมีคำนี้อยู่ในหัว ลองก็ลองวะ
ความคิดเห็น