คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : รักเด็ก
รักเด็ก
เช้าตรู่ของวันเปิดเทอมวันแรก เด็กหนุ่มในชุดนักเรียนม.ปลายยืนชะเง้อมองหาใครบางคนอยู่หน้าประตูรั้วสแตนเลสที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี กระเป๋าเป้นักเรียนสีดำใบใหม่ถูกสะพายไว้บนไหล่ข้างหนึ่ง ตาคมมองเข้าไปภายในตัวบ้านผ่านหน้าต่างบานใหญ่ที่เปิดรับลมเย็นๆยามเช้า สายตาสอดส่ายหาใครบางคน
“อ้าวโน่! เข้ามาก่อนสิลูก น้องยังไม่ตื่นเลย” หญิงสาววัยประมาณสามสิบต้นๆเอ่ยขึ้นผ่านหน้าต่างบานนั้นเมื่อเห็นร่างที่คุ้นเคยเป็นอย่างดีของเด็กข้างบ้าน
“คุณน้าสวัสดีครับ” ภาคินยกมือไหว้อย่างนอบน้อมก่อนจะเปิดประตูเล็กเข้าไปอย่างเคยชิน
“นั่งก่อนนะ มาแต่เช้าเลยวันนี้ ทานข้าวมาหรือยังเนี่ย” หญิงสาวเอ่ยทักทายผู้มาเยือน มือก็วุ่นอยู่กับการจัดเตรียมอาหารเช้าให้ลูกชาย
“ผมทานมาแล้วครับ” มือหนายกขึ้นดูนาฬิกาข้อมือเรือนสีดำพลางมองคุณน้าข้างบ้านที่วุ่นอยู่กับงานในครัวจึงเอ่ยขึ้น “ถ้างั้นเดี๋ยวผมขึ้นไปดูน้องให้นะครับ”
“จ้าๆ ขอบใจมากนะลูก” หญิงสาวส่งยิ้มมาให้ เด็กหนุ่มถอดกระเป๋าเป้วางไว้ที่โซฟาแล้วเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง
มือหนาหมุนลูกบิดประตูแผ่วเบาราวกับกลัวว่าจะรบกวนคนในห้อง ภาพที่เห็นทำเอาเด็กหนุ่มอดยิ้มไม่ได้ ร่างเล็กๆนอดคุดคู้หลับตาพริ้มอยู่บนเตียงนอนสีฟ้าอ่อน ดวงตาหวานถูกปิดด้วยเปลือกตาเผยให้เห็นขนตางอนยาวเป็นแพ ในอ้อมแขนน้อยๆมีตุ๊กตาไอร่อนแมนที่เขาเป็นคนซื้อให้ในวันเกิดครบรอบ 5 ขวบที่ผ่านมาไม่กี่เดือนของเจ้าตัวเล็ก เด็กหนุ่มค่อยๆทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง แรงยุบตัวของเตียงทำให้เด็กน้อยมีปฏิกิริยาเล็กน้อย มือป้อมๆยกขึ้นปัดป่ายไปมาอย่างรำคาญ ร่างสูงยกยิ้มเอ็นดูในท่าทีน่ารักๆนั่น
“น้องกันครับ ตื่นได้แล้วครับ” มือหนาสะกิดที่ไหล่เล็กเบาๆเอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยน “น้องกันครับ เช้าแล้วน้า วันนี้ต้องไปโรงเรียนนะ” เมื่อเห็นว่าเด็กน้อยตรงหน้าไม่มีท่าทีว่าจะตื่นจึงสะกิดแรงขึ้น
“อื้อ~” เสียงเล็กๆครางอื้ออึงในลำคออย่างรำคาญ เปลือกตายังคงปิดแน่น ร่างเล็กๆพลิกตัวหันหลังให้คนมาปลุกอย่างต้องการเวลานอน
“น้องกันคร้าบ ตื่นเร็วคนเก่ง” ร่างสูงโน้มตัวลงมากระซิบข้างหูเด็กน้อย มือหนาแตะเบาๆเข้าที่แขนเล็ก
“งื้อ~” เสียงเล็กๆตอบกลับมา ร่างสูงอมยิ้มกับท่าทีของเด็กน้อย
“พี่รู้น้า ว่าคนเก่งของพี่ตื่นแล้ว” ก้มลงสูดความหอมจากแก้มยุ้ยๆ “ลุกเร็ว เดี๋ยวไปโรงเรียนสายน้า”
“อื้อ~ น้องกันไม่ไปโรงเรียน~” เสียงยานๆตามประสาเด็กเพิ่งตื่นเอื้อนเอ่ยประโยคที่ทำให้ร่างสูงแปลกใจ เปลือกตาน้อยๆยังปิดแน่น
“ทำไมล่ะครับ วันนี้เปิดเทอมวันแรกน้า น้องกันจะได้เจอเพื่อนใหม่เยอะๆเลย น้องกันไม่อยากไปหาเพื่อนหรอครับ” สองมือหนาสอดเข้าใต้แขนเล็กยกเด็กน้อยขึ้นมานั่งบนตัก ตาหวานปรือขึ้นเมื่อรู้สึกว่าตัวเองถูกอุ้ม
“ไม่เอา น้องกันไม่อยากหาเพื่อน น้องกันอยากหาพี่โน่” เสียงเล็กๆสั่นเครือ น้ำใสๆหยดแหมะลงบนมือหนาที่โอบอุ้มเด็กน้อยไว้ ภาคินยิ้มเข้าใจเหตุผลที่เด็กน้อยของเขาไม่อยากไปโรงเรียน มือหนาอุ้มเด็กน้อยตั้งบนเตียงให้อยู่ในระดับสายตาเดียวกับเขา
“ไม่ได้หรอกครับ น้องกันยังเล็กมาก น้องกันมาเรียนกับพี่ไม่ได้หรอกครับ” มือหนาเกลี่ยหยดน้ำตาบนใบหน้าเล็ก พลางอธิบายให้เด็กน้อยเข้าใจ
“ฮื่อๆๆ แต่น้องกัน ฮึก อยากเรียนกับพี่โน่” ดูเหมือนว่าเด็กน้อยจะไม่เข้าใจเท่าไหร่
“ถ้าน้องกันอยากเรียนกับพี่ น้องกันก็ต้องตั้งใจเรียน เรียนให้เก่งๆ จะได้เรียนทันพี่” ดวงตาหวานชุ่มไปด้วยน้ำใสๆเงยขึ้นสบกับดวงตาคมอย่างมีความหวัง
“น้องกันอยากเรียนเก่งคับ น้องกันอยากเรียนเก่ง จะได้ไปเรียนกับพี่โน่” ใบหน้าคมยกยิ้มอย่างเอ็นดู
“ถ้างั้นน้องกันก็ต้องไปโรงเรียนนะครับ จะได้เรียนเก่งๆ จะได้มาเรียนกับพี่ โอเคไหม หืม?”
“คับน้องกันจะไปโรงเรียน” เสียงใสๆตอบกลับมา ร่างสูงยกยิ้มเมื่อเด็กน้อยยอมไปโรงเรียนแต่โดยดี ถึงแม้เหตุผลที่ว่ามันจะเป็นเรื่องหลอกเด็กก็ตาม แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เจ้าตัวเล็กของเขายอมไปโรงเรียน
“ป่ะไปอาบน้ำกัน คุณแม่ทำอาหารรอน้องกันนานแล้วนะ” แขนแกร่งอุ้มพาเด็กน้อยเข้าห้องน้ำไป
ผ่านไป 10 นาที
“น้องกันคับอย่าเพิ่งออกไป มาเช็ดตัวก่อน” เด็กน้อยนึกสนุกไม่สนใจคำพูดของร่างสูง ร่างเล็กๆวิ่งดุ๊กดิ๊กออกจากห้องน้ำหัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดี แต่ไม่ทันพ้นประตูห้องน้ำ ร่างสูงของคนเป็นพี่ก็ตามมาคว้าหมับเข้าที่เอวแล้วจัดการเช็ดตัวให้เด็กน้อยจอมซนของเขา
จมูกโด่งก้มลงหอมแก้มนิ่มฟอดใหญ่อย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนจะปล่อยเด็กน้อยของเขาให้เป็นอิสระส่วนตนเองนำผ้าเช็ดตัวไปตากไว้ที่ราวที่อยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง ทันทีที่เด็กน้อยได้รับอิสระก็กระโดดขึ้นไปนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงอย่างอารมณ์ดี ร่างสูงเดินกลับมาพร้อมชุดชั้นในและชุดนักเรียนอนุบาลของเจ้าตัวเล็ก
“น้องกันครับลุกมาแต่งตัวเร็ว” มือหนาวางชุดนักเรียนเล็กไว้ปลายเตียง มองเด็กน้อยที่นอนมองเขาตาแป๋วอยู่บนเตียงทั้งยังไม่ได้ใส่อะไรเลย “มาเร็วคนเก่ง” เด็กน้อยลุกขึ้นนั่งแล้วค่อยๆคลานลงจากเตียงมาหาคนเป็นพี่ที่รอรับอยู่แล้ว
เด็กหนุ่มในชุดม.ปลายอุ้มเด็กน้อยในเสื้อนักเรียนสีขาวปกคอแดงกับกางเกงสีแดงมายังโต๊ะอาหารที่มีจานหลุมพลาสติกลายไอร่อนแมนวางอยู่ ข้าวสวยร้อนๆถูกตักใส่จานให้โดยคุณแม่เมื่อเด็กน้อยนั่งประจำที่ และตามด้วยกับข้าวอีกสองอย่างคือผัดผักและต้มจืด เด็กน้อยมองอาหารตรงหน้าก่อนจะหยิบช้อนส้อมแล้วลงมือรับประทาน
“น้องกันอิ่มแล้วหรอครับเพิ่งทานไปนิดเดียวเองนะ” คนเป็นพี่ถามขึ้นเมื่อเห็นมือป้อมๆรวบช้อนอย่างที่เขาเคยสอนให้ทำเมื่อทานอิ่มแล้ว ใบหน้าเล็กพยักหน้าหงึกหงัก “ไม่ได้ครับ ต้องกินนะ ถ้าน้องกันไม่กินน้องกันก็จะสมองไม่แล่นแล้วก็จะเรียนไม่รู้เรื่อง ทีนี้น้องกันก็จะอดมาเรียนกับพี่นะครับ” ได้ยินดังนั้นร่างเล็กก็ก้มหน้าก้มตากินต่อด้วยกลัวว่าจะไม่ได้เรียนกับพี่ชาย
“เก่งมากครับ” คนเป็นพี่เอ่ยชมพลางลูบศีรษะเล็กอย่างรักใคร่ จนอาหารในจานพร่องไปเกือบหมด มือป้อมๆรวบช้อนแล้วหันมาส่งยิ้มหวานโชว์แก้มบุ๋มให้คนเป็นพี่
“น้องกันกินหมดแล้วคับ” ภาคินขยี้ศีรษะกลมก่อนจะหันไปหยิบเสื้อกั๊กลายสก๊อตแดง-น้ำเงินออกมา ที่หน้าอกข้างซ้ายปักตราโรงเรียน ส่วนข้างขวาปักชื่อ ‘ด.ช.นภัทร อินทร์ใจเอื้อ’ บรรทัดล่างปักว่า ‘น้องกัน’
“น้องกันใ่ส่เสื้อกั๊กด้วยนะครับ” มือหนาพยายามจับเด็กน้อยที่ดิ้นไปมาใส่เสื้อกั๊กตามระเบียบของโรงเรียน
“ไม่เอาน้องกันไม่ใส่ เสื้อกั๊กอึดอัด” ร่างเล็กดิ้นหนีคนเป็นพี่ไปมา
“ไม่ใส่ไม่ได้นะครับ เดี๋ยวคุณครูตีนะ” เมื่อคนเป็นพี่ขู่แบบนั้นเด็กน้อยก็ต้องจำยอมใส่แต่โดยดี
“อื้อ~ คับ” เสียงเล็กๆโวยวายเมื่อคนเป็นพี่พยายามติดกระดุมเม็ดสุดท้ายของเสื้อกั๊ก
“คับหรอลูก กัน เดี๋ยวเสาร์นี้แม่ซื้อให้ใหม่นะครับ วันนี้ใส่ตัวนี้ไปก่อนนะครับคนดี” หญิงสาวเดินมาหาลูกชายที่ทำหน้ามุ่ยอยู่เนื่องจากเสื้อกั๊กเริ่มใส่ไม่ได้ เด็กน้อยพยักหน้าตอบรับ “แม่ไปทำงานแล้วนะครับน้องกัน โน่น้าฝากน้องด้วยนะลูก” เด็กสองคนยกมือไหว้ก่อนที่หญิงสาวจะพยักหน้ารับแล้วรีบเร่งออกจากบ้านไป
“ไปโรงเรียนกันดีกว่าครับน้องกัน” ภาคินเดินไปหยิบกระเป๋าตนเองขึ้นสะพายและไม่ลืมหยิบกระเป๋าสีฟ้าใบเล็กติดมือมาด้วย มือหนาช่วยจับให้เด็กน้อยสะพายกระเป๋าได้สะดวกก่อนจะหยิบรองเท้านักเรียนสีดำคู่เล็กมาวางตรงหน้าร่างเล็ก
มือป้อมๆยึดไหล่หนาไว้ก่อนจะค่อยๆสอดเท้าเล็กเข้าไปในรองเท้าที่ถูกขัดมันไว้อย่างดี ร่างเล็กพยายามใส่อยู่นานแต่ก็ยังใส่ไม่ได้สักที คนเป็นพี่เห็นดังนั้นจึงช่วยใส่ให้ เห็นทีคุณน้าจะต้องซื้อรองเท้าใหม่ให้ด้วยเสียแล้ว
“ฮึก ฮือออ~” อยู่ดีๆเด็กน้อยของเขาก็ปล่อยโฮออกมารอบสองของวัน ทำเอาร่างสูงงงว่าเด็กน้อยของเขาเป็นอะไรไป
“เป็นอะไรครับน้องกัน น้องกันร้องไห้ทำไมครับ”
“ฮือออ ใครทำรองเท้าน้องกันเล็กอ่าพี่โน่ ใครทำอ่า ฮือออ” พอได้ยินดังนั้นคนเป็นพี่ถึงกับขำก๊ากออกมา
“ไม่มีใครทำรองเท้าน้องกันเล็กหรอกครับ น้องกันโตขึ้นต่างหาก” คนเป็นพี่พยายามอธิบายให้น้องเข้าใจ แต่ดูเหมือนว่าเด็กน้อยจะไม่ฟังที่เขาอธิบายเลย
“ไม่จริงอ่า ฮือออ เทอมที่แล้วน้องกัน ฮึก ยังใส่ได้อยู่เลย ฮึก ฮืออออออ น้องกันจะไม่ดื้อกับคุณพ่อคุณแม่กับพี่โน่แล้ว ฮือออออ คุณปีศาจอย่าทำรองเท้าน้องกันเล็กเลยนะคับ ฮือออออ” ร่างสูงนึกขำในใจ คุณปีศาจที่น้องพูดถึงก็มาจากละครที่เขามักจะดูกับน้องตอนเย็นๆนั่นแหละ เขามักจะบอกน้องว่าถ้าน้องกันดื้อปีศาจจะมาเอาตัวน้องกันไปนะ ไม่นึกว่าน้องจะกลัวขนาดนี้
“ไม่หรอกครับ คุณปีศาจไม่ได้ทำหรอกนะ ไม่เอาไม่ร้องครับคนเก่ง” นิ้วโป้งใหญ่เกลี่ยน้ำตาบนใบหน้าหวาน “เดี๋ยวให้คุณแม่ไปซื้อให้ใหม่เนอะ เอาใหญ่ๆเลย น้องกันจะได้ใส่ได้นานๆ ดีไหมครับ” ใบหน้าเล็กพยักหน้าหงึกหงักทั้งน้ำตา คนเป็นพี่ก้มลงไปใส่รองเท้าให้น้องใหม่สำเร็จ ถึงจะคับไปบ้างแต่ก็ยังพอใส่ได้อยู่
มือใหญ่จูงมือน้อยเดินไปตามทางเท้า โรงเรียนของพวกเขาอยู่ห่างจากบ้านไม่มากนัก พวกเขาจึงเบือกที่จะเดินเท้าเอา นอกจากจะประหยัดแล้วยังได้ออกกำลังกายด้วย โรงเรียนอนุบาลของกันอยู่ห่างจากบ้านไป 2 ซอย ส่วนโรงเรียนมัธยมของโตโน่ก็อยู่ถัดจากโรงเรียนของกันไปอีกเพียงป้ายรถเมล์เดียว โตโน่จึงอาสาไปรับไปส่งน้องที่โรงเรียนทุกวันเป็นกิจวัตรตั้งแต่น้องเข้าโรงเรียนวันแรก
“พี่โน่คับ น้ำแข็งใฉน่ากินจังเลยคับ” นิ้วเล็กๆชี้ไปทางร้านน้ำแข็งใสก่อนถึงโรงเรียนอนุบาล ร่างสูงมองตาม อยากจะซื้อให้น้องแต่ก็กลัวว่าจะสาย
“อืม เดี๋ยวน้องกันจะไปเรียนไม่ทันนะสิ เอาอย่างนี้ดีไหมครับ เดี๋ยวเย็นนี้พี่ซื้อไว้ให้ โอเคไหมครับ” เด็กน้อยยกยิ้มขึ้นเมื่อพี่ชายจะซื้อน้ำแข็งใสให้
“พี่โน่อย่าลืมน้า” ไม่วายกำชับพี่ชาย
“ครับ ไม่ลืมครับ”
ภาคินพาเด็กน้อยของเขามาหยุดอยู่ที่บอร์ดหน้าโรงเรียนที่มีพ่อแม่ผู้ปกครองยืนมุงดูอยู่เต็มไปหมด เสียงร้องไห้จ้าระงมไปหมดเนื่องจากเป็นวันเปิดเทอมวันแรก ด้วยความที่กันตัวเล็ก ภาคินจึงอุ้มน้องไว้ก่อนจะค่อยๆพาน้องเดินแทรกตัวเข้าไปดูบอร์ดรายชื่อนักเรียนในแต่ละห้องของปีการศึกษานี้ โดยจัดตามผลการเรียนและพัฒนาการของเด็กเอง มือใหญ่ข้างหนึ่งอุ้มเด็กน้อยไว้ ส่วนอีกมือหนึ่งไล่ดูรายชื่อของน้องชายตัวเอง
“นี่ไง ด.ช.นภัทร อินทร์ใจเอื้อ อยู่ห้องอ.2/1 โห ได้อยู่ห้อง1เลย ดีใจไหมครับ” ก้มลงถามเด็กน้อยในอ้อมกอดที่ดูเหมือนจะไม่ดีใจอย่างที่ภาคินพูด มิหนำซ้ำเด็กน้อยของเขายังทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อีกด้วย “เป็นอะไรครับ ไม่ดีใจหรอ”
“อื้อไม่เอาอ่ะ ฮึก ถ้าน้องกันอยู่ห้อง1 น้องกันก็ต้องเรียนห้อง 2 ฮึก ห้อง 3 ฮึก ห้อง 4 อีกอ่ะ กว่าจะได้เรียนกับพี่โน่ก็ ฮึก อีกนานเลย ฮืออออ น้องกันไม่น่าสอบได้ที่1เลย ฮืออออ น้องกันอยากสอบได้ที่10 ฮืออออ” เด็กน้อยร้องไห้โยเยอยู่บนไหล่ร่างสูง ทำเอาคนเป็นพี่ต้องพามานั่งที่ม้านั่งริมสนามเพื่อปลอบ
“น้องกันครับ น้องกันอยู่ห้อง1 ก็แสดงว่าน้องกันเรียนเก่งไงครับ น้องกันไม่ต้องเรียนห้อง 2 3 4 อะไรทั้งนั้นครับ ไม่ร้องสิ” พอพี่ชายพูดแบบนั้นร่างเล็กก็หยุดร้องไห้ทันทีแล้วหันมาตั้งใจฟังที่พี่ชายพูด “น้องกันสอบได้ที่1ก็แสดงว่าน้องกันเก่งมากๆไงครับ”
“เก่งกว่าที่10อีกหรอ”
“เก่งกว่าสิครับ”
“จริงๆนะ”
“จริงครับ ไปเข้าเรียนได้แล้วนะ เดี๋ยวพี่ก็ต้องไปแล้วเหมือนกัน” มือหนาขยี้ศีรษะเล็กอย่างเอ็นดู ก่อนที่ร่างเล็กจะวิ่งเข้าไปหาคุณครู เมื่อเห็นว่าเด็กน้อยของเขามีคุณครูดูแลแล้วจึงเดินออกมาเพื่อไปโรงเรียนของตัวเองบ้าง
หลังเลิกเรียน กันที่โรงเรียนเลิกก่อนวิ่งเล่นอยู่กับเพื่อนๆในสนามเด็กเล่นของโรงเรียน จนเพื่อนๆค่อยๆกลับไปทีละคนๆ จนตอนนี้เหลือเขาแค่คนเดียว ร่างเล็กเล่นสไลเดอร์อยู่คนเดียวอย่างเหงาๆ ตาโตมองไปรอบๆโรงเรียนที่บัดนี้มีนักเรียนเหลืออยู่เพียงไม่กี่คน และพ่อแม่ของคนอื่นก็เริ่มทยอยมารับออกไปเรื่อยๆ นึกถึงพี่ชายที่ป่านนี้ยังไม่มารับตน เมื่อคิดถึงพี่ชายน้ำตาก็พาลจะไหลด้วยความน้อยใจ
“ฮึก ฮือออ พี่โน่ไม่รักน้องกันแล้ว ฮึก พี่โน่ทิ้งน้องกัน ฮืออออ” แขนเล็กๆยกขึ้นกอดเข่าตัวเองก้มหน้าซุกลงร้องไห้
“น้องกันครับ” เสียงเรียกชื่อที่คุ้นเคยดังขึ้นเรียกให้เด็กน้อยที่นั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่เงยหน้าขึ้นทันที
“ฮือออ พี่โน่” เมื่อเห็นว่าเป็นใครร่างเล็กไม่รอช้าวิ่งเข้าไปกอดทันที “พี่โน่มารับน้องกันแล้ว ฮือออ” คนเป็นพี่ย่อตัวลงมาให้ตัวเท่าน้องก่อนจะเช็ดน้ำตาให้
“ร้องไห้ทำไมครับ หืม”
“น้องกันนึกว่าพี่โน่ ฮึก จะทิ้งน้องกัน ฮึก แล้ว” ร่างเล็กตอบไปพลางสะอื้นเนื่องจากพยายามหยุดร้องไห้
“ไม่ทิ้งหรอกครับ ทิ้งได้ยังไงล่ะ น่ารักขนาดนี้ ที่พี่มาช้าเนี่ย ก็เพราะมัวแต่ไปต่อคิวซื้อน้ำแข็งใสให้ใครก็ไม่รู้” พอได้ยินคำว่าน้ำแข็งใสเด็กน้อยก็ตาเป็นประกายขึ้นมาทันที
“อ๊ะ น้ำแข็งใฉ น้องกันอยากกินน้ำแข็งใฉ” มือเล็กกำลังจะคว้าถุงน้ำแข็งใสในมือพี่ชาย แต่คนเป็นพี่กลับถือให้สูงขึ้นเพื่อไม่ให้น้องหยิบเอาได้ ดวงตาใสฉายแววฉงน
“กินตอนนี้ไม่ได้ครับ ต้องนั่งกินดีๆ เดี๋ยวกลับบ้านค่อยกินนะ” ใบหน้าหวานมุ่ยลงเล็กน้อยแต่ก็ยอมทำตามแต่โดยดี
ที่สนามหญ้าหน้าบ้านของกัน เด็กน้อยนั่งกินน้ำแข็งใสอย่างเอร็ดอร่อยอยู่ที่โต๊ะไม้ โดยมีภาคินนั่งมองอยู่ใกล้ๆ
“พี่โน่ๆ อันนี้เขาเรียกอะไรหรอคับ” ปากแดงเพราะกินน้ำแข็งใสเอ่ยถามคนเป็นพี่อย่างสงสัยสิ่งที่อยู่ในน้ำแข็งใส เชมือป้อมๆใช้ช้อนตักเม็ดใสๆมีสีดำตรงกลางให้พี่ชายดู
“เขาเรียกเม็ดแมงลักครับ” คนเป็นพี่เฉลยข้อสงสัยให้ พอได้ยินว่าสิ่งที่ว่าเรียกว่าอะไร ใบหน้าหวานก็พาลจะร้องไห้ขึ้นมาอีก
“ฮึก พี่โน่ น้องกันกินมันไปตั้งเยอะแล้ว น้องกันจะทำยังไงดี ฮึก” ใบหน้าหวานเบะร้องไห้ ทำเอาคนเป็นพี่ตกใจ
“ร้องไห้ทำไมครับน้องกัน” มือหนารีบอุ้มเด็กน้อยมาวางบนตักอย่างตกใจและเป็นห่วง
“ฮือออ มันต้องไปโตในท้องน้องกันแน่ๆเลย ฮึก พี่โน่ น้องกันจะทำยังไงดี ฮึก น้องกันไม่อยากมีต้นแมงลัก ฮึก อยู่ในท้อง ฮืออออ” พอได้ยินดังนั้นคนเป็นพี่ถึงกับขำก๊ากออกมา
“น้องกันครับ มันไม่โตหรอกครับ มันตายแล้ว”
“จริงๆหรอคับ” นอกจากจะปากแดงเพราะกินน้ำแข็งใสแล้ว ตอนนี้จมูกน้อยๆกับตาหวานๆยังแดงเพราะร้องไห้อีกด้วย คนเป็นพี่ก้มลงไปจุ๊บปากแดงๆนั่นอย่างหมั่นเขี้ยว
“จริงสิครับ น้องกันไม่เป็นไรหรอกน้า น้องกันของพี่เก่งจะตาย” พอได้ยินดังนั้น เด็กน้อยก็คลานออกจากตักคนเป็นพี่ไปที่ถ้วยน้ำแข็งใสของตัวเองแล้วกินต่อ พอตักเจอเม็ดแมงลักก็เงยหน้าขึ้นมองคนเป็นพี่ พอพี่พยักหน้าให้ก็ตักเข้าปาก
ตอนนี้ทั้งคู่ย้ายมานั่งเล่นกันอยู่ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ในสวนหลังบ้าน เด็กน้อยนั่งบนตักคนเป็นพี่
“พี่โน่คับ น้องกันอยากแต่งงานกับพี่โน่” คำขอแต่งงานที่ไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยดังขึ้นเล่นเอาคนเป็นพี่ถึงกับอึ้ง
“ตะ แต่งได้ยังไงล่ะครับ น้องกันยังเด็กอยู่เลยน้า” เมื่อได้ยินคำตอบที่ไม่พอใจร่างเล็กๆก็หันหลังปีนขึ้นชันเข่ากับตักคนเป็นพี่ ใบหน้าหวานจ้องมองใบหน้าคมอย่างไม่เข้าใจ
“ทำไมล่ะ พี่โน่ไม่รักน้องกันหรอ” คำว่ารักของเด็ก 5 ขวบความหมายคงไม่เหมือนกับเด็กอายุ 15 อย่างเขาสินะ
“รักสิครับ แต่น้องกันยังเด็กอยู่ พี่ก็ยังเด็กอยู่ เรายังแต่งงานกันไม่ได้นะ” คนเป็นพี่พยายามอธิบายให้น้องเข้าใจ
“แต่น้องกันอยากแต่งนี่นา ฮือออออ” ว่าแล้วเด็กน้อยของเขาก็ปล่อยโฮออกมาอีกรอบ
“ไม่ได้ครับน้องกัน น้องกันยังเด็กมากนะ น้องกันยังไม่รู้จักความรักหรอกครับ” อธิบายไปพลางยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้น้อง
“รู้จักฉิ น้องกันรู้จัก น้องกันรักพี่โน่นี่ไง จุ๊บ” ปากเล็กๆประทับลงบนริมฝีปากของพี่ชายทำเอาคนเป็นพี่ถึงกับอึ้ง “จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ” ว่าแล้วก็จุ๊บปากคนเป็นพี่ถี่ๆด้วยอยากจะให้พี่รู้ว่าเขารู้จักความรักจริงๆ
“พอแล้วครับน้องกัน พี่รู้แล้วว่าน้องกันรักพี่” พอคนเป็นพี่พูดดังนั้น เด็กน้อยก็หยุดการกระทำลง
“ถ้างั้นเราแต่งงานกันนะ” และเด็กน้อยของเขาไม่ยอมที่จะหยุดขอเขาแต่งงาน
“ยังแต่งตอนนี้ไม่ได้ครับน้องกัน น้องกันยังเด็ก พี่ก็ยังเด็ก เราสองคนยังเรียนไม่จบเลย”
“ถ้าอย่างงั้น ถ้าเราเรียนจบแล้วเราแต่งงานกันนะ” คนเป็นพี่ลังเลนิดหนึ่งก่อนจะตอบตกลง
“ครับ”
“พี่โน่อย่าผิดสัญญานะ”
“พี่สัญญาครับ” พี่ไม่ผิดสัญญา น้องกันก็อย่าผิดสัญญากับพี่นะ เด็กน้อยของพี่
________________________________________________________________________________________________________________
ไรต์เตอร์เกิดอาการรักเด็กกะทันหัน 5555555
สารภาพมาซะดีๆ ตอนเด็กๆใครเคยมีความคิดแบบน้องกันบ้าง 55555
หนูไม่อยากสอบได้ที่1 หนูอยากสอบได้ที่10 กินเม็ดแมงลักแล้วมันจะไปงอกในท้อง ฯลฯ
ใครมีอะไรนอกเหนือจากนี้มาแชร์กันได้นะคะ 5555
ปล.มีแต่คนอยากอ่านแต่ปางก่อน เดี๋ยวไรต์มาอัพให้นะค้า
ขอบคุณที่ติดตามผลงานนะคะ
ความคิดเห็น