ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SF NOGUN 63

    ลำดับตอนที่ #10 : แต่ปางก่อน ๒

    • อัปเดตล่าสุด 7 มิ.ย. 58



    แต่ปางก่อน



             เช้าวันต่อมา นภัทรตื่นแต่เช้ามาช่วยแม่เตรียมของใส่บาตร ท่าทางเพลียๆเหมือนคนนอนไม่เต็มอิ่มทำให้แม่ของเขารู้ได้ไม่ยากว่าความฝันเหล่านั้นเข้ามาหลอกหลอนลูกชายอีกแล้ว



    “ยังฝันอยู่อีกหรอลูก กัน” หญิงวัยกลางคนลูบศีรษะเล็กอย่างเป็นห่วง



    “ครับแม่” ร่างบางยิ้มเจื่อนๆให้แม่ตนเอง ก่อนจะลุกขึ้นเตรียมถอดรองเท้าเมื่อเห็นหลวงพ่อเดินมาแต่ไกล เขานิมนต์หลวงพ่อก่อนจะใส่บาตรกรวดน้ำ



    สองแม่ลูกพนมมือรับศีลรับพรก่อนที่หลวงพ่อจะเอ่ยขึ้นกับนภัทรอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย



    “ปล่อยวางนะโยม อโหสิกรรม” นภัทรมองหน้าหลวงพ่ออย่างงงๆ หลวงพ่อเดินจากไปแล้ว เขายกมือขึ้นสาธุอย่างไม่เข้าใจนักท่ามกลางความสงสัยของคนเป็นแม่เช่นกัน



    ทางด้านริท

    ภาคินนั่งเล่นอยู่ที่ชิงช้าไม้ริมสระว่ายน้ำ ภาพความฝันเมื่อคืนยังตราตรึงอยู่ในใจ ริทที่เพิ่งตื่นเดินเข้ามานั่งข้างๆ ภาคินมองหลานยิ้มๆ



    “อาคินคิดอะไรอยู่หรอฮะ” ริทถามขึ้นเมื่อเห็นอาตนนั่งเหม่อลอยอย่างคนคิดอะไรอยู่



    “คิดถึงคนรักของอาน่ะ” ภาคินนึกไปถึงนาราภัทร


    “หืมคนรัก? หรอฮะ?” ริทแปลกใจน้อยๆที่ได้ยินภาคินพูดถึงคนรัก เพราะตั้งแต่จำความได้ริทก็เห็นว่าภาคินโสดมาตลอดและไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงเลย ภาคินพยักหน้าน้อยๆ สร้างความอยากรู้อยากเห็นให้เด็กอย่างริทเข้าไปอีก “แล้วเขาอยู่ที่ไหนละฮะ ทำไมริทไม่เคยเห็นเลย” ริทถามด้วยความใสซื่อ



    “เขาตายไปแล้ว เมื่อ 28 ปีที่แล้ว” ภาคินมีสีหน้าหม่น ริทที่เพิ่งรู้ตัวรีบขอโทษ



    “ริทขอโทษฮะอาคิน ริทไม่รู้” ริทก้มหน้ารู้สึกผิด



    “ไม่เป็นไรหรอกริท เรื่องมันก็ตั้งนานแล้ว อาควรจะทำใจให้ได้สักที” ภาคินแตะที่ศีรษะเล็ก “ริทอยากฟังเรื่องของอากับเขาไหมล่ะ เผลอๆไม่ใช่แค่อากับเขาด้วยนะ” ริทเงยหน้ามองผู้เป็นอาอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็ตั้งใจฟังที่อาเล่า




    แสงแดดอ่อนยามเช้า บ้านของนาราภัทร ภาคินเดินเข้ามาก่อนจะเห็นหญิงสาวง่วนอยู่ในครัวอีกเช่นเคย



    “ภัทรทำอะไรแต่เช้าจ๊ะ” นาราภัทรเงยหน้าขึ้นมองภาคินที่ตอนนี้มีฐานะเป็นคนรัก


    “ภัทรทำขนมมาการองน่ะค่ะ ภัทรทำได้แล้วนะคะ วันนั้นที่พี่คินมาภัทรยังไม่ทันให้ลองชิมเลย” หญิงสาวจัดวางขนมใส่จานอย่างสวยงามก่อนจะยกมาให้ภาคินที่ยืนพิงประตูครัวอยู่



    มาการองชิ้นพอดีคำหลากหลายสีถูกยกมาตั้งบนโต๊ะทานข้าวไม้สีขาวถัดออกมาจากห้องครัวเล็กน้อย ภาคินบรรจงหยิบเข้าปากทีละชิ้น ตรงข้ามมีนาราภัทรนั่งลุ้นอยู่



    “เป็นยังไงบ้างคะพี่คิน” นาราภัทรมีสีหน้าลุ้นในคำตอบ จนภาคินอดที่จะแกล้งไม่ได้



    “คือว่าภัทร....” ภาคินแกล้งทำเสียงเกรงใจจนนาราภัทรหน้าเสีย



    “มันไม่อร่อยหรอคะพี่คิน” นาราภัทรมีสีหน้าเป็นกังวล



    “คือว่ามัน....อร่อยมากๆเลยล่ะภัทร” ภาคินพูดออกมาอย่างสนุกที่ได้แกล้งนาราภัทร เห็นหญิงสาวทำหน้างอแงใส่ก็ยิ่งหมั่นเขี้ยว



    “พี่คินอ่ะ แกล้งภัทร” กำปั้นน้อยๆทุบตีเข้าที่ไหล่กว้างไม่ยั้ง ภาคินรวบมือน้อยนั้นไว้ก่อนที่ทั้งคู่จะต้องชะงักเมื่อใบหน้าอยู่ห่างกันเพียงลมหายใจกั้น



    “ภัทร!” เสียงทรงอำนาจของบ้านดังขึ้น ทั้งคู่รีบผละออกจากกัน ก่อนที่นาราภัทรจะมีหน้าตกใจ



    “คุณพ่อ!” 



    ที่ห้องรับแขกของบ้าน ชัชชนนั่งอยู่ที่โซฟาตัวยาวข้างๆมีรินรดานั่งอยู่ ที่โซฟาอีกตัวมีภาคินกับนาราภัทรนั่งอยู่คู่กัน ภาคินกุมมือหญิงสาวไว้ตลอดเวลา อรรวินทร์ที่เดินตามเข้ามาทีหลังนั่งลงที่โซฟาอีกตัวตรงข้ามภาคินกับนาราภัทรมองด้วยสีหน้าสะใจ



    “เล่ามาสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น” ชัชชนพูดสีหน้าเรียบแต่แฝงไปด้วยความน่าเกรงขาม นาราภัทรก้มหน้างุดไม่กล้าสบตา มือบางเย็นเฉียบ



    “ผมกับภัทรเรารักกันครับ” ภาคินตอบอย่างหนักแน่นจ้องมองแววตาของอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงกลัว มือยังกุมมือน้อยไว้ ชัชชนพินิจมองแววตาของภาคิน เขารู้จักชายหนุ่มมานานตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เขารู้ดีว่าภาคินเป็นคนอย่างไร



    “แต่ภัทรยังเด็ก” ด้วยความที่ลูกสาวเพิ่งเรียนอยู่ม.ปลายเขาจึงอดเป็นห่วงไม่ได้ และมันอาจยังไม่ถึงเวลา



    “ผมทราบครับ ผมก็ไม่ได้คิดจะเร่งรัดอะไร ผมจะรอจนวันที่ภัทรพร้อม” ภาคินกระชับมือบางก่อนจะมองหน้าหญิงสาว ยิ้มให้บางๆ



    “ถ้าคิดได้แบบนั้นก็ดี อย่าลืมว่าลูกสาวอาเป็นผู้หญิง นายต้องให้เกียรติ เข้าตามตรอกออกตามประตู” ชัชชนตั้งใจพูดถึงเหตุการณ์เมื่อกี้



    “ผมขอโทษครับ มันจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นอีก” ชัชชนมองแววตาที่จริงจังของชายหนุ่มก็สบายใจขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยก็รู้จักกันมานาน ดีกว่าเป็นใครที่ไหนก็ไม่รู้ที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า ชัชชนทำท่าจะลุกออกไปทำงานเนื่องจากไม่มีอะไรแล้ว แต่อรรวินทร์พูดขัดขึ้นเสียก่อน



    “คุณพ่อจะแน่ใจได้ยังไงคะว่าเขาจะทำตามที่พูด ก็แค่ลมปากผู้ชาย ส่วนน้องภัทรเวลาออกไปไหนมาไหนใครจะไปรู้ว่าออกไปทำอะไร ไม่รู้ว่าป่านนี้ไปถึงไหนต่อไหนแล้ว” อรรวินทร์ลอยหน้าลอยตาพูด



    “น้องภัทรไม่ใช่พี่อรนี่คะ” รินรดาที่นั่งฟังอยู่พูดเรียบๆแต่ก็ทำให้อรรวินทร์เต้นได้



    “ยัยริน!” อรรวินทร์ตวาดเสียงดังจนลืมตัวว่าอยู่ต่อหน้าพ่อ



    “ว่าอย่างไรคะ พี่อร” รินรดาตอบรับอย่างเหนือกว่า



    “พอได้แล้วน่าทั้งสองคนเลย อรอย่ามองน้องในแง่ร้ายแบบนั้นสิ รินก็อย่าไปว่าพี่เขา” ชัชชนห้ามปรามลูกสาวคนโตทั้งสองก่อนจะออกไปทำงาน อรรวินทร์ที่ทนสายตาของรินรดาที่มองเขาอย่างคนแพ้ไม่ไหว ลุกขึ้นกระทืบเท้าปึงปังขึ้นห้องไป


    นาราภัทรมองพี่สาวคนโตอย่างน้อยใจ ส่วนภาคินมองอย่างไม่พอใจที่อรรวินทร์ดูถูกศักดิ์ศรีของคนรัก รินรดาเห็นบรรยากาศไม่ค่อยดีจึงชวนเปลี่ยนเรื่อง



    “เอ้อภัทร แล้วมาการองที่ทำอยู่ไหนแล้วล่ะ ให้แต่ภาคินชิมพี่ยังไม่ได้ชิมเลยนะ” รินรดาพูดกับน้องสาวอย่างอารมณ์ดีเพื่อให้น้องผ่อนคลาย ก่อนที่นาราภัทรจะเดินนำมาที่โต๊ะทานอาหารที่มีจานมาการองวางอยู่



    ทั้งสามคุยกันไปพลางหยิบมาการองขึ้นกินไปพลาง รินรดาพยายามสร้างบรรยากาศไม่ให้ตึงเครียด ชวนเพื่อนและน้องสาวคุยเรื่องสนุกๆ จนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ภาคินที่เพิ่งนึกขึ้นได้จึงเอ่ยชวนสองพี่น้องไปงานเลี้ยงวันเกิดของเขาที่บ้าน



    “พี่จะจัดงานวันเกิดวันเสาร์นี้ ภัทรไปร่วมงานนะจ๊ะ รินด้วย” ภาคินมองหน้านาราภัทรก่อนจะมองไปทางเพื่อน ซึ่งทั้งคู่ก็ตอบตกลง



    งานเลี้ยงวันเกิดของภาคิน แขกเหรื่อที่ภาคินเชิญมาเฉพาะคนสนิท ทำให้บรรยากาศในงานดูไม่อึดอัด ภาคินเข้าไปทักทายกลุ่มเพื่อนสมัยมัธยมที่เหมือนจะจัดงานรวมรุ่นให้กลายๆอย่างสนุกสนาน ไม่นานก็ขอตัวออกมา เพื่อนที่มหาวิทยาลัยต่างก็กระจายกันไปตามจุดต่างๆ บางคนก็มาช่วยงานตั้งแต่เช้า รวมถึงรินรดาที่พ่วงเอานาราภัทรมาด้วย



    สนเดินเข้ามาที่ที่นาราภัทรกับรินรดายืนอยู่ก่อนจะเอ่ยทักทายอย่างเป็นกันเอง ข้างๆมีหญิงสาวสวยเดินเข้ามาด้วย รินรดาชะงักนิดหนึ่งก่อนจะปรับสีหน้าเป็นปกติ สนเอ่ยแนะนำผู้หญิงคนข้างๆให้รินรดากับนาราภัทรได้รู้จัก



    “ริน ภัทร นี่พลอยว่าที่คู่หมั้นของพี่เอง” หญิงสาวนามว่าพลอยทักทายทั้งสองอย่างสุภาพ คำว่าว่าที่คู่หมั้นทำเอารินรดาหน้าเจื่อนไปเล็กน้อย สนคงตัดใจจากน้องสาวเธอได้แล้ว แต่คนต่อไปที่เขาเลือกก็ไม่ใช่เธออยู่ดี รินรดาขอตัวออกไปเดินเล่นในงาน นาราภัทรรู้สึกถึงความผิดปกติของพี่สาวจึงเดินตามไป



    “พี่ริน พี่รินรอภัทรด้วย” หญิงสาวตะโกนเรียกพี่ก่อนจะวิ่งไปเกาะแขน รินรดาไม่ได้ว่าอะไร เธอเดินเล่นไปเรื่อยๆ นาราภัทรเอ่ยถามคำถามที่คาใจอยู่นาน “พี่ริน..เอ่อ..พี่รินชอบพี่สนหรอ”



    รินรดาชะงักฝีเท้านิดนึงก่อนจะพยายามทำตัวปกติ



    “เอาอะไรมาพูดภัทร” รินรดาทำท่าจะเดินหนีแต่นาราภัทรคว้าข้อมือไว้ได้ทัน



    “ก็เอามาจากที่ภัทรเห็นน่ะสิ” รินรดาถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะหันมาเผชิญหน้าน้องสาว ไม่อยากโกหกอีกต่อไป



    “ใช่” นาราภัทรมีสีหน้าตกใจเล็กน้อย



    “แล้วทำไมพี่รินถึงไม่บอกพี่สนไปล่ะ” รินรดายิ้มเศร้าให้น้องสาวก่อนจะอธิบายให้ฟัง



    “ก็เพราะว่าพี่สนเขาไม่ได้ชอบพี่ยังไงล่ะ” หญิงสาวทำหน้าสงสัยว่ารินรดารู้ได้อย่างไร “เขาน่ะชอบคนอื่นมาตั้งนานแล้ว คนที่ไม่ใช่พี่”



    “แล้วพี่สนชอบใครหรอคะ” รินรดาไม่ตอบ ไม่อยากให้น้องรู้ว่าคนที่ตนหมายถึงคือตัวนาราภัทรเอง จึงโกหกออกไป



    “ก็พี่พลอยไง” รินรดาตอบ ซึ่งนาราภัทรเองก็ดูไม่ติดใจอะไร ได้แต่มองพี่สาวอย่างสงสาร ทั้งหมดอยู่ในสายตาของภาคินโดยที่ทั้งสองไม่รู้ตัว ภาคินเองก็อึ้งไม่น้อยที่รินรดาแอบรักพี่ชายตน ภาคินเดินตามสองพี่น้องไป



    “เอ่อริน เรามีเรื่องจะคุยด้วยหน่อยน่ะ” นาราภัทรกับรินรดาหันมามองภาคินอย่างงงๆ “ภัทรพี่ขอคุยกับรินสักครู่นะ” นาราภัทรพยักหน้าอย่างไม่เข้าใจนัก ก่อนภาคินจะเดินนำรินรดาออกไป



    “คินเรียกรินมามีอะไรหรอ” เมื่อเห็นว่าลับสายตาคนแล้วรินรดาจึงถามออกมา ภาคินหยุดเดินก่อนจะหันหน้ามา



    “รินชอบพี่สนหรอ” ภาคินถามเสียงจริงจัง รินรดาตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน



    “นี่คินแอบฟังหรอ” รินรดามีสีหน้าไม่พอใจ



    “เราขอโทษ มันบังเอิญ” รินรดาถอนหายใจออกมาก่อนจะบอกไม่เป็นไร “ให้เราบอกพี่สนให้ไหม”



    “อย่านะคิน!” รินรดารีบห้าม



    “ทำไมล่ะ” ภาคินถามอย่างไม่เข้าใจ



    “นะ...รินขอร้อง รินไม่อยากมองหน้ากันไม่ติด แค่นี้รินก็อึดอัดมากพอแล้ว พี่สนเขาไม่ได้รักริน รินรู้อยู่แก่ใจ คินอย่าบอกพี่สนนะ...นะ” หญิงสาวอ้อนวอนทั้งน้ำตา ภาคินมองเพื่อนอย่างเห็นใจ



    “แล้วรินก็จะแอบรักแบบนี้ไปเรื่อยๆหรอ” รินรดาชะงักกับคำพูดภาคินนิดนึง ก่อนจะตอบอย่างมีความหวัง



    “สักวันรินคงตัดใจได้ แต่ถ้าไม่ได้จริงๆ ชาตินี้เขาไม่รักรินไม่เป็นไร ชาติหน้าขอให้รินเกิดมาเป็นคนที่เขารักบ้างก็พอ” ภาคินบีบไหล่เพื่อนอย่างให้กำลังใจ หญิงสาวเช็ดน้ำตาก่อนจะเดินกลับเข้าไปในงานพร้อมภาคิน นาราภัทรบ่นอุบอิบว่าหายไปไหนกันมาตั้งนานปล่อยให้เธอยืนเหงาอยู่คนเดียว เรียกเสียงหัวเราะจากรินรดากับภาคิน




    “พลอย? ใช่แม่ของริทหรือเปล่าฮะ” ริทถามผู้เป็นอา ก่อนที่ภาคินจะพยักหน้า ริทเองก็ดูตื่นเต้นที่ได้รู้เรื่องราวระหว่างพ่อกับแม่เขา แต่ก็อดคิดถึงคนอีกคนไม่ได้ “แล้วผู้หญิงที่ชื่อรินรดาอาคินยังติดต่อเขาอยู่ไหมครับ” เด็กหนุ่มถาม



    “รินเขาเสียแล้ว” ริทมองอย่างสงสารไปด้วย “รินเขาประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกหลังจากภัทรเสียไม่นาน” ภาคินอธิบาย ริทพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะตั้งใจฟังภาคินเล่าต่อ



    ภายในงานเลี้ยง แขกเหรื่อร่วมร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ให้กับภาคิน นาราภัทรยืนอยู่ข้างๆกับรินรดา ภาคินอธิษฐานก่อนจะเป่าเค้กที่นาราภัทรเป็นคนทำ แขกทุกคนในงานปรบมือ ภาคินคอยตัดเค้กให้แขกโดยมีนาราภัทรกับรินรดาคอยช่วย หลังจากครบหมดแล้วทั้งสามจึงตัดเค้กไปคนละก้อนแล้วไปหาที่นั่งทานกัน



    “เค้กของภัทรนี่อร่อยที่สุดเลย” ภาคิณเอ่ยชม นาราภัทรยิ้มเขินๆ



    “คิน ภัทร หันมาหน่อยเร็ว” ภาคินกับนาราภัทรหันไปตามเสียงเรียกของรินรดาที่ถือกล้องอยู่ ภาคินขยับเข้ามาใกล้นาราภัทรก่อนที่ทั้งคู่จะฉีกยิ้มให้กล้องอย่างมีความสุข “เดี๋ยวพี่เอารูปไปล้างเมื่อไหร่แล้วจะเอามาให้ดูนะ”



    “ขอนั่งด้วยคนได้ไหมคะ” เสียงหนึ่งดังขึ้น ทั้งสามหันไปมองตามเสียงก่อนจะพบหญิงสาวในชุดกระโปรงทรงเอผ่าหลังสีแดงแปร๊ด


    “กวาง...” ภาคินอุทานเบาๆก่อนจะอนุญาต บรรยากาศรอบตัวอึดอัดขึ้นทันที นาราภัทรที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตากินเค้กไม่มองใครทั้งสินจนรินรดาต้องสะกิด


    “ว่าไงจ๊ะ นาราภัทร” กวางเอ่ยทักทายนาราภัทรด้วยรอยยิ้มหวานแต่แฝงไปด้วยความริษยา ซึ่งนาราภัทรก็รู้ดี นาราภัทรยิ้มให้เจื่อนๆก่อนจะก้มหน้าไม่กล้าสบตา



    “กวางมีอะไรหรือเปล่า” ภาคินเอ่ยถามเสียงเรียบ เอื้อมมือไปกุมมือนาราภัทรไว้ นาราภัทรสะดุ้งมองมือภาคินที่จับมือตนอยู่ พยามยามดึงมือออกแต่ภาคินไม่ปล่อย กวางเหลือบมองมือที่กุมกันไว้ด้วยแววตาอิจฉาวูบหนึ่งก่อนจะปั้นหน้ายิ้มแย้ม



    “แหม กวางก็แค่อยากจะมาอวยพรให้พี่คินน่ะค่ะ” หญิงสาวเอ่ยขึ้น รินรดามองอย่างไม่ไว้ใจ “ขอให้พี่คินมีความสุขมากๆกับคนรักใหม่นะคะ รักกันไปจนลมหายใจสุดท้ายเลยนะคะ” กวางยิ้มมาให้ก่อนจะหันหลังเดินออกไป รินรดานึกสังหรณ์ใจไม่ดีกับคำพูดของกวาง แต่ก็คิดว่าเป็นแค่การยั่วโมโหเท่านั้น



    “พี่ว่ากวางเข้าใจผิดแล้วล่ะ ภัทรไม่ใช่คนรักใหม่ของพี่ เพราะพี่รักภัทรคนเดียวมาตั้งแต่ต้นแล้ว” ภาคินเอ่ยขึ้นตามหลังกวางไป เธอหยุดก้าว พยายามระงับอารมณ์ก่อนจะเดินออกไปโดยไม่หันกลับมาอีกเลย



    ภาคินมองนาราภัทรที่เอาแต่ก้มหน้าตั้งแต่อดีตว่าที่คู่หมั้นของเขาเดินเข้ามา



    “ภัทรเขาไปแล้ว” ภาคินก้มบอกคนรัก ก่อนที่หญิงสาวจะเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าเขาไปแล้วจริงๆ ภาคินกระชับมือน้อยก่อนจะพูดจริงจัง “ภัทรไม่ต้องกลัวนะ พี่บอกพ่อแล้วว่่าพี่จะไม่หมั้นกับกวางเพราะพี่รักภัทร ภัทรเชื่อใจพี่นะ” แววตาที่จริงใจถูกส่งออกมา ทำให้นาราภัทรสบายใจ หญิงสาวพยักหน้าอย่างเชื่อใจ ก่อนที่เธอจะหยิบบางอย่างให้ภาคิน



    กล่องของขวัญขนาดกลางห่อด้วยกระดาษสาสีขาวอย่างที่ภาคินชอบคาดด้วยริบบิ้นผูกเป็นโบว์สีฟ้าถูกยื่นให้ภาคิน ร่างสูงรับมาอย่างคาดไม่ถึงว่าหญิงสาวจะเตรียมของขวัญมาให้



    “พี่คินแกะดูสิคะ” นาราภัทรส่งยิ้มสดใสมาให้ ภาคินค่อยๆบรรจงแกะอย่างระวังไม่ให้กระดาษขาด ข้างในมีกระดาษแผ่นเล็กๆเขียนด้วยลายมือที่เขาจำได้ว่าเป็นลายมือนาราภัทร‘สุขสันต์วันเกิดนะคะพี่คิน ขอให้เป็นอีกปีที่พี่คินมีความสุขมากๆ ผ้าพันคอผืนนี้ภัทรเป็นคนถักเองกับมือเลยนะคะ ไม่รู้ว่าพี่คินจะชอบหรือเปล่า แต่ภัทรตั้งใจทำมันมากเลยนะคะ รักเสมอ -นาราภัทร.-’ เขาหยิบผ้าพันคอถักโคเชต์สีขาวขึ้นกางออกดู ใบหน้ายิ้มแย้มมีความสุขพลอยทำให้นาราภัทรยิ้มไปด้วย “พี่คินชอบไหมคะ”



    “ชอบสิ อะไรที่ภัทรทำให้พี่ก็ชอบทั้งนั้นแหละ” ภาคินยิ้มมีความสุข “ขอบคุณนะภัทร”




    ริทตั้งใจฟังตามที่ภาคินเล่า ภาคินเล่าไปยิ้มไปเมื่อนึกถึงวันวานที่มีคนรักอยู่ด้วย แต่ก็ต้องมีสีหน้าเศร้าลงเมื่อนึกถึงวันที่เสียเขาไป



    “อาไม่คิดเลยนะว่ารูปนั้นจะเป็นรูปสุดท้ายที่เราถ่ายด้วยกัน ไม่คิดว่าผ้าพันคอผืนนั้นจะเป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายที่เขาให้อา...”




    หลังจากวันนั้นประมาณสองอาทิตย์ ภาคินตัดสินใจแน่นอนแล้วว่าเขาจะขอนาราภัทรหมั้นไว้ก่อน เขาตั้งใจจะเซอร์ไพรส์หญิงสาวโดยการนัดมาที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยมีรินรดารู้เห็นเป็นใจ



    ดวงอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้าแต่กลับถูกบดบังด้วยเมฆครึ้มสีเทา เสียงฟ้าร้องครืนๆเป็นสัญญาณว่าฝนใกล้จะเทลงมา ภาคินยกนาฬิกาขึ้นดู เขานัดนาราภัทรไว้เวลา 6 โมงเย็น แต่เขามาก่อนเวลาเล็กน้อย ทันใดนั้นรู้สึกเหมือนถูกของแข็งฟาดเข้าที่ท้ายทอยอย่างแรงก่อนสติของเขาจะดับวูบไป



    ภาคินรู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าเขาอยู่ที่โรงพยาบาล เขานึกทบทวนเหตุการณ์ก่อนหน้าก่อนจะลุกพรวดขึ้นมาเมื่อนึกถึงนาราภัทร เขาหันไปมองเตียงข้างๆก็พบรินรดานอนหมดสติอยู่ เขาสับสนไปหมด ทันใดนั้นประตูห้องถูกเปิดออก ผู้เป็นพ่อของเขาเดินเข้ามาสีหน้าไม่ค่อยดี



    “ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับ” ภาคินถามพ่ออย่างร้อนใจ



    “มีคนเจอแกกับหนูรินนอนสลบอยู่ที่ป่าหญ้าข้างๆแม่น้ำเจ้าพระยาเลยโทรเรียกตำรวจกับรถพยาบาล” ผู้เป็นพ่ออธิบาย ภาคินพยายามนึกเหตุการณ์จำได้ว่าเขาถูกตีที่ท้ายทอยตรงใกล้ร้านอาหาร เขาพยายามปะติดปะต่อเรื่องได้ว่าเขาน่าจะถูกลากไปไว้ที่ป่าหญ้า และรินรดาก็อยู่ในสภาพเดียวกัน คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่โจรจะปล้นคนสองคนที่เกี่ยวข้องกัน เพียงแต่เขายังหาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไม



    “พ่อครับ แล้วภัทรละครับ” ภาคินรีบถามผู้เป็นพ่อ



    “หนูภัทรหายตัวไป ตำรวจยังหาไม่เจอ” ได้ยินดังนั้นความรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีก็ตีขึ้นมา เขาทำท่าจะลุกออกจากเตียงคนไข้



    “แกจะไปไหน” คนเป็นพ่อรีบจับตัวลูกชายไว้



    “ผมจะไปตามหาภัทร” สายตาเอาจริงเอาจังของลูกชายทำให้คนเป็นพ่อขัดไม่ได้ เขายอมอนุญาตให้ภาคินไป ส่วนเขาจะคอยเฝ้ารินรดาให้



    ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่เกิดเหตุ ท้องฟ้ามืดสนิท ฝนยังเทกระหน่ำอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการหาตัวหญิงสาวตามที่ได้รับแจ้งจากบิดาของผู้สูญหายว่าลูกสาวของเขาออกมาพร้อมกันสองคน ภาคินวิ่งเข้ามาที่เกิดเหตุก่อนตำรวจจะสอบปากคำ ภาคินพยายามช่วยออกตามหาคนรักไม่สนว่าเนื้อตัวจะเปียกปอนขนาดไหน แต่หาอย่างไรก็ไม่พบ เขาเครียดหนักเข้าไปอีก ใช้มือข้างหนึ่งเสยผมที่เปียกไปด้วยน้ำฝนอย่างคิดหาหนทาง



    พลันสายตาเหลือบไปเห็นเชือกไนลอนสีเขียวลอยอยู่เหนือแม่น้ำ เขารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี จึงเรียกเจ้าหน้าที่ให้มาดู ก่อนเจ้าหน้าที่จะช่วยกันงมหาอยู่นาน เนื่องจากเป็นน้ำลึก เป็นเวลากลางคืนและฝนตกหนัก ร่างสูงเองก็เป็นห่วงเกินกว่าจะรอดูอยู่เฉยๆได้ เขากระโจนลงน้ำพยายามแหวกว่ายหาคนรัก



    “ภัทร! ได้ยินพี่ไหม ภัทรอยู่ไหน” ภาคินตะโกนเรียกคนรักแข่งกับสายฝน แต่ก็ไม่มีการตอบรับ



    ภาคินดำลงไปลึกเรื่อยๆจนเหมือนเจออะไรบางอย่าง หัวใจกระตุกวูบ ร่างของคนรักอยู่ในสภาพใบหน้าและปากซีดเผือดราวกับคนใกล้หมดลมหายใจ มือสองข้างถูกมัดไขว้หลัง ขาสองข้างถูกมัดและถ่วงด้วยแท่งปูนขนาดใหญ่ ภาคินว่ายเข้าไปหาคนรักก่อนจะตบหน้าเรียกเบาๆ แต่ไร้การตอบรับ เขาพยายามแก้เชือกที่มัดข้อเท้าของหญิงสาวแม้ว่าเขาเองก็ใกล้จะหมดลมหายใจเต็มที หลังจากแก้มัดได้สำเร็จเขาพยุงร่างของคนรักขึ้นเหนือผิวน้ำ พร้อมกับร้องบอกเจ้าหน้าที่



    “ผมเจอแล้วครับ!” ภาคินพูดอย่างเหนื่อยหอบ เขาใกล้จะหมดแรงเต็มทน เนื่องจากอยู่ใต้น้ำเป็นเวลานาน แต่แขนแกร่งก็ยังโอบอุ้มร่างของคนรักไว้แน่น พยายามตะกายเข้าฝั่ง เจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยพาทั้งสองขึ้นฝั่งก่อนจะปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้หญิงสาว ภาคินวิ่งเข้ามาหาร่างหญิงสาวที่เจ้าหน้าที่กำลังปั๊มหัวใจพร้อมกับผายปอดอยู่ สายตาคมทอดมองคนรักอย่างเป็นห่วง



    “ภัทรตื่นขึ้นมานะภัทร”



    เจ้าหน้าที่ใช้เวลาช่วยชีวิตหญิงสาวอยู่นาน จนภาคินรู้สึกใจไม่ดี ดวงตาแดงก่ำอย่างพยายามสะกดกลั้นน้ำตา เจ้าหน้าที่หยุดการช่วยชีวิตลงก่อนจะหันมามองหน้าเขาแล้วส่ายหน้าให้เบาๆ นาราภัทรจากไปแล้ว เหมือนโลกทั้งโลกพังทลายลงมาทับเขา ภาคินพุ่งเข้าไปหาคนรัก ไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้อีกแล้ว



    “ภัทร...ฮรึก..ตื่นขึ้นมาสิ...ฮรึก..พี่อยู่นี่แล้วไง..ภัทร!” เขาพยายามปั๊บหัวใจคนรักอย่างบ้าคลั่ง ปากก็เรียกชื่อคนรักไม่ขาด น้ำตาลูกผู้ชายไหลอาบแก้มอย่างไม่อายใคร



    “คุณๆๆ เขาไปสบายแล้วคุณ” เจ้าหน้าที่เข้ามาจับให้เขาหยุดการกระทำนั้น เขายอมหยุดก่อนจะรวบตัวร่างไร้วิญญาณของคนรักขึ้นมากอดแนบอก ร้องไห้ออกมาด้วยหัวใจที่แตกสลาย เป็นที่น่าเวทนาของคนทุกคนในที่นั้น 



    มือใหญ่ล้วงกระเป๋ากางเกงก่อนจะหยิบบางสิ่งที่เขาตั้งใจจะมอบให้นาราภัทรในวันนี้ แหวนทองคำขาวเกลี้ยงฝังเพชรรูปหัวใจ เขาบรรจงสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายของหญิงสาวพร้อมกับยกมือที่ซีดขาวราวกับกระดาษขึ้นมาจูบ น้ำตาลูกผู้ชายไหลลงบนมือของหญิงสาว ชายหนุ่มถอนจูบออก ก่อนจะใช้มือลูบศีรษะของหญิงสาวอย่างทะนุถนอม  



    “พี่รักภัทรนะ” เขาพยายามยิ้มให้คนรักเป็นครั้งสุดท้าย แม้น้ำตาจะไหลอาบแก้มอย่างไม่ขาดสาย...




    ภาคินเล่าเรื่องทุกอย่างให้ริทฟังทั้งน้ำตา แม้ว่าเขาจะพยายามกลั้นมันแค่ไหนแต่ก็ไม่อาจห้ามไม่ให้มันไหลได้ ริทเองก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้เช่นกัน



    “ไม่ร้องไห้สิ” ภาคินพยายามยิ้มให้หลานชาย ใช้นิ้วโป้งใหญ่เกลี่ยน้ำตาให้



    “อาคินนั่นแหละฮะ” ริทขยี้ไล่น้ำตาตัวเองก่อนจะเอื้อมไปเช็ดให้ภาคินด้วย



    “ไปกินข้าวได้แล้วไป สายมากแล้ว เดี๋ยวเป็นโรคกระเพาะ” ภาคินบอกหลานชายก่อนที่ริทจะลุกขึ้นแล้วไปกินข้าวตามที่ภาคินบอก



    ____________________________________________________________________________________________



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×