คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : My Angel I
My Angel
คอนโดราคาถูกย่านชานเมืองกรุงเทพ ชายหนุ่มร่างสูงอยู่ในชุดลำลองสบายๆ นัยน์ตาคมจ้องมองกระดาษใบใหญ่บนกระดานวาดรูปตรงหน้าอย่างตั้งใจ มือหนาจรดปลายพู่กันลงบนกระดาษ ใช้มือวาดไปตามจินตนาการของตนเอง ภาพหนุ่มน้อยตาหวาน จมูกโด่งเป็นสัน ปากเล็กบางสีแดง ผิวสีน้ำผึ้งแต่มีเสน่ห์ อยู่ในชุดสูทสีขาวครีม องค์ประกอบทั้งหมดทำให้หนุ่มน้อยในภาพน่าหลงใหลยิ่งขึ้น ชายหนุ่มยกปลายพู่กันออก พินิจพิจารณาผลงานตนเองก็เหมือนยังขาดอะไรอยู่ ไวเท่าความคิด ชายหนุ่มจรดปลายพู่กันลงวาดปีกสีขาวครีมเล็กๆบนหลังหนุ่มน้อยในภาพ วาดเสร็จก็นึกขำในจินตนาการของตัวเอง
ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจไล่ความปวดล้าหลังจากใช้เวลาวาดภาพอยู่นานสองนาน เก็บอุปกรณ์วาดรูปเข้าที่เดิมอย่างเรียบร้อย เดินเข้าไปในครัวเพื่อหาน้ำกินอย่างสบายอารมณ์ โดยไม่ทันสังเกตแสงสีขาวสาดส่องออกมาจากภาพผลงานเมื่อครู่
หลังพักจนหายเหนื่อยแล้ว ชายหนุ่มเดินกลับเข้ามาอีกครั้งในมือถือกล้องสีดำ เล็งกล้องไปที่ภาพวาดผลงานของตัวเอง มือหนาหมุนปรับโฟกัสอย่างชำนาญ ความรู้สึกบางอย่างทำให้นิ้วมือใหญ่ที่กำลังจะกดชัตเตอร์ต้องชะงัก เขาเงยหน้าจากกล้องดูด้วยตาเปล่าก็ไม่พบอะไรผิดปกติ เขาคงคิดมากไปเอง
“คิดอะไรของแกวะไอ้โน่” ชายหนุ่มบ่นพึมพำกับตัวเองอย่างขำๆ ก่อนจะก้มลงพร้อมถ่ายภาพอีกครั้ง เขากดชัตเตอร์อย่างไม่รอช้า เช็คภาพที่ถ่ายเมื่อครู่พร้อมกับยิ้มพอใจในภาพที่ถ่ายออกมา
ร่างสูงเดินถือกล้องไปที่โต๊ะทำงาน ถอดเอาเมมโมรีการ์ดจากกล้องเสียบเข้ากับโน้ตบุ๊ค คลิกเปิดเว็บไซต์ที่เขาเป็นคนสร้างขึ้นมาเองเพื่อใช้ขายผลงานภาพวาดของเขา มือหนาเลื่อนเมาส์ไล่ดูผลงานที่ผ่านมาของตัวเองอย่างภูมิใจ ถึงแม้บางภาพจะขายได้มากได้น้อยหรือขายไม่ได้เลย เพราะนี่คือรายได้ที่เลี้ยงตัวเขามาตั้งแต่สมัยเรียนมหา’ลัย
บ้านเกิดของเขาอยู่ต่างจังหวัด ครอบครัวไม่ได้มีฐานะมากนัก เมื่อจบม.6เขาสอบเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยในกรุงเทพได้ ถึงแม้เขาจะสอบติดมหาวิทยาลัยใกล้ๆบ้าน และพ่อแม่ก็เห็นด้วยถ้าจะเรียนที่นั่น แต่เขาคิดว่ามหาวิทยาลัยนี้มีสาขาหลักสูตรที่เขาสนใจมากกว่า จึงขอมาเรียนที่กรุงเทพและย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพโดยบอกกับพ่อแม่ว่าไม่ต้องส่งเสียเขา เขาจะเลี้ยงตัวเองให้ได้ ระหว่างเรียนมหา’ลัยเขาก็ทำงานควบคู่ไปด้วยตลอด ทั้งวาดรูปขาย ทำงานเด็กเสิร์ฟ ช่วยงานอาจารย์ ก็พอมีเงินค่าอยู่ค่ากินบ้าง ส่วนค่าเทอมเขาโชคดีที่ได้ทุนเรียนฟรีของมหาวิทยาลัยจากผลการเรียนที่ค่อนข้างดีของเขา
ตอนนี้เขาเรียนจบแล้ว และยังยึดอาชีพวาดรูปขายเหมือนเมื่อตอนเรียนมหา’ลัย แต่อาจจะต่างกันตรงวิธีนำเสนอขายผลงาน ที่เขาใช้เทคโนโลยีโลกออนไลน์เข้ามาช่วยเป็นบอร์ดตั้งโชว์ผลงาน มือหนากดเลือกเมนูแก้ไขหน้าเว็บ ลากไฟล์รูปที่ถ่ายเมื่อครู่จากเมมโมรีการ์ดลงบนหน้าเว็บ พิมพ์รายละเอียดผลงานไว้ใต้ภาพเตรียมจะกดบันทึกแก้ไขหน้าเว็บ
“อย่านะ!” เสียงใสที่ฟังดูจะเคืองๆดังเข้ามากระทบโสตประสาทร่างสูงที่นั่งอยู่หน้าคอมทำให้เขาตกใจไม่น้อย ใครกัน? ตาเล็กคมกวาดมองรอบๆก็พบแต่ความว่างเปล่า
“วันนี้เราเป็นอะไรวะ” รางสูงบ่นกับตัวเองเบาๆอย่างไม่คิดอะไร เตรียมจะหันไปกดบันทึกแก้ไขหน้าเว็บหลังโดนขัดจังหวะจากอะไรก็ไม่รู้
“ก็บอกว่าอย่าไง!!” อีกแล้ว...เขายังไม่ทันจะกดก็ได้ยินเสียงนี้อีกแล้ว เสียงเดิมที่จับทิศทางไม่ได้ว่ามาจากไหน แต่ครั้งนี้เขามั่นใจว่าเขาไม่ได้หูแว่วแน่ๆ
“ใคร?!?” เขาผละออกจากคอมแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง กวาดสายตาไปรอบห้อง ถึงจะกลัวอยู่บ้างแต่ความสงสัยมีมากกว่า “ฉันถามว่าใคร?!?” ย้ำคำถามเดิมอีกครั้งเมื่อไม่ได้รับคำตอบกลับมา
“ฉันเอง” คราวนี้ทิศทางของเสียงนั้นชัดเจน ร่างสูงหันไปตามเสียงก็ถึงกับช็อก ผู้ชายตัวเล็กตาหวานผิวสีน้ำผึ้ง จมูกโด่งเป็นสัน ปากเล็กบางสีแดง อยู่ในชุดสูทสีขาวครีมมีปีกเล็กๆติดอยู่ที่หลัง ยืนจังก้าเอามือกอดอกมองเขาด้วยใบหน้าบึ้งตึง ร่างสูงมองผู้ชายตัวเล็กตรงหน้าสลับกับภาพวาดหนุ่มน้อยของเขาไปมา ก็ยิ่งทำให้เขาช็อกหนักกว่าเก่า ได้แต่ยืนอึ้งอยู่อย่างนั้น พูดอะไรไม่ออก ขาก็แข็งจนก้าวไม่ออก จะว่าตกใจก็ตกใจ จะว่ากลัวก็กลัว
“นี่! จะอึ้งอีกนานไหม” เสียงใสๆที่เขาได้ยินในตอนแรกถูกเอื้อนเอ่ยออกมาจากปากคนตัวเล็กตรงหน้า ทำให้เขาได้สติกลับมา
“ผะ..ผะ..ผะ..ผี!!!!!!!!!” ร่างสูงวิ่งเข้าไปในห้องนอนจัดการล็อคประตูอย่างแน่นหนา สร้างความงุนงงให้กับคนมาใหม่อย่างหนุ่มน้อยมีปีกเป็นอย่างมาก
“อะไรของเขานะ งงแฮะ” ใบหน้าหวานที่บูดบึ้งแปรเปลี่ยนเป็นความฉงนอย่างชัดเจน คิ้วสวยขมวดเข้าหากันจนเกือบจะผูกโบว์ได้ ใบหน้าหวานเอียงคอคิดตามเมื่อพยายามทำความเข้าใจกับชายหนุ่มที่วิ่งหนีเขาอย่างลุกลี้ลุกลน
ภายในห้องนอน
“น..นะโม ตัสสะ ภ..ภ...ภ..ภะคะวะโต...” ร่างสูงนอนคุดคู้อยู่บนเตียง ปากก็ท่องบทสวดมนต์ ท่องผิดท่องถูก มือสั่นๆพนมมือไหว้ท่วมหัว หลับตาปี๋
“ทำอะไรหรอ” เสียงใสๆดังขึ้นข้างๆหูร่างสูงทำให้บทสวดมนต์หยุดชะงักลง หัวใจร่างสูงเต้นแรงและรัวจนเกือบจะทะลักออกมา มือที่พนมอยู่สั่นแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เปลือกตาหนาค่อยๆลืมขึ้นช้าๆ
หนุ่มน้อยมีปีกนอนเท้าค้างจ้องหน้าเขาตาแป๋วในระยะประชิด
“อ๊ากกกกกกกกกก!!! โครม!!” ด้วยความตกใจทำให้ร่างสูงเผลอถีบหนุ่มน้อยมีปีกตกเตียงอย่างแรง
“อูยยยย ถีบมาได้ เจ็บนะ!!” หนุ่มน้อยมีปีกเอามือคลำก้นตัวเองป้อยๆ ลุกขึ้นยืนหน้ามุ่ย
“นะ..นายเป็นใคร?!?” ร่างสูงถอยกรูดชิดฝาผนังห้องอีกข้าง
“อ๋ออออ ฉันชื่อกัน เป็นเทวดาน้อยของนาย” หนุ่มน้อยมีปีกแนะนำตัวอย่างสดใส ส่งยิ้มกว้างไปให้ร่างสูง
“ฮ..ฮะ!” คำตอบของหนุ่มน้อยมีปีกไม่ได้ทำให้ร่างสูงหายกลัวสักเท่าไหร่
“ฉันชื่อกันนนนน!! เป็นเทวดาน้อยของนายยยยยยยย!!” หนุ่มน้อยมีปีกเร่งเสียงตัวเองขึ้น ย้ำคำตอบให้ร่างสูงตรงหน้าอีกที เขาต้องได้ยินกันพูดไม่ถนัดแน่ๆเลย ถึงทำหน้างงแบบนั้น หนุ่มน้อยมีปีกคิดในใจ
“ทะ...ทะ..เทวดา?” ร่างสูงที่ดูจะผ่อนคลายความกลัวลงบ้างถามขึ้น อย่างน้อยหนุ่มน้อยมีปีกตรงหน้าคงไม่ทำอะไรเขา
“ช่ายยยยย” หนุ่มน้อยมีปีกกอดอกตอบอย่างภูมิอกภูมิใจ
“ละ..แล้วมาอยู่ในห้องฉันได้ยังไง” ถามอย่างกล้าๆกลัวๆ
“ก็นายวาดฉันขึ้นมาเองหนิ”
“ฉันไม่ได้วาดนาย”
“ก็เห็นๆอยู่ว่านายวาดฉัน” หนุ่มน้อยมีปีกเริ่มไม่พอใจ ใบหน้าบูดๆทำแก้มพองลมนิดๆ
“เออ วาดก็วาด” คำตอบของร่างสูงเรียกรอยยิ้มพอใจจากหนุ่มน้อยมีปีก “แต่ว่านายก็..อะ..ออกไปได้แล้ว” เอ่ยปากไล่อย่างไม่เต็มเสียงนัก ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะอะไรตัวเขาเองก็ตอบไม่ได้
“ออกไปไหน?” ดูเหมือนว่าหนุ่มน้อยมีปีกจะไม่เข้าใจความหมายของเขาเท่าไหร่
“ออกไปที่ไหนก็ได้ ที่ไม่ใช่ห้องฉัน!”
“ไม่ได้! นายวาดฉัน ฉันก็ต้องอยู่กับนายสิ” หนุ่มน้อยมีปีกเดินเข้าหาร่างสูง
“ยะ..อย่าเข้ามานะ! คนกับเทวดาจะอยู่ด้วยกันได้ยังไง!” ร่างสูงถอยไปชิดมุมห้อง
“ได้สิ! ให้น้องกันอยู่ด้วยน้าาาา” เดินเข้าหาร่างสูง ทำมือขึ้นประสานกัน เอียงคอมอง ทำตาปริบๆ ตามนิสัยขี้อ้อนของตนเอง
“ไม่ได้!!!”
“น้าาาาา” ยังคงเดินเข้าหาร่างสูงเรื่อยๆ
“เฮ้ยย!! บอกว่าไม่ได้ไง!!! โครม!!” อีกครั้ง เมื่อพูดไม่ฟังว่าอย่าเข้ามาใกล้เขา ร่างสูงยันหนุ่มน้อยมีปีกจนล้มลงกับพื้นอีกครั้ง
“โอ๊ย” แต่คราวนี้ไม่มีเสียงโวยวายตอบกลับมา มีเพียงเสียงร้องเบาหวิวแสดงความเจ็บสั้นๆ
“…” เมื่อความเงียบเข้าปกคลุมภายในห้อง ร่างสูงเองก็ทำตัวไม่ถูก หนุ่มน้อยมีปีกยังคงนั่งก้มหน้านิ่งอยู่กับที่ไม่ได้ขยับตัวไปไหน ปีกน้อยๆลู่ลง “เอ่อ...” ไม่รู้อะไรทำให้ร่างสูงตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้ๆและย่อตัวลงข้างๆหนุ่มน้อยมีปีก “คือ...” ยังไม่ทันได้พูดอะไรไปมากกว่านั้น คำพูดทุกอย่างก็ถูกกลืนเข้าไปในลำคอ เมื่อเห็นน้ำใสๆหยดแหมะลงบนแก้มเจ้าหนุ่มน้อยมีปีก นายนี่ร้องไห้หรอ?
“นะ..นาย ร้องไห้?”
“ฮรึก” ไม่มีคำตอบใดๆกลับมานอกจากเสียงสะอื้นของเจ้าหนุ่มน้อยมีปีก
“นายเจ็บหรอ ฉันขอโทษนะ” ร่างสูงขอโทษอย่างรู้สึกผิด
“ฮรึก..นาย..อึก..ให้ฉัน..ฮรึก..อยู่ด้วยนะ” หนุ่มน้อยมีปีกช้อนตาแดงๆขึ้นมองร่างสูงข้างๆอย่างเว้าวอน
“กะ...ก็ได้”
“จริงๆหรอ” ดวงตาหวานที่เอ่อไปด้วยคราบน้ำตาทอประกายสดใสขึ้นมาถนัดตา ปีกเล็กๆข้างหลังขยับน้อยๆแสดงถึงความดีใจ
“อื้ม” ร่างสูงพยักหน้ารับปาก ดีเหมือนกันแฮะ อยู่คนเดียวมาตั้งนาน อยู่ดีๆก็มีเทวดามาอยู่ด้วย คงจะสนุกดี
1 สัปดาห์ผ่านไป
ครับ อยู่ด้วยกันมา 1 อาทิตย์ ก็สนุกดี สนุกมาก ไม่ใช่ผมนะครับ แต่เป็นเจ้ากันต่างหาก ดูสิครับ
“นี่ๆๆๆ พี่โน่ดูสิ กันบินตีลังกาได้แล้วนะ” เจ้ากันเรียกผมพร้อมกับบินตีลังกาให้ดู
“กัน พอแล้ว พี่เวียนหัว” ผมบ่นอย่างเหนื่อยหน่ายกับความซนของเจ้าตัวเล็ก
“ยิปปปปี้” เจ้าตัวเล็กไม่ฟัง แถมบินว่อนไปรอบห้องอีก สงสัยต้องใช้ไม้เด็ด
“ถ้ากันไม่หยุดพี่จะไม่พาไปซื้อโมเดลนะ” ได้ผลครับ เจ้าตัวเล็กยอมหยุดบินแล้วเดินมาหาผมที่นั่งอยู่หน้าคอม “ดีมาก”
“กันหยุดแล้ว ว่าแต่พี่โน่จะพากันไปซื้อโมเดลจริงๆหรอ” เจ้าตัวเล็กนั่งลงบนตักของผม เอียงคอถามอย่างน่ารัก
“อื้ม”
“เยยยยย้ รักพี่โน่ที่สุดเลย” เจ้าตัวเล็กหันมาโถมตัวกอดผมอย่างแรง ผมที่ไม่ทันตั้งตัวก็ได้แต่ลูบปีกน้อยๆตอบเบาๆ เผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว เหมือนเจ้าตัวเพิ่งจะรู้ตัว เขาผละออกแล้วเสตาหลบน้อยๆ ผมสังเกตเห็นหูแดงๆของเจ้าตัวเล็ก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร “แล้ว..ว่าแต่พี่โน่ทำอะไรอยู่” จนตอนนี้เขาก็ยังหลบตาผม
“ก็กำลังอัพผลงานใหม่ลงเว็บอยู่หน่ะ จะขายได้หรือเปล่าก็ไม่รู้”
“พี่โน่ไม่ขายรูปกันแล้วใช่ไหม” เจ้าตัวเล็กหันมาถาม ผมยิ้มน้อยๆก่อนจะตอบ
“ขายไม่ลงหรอก น่ารักขนาดนี้” เอามือขยี้หัวเขาอย่างเอ็นดู ผมแอบเห็นเจ้าตัวเล็กแก้มแดง ปีกน้อยๆแข็งทื่อขึ้นมาเสียอย่างนั้น หลังจากอยู่ด้วยกันมาอาทิตย์นึง ทำให้ผมรู้ว่าจะดูอารมณ์กันให้ดูที่ปีกเขาครับ อย่างเช่นตอนนี้อาการปีกแข็งทื่อบวกกับแก้มแดงๆแล้วเนี่ย เดาได้ไม่ยากเลยครับว่าเขินอยู่
“อืมม อย่าขายนะ ถ้าขายกันคงต้องไปอยู่กับเขา” เจ้าตัวเล็กก้มหน้าซึมๆ ปีกน้อยๆลู่ลง อ้อ!ผมจะบอกว่ากันเป็นคน..เอ่ออ..นางฟ้า (ผมเรียกเขาแบบนี้แหละครับ แต่เขาไม่รู้ตัวหรอก) ที่เปลี่ยนอารมณ์เร็วมากครับ ดูสิเขินอยู่ดีๆก็ดราม่าเฉยเลย
“ครับ ไม่ขายครับ” ยิ้มให้คำมั่นสัญญากับเจ้าตัวเล็ก “ปะไปซื้อโมเดลกัน”
“เย้! ซื้อโมเดล! ซื้อโมเดล!” พอได้ยินเจ้าตัวเล็กถึงกับกระโดดลุกพรวดแล้วไปกระโดดเหย็งๆอยู่หน้าประตู
“แต่ต้องเก็บปีกก่อน”
“เก็บแล้วจะบินไปได้ยังไงล่ะ” พูดแล้วก็กางปีกเตรียมจะบินอีกแล้ว
“ก็ไม่ได้บอกให้บินไปหนิ เดี๋ยวไปบีทีเอส” ผมอธิบายไปด้วยเตรียมของไปด้วย
“ไม่เอากันจะบินไป” กางปีกออกอีก 36 องศา
“ถ้าจะบินไปก็ไม่ต้องไป” ผมหยุดเก็บของแล้วเท้าเอวมองหน้านางฟ้าจอมดื้อ
“งื้อออออออออ” เจ้าตัวเล็กยืนกระทืบเท้าอยู่หน้าประตู กระพือปีกผั่บๆๆ หน้างอๆบ่งบอกชัดเจนว่าไม่พอใจที่ถูกขัดใจ
“ว่ายังไง” ผมกอดอกถามนิ่งๆ นางฟ้าเอาแต่ใจอย่างกันต้องถูกดัดนิสัยบ้าง
“งื้ออ กันอยากได้โมเดล” เจ้าตัวเล็กหยุดกระทืบเท้าแต่ยังคงกระพือปีก
“งั้นก็เก็บปีก” ผมสั่งนิ่งๆ
“งืมมม” เจ้าตัวเล็กยอมเก็บปีก ถึงมันจะซ่อนได้ไม่มิด แต่มองผ่านๆก็ไม่ทันสังเกตหรอก
“ดีมาก”
สถานีบีทีเอส
“กันขึ้นบันไดเลื่อนแล้วชิดขวา” ผมบอกในขณะที่เจ้าตัวดูจะตื่นเต้นกับโลกภายนอกเสียเหลือเกิน เพราะตั้งแต่อยู่ด้วยกันผมไม่เคยพาเขาออกไปไหนไกลเกินกว่าเซเว่นข้างล่างคอนโดเลย
“วู้ๆๆๆ พี่โน่คนเยอะจัง” เจ้าตัวเล็กกระโดดเหย็งๆมองไปรอบๆ ส่งยิ้มให้คนข้างๆบ้าง
“กันยืนดีๆ เดี๋ยวตก” ผมจำต้องจับให้เขายืนเฉยๆ จับมือเจ้าตัวเล็กไว้ด้วยจะได้ไม่หาย ผมพาเขามากดบัตรบีทีเอส ซึ่งเจ้าตัวก็ดูจะสนใจมากทีเดียว พอเข้ามาในขบวนรถซึ่งผู้คนเบียดเสียดกันเป็นจำนวนมาก ทำให้กันไม่สามารถยืนจับเสาได้ พอขบวนรถออกตัวกระชากที ก็เล่นเอาเจ้าตัวเล็กเกือบหงายหลังไม่เป็นท่า ดีที่ผมโอบเอวเขาไว้ทัน
ในที่สุดก็มาถึงที่หมาย ผมเลือกลงสถานีชิดลม เดินสกายวอล์กมาอีกนิดเดียวก็ถึงเซ็นทรัลเวิร์ล กันแลดูจะตื่นเต้นมาก ปีกที่เก็บอยู่ถึงกับสั่นระริก เดาได้เลย ถ้ายังไม่ได้เก็บป่านนี้กระพือผั่บๆๆแล้ว
“ที่นี่น่ะหรอ” เจ้าตัวเล็กหันมาถามผม ตาหวานเป็นประกายบ่งบอกชัดเจนว่าตื่นเต้นมาก
“ใช่ ตามมาสิ” ผมจูงมือเขาเดินเข้าห้างไป กดลิฟต์แก้วตรงขึ้นไปยังชั้นร้านขายโมเดล กันที่ไม่เคยเห็นลิฟต์แก้วก็แลดูจะตกใจตอนลิฟต์ค่อยๆขึ้นไปยังจุดหมาย เจ้าตัวเล็กกอดแขนผมแน่น
“กันยังไม่เคยบินสูงขนาดนี้เลยนะ” นี่คือสิ่งที่เขากระซิบบอกผมขณะที่ลิฟต์กำลังขึ้น ผมหัวเราะเบาๆกับคำพูดไร้เดียวสาของนางฟ้าจอมซนข้างๆ
“อ่ะ ถึงแล้ว” ผมพาเขามาหยุดอยู่หน้าร้านขายโมเดลขนาดใหญ่ มีหลายแบบให้เลือกเยอะแยะมากมาย เห็นเจ้าตัวเล็กตาเป็นประกาย ปีกสั่นระริกจนผมกลัวเจ้าของร้านจะผิดสังเกตเอา
“เชิญครับ” เสียงเจ้าของร้านเชิญเราเข้าไปในร้าน กันยังคงไม่ชินกับการอยู่กับคนอื่นนอกจากผม เจ้าตัวเล็กหันมามองหน้าผม ก่อนที่ผมจะพยักหน้าให้เขาเดินเข้าไปในร้านแล้วผมจึงตามเข้าไปดูอยู่ห่างๆ
แต่ก็ดูเหมือนว่านางฟ้าของผมจะมนุษยสัมพันธ์ดีเสียเหลือเกิน เลือกโมเดลกับพี่เจ้าของร้านแป๊บเดียวก็สนิทกันเสียแล้ว
“ตัวนี้ชื่ออะไรครับ?...ตัวนี้ต่อยากไหมครับ?....ตัวนู้นสวยจังเลยครับ...ตัวนั้นก็เท่นะ...บลาๆๆ” ผมฟังเสียงเจื้อยแจ้วของเจ้าตัวเล็กที่ถามนู่นถามนี่พี่เจ้าของร้าน แต่พี่เจ้าของร้านก็ไม่ได้ดูรำคาญแม้แต่น้อย ออกจะเอ็นดูด้วยซ้ำ ไม่ต่างกับวันที่เขามาอยู่กับผมแรกๆที่ส่งเสียงเจื้อยแจ้วถามนู่นนี่นั่นทั้งวัน มัวแต่คิดอะไรเพลินๆ รู้ตัวอีกทีเจ้าตัวเล็กก็มาสะกิดให้ไปจ่ายตังค์ซะละ
ออกมาจากร้านเจ้าตัวเล็กยังกอดถุงโมเดลของตัวเองราวกับว่ากลัวมันจะกระทบกระเทือน
“พี่ถือให้ไหม”
“ไม่ๆๆๆกันถือเอง” เจ้าตัวเล็กกอดโมเดลแน่น
“อ่ะๆๆถือเองก็ถือเอง แต่ตอนนี้ไปกินข้าวกันก่อนนะแล้วค่อยกลับบ้าน” ผมพาเขามายังร้านอาหารร้านนึงที่คิดว่าราคาน่าจะถูกที่สุดในห้างเพราะผมก็ไม่ได้มีเงินมากนัก
“กันอยากกินอะไรสั่งได้เลยนะ” ผมบอกเขาในขณะที่ตัวเองก็เปิดดูเมนูไปเรื่อยๆ
“กันเอาอันนี้ครับ” เสียงเจ้าตัวเล็กสั่งกับพนักงาน
“ครับ ผมเอาเสต็กปลา แล้วก็น้ำเปล่าสองแก้วครับ” หันไปบอกพนักงานรับออร์เดอร์ก่อนที่พนักงานจะเก็บเมนูไป
เมื่ออาหารมาเสิร์ฟ ผมถึงเพิ่งรู้้ว่ากันสั่งอะไรไป มันคือสปาเกตตี้ขี้เมาทะเล สั่งมาแล้วกินได้หรอนั่น! เพราะจากที่อยู่ด้วยกันมาขนาดผัดกระเพราใส่พริกเม็ดเดียวทั้งจานยังบ่นเผ็ดเลย
ผมจับตาดูเจ้าตัวเล็กค่อยๆม้วนเส้นสปาเกตตี้อย่างบรรจงก่อนจะตักเข้าปาก ค้างอยู่สักพักเหมือนเจ้าตัวกำลังพิจารณาถึงรสของสปาเกตตี้ เหมือนจะเริ่มรู้สึกถึงความแสบร้อนบนลิ้นจึงรีบคายออกมาก ควานหาแก้วน้ำดื่มอย่างรวดเร็ว น้ำตาน้ำมูกไหลเต็มไปหมด เหงื่อแตกพลั่ก แลบลิ้นออกมาหาอากาศเย็นข้างนอก ผมรีบหยิบกระดาษทิชชู่เอื้อมไปเช็ดน้ำมูกน้ำตาให้เจ้าตัวเล็กตรงหน้า
“รู้ว่ากินเผ็ดไม่ได้แล้วสั่งมาทำไม” ถึงจะบ่นแต่มือก็ต้องเช็ดน้ำมูกน้ำตาให้เจ้าตัวเล็ก
“ก็กัน..แฮ่ก..ไม่รู้จักขี้เมา..แฮ่ก..นี่นา นึกว่าเหมือนสปา..แฮ่ก..เกตตี้ทั่วไป” หลังจากปฐมพยาบาลกันเบื้องต้นแล้ว แน่นอนว่าผมต้องแลกอาหารกับกัน เพราะไม่งั้นเจ้าตัวเล็กคงกินไม่ได้แน่ๆ
หลังจากอิ่มกันแล้ว ผมก็พาเจ้าตัวเล็กกลับโดยเลือกกลับรถเมล์เพราะจะได้ให้เจ้าตัวเล็กได้ชินกับชีวิตมนุษย์สักที รถเมล์สายที่ไปบ้านผมก็ไม่ใช่ปอ.หรอกครับ รถเมล์เปิดหน้าต่างธรรมดาๆนี่แหละ แต่ด้วยอากาศหัวค่ำๆทำให้อากาศไม่ได้ร้อนอย่างที่คิด แถมลมโกรกเย็นสบาย ผมเลือกที่นั่งคู่โดยให้กันนั่งริมหน้าต่าง ตลอดทางก็มีเสียงเจื้อยแจ้วคอยถามผมตลอดว่านั่นอะไรนี่อะไร ผมไม่ได้รำคาญนะ ผมชอบด้วยซ้ำ ตั้งแต่กันมาอยู่ด้วยก็ยอมรับเลยว่าผมมีความสุขมาก ถึงเจ้าตัวเล็กจะดื้อจะเอาแต่ใจในบางครั้งแต่ผมก็มองว่ามันน่ารักดีนะ
คอนโด
“กันไปอาบน้ำก่อน ค่อยมาต่อโมเดล” ผมที่เดินออกมาจากห้องน้ำบอกกันที่กำลังวุ่นอยู่กับการต่อโมเดลที่เพิ่งซื้อมาวันนี้
“…” กันยังคงไม่สนใจในสิ่งที่ผมพูด
“กัน ถ้ายังไม่ไปอาบน้ำพี่ยึดโมเดลนะ” ผมพูดเสียงเรียบ ทำให้เจ้าตัวเล็กกระตุกปีกทีนึงประมาณว่าไม่พอใจเท่าไหร่ เดินคว้าผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำไป ผมส่ายหน้าเบาๆกับความเป็นเด็กของเจ้าตัวเล็กก่อนจะเช็คยอดโอนเงินของลูกค้าระหว่างรอเจ้าตัวเล็กอาบน้ำ
“พี่โน่เป่าปีกให้กันหน่อยสิ อาบน้ำปีกเปียกหมดแล้ว” เจ้าตัวเล็กในชุดนอนขายาวสีฟ้าอ่อนเดินถือไดร์เป่าผมเข้ามานั่งหันหลังให้ผม ซึ่งผมก็รับไดร์เป่าผมมาอย่างเคยชิน เพราะทุกวันหลังจากอาบน้ำต้องมีปัญหานี้เกิดขึ้น วันหลังคงต้องคิดค้นที่คลุมปีกให้กันเสียแล้ว
“เอ้า เสร็จแล้ว”
“งืมๆๆๆ” เจ้าตัวเล็กกระพือปีกน้อยๆเพื่อจัดทรงขนบนปีกให้เข้าที่เข้าทาง ผมเห็นเขาหาววอดๆ คงจะเพลียสินะ วันนี้ไปข้างนอกมา
“ง่วงก็นอนก่อนก็ได้ พรุ่งนี้ค่อยต่อ โมเดลอ่ะ” ผมบอกพร้อมเอามือโยกหัวเจ้าตัวเล็กไปมา
“งืมมม จะต่อโมเดล” สภาพแบบนี้ยังจะห่วงเล่นอีก แค่นั่งเฉยๆยังล้มมาซบผมเลยเนี่ย
“นอนๆๆ” ผมดันให้เจ้าตัวเล็กนอนลง ส่วนผมก็เดินไปปิดไฟ ล้มตัวลงนอนข้างๆ จุ๊บเบาๆที่ริมฝีปากบาง
“ฝันดีนะครับนางฟ้าของพี่” แล้วก็เข้าสู่ห้วงนิทราตามเจ้าตัวเล็กข้างๆ
ความคิดเห็น