รักของแม่ จะอยู่กับหนูตลอดไป
เรื่องนี้ใช้โครงเรื่องเดียวกับเรื่องสั้นเรื่องแรกทีเราแต่แล้วไปได้รางวัลมา(แบบว่าฟลุ๊คสุดๆ) เรื่องราวประมาณว่า แม่เป็นแรงบันดาลใจให้ตัวเอกพยายามจนเรียนจบปริญญาอ่ะ ช่วยเม้นต์หน่อยนะ หนับหนุนมือใหม่จร้า
ผู้เข้าชมรวม
284
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
"แก้ว ถ่ายรูปกันเร็ว" พูดไม่พูดปล่าว เจ้าของคำชวนวิ่งเข้ามาดึงมือแก้วให้ไปร่วมถ่ายรูปด้วยกัน
"แหม กระดี๊กระด๊าจริงยายแป๋มนี่"
"โธ่ ก็ปริญญาใบแรกนี่จ๊ะ"
ใช่แล้ว วันนี้เป็นวันรับปริญญาของนิสิตนักศึกษาจบใหม่ เป็นวันที่ทุกคนมีรอยยิ้มบนใบหน้ากันทั่วไป รวมทั้ง "แก้ว" ด้วย
ตกเย็น ผู้คนเริ่มทยอยกันกลับบ้าน บ้างก็พากันไปเลี้ยงฉลองความสำเร็จ ตอนนี้ทั้งมหาวิทยาลัยคงมีแค่แก้ว ที่ไม่มีนัดเลี้ยงฉลองที่ไหน แก้วเดินไปยังสระน้ำหลังตึกเรียน แสงทองของตะวันที่คล้อยตำตกกระทบต้องกับผิวน้ำที่กระเพื่อมขึ้นลงด้วยแรกลมอ่อนๆ ช่างเป็นภาพที่สวยงามเหลือเกิน แก้วนั้งลงใต้ต้นก้ามปูที่เริ่มแตกใบใหม่สีเขียวอ่อนสดใส มองเหม่อไกลออกไป ไกลออกไปแล้วคิดถถถึงคืนวันอันเป็นอดีต
กลิ่นหอมๆของขนมบนกระทะโชยเข้าเตะจมูกเด็กสาวคนหนึ่งในห้องนอนสี่เหลี่ยมเล็กๆ เป็นเหตุให้เด็กสาวคนนั้นลุกขึ้นมานั่งขยี้ตาด้วยท่าทางที่ยังงัวเงีย "แก้ว"แหงนมองนาฬิกาแล้วลุกเดินออกไปจากห้องลงไปยังชั้นล่างของบ้าน กลิ่นขนมของแม่นี่เป็นนาฬิกาปลุกชั้นยอดจริงๆ เธอไม่เคยตื่นสายเลย แล้วก็ไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุกด้วย
บ้านของแก้วเป็นบ้านไม้สองชั้น หลังไม่โตนักที่ค่องข้างจะเก่าคร่ำคร่า ด้านหน้าของตัวบ้านติดถนนลูกรังที่เป็นช่องทางเข้าหมู่บ้านเพียง่องทางเดียวเท่านั้น ครอบครัวของแก้วมีกันสองคนแม่ลูก โดยยึดอาชีพทำขนมหวานไทยๆขายมาเกือบสองปีแล้ว พื้นที่ชั้นล่างของบ้านถูกใช้เป็นเสมือนโรงรานผลิตขนมของบ้าน
"แม่จ๋า หอมจัง ชิมหนอยนะ"
"เดี๋ยวลูก มันระ..."
ไม่ทันแล้วค่ะ แก้วหยิบขนมทองหยออดบนตะแกรงพักน้ำมันใส่เข้าปากไปแล้ว แล้วไงต่อ ก็ร้อนสิคะ
"โอยแม่ ร้อนจัง ฟู่วๆๆ"
อาการของแก้วทำให้แม่อดอมยิ้มไม่ได้
"แก้ว ไปอาบเอะลูก เดี๋ยวไปโรงเรียนสาย"
"จ้า" ว่าแล้วก็เข้ามาหอมแก้มแม่ฟอดใหญ่ จากนั้นจึงขึ้นไปจัดการกับตัวเองที่ชั้นบน
ยี่สิบนาทีผ่านไป แก้วเดินลงมาในชุดนักเรียนเรียบร้อย ผู้เป็นแม่เห็นแล้วคลี่ยิ้มบางๆออกมา
"แก้วรู้มั้ยลูก แม่มีความสุขทุกครั้งที่ได้เห็นลูกของแม่อยู่ในเครื่องแบบนักเรียน การศึกษาจำเป็นที่สุดสำหรับคนเราในปัจจุบันรู้มั้ยลูก"
"ค่ะแม่ งั้นเดี๋ยวแก้วไปทำภารกิจอันยิ่งใหญนี้ต่อที่โรงเรียนนะจ๊ะ ไปนะคะแม่ สวัสดีค่ะ" แก้วยกมือไหว้น่ารัก
แก้วเดินออกไปขึ้นคร่อมจักรยานคันใหม่ที่แม่ซื้อให้เป็นยานพาหนะ เพราะเห็นว่าแม้โรงเรียนจะอยู่ไม่ไกลนัก แต่การจะเดินไปนั้นพอถึงก็คงะต้องใช้เวลานั่งพักกันอยู่นานทีเดียว แม่กลัวแก้วเหนื่อยแล้วพาลทำให้เรียนไม่รู้เรื่อง
"เดี๋ยวตอนเย็นหนูกลับมช่วยขายขนมนะแม่"แก้วตะโกนให้หลัง
"แค่กๆๆ จ้ะ" แม่รับคำเบาอยู่ในครัวด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข
แก้วเป็นเด็กน่ารัก ไม่เคยดื้อกับแม่เลยแถมยังเป็นเด็กเรียนดีกิจกรรมก็เข้าร่วม ในโรงเรียนแก้วเป็นอีกคนหนึ่งที่เรียกได้ว่าป๊อปปูล่า ใครๆก็รู้จักเธอ เพราะเวลามีการมอบรางวัลใดๆก็ตามที่หน้าเสาธงก็มักจะมีชื่อเธออยู่ด้วยแทบทุกครั้งไป วันนี้ก็นกกัน บทความที่เธอส่งเข้าประกวดในหัวข้อ "ต้นไม้ สิ่งมีชีวิตที่อาจสูญพันธุ์ในอนคต" ได้รับรางวัลชนะเลิศระดับจังหสฃวัดแล้วถูกซื้อไปตีพิมพ์ในวารสารฉบับหนึ่งด้วย
"แม่จ๋า แก้วมีอะไรมาฝาก" แก้ววิ่งโล่เข้ามาในบ้านด้วยใบหน้าที่ใครก็มองออก ว่า "โลกใบนี้ช่างสวยงาม" เป็นความคิดของเธอ
แก้วยื่นเงินรางวัลให้แม่ดู ผู้ป็นแม่น้ำตาคลอที่เห็นความสำเร็จของลูก
"อ้าวแม่ อย่าขี้แยสิ มันเป็นเรื่องน่าดีใจต่างหาก ยิ้มสิจ๊ะ อ้อ เงินนี่หนูให้แม่นะ" แก้วยื่นเงินรางวัลให้แม่
"แก้วเก็บไว้เถออะลูก เอาไว้เป็นทุนเรียนนะลูกนะ" แม่เอื้อมมือมาลูบหัวแก้วเบาๆ
"จ้าแม่ นี่ถ้าพอยังอยู่พ่อคงดีใจ แต่หนูก็รู้นะว่าพ่อดูเราอยู่" แก้วกับแม่ยิ้มให้กัน
"ไปอาบน้ำดีกว่าแก้วไป เดี๋ยวแม่ทำกับข้าวให้ กินข้าวแล้วเราจะได้ไปขายขนมรอบดึกกัน"
แทนคำรับปาก แก้วหอมแก้มแม่ฟอดหนึ่งแล้ววิ่งขึ้นไปข้างบน
"ถึงแม้ตัวแม่จะไมอยู่ แต่ความรักทั้งหมดที่มีจะยังคงอยู่ที่ตัวหนูนะ แค่กๆ" แม่พูดแผ่วเบาคล้ายคนอยู่ในภวังค์ไล่หลังแก้วไป
แสงนวลสีทองจากขอบฟ้าฉายลงมาต้องไปหญ้าที่ถูกประพรมด้วยหยาดน้ำค้าง เป็แสงระยิยระยับจับตา เป็นสัญญาณปลุกให้ทุกชีวิตตื่นขึ้นมาแสวงหาหนทางแห่งความอยู่รอดอีกครั้ง
แสงทองเริ่มส่องจ้าขึ้นเรื่อยๆ ทะลุรอยแกของเนื้อไม้เข้าไปกระทบเปลือกตาบางของแก้ว แก้วลุกขึ้นมาดูนาฬิกาดด้วยความกระวีกระวาด
"ตายแล้ว สายแล้วหรอเนี่ย " นิ่งไปครู่หนึ่ง เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ ใช่สิวันนี้ไมมีกลิ่นขนม วันนี้แก้วตื่นเพราะแสงตะวันไม่ใช่กลิ่นขนม ทำไมแม่ไม่ทำขนมก็เมื่อวานช่วยกันเตรียมของไว้แล้วแท้ๆ คิดได้แค่นั้นก็วิ่งพรวดลงไปดูที่ชั้นล่าง ข้าวของทุกอย่างอยู่ในสภาพเดียวกับเมื่อวาน แมไม่ได้ลุกมาทำขนมหรอกหรือ วิ่งไปที่ห้องของแม่เปิดประตูเข้าไป และภาพที่เหนแก้วแทบยืนไม่อยู่ แม่นอนหายใจรวยรินอ่อนเบาอยู่บนที่นอน แก้วยืนนิ่งไปพักใหญ่ พอนึกขึ้นได้ก็ฟาดฝ่ามือเน้นหนักไปที่แก้มของตัวเอง ด้วยคิดจะปลุกสติตน เวลานี้แก้วควรที่จะทำอะไรให้มากกว่าการยืนนิ่งๆอย่างนี้สินะ แก้วรีบวิ่งลงไปที่ชั้นล่างแล้วตะโกนขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน
ที่หน้าห้อง ICU แก้วเฝ้ารออยู่หน้าห้อง ด้วยใจที่ไม่ค่อนดีนัก ใจจดใจจ่อมองไปที่หน้าห้องสลับกับก้มมองพื้นรอให้หมอพาแม่ออกมา
ทันทีที่หมอเดินออกมาแก้วลุกพรวดเข้าไปหา
"หมอคะ แม่หนูไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ ใช่ไหม" แก้วควบคุมสติตัวเองไม่ได้แล้วในเวลานี้
"ใจเย็นนะหนู ฟังหมอให้ดีนะ ตั้งใจฟังแล้วสงบสติอารมณ์ด้วย"นิ่งไปพักหนึ่ง
"คุณแม่ของหนู เป็นมะเร็งในลำไส้ระยะสุดท้าย ท่านรู้ตัวมาก่อนแล้วแต่ไม่มารักษา หมอไม่รู้ว่าทำไมแต่ตอนนี้หมอว่ามันสายเกกินไป เข้าไปคุยกับ่านเป็นครั้งสุดท้ายนะ" สิ้นคำหมอ แก้วขาอ่อนทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ฟูมฟายร้องไห้ปานจะขาดใจ
อีกสิบนาทีต่อมา แก้วเดินเข้าไปหาแม่ พยายามนิ่งให้ได้มากที่สุดเพราะกลัวว่าแม่จะเป็นห่วง แต่สายที่ระโยงระยางอู่ตามตัวแม่ กระตุ้นให้ต่อมน้ำตาของแก้วทำงานอีกครั้ง แก้วกลั้นมันอยู่นานแล้วจึงเดินเข้าไป
"แม่จ๋า แม่เจ็บมั้ย แม่เจ็บทำไมแม่ไม่บอกหนู หนูเป็นลูกแม่นะจ๊ะ แม่ต้องบอกหนูทุกเรื่องสิ" แก้วกอดแม่แล้วซบหน้าลงกับอกแม่ แม่เอื้อมมือมาลูบหัวอ่อนโยนด้วยความเอ็นดู
"แม่ขอโทษนะแก้ว แม่อยากให้แก้วได้เรียนหนังสือ ถ้าแก้วรู้ แก้วไม่เรียนต่อแน่ การศึกษาสำคัญนะลูกจำได้มั้ย"
"จ้ะ แก้วจำได้ แต่....."
"พอแล้วแก้ว แม่มีเวลาไม่มาก แก้วฟังแม่นะ แก้วต้องเรียนให้จบ แก้วต้องพยายาม แม่ภูมิใจในตัวลูกมากนกรู้มั้ย ตั้งแต่แม่มีลูกอยู่ในท้อง แม่มีความสุขในทุกๆวันตลอดมา จนถึงวันนี้แม่ก็มีความสุข ลูกเป็นสิ่งมีค่าที่สุดในชีวิตแม่นะ"
หัวไหล่แก้วไหม ทำให้แม่รู้ได้ทันทีว่าแก้วร้องไห้ แม่กอดแก้ว กอดเพื่อปลอบโยน ขอโทษ และให้กำลังใจ
"แม่จ๋า แก้วรับปากแม่นะ แก้วจะเป็นเด็กดี แก้วจะเรียนให้จบ แก้วจะทำให้ความแม่ภูมิในตัวแก้ว เพราะแม่ก็คือสิ่งที่มีค่าที่สุดของแก้วเหมือนกัน แก้วรักแม่นะ"
"แม่รู้ หยุดร้องนะลูก แม่ง่วงแล้ว นอนเป็นเพื่อนแม่นะ" ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ สองแม่ลูกกอดกันอยู่อย่างนั้นเนิ่นน่าน นาบผลอยหลัด้วยความอ่อนแรงกันไปทั้งคู่
แก้วรู้สึกตัวอีกครั้งตอนเวลาบ่ายกว่า
"แม่จ๋า หิวไหมจ๊ะแม่" แก้วถามขณะที่ยังซบอยู่กับอกแม่
.....................
"แม่จ๋า"
.....................
ไร้ซึ่งเสียงตอบรับ แก้วใจไม่ดีเงยหน้าขึ้นมองแม่ แม่หลับอยู่ หลับอยู่ด้วยใบหน้าไร้ซึ่งความกังวลใดๆ
"แม่จ๋า แม่" แก้วเรียกแม่เสียงดัง เขย่าตัวแม่ไปด้วย นำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลลงมาอาบหน้า แก้วรู้ได้ทันทีว่าแม่จากแก้วไปแล้ว แก้วกอดแม่อยู่อย่างนั้นพร้อมกับพยายามที่จะกลั้นน้ำตา ร้องไม่ได้นะ เดี๋ยวแม่เป็นห่วง แก้วนึกบอกตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า
"แม่จ๋า คอยดูหนูนะ ความรักของแม่จะทำให้หนูประสบความสำเร็จ" แก้วกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูของร่าผู้เป็นแม่
เสียงของลำไผ่ที่กันตามแรงลมปลุกแก้วให้ตื่นจากภวังค์อีกครั้ง แก้วมองขึ้นฟ้าชูใบปริญญาขึ้นเหนือหัว
"แม่จ๋า นี่ไง แก้วทำได้แล้วนะจ๊ะ" แก้วยิ้มให้แม่และเชื่อว่าแม่ก็กำลังยิ้มให้แก้วเช่นกัน"
....................................................................................................................................
ผลงานอื่นๆ ของ ปราญช์ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ปราญช์
ความคิดเห็น