คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : โรงเรียนวานาซา
ทางผ่านตลอดทางจากบ้านในเมืองแวร์ซายส์เป็นถนนลูกรังมาตลอดทางแม้จะไม่ใช่ถนนที่ดีแต่พอมาถึง
หน้าทางเข้าเมืองวานาซาก็ปูพื้นด้วยผ้าสีแดงเพื่อต้นรับเจ้าหญิงเจ้าชายต่างเมือง ตลอดทางเกวียนเล่มน้อยใหญ่ก็
ติดกันเป็นพรืดเพื่อแห่แหนเข้าไปสมัครและสอบในวันนี้ แต่นับเป็นโชคดีของเรจิสเพราะ เนื้อ หาที่จะสอบของ
โรงเรียนวานาซา เรจิสเคยอ่านมาแล้วก่อนหน้านี้เลยไม่หน้ากังวลเท่าไร
เมืองวานาซาเป็นเมืองสำคัญเมืองหนึ่ง แม้มีขนาดเล็กก็ยังได้รับความสำคัญจากราชา ซึ่งยอมให้เมืองนี้อยู่
ภายใต้การปกครองของมหาปราชญ์ ผู้เก่งกล้าและเมืองทั้งเมืองนี้พื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นของโรงเรียนทั้งหมด
“เรจิสแม่ส่งชื่อลูกสมัครแล้วเหลือรอแค่ประกาศชื่อเรียกเพื่อไปหาแล้วก็พยายามเข้านะจ๊ะ”ไม่ทันขาดคำ
เสียงประกาศเรียกชื่อแรกก็ดังขึ้น
“เรจิส เคลเวลร่า ออฟ แวร์ซายส์”
“ไปได้แล้วจ้าสาวน้อย”เสียงท่านแม่ทำให้เรจิสค่อยๆผ่อนคลายแล้วก้าวเท้าออกไปผ่านหน้าชายหนุ่มผม
สีดำน้ำตาลเข้ม นัยน์ตาสีเงิน ที่ส่อประกายเย็นชาไร้อารมณ์เบือนหน้ามองเธอแล้วหั่นกลับมา แต่สายตานั้นทำให้
สันชาติยาน ของเรจิสหันกลับมามองแล้วเดินจากไปอย่างไม่ใส่ความ
“แหมสวยจริงๆนักเรียนใหม่ปีนี้”คำแซวจากพิธีกรทำให้เรจิสหันไปยิ้มให้น้อยแล้วหันกลับมาก่อนเสียง
ประกาศรายชื่อนักเรียนที่จะเข้าสอบคนต่อไป “ฟรานซิส เดเกลลี ออฟ คาราวา เจ้าชายคนสำคัญจากคาราวา”
แล้วเจ้าชายคนสำคัญก็ย่างเท้าขึ้นมาบนเวทีซึ่งทำให้เรจิสถึงกลับอึ้ง
“นาย...”เพราะเจ้าชายฟรานซิสคือคนที่มองเธอและเธอจำได้ว่าตอนที่เธอฝันก็มีชื่อของคนๆนี้และหน้า
ตาก็เป็นคนๆเดียวกันแน่ๆ
ชายหนุ่มในมาดเจ้าชายหันมามองเธอด้วยสายตาเย็นชาแล้วก็หันกลับไป แล้วเสียงประกาศแซวก็ดังมา
อีกครั้ง
“หล่ออะไรขนาดนี้ดูซิตาหญิงสาวข้างล่างหวานเยิ้มเชียว เก็บๆหน่อยสาวๆ”แล้วเสียงข้างล้างก็หัวเราะ
ครื้น ก่อนที่พิธีกรจะเปลี่ยนเรื่องพูดชื่อคนต่อไป “กาเบลียน เลโอเรีย ออฟ นิวรี นักบวชขาวแห่งนิวรี” แล้ว
ความเงียบก็ปกคลุมเมื่อหนุ่มตาเดียวผิวขาวผมสีทองยาวที่ถักเป็นเปียสวย เจ้าตัวเดินขึ้นมาด้วยสีหน้าเปื้อนรอยยิ้ม
แล้วกล่าวทักทายอย่างเป็นกันเอง
“หวัดดีครับอย่าแข็งเป็นหินซิครับผมเป็นคนสบายๆนะครับ หายห่วง” พอเจ้าตัวพูดอย่างนั้นทุกคนก็
ค่อยผ่อนคลายมากขึ้น คงเพราะว่าเขาเป็นนักบวชถึงอายุจะน้อยแต่คนที่นี่ก็ให้ความเคารพเช่นกัน แล้วกาเบลียน
ก็หันมาทักทายหญิงสาว “สวัสดีครับคุณเรจิส”
“สวัสดีค่ะคุณกาเบลียน ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
“เช่นกันครับและยินดีมากที่ได้รู้จักสาวสวยอย่างคุณ”คำชมที่ทำให้หญิงสาวเขินอาย
“ขอบคุณค่ะ”
“แหม่ นักบวชอารมณ์ดีของเราหาเพื่อนแล้วหรอครับนี่”พิธีกรแซวอีกแล้วเนี้ย
“แหม ผมต้องการมีมนุษย์สัมพันธ์นะครับผมอยากมีเพื่อน”แล้วก็ยิ้มหวานให้สาวๆข้างล้างอีก
“OK พอแล้วคร้าบ คนต่อไปเลยดีกว่า เกรซ ไอดะ ออฟ แบนตรี เจ้าหญิงผู้เรอโฉมแห่งแบนตรี” แล้ว
ผู้หญิงคนหนึ่งดูหยิ่งเล็กน้อยและมาดนางพญาของเธอทำให้ดูน่าเกรงขามขึ้นอีก เธอยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อเป็นการ
ทักทายคนทั่วไป
“ปีนี้ทำไมมีแต่คนสวยคนหล่อเนี้ยอิจฉาเด็กรุ่นนี้จัง”พิธีกรกล่าวยิ้มๆแล้วเรียกชื่อคนสุดท้ายในการสอบ
รอบที่หนึ่ง “คนสุดท้ายในรอบนี้แล้วนะครับจะเป็นใครเอ่ย โห่ ทายาทนักฆ่านะครับนี่ คีน เวรัส ออฟ ซาลอส
ทายาทนักฆ่าผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง”
ชายหนุ่มผมสีดำสนิทกระตุกมุมปากขึ้นมาเล็กน้อยดูโหดเหี้ยมแต่ภายในนัยน์ตานั้นส่อถึงความสนุก
สนานอยากรู้อยากเห็นแต่เจ้าตัวก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากยักคิ้วทักทายนักบวชที่ท่าทางน่าคบกว่าคนอื่นเพราะ ผู้
หญิงคนแรกก็ดูเป็นมิตรอยู่หรอกแต่เหมือนเธอมีจุดที่ต่างจากคนอื่นเธอดูลึกลับชวนหน้าสงสัยเหมือนเธอมีพลัง
พิเศษจากคนอื่น ดูจากสีผมที่และนัยน์ตาสีแดงเหมือนมีมนต์สะกดไว้นั้นเหมือนดั่งราชาปีศาจที่อยู่ในเมืองอีกฝาก
อย่าไปยุ่งดีกว่าอาจเป็นภัยกับเรา ต่อมานายหน้าหล่อคนนั้นคนนั้นเป็นพวกนักรบและผู้ใช้เวทย์ดูไม่ค่อยเป็นมิตร
แถมเย็นชามากจนไม่อยากอยู่ใกล้ ส่วยนายนักบวชนี่พอดูคุยกันไหวแต่ดูท่าจะบ้าผู้หญิงตีสนิทเป็นว่าเล่นแต่คบ
ไปก่อน แล้วผู้หญิงมาดนางพญาคนสุดท้ายดูดีน่าคบแต่เธอยึดหน้านางพญาไว้จนหน้ากลัว (ไอนี่เลือกคบอีก คน
อื่นเค้าก็อยู่เฉยๆไอนี่คิดมากจริงๆ ผู้แต่ง) (อ้าว แม้ขอเรื่องมากหน่อยสิ นักฆ่า) (No ผู้แต่ง)
“พวกเธอห้าคนพร้อมจะสอบมั๊ย”ชายแก่ใส่ชุดนักปราชญ์ที่เดินออกมาจากข้างหลังถามขึ้น
^-^ หน้าเรจิส “พร้อมค่ะ” เธอตอบเป็นคนแรกทำให้คนอื่นหันมามอง
o-o หน้าฟรานซิส ดูเฉยเมยไม่สนใจและไม่ตอบ
=*= หน้ากาเบลียน “คาบ...” ไม่เต็มใจเท่าไหรแหะ
@_@ หน้า เกรซ ดูเธอจะไม่ค่อยอยากสอบเท่าไหรนะเนียแต่ก็ตอบรับ “ค่ะ”
T.T หน้า คีน ดูว่าไม่อยากสอบกว่าใครเพื่อน “ต้องสอบด้วยหรอ”
“ไม่สอบได้ไงละในเมื่อเราจะมาสอบแบ่งป้อม” หน้านายคีนยิ่งบูดใหญ่
แล้วเด็กทั้งห้าคนก็เดินเข้าไปทางข้างหลังโดยทุกคนต่างเดินไปยังคนละห้องที่เตรียมไว้ห้าห้องโดยเริ่ม
จากคนแรกอยู่ห้องแรก เรจิสเปิดประตูเข้าไปคนแรกแล้วกล่าวทักทาย
“สวัสดีค่ะ”เสียงใสๆของเธอทำให้หญิงสาวดูมีอายุราวๆสามสิบขึ้นหันโต๊ะมาทางเธอ
“สวัสดีจ๊ะ เชิญนั่งก่อน”หล่อนกล่าวทักทายแล้วเชิญให้นั่งตรงข้ามเธอ “เรียกฉันว่า มิสคามิล
“ขอบคุณค่ะ”
“เริ่มการทดสอบได้”แล้วห้องเปล่าๆก็มีหนังสือว่างเต็มไปหมด “ฉันจะให้เธอเลือกหนังสือสามเล่มที่
เธอสนใจนะ เราว่างให้ตามหมวดแล้ว เชิญจะ”
แล้วเรจิสก็เดินไปดูรอบๆก่อนหยิบหนังสือเกี่ยวกับโรงเรียนวานาซา การทำนายฝัน แล้วเล่มสุดท้ายคือ
การต่อสู่
“ได้แล้วค่ะ”แล้วเธอก็โชว์หนังสือทั้งสามเล่มให้มิสคามิลดู
“ทำไมถึงเลือกสามเล่มนี้จ้ะ” กะแล้วเชียว เรจิสคิดในใจ
“เล่มแรกเกี่ยวกับโรงเรียนเพราะ จะได้ศึกษาว่ามีอะไรอยู่บ้างมีสถานที่ไหนน่าสนใจหรือห้ามเข้า ดู
ประวัติของโรงเรียนค่ะ เล่มที่สองเพราะก่อนที่จะได้มาสมัครที่โรงเรียนประมาณสองวันก่อนได้ฝันแล้วก็มาเจอผู้
ชายที่เหมือนกับคนในฝันค่ะ ส่วนเล่มสุดท้ายฉันชอบการต่อสู่มากจึงสนใจค่ะ แล้วก็ฉันอยากอยู่ป้อมอัศวิน
ค่ะ”
เอ้า มิสคามิล งงไปเลย ไม่หน้าเชื่อเด็กสาวที่ดูไม่หน้าจะสนใจเรื่องแบบนี้กลับสนใจได้ แล้วมิสคามิลก็
ยิ้มให้
“ฉันว่าเธอเป็นคนที่น่าสนใจที่เดียว ฉันเป็นอาจารย์ประจำป้อมอัศวินจะ”แล้วมิสคามิลก็ยิ้มน้อยๆเพราะ
ใบหน้าของเรจิสเริ่มยิ้มเหมือนดีใจในสิ่งที่เธอพูดออกมาต่อหน้าอาจารย์ประจำป้อม เธอไม่มีความอายในเรื่อง
แบบนี้ น่าสนใจใช่เล่นเลย แล้วมิสคามิลก็จดบันทึกชื่อหนังสือและคำพูดของเรจิสลงไป
“ต่อไปการทดสอบที่สองนะจะ เธอไปหยิบอาวุธที่เธอเล่นได้สองถึงสามชนิดนะจะ”ดูซิเธอจะเลือก
อะไร มิสคามิลยิ้มแล้วเรจิสก็ลุดออกไปหยิบ ธนู ดาบ และด้ายเหล็ก
“เหตุผลที่ฉันเลือกของสามสิ่งนี้เพราะ ธนูเป็นสิ่งที่ฉันชอบและเล่นได้ ดาบเป็นสิ่งศักดิ์สิทธ์มากมีสิ่งที่
หน้าสนใจดี ส่วนด้ายเหล็กเป็นอาวุธที่น้อยคนที่จะเล่นได้เพราะต้องใช้การฝึกฝนเป็นพิเศษค่ะ”
“แล้วของทั้งสามสิ่งเธอสามารถใช้มันได้ทั้งหมดหรือเปล่า”
“ค่ะ ได้ทั้งหมด”เรจิสตอบด้วยความมั่นใจ แล้วมิสคามิลก็ยิ้มน้อยๆ
“งั้นเธอจะแสดงฝีมือให้ดูได้มั๊ย เพื่อเธอจะมีความสามารถพอที่จะอยู่ในป้อมอัศวิน"มิสคามิลพูดยิ้มๆ
“ค่ะ”ต้องเข้าไปอยู่ในป้อมอัศวินให้ได้
“เชิญทางนี้”แล้วมิสคามิลก็เดินนำเด็กสาวไปยังอีกห้องที่ดูเหมือนสนามปะลอง “เชิญ”
“สู้กับคุณหรอ”
“จะ”
“ไม่เกรงใจนะค่ะ”แล้วเรจิสก็เริ่มรายเพลงดาบด้วยท่วงท่าที่สง่างามและก้าวประชิดตัวด้วยความรวดเร็ว
ทำให้มิสคามิลผงักถอยหลังไปก่อนตั่งตัวและเรียกดาบของตัวเองออกมา
“เก่งนี่” ปากพูดไปแล้วมือก็ตั้งกาดรับดาบไว้
“ขอบคุณค่ะ” เรจิสกล่าวขอบคุทั้งๆที่ไม่ได้มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าเหลือแต่ความเหี้ยมเกรียมไว้
“ใช่ได้”แล้วเรจิสก็ตวัดดาบของมิสคามิลทิ้งไปและเก็บดาบก่อนดึงธนูและดอกที่อยู่ข้างหลังออกมาตั้ง
ยิงแล้วก็ปล่อยดอกลูกธนูออกไปปักที่ปลายแขนเสื้อมิสคามิลก่อนจะเข้าประชิดตัวแล้วชักด้ายเหล็กออกมาว่างไว้
ที่คออาจารย์ทำให้ดูเหมือนจะปลิดชีพ
“แปะๆๆๆๆๆ”เสียงตบมือดังมาจากด้านบนซึ่งเป็นของนักปราชญ์ในชุดคลุมสีดำสนิท "เก่งมาก"
"ขอบคุณค่ะ"แล้วเรจิสก็หันมาทานมิสคามิล "ขอโทษที่ล่วงเกินนะค่ะ คืนค่ะ"
"ไม่เป็นไรฉันอยากทดสอบพลังของเธออยู่แล้วเธอเก่งมากเลยรู้มั๊ย ส่วนของฉันให้เธอเลือกไปอย่าง
หนึ่ง"แล้วมิสคามิลก็เรียกอาวุธเหมือนกับที่เรจิสเลือกไว้มาซึ่งมีคุณภาพที่ดีกว่า
"ขอบคุณนะค่ะ แต่ไม่เป็นไรค่ะเกรงใจแล้วก็ฉันมีของพวกนี้อยู่แล้วค่ะ"เธอยิ้มโปรยปรายไว้
"เธอสอบผ่านตอนนี้แม่เธอคงจะได้ชำระเงินค่าเล่าเรียนแล้วนะจะเออนี่คือรายการที่ต้องซื้อนะจ้ะ"มิสคา
มิลกล่าว่อนที่จะส่งกระดาษที่ทำจากเยื้อต้นไม้อย่างดีให้
"ขอบคุณค่ะ"แล้วเรจิสก็เดินออกไปทางประตูฟังตรงข้าม
"เค้าเก่งนะค่ะ ไม่เคยเห็นใครมีฝีมืออาวุธได้มากมาก่อยเลย"
"ใช่ เก่งจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าเด็กสาวที่ดูท่าทางอ้อนแอ้นอย่างนั้นจะฝึกปรือฝีมีได้ดี"
ความคิดเห็น