ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Angel falling in love ป่วนรักวัยใสของยัยนางฟ้า

    ลำดับตอนที่ #8 : ผู้จัดการ?

    • อัปเดตล่าสุด 30 ม.ค. 64


    "เธอยังชอบฉันอยู่เหรอ?"

    "ฮะ?"มือที่ถือลูกประคบอยู่ชะงักลง ฉันกับชินอิจิสบตากัน เขายังคงเคลือบแคลงและสงสัยแต่ในหัวของฉันตอนนี้กำลังคิดประมวลอย่างหนักอยู่ อาการแอบชอบใครซักคนฉันเองก็รับรู้จากร่างของมาลีนมาบ้าง ใจเต้นตึกตักๆ หวั่นไหวทุกครั้งที่สบตา แต่ตอนนี้ดูเหมือนจิตของฉันจะเป็นเจ้าของร่างนี้โดยสมบูรณ์แล้วความรู้สึกหวั่นไหวตอนนี้ก็ไม่มีแล้วด้วย

    ถ้าเป็นมาลีนจริงๆคงตอบว่าใช่ แต่ถ้าฉันตอนนี้มันคงไม่ 

    'ฉันอยากให้ทุกคนยกโทษให้ และอยากขอโทษในทุกสิ่งที่ทำลงไปอยากจะบอกกับเขาว่าความรู้สึกของฉันมันไม่เคยเป็นของปลอม และคำขอสุดท้าย ฉันขอให้คุณดูแลเขาได้ไหม' น้ำเสียงและใบหน้าของมาลีนตอนอยู่ในยมโลกแวบเข้ามา ระ หรือว่า..'เขา'ในที่นี้คือ ชินอิจิสินะ ถ้าให้พูดตามหลักความเป็นจริงตอนนี้ฉันไม่ได้ชอบชินอิจิ ถ้าพูดถึงส่วนของมาลีนเธอก็คงจะชอบนายจริงๆถึงฝากให้ฉันช่วยดูแล ฉันลดสายตาลงมองมือที่ถือลูกประคบแล้วคิดอีกครั้งโดยมีสายตาคาดคั้นของชินอิจิมองตาม

    ตอนนี้ร่างนี้มีมาลีน่ามาอยู่ ส่วนมาลีนก็แค่ช่วยให้ดูแลและให้เพื่อนๆไถ่โทษ ตอบเอาแบบง่ายๆเลยละกัน ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วเงยหน้าสบตาชินอิจิอย่างมุ่งมั่น

    "ฉันกำลังจะเลิกชอบนาย และฉันอยากขอโทษทุกเรื่องที่ทำลงไปด้วย"คำตอบที่ออกจากปากสีอมชมพูนั่นเอ่ยเบาๆแต่ทว่ามั่นคง ชินอิจิได้รู้คำตอบนั่นแล้วก็ยังไม่วางใจถามต่อด้วยความสงสัยอีก

    "ง่ายขนาดนั้นเลย?"ขนาดเขาที่อยากตัดใจจากใครคนหนึ่งยังต้องใช้เวลานานแทบปีตอนนี้ยังทำไม่ได้ แต่เธอใช้เวลาแค่ สามสี่วันเนี่ยนะ 

    "อื้ม"ใบหน้าน้อยพยักหงึกๆด้วยแววตาใสซื่อ 

    "อยากขอโทษ แล้วจะบอกว่าความรู้สึกของเธอเป็นของจริงงั้นเหรอ?"เขาส่งสายตาคำถามและคำพูดที่ดูเป็นการดูถูกมาให้ มาลีน่าขมวดคิ้วเธอเริ่มรู้สึกไม่พอใจสายตานั่นขึ้นมา

    "ทำไมล่ะ มาลีนรักชินอิจินะ และอยากขอโทษจริงๆทำไมถึงคิดว่ามันเป็นเรื่องไม่ดี ไม่น่าเชื่อขนาดนั้น"มาลีน่าพูดด้วยความไม่พอใจเล็กๆเขาแค่นยิ้มออกมา

    "ทำอย่างกับลืมไปแล้วว่าตัวเองเคยทำอะไรไว้ เธอเองไม่ใช่เหรอที่สารภาพว่าเขาหาดารินเพราะเธออยากเด่นอยากดัง เธอไม่เคยคิดว่าดารินเป็นเพื่อนเลยแม้แต่น้อย! เธอทำเรื่องไว้หลายอย่างจนทำดารินต้องเข้าโรงพยาบาล และยังมีอีกหลายอย่างที่เธอทำไว้นะ มาลีน"เสียงของเขาดังขึ้นๆในขณะที่ฉันตัวหดลงๆความทรงจำของมาลีนเองก็ยังเลือนรางอยู่บ้างแต่ที่รู้ๆตอนนี้ทั้งดารินและมาลีนคล้ายกับคนแปลกหน้า

    "ที่ดารินไม่บอกเพื่อนในกลุ่มเพราะต้องการปกป้องผู้หญิงเสแสร้ง กลัวว่าจะโดนคนเกลียด เหอะ!ไม่อยากจะเชื่อเลย"เขาหันหน้าไปอีกทางเพราะคงไม่อยากมองหน้าที่เจื่อนลงอย่างฉัน

    "ฉะ ฉัน"พูดไม่ออกเลย

    "ไม่ต้องพูดแล้วต่อไปนี้เธอแค่ต้องออกห่างพวกเราจำไว้แค่นั้นก็พอ"เขาคว้าลูกประคบไปจากมือของฉันก่อนจะถกขากางเกงลงแล้วเดินออกไปจากห้องพยาบาลอย่างฉุนเฉียว 

    เฮ้ออ ดูท่าจะไม่ง่ายแล้วนะมาลีนเอ๋ย 

    บ้าน 

    "เหม่ออีกแล้วนะมาลีน่า"ชุดหรูที่นั่งในท่าเดิมมุมเดิมของไวนอฟเอ่ยปากเสียงนิ่ง

    "ไวนอฟ ในยมโลกไม่มีของวิเศษพวก ของสื่อความรู้สึกเลยเหรอ"ฉันวางแก้วนมลงแล้วหันไปถามเขาอย่างตั้งใจ

    "ถามทำไม จะเอาไปให้ใคร"

    "ก็..เพื่อนร่วมห้องไม่ค่อยเข้าใจฉันซักเท่าไหร่น่ะ"ฉันเปลี่ยนจากนั่งธรรมดาเป็นยกขาขึ้นกอดเข่า ท่าทางแบบนั้นดูเศร้าและโดดเดี่ยวซึ่งเขาไม่เคยเห็นก็ใจอ่อนลงบ้าง

    "จะว่าไปมันก็มีแหละ แต่ตอนนี้มาลีนคนนั้นจากไปแล้วนะ คนที่อยู่ในร่างนี้ตอนนี้คือมาลีน่า ทำไมไม่ลองให้เค้าเปิดใจในฐานะมาลีน่าล่ะ อีกอย่างมาลีนบอกเองไม่ใช่เหรอว่าฝากเธอดูแลเขา 'เธอ' ที่หมายถึง'มาลีน่า' ไม่ใช่'มาลีน' " ฉันเงยหน้ามองไวนอฟอึ้งๆ ประโยคยาวเหยียดที่ให้กำลังใจฉันมาจากไวนอฟงั้นเหรอเนี่ย 

    "ก็พอจะเข้าใจอยู่หรอก แต่เปิดใจให้คนที่เกลียดก็ยากอยู่นะ"

    "ลองทำแล้วเหรอ?"เขายังคงจิบชาสบายใจขณะที่ฉันหัวหมุนติ้ว

    "มนุษย์นี่เข้าใจยากชะมัด!"ฉันอึดอัดรำคาญใจอยู่เป็นพัก เห็นไวนอฟแอบยิ้มเยาะฉันจึงหันไปค้อนใส่หนึ่งที

    "ว่าแต่นายมาโลกมนุษย์ ซื้อเสื้อผ้าราคาแพงขนาดนี้มาจากไหน"ฉันเปลี่ยนคำถาม

    "ฉันเป็นถึงยมทูตอันดับหนึ่ง เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาขอแค่ไม่ฝืนกฎของการใช้ชีวิตก็เป็นพอแล้ว"

    "..." ฉันพยักหน้าหงึกๆความง่วงเริ่มทำงาน แต่ก่อนจะขึ้นไปนอนนั้นก็นึกอะไรได้

    "ไวนอฟ หลังบ้านเรามีพื้นที่สวนอยู่นี่ พวกพืชพันธุ์จากสวรรค์สามารถปลูกได้ไหม?"

    "ถ้าเอาลงมาปลูกเฉยๆก็คงตาย"เขาตอบเสียงเรียบทำเอาใบหน้าตื่นเต้นของฉันหุบแทบไม่ทัน

    "แต่ถ้าเธอเป็นคนปลูกก็ไม่แน่"เขาลุกขึ้นก่อนจะเดินไปทางครัวเพื่อเอาถ้วยชาไปเก็บ

    "...เยี่ยม!"ฉันยิ้มร่าอย่างดีใจ พืชพันธุ์ของชาวสวรรค์มีสรรพคุณพิเศษ หากนำมาปรุงยารักษาหรือทำเป็นน้ำหอมกลิ่นดอกไม้ล่ะก็ ได้ผลเยี่ยมยอด 

    มาลีน่าที่คิดอะไรออกยิ้มอยู่ในใจก่อนจะวานให้ไวนอฟทำอะไรบางอย่างแล้วร่างบางตัวเล็กๆก็กระโดดโลดเต้นกลับขึ้นห้อง ก็ไม่ได้รู้สึกผิดกับเรื่องที่ไปเตะนายชินอิจินั่นเท่าไหร่ แต่ว่าช่วยไม่ได้นะ ถ้านั่นจะเป็นการทำเพื่อไถ่โทษได้บ้างฉันก็ยินดี

    สองวันต่อมา

    ปุด ปุดๆ

    "แน่ใจนะว่าเพื่อนเธอจะยอมกิน มันใช่ของที่จะกินได้นะ"ไวนอฟยืนข้างหม้อต้มยาที่ฉันกำลังยืนคนอยู่พลางทำหน้าแหยงๆ เขายืนถือสูตรตำรับยาสมุนไพรโบราณสีเก่าๆในมือบ่งบอกอายุการใช้งาน

    หลังจากที่ฉันวานไวนอฟขึ้นไปบนสวรรค์เพื่อหาเมล็ดพันธุ์วิเศษลงมาปลูก และใช้พลังในการทำให้มันเติบโตเร็วขึ้นหน่อยก็สามารถสกัดยาจากดอกไซเรีย(ชื่อสมมุติค่ะ)ได้ ดอกไม้สีม่วงเป็นประกายที่มีพลังทำให้ร่างกายฟื้นฟูตัวเองได้ไวขึ้นเพียงใช้แค่เศษเสี้ยวของกลีบดอก แต่ลองสกัดออกมาแล้วตอนนี้สีมันกลับออกเป็นสีม่วงดำแทน

    "อืมม อาจเป็นเพราะบรรยากาศและกลิ่นไอบริสุทธิ์บนโลกมนุษย์ไม่เหมือนกับสวรรค์น่ะ"ฉันหยดเกสรของไซเรียเริ่มลงไปอีกนิด

    "มันเกี่ยวกันยังไง"

    "ดอกไซเรียเป็นดอกไม้ที่จะเติบโตได้ก็ต้องมีไอและอากาศบริสุทธิ์โอบล้อมถึงจะสวยงามและเปล่งประกายสกัดออกมาแล้วสีก็จะม่วงใสแบบคริสตัล เพราะแบบนี้ถึงได้ขึ้นแต่บนสวรรค์ไงบนโลกมนุษย์อากาศคงไม่ดีเท่าไหร่สีที่ได้เลยดูไม่น่ากิน แต่ผลลัพธ์ที่ได้มาไม่ต่างกันหรอกน่า"ก่อนหน้านี้ฉันได้ทดลองชิมมันแล้วนิดหน่อยพบว่าร่างกายตอบสนองกับยาวิเศษนี้อย่างดี ร่างกายแข็งแรงสมองปลอดโปร่งขึ้น

    "จะคอยดูละกัน"เขายิ้มมุมปากหนึ่งทีก่อนจะปิดตำราแล้วก็กลายเป็นควันหายไป ฉันยักไหล่ก่อนจะผสมสูตรอีกอย่างสองอย่างลงไป ที่เหลือก็แค่คิดว่าวันพรุ่งนี้จะยอมให้ชินอิจิกินยานี่ยังไง

    ที่สนามบาสโรงเรียน

    ทั้งวันฉันไม่เห็นชินอิจิอยู่ในห้องเลย พอถามมีนาเธอก็บอกว่า

    "ชินอิจิไปช่วยเป็นโค้ชให้ทีมบาสซ้อมแข่งกับโรงเรียนอื่นน่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ที่สนามบาส ว่าแต่เธอจะไม่ไปดูหน่อยเหรอ?..."เธอกินขนมปังตุ้ยๆอย่างน่ารัก ฉันรู้สึกว่ามีนาคนนี้ค่อนข้างสนิทกับเพื่อนทุกคนในกลุ่มฉันจึงตัดประโยคที่มีนาจะพูดต่อและมันเหมือนจะเป็นเรื่องสำคัญ แอบถามเรื่องดารินกับเธอ

    "เธอว่าช่วงนี้ไม่ค่อยเห็นดารินเลยเนาะ"

    "อื้ม ก็ตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว จู่ๆก็มาบอกว่าจะไปสอบแข่งขันตอบคำถามอะไรซักอย่างทั้งๆที่ก็ปฏิเสธมันมาตลอด ส่วนคินก็ไปให้กำลังใจข้างสนามจนยอมขาดเรียนเลย บ้าจริงๆคู่นี้...บลาๆๆ"จากนั้นมีนาก็จ้อไม่หยุดจนฉันต้องถามเรื่องที่ต้องการจะรู้ก่อน

    "งั้นสนามบาส เอ่อ ช่างเถอะ"แต่...ลืมไปว่าตัวมาลีนเองก็อยู่โรงเรียนนี้มาเป็นปี จะไม่รู้ได้ไงว่าสนามบาสอยู่ไหน ฮ่าๆ

    ฉันจึงเริ่มออกตามหานายชินอิจิตั้งแต่เที่ยงจนตอนนี้บ่ายโมงแล้ว โชคดีที่ครูฝากงานให้ทำแล้วออกไปทำธุระฉันจึงแวบออกมาก่อนโดยอ้างว่าปวดหัว พอดีว่าไม่อยากให้คนรู้เรื่องนี้ซักเท่าไหร่น่ะ ขืนรู้เยอะวันหลังโดนแซวขึ้นมาฉันจะกลายเป็นที่รองรับอารมณ์ของหมอนั่นเสียเปล่า

    อ้ะ นั่นไงสนามบาสดูเหมือนกำลังพักกันอยู่สินะ..ดีล่ะ

    "เอ่อ พอดีว่ามาตามหาชินอิจิค่ะ เขาอยู่ไหนเหรอคะ?"ฉันพยายามเดินตัวหดที่สุดก่อนจะเลือกทักคนตัวสูงผมสีน้ำตาลเข้มคนหนึ่งที่ยืนกินน้ำอยู่

    "อะไรกัน ผู้จัดการทำตัวลับๆล่อๆพูดเพราะแบบนี้ไม่สมกับเป็นเธอเลยนะ"

    หืม?? ผู้จัดการ ฉันเหรอ!?

    "เอ่อ ไงคะ ฮ่าๆไม่เจอกันนานเลย" ฉันรีบกดสีหน้าตกใจของตัวเองก่อนจะรีบยิ้มตามน้ำไป ทันใดนั้นประโยคที่มีนาจะพูดก่อนหน้านี้คงเป็นเรื่องนี้แหละ ฉันเกาหัวยิ้มแก้เขิน ทำไงดีทำไมความทรงจำด้านนี้ของมาลีนไม่เคยแวบเข้ามาเลย 

    "มาหาไอ้ลีชินเหรอ มันอยู่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าไปหามันสิ"เขาชี้ไปที่อาคารหลังหนึ่งด้านหลัง ฉันเห็นแววตาหยอกล้อของผู้ชายร่างสูงข้างหน้าแวบหนึ่งแต่ไม่ได้ใส่ใจ ก่อนจะรีบขอตัวเพื่อไปทางอาคารชั้นเดียวด้านหลังสนามบาสทันที

    แอ๊ด...เสียงเปิดประตูดังขึ้นมาพร้อมกับร่างบางของหญิงสาวคนหนึ่ง เธอก้าวเข้ามาในห้องที่ค่อนข้างสว่างด้านในอาคารค่อนข้างกว้าง มีโต๊ะ โซฟา เก้าอี้ ที่คิดว่าน่าจะไว้ใช้สำหรับประชุมทีม ลึกไปอีกมีล็อกเกอร์สำหรับนักกีฬาทั้งสองฝั่งทาง ลึกเข้าไปอีกเหมือนจะมีทางแยกซึ่งไม่รู้ว่าแยกไปไหน มาลีน่าค่อยๆเดินเข้าไปลึกๆจนกระทั่งเสียงนั่นตะโกนออกมาจากด้านขวา...

    "เธอ!"พบกับร่างหนึ่งที่พันเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวไว้ตรงท่อนล่าง ส่วนท่อนบนเปลือยเปล่า..ชินอิจิ?

    "อ้ะ เจอนายพอดี"ฉันหันไปยิ้มร่าใส่ชินอิจิขณะที่เขาทำสีหน้าที่แทบดูไม่ได้ ชายหนุ่มที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จพันผ้าเช็ดตัวไว้ท่อนล่างยกมือขึ้นชี้หน้าแต่กลับพูดอะไรออกมาไม่ออก ยังมีหน้ามายิ้มหน้าระรื่นกับผู้ชายที่เกือบเปลือยแบบนี้อีกเหรอ?!

    "ฉัน...อ้ะ!"ฉันที่กำลังจะหยิบขวดยาให้เขาส่งเสียงอย่างตกใจ จู่ๆชินอิจิก็คว้าหมับเข้าที่ตัวฉันแล้วดึงเข้าหาตัวเองอย่างแรงจนหน้าของฉันชนเข้ากับอกแกร่งขาวๆของเขาแล้วดันตัวฉันไปที่ผนังฝั่งหนึ่ง ฉันใช้มือสองข้างพยายามจะผลักเขาออกกำลังจะอ้าปากตะโกนเขาก็ใช้ลำตัวสูงใหญ่ดันตัวฉันให้ชิดมากกว่าเดิม มือข้างหนึ่งรวบมือทั้งสองข้างฉันไว้ใช้มืออีกข้างที่เหลือปิดปากฉันแน่นแล้วทำหน้าดุใส่ก่อนจะได้ยินเสียงกึกกักข้างนอก

    "ว่าแล้วลืมของไว้จนได้"

    "รีบๆกลับได้แล้ว"

    "เออๆ"

    เป็นเสียงของผู้ชายสองคนที่กำลังเดินมาเอาของนั่นเอง...เสียงปิดประตูตามหลังและทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ เสียงถอนหายใจของชินอิจิดังขึ้น ฉันเหลือบสายตาขึ้นมองเห็นแค่ลำคอขาวๆของเขา ลูกกระเดือกยามที่เขากลืนน้ำลายนั้นมันช่าง...

    ในขณะที่มาลีน่ากำลังเคลิบเคลิ้มชินอิจิที่รู้สึกถึงความนิ่งของร่างเล็กข้างหน้าก็ก้มลงมองพบว่าเธอกำลังใช้สายตาโลมเลียกับร่างกายเขาอยู่ก็ถึงกับคิ้วกระตุก รีบผละออกจากร่างเล็กนั่นทันที

    "..."

    "..."มาลีน่ารู้สึกงุนงง เธอกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากหัวใจแอบสั่นไหวไปชั่วครู่ไม่รู้เพราะร่างเก่าทำปฏิกิริยาหรือเป็นเพราะใจตัวเองกันแน่ เธอไม่เคยใกล้ชิดเพศตรงข้ามมาก่อนใบหน้านั้นร้อนผ่าว ไม่รู้จะเอาสายตาไปวางไว้ตรงไหน พอชินอิจิเห็นท่าทางเขินอายน่ารำคาญนั่นก็ทนไม่ไหวรีบเดินไปหยิบเสื้อผ้าแล้วเดินเข้าห้องน้ำทันที 

    "ออกไปรอฉันที่โซฟา"น้ำเสียงเย็นชาดังขึ้น จนฉันรู้สึกตัวก็รีบทำตามที่เขาบอกรออยู่ครู่หนึ่ง ชินอิจิก็เดินออกมาท่าทางกรุ่นโกรธ

    "มีธุระอะไรว่ามา"

    "ฉันทำน้ำต้มมาให้ ยาจากสมุนไพรน่ะ น่าช่วยนายให้หายไวขึ้น"

    ฉันหยิบขวดน้ำพกพาลายการ์ตูนน่ารักให้กับชินอิจิข้างในมีน้ำยาสกัดจากดอกไซเรียอยู่ เขาขวมดคิ้วเพยิดหน้าให้ฉันวางไว้บนโต๊ะแทนที่จะรับไว้ ฉันยิ้มเจื่อนเล็กน้อยเท่ากับว่าตอนนี้เขาอาจจะรับหรือไม่รับก็ได้

    "ฉันหายดีแล้ว ไม่ต้องใส่ใจเธอไม่ได้ทำฉันเจ็บหรอก ฉันล้มเอง"

    "ฉันรู้ แต่อยากขอโทษที่ให้นายต้องมาแบกฉันเมื่อวันกอ่นน่ะ"

    "้ถ้ารู้สึกสำนึกผิดอยากไถ่โทษก็เอาเวลามาจัดตารางแข่งบาสดีกว่านะ สมัครมาเป็นผู้จัดการทีมแท้ๆแต่ไม่เข้าชมรมมาเลย มีความรับผิดชอบซะบ้าง"เขาทำเสียงเข้มละจริงจังขึ้น

    "ฉัน..ขอโทษ"ฉันสำนึกผิดแทบไม่ทัน เพราะตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ไม่มีใครพูดถึงเรื่องทีมบาสหรือกีฬาอะไรเลยแม้แต่เขาก็ไม่เตือน แถมความทรงจำของมาลีนก็มีแค่นั้นจะให้ทำไง ลาออกดีมั้ย ออกมาใช้ชีวิตที่เป็นมนุษย์อิสระจริงๆ

    "ไม่ต้องมาตีหน้าเศร้า คนอย่างเธอก็เป็นแบบนี้แหละ สนใจแค่เรื่องตัวเองไม่มีทางเปลี่ยนไปหรอก"เขาพูดเสียงเรียบแต่ประโยคกลับทิ่มแทงหัวใจฉัน

    "ใช่มาลีนเห็นแก่ตัว แต่นั่นมันก็แต่ก่อนตอนนี้มาลีนไม่เหมือนเดิมแล้ว ได้! เดี๋ยวจะมาสนามบาสทุกวันเลย พอใจยัง!"ฉันลุกขึ้นจากโซฟาจ้องใบหน้ายิ่งยโสนั่นก่อนจะพูดออกไปด้วยอารมณ์ 

    "ส่วนยานั่นจะทิ้งก็แล้วแต่ อยากทำไรก็เชิญ"ฉันรีบเดินออกมาจากห้องนั้นทันทีแบบไม่เหลียวหลัง ด้วยอารมณ์ขุ่นมัวจึงเผลอทำตัวงี่เง่าสินะ มาลีน่าต้องใจเย็นๆแล้ว...

    บ้าน

    ฉันกลับมานั่งคิดเรื่องวันนี้อีกครั้งพลันอารมณ์ก็อ่อนไหว นึกถึงคำพูดกับใบหน้าที่แสดงความเกลียดนั่นออกมาอย่างเปิดเผยแล้วดวงตาก็แสบร้อนคล้ายจะมีน้ำตา ฉันรีบเงยหน้าเพื่อไม่ให้น้ำตาไหล นี่ฉันอ่อนแอถึงขนาดนี้เลยเหรอ แค่มนุษย์คนเดียวก็ทำมาลีน่าร้องไห้เหรอ

    "นี่แหละน้าา ถึงบอกว่าเธอน่ะไม่เหมาะกับที่นีหรอก"

    "บอกตอนไหนมิทราบ"เสียงไวนอฟล่องลอยตามลมมา ก่อนที่ร่างของเขาจะปรากฏขึ้นท่ามกลางความว่างเปล่าบนโซฟาตัวเดิม

    "มีแรงเถียงแสดงว่าไม่เป็นไร"

    "อืมม"ฉันครางเสียงในลำคอเพราะไม่อยากพูดและคิดมากอีก ไวนอฟเองก็คงรู้ว่าตอนนี้ฉันหนักใจมาก

    "พรุ่งนี้เจอกัน"

    "อืม..หืม?"

    เร็วมากจู่ๆก็มาแล้วก็ไป เขาทิ้งท้ายประโยคไว้แค่นั้นก่อนจะหายไปปล่อยให้ฉันจมอยู่บนโซฟา

    ....................................................

    ช่วงนี้ไรท์อาจจะไม่ค่อยได้อัพนะคะ เพราะว่าติดงานยาวๆเลย ทั้งโปรเจคแล้วก็การบ้าน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×