ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รัก(แรก) ผูกพัน

    ลำดับตอนที่ #2 : พบเจอเธอ

    • อัปเดตล่าสุด 29 ก.พ. 67


    บทที่ 2

    พบเจอ…

    “เชิญทางนี้ได้เลยครับ”

    ใช้เวลาเพียงไม่นานพนักงานก็พาเขามาส่งถึงห้องพักอย่างเรียบร้อย ซึ่งถือว่าเป็นการให้บริการได้เป็นอย่างดี ไม่เสียแรงเลยที่เขายอมเสียเงินลงทุนซื้อหุ้นของที่นี่ไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เป็นการลงทุนที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการคิดวิเคราะห์ถึงกำไรทางธุรกิจเลยสักข้อเดียว

    เพราะเขาไม่ได้หวังผลกำไรตั้งแต่แรกแล้วไงล่ะ…

    เรื่องเงินไม่ใช่จุดประสงค์หลักของเขา…

    เขาซื้อเพราะเหตุผลอื่นต่างหาก…

    เมื่อได้เข้ามาอยู่ในห้องพักตามลำพังแล้ว ร่างกายของชายหนุ่มก็อ่อนล้าลงทันทีอย่างเห็นได้ชัด เพราะน่าจะเกิดจากการเดินทางที่ใช้เวลาอยู่เกือบครึ่งค่อนวันเลยกว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง เมื่อได้เอนตัวลงบนเตียงนอนได้ไม่นาน เปลือกตาที่เปิดกว้างมาตลอดทั้งวันก็เริ่มหนักอึ้งขึ้นมาทันทีเช่นเดียวกัน

    แล้วมันก็ปิดลงอย่างช้าๆ ไปตามกลไกของร่างกาย

    แต่ยังไม่ทันจะได้เคลิ้มหลับดี…

    จู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาขัดเสียก่อน…


    กริ๊ง…กริ๊ง…


    เป็นเสียงออดที่ดังขึ้นมาจากข้างนอกห้อง เสียงนั้นทำให้คนที่กำลังจะเคลิ้มหลับสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้ง

    เควินลุกขึ้นมานั่งก่อนสักพัก ก่อนที่จะฝืนร่างกายตัวเองลุกขึ้นยืนเพื่อจะเดินไปยังต้นตอของเสียงนั้นอย่างอยากลำบาก และเมื่อมาอยู่หน้าบานประตูใหญ่ของห้องแล้ว เขาก็ไม่รอช้าที่จะเปิดประตูทันที แม้ว่าเขาจะยังคงสะลึมสะลืออยู่ก็ตาม


    “สวัสดีค่ะดิฉันเป็นพนักงานของโรงแรมนะคะ พอดีคุณลืมบัตรประชาชนไว้ที่ล๊อบบี้นะคะ”

    และเมื่อเปิดประตูออกไปคนที่อยู่หน้าประตูก็เอ่ยพูดขึ้นมาทันที ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตั้งสติดีเลยด้วยซ้ำ เพราะตัวเขายังไม่ตื่นดีเลย สมองจึงยังไม่สามารถประมวลผลได้ดีนัก และเขาก็แทบจะจับใจความคำพูดเมื่อสักครู่ไม่ได้เลยด้วยซ้ำไป

    นั้นจึงทำให้เควินต้องเอ่ยถามออกไปอีกครั้ง…


    “ครับ? ว่าไงนะครับ”

    “เอ่อ…พ…พอดีคุณลืมบัตรไว้ข้างล่างค่ะ นี่ค่ะบัตร…เรียบร้อยดิฉันขอตัวก่อนนะคะ”


    พนักงานสาวสะดุดคำพูดของตัวเองทันทีที่เธอได้เห็นหน้าคนในห้อง เนื่องจากตอนแรกเธอยังไม่ทันได้มองหน้าของชายหนุ่มดีเพราะรีบพูดไปหน่อย

    แต่ตอนนี้เธอเห็นหน้าเขาแล้ว…

    หน้าที่ทำเอาเธอตกใจจนทำอะไรไม่ถูก…

    ร่างกายเองก็พลางชะงักกึกไปด้วยอย่างไม่มีเหตุผล…

    เพราะเพียงแค่ได้เห็นหน้า เห็นแววตา และได้ยินเสียงทุ้มๆ ของชายหนุ่มตรงหน้าเท่านั้นเอง แต่มันกลับทำให้หัวใจของพนักงานสาวอย่างเธอใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่มีที่มาที่ไป

    เธอตกใจอยู่สักพักเดียวแล้วก็รีบยื่นบัตรที่ถืออยู่ในมือส่งไปให้คนตัวสูงทันที เมื่อคิดว่าเสร็จหน้าที่แล้วก็รีบเอ่ยขอตัวไปทันที เนื่องจากไม่อาจทนมองใบหน้าของชายหนุ่มได้นานกว่านี้แล้ว


    เพราะ…

    ยิ่งมองใจก็ยิ่งเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ

    จนเธอควบคุมอาการของตัวเองไม่ได้อีกแล้ว…

    และเธอก็ไม่อยากให้ชายหนุ่มเห็นอาการแปลกๆ ของตัวเองด้วย

    เควินที่พึ่งเรียกสติของตัวเองกลับมาได้ ก็เกิดอาการชะงักไปเช่นเดียวกันกับพนักงานสาวตรงหน้า เมื่อได้เห็นใบหน้าของเธอชัดๆ

    และนั้นก็ทำให้เขายังไม่อยากปล่อยให้เธอไปไหน…


    “เดี๋ยวก่อนครับ !”


    คนที่ทำให้เขาตกใจเมื่อได้เห็นหน้า คือคนคนเดียวกันที่อยู่ในรูปที่เขาพกติดตัวมาด้วยตั้งแต่อเมริกา

    เป็นรูปเก่าๆ ใบหนึ่งที่เขาไม่เคยคิดจะเอาออกมาดูเลยสักครั้งตั้งแต่ที่ได้มันมา เพราะมันเป็นรูปที่เขาเคยปฏิเสธจะรับมันมาจากน้องในตอนที่เธอเอามาให้เขา และก็เป็นรูปใบเดียวกันที่ทำให้น้องต้องร้องไห้เพราะเขาครั้งแรก

    จนเขาต้องรีบวิ่งไปเอารูปนั้นมาจากน้องอีกครั้ง ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่อยากปล่อยให้น้องร้องไห้คนเดียว เพราะโดยปกติแล้วน้องมักจะงอนเขาเชยๆ และถึงจะงอนแค่ไหนเขาก็ไม่เคยจะตามง้อน้องเลยสักครั้ง

    ถ้าหากเธองอนหรือโกรธเขาเมื่อไหร่…

    เจ้าตัวก็จะหายเองทุกครั้ง…


    ‘พี่วิน เก็บรูปนี้ให้ดีนะคะ’

    ‘จะอะไรนักหนา…ก็แค่รูปถ่ายใบเดียวเอง’


    ใช่มันก็แค่รูปถ่าย…และมันก็มีแค่ใบเดียวด้วย แต่น้องก็ยังยอมสละให้เขา…ทั้งที่ตัวเองก็ชอบรูปนั้นมากๆ ชอบขนาดที่ยอมแลกกับบางอย่างเพื่อจะได้รูปมาเป็นของตัวเอง


    ‘ถ้าพี่วินไม่อยากได้…พายเอาคืนก็ได้ค่ะ’

    ‘เรื่องอะไรจะคืนล่ะ…ให้แล้วให้เลย และตอนนี้มันก็เป็นของพี่แล้วด้วย คิดจะมาอยากได้ทีหลังไม่ได้นะ’

    เมื่อจบคำพูดนั้นแววตาเศร้าๆ ของน้องก็ถูกแทนที่ด้วยประกายความสุข ความดีใจ อย่างที่เขาคาดหวังจะได้เห็นขึ้นมาทันที

    แม้จะไม่เคยง้อ…

    แต่เขาก็รู้วิธี…

    ที่จะทำให้น้องรู้สึกดีได้…


    จำได้ว่า…ตอนนั้นเขาโกรธมากที่รู้ว่าน้องไปได้รูปมาจากไหน เพราะมันเป็นรูปที่ติดอยู่ที่บอร์ดของโรงเรียน รูปที่ครูพึ่งเอาไปติดไว้ได้ไม่ถึงวันหลังจากจบกิจกรรมกีฬาสี ทว่าคนน้องก็ไปเอามันมาโดยไม่ได้ขออนุญาตจากใครเลยทั้งสิ้น

    ซึ่งนั้นก็แปลว่าน้องได้รูปมาจากการขโมย…

    และนั่นก็เหตุที่ทำให้เขาดุด่าว่าน้องไปอย่างหมดความอดทนทันทีที่รู้ว่ารูปนั้นมาจากไหน เพราะเจ้าตัวเองเป็นคนบอกเขาด้วยตัวเอง บอกด้วยรอยยิ้มปลื้มปริ่มที่ได้มอบรูปนั้นมาให้เขา

    และเธอก็ไม่รู้ตัวเลยสักนิดเดียว…

    ว่าตัวเองกำลังทำความผิดอยู่…

    และความไม่พอก็ทำให้เขามองข้ามความไร้เดียงสานั้นไป ถูกด้วยความรู้สึกผิดหวังและความโกรธเข้าแทนที่ จนเผลอตะคอกใส่น้องไปอย่างไม่เคยทำ จำได้ว่าตอนนั้นเขาตะคอกจนน้องตัวสั่นเท่าไปด้วยความกลัว แต่เขากลับมองข้ามสิ่งนั้นไปอย่างน่าละอายใจ

    พอหลังจากดุด่าว่าน้องเสร็จแล้ว ตัวเขาตอนนั้นก็ยังอาสาลากคนตัวเล็กไปส่งถึงห้องปกครองเองอีกด้วย เป็นการพาไปแจ้งความผิดของน้องต่อครู เสร็จแล้วเขาก็ปล่อยทิ้งน้องอยู่ที่นั่นคนเดียวอย่างไม่ไยดี


    จนกระทั่ง…วันนั้น

    น้องก็หายไปจากสายตาของเขาเลยทั้งวัน

    และมารู้ที่หลังว่าที่น้องหายไปเพราะโดนครูทำโทษ ที่เจ้าตัวยังคงยืนยันที่จะเอารูปใบนั้นมาให้ได้ ถึงขั้นยอมทำทุกอย่างเพื่อแลกกับรูปใบนั้นใบเดียว


    เช้าวันใหม่หลังจากวันที่โดนทำโทษ คนน้องกลับเดินมาหาเขาด้วยรอยยิ้มอย่างปกติเช่นทุกวัน แล้วเจ้าตัวก็ยื่นรูปใบเดียวกันที่เป็นต้นเหตุให้เขาตะคอกใส่เสียงดังจนตัวสั่นไปหมด

    แต่น้องกลับเดินมาหาเขาด้วยรอยยิ้มราวกับลืมเรื่องที่เขาทำให้เสียใจไปจนหมดสิ้น

    ซึ่งการได้เจอกันเช้าวันนั้นก็ทำให้เขาได้เห็นรอยฟกช้ำ…ที่บริเวณหน่องขาของคนน้องด้วย มันเป็นรอยทางยาวที่มาจากการโดนตี ซึ่งมันก็น่าจะระบมและทิ้งความเจ็บปวดอยู่ไม่น้อยเลยล่ะ แต่อีกคนกลับไม่มีสีหน้าที่แสดงออกถึงความเจ็บปวดใดๆ ออกมาเลยสักนิด

    แต่สิ่งเดียวที่เขาสัมผัสได้ภายใต้รอยยิ้มนั้น…

    คือความอิดโรยจนล้าของน้อง…

    ซึ่งนั้นก็ยืนยันได้ว่าสิ่งที่เขาได้ยินมาเป็นเรื่องจริง….

    เรื่องที่คนทั้งโรงเรียนเอาแต่พูดต่อๆ กันเกือบตลอดทั้งวัน ว่าน้องไปขโมยรูปมาจนโดนครูทำโทษ และสั่งให้อยู่ทำความสะอาดโรงเรียนทั้งวันตั้งแต่เช้ายันเย็น

    กระทั่งเสียงนินทานั้นเริ่มหนาหูมากขึ้นเรื่อยๆ มากจนทำให้เพื่อนๆ ของน้องเลือกที่จะถอยห่างจากน้องไป เพราะแค่ไม่อยากทนคบกับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นหัวขโมย จากหนึ่งคนกลายเป็นสองคน ยิ่งนานเข้าก็ยิ่งมีเพื่อนใหคบน้อยลงเรื่อยๆ

    จนกระทั่งไม่เหลืออีกเลยสักคนเดียว…

    และนั้นกลายเป็นต้นเหตุที่ทำให้น้องเปลี่ยนไป…

    จากคนที่ร่าเริง สนุกสนาน กลายไปเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัว พูดจาน้อยลง คอยหลบผู้คน ซ่อนตัว และไม่เอาตัวเองไปอยู่ในที่ที่มีคนเยอะอีกเลยหลังจากนั้นมา

    กระทั้งเป็นเขาเองที่ไม่อาจทนมองได้…

    จนทำให้เขายอมใจอ่อน…

    และใจดีกับน้องตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา…


    เขามักจะไปหาน้องทุกครั้งที่ว่าง พาน้องไปเล่นในกลุ่มเพื่อนของตัวเอง ชวนน้องกินข้าวเที่ยงด้วยกัน ไปกลับจากโรงเรียนด้วยกันทุกวัน และนั้นก็ทำให้เขากับน้องตัวติดกันไปโดยปริยาย

    การตัวติดกันที่ส่งผลอย่างร้ายแรง เมื่อวันหนึ่งเราไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้อีกต่อไป

    และถึงแม้เรื่องราวเหล่านั้นจะผ่านไปนานมากๆ แล้ว แต่มันกลับยังคงทิ้งความรู้สึกมากมายไว้ให้เขาอยู่จนถึงทุกวันนี้ ไม่เคยจางหายไปจากใจเขาได้เลย

    ซึ่งการได้กลับเจอกันครั้งนี้ทำให้เขาได้เห็นความเปลี่ยนแปลงบางอย่างของน้องด้วย น้องที่โตเป็นสาวแล้ว…


    โตเป็นสาวสวย…


    จนแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิมของเด็กผู้หญิงในอดีตอีกแล้ว…


    “คะ? มีอะไรให้บริการหรือเปล่าคะ”

    “พะพาย…”

    พนักงานสาวที่ก้าวเดินออกไปได้เพียงไม่กี่ก้าวหยุดฉะงักไปทันทีที่ได้ยินชื่อของตัวเองถูกเอ่ยออกมาจากปากของชายหนุ่ม

    ชายหนุ่มที่เป็นแขกคนสำคัญของโรงแรม ถึงแม้จะสงสัยกับสิ่งที่พึ่งได้ยินมากแค่ไหน แต่เธอก็ไม่ลืมที่จะเอ่ยออกไปตามหน้าที่ของพนักงานก่อน แล้วค่อยมาทวนคิดอีกครั้งว่า…


    เขาเรียกชื่อของเธอได้อย่างไร…

    หรือว่าจะรู้จักเธอ….

    ไม่…ไม่มีทางเป็นไปได้ที่เขาจะรู้จักคนอย่างเธอ…

    หรืออาจจะเห็นป้ายพนักงานบนเสื้อ ที่ทำให้เขาเรียกชื่อของเธอออกมา แต่มันจะดูแปลกมากเลยล่ะ เพราะว่าตั้งแต่ทำงานที่นี่มาก็ยังไม่เคยมีแขกคนไหนเรียกชื่อเพราะอ่านจากป้ายเลยสักครั้ง

    แต่เขาไม่ใช่แขกคนธรรมดาๆ ทั่วไปสักหน่อย เธอพึ่งได้ยินจากเพื่อนร่วมงานข้างล่างว่าเขาเป็นถึงหุ้นส่วนคนใหม่ของที่นี่ บางที่นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่เขาเรียกชื่อเธอก็ได้


    เขาเรียกชื่อเธอ…

    ในถานะที่เป็นเจ้านายของที่นี่…

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×