คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่2
"อันนี้ก็ 20 บาทค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่มาอุดหนุน"
ตอนนี้เป็นช่วงปิดเทอมพอดีฉันเลยมาช่วยแม่ขายขนมน่ะ ถ้าขายอยู่กับบ้านก็ขายไม่ดีเท่าไหร ฉันเลยอาสากับแม่ว่าจะออกไปดินขายตามตลาด
"ระวังตัวนะลูก" แม่ฉันกำชับ
"ค่าา ไม่ต้องห่วงหรอกแม่ เจ้าโบโบ้บอกว่าจะไปเป็นเพื่อนหนูล่ะค่ะ จริงไหมโบโบ้"
"บ็อกๆ" มันส่ายหาง พร้อมกับผงกหัวด้วย
"555+" ฉันกับแม่หัวเราะพร้อมกัน
ขณะเดินมาตลาดฉันก็มองไปรอบๆ คนที่นี่ตื่นแต่เช้าออกมาทำมาหากินกันแล้ว แหม...อากาศยามเช้านี่ช่างสดชื่นเสียจริง
ฉันเดินมาจนถึงตลาด ฉันก็หาทำเลเหมาะๆ ตั้งขนม เอาล่ะนะ เริ่มปฏิบัติการได้
"ขนมไหมค่ะ อร่อย สะอาดถูกหลักอนามัยค่ะ รับรองได้เพราะเราทำขายเองค่ะ"ขณะฉันตะโกนขายขนมอยู่นั้น
ฉันก็เหลือบไปเห็นเด็กผู้หญิงคนนั้นพอดี ฉันกำลังจะอ้าปากทัก แต่เธอก็เดินเข้าไปที่ร้านอาหารหรูร้านหนึ่งกับคุณป้าวรนาทแล้ว ฉันเลยเดินตามไปดู ว้าว
*o* เธอขึ้นไปเล่นเปียโนบนเวทีของร้านน่ะ
และหลังจากนั้นฉันก็ฟุ้งไปว่าฉันนั้นได้ขึ้นไปเล่นเปียโนตัวนั้นแทนเธอ ถึงแม้จะเป็นเวลาสั้นๆก็เถอะฉันก็รู้สึกมีควาสุขอย่างบอกไม่ถูก คิเคียวฉันอิจฉาเธอจริงๆ เธอคงจะมีความสุขมากๆเลยใช่ไหม
เหมือนเด็กผู้ชายแหะ ++++++++++++++
หลังจากขายขนมหมดก็ใกล้ค่ำแล้ว ฉันก็เดินกลับบ้านพร้อมกับเจ้าโบโบ้ ระหว่างทางฉันก็ไปนั่งพักใต้ต้นจามจุรีใหญ่นั่น
"โบโบ้ เป็นไงเหนื่อยไหม วันแรกของเราก็ไม่เลวนะ"
เจ้าโบโบ้เห่า2-3ทีแล้วก็วนรอบตัวฉันอย่างแจ่มใส พลอยทำให้ฉันหายเหนื่อยไปด้วย
"ฮือๆๆๆๆ "
ฉันเหมือนกับได้ยินเสียงร้องไห้นะ ฉันหันหลังกลับไปดูเห็นคิเคียวกำลังจะถูกสุนัขตัวใหญ่วิ่งไล่ ทำไงดีล่ะ
ฉันจะช่วยเธอยังไง ย๊ากกกก
ฉันวิ่งหลับตาไปเตะหมาตัวนั้น ฉันค่อยๆลืมตาขึ้นมา ฉันก็รู้ได้อัตโนมัติเลยว่า แรงของฉันที่ไปสัมผัสกับตัวมัน ไม่ได้ทำให้มันสะดุ้งสะเทือนอะไรเท่าไหร
เหอๆ นี่คงเหมือนเป็นแค่การเบี่ยงเบนความสนใจดีๆนี่เอง จาก..คิเคียวมาเป็น..ฉันไง
สุนัขตัวใหญ่จ้องมาที่ฉันตาเขม้ง ตายแล้ว..ยัยมิโอะ แกคงไม่รอดล่ะคราวนี่ ฉันนึกในใจ
"ไม่นะๆ"ฉันทำหน้าใจดีที่สุดในชีวิตให้กับมัน ขอเพียงมันจะเลิกแยกเขี้ยวใส่ฉันแบบนี้
"หนีเร็วๆ" คิเคียวตะโกนมาหาฉัน
"วิ่งซิ เร็วเข้า" เธอยังตะโกนอย่างตกใจ ฉันก็วิ่งไม่คิดชีวิตเหมือนกัน ฉันวิ่งมานานจนหมดแรงแล้วนะ
ยิ่งวิ่งเร็วเท่าไหร่ มันยิ่งตามติดฉันเท่านั้น ขาฉันมันไม่ไหวแล้ว มัน..มันไม่ทันแล้ว
"แม่จ้าาา ช่วยด้วย ฮือๆๆๆ " หลังจากนั้นขาฉันก็พับลงไป ฉัน
คงต้องตายซินะ ฉันยกมือขึ้นปิดหน้า ฉันยอมแล้ว
ยอมรับชะตากรรมแล้ว
. แม่คะ..หนูขอโทษ
"ตุบ ตับๆๆๆ"
"
"
"นี่ เธอเป็นอะไรหรือเปล่า"
"
.."
"เธอ ๆ ได้ยินฉันไหม " ฉันค่อยๆลืมตาแต่ฉันมองเห็นไม่ชัดเพราะน้ำตามันเต็มสอง
ลูกกะตาเลย แต่ฉันได้ยินเสียง
"หวัดดีค่ะ ลูกชายของคุณยมทูตตต"
"555+ ลูกชายยมทูตหรอ " เขาหัวเราะ
"จะบ้าเรอะไง " เขาทำเสียงโมโห
"ฉันว่ายัยนี่ต้องสติแตกแหง่ๆเลย นายว่าไหม เฮย์จิ" นี่ใครอีกล่ะเนี่ย
"นี่ เธอ อยากกลายเป็นศพแถวนี้หรือไง อยากนอนตายข้างถนนหรือ "
"เปล่า ช้านน
ไม่ได้อยาก แต่ว่า " ฉันยังสะอึกสะอืนไม่หาย
"วันหลังก็อย่าทำเก่งเที่ยวเดินเตะหมาซี เธอคงไม่โชดดีอย่างนี้ทุกวันหรอกนะ" เขาบอก
"ฉัน
. คือ ฉันแค่อยากจะ อึก..อยากจะช่วยเขา ฉันก็ไม่อยากเป็นแบบนี้หรอกนะ อึก..ใครบ้างอยากจะจนมุม ใครบ้างอยากจะนั่งรอความตายแบบนี้ " ฉันทนไม่ไหวแล้วว ทำไมต้องมาให้นายมาสอน ทั้งๆที่นายก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย
"งั้นหรอ ถ้าวันหลังคิดจะเป็นฮีโร่น่ะนะ หัดดูตัวเองซะก่อนเซ" เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"
.." ฉันเงียบแต่ตาฉันจ้องร่างเขาเขม้งเลย
"เธอมีอะไรก็พูดมาดีกว่า จ้องฉันเรื่องอะไร" เขาเริ่มจะโมโหแล้วซิ แต่ฉันไม่สนหรอก
"เหอๆ นายมันก็พวกที่จะทำอะไรก็คิดถึงตัวเองก่อนนั่นเอง เรียกง่ายๆก็ไอ้พวกเห็นแก่ตัว "
ฉันทนไม่ไหวแล้ว ฉันพูดอย่างที่ฉันคิด ฉันไม่สนหรอกว่านายจะรู้สึกยังไง ก็ถ้ามันเป็นเรื่องจริงและ ถ้านายเป็นลูกผู้ชายพอ ก็ยอมรับซิ
"ฉันทนไม่ไหวแล้วนะ เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร เป็นคนดีกว่าทุกคนในโลกงั้นซิ " เสียงเด็กผู้ชายอีกคนพูด
"เปล่า แต่ฉันก็อยากให้พวกนายรู้จักคำว่า เสียสละ บ้าง แม้กระทั่งมันจะแลกด้วย ด้วย
.."
"พอเหอะๆ ฉันไม่มีเวลามาทะเลาะกับเธอ" เขาพูดตัดบท
"แต่ยังไง คุณแม่พระ ถ้าจะทำอะไรนึกถึงคนอื่นบ้าง คนที่เธอรักและก็รักเธอ" เขาบอกฉันด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
"เหอะ
" จำคำใครเขามาพูดล่ะ
"ไปกันเถอะพวกเรา" เขาหันไปบอกกับเพื่อน
"เดี๋ยวก่อน ฉันถามอะไรหน่อย "
"อะไรอีกล่ะ" เพื่อนเขาหันกลับมาตะคอกใส่ฉัน
"นายชื่ออะไร
." ฉันถามห้วนๆ
"เหอะ จะรู้ไปทำไม ฉันรับรองได้ว่าฉันคงไม่ได้ทำให้ชีวิตเธอสูงขึ้นมาหรอก" มันก็แหง่อยู่แล้ว ฉันก็ไม่ได้หวัง ไม่เคยแม้แต่จะคิดด้วยซ้ำไป
"งั้น อย่าว่าฉันล่ะกัน ถ้าฉันไม่ได้ทดแทนพระคุณอย่างสูงของนาย" ฉันบอกอย่างหัวเสีย
"เหอๆ อกตัญญูซะมัด นี่หรือ แม่พระ555+"
"แล้วจะให้ฉันทำยังไงเล่า" ฉันพร้อมจะระเบิดออกมาแล้ว
"ก็คิดซิ ไม่มีสมองหรือไง" นายน่ะซิที่ไม่มี
"โอียยยย ฉัน
.ฉันโมโหแล้วนะ" ใจเย็นๆไว้มิโอะ เธอต้องมีสติ
แล้วพวกเขาก็เดินหันหลังกลับไป
ขออย่าให้ฉันได้เจอกับพวกนายอีกเลย จะแลกกับอะไรก็ยอม
คำว่าขอบใจที่ฉันจะพูดกับพวกนาย ฉันกลืนหายลงไปในคอตั้งนานแล้ว
และก็เปลี่ยนเป็นความรู้สึกเกลียดเข้ากระดูกดำแทน
"โบโบ้ เป็นไงเหนื่อยไหม วันแรกของเราก็ไม่เลวนะ"
เจ้าโบโบ้เห่า2-3ทีแล้วก็วนรอบตัวฉันอย่างแจ่มใส พลอยทำให้ฉันหายเหนื่อยไปด้วย
"ฮือๆๆๆๆ "
ฉันเหมือนกับได้ยินเสียงร้องไห้นะ ฉันหันหลังกลับไปดูเห็นคิเคียวกำลังจะถูกสุนัขตัวใหญ่วิ่งไล่ ทำไงดีล่ะ
ฉันจะช่วยเธอยังไง ย๊ากกกก
ฉันวิ่งหลับตาไปเตะหมาตัวนั้น ฉันค่อยๆลืมตาขึ้นมา ฉันก็รู้ได้อัตโนมัติเลยว่า แรงของฉันที่ไปสัมผัสกับตัวมัน ไม่ได้ทำให้มันสะดุ้งสะเทือนอะไรเท่าไหร
เหอๆ นี่คงเหมือนเป็นแค่การเบี่ยงเบนความสนใจดีๆนี่เอง จาก..คิเคียวมาเป็น..ฉันไง
สุนัขตัวใหญ่จ้องมาที่ฉันตาเขม้ง ตายแล้ว..ยัยมิโอะ แกคงไม่รอดล่ะคราวนี่ ฉันนึกในใจ
"ไม่นะๆ"ฉันทำหน้าใจดีที่สุดในชีวิตให้กับมัน ขอเพียงมันจะเลิกแยกเขี้ยวใส่ฉันแบบนี้
"หนีเร็วๆ" คิเคียวตะโกนมาหาฉัน
"วิ่งซิ เร็วเข้า" เธอยังตะโกนอย่างตกใจ ฉันก็วิ่งไม่คิดชีวิตเหมือนกัน ฉันวิ่งมานานจนหมดแรงแล้วนะ
ยิ่งวิ่งเร็วเท่าไหร่ มันยิ่งตามติดฉันเท่านั้น ขาฉันมันไม่ไหวแล้ว มัน..มันไม่ทันแล้ว
"แม่จ้าาา ช่วยด้วย ฮือๆๆๆ " หลังจากนั้นขาฉันก็พับลงไป ฉัน
คงต้องตายซินะ ฉันยกมือขึ้นปิดหน้า ฉันยอมแล้ว
ยอมรับชะตากรรมแล้ว
. แม่คะ..หนูขอโทษ
"ตุบ ตับๆๆๆ"
"
"
"นี่ เธอเป็นอะไรหรือเปล่า"
"
.."
"เธอ ๆ ได้ยินฉันไหม " ฉันค่อยๆลืมตาแต่ฉันมองเห็นไม่ชัดเพราะน้ำตามันเต็มสอง
ลูกกะตาเลย แต่ฉันได้ยินเสียง
เหมือนเด็กผู้ชายแหะ
"หวัดดีค่ะ ลูกชายของคุณยมทูตตต"
"555+ ลูกชายยมทูตหรอ " เขาหัวเราะ
"จะบ้าเรอะไง " เขาทำเสียงโมโห
"ฉันว่ายัยนี่ต้องสติแตกแหง่ๆเลย นายว่าไหม เฮย์จิ" นี่ใครอีกล่ะเนี่ย
"นี่ เธอ อยากกลายเป็นศพแถวนี้หรือไง อยากนอนตายข้างถนนหรือ "
"เปล่า ช้านน
ไม่ได้อยาก แต่ว่า " ฉันยังสะอึกสะอืนไม่หาย
"วันหลังก็อย่าทำเก่งเที่ยวเดินเตะหมาซี เธอคงไม่โชดดีอย่างนี้ทุกวันหรอกนะ" เขาบอก
"ฉัน
. คือ ฉันแค่อยากจะ อึก..อยากจะช่วยเขา ฉันก็ไม่อยากเป็นแบบนี้หรอกนะ อึก..ใครบ้างอยากจะจนมุม ใครบ้างอยากจะนั่งรอความตายแบบนี้ " ฉันทนไม่ไหวแล้วว ทำไมต้องมาให้นายมาสอน ทั้งๆที่นายก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย
"งั้นหรอ ถ้าวันหลังคิดจะเป็นฮีโร่น่ะนะ หัดดูตัวเองซะก่อนเซ" เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"
.." ฉันเงียบแต่ตาฉันจ้องร่างเขาเขม้งเลย
"เธอมีอะไรก็พูดมาดีกว่า จ้องฉันเรื่องอะไร" เขาเริ่มจะโมโหแล้วซิ แต่ฉันไม่สนหรอก
"เหอๆ นายมันก็พวกที่จะทำอะไรก็คิดถึงตัวเองก่อนนั่นเอง เรียกง่ายๆก็ไอ้พวกเห็นแก่ตัว "
ฉันทนไม่ไหวแล้ว ฉันพูดอย่างที่ฉันคิด ฉันไม่สนหรอกว่านายจะรู้สึกยังไง ก็ถ้ามันเป็นเรื่องจริงและ ถ้านายเป็นลูกผู้ชายพอ ก็ยอมรับซิ
"ฉันทนไม่ไหวแล้วนะ เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร เป็นคนดีกว่าทุกคนในโลกงั้นซิ " เสียงเด็กผู้ชายอีกคนพูด
"เปล่า แต่ฉันก็อยากให้พวกนายรู้จักคำว่า เสียสละ บ้าง แม้กระทั่งมันจะแลกด้วย ด้วย
.."
"พอเหอะๆ ฉันไม่มีเวลามาทะเลาะกับเธอ" เขาพูดตัดบท
"แต่ยังไง คุณแม่พระ ถ้าจะทำอะไรนึกถึงคนอื่นบ้าง คนที่เธอรักและก็รักเธอ" เขาบอกฉันด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
"เหอะ
" จำคำใครเขามาพูดล่ะ
"ไปกันเถอะพวกเรา" เขาหันไปบอกกับเพื่อน
"เดี๋ยวก่อน ฉันถามอะไรหน่อย "
"อะไรอีกล่ะ" เพื่อนเขาหันกลับมาตะคอกใส่ฉัน
"นายชื่ออะไร
." ฉันถามห้วนๆ
"เหอะ จะรู้ไปทำไม ฉันรับรองได้ว่าฉันคงไม่ได้ทำให้ชีวิตเธอสูงขึ้นมาหรอก" มันก็แหง่อยู่แล้ว ฉันก็ไม่ได้หวัง ไม่เคยแม้แต่จะคิดด้วยซ้ำไป
"งั้น อย่าว่าฉันล่ะกัน ถ้าฉันไม่ได้ทดแทนพระคุณอย่างสูงของนาย" ฉันบอกอย่างหัวเสีย
"เหอๆ อกตัญญูซะมัด นี่หรือ แม่พระ555+"
"แล้วจะให้ฉันทำยังไงเล่า" ฉันพร้อมจะระเบิดออกมาแล้ว
"ก็คิดซิ ไม่มีสมองหรือไง" นายน่ะซิที่ไม่มี
"โอียยยย ฉัน
.ฉันโมโหแล้วนะ" ใจเย็นๆไว้มิโอะ เธอต้องมีสติ
แล้วพวกเขาก็เดินหันหลังกลับไป
ขออย่าให้ฉันได้เจอกับพวกนายอีกเลย จะแลกกับอะไรก็ยอม
คำว่าขอบใจที่ฉันจะพูดกับพวกนาย ฉันกลืนหายลงไปในคอตั้งนานแล้ว
และก็เปลี่ยนเป็นความรู้สึกเกลียดเข้ากระดูกดำแทน
++++++++++++++
ความคิดเห็น