ตอนที่ 5 : 04 : เริ่มสนิท
04 : เริ่มสนิท
‘ก๊อกๆ’
‘ก๊อกๆๆ’
‘ก๊อกๆๆๆ’
‘ก๊อกๆๆๆๆ’
“จะเคาะทำแมวอะไรนักหนา คนจะนอนโว้ยยยยยย” คนในห้องตะโกนโวยวายเสียงดังก่อนจะตามด้วยเสียงเดินลงเท้าตึงตังตรงมาที่หน้าประตูห้อง ไม่นานประตูก็ถูกเปิดขึ้นพร้อมหน้างอๆของรูมเมทตัวขาว
“ไง มึง”ผมยิ้มแห้งๆก่อนทักทายตามปกติ ยุนกิเปลี่ยนสีหน้าทันที่ที่รู้ว่าเป็นผมและก็ต้องเปลี่ยนสีหน้าอีกครั้งเมื่อสภาพของผมไม่ปกติเหมือนเดิมแถมยังมีนัมจุนซึ่งเป็นคนแปลกหน้าสำหรับยุนกิกำลังช่วยพยุงผมด้วยท่าทางแปลกๆอยู่หน้าประตูอีก
“ไปทำอะไรมา! แล้วหมอนี่เป็นใคร?!”
“ใจเย็นๆก่อน พากูเข้าไปก่อนโว้ยยยย!! กูเมื่อย!”
ผมพูดรีบเบรกก่อนยุนกิจะระเบิดลงเพราะความเข้าใจผิดๆตัวเองแต่หางตาผมก็แอบเห็นนัมจุนยิ้มๆปนขำเล็กๆกับการเถียงของเราสองคนที่ดูแล้วเหมือนเด็กป.2 แย่งกันจองตัวสีแดงในการ์ตูนพาวเวอร์เรนเจอร์ไม่มีผิด แต่มันก็เหมือนก็จริงๆนั่นแหละ...
“ส่งเราแค่นี้แหละ ขอบใจมาก”ผมหันไปบอกนัมจุน เขาพยักหน้าก่อนยิ้มให้ทีหนึ่งแล้วเดินห่างออกไป ยุนกิขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเต็มเปี่ยมก่อนจะมาช่วยพยุงผมเข้าห้อง ผมถูกพามานั่งพักอยู่บนเตียงที่อยู่ถัดจากประตูไปไม่กี่ก้าว
“มีอะไรจะเล่าก็เล่ามา”ยุนกิเดินหน้าตึงไปทิ้งตัวที่เก้าอี้หน้ากระจกบานใหญ่อีกฝั่งของเตียง ผมใช้เวลาอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่สักพักจนเจ้าตัวเข้าใจกระจ่างเหมือนเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆร้อนๆกับผมเลยทีเดียว
“เงอะงะจนได้เรื่องจริงๆมึงเนี่ย แล้วแบบนี้มึงจะไปเรียนไหวเหรอ”
“ถ้าไปไหวก็จะไป แต่พรุ่งนี้คงต้องลาว่ะ”
“เออ มึงนอนพักไปเหอะ”
‘ก๊อกๆๆ’
เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง ผมกับยุนกิหันมองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมายแต่นี่ก็ดึกแล้วใครมันจะเคาะห้องเอาปานนี้กันล่ะ? แต่เหมือนคนตรงประตูอ่านใจผมได้เลยพูดตอบคลายความสงสัยของเราสองคน
“จิน เรานัมจุนเองนะ”
เอ๊ะ นัมจุนเหรอ? ผมหันไปมองหน้ายุนกิอีกครั้งก่อนรูมเมทจะพยักหน้าเชิงอนุญาต ผมเอื้อมมือไปปลดล็อคประตูแล้วเปิดขึ้น
“เราเห็นว่านายยังไม่ได้กินข้าวเลยซื้อมาให้”
“อ่า...ขอบใจมากนะ รอแปบนึงเดี๋ยวเราเอาตังให้”
“ไม่ต้องๆ เราซื้อให้”
“ได้ไงล่ะ รอแปบนึงๆ”
นัมจุนยิ้มแล้วยื่นกล่องข้าวใส่มือผม ผมก็รับมาแบบงงๆก่อนหันไปหากระเป๋าตังที่วางอยู่บนโต๊ะ แต่พอผมหันกลับมาอีกที นัมจุนก็เดินตรงไปที่ห้องที่อยู่ติดบันไดของอีกฝั่งแล้ว
“ไว้หายดีแล้วค่อยเลี้ยงเรากลับแล้วกัน”
นัมจุนหันมาตอบผมก่อนไขประตูเดินเข้าห้องตัวเองไป ผมนิ่งไปสักพักก่อนจะเอื้อมมือปิดประตู
แล้วนั่งเกาหัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่คนเดียว...เอ่อ...ก็ไม่คนเดียวหรอก
“ใช่เล่นนะมึงอ่ะ”
“เล่นลึ่นอะไรล่ะ กูไม่คุยกับมึงล่ะ กินข้าวดีกว่า”
ยุนกิโผล่หน้ามาเท้าคางที่ไหล่ผมก่อนจะทำหน้าทำตาล้อผมอย่างไม่เกรงใจตามสไตล์ ผมพยายามไม่คิดอะไรก้มหน้าเปิดกล่องข้าวในมือแต่ก็มีกระดาษแผ่นเล็กๆที่แนบมาปลิวไปตกลงอยู่หน้ายุนกิพอดีเป๊ะเหมือนตั้งโปรแกรมไว้
ยุนกิก้มมองก่อนจะเก็บมันขึ้นมาอ่านข้อความที่เขียนอยู่บนนั้นก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผมจากนั้นก็ยิ้มมุมปากใส่ทีนึงแล้วยัดกระดาษแผ่นนั้นใส่มือผม ผมขมวดคิ้วก่อนจะพลิกอ่านมัน เออ กูรู้ล่ะว่ามึงยิ้มอะไร...
‘06X-XXXXXXX นี่เบอร์เรานะ อย่าลืมเมมไว้ล่ะ – นัมจุน
.
.
.
.
.
วันต่อมาผมก็ได้แต่นั่งๆนอนๆขาเดี๊ยงอยู่บนเตียงทั้งวัน อ่านหนังสือก็แล้ว เล่นมือถือก็แล้ว ก็ยังไม่หมดวันสักที จะไลน์ไปชวนเดอะแก๊งค์คุยก็เรียนอยู่ ยุนกิก็ติดกิจกรรมที่คณะอีก ทำไมมันน่าเบื่อแบบนี้นะ
‘ติ๊ง’
นัมจุน : อาการดีขึ้นมั้ย?
*ส่งสติกเกอร์*
หืม?
ชายจิน : เริ่มขยับขาได้บ้างแล้วล่ะ
แล้วนัมจุนไม่เรียนเหรอ?
นัมจุน : อาจารย์ยังไม่เข้าอ่ะ
แต่อีกเดี๋ยวก็คงมาแล้วล่ะ
ชายจิน : เราอยากกลับไปเรียนบ้างแล้วสิTT
นัมจุน : รีบๆหายไวๆสิ
อาจารย์มาแล้วอ่ะ
ไปก่อนนะ ไว้เจอกัน
ชายจิน : แล้วเจอกัน
ตกเย็นนัมจุนก็ยังซื้อข้าวมาให้ผมแต่คราวนี้ผมตื้อจะจ่ายค่าข้าวอยู่นานกว่านัมจุนจะยอมรับไปแต่โดยดี เราได้คุยนิดๆหน่อยๆพอเป็นพิธีก่อนจะแยกย้ายเข้าห้องแต่ละคนไป ก่อนที่ประตูห้องผมจะปิดลงหางตาของผมก็เหลือบเห็นยุนกิกำลังโบกมือลาใครสักคนอยู่ตรงทางเดินก่อนจะเดินตรงมาที่ห้อง ยุนกิสะดุ้งเล็กน้อยแล้วนิ่งไปสักพักเมื่อเห็นว่าผมกำลังมองอยู่แต่คนมีพิรุธก็ยังพยายามทำหน้าปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“โบกมือให้ใครอ่ะ”
“พะ...เพื่อนไง”
ทันที่ยุนกิเดินเข้ามาผมก็ไม่รอช้ารีบทักดักรูมเมทตัวแสบ น่าแปลกที่เจ้าตัวดันไม่ตอบกวนๆกลับแบบที่คิดแถมยังพูดตะกุกตะกักอย่างปิดไม่อยู่อีกต่างหาก
“เพื่อนจริงอ่ะ?”
“อย่ามายุ่งน่าาาาา”
“บอกมานะเว้ยยยยย”ยิ่งยุนกิพยายามพูดปัดมันยิ่งชัดเจนเลยว่าเจ้าตัวกำลังโกหกอยู่แต่ด้วยความเผือก เอ้ย ความอยากรู้อยากเห็นของผมมันมีเกินลิมิตของคนธรรมดาแล้วนั้น ไม่มีทางปล่อยเรื่องนี้ไปได้ง่ายๆแน่นอนว่าแล้วผมก็โดดล็อคคอเพื่อนรักของผมแน่นปานจะกลืนกิน
“ทำอะไรของมึงเนี่ยยยยยย หนักโว้ยยยยย ออกไปปปปป!!”
“จะบอกไม่บอก ไม่บอกมึงก็นอนท่านี้แหละ!!”ไม่รู้ว่ายุนกิกลัวจะนอนไม่สบายหรือกลัวที่ผมต้องนอนล็อคคออยู่กันแน่ มันเลยยอมสารภาพแต่โดยดีว่าคุยกับคนที่ชื่อ จอง โฮซอก ที่เรียนอยู่คณะเดียวกันได้สักพักแล้ว ผมก็เพิ่งรู้วันนี้ว่าที่มันไปเรียนทุกวันนี่ไม่ได้เดินไปแต่มีโฮซอกที่บังเอิญอยู่หอนี้เหมือนกันคอยไปรับไปส่งตลอด ร้ายนะเอ็งงงงง
ส่วนพวกเลขห้องหรือหน้าตาพ่อจองโฮซอกผมก็ยังไม่รู้หรือได้เห็นอะไรหรอกนะ เจ้าตัวอ้างว่าอยากคุยกันนานกว่านี้ก่อนแล้วค่อยมาเปิดตัวทีเดียว ผมเองก็ไม่ได้ขัดอะไรแต่ก็นึกเหงาๆบ้างถ้ายุนกิจะมีแฟนขึ้นมาแต่ถ้าเพื่อนมีความสุขผมก็โอเค
.
.
.
“เฮ้อ ~ ”
วันต่อมาผมก็ยังคงนั่งๆนอนๆอยู่บนเตียงเหมือนเดิม อ่านหนังสือเหมือนเดิม เล่นมือถือเหมือนเดิม ยกเว้นอยู่อย่างเดียวที่มันไม่เหมือนเดิม
‘ติ๊ง’
นัมจุน : วันนี้อาจารย์จู่ๆก็กางร่มขึ้นมากลางห้องด้วยล่ะ
*ส่งรูป*
ชายจิน : ทำไมเป็นไงอ่ะ555
*ส่งสติกเกอร์*
นัมจุน : เหมือนอาจารย์จะทดลองอะไรสักอย่างอ่ะ
เพื่อนที่เข้ามาทีหลังเปิดมาแล้วตกใจทุกคนเลย555
ชายจิน : เป็นเราก็ตกใจอ่ะ555
ว่าแต่เรียนไปเยอะแล้วรึยังอ่ะ
เราจะตามเรียนทันมั้ยเนี่ยTT
นัมจุน : ไม่หรอก จินตามทันอยู่แล้ว
หายไวๆนะ :)
ชายจิน : จะรีบหายนะ T-T
*ส่งสติกเกอร์*
ก็มีแต่เรื่องนี้แหละครับที่เปลี่ยนไปทุกครั้งที่เราได้คุยกัน นัมจุนจะทักมาชวนผมคุยเมื่อมีเวลาว่าง บางวันก็ทักมาเล่าว่าวันนี้เรียนอะไรบ้างถึงบทไหนแล้วบ้าง สำหรับนักศึกษาปีหนึ่งทุกสาขาในคณะวิศวะจะเรียนพื้นฐานทุกวิชาเหมือนกันแต่จะมีบางสาขาที่อาจจะเรียนแตกต่างกันเล็กน้อย เพราะงั้นเวลานัมจุนเล่าเรื่องเรียนให้ฟังมันทำให้ผมเหมือนไปนั่งเรียนด้วยเลยล่ะ
ทุกๆวันก็เป็นแบบนี้วนลูปไปเรื่อยๆ มีหลายเรื่องที่ทำให้ผมรู้จักนัมจุนมากขึ้นและก็หลายเรื่องที่ทำให้นัมจุนรู้จักผมมากขึ้นด้วยและกลายเป็นว่าผมรอเวลานี้ให้มาถึงทุกๆวันไปแล้ว...
.
.
.
หลังจากนั้นไม่นานขาผมก็เริ่มหายดีแต่ก็ยังต้องใช้ไม้เท้าอยู่ทำให้ผมยังเดินไปเรียนเองไม่ได้ ยุนกิเลยเสนอว่าให้ไปพร้อมตัวเองกับโฮซอกไม่ก็ให้โฮซอกไปส่งใครคนหนึ่งก่อนค่อยมารับอีกคน ผมปฏิเสธทันทีเพราะเกรงใจที่เพื่อนต้องมาลำบาก ยุนกิเถียงอยู่นานจนยอมแพ้กับความหัวรั้นของผม ขอโทษนะยุนกิ
ผมเลยทักไปคุยกับเดอะแก๊งค์เพื่อปรึกษาว่าจะไปเรียนดีมั้ยหรือจะยอมหยุดจนกว่าจะหายดีก่อน มติเอกฉันท์ลงที่ไปเรียนแต่แล้วก็วนกลับมาที่ปัญหาเดิมว่าแล้วจะไปยังไงล่ะ?
แทแทเอง : งั้นเดี๋ยวกูไปรับเอง
จองกุก : กูไปด้วยดิ
จีมมม : งั้นกูไปด้วยยยยย
*ส่งสติกเกอร์*
ชายจิน : ไอ่เพื่อนรักTT
น้ำตาจะไหลเลยว่ะ
*ส่งสติกเกอร์*
จองกุก : ธรรมด๊า เพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อนดิว่ะ
จีมมม : เออ จะให้พวกกูทิ้งมึงได้ไงล่ะ
แทแทเอง : *ส่งสติกเกอร์*
ชายจิน : แต่...พวกมึงไม่มีรถนะ
แล้วมึงจะมารับกูได้ไง ไอ่สัสสสสสส
มึงจะให้กูขี่คอพวกมึงไปเหรอ โว้ยยยยยยยย
จีมมม : เออเนอะ
เนอะโพ่งงงงงง สงสัยกูได้ดรอปรอเรียนพร้อมรุ่นน้องแล้วมั้งเนี่ย TT ไม่รู้ไปทำอิท่าไหนจู่ๆไพ่ก็ออกที่คนที่คุณก็รู้ว่าใครอีกแล้ว ใช่แล้วครับบบบบ ผมต้องกลับไปพึ่งคิมนัมจุนอีกแล้ว เกรงใจก็เกรงใจอยากไปเรียนก็อยากไปเรียนเพราะจะตามเพื่อนไม่ทันแล้วด้วย ก็ต้องหน้าด้านหน้าทนขอให้นัมจุนไปรับไปส่ง นัมจุนก็เหมือนเทพบุตรลงมาเกิดแท้ๆตอบรับทันที่ที่ผมขอมิหนำซ้ำวันไหนที่เจ้าตัวไม่มีเรียนก็ยังอาสาไปส่งผมอีกต่างหาก ฮือออออ ขอให้พ่อนัมเจริญๆนะ พนมมือ
.
.
.
เวลาผ่านไปไหวเหมือนโกหกผมกับนัมจุนไปเรียนพร้อมกันจนครบหนึ่งอาทิตย์แล้ว ทุกอย่างดูโอเคมากเลยครับ โอเคก็บ้าแล้วววว!! มันคงเป็นผลจากการที่เราได้อยู่ด้วยกันบ่อยๆคุยกันบ่อยๆทำให้เราสนิทกันมากขึ้นกว่าเดิมมากกอไก่สามล้านตัว ถ้าถามว่าสนิทถึงขั้นไหนถึงบรรยายเว่อร์ขนาดนั้นก็...
‘โป๊ก!!’
“โอ้ย อะไรมึงเนี่ยยย!!”ผมกุมหน้าผากที่จู่ๆก็โดนกำปั้นของใครบางคนโขกเข้าเต็มเปา ยิ่งผมเริ่มโวยวายมันก็ทำท่าง้างมือเตรียมโขกซ้ำผมจึงดันมือมันค้างไว้ก่อนจะได้แผลฟรีๆ
“ขาสั้นแล้วยังจะช้าอีกนะมึงอ่ะ ถ้าช้าอีกวันหลังเดินไปเองเลยไป”นัมจุนคนแสนดี พูดเพราะ เป็นสุภาพบุรุษคนนั้นได้หายไปแล้วครับทุกคน...นอกจากจะชอบทำร้ายร่างกายอันบอบบางของผมแล้วมันยังใช้คำพูดทำร้ายผมทางใจอีกต่างหากอ่ะ กระซิก
“วันนี้เข้าเชียร์ด้วยล่ะ”
“อ่าว เข้าวันนี้เหรอ?”
“ห้องมีสิ่งที่เรียกว่าปฏิทินมั้ยครับคุณซอกจินหรือคุณมึงยังหลงอยู่ในยุคหิน?”
“อ้าว นี่มึงหลอกด่ากูเหรอ!! กลับมานี้นะ!!”พอนัมจุนพูดจบก็เดินนำผมออกไปเหมือนรู้ว่าเหตุการณ์ต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น นัมจุนหัวเราะเยาะกับเสียงโวยวายของผมที่ตามไล่หลัง ใครก็ได้เอานัมจุนคนเดิมกลับมาที!!
#โต๊ะคิม
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ความสนิทบางทีก็คือที่บ่งบอกตัวตนเลยอ่ะ ขอให้เจริญๆนะพี่นัม 5555