ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ FIC REBORN / KHR ] My Daily Life นี่แหละชีวิตของฉัน

    ลำดับตอนที่ #5 : บ้านคุณน้าเขาจัดปาร์ตี้หรอคะ ทำไมทุกคนไปแต่บ้านของคุณน้ากันจังเลย

    • อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 63


     CHAPTER 5 :

    บ้านคุณน้าเขาจัดปาร์ตี้ ทำไมทุกคนไปแต่บ้านของคุณน้ากันจัง

     

     

     

         อยากกินเครปสตรอว์เบอร์รีเค้กจังเลย

     

    นั่นคือความคิดแรกที่ดังออกมาหลังจากที่ดูการ์ตูนเรื่อง สาวน้อยขนมหวาน จบลง ก็แหม ช่วงนี้ฉันไม่ค่อยได้กินขนมหวานนี้ ฮือออ ไม่น้าเลยตัวฉัน ไม่น่าเอาเงินไปซื้อหนังสือเลยยยย หนังสือการ์ตูนหรอคะ เปล่าหนังสือเรียนต่างหาก

     

    บ้าเอ๊ยยยยย ทำไมคนเราต้องเรียนหนังสือกัน ฉันอยากนอนอยู่บ้านโดยไม่ต้องทำอะไรเลยไม่ได้หรอ นอนดูการ์ตูนและอ่านนิยายไปวันๆ ได้เงินมาโดยไม่ต้องทำอะไรเลยมันไม่มีบ้างหรอคะ งานแบบนั้นอ่ะ

     

    ฉันควรเลิกคิดเรื่อยเปื่อยได้แล้ว แต่มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอกค่ะ ก็มันเป็นเอกลักษณ์ของตัวฉันเองนี่คะ ฮือออ

     

    เอาล่ะ ได้เวลาไปซื้อขนมแล้วล่ะตัวฉัน!!

     

     

    +

     

     

    อุหวา— ทำไงดีคะตอนนี้ฉันได้เข้ามาในร้านขนมหวานเป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ แล้วก็เจอฉากอันร้อนแรงเมื่อมีชายคนหนึ่งได้ควงผู้หญิงมาแต่ดันไปพบเจอกับผู้หญิงที่ตัวเองกำลังชอบอยู่ แล้วเหตุการณ์จะเป็นเช่นไรต่อไป โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ

     

    อ่ะ ล้อเล่นค่ะ แหม่ก็เหตุการณ์ข้างหน้าของฉันตอนนี้เหมือนกลับที่บรรยายไว้ด้านบนเลยค่ะ แค่เปลี่ยนจากชายคนหนึ่งเป็นสึนะคุงก็เท่านั้นเอง อ่ะแน่นอนค่ะว่าฉันปลงแล้ว ปลงสิ้นทุกอย่างที่เกี่ยวกับสึนะคุง ถ้าวันไหนไม่เจอเขาฉันต้องรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปสักอย่างแน่ๆ

     

    เอ๊ะ หรือว่านี่มัน คะ . . . ความรู้สึกเปล่าเปลี่ยวหัวใจยามไม่พบเจอเขา ความรู้สึกหงอยเหงาเมื่อไม่พบเธอ ความรู้สึกเหมือนขาดเธอทำให้ฉันไม่ร่าเริง อุหวาาา ฉันตกหลุมรักสึนะคุงไปแล้วหรอเนี่ยยย อ่ะ ล้อเล่นค่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า

     

    เอาเป็นว่าฉันควรรีบทำตามเป้าหมายที่คิดเอาไว้ตอนแรกกันดีกว่าค่ะ ปล่อยให้เรื่องราวความรักของสึนะคุงให้เขาจัดการเองเถอะเรามาสนเรื่องการกินดีกว่า ดังคำที่กล่าวว่า กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เอ๊ะ แล้วฉันเอากองทัพไปสู้รบที่ไหนกันเนี่ย ช่างมันเถอะ

     

    เค้กจ๋าาาาาาาา พี่มาแล้ววววววว

     

    หลังจากที่ฉันเลือกซื้อเค้กเสร็จ ฉันก็นั่งกินอยู่ในร้านนั่งเหม่อมองไปทั่วร้าน ปล่อยให้เวลาไหลผ่านไปโดยไม่ทำอะไรนอกจากกิน

     

    ก็แหม่ ความรู้สึกของฉันบอกว่าถ้าฉันไม่นั่งรอตรงนี้จะพลาดอะไรสนุกๆไปนะสิ

     

        กริ๊ง—

     

    เสียงกริ่งจากประตูหน้าร้านเรียกว่าสนใจจากฉันได้เป็นอย่างดี เมื่อฉันหันไปมองที่ต้นเสียงก็เจอเข้ากับหญิงสาวสองคนที่เคยอยู่กับสึนะคุง

     

    ทำไมสองคนนั้นมีแค่ผ้าใหญ่ๆที่เหมือนกับผ้าห่มคลุมกายล่ะ แถมยังมีไฟลุกอยู่บนหัวเหมือนกับที่สึนะคุงเคยมีเลยล่ะ!!!

     

    เอ๊ะ มีปริศนาให้ฉันสงสัยอีกแล้วหรอวะคะะะ ไม่นะ แค่ของสึนะคุงฉันก็คิดจนจะปวดหัวอยู่แล้ว ฉันยังต้องมาคิดของสองคนนี้อีกหรออออ

     

    อ๊ากกก แล้วนั้นทำอะไรของพวกเธอกานนน เธอจะพังกระจกแล้วหยิบเค้กไปกินโดยไม่จ่ายไม่ได้น้าาาา แล้วก็อย่ากินจนหมดสิ๊ เหลือให้ฉันซื้อกลับบ้านบ้างงงงงง

     

        ตุ๊บ—

     

    เสียงของค้อนทุบลงไปที่หัวของสองสาวนั้น ทำให้พวกเธอสลบไป เฮ้อออ โชคดีไปนะที่ยังเหลือเค้กสตรอว์เบอร์รีให้ฉันไว้

     

    ขอขอบคุณทุกสรรพสิ่งที่ทำให้พวกเธอสองคนนั้นไม่เลือกเค้กที่ฉันชอบไปกิน ฮืออออ

     

     

    +

     

     

      “ ฮิคาริ ฮารุกะ รอก่อนฉันมีเรื่องจะคุยด้วย “

     

    ในขณะที่ฉันกำลังจะเดินกลับบ้านนั้นเอง ก็มีเสียงเล็กอันคุ้นเคยเรียกฉันไว้ ซึ่งแน่นอนว่าถ้าฉันหันกลับไปต้องเจอกับเด็กน้อยในชุดสูทแน่นอน

     

    และก็เป็นอยากที่ฉันคาดไว้ รีบอร์นเอ่ยเรียกฉันไว้ ทุกคนไม่ต้องสงสัยกันนะคะ ว่าทำไมฉันถึงเรียกเขาว่ารีบอร์น

     

    ก็เป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้ฉันไปถามแรมโบ้คุงมาแล้วค่ะ ว่าเด็กคนนี้ชื่ออะไร ถึงแม้ตอนตอบคุณแรมโบ้จะทำเหมือนไม่อยากตอบก็เถอะค่ะ ฮืออ น่ารักจัง แรมโบ้คงจะหวงฉันแน่ๆเลยค่ะ ( มโน )

     

      “ มีอะไรรึเปล่าคะ รีบอร์นคุง “

     

    ฉันเอ่ยถามถึงเหตุผลที่เด็กน้อยตรงหน้ารั้งฉันไว้ พร้อมกับย่อตัวลงเพื่อให้พูดคุยกันได้สะดวกขึ้น

     

      “ เธอน่ะ สนิทกับเจ้าแรมโบ้มากเลยสินะ “

     

    รีบอร์นคุงเอ่ยกึ่งพูดกึ่งถามเบาๆ พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมาจ้องตาฉันด้วยดวงตากลมโต

     

    เมื่อฉันเห็นดวงตาของเด็กตรงหน้าก็ได้แต่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เจ้าบ้าเอ๊ย เด็กตรงหน้าน่ารักชะมัดเลยค่ะ ให้อารมณ์น้องชายผู้พึ่งพาได้ยังไงไม่รู้ ถึงแม้เขาจะเด็กเกินกว่าที่ฉันจะพึ่งพาเขาได้ก็เถอะ

     

      “ ฉันกับคุณแรมโบ้สนิทกันมากมากเลยล่ะค่ะ “

     

    ฉันพูดขึ้นมาพร้อมกับนึกถึงคุณแรมโบ้ที่พึ่งเจอกันไปเมื่อวาน ฉันอยากให้คุณแรมโบ้มีโทรศัพท์จังเลย เราจะได้คุยกันได้ตลอดเวลาแต่วัยของคุณแรมโบ้ยังไม่มีเหมาะที่จะเล่นโทรศัพท์น่ะสิ เศร้าใจจังเลยค่ะ

     

      “ งั้นหรอ . . . “

     

    รีบอร์นเอ่ยออกมาอย่างเเผ่วเบาราวกับน้อยเนื้อต่ำใจยังไงไม่รู้

     

    หรือว่า!! รีบอร์นคุงก็อยากจะสนิทกับฉันเหมือนกันเลยรู้สึกไม่พอใจที่เพื่อนของเขา(?)สนิทกับฉันอยู่คนเดียว อุหวา— แย่แล้วสิ ฉันเองก็อยากสนิทกับเธอเหมือนกันนะ รีบอร์นคุง

     

      “ พี่เองก็อยากจะสนิทกับเธอเหมือนกันน่ะ รี - รีบอร์นคุง “

     

    ฉันรีบร้อนกล่าวออกมาเพราะกลัวเด็กน้อยตรงหน้าจะเศร้าใจจนกัดลิ้นตัวเองไปทีหนึ่ง แต่ก็รีบทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถึงแม้ภายในของฉันจะเจ็บปวดก็ตามที

     

    ไม่รู้ว่าฉันคิดไปเองรึเปล่าแต่ฉันเห็นรีบอร์นคุงตัวสั่นๆ ฉันคิดว่าเขาดีใจจนร้องไห้ก็เลยอุ้มเขามาในอ้อมกอดพร้อมกับถามไถ่ถึงที่อยู่ เพื่อที่จะได้นำตัวเขาไปส่ง

     

     

      “ ถึงแล้วล่ะ รีบอร์นคุง ใช่บ้านหลังนี้รึเปล่า “

     

    ฉันเอ่ยถามเมื่อมาถึงบ้านหลังหนึ่งที่แสนจะคุ้นเคยยิ่งนัก คลับคล้ายคลับคลาเหมือนจะเคยมาส่งแรมโบ้คุงที่บ้านหลังนี้

     

      “ ใช่แล้วล่ะ ขอบคุณน่ะ พี่ฮารุกะ “

     

    รีบอร์นคุงเอ่ยขอบคุณพร้อมกับกระโดดลงจากอ้อมกอดของฉัน เมื่อฉันได้ยินถึงสรรพนามที่อีกฝ่ายเรียกฉันก็อยากจะแด่ดิ้นลงไปกับพื้นให้รู้แล้วรู้รอด

     

    คราวก่อนก็แรมโบ้คุงแทบจะทำให้ฉันตายไปหลายๆรอบ ส่วนรีบอร์นคุงก็แทบจะทำให้ฉันตายแล้วเกิดใหม่มามองเขาอีกหลายๆรอบ

     

    แม่คะ เด็กคนนี้มัน!! น่ารักเกินไปแล้วโว้ยยย ฮืออออ ไม่ไหวแล้ว เด็กคนนี้น่ารักอยากงี้ คุณแม่ให้กินอะไรเป็นอาหารคะ น่ารักจนอยากร้องไห้เป็นภาษาอิตาลี น่ารักจนงง น่ารักจนจะบ้าตาย น่ารักที่สุดเลยค่ะ คุณรีบอร์นนนน

     

    หลังจากที่ฉันยืนค้างเพราะมัวแต่พรรณนาถึงความน่ารักของเด็กน้อยตรงหน้า ก็ได้เดินออกไปพร้อมกับโบกมือลา

     

    โดยไม่ได้รับรู้ถึงรอยยิ้มของเด็กน้อยที่เคยชมว่าน่ารักนักน่ารักหนานั้นจะดูเจ้าเล่ห์มากเพียงใด

     

     

    +

     

     

     

    วันนี้ท้องฟ้าเเจ่มใส หมู่เมฆบนท้องฟ้าเรียงตัวกันอย่างสวยงามราวกับรูปวาดบนผ้าใบผืนใหญ่ แถมแดดตอนนี้ยังให้ความรู้สึกไม่ค่อยร้อนสักเท่าไหร่เพราะมีลมเย็นคอยพัดเอื่อยมาให้คลายร้อน

     

    ทุกคนอาจจะกำลังสงสัยว่าทำไมฉันถึงมานั่งพรรณนาถึงท้องฟ้าอยู่ นั้นก็เพราะว่ามีตัวอะไรมาบอกให้ฉันออกมาเดินเล่นได้แล้วเพราะช่วงนี้ฉันกินมากเกินไปจนทำให้น้ำหนักค่อนข้าง . . . เกินมาตรฐานเล็กน้อย เล็กน้อยแบบเล็กน้อยจริงๆ เชื่อฉันสิ!!

     

    อะแฮ่ม เอาเป็นว่าตอนนี้ฉันนั่งพักอยู่บนเก้าอี้ม้านั่งในสวนสาธารณะอยู่ค่ะ นั่งมองคนอื่นไปเรื่อย เป็นวันสงบๆของฉันล่ะมั้งค่ะ

     

        ตุบ—

     

      “ โอ้ย!! “

     

    เสียงที่เหมือนกับคนล้มดังขึ้นตามด้วยเสียงร้อง เรียกความสนใจจากฉันที่กำลังเหม่อลอย

     

    ผมสีทองเป็นประกายที่กำลังหยอกล้อกับแสงอาทิตย์ ดวงตาสีทองที่กำลังเอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำตาที่ได้รับจากความเจ็บราวกับลูกแก้วที่สวยงาม

     

    คุณพระ คนอะไรหล่อได้ขนาดนี้กันคะ เกิดมาไม่เคยเจอใครหล่อขนาดนี้เลยค่ะ อุแง— ฉันนอนตายตาหลับแล้วค่ะ อั๊ก—

     

      “ คุณเป็นอะไรรึเปล่าคะ “

     

    ฉันเอ่ยถามไถ่เขาหลังจากที่หวีดเกี่ยวกับความดีงามของคุณเขาจบแล้ว พร้อมกับยื่นมือไปช่วยพยุงตัวเขาขึ้นมา

     

      “ ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณนะครับ สาวน้อย “

     

    อุหวา— มะ ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้ยินคนเรียกว่าสาวน้อยได้เต็มปากเต็มคำขนาดนี้ คนนี้เขาเสือผู้หญิงรึเปล่าเนี่ย หวังว่าจะไม่ใช่นะคะ

     

      “ เอ่อ ไม่ทราบว่าเธอจะพอรู้จักสถานที่แห่งนี้มั้ย “

     

    เขาพูดจบพร้อมกับชูแผ่นกระดาษที่วาดแผนที่มาให้ฉันดู เมื่อฉันเห็นปุ๊บจึงรู้ได้ปั๊บว่ามันคือบ้านของคุณน้านั่นเอง

     

      “ รู้จักค่ะ คุณกำลังจะไปบ้านหลังนั้นหรอคะ “

     

      “ใช่แล้วครับ รบกวนช่วยพาผมไปส่งหน่อยได้มั้ยครับ พอดีผมหลงทางน่ะ ฮะฮะฮะ “

     

    เขากล่าวออกมาด้วยแก้มที่ขึ้นสีแดงฝาดเล็กน้อยด้วยความเขินอายพร้อมกับยกมือขึ้นเกาหลังคอเพื่อแก้เขิน

     

    เมื่อฉันเห็นท่าทางของเขาฉันก็ยิ้มเบาๆด้วยความเอ็นดู และเริ่มนำทางของเขาไปยังบ้านของคุณน้า พร้อมทั้งชวนเขาคุยเล็กน้อยเพื่อไม่ทำให้ระหว่างมันดูอึดอัดมากเกินไป

     

      “ ถึงแล้วค่ะ คุณดีโน่ “

     

    ฉันกล่าวกับเขาหลังจากมาถึงบ้านของคุณน้า ใช่แล้วล่ะ ชายตรงหน้าของฉันเขามีชื่อว่า ดีโน่ เป็นคนอิตาลีที่วันนี้มาบ้านคุณน้าเพราะมาหาอาจารย์เพื่อที่จะได้ทำความรู้จักกับศิษย์น้อง นั้นคือสิ่งที่ฉันได้รู้จากเขาระหว่างทางที่มาที่นี่

     

      “ ขอบคุณอีกครั้งนะ ฮารุกะจัง “

     

      “ ด้วยความยินดีค่ะ “

     

    เมื่อพูดคุยกันเสร็จเรียบร้อยพวกเราก็เอ่ยลากันอีกครั้ง จะว่าก็ว่าเถอะ ฉันรู้สึกว่าฉันมาส่งคนที่บ้านคุณน้าบ่อยจังเลยนะ มาบ่อยกว่าบ้านตัวเองอีกค่ะ มาบ่อยจนงงว่าบ้านคุณน้ามีอะไรถึงได้มีคนมาอยู่กันเยอะแยะขนาดนี้ เฮ้ออ ช่างเถอะ

     

    วันนี้ก็ผ่านไปอีกวันแล้วสินะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะทุกคนนนนน

     

     

     

     

     

     

    (*´ー`*)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×