ห้อง 612 - ห้อง 612 นิยาย ห้อง 612 : Dek-D.com - Writer

    ห้อง 612

    ผู้เข้าชมรวม

    92

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    92

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  3 ก.พ. 66 / 00:55 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    ห้อง 612

     

    ผมเลื่อนผ่านรูปประกาศให้เช่าห้องตามคอนโดบนเว็บไซด์อยุ่นาน จนมาสะดุดตากับคอนโดนึงที่อยู่ไม่ไกลจากที่ทำงาน และ ราคาเช่าที่เบาสบายพอจะจ่ายไหว ภาพตัวอย่างเป็นห้องไม่ใหญ่ ห้องน้ำในตัว มีระเบี้ยงซักล้าง เตียง ตู้ โต๊ะ และ ผ้าม่านสีฟ้าสดใส  และ ทำเลที่ไกล้ทั้งป้ายรถเมล์ และ รถไฟฟ้า กับตลาด 

    ที่สะดุดตาคือทางเข้าตึกรูปตัว Y ที่ดูแปลกๆ  แต่ไม่ได้คิดอะไรเพราะ ทำเลและค่าเช่าที่แสนถูกบังตา กับสะดวกไกล้ท่ี่ทำงาน ช่างเฟอร์เฟ็คจริงๆ ก่อนจะยกโทรสัพท์ กดหมายเลยตามประกาศ

    ผม : XX XXXXXXXXXXX 

    ปลายสาย : สวัสดี ต้องการเช่าห้องใ่ช่มั้ยครับ 

    ผม : ครับ ตามประกาศมีว่างใช่มั้ยครับ 

    ปลายสาย : เหลือห้องเดียว มัดจำ หนึ่งเดือน ค่าประกัน x,xxx ค่าไฟตามมิเตอร์หลวง ค่าน้ำหน่วยละ x บาท กับาค่าบริการส่วนกลางเดือนละ XXX สัญญาเช่าอย่างน้อยหกเดือนนะครับ 

    ผม : ย้ายเข้าได้เมื่อไหร่ครับ

    ปลายสาย : มาทำสัญญาได้เลยครับ 

     

    การสนทนาจบลงสั้นๆ โดยผมนัดเวลาขอเข้าดูสถานที่ก่อน ค่อยตัดสินใจ ..

    วันนัดผมมาถึงก่อนเพื่อดูทำเล นอกจากความแปลกในสถานที่รูปตัว Y แล้ว ตัวอาคารก็ดูทรุดโทรมตามเวลา ลูกบ้านที่เดินผ่านไปมาก็ดูสบายๆ เหมาะกับคนไม่ม่ีรถแบบผม แถมยังสงบเงีบบดี 

     

    นิติอาคาร : สวัสดีครับ มาดูห้องที่ติดต่อไว้นะครับ

    ผม : ใช่ครับ 

    นิติอาคาร : ว่างฝั่ง B นะครับ ห้อง 612 ไปดูเลยมั้ยครับ 

    ผม : ดีเลยครับ

    นิติอาคาร : นี่กุญแจครับ ขึ้นลิฟท์ทางด้านนั้น เชิญตามสะดวกนะครับ

     

    รับกุญแจแบบงงๆ กับการต้อนรับ แต่ก็ไม่ได้บ่นอ่ะไร เดินเข้าลิฟท์ไปสำรวจห้องดีกว่า ออกจากลิฟท์เจอแม่บ้านทำความสะอาดทางเดิน มองแปลกๆ ผมไม่ได้เอะใจ ทางเดินไปห้อง 612 อยู่ปลายสุดของอาคาร แถมดูแยกจากห้องอื่นๆ ด้วยตู้เก็บมิเตอร์ไฟ ที่บังสายตาเพื่อนบ้าน ประตูดูเก่าสีซีดจางมีเพียงลูกบิดที่ล้อคไว้ กับ สายคล้องกุญแจ

    ลังเลนิดนึงกับหน้าห้องแต่เสียเวลามาแล้วกับความอยากรู้สภาพภายใน มือผมที่ถือกุญแจค้างไว้ลังเล แต่ เหมือนความสนุกถ้าทายอยู่ เสียบกุญแจแล้วปลดล๊อค ค่อยๆ แง้มประตู

    แอ๊ดดดดดดดดดดดด..

    เสียงบานพับที่น่าจะปิดไว้นานจนฝืด กับ กาอาศอับๆ ฝุุนคลุ้งลอยออกมาจนผมสำลักไอ  สภาพเตียงเก่าที่มีผ้าขาวคลุมไว้ โต๊ะเขียนหนังสือ สีซีดๆ มุมห้อง กับ ห้องน้ำดูโทรมไปบ้างกับระเบียงที่ดูดี ดูเก่าตามเวลา ยกเว้นผ้าม่านหน้าต่างสีฟ้าที่ปลิวตามแรงลม สภาพมันแปลกกว่าห้อง ดูยังใหม่ๆ กว่าภาพทางเน็ต

    ลมดี ราวตากผ้าพร้อม มีโต๊ะใช้ ม่ีเตียงด้วย  ห้องน้ำล้างสะอาดๆ ก็โอเค  เปลี่ยนแค่หลอดไฟกับหาตู้เสื้อผ้าเพิ่ม งบลงตัว

    คิดเข้าข้างตัวเองขำๆ ก่อนปิดห้องลงไปทำสัญญา..

     

    นิติอาคาร : เอาไว้ก่อนก็ได้นะครับ ห้องไม่มีคนอยู่นานแล้ว

    ผม : ไม่ๆ ทำสัญญาเลยยครับ

    นิติอาคาร : แน่ใจนะครับ

    ผม : ไม่มีปัญหาครับ วางเงินมัดจำได้เลยใช่มั้ยครับ

    นิติอาคาร : เช่าห้องนั้นนะครับ ไม่เปลี่ยนใจแน่นะครับ อยากได้อ่ะไรเพิ่มมั้ย

    ผม : เอาครับเอา ถ้าเปลี่ยนฝาชักโครกกับเอาผ้าคลุมเตียงออกให้ หรือ ให้แม่บ้านช่วยทำความสะอาดจะกรุณามากๆ ครับ

    นิติอาคารออกอาการยึกๆ ยัก จนผมนึกแปลกใจ แต่ก็ เขียนสัาญญาเช่าเรียบร้อย พร้อมแจ้งวันย้ายเข้่า 

    พ้นร่างผมออกนอกประตู นิติอาคารร่างท้วมถึงกับถอนใจแรงๆ ส่ายหน้า ก่อนเรียกแม่บ้านให้ไปทำความสะอาดห้อง

     

    นิติอาาคาร : ไม่น่าเล้ย ยังเด็กแท้ๆ จะรอดจนครบเดือนมั้ย เห้อ ห้องนั้นมันน่ากลัว …

     

    วันย้ายเข้าหลังติดต่อนิติอาคาร แล้ว ผมรู้สึกผิดปกติ ท่ี่มีพระมาที่ห้องประพรมน้ำมนต์ก่อนผมย้ายเข้า ตรวจสภาพห้องที่ทำความสะอาดแล้ว อุปกรณ์ใหม่พร้อมตามที่ขอนิติไป ห้องดูสดใสน่าอยู่กว่าวันแรกที่เห็น เปลี่ยนแทบทุกอย่างยกเว้นผ้าม่านสีฟ้าผืนนั้น 

    คิดเล่นๆ ค่าเช่าไม่กี่บาทได้ที่นอนใหม่ แถมตู้เสื้อผ้า หลอดไฟ กับห้องน้ำด่ีๆ เจ้าของอาคารนี่ใจดีมาก 

     

    คืนนั้น ..

    เก็บจัดของจนเหนื่อย เตรียมหลับนอน อากาศในห้องมันช่างเย็นเหมือนเปิดแอร์ ลมพัดแรงจนม่านหน้าต่างปลิว ผมดับไฟเข้านอนด้วยความอ่อนเพลีย รู้สึกตัวกลางดึกเพราะความหนาวผิดปกติ เหมือนไม่ได้นอนอยู่คนเดียว เพราะที่นอนมีอาการขยับเพราะคนลุกจากเตียง เสียงกดชักโครก เสียงคนเดินเบาๆ ก่อนสติผมจะวูปหลับลึกไป เหมือนเห็นร่างใครสักคนยืนมองที่ปลายเตียง

     

    เช้าวันใหม่ …

    งัวเงียลุกไปทำความสะอาดร่างกาย ระหว่างทางไปลิฟท์ แม่บ้านทำความสะอาดหน้าตาตื่น มองผมแปลกๆ ก่อนจะรีบหลีกทางให้ ผ่านนิติบุคคลอาคาร ก็ มองผมด้วยสายตาแปลกๆ หลบตาลงต่ำตอนทักทาย แล้วช่วงเวลาทำงานก็ผ่านไปอีกวัน

    หลังปิดประตูห้องชงักค้างเพราะกลิ่นธูป ห้องข้างๆ รึปล่าวนะ ผมปิดระเบียงไว้นี่หว่า กลิ่นามาได้ไง หลังออกไปยืนร้ับลม เพื่อนห้องข้างๆ เห็นผมก็รีบเก็บผ้าเข้าห้องเหมือนกลัวบางอย่าง 

    เพราะความเพลียหลังจัดการธุระส่วนตัวผมขยับที่นอนย้ายมุมเตียง เพื่อจะหาที่วางโคมไฟใหม่ เปิดหนังสืออ่านแก้เหงา หลับไปนานเท่าไหร่ไม่แน่ใจ เปลือกตาเผยอลืมเห็นใครมายืนอยู่ปลายเตียง ผมยาวปิดหน้าตา ผิวซีดจนน่ากลัว ได้ยินเสียงเบาๆ 

    นี่ห้องของชั้น..

    นี่ห้องของชั้น..

    นี่ห้องของชั้น..

    นี่ห้องของชั้น..

    นี่มันห้องของชั้น..

    เล่นเอาสะดุ้งจนหนังสือปลิว เอ้าเช้าแล้วนีื่ ลนลานรีบอาบน้ำออกจากห้อง อย่างไว เจอแม่บ้านคนเดิมเริ่มวางแผนหาข้อมูล

     

    ผม : หวัดดีครับป้า ขยันแต่เช้าเลยนะครับ

    แม่บ้าน : ค่ะ ไปทำงานหรือคะคุณ

    ผม : ใช่ครับ เออป้า ข้างบนบ้านใหนเค้าจุดธูปครับ กลิ่นคลุ้มห้องผมเลย

    แม่บ้าน : อะไรนะคะ ธูป

    ผม : ครับ กลิ่นเอียนๆ แปลกดี

    ผม : ป้าทำงานที่นี่นานหรือยังครับ 

    แม่บ้าน : ตั้งแต่สร้างตึกแล้วค่าา 

    ผม : อ่อ เออ ป้ารู้มั้ยครับ ห้องที่ผมอยู่คนเช่าคนก่อน เค้าย้ายไปใหนครับ

    แม่บ้าน : อ้ำๆ อึ้งๆ รับตัดบท ป้าไปก่อนนะคะ สงสัยอะไรถามนิติเลยค่า ป้ารีบนะค่ะ

     

    ยิ่งอยากรู้มากกว่าเดิม ประวัติห้องนี้มันยังไงกันแน่นะ วันแรกก็มีพระมาห้อง..

    เย็นนั้นผมตัดสินใจหาดอกไม้ ธูป เทียน ไปไหว้พระภูมิเจ้าที่ก่อนขึ้นห้อง เริ่มลังเลที่จะไขประตู กลัวจะเจอเรื่องน่ากลัว พอเข้าห้องได้ ลมเย็นยะเยือกปะทะร่างกายเล่นเอาขนลุกชี้ชัน ผมปิดห้องไว้ แล้ว ใครกันที่เปิดประตูระเบียงรับลม ใครยืนอยู่ตรงนั้น ผ้าม่านสีฟ้าปลิวไสวปิดบังสายตาตามแรงลม

    ขาหนักอึ้ง ก้าวไม่ออกกับภาพตรงนั้น เหมือนผู้หญิงสวมชุดนอน เข้ามาในห้องได้ยังไง ผมแข็งใจก้าวช้าๆ อยากดูให้แน่ใจ คน หรือ ผมตาฝาด กำลังจะเอื้อมมือจับผ้าม่านกันปลิว ลมวูปแรงพัดผ้าม่านมาโดนหน้าจนตาพร่า ต้องยืนสงสติ ก่อนจะค่อยๆ ลืมตา  ตรงนั้นมีแค่ผมคนเดียวหน้าประตูระเบียง 

    เสียงแว่วๆ แผ่วเบาลอยมาจากใหนไม่รู้

     

    นี่ห้องของชั้น..

    นี่ห้องของชั้น..

    นี่ห้องของชั้น..

            นี่มันห้องของฉัน…

     

    เพราะประตูห้องเปิดค้างไว้ ภาพในจอ cctv ทำให้นิติอาคารแปลกใจจนต้องขึ้นมาดู ในห้องผมนอนพับอยู่หน้าประตูระเบียง ตัวเย็นเฉียบ จนต้องพาเข้าโรงพยาบาล

     

    แขนที่ปักสายน้ำเกลือไม่ได้หนักหนาเท่าความรู้สึกหวาดระแวงภายใน ยังรู้สักดีใจที่นิติอาคารร่างท้วมนั่งเป็นเพือนอยู่ข้างเตียง

     

    นิติอาคาร : เจ้าของห้องนั้นเค้าเคยเป็นเด็กเสี่ยเจ้าของตึก หลังๆ คงเบื่อเลยเลิกกัน แต่น้องเค้าไม่ยอมย้่ายออก เสี่ยก็ไม่มาดูแล น้องเค้าเลยโดด่จากระเบียงลงมาแล้วไปเสียที่โรงพยาบาล

    นิติอาคาร : เสียเลยปิดข่าว นิมนต์พระมาสวดปิดห้องไว้หลายปีแล้ว จนแกเสีย ห้องนั้นเลยถูกขายไปทำเป็นห้องเช่า แล้ว ญาติเสี่ยให้นิติช่วยดูแลแทน 

    นิติอาคาร : ไม่เคยมีใครพักได้เกินอาทิตย์ คนที่อยู่่เกินก็หายไปเฉยๆ พร้อมข้าวของ ล่าสุดก็คุณลูกบ้านนี่แหละครับ

    ผม : ว่าแล้ว ทำไมแปลกๆ

    นิติอาคาร : คุณลูกบ้านไปเห็นประกาศที่ลงไว้หลายปีแล้ว เหมือนคนอื่นๆ จะทำยังไงต่อครับ

    ผม : ทำไมพี่ไม่บอกผมครับ 

    นิติอาคาร : ธุรกิจครับ ลูกจ้างก็ต้องเงียบๆ ตามน้ำไป

    นิติอาคาร : ผมแจ้งลูกชายเสี่ยที่มาบริหารต่อ แล้วนะครับ แกจะทุบห้องนั้นทิ้ง แล้วปิดทางเข้าถาวร คุณลูกบ้านจะได้เงินที่ทำสัญญาคืนจนครบทุกบาทครับ ขอแค่ ไม่เอาเรื่องทางคอนโด หรือ ถ้าต้องการห้องพักห้องใหม่ นิติจะดำเนินการดูแลให้ครับ

    ผม : ห้องใหนว่างครับ ขอห้องประวัติดีๆ นะครับ 

     

    ่ยังจำเป็นต้องอยู่เพราะงบจำกัด ดีที่ทางคอนโดดูแล ต้องทนสักสองสามเดือนค่อยย้าย 

     

    เรื่องที่ผมไม่ได้เล่าให้นิติฟังคือ ตอนหมดสติไป ผู้หญิงคนนั้นร้องไห้ ชุดคลุมท้องสีฟ้าโป่งกลางลำตัว เธอท้อง ก่อนจะกระโดดจากชั้น 6  เหมือนคนต่างจังหวัดทั่วๆ ไป ดิ้นรนหางาน พบคนใจดี ออกจากงาน ท้อง ไม่ม่ีเงิน ไม่มีงาน เธอคงต้องทนอยู่ที่นี่เหมือนกัน  นี่คงเป็นสาเหตุที่ผมไม่ได้หายไปเหมือนคนอื่นๆ ..

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×