ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Fic Kimetsu no yaiba) เมื่อSekiro หลุดมาอยู่โลกอสูร

    ลำดับตอนที่ #4 : อสูรวิปริต

    • อัปเดตล่าสุด 31 พ.ค. 66


    หลังจากโอคามิเดินทางออกมาจากหมู่บ้าน ตัวของเค้าก็มีเป้าหมายใหม่คือ ตามหาหน่วยพิฆาตอสูร เพื่อสืบข่าวหาสาเหตุและเหตุผลที่ตัวเขามายังที่แห่งนี้ และตัวของอสูรนั้นทำให้โอคามินึกถึงเรื่องของ อมรณา ที่ตนเองเคยเจอมา 

    ซึ่งสำหรับตัวโอคามิเองแล้ว อสูรนั้นเลวร้ายพอๆกับ อมรณา ตามปรกติแล้วอมรณาจะแบ่งเป็น 2 ประเภทหลักๆ

     1.ผู้ควบคุมแมลง ผู้ที่นำแมลงเข้าสู่ร่างกายของตนเองเพื่อให้มีชีวิตเป็น อมตะ แบบไร้ซึ่งจุดอ่อน เมื่อถูกสังหารแมลงในร่างกายจะทำการฟื้นฟูร่างกาย จำต้องสังหารด้วยดาบไร้ฆาต แต่หากเมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า ในท้ายที่สุดก็จะกลายเป็นเปลือกที่ไร้ชีวิตอยู่ดี

    พระที่มีแมลงสิงสู่

    2.ผู้ดื่มตะกอนที่ได้จากการกลั่นอมฤตโอสถ ผู้นั้นจะสามารถทนทานต่อการฟันที่สามารถปลิดชีพลงได้ จำต้องสังหารด้วยดาบไร้ฆาตเท่านั้น แต่วิธีการทำอมฤตโอสถนั้นนับว่าโหดร้ายยิ่ง

    ถึงแม้อมรณาจะฆ่าไม่ตายคล้ายอสูร ทว่าตัวของอมรณาก็มิได้กินคนเฉกเช่นอสูร ผู้ที่เป็นอมรณา ณ วัดเซมโปจิเริ่มแรกนั้นแสวงหาเพียงแค่อายุขัยที่ยืนยาว เพื่อแสวงหาหนทางการตรัสรู้เท่านั้น ส่วนเก็นอิจิโร่ที่ดื่มตะกอนอมฤตโอสถนั้น ก็ทำเพื่อแคว้นอาชินะ แต่ในท้ายที่สุดไม่ว่าผู้ใดก็จะกลายเป็นผู้ลุ่มหลงในความอมตะทุกคน

    จะกล่าวได้ว่าวิถีแห่งความอมตะเป็นวิถีที่บิดเบือนชีวิตของมนุษย์ในฐานะมนุษย์ ก็ไม่ผิดนัก

    ในระหว่างการเดินทางของโอคามินั้น ทำให้โอคามิเห็นวิถีชีวิตของผู้คน

    เมื่อโอคามิเดินทางเรื่อยๆ โอคามิก็เห็นผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา ต่างพูดคุยทักทายกัน ถามว่าวันนี้เป็นไงบ้างสบายดีไหม คู่สามีภรรยา ต่างบอกลากันก่อนออกจากบ้านไปทำงาน

    จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเด็กๆวิ่งเล่นและร้องไห้ แล้วโอคามิก็คิดว่า ในวันหนึ่งเด็กๆเหล่านี้ก็จะเติบโต และเรียนรู้สิ่งต่างๆมากมาย 

    ผู้คนไม่ต้องจับดาบเข้าห้ำหั่นกัน ไม่มีเด็กคนไหนถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสนามรบ ไม่มีเสียงแม่ม้ายที่ร้องไห้เมื่อสามีตายในสงคราม ไม่มีเสียงครอบครัวใดต้องร้องไห้จากการจากไปของลูกชาย มีเพียงเสียงยินดี ความสุข ครอบครัวอยู่พร้อมหน้า กินข้าวด้วยกันคุยเรื่องต่างๆด้วยกัน

    ตอนนี้โอคามิได้รู้แล้วว่าวิถีชีวิตของมนุษย์นั้นเป็นอย่างไร แล้วทำไมนายน้อยคุโร่นั้นชิงชังในสายเลือดมังกรแล้วอยากจะเป็นคนธรรมดา

    โอคามิเดินทางอย่างมีจุดหมายแต่ก็ไม่รู้ว่าทางไปสู่จุดหมายนั้นต้องไปอย่างไร ตลอดการเดินทางของโอคามิ เขาได้สืบข่าวเรื่องอสูรหรือเหตุการณ์แปลกๆจากผู้คน เพราะคิดว่าหากเจออสูรก็อาจเจอหน่วยพิฆาตก็เป็นได้ แต่ทว่าตลอดการเดินทาง 1 อาทิตย์ที่ผ่านมาก็ไม่เจอเรื่องของอสูรเลย จนกระทั้งเดินทางไปถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่เป็นเหมือน หมู่บ้านที่ทำพวกงานฝีมือ 

    โอคามิเดินผ่านร้านขายอุปกรณ์แห่งหนึ่งจึงเข้าไปดู พบว่ามีอุปกรณ์ทำการเกษตรและงานช่างต่างๆ โอคามิจึงซื้ออุปกรณ์สำหรับดัดแปลงแขนกลและ ขวานมือมาหนึ่งเล่มแล้วก็เดินออกมา 

    ตอนนั้นเองที่มีชาวบ้านคุยอะไรบางอย่างแล้วโอคามิไปได้ยินเข้า

    “นี่ๆได้ข่าวหรือเปล่าว่า นายพรานที่เข้าไปในป่าเมื่อวันก่อนกลับมาไม่ครบอีกแล้ว”

    “บ้าน่า นี่ก็รายที่ 6 แล้วนะ มันเป็นไปได้ยังไงเนี่ย พวกที่เหลือเขาว่ายังไงบ้างละ”

    “พวกเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น คนที่แยกไปคนเดียวมักจะหายไปตลอดเลย”

    “หรือว่าจะเป็นเทพลักซ่อนงั้นหรอ”

    เมื่อโอคามิได้ยินดังนั้นจึงวางแผนที่จะเดินทางเข้าไปในป่าเพื่อค้นหาอสูร แต่โอคามิก็รอให้ถึงตอนกลางคืนก่อนเพราะกังวลว่าอสูรอาจจะไม่โผล่มาก็เป็นได้ ระหว่างนี้โอคามิก็ติดตั้ง ดาวกระจาย และ ขวานกล 

    ในขณะเดียวกันภายในหมู่บ้านก็มีกลุ่มเด็กกำลังคุยกันอยู่

    “เห้ พวกนายเรามาท้าทายป่าแห่งนี้กันเถอะ” 

    “ไม่เอาด้วยหรอกนะ น่ากลัวจะตาย” “ใช่ๆ พวกผู้ใหญ่บอกว่ามีเทพลักซ่อนอยู่ในป่าด้วยนะ” 

    “นี่พวกนายขี้ป็อดหรือเปล่า มันจะมีจริงที่ไหน พวกผู้ใหญ่ชอบแต่งเรื่องมาหลอกพวกเราต่างหาก” 

    “พวกเราไม่ได้ป็อดสักหน่อย" ทั้งสองคนที่ถูกว่านั้นกล่าวมาพร้อมกัน

    “ก็ได้ฉันจะท้าทายป่าแห่งนี้ด้วย” “ฉันก็เหมือนกัน”

    เด็กพวกนั้นไม่รู้เลยว่า ที่ต้นไม้ข้างๆนั้นโอคามิได้นั่งอยู่ข้างบนแล้วแอบฟังพวกเด็กแสบพวกนี้อยู่ โอคามิจึงตัดสินใจว่าจะตามเด็กพวกนี้ไปเงียบๆ เป็นการสอนบทเรียนให้เด็กพวกนี้ไปในตัว

    ตกกลางคืนภายในป่า ที่ส่งหมอกเย็นออกมาเรื่อยๆ

    “ตอนนี้เราก็เดินกันมานานแล้วนะ รู้สึกแปลกๆยังไงก็ไม่รู้” เด็กผู้ชายตัวเล็กได้กล่าวออกมา

    “เรากลับกันเถอะ ตอนนี้ก็มืดมากแล้วนะ” เด็กผู้หญิงก็พูดออกมาเช่นกัน

    เด็กผู้ชายที่เป็นหัวโจกก็ได้หันกลับไปมอง เพื่อนของตัวเอง

    “ก็ได้งั้นเรากลับกันเถอะ” จริงๆแล้วเขาก็กลัวเหมือนกันแต่แสร้งทำเป็นไม่กลัว เดี๋ยวเสียหน้า

    ตอนนั้นเองที่เด็กทั้งสามคนที่กำลังจะกลับ ได้มีหมอกก็หนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัดราวกับว่ามีใครควบคุมหมอกเหล่านี้อยู่ 

    “จะรีบไปไหนละ เจ้าหนู…...” เสียงที่แหบแห้งราวกับมาจากนรกนั้นออกมาจากปากของสิ่งมีชีวิตที่น่าสะอิดสะเอียน อสูรตัวนั้นก็ได้ปรากฎกายขึ้น

    รูปร่างของมันเหมือนกับชายแก่หัวล้านปากยิ้มกว้างมีเบ้าตาเดียว แต่ว่าภายในเบ้าตานั้นกลับมีดวงตาหลายสิบดวงอยู่ภายใน 

    Alex J Schofield - Many Eyed Creature

    "อ้ากกก…" เหล่าเด็กที่เข้ามาในป่านั้นร้องออกมาด้วยความตกใจและความกลัว เมื่อตนเองนั้นพบกับสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่เคยเจอมา ทุกคนต่างวิ่งหนีกันแตกกระเจิง

    ทันใดนั้นก็มีเชือกที่เป็นบ่วงรัดที่ถูกเตรียมไว้แล้ว ก็ได้ดึงขาของเด็กทุกคนห้อยไปมากับต้นไม้ เหล่าเด็กๆต่างกรีดร้องด้วยความกลัว

    "เยี่ยมมากกก… มากกว่านี้… มากกว่านี้" เจ้าอสูรดวงตาได้ จ้องมองไปที่เหล่าเด็กๆด้วยความสุขและความยินดี

    เจ้าอสูรตัวนั้นยิ่งฉีกยิ้มกว้างขึ้นและกว้างขึ้น ทุกอย่างนั้นเป็นไปตามแผนของอสูรตัวนี้ตั้งแต่แรก มันสังเกตุเห็นเด็กพวกนี้ตั้งแต่เข้ามาในอนาเขตของมันแล้ว 

    มันจึงดักเตรียมไว้แล้วว่ามันจะสร้างความกลัวและความสิ้นหวังยังไง มันมีรสนิยมการกินที่แปลกประหลาดที่รสชาติเนื้อมนุษย์ที่มันชื่นชอบคือ เนื้อมนุษย์ช่วงเวลาที่มนุษย์กลัวถึงขีดสุด 

    มันจะค่อยๆกินทีละเล็กทีละน้อยทรมาณมนุษย์ที่โชคร้าย พร้อมกับพรรณาถึงเสียงร้องของเหยื่อก่อนหน้า ความกลัวและความสิ้นหวังจะซึมซาบเข้าไปในเนื้อของเหยื่อ 

    ยิ่งมีเหยื่อที่เห็นคนก่อนโดนกินทั้งเป็นหน้าเนื้อของเหยื่อคนนั้นก็ยิ่งส่งกลิ่นหอมหวานราวกับน้ำผึ้ง เชิญชวนให้อสูรตัวนี้เข้าไปกินราวกับเป็นอาหารที่รสเลิศที่ต้องลิ้มลอง

    “อาหารวันนี้น่าอร่อยจริงๆ… มีทั้งของเรียกน้ำย่อย จานเนื้อ แล้วก็… จานหลัก ฮาฮาฮาฮ่า” อสูรดวงตาพูดพร้อมกับกางแขนแล้วชูมือขึ้นราวกับคนเสียสติ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×