คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : แก้มอ้วนของนที ครั้งที่ 4 : ศัตรูหัวใจ
‘ทฤษฎี 21 วัน วันแรก ก็ทำเอาผมแทบบ้า ไปยิ้มให้มันทำไม แก้มอ้วน’
เช้าวันนี้เป็นเช้าของการที่ผมจะเริ่มทฤษฎี 21 วัน เป็นวันแรก หลังจากที่ผมนอนคิดมาทั้งคืนแล้ว ผมได้ข้อสรุปว่า ผมจะเริ่มด้วยอะไรง่าย ๆ ก็คือ การบีบยาสีฟันใส่แปรงสีฟันสีเหลืองของแก้มอ้วนที่มันอยู่ข้างแปรงสีฟันสีฟ้าของผม
ตอนนี้ผมอยู่ในห้องน้ำนานสองนานหลังจากอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว เพราะผมกำลังมองดูรอบ ๆ ห้องน้ำว่ามีอะไรที่ผมสามารถเตรียมได้มากกว่าการบีบยาสีฟันไหม
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูห้องน้ำดังขึ้นมาทำเอาผมสะดุ้งจนขวัญหายหมด
ไม่เป็นไรใจนที
ผมพูดออกมาในขณะที่กำลังลูบอกตนเองพลาง ๆ
“ไอ้นที อาบน้ำหรือเข้าไปตาย” เสียงของแก้มอ้วนที่เปล่งออกมา ถึงมันจะดูเกรี้ยวกราด ทว่ามันชั่งน่ารักสำหรับผม
“เข้ามาตายมั้งไอ้สัด ก็ต้องเข้ามาอาบน้ำดิวะ”
ผมตะโกนกลับไปด้วยน้ำเสียงดุดันไม่ต่างกัน ผมจำเป็นต้องคีพลุคเอาไว้ เพื่อไม่ให้คนน่ารัก จับความผิดปกติที่ผมนั้น โคตรหลงเขาเลย
“เออ ออกมาสักที จะได้เอาศพไปจองศาลาวัด”
ดู ดู ดูสิ่งที่แก้มอ้วนพูดกับผมสิ มันชั่ง น่ารักมาก ๆ เลยครับ แก้มอ้วน ถึงแก้มอ้วนจะด่าจะว่า จะพูดแซะผมแค่ไหน นายนทีคนนี้ก็มองว่ามันเป็นคำพูดที่น่ารักที่สุดเลยครับ
“ศพมึงสิไอ้สัด”
ผมยังคงยืนยันว่า มันเป็นการแสดงทั้งหมด ที่ผมพูดหยาบคายใส่แก้มอ้วน ถ้าแก้มอ้วนมารู้ทีหลัง ผมอยากจะบอกว่า ขอโทษก้าบ
“รีบออกมา อย่าลีลา กูปวดฉี่ จะราดอยู่แล้ว”
สิ่งที่แก้มอ้วนบอกออกมา มันทำให้ผม นายนทีคนนี้รีบหยิบผ้าขนหนูผาดบ่า และรีบคว้าไปยังลูกบิดประตู เพื่อทำการออกไปด้วยความเร่งรีบ
“เรื่องของมึง กูไม่ได้ปวด”
ผมขอบอกอีกทีว่านี่มันคือการแสดง ทั้ง ๆ ที่ในใจของผมเป็นห่วงกระเพาะปัสสาวะของแก้มอ้วนมากกว่าชีวิตของผมอีก
แอ๊ด เสียงเปิดประตูห้องน้ำ ผมมองไปยังแก้มอ้วนที่หลับและใช้มือน้อย ๆ ของเขาปิดไว้ที่น้องชายทั้งสองข้างด้วยสีหน้าเหยเก โอ๋ ๆ นทีขอโทษนะครับที่ช้า ผมแสดงที่หน้ารู้สึกผิดออกไปเต็ม ๆ ทว่าทันทีที่แก้มอ้วนลืมตาขึ้นมา หน้าของผมจึงตึงอัตโนมัติ
“ออกมาแล้ว มึงก็หลีกดิ จะยืนปิดทางเข้ากวนตีนกูเพื่อ”
“ทางอื่นก็มีมึงก็เดินอ้อมไปสิ”
หลังจากที่ผมตอบออกไปแบบนั้น แก้มอ้วนเงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยสายตาอาฆาต ถามว่ากลัวไหมบอกเลยว่า ‘กลัวแล้วครับ’
“ไม่ต้องมาเงียบ แล้วจ้องกดดันกู” ผมพยักหน้าผากของแก้มอ้วนไปหนึ่งที
“ฮึ่ย ไม่ต้องมาจับ” แต่แก้มอ้วนกลับสะบัดหน้าหนีผม ฮึก ใจกู หงอยเป็นหมาเลย
“เล่นตัวจริง จับนิดจับหน่อย ทำมาเป็นสะดีดสะดิ้ง”
“กูอยากต่อยเข้าหงีบมึงจริง ๆ เลยว่ะ ไอ้นที” แก้มอ้วนจ้องผมตาเขียวปั๊ด ดูท่าทางอารมณ์ของแก้มอ้วนจะขึ้นเข้าแล้วจริง ๆ
(หงีบ ในภาษาเหนือ แปลว่า ขมับ)
“ใจเย็น ๆ” ผมบอกพร้อมกับลูบหัว พลางขยี้ศรีษะของเขา “กูไม่กวนแล้ว ไปเข้าห้องน้ำไป เดี๋ยวกระเพาะปัสสาวะอักเสบ แล้วฉี่เป็นเลือดอีกหรอก”
“ก็มึงนั่นแหละ ไม่กวนกูสักวันมันจะตายรึไง” เขาทำใบหน้ามุ่ย ๆ ใส่ผม ทว่าหารู้ไม่ว่ามันชั่งเอ็นดูมากขนาดไหน
“เออ ๆ ไป ๆ เข้าห้องน้ำ” ผมตบปุ ๆ ลงบนศรีษะของเขา ก่อนจะดันร่างของแก้มอ้วนให้เข้าห้องน้ำ พร้อมกับดึงประตูปิดให้
หลังจากที่แก้มอ้วนเข้าไปในห้องน้ำแล้ว มันทำให้ตัวผมที่อยู่ข้างนอก ลุ้นและตื่นเต้นไปกับสิ่งที่เตรียมให้แก้มอ้วน ไม่รู้ว่าแก้มอ้วนจะชอบรึเปล่า ทว่าเมื่อมาคิด ๆ ดูแล้ว ทำแค่นนี้ คงไม่ทำให้แก้มรู้สึกพิเศษมากกว่าเพื่อนได้หรอก บางทีแก้มอ้วนอาจจะคิดว่า ผมอาจจะบีบยาสีฟันใส่ผิดแปรงจึงเอาวางไว้ให้
'ผมควรจะทำยังไงต่อดีวะ'
ในขณะที่ผมกำลังเดินไปมาอยู่ข้างนอกอย่างใช้ความคิด ผมก็ได้ข้อสรุปมาว่า มีสิ่งใดที่ผมจะทำให้คนน่ารักรู้สึกพิเศษและไม่คิดกับผมเพียงแค่เพื่อนอีกต่อไป นั่นก็คือ การที่ผม จะส่งข้อความไปหาคนน่ารักในทำนองจีบในทุก ๆ วัน เพราะตั้งแต่เข้าปี 1 มา จนตอนนี้อยู่ปี 3 แล้ว ก็ไม่มีแม้แต่ข้อความเดียวที่จะส่งหากัน
ในเมื่อผมกับแก้มอ้วนติดกันอยู่ด้วยกันตลอด มันก็ไม่มีความจำเป็น ที่ต้องส่งข้อความคุยกัน หลายคนอาจจะสงสัยว่า แล้วเวลาปิดเทอมที่ผมกับแก้มอ้วนแยกจากกันล่ะ ไม่คิดถึงกันบ้างเหรอ ผมตอบเลยว่า ‘ไม่’
เป็นยังไง ผมเก่งไหมล่ะ และไอ้ที่ผมตอบว่าไม่ ก็เป็นเพราะว่า บ้านผมกับแก้มอ้วนอยู่ติดกัน แล้วผมนายนทีคนนี้ ก็ไปนอนบ้านแก้มอ้วนทุกคืน
จนแม่ของผมยกให้เป็นลูกชายแม่ยายไปแล้ว ไอ้เราก็จำใจแหละ เพราะจริง ๆ แล้วไม่ได้หวังอยากเป็นลูกชายหรอก หวังอยากเป็นลูกเขยแม่ยายมากกว่า ยังไงแก้มอ้วนก็ต้องเป็นของนที
หยุด หยุด เลิกเพ้อเจ้อ มึงควรที่จะหยิบมือถือขึ้นมาแล้วส่งข้อความหาแก้มอ้วนได้แล้ว ผมเตือนสติของตนเองที่มันเริงร่าไปไกล ด้วยการเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนที่นอนขึ้นมา
จากนั้นจึงเข้าแอพที่เค้าไว้ใช้ส่งข้อความกัน นั่นก็คือ เฟซบุ๊ก นั่นเอง แต่ผมควรจะเริ่มต้นบทสนทนายังไงดี อืม เอาเป็นว่าแบบนี้ก็แล้วกัน
Natee Kongwanitkul
สวัสดีวันจันทร์
เสร็จเรียบร้อย โคตรจะจ๊าบ คิดได้ยังไงกันวะ หืม หลังจากที่ผมส่งข้อความไปหาแก้มอ้วนเสร็จ ผมก็กำลังชื่นชมผลงาน ของตนเอง ในการกล่าวทักทายแก้มอ้วนออกไป เพราะมันเยี่ยมจริง ๆ เยี่ยมจริง ๆ เอาเป็นว่าเช้านี้ผมทำภารกิจสำเร็จก็แล้วกัน
“เฮ้อ สบายใจละ”
ผมพึมพำออกมาพร้อมกับทิ้งตัวลงนอนเพื่อรอใครคนนึง ที่อยู่ในห้องน้ำออกมากินข้าวเช้าด้วยกัน เพราะในทุก ๆ เช้า ไม่ว่าเราทั้งคู่ต่างรีบกันมากแค่ไหน ก็ต้องมานั่งกินข้าวด้วยกัน ทุกมื้อ เป็นแบบนี้ประจำ ไม่มีใครมาคอยตั้งหรอก ว่าต้องกินพร้อมกันทุกเวลา แต่ไป ๆ มา ๆ มันกลับเป็นแบบนี้ไปแล้ว
ทว่าผมมีสิ่งนึงที่ผมไม่ได้บอก ก็คือ ผมโกหก มันไม่มีหรอกในความเป็นจริงที่จะทำให้คนสองคนใช้ชีวิตด้วยกันดั่งแฟน ทั้ง ๆ ที่มีสถานะแค่เพื่อนสนิทที่คิดไม่ซื่ออย่างผม พูดแล้วมันก็เศร้าใจ นั่นแหละครับ ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นมาระหว่างผมกับแก้มอ้วน ล้วนเป็นความตั้งใจของผมคนเดียว เป็นความตั้งใจที่โคตรจะตั้งใจ และเมื่อผมรู้ตัวว่าชอบแก้มอ้วน ทุกเวลา ทุกนาที ทุก ๆ อย่างในชีวิตของผม ก็มีแก้มอ้วนเป็นส่วนนึงเสมอมา
ไม่ว่าจะเป็น ตื่นไปโรงเรียนพร้อมแก้มอ้วนตั้งแต่เช้า ทั้ง ๆ ที่ผมโคตรเกลียดการตื่นเช้า แต่ก็ยอม เพื่อจะทำให้มีเวลาอยู่กับแก้มอ้วน
แม้กระทั่งเวลากินข้าวด้วยกันผมก็ยอมแก้มอ้วน เพราะผมรู้ว่าแก้มอ้วนชอบกินข้าวมันไก่ไก่ทอด แต่แปลกที่แก้มอ้วนชอบสั่งรวม แล้วนั่งกินแต่ไก่ทอดและทิ้งไก่ต้มเอาไว้ หลังจากที่ผมสังเกตมาได้สักพัก ผมก็ซื้อข้าวมันไกไก่รวมตามแก้มอ้วน และตักไก่ทอดในจานของผมให้กับแก้มอ้วน จากนั้นก็เอาไก่ต้มในจานของแก้มอ้วนมากินเอง เป็นแบบนี้ประจำ
แต่ก็คงไม่มีอะไรที่มันจะพีคไปกว่าการที่แก้มอ้วนป่วยและผมป่วยด้วย เอาจริง ๆ ผมก็ไม่ได้ป่วยหรอก ผมน่ะป่วยการเมืองมากกว่า ทว่าจะให้ทำยังไงได้ในเมื่อกล่องดวงใจนอนไม่สบายอยู่บ้าน แล้วจะให้ผมมีกระจิตกระใจไปเรียนได้อย่างไร ผมจึงตัดสินใจว่าในเมื่อไปเรียนก็ไม่รู้เรื่อง ถ้างั้นป่วยไปด้วยกันนี่แหละ
“เฮ้อ ทำไปได้เนาะนที” เวลาผมคิดถึงเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมาเมื่อไหร่ ก็อดที่จะยกยิ้มไม่ได้ ทว่ารอยยิ้มของผมก็หุบลงเมื่อ…
“ยิ้มอะไรของมึงไอ้นที”
แก้มอ้วนเดินออกมาจากห้องน้ำและพุ่งตรงไปยังโต๊ะกินข้าว ผมจึงรีบดีดตัวลุกขึ้นก่อนจะตอบแก้มอ้วนกลับไป
“ไม่เสือกสิหนูภาคิน”
“หนูเตี่ยมึงสิ ไอ้นที” แก้มอ้วนแยกเขี้ยวใส่ผม เมื่อผมเรียกเขาว่า ‘หนู’ ก็เพราะว่าคำว่า ‘หนู’ ก็มันเหมาะกับความน่ารัก น่าเอ็นดูที่สุดแล้ว ผมถึงเรียกออกไป
“หัวร้อนเก่งจริงมึงเนี่ย” ผมว่าพลางเลื่อนเก้าอี้และนั่งลง พร้อมกับรับช้อนส้อมที่แก้มอ้วนส่งมาให้ คนอะไรชั่งแสนดีแบบนี้
“ก็เพราะมึงคือต้นเหตุความหัวร้อนของกูทั้งหมดนั่นแหละ”
ผมไม่ได้ต่อปากต่อคำกับแก้มอ้วน ปล่อยให้เขากินไป เพราะตอนนี้แก้มอ้วนกำลังโฟกัสกับอาหารอย่างมีความสุข จนแก้มของเขามันตุ่ย ๆ ออกมา
“แล้วมึงไม่กินรึไง เอาแต่จ้องกูอยู่ได้”
สงสัยผมคงจะมองมากเกินไปจนแก้มอ้วนรู้สึกได้ มันเลยทำให้แก้มอ้วนเงยหน้าจากอาหารจานโปรด ขึ้นมามองผม โดยที่คิ้วข้างขวาของเขายกขึ้น
“กิน กูแค่สงสัยเฉย ๆ ว่า แก้มที่ตุ่ย ๆ ของมึงเนี่ย” ผมจิ้มไปยังแก้มของคนตรงหน้า “กักตุนอาหารไว้กินตอนหน้าหนาวเหรอวะ” ผมถามไปด้วยสีหน้าแววตาที่ภายนอกนั้นอยากรู้จริง ๆ แต่หารู้ไม่ว่าภายในของผมนั้นเก็บอาการจะไม่ไหวอยู่แล้ว ‘ฮือ นุ่ม’
“เปล่า กูไม่ได้เก็บไว้กินตอนหน้าหนาวหรอก” สิ่งที่แก้มอ้วนตอบกลับมามันทำให้ผมสงสัย
“อ่าว แล้วเก็บไว้ทำไหมกันวะ” และถามออกไป คำถามของผมทำให้แก้มอ้วนวางช้อนลงกับจาน และจ้องมองมายังดวงตาของผม
“เพราะกูเก็บไว้ให้หมาถามยังไงล่ะ”
ผวะ!
“โอ๊ย ไอ้ภาคิน”
“ร้องทำเชี่ยไร”
“ที่กูร้อง ก็เพราะเจ็บดิวะ ตบกูทำไม” ผมถามคนตรงหน้าไปด้วยความไม่เข้าใจ ว่าผมทำผิดอะไร แค่ถามเพราะไม่รู้จริง ๆ
“รำคาญมึง ถามมาก ถามมาย กูจะแดกข้าว ไอ้นี่”
แก้มอ้วน ชักสีหน้าใส่ผมและหันกลับไปสนใจอาหาร ไม่หันมาสนใจผมอีกเลย มันน่าน้อยใจนัก แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากเงียบและก้มหน้าก้มตากินข้าวไป
#นทีขอจบพาร์ทไปรักษาแผลใจ
หลังจากที่ผมตบหัวไอ้นทีไป มันก็เอาแต่นิ่งเงียบ ไม่พูดไปจา แถมยังตีสีหน้าท่าทางขรึงขังใส่ผมอีก ก็เป็นเพราะมันนั่นแหละ เอาแต่ถามอยู่ได้ ไอ้เราก็หิว และก็ใกล้จะถึงเวลาเข้าเรียนแล้ว ทว่าไอ้นทีมันกลับไม่เข้าใจ เอาแต่คอยกวนผมตลอด ถ้าผมไม่ใช้ไม้ตายมันก็ยังคงที่จะกวนผมไม่เลิก
“เป็นอะไร” สุดท้ายผมก็ต้องยอมลดทิฐิตนเอง เพื่อง้อมัน เพราะผมก็มีส่วนผิด และในความรู้สึกลึก ๆ ผมก็รู้สึกแปลก ๆ กระวนกระวายใจ เมื่อไอ้นทีมันมีท่าทีแบบนี้ด้วย
“กูก็เป็นหมาไง จะเป็นอะไรไปได้” นั่นมาแล้วไง นทีคนขี้ประชด
“โถ่เพื่อนรัก” ผมจับแขนเสื้อนักศึกษาของมันและกระตุก “หันมามองกันหน่อยดิวะ” เพื่อให้มันหันมาสนใจ
“ไม่ต้องไอ้สัด กูไม่ได้งอน” หึ จับไต่ได้ละ
“เอ๊ะ เหมือนกูจะยังไม่ได้ถามว่ามึงงอนอะไรกูรึเปล่า” ผมว่า พลางสังเกตใบหน้าและดวงตาของไอ้นทีที่มันหลุกหลิกชอบกล
“แต่มึงก็หลุดออกมาเอง แสดงว่างอนกูจริง ๆ สินะเพื่อนรัก”
“ไม่ได้งอน ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้งอน” ดู ดูมันยังคงปฏิเสธอีก ทว่าในขณะที่ผมกำลังจะทำการง้อไอ้นที
จู่ ๆ ก็มีคนคนนึง พุ่งมาตรงหน้าของผม พร้อมกับดอกไม้หนึ่งดอก ตอนนี้ผมรู้สึกงง ว่าเขาคนนี้เป็นใคร แล้วทำไมต้องเอามาให้ผม
#นทีขอมีพาร์ทนทีทนไม่ได้
ไอ้เด็กปี 1 คนนี้มันเป็นใคร ทำไมถึงเอาดอกไม้มาให้แก้มอ้วนของนทีได้
“เอ่อ ให้พี่เหรอครับ”
ผมหันไปมองแก้มอ้วนด้วยแววตานิ่ง ๆ ทันที หลังจากที่แก้มอ้วนเป็นนำบทสนทนา รู้ว่าต้องการถามให้แน่ใจว่าให้ว่าเป็นใคร ถึงเอาดอกไม้มาให้แก้มอ้วน แต่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องยิ้มให้มันเลยนี่ แก้มอ้วน ‘เพราะว่าแก้มอ้วน ๆ กับรอยยิ้มน่ารัก ๆ ควรเป็นของนทีคนเดียวสิ’
‘สถานะเพื่อนสนิทอย่างผม จะมีสิทธิ์หวงได้รึเปล่าครับ’
ตอนนี้นายนที ลูกชายคนล่าสุด มีเฟซบุ๊ก เอาไว้ สำหรับ #คลั่งแก้ม แก้มอ้วนของนที
ใครอยากติดตามความคลั่งรักนี้ของนที สามารถแอดไปเป็นเพื่อน ไปพูดคุย
และเมนต์แซวให้กับความคลั่งแก้มของนทีได้เลยนะคะ
ชื่อเฟซ Natee Kongwanitkul
ยังไม่ได้แก้คำผิดนะคะ ถ้าเจอขออภัยด้วยนะคะ
อาจจะมีบางช่วงที่ดูไม่สมูทไม่ลื่นไหล ขออภัยด้วยนะคะ
เข้ามาพูดคุยกัน ได้ที่เฟซบุ๊ก : นักเขียน หน้าใหม่ ได้นะคะ
สามารถเข้าไปเล่นแท็กทวิตเตอร์
โดยใช้ #รักนี้หมูกระทะจอง
ส่วนทวิตของไรท์ @Mousyy8893
ไปเล่นกันเยอะ ๆ น๊า
ช่วยคอมเมนต์และรีวิวเพื่อเป็นกำลังให้นักเขียนด้วยนะคะ
ความคิดเห็น