ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักนี้หมูกระทะจอง

    ลำดับตอนที่ #4 : แก้มอ้วนของนที ครั้งที่ 3 : ทฤษฎี 21 วัน

    • อัปเดตล่าสุด 3 ม.ค. 64



     

    ‘ถึงมึงจะอ้วนแล้วมันทำไม

    ยังไงมึงก็คือคนที่น่ารักที่สุดสำหรับกูอยู่แล้ว’

     

     

    “แบกใครมาวะไอ้นที” ผมหันไปมอง ไอ้ไม้ เพื่อนต่างสาขาของผมที่เจอกับมันในตอนที่ซ้อมประกวดดาวเดือน

    “เพื่อนกูภาคิน” ผมบอกไอ้ไม้และหันไปมองแก้มอ้วน ๆ ของมันที่เบียดกับไหล่ของผมในตอนนี้ มันทำให้ผมเผลอหลุดยิ้มออกมา

     

    เอ็นดู

     

    “อะแฮ่ม อะแฮ่ม อย่าเพิ่งสร้างโลกสีชมพู โปรดรับรู้ไว้ว่ายังมีกูอยู่ตรงนี้นี้อีกคน ยู้ฮู้ เห็นกูไหมเอ่ย” ไอ้ไม้มันทำสีหน้าแซวผมออกมา แต่เพราะใบหน้ามันกวน ผมจึงคิดว่าตอนนี้มันกำลังกวนตีนผมอยู่

    “ไอ้ห่า แล้วมีอะไร ถึงมายืนดักรอกูหน้าหอตรงนี้”

    “ใครบอกว่ากูมารอมึง โนจ้ะ โน พี่ไม้คนนี้มารอเด็กของพี่ต่างหาก” คำพูดของไอ้ไม้ทำผมเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย

    “เด็กมึง?”

    “เออ”

    “ใครวะ กูรู้จักไหม” ไอ้ไม้มันมองมาที่ผมและเดินวนรอบ ๆ ตัวของผม พลางทำหน้าครุ่นคิด และจู่ ๆ มันก็พยักหน้าก่อนจะยิ้มออกมา ชั่งเป็นรอยยิ้มที่น่าถีบจริง ๆ

    “มึงอยากรู้ใช่ไหมล่ะ” ผมพยักหน้าตอบมันไปอย่างไม่ปปิดบัง เพราะผมอยากจะรู้จริง ๆ

    “ดี ถ้างั้น” ไอ้ไม้มันทำท่าทางแววตาเจ้าเล่ห์ออกมา “มึงก็บอกกูก่อนสิ ว่าเพื่อนภาคินของมึงเนี่ย เป็นแค่เพื่อนจริง ๆ รึเปล่าจ๊ะ” ไอ้ไม้มันเน้นเสียงคำว่า เพื่อน ออกมาอย่างชัดเจน


     

    คำถามของมันทำเอาผมเงียบอย่างคิดหนัก ไม่รู้ว่าควรที่จะบอกมันไปไหม แต่มันก็เป็นเพื่อนอีกคนที่ผมสามารถเชื่อใจมันได้ เพราะรู้ว่ามันไม่มีทางปากสว่างแน่นอน

    “ว่าไง ได้เวลาที่เด็กกูจะลงมาแล้วนะ” มันเร่งผมด้วยการทำท่าทางมองนาฬิกา

    “มึงรู้แล้วเหยียบไว้เลยนะ” ผมจ้องมันไปด้วยสายตาจริงจัง

    “เออ” มันจ้องผมกลับด้วยแววตาจริงจังเช่นกัน

    “ก็เออ กูไม่ได้คิดกับภาคินแค่เพื่อนหรอก กูคิดกว่ามันเกินเพื่อน พอใจมึงยัง”

    “พอใจ พอใจมาก ๆ”  หลังจากที่ผมตอบมันออกไป มันก็เอาแต่ยิ้มกรุ่มกริ่ม ถึงปากมันไม่พูดออกมา แต่แววตามันสื่ออกมาว่ามันแซวผมอยู่

    “แล้วไหนเด็กมึง คนไหน”

    “อ่าว กูมีเด็กเหรอเนี่ย กูเพิ่งรู้ ว้า”

     

    เอาแล้วไงกู โดนต้มแล้วไง

     

    “ไอ้ไม้ไอ้สัด หลอกกู” ถ้าตอนนี้ไม่มีแก้มอ้วนอยู่บนหลังมีหวังไอ้ไม้มันจะต้องได้สักแผลสองแผล

    “ใจเย็น ๆ พ่อหนุ่ม กูแค่จะมาบอกมึงว่า พ.น นี้เขามีถ่ายรูปดาวเดือนที่ตึก 7 นะ มึงอย่าลืมไปด้วย”

    “แค่นี้?”

    “เออ มึงจะเอาแค่ไหนกัน ก็เห็นมึงไม่ตอบไม่อ่านแชทกลุ่มในไลน์ กูก็เลยกลัวมึงจะไม่รู้ จึงมายืนรอ แต่ไม่คิดว่าคนที่ไม่ตอบอะไรกลุ่มเลย จะเดินแบกเพื่อนสนิทกลับมาหอ” ไอ้ไม้มันทำท่าทางสีหน้าล้อเลียนผมไม่หยุด ตีนผมชักระตุกเข้าแล้ว

    “สัด เลิกล้อกู”

    “ฮึ เออ” ไอ้ไม้มันมองหน้าผม โดยสีหน้ามันบ่งบอกว่า จงทำตัวดีกับกูไว้ซะ กูล้อมไว้หมดแล้ว

    “เสร็จแล้วก็กลับไป กูจะพาภาคิน ขึ้นไปนอนแล้ว”

    “รีบทำไมอะ เพื่อนฝูงกว่าจะมาทั้งที”

    “ก็ตรงนี้ยุงมันชุม เดี๋ยวภาคินโดนกัด แล้วตัวเขาเป็นรอย” ผมตอบไอ้ไม้ไอ้เพื่อนขี้เสือก

    “อะไร ๆ ก็ภาคินอย่างนั้น ภาคินอย่างนี้” ไอ้มันมันทำเสียงเล็กเสียงน้อย ทำเอาตีนผมกระตุกให้จ้าละหวั่น

    “กลับไป ไป”

    “แค่นี้ทำเป็นไล่”

    มันแสร้งทำหน้าตาน้อยใจผม คิดว่าผมจะสนไหม บอกเลยว่าไม่ ก็ไอ้ไม้ไม่ใช่ภาคิน ทำไมผมต้องสนมันขนาดนั้น ขนาดทำหน้าตามุ่ย ๆ เหมือนภาคิน ยังไม่น่ารักเท่าภาคินเลย

    “หึ” มันมองหน้าผมที่ไม่ได้ตอบอะไรออกไป “เออ กลับก็กลับ ทว่าก่อนจะกลับกูมีวิธีจีบเพื่อนของมึง แบบไม่ให้เขารู้ตัว สนใจลองไหม”

    สิ่งที่ไอ้ไม้พูดทำให้ร่างกายของผมตื่นรู้เป็นอย่างมาก ผมเดินเข้าไปหามัน พร้อมกับผมพยักหน้าตอบรับ “สนใจดิวะ มึงทำตัวมีประโยชน์ก็วันนี้แหละ เพื่อนรัก”

    “ไม่ต้องมีประจบกู เมื่อกี้มึงยังไล่กูอยู่เลย”

    “โอ๋ ๆ ใครกันวะ กูว่ามันคงบ้าไปแล้วแน่ ๆ ที่ไล่เพื่อที่แสนน่ารักขนาดนี้ได้”

    “ไอ้สัด กลับลำเร็วเชียวนะมึง” ไอ้นทีมันว่าผม พร้อมกับกวักมือเรียกผมให้เดินเข้าไปใกล้มันมากกว่าเดิม ผมไม่อิดออดรีบเดินเข้าไปหามันอย่างรวดเร็ว

    “ฟังนะ”

    “เออ” ผมพยักหน้าตอบรับมัน

    “มึงเคยได้ยิน ทฤษีฎี 21 วันไหม”

    ทฤษฎี 21 วันที่ไอ้ไม้พูดออกมา ทำให้คิ้วของผมขมวดเข้าหากันมากขึ้น ก่อนจะหันไปมองมันอย่างไม่เข้าใจ


     

    “ไม่เคย มันเกี่ยวอะไรกับการที่กูจะจีบภาคินแบบไม่ให้เขารู้ตัวกันล่ะวะ”

    “ง่าว จริง ๆ มึงเนี่ย ก็ไอ้ทฤษฎี 21 วันที่กูบอกนี่แหละ ที่มึงสามารถเอาไปใช้ได้”

    “ยังไง” ผมก็ยังไม่เข้าใจในสิ่งที่มันบอกจริง ๆ

    “อย่างแรกเลยนะ ผมพยักหน้าลง ทฤษฎี 21 วัน ที่กูบอก มันเคยมีคนใช้ แล้วได้ผลนะมึง จนตอนนี้เขาตกลงเป็นแฟนกัน แถมยังเป็นคู่ที่น่ารักมาก ๆ”

    ทฤษฎีที่ไอ้ไม้ว่าตอนแรกผมก็ไม่เชื่อถือหรอกว่ามันจะสำเร็จ แต่หลังจากที่มันบอกว่า มีคนเคยใช้แล้วได้ผล ผมค่อยเชื่อมั่นขึ้นมาหน่อย

    “ต่อดิ กูฟังอยู่”

    “เออ ไอ้ทฤษฎี 21 วันเนี่ย เป็นทฤษฎีที่เขาใช้จีบคนที่แอบชอบ ด้วยการทำสิ่งเดิม ๆ ซ้ำ ๆ แบบนั้น เป็นเวลา 21 วัน และเมื่อวันที่ 22 เราหยุดทำ มันจะทำให้คนที่เคยได้รับมาตลอด 21 วัน เริ่มถามหา และมองหา เริ่มสงสัยว่าเขานั้นหายไปไหน จากนั้นถ้าเขาถามหาว่า วันนี้ไม่มีอันนี้มาให้เหรอ นั่นแหละ โป๊ะเชะ”

    “โป๊ะเชะ อะไรวะ” ไอ้ไม้มันถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายให้กับผม หลังจากที่ผมถามมันออกไป

    “เขาก็ชอบตอบไงวะ คุยกับคนง่าวกูเหนื่อยจริง ๆ” ไอ้ไม้มันส่ายหัว

    “แต่กูก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ขนาดกูทำให้เขาแบบเดิมมาตลอดสามปีเขายังไม่ชอบกูเลย” ตรงจุดนี้คงเป็นสิ่งที่ติดอยู่ในใจของผม เพราะขนาดสามปีที่ทำให้อย่างที่ผมบอก แก้มอ้วนยังไม่เห็นจะหันมาชอบผมสักนิด แล้วไอ้ทฤษฎี 21 วัน ของไอ้ไม้มันจะได้ผลเหรอ

    “มึงทำอะไรให้เขาบ้างล่ะ”


     

    คำถามของไอ้ไม้ทำเอาผมต้องเงียบไป พลางคิดทบทวนกับตนเอง ว่ามีอะไรที่ผมทำให้แก้มอ้วนบ้าง มันมากมายและเยอะจนไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูดยังไง เอาเป็นว่าผมจะลองอธิบายดู

    “ก็ซื้อขนม เลี้ยงน้ำ พาไปกินหมูกระทะ คอยเล่นตบหัวกับภาคิน คอยนั่งข้าง ๆ ภาคิน คอยบอกภาคินว่า ไม่เป็นไร มึงน่าเอ็นดูสำหรับกูมากแล้ว คอยพูดกับภาคินว่า ถึงมึงจะอ้วนแล้วมันทำไม ยังไงมึงก็คือคนที่น่ารักที่สุดสำหรับกูอยู่แล้ว กูทำแบบนี้ทุกวัน มาตั้งสามปีเขายังไม่รับรู้เลย”

    “อืม ที่มึงบอกมามันก็เข้าข่าย” สิ่งที่ไอ้ไม้พูดทำให้ผมตาโตและรีบพูดออกไป

    “เข้าข่ายว่าเขาชอบกูใช่ไหมวะ”

    “เข้าข่ายว่าสถานะเพื่อสนิทสิไอ้ห่า ไอ้ไม้พูดออกมาและหันมาจับไหล่ของผมทั้งสองข้าง ที่มึงทำอยู่ตอนนี้ มันคือคำว่าจีบของมึงก็จริง แต่สำหรับภาคินแล้ว กูคิดว่าสิ่งที่มึงทำให้คือ เพื่อนคนนึง ทำให้ เพราะจากที่กูเห็นเวลาไปไหนมาไหน ก็จะมีแค่มึงสองคน ขนาดอยู่หอ มึงยังอยู่กันแค่สองคน แล้วแบบนี้มันจะทำให้ภาคิน คิดมากกว่านั้น และรับรู้ว่ามึงชอบได้ยังไงกันล่ะวะ”

    สิ่งที่ไอ้ไม้มันพูดออกมาก็จริง เพราะผมคอยทำทุกอย่างให้แก้มอ้วนสบายใจเมื่ออยู่กับผม คอยทำนู้นทำนี่ให้ เพราะอยากให้เขาสุขสบาย แต่ก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะตกไปอยู่ในสถานะ เพื่อสนิท ที่ตัวเขานั้นคิดไม่ซื่อ

    “เฮ้อ” ผมถอนหายใจออกมา

    “เอาน่า อย่าเพิ่งคิดมาก ยังไงก็ลองหยิบเอาทฤษฎีที่กูบอกไปใช้ และนับวันที่มึงใช้ทฤษฎีวันแรกเป็น 1 จนครบ 21 วัน มันจะได้ผลหรือไม่ได้ อย่างน้อยมึงได้เคยทำ ไอ้ไม้มันตบเข้าที่ไหล่ของผม สู้ ๆ นะมึง แล้วเจอกัน กูไปก่อน”

    “เออ ขอบใจมากนะมึง” ไอ้ไม้มันพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะหันหลังเดินจากไป หลังจากที่ไอ้ไม้กลับไปมันก็กลับมาเงียบอีกครั้ง พร้อมกับเสียงของแก้มอ้วนที่ละเมอออกมา

     

    “อือ นที”

    “ว่าไง”

    ผมตอบรับแก้มอ้วนไปทั้ง ๆ ที่รู้ว่าตื่นมายังไงเขาก็จำไม่ได้ ทว่ามันเป็นความเคยชินไปแล้ว เพราะเวลาแก้มอ้วนละเมอทีไร ต้องคุยกับเขาจนเขาหยุดละเมอไปเอง ไม่งั้นพอตื่นขึ้นมา เขาจะหน้าบึ้งตึง และบอกว่าเมื่อหลับไม่สบายเลย

    “ทำไมมึงถึงดีกับกูจัง”

    คำถามของแก้มอ้วนทำให้ใบหน้าของผมมีรอยยิ้มอีกครั้ง ถึงมันจะเป็นคำถามที่เขาถามทุกครั้งเวลาละเมอ แต่ผมก็ตอบคำถามเขาไปด้วยคำตอบเดิมซ้ำ ๆ ว่า

    “ก็เป็นเพราะนทีชอบแก้มอ้วนไง” และนี่คือคำตอบของผม ถึงแม้ว่าเขาตื่นมาแล้วจะจำไม่ได้ ผมก็ยังยืนยันในคำตอบของผมอยู่ดี

    “ฮืม เข้าหอกันดีกว่าเนาะ แก้มอ้วนจะได้ห่มผ้าอุ่น ๆ และยุงไม่ห่ามแบบนี้ นทีขอโทษนะ ที่ทำให้แก้มอ้วนโดนยุงกัน” ผมพูดคุยกับแก้มอ้วนพลางก้าวเท้าเดินเข้าหอเพื่อเข้าไปยังลิฟต์

     

    ในขณะที่ผมกำลังกดปิดลิฟต์ ได้มีเสียงคนคนนึงลอยเข้ามายังโสตประสาทของผม

    “รอด้วยครับ ผมไปด้วย” ผมได้ยินเสียงเท้าของเขากำลังวิ่งเข้ามา ผมจึงกดเปิดลิฟต์ที่กำลังจะปิด เพื่อรอเขา

    “อ้าวพี่ทีม เพิ่งกลับเหรอครับ”

    ผมกล่าวทักทายคนมาใหม่ที่มีศักดิ์เป็นพี่สาขาและยังเป็นพี่ดูแลเดือนอย่างผมตลอดการซ้อมนี้

    “ใช่ พอดีพี่ไปจัดสถานที่เตรียมงานถ่ายรูปดาวเดือนมา” พี่ทีมตอบผม ก่อนจะกดไปยังชั้นของตนเอง ซึ่งนั่นก็เป็นชั้นเดียวกับผมและแก้มอ้วน

     

    หลังจากที่ผมกล่าวทักทายไปบทสนทนาของเราก็เงียบลงเพียงเท่านี้ เพราะพี่ทีมเขาเล่นโทรศัพท์มือถือ ส่วนผมคอยแอบส่องแก้มตุ่ย ๆ ของแก้มอ้วนผ่านกระจกในลิฟต์

    ทว่าสายตาของผมก็ต้องหยุดมองแก้มอ้วนขึ้นมองกระจกในลิฟต์ ก็พบกับสายตาของใครอีกคนมองมายังคนที่อยู่บนหลังของผม วินาทีที่ผมรับรู้ว่าเป็นใคร ผมจึงหันตัวเผื่อไปเผชิญหน้ากับพวกถ้ำมอง โดยที่ซ่อนใบหน้าและร่างกายของแก้มอ้วนหลบให้พ้นสายตาของคนตรงหน้า

    “มองอะไรเหรอครับ” ผมยกคิ้วขึ้น พร้อมกับถามคนที่อยู่ตรงหน้าออกไป

    พี่ทีมมันยกยิ้มให้กับผม และคำตอบของพี่มันจะไม่เข้าหูผมพอสมควร “ก็มองคนน่ารักไงวะ แปลกรึไง”

    “หึ” ผมกระดกลิ้นขึ้นและในตอนนี้ผมรู้ได้เลยว่ามันไม่ใช่พี่อีกต่อไป เพราะมันคงจะเป็นศัตรูหัวใจผมไม่ช้าก็เร็ว

    “ไม่แปลกหรอกครับที่พี่จะมองคนน่ารัก”

    ผมพูดยังไม่ทันจบประตูลิฟต์ก็เปิดออก ผมจึงพาแก้มอ้วนที่หลับปุยอยู่บนหลังของผมเดินออกมา ทว่าก่อนที่ผมจะพ้นจากลิฟต์ ผมได้หันไปจ้องพี่มัน

    “แต่มันต้องไม่ใช่คนที่อยู่ข้างหลังของผม” เมื่อผมพูดจบผมจึงพาแก้มอ้วนออกมา โดยไม่หันไปรับรู้สายตาของมันหรอก ว่าจะมองมาอย่างไร เพียงแค่ต้องการจะสื่อให้มันรู้ไว้ว่า แก้มอ้วนของนที ใครห้ามแตะ

     


     


     

    #รักนี้หมูกระทะจอง


     


     

     

    “อือ”

    “ไม่สบายตัวเหรอ หืม ทนอีกนิดนะ ใกล้จะถึงห้องแล้ว”

    ผมพูดปลอบประโลมคนที่หลับ ที่ตอนนี้เอาแต่ส่งเสียงออกมาเนื่องจากไม่สบายตัว ผมรีบเร่งความเร็วของฝีเท้าให้มันมากกว่าเดิม จนตอนนี้ผมแถบจะวิ่ง แต่ไม่ได้วิ่ง เพราะกลัวมันจะสะเทือนแล้วแก้มอ้วนจะตื่น

    “อือ”

    “ถึงแล้ว ถึงแล้ว”

    ผมรีบหยิบกุญแจในกระเป๋ากางเกงออกมา ถึงมันจะทุลักทุเลไปบ้าง ทว่าก็สามารถหยิบออกมาได้สำเร็จ เมื่อกุญแจอยู่ในมือ ผมจึงรีบเสียบกุญแจไปยังแม่กุญแจและทำการไขเข้าห้องทันที พร้อมกับปิดประตู และนำร่างของแก้มอ้วนไปไวบนเตียงหมีพูห์สีเหลืองสุดที่รักของเจ้าตัวอย่างบางเบา เมื่อร่างกายของแก้มอ้วนอยู่บนเตียงนอนแล้ว พลันย่อตัวลงและค่อย ๆ ย้ายตำแหน่งไปยังปลายเท้าของแก้มอ้วน พร้อมกับถอดรองเท้าและถุงเท้าออกให้ ‘หือ’ แต่สิ่งที่ผมเห็นทำเอาคิ้วผมขมวดเป็นปม

              “รองเท้ากัดเหรอ หรือยังไง” ทำไมมันแดงแบบนี้ ผมจับเท้าของแก้มอ้วนสำรวจอาการไปมา ก่อนจะลุกขึ้นไปต้มน้ำร้อน เพื่อจะใช้ในการประทบเท้าให้กับมัน ระหว่างที่ผมกำลังรอน้ำเดือด ผมก็ใช้สมองอันใหญ่ ๆ ของผมคิดหาวิธีที่จะเริ่มต้นใช้ทฤษฎี 21 วัน ตามคำพูดของไอ้ไม้ แต่ว่าผมจะเริ่มด้วยการยังไงดี อืม ในตอนที่ผมกำลังใช้ความคิด เสียงน้ำเดือดก็เรียกเอาสติของผมไปทั้งหมด ผมหันไปมองกาน้ำร้อน จากนั้นจึงนำกะละมังที่อยู่ข้างกาน้ำร้อนไปลอง ก่อนจะกดน้ำลงไปยังกะละมังจำนวนนึง แต่แม่งร้อนฉิบหาย

    “ฟู่” ผมเป่านิ้วมือของผม ในขณะที่ลองน้ำร้อน “อ๊าก” ผมส่งเสียงร้องออกมา เมื่อน้ำร้อนที่มันควรจะไหลลงกะละมัง มันกลับทรยศไหลลงนิ้วมือผมแทนซะงั้น

    “มึงนะมึง เดี๋ยวเถอะ” ผมชี้นิ้วคาดโทษกาน้ำร้อน “วันนี้กูมีหน้าที่ต้องทำ ไว้มาเจอกันใหม่”

    หลังจากที่ผมคาดโทษมันจบ จึงรีบถือกะละมังเดินเข้าห้องน้ำ และเปิดฝากบัวเอาน้ำเย็นเติมลงไป เพราะผมคิดว่าน้ำจากกามันจะร้อนเกินไป จะทำให้ผิวขอแก้มอ้วนระคายเคืองเอา


     

    “นี่แหละที่กูต้องการ”

    ผมพึมพำกับตนเอง เมื่อได้สิ่งที่ต้องการเรียบร้อยแล้ว ผมจึงเดินออกมาจากห้องน้ำและไปประจำตำแหน่งเดิม คือปลายเตียงของแก้มอ้วน ผมย่อนผ้าขนหนูลงไปก่อนจะทำให้ผ้าขนหนูชุ่มไปด้วยน้ำ และทำการบิดให้หมาด ๆ พร้อมกับนำไปวางประคบไว้ตรงฝ่าเท้าแต่ละข้างสลับไปมา

    “เดี๋ยวตื่นเช้ามาก็หายแล้วนะ แถมยังไม่ปวดเท้าด้วย เห็นไหมแก้มอ้วน ถ้ามีนทีเป็นแฟนนทีดูแลดีมากเลยนะ หลังจากที่นทีเริ่มใช้ทฤษฎี 21 วันแล้ว แก้มอ้วนช่วยรู้ตัวเร็ว ๆ หน่อยนะครับ หัวใจของนทีมันจะได้มีน้ำไปล่อเลี้ยง พอเมื่อมันมีน้ำไปล่อเลี้ยงมาก ๆ มันก็จะทำให้นทีรักแก้มอ้วนมาก ๆ เช่นกัน รู้ไหม”

    ผมเงยหน้าขึ้นไปมองแก้มอ้วนก่อนจะลุกขึ้นและห่มผ้าให้กับเขาและเว้นเท้าเอาไว้ เพราะแก้มอ้วนชอบนอนห่มผ้า โดยเท้าโผล่ออกมา ไม่งั้นเจ้าตัวจะหลับไม่สบาย


     

    “ฝันดีนะครับแก้มอ้วนของนที” ผมพูดพลางลูบศรีษะของแก้มอ้วนและทำการขยี้เบา ๆ และเดินจากมา

     

    ‘แก้มอ้วนคือเจ้าของหัวใจนที นทีคือเจ้าของแก้มอ้วน ๆ ของภาคิน’


     

     

     

     

     

     

    ยังไม่ได้แก้คำผิดนะคะ ถ้าเจอขออภัยด้วยนะคะ

    อาจจะมีบางช่วงที่ดูไม่สมูทไม่ลื่นไหล ขออภัยด้วยนะคะ

    เข้ามาพูดคุยกัน ได้ที่เฟซบุ๊ก : นักเขียน หน้าใหม่ ได้นะคะ

    สามารถเข้าไปเล่นแท็กทวิตเตอร์

    โดยใช้ #รักนี้หมูกระทะจอง

    ส่วนทวิตของไรท์ @Mousyy8893

    ไปเล่นกันเยอะ ๆ น๊า

    ช่วยคอมเมนต์และรีวิวเพื่อเป็นกำลังให้นักเขียนด้วยนะคะ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×