คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : แก้มอ้วนของนที ครั้งที่ 2 : ติดกับ
‘ความน่ารักของเธอ ทำให้ฉันติดกับ’
“มึงจะไปบอกกูจริง ๆ ดิ” ผมถามมันออกไปรอบที่ล้าน แต่มันก็ยังคงนิ่งเงียบไม่พูดอะไรนอกจากปิ้งหมูไปมา
ไหนใครมันบอกไม่อยากกินกันวะ ไอ้พวกปากไม่ตรงกับใจ
“….”
“เงียบ เงียบอีกบอกกูหน่อยดิวะ เดี๋ยวคืนนี้กูนอนไม่หลับ มึ…” เสียงของผมหายไปทันที เมื่อไอ้นทีมันยัดหมูกระทะเข้าปากของผม
“อื้อ ร้อน ๆ” ผมร้องออกมาด้วยความร้อนที่ประทุอยู่ในปาก จนทำให้ไอ้นทีมันมองผมด้วยความตกใจและ
“คายออกมา” มันใช้มือของมันมาลองเอาไว้ตรงปลายคางของผม
“อื้อ ไอ่เอ่า เอี๋ยวอืออึงออง” (อื้อ ไม่เอา เดี๋ยวมือมึงพอง)
“คายมา” น้ำเสียงของไอ้นทีมันกลับมานิ่งอีกครั้ง พร้อมกับสายตาดุ ๆ ที่จ้องมายังผม ผมเงยหน้ามองมันด้วยน้ำตาที่มันคลอเบ้า พลางส่ายหน้าปฏิเสธ
“กูบอกให้คาบไง!!!” เสียงของไอ้นทีทำให้คนในร้านต่างหันมามอง แต่ก็ต้องหันกลับไปเมื่อเจอสายตาดุ ๆ ของมันจ้อง ทว่าสายตาของมันมองผู้คนในร้านได้ไม่นาน ก็วกกลับมาจ้องมองผมอย่างจะกินเลือกกินเนื้อกัน
ดุฉิบหายคายก็คายวะ
ผมตัดสินใจที่จะคายหมูกระทะลงมือมัน มันก็รับสิ่งที่อยู่ในปากของผมไว้ในมือของมันอย่างไม่รังเกียจใด ๆ จากนั้นมันก็นำสิ่งที่ผมคายไปทิ้งขยะ และมันก็ลุกขึ้นจากที่นั่งไปอย่างไม่บอกไม่กล่าว ทำให้ผมมองตามมันไปด้วยความงง
“ไปไหนของมันวะ” ผมส่ายหัวไปมา
“กูปิ้งหมูกระทะต่อดีกว่า ซี๊ดดด แสบสัด ไอ้นทีมึงนะมึง ทำกูได้ มีวิธีตั้งเยอะแยะที่ทำให้กูหยุดถาม หยุดพูด แต่มึงดันเลือกวิธีนี้” ในขณที่ผมกำลังบ่นมัน ริมฝีปากของผมหยุดลงและเม้มปากเข้าหากันทันที เมื่อไอ้นทีมันเดินหน้ายักษ์มาแต่ไกล
“เอ้า เอาไปอม” ผมมองสิ่งที่ไอ้นทีหยิบยื่นมาให้ มันคือน้ำแข็งหนึ่งก้อน
“ที่หายไปไปเอาไอ้นี่มาเหรอ” ผมชี้ไปยังน้ำแข็งตรงหน้า
“เออ เดี๋ยวเด็กแถวนี้ปากมันจะพองเอา” คำว่าเด็กที่ออกมาจากปากมัน ทำให้ผมนั้นเงยหน้าขึ้นไปมอง
“มึงว่าใ….” อือ เอาอีกแล้วนะ เอะ อะ เอะ อะ จับยัดใส่ปากกูตลอด ผมมองค้อนใส่มัน เห็นไหม มึงเห็นบ่
“ตาเขหรือไงมึงอะ” ฮือ นอกจากมันจะไม่เห็นความอาฆาตแค้นของผมแล้ว มันยังว่าผมตาเขอีก เอาดิ ผมไม่ยอมอะ ผมจะจ้องมองมันจนกว่ามันจะรู้
‘ฮึ’ ผมยกมือขึ้นมากอดอกและจ้องมัน ทว่าขนาดผมจ้องมันขนาดนี้แล้ว มันยังมีหน้ามาปิ้งหมูแล้วหยิบใส่จานผมอีก
‘อือ หอม อือ น้ำลายไหล’ ผมมองหมูที่อยู่ในจานด้วยตาแวววาว ‘ไม่ได้ ไม่ได้ มึงต้องจ้องไอ้นทีก่อนภาคิน ใจเย็น ใจเย็น’ ผมสะกดจิตตัวเองที่มันใกล้จะตบะแตกเต็มทน
“เลิกมองกูและกินได้แล้ว หิวไม่ใช่รึไง” ไอ้นทีมันเลิกคิ้วมองผมก่อนจะก้มลงคีบหมูใส่ปากของมัน เอือก! เสียงกลืนน้ำลายของผมดังขึ้นมา จนไอ้นทีมันเงยหน้ามามองอย่างขำ ๆ และส่ายหัวไปมา
“เอา” ผมมองหมูที่ยื่นมาตรงปากของผม ‘ฮึ ไม่สน’ ผมหันหน้าหนี แต่มันก็ยังคงเลื่อนหมูมาทางผมอีก
“จะกินไม่กิน อร่อยนะ” เชอะ ผมหันหน้าหนีมันอีกรอบ
“พี่ภาคินจะไม่กินหนูจริง ๆ เหรอคะ” น้ำเสียงของไอ้นทีที่มันบีบจนเหมือนผู้หญิง เรียกร้องความสนใจของผมให้หันไปมอง จนตัวของผมอดไม่ได้ที่จะหลุดขำออกมา
“ฮ่า ๆ”
“กินหนูสิคะ กินหนู” เหมือนไอ้นทีจะรู้ว่าผมชอบที่มันทำแบบนี้ มันก็ทำเสียงเล็กเสียงน้อยแสดงเป็นหมูกระทะยกใหญ่
“เออ กินก็ได้ เห็นแก่น้องหมูกระทะหรอกนะ ไม่ใช่เพราะมึงแสดงเก่ง”
“เออ จะเพราะอะไรก็ชั่ง แค่มึงกินกูก็ดีใจแล้ว เอา อ้าปาก” ผมอ้าปากตามคำพูดของไอ้นที เมื่อผมอ้าปากจนกว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้ มันก็เป่าหมูที่อยู่ในมือมัน ก่อนจะยื่นเข้ามายังปากของผม
“อือ โคตรอร่อย เนื้อร้านเฮียแกนี่นุ่มไม่เปลี่ยนจริง ๆ”
“เออ มันอร่อยตั้งนานแล้ว แต่มึงมัวแต่ทำเรื่องเอ๋อ ๆ อยู่ไง”
“กูเปล่าทำเรื่องเอ๋อ ๆ สักหน่อย”
“โอ….” ไอ้นทีมันทำท่าจะพูดออกมา ผมจึงยกมือขึ้นห้าม เหมือนกับปางห้ามญาติ ทำให้คำพูดของไอ้นทีสะดุดกึกทันที
“พอ ๆ หยุดพูด กูไม่อยากฟังเสียงมึงแล้ว กูจะกินน้องหมูแล้ว อย่ามาขัดอารมณ์สุนทรีย์ของกู”
หลังจากที่ผมห้ามปามไอ้นทีและได้ลิ้มลองรสชาติของหมูกระทะ ผมจึงเลิกความคิดที่จะจ้องอาฆาตไอ้นทีและเปลี่ยนมาจับตะเกียบหยิบหมูเข้าปากแทน
“ฮื้ม ฮืม ฮื้ม ฮืม” ผมฮัมเพลงในขณะที่กินหมูกระทูนุ่ม ๆ อย่างมีความสุข โดยที่ผมไม่ได้สนใจว่าสายตาจากไอ้นทีมันจะมองมาที่ผมอย่างไร เพราะผมรู้แค่ว่าหมูกระทะอร่อยมาก
#รักนี้หมูกระทะจอง
“มึงอิ่มแล้วเหรอ” ผมเงยหน้าจากหมูกระทะและมองหน้าไอ้นทีที่มันหยุดกินแล้วเอาแต่จ้องมองผม
“เออ”
“ถ้างั้นเดี๋ยวกูจะรีบกินนะ” ผมพูดในขณะยัดหมูในจานที่มันเหลือเข้าไปอัดแน่นอยู่แก้มทั้งสองข้างของผม จนแก้มมันตุ่ย
“ไม่ต้องรีบ เดี๋ยวก็ติดคอเอา” ไอ้นทีมันบอกผม แต่คิดว่าผมจะฟังไหมบอกเลยว่า ‘ไม่ฟัง’
“ก็ไม่อยากให้รอนาน เกรงใจมึง” ผมบอกกับมันพร้อมกับมือตักหมูชิ้นสุดท้ายเข้าปาก
“ปะ อิ่มแล้ว เรียกเก็บเงินเลยนะ” ผมบอกไอ้นทีและกำลังยกมือขึ้นเรียกพี่เขาคิดตังค์ แต่…
“กินเลอะเป็นเด็กเลยมึงเนี่ย”
อะ…ไอ้นที
มันจับเข้าแก้มผมทั้งสองข้าง และบังคับให้ผมหันไปทางมัน พร้อมกับเอาทิชชู่ที่ไม่รู้ว่ามันไปเตรียมตอนไหน เช็ดเข้าที่ริมฝีปากของผม และในจังหวะที่มันค่อย ๆ ขยับหน้าเข้ามาใกล้ผมนั้น ทำเอาลมหายใจของผมสะดุดไปช่วงนึง อึก ผมพยายาม ๆ เอาตัวเองออกจากความใกล้ชิดนี้ แต่ดูเหมือนมันจะไม่เข้าใจ
“ขยับหนีทำไม” ไอ้นทีมันขมวดคิ้ว “ขยับเข้ามา” พร้อมกับดึงหน้าของผมให้เข้าไปใกล้มันกว่าเดิม
“นะ…นที มันใกล้ไปไหมอะ” ผมวางสายตาของผมที่ควรจะอยู่บนใบหน้า ไปไว้ที่หัวไหล่ของมัน ผมก็ไม่รู้ทำไม ถึงไม่กล้าสบสายตากับมันตรง ๆ ผมไม่รู้จริง ๆ
“พูดกับกูก็มองหน้ากูสิ หน้ากูมันอยู่ที่หัวไหล่หรือไง” มันไม่เข้าใจจริง ๆ นั่นแหละ
“ไม่ใช่กูไม่อยากมอง แต่กูมองไม่ได้ มึงเข้าใจไหม” สุดท้ายผมก็พูดสิ่งที่ผมคิดออกไปให้มันรับรู้ เผื่อว่ามันจะเข้าใจ และเอาตัวมันออกจากความใกล้ชิดนี้
“ทำไม” ตอนนี้ผมรู้สึกว่าไอ้นทีมันกำลังจ้องมองผม ผมจึงค่อย ๆ ใช้สายตาของผม มองมันกลับด้วยหางตา และมันก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ
“กูก็ไม่รู้ไง มึงจะถามทำไมเนี่ย” ผมทำใบหน้ายู้ ๆ ใส่หัวไหล่ของมัน
“เอ้า”
“ไม่ต้องมาเอ้า แล้วเช็ดเสร็จหรือยัง”
“เสร็จแล้ว”
“ดี เสร็จแล้วก็ออกไป” ไอ้นทีมันมองหน้าผมอย่างไม่เข้าใจ แต่มันก็ขยับออกตามคำพูดของผม
“มึง…”
“พี่ครับคิดเงิน” ผมพูดแทรกมัน ก่อนที่มันจะเอื้อนเอ่ยออกมา
“พี่เขากำลังเดินมา มึงอยู่จ่ายเงินไปนะ กูรู้สึกว่าในนี้อากาศมันไม่ถ่ายเทวะ กูไปรอข้างนอกนะ” ผมรีบพูดในสิ่งที่ผมต้องการบอกมันออกไปจนหมด และขยับตัวออกจากที่นั่ง พลันวิ่งออกมาทันที
#รักนี้หมูกระทะจอง
“ฟู่” ผมพ่นลมหายใจออกมา “เชี่ย จุกฉิบหาย ไม่น่าวิ่งเลยกู” ตอนนี้ใบหน้าของผมเหยเกไปด้วยความแน่นในท้องน้อย ๆ ของผมที่มันกำลังร้องปะทุออกมาว่า ‘จะวิ่งหาเตี่ยมึงเหรอ กูกำลังย่อยสะเทือนหมด’ แง ดูดิมันต่อว่าผมอะ
“เป็นอะไรของมึง ทำไมทำหน้าแบบนั้น” ผมสะดุ้งตัวโยนทันที เมื่อเสียงของไอ้นทีลอยเข้ามา
“กูตกใจหมด”
“กูถามว่าเป็นอะไร!”
“แล้วมึงจะเสียงดังทำไมเนี่ย” ผมเงยหน้าขึ้นมองมัน แต่ด้วยส่วนสูงของมันเหมือนเสาไฟฟ้า ทำเอาผมปวดคอไปหมด อนาคตผมจะกลายเป็นหมอนรองกระดูกไหมนิ ในข้อหาใช้คอเยอะไป ว่าซ่าน ผมเผลอหัวเราะออกมาให้กับความคิดของผม แต่ดูเหมือนไอ้เสาไฟฟ้าข้างหน้าผมนี้มันจะไม่เข้าใจ เอาแต่ทำหน้าดุเหมือนหมาหิวนมอยู่แบบนี้
“เป็นอะไร” ผมหยุดหัวเราและใช้มือน้อย ๆ ของผมแตะเข้าที่แก้มของมัน ก่อนจะลูบเบา ๆ ‘หือ’ ผมเอียงคอมองมันอย่างสงสัย พลางเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่เข้า ผมจึงใช้สายตาวกลงมายังมือของผมที่อยู่บนใบหน้าของมัน และย้ายสายตากลับไปมองหน้ามันอีกครั้ง
นี่มือกูมีพลังวิเศษใช่ไหม ทำไมถึงทำให้คนหน้าดุเหมือนหมาแบบมัน คลายสีหน้าลงได้
เพี๊ย! ผมตบแก้มมันไปหนึ่งที
“โอ๊ย ตบหน้ากูทำไมเนี่ย”
“ไม่มีอะไร นอกจากหมั่นไส้ เคลิ้มอะไรหนักหนา แค่กูลูบแก้มแค่นี้ เป็นหมารึไง”
ไอ้นทีมันยกยิ้มขึ้น “เออ กูเป็นหมา” มันพูดออกมาพร้อมกับก้าวเท้าเดินมาหาผม จากใบหน้าของมันที่ผมต้องคอยเงยมอง ทว่าตอนนี้ผมไม่ต้องเงยหน้ามองอีกแล้ว ในเมื่อใบหน้าของมันอยู่ตรงหน้าของผมแล้ว
“อะ…เออ แล้วมึงจะก้มหน้าลงมาทำไมเนี่ย” ผมย่นคอหนีไอ้นที พร้อมก้าวเท้าถอยหลังไปหนึ่ง สอง สาม ก้าว เพื่อออกจากความใกล้ชิด ที่ทำเอาใจดวงน้อย ๆ ของผมสั่นไหว ผมยกมือขึ้นมาถูหัวใจของตัวเอง เพราะมันจั๊กจี้ อือ มันไม่หายอะ
“เป็นอะไร ฮึ” น้ำเสียงของไอ้นทีทำเอาผมแปลกใจอีกครั้ง ไม่คิดว่าเสียงมันจะนุ่มขนาดนี้
“ไม่ได้เป็นอะไร” ผมเอามือที่ถูหัวใจลงข้างตัว ก่อนจะค่อย ๆ ยืดตัวขึ้น
“หึ”
“ขำอะไร”
“กูไม่ได้ขำ”
เอ๊ะ ไอ้นที เดี๋ยวนี้หัดโกหกเหรอ
“ไม่ขำได้ไง” ผมชี้หน้ามัน “กูเห็นอยู่ว่ามึงขำอะ”
ไอ้นทีมันระบายยิ้มออกมาและมองมายังผม “กูไม่ได้ขำจริง ๆ กูแค่ เอ็นดูในความน่ารักของมึงก็เท่านั้นเอง”
ฮึก มันมาอีกแล้ว อือออออ ผมไม่อยากหยุดหายใจแล้วนะ และแก้มมึงจะร้อนขึ้นมาทำเพื่อ
“พูดอะไรของมึงก็ไม่รู้ กูกลับดีกว่า ผมหันตัวออกมาและรีบสาว ๆ เท้าหนีมันอย่างรวดเร็ว
“รอกูด้วยดิ” ไม่ฟัง ไม่ฟัง ไม่ฟังทั้งนั้น ผมส่ายหัวและใช้มืออุดหูทั้งสองข้าง แต่ไม่ว่าผมจะรีบเดินยังไง ก็ไม่ทันขายาว ๆ อย่างไอ้นทีอยู่ดี ในเมื่อขาผมสั้นแบบนี้ ฮือออ มันย่อมแพ้ให้กับความยาวของมันอยู่แล้ว น้อยใจ น้อยใจ พระเจ้า
นทีขอมีพาร์ท
ตอนนี้ผมกำลังเดินเคียงข้างเพื่อนสนิทของผม ที่ตัวแดงหน้าแดง และกำลังเอามือปิดหูของมันในตอนนี้ สิ่งที่มันเป็น ทำให้ผมต้องแอบรอบยิ้มทุกครั้งเพื่อไม่ให้มันรู้ตัว มันอาจจะไม่เคยรู้ตัว ว่าทุกอย่างที่มันทำ หรือแสดงออกมา มันมีผลต่อหัวใจ และความเอ็นดูของผมทั้งหมด
“อือ” ผมหันไปมองแก้มอ้วน ชื่อที่ผมเรียกออกไปเป็นชื่อผมแอบตั้งเพื่อเอาไว้ใช้เรียกเพียงผู้เดียว นั่นก็คือ แก้มอ้วนของนที ทว่าตอนนี้มันยังไม่ใช่ของผมก็จริง ผมจึงเรียกมันว่าแก้มอ้วนไปก่อน แต่ยังไงมันก็ไม่ใช่ของคนอื่นเหมือนกัน เพราะมันต้องเป็น แก้มอ้วนของนที เพียงคนเดียวเท่านั้น
“เป็นอะไร” เป็นอีกครั้งที่ผมถามแก้มอ้วนออกไป
“กูจุกอะนที เหนื่อยด้วย” แก้มอ้วนทำสีหน้าเหยเกพร้อมกับใช้มือกุมท้องเอาไว้
“เดินไหวไหม” ผมรีบเข้าไปประคองไหล่ทั้งสองข้างของมันเอาไว้ แก้มอ้วนพยักหน้าตอบผม ว่าไหว แต่ผมคิดว่าแก้มอ้วนไม่ไหวแน่ ๆ
“มาขี่หลังกูมา” ผมปล่อยไหล่ทั้งสองข้างของแก้มอ้วนและเดินไปข้างหน้า พลางย่อตัวลง
“ไม่เอา ไม่เป็นไร”
“ขึ้นมา”
“ไม่เอา ตัวกูหนัก”
“ไม่เป็นไร”
ผมก็ไม่รู้ว่าทำไม เป็นเพราะอะไร เวลาผมเสนอตัวที่ช่วย ทุกครั้งแก้มอ้วนเอาแต่ปฏิเสธผม ทว่ามักจะมีคำคำนึงหลุดออกมา คือ คำว่า
“กูเกรงใจ”
ผมอยากจะบอกแก้มอ้วนว่าไม่ต้องเกรงใจเลย เพราะผมพร้อมที่จะช่วยเหลือแก้มอ้วนในทุก ๆ อย่างอยู่แล้ว
“ขึ้นมา กูบอกให้ขึ้นไง เดินแทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว ยังปากเก่งอีก!” และความช่วยเหลือของผมในทุกครั้ง มันก็จบตรงที่ผมดุมันออกไปทุกที เพราะมันเป็นสิ่งที่ทำให้เขายอมหยิบยกความช่วยเหลือของผม
“เออ ขึ้นก็ได้” น้ำเสียงของแก้มอ้วนเบาลง ผมรู้เข้าใจว่าแก้มอ้วนคงไม่อยากให้ผมลำบาก แต่ผมก็ยังยืนยันคำเดิมว่าไม่ลำบาก
แก้มอ้วนค่อย ๆ เดินมาหาผมและใช้แขนคล้องคอผมเอาไว้ ก่อนจะโน้มตัวมาแนบชิดกับแผ่นหลังของผม
“เกาะดี ๆ นะ”
“อือ” หลังจากแก้มอ้วนตอบออกมา ผมจึงค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน พลางกระชับร่างของแก้มอ้วนให้แน่นขึ้นกันเขาตกลงมา
“ถ้าง่วงก็หลับได้เลย เดี๋ยวนายนทีคนนี้จะส่งถึงเตียงพร้อมกับห่มผ้าให้เรียบร้อยเอง รู้ไหม”
“อือ ขอบคุณนะนที”
“ไม่เป็นไร” ผมตอบแก้มอ้วนออกไป ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาจนสุดริมฝีปากของผม
‘ค่ำคืนที่มีดวงดาวระยิบระยับ
เป็นคืนที่สว่างไสวพร่างพราวในหัวใจของผมคนนี้’
ยังไม่ได้แก้คำผิดนะคะ ถ้าเจอขออภัยด้วยนะคะ
อาจจะมีบางช่วงที่ดูไม่สมูทไม่ลื่นไหล ขออภัยด้วยนะคะ
เข้ามาพูดคุยกัน ได้ที่เฟซบุ๊ก : นักเขียน หน้าใหม่ ได้นะคะ
สามารถเข้าไปเล่นแท็กทวิตเตอร์
โดยใช้ #รักนี้หมูกระทะจอง
ส่วนทวิตของไรท์ @Mousyy8893
ไปเล่นกันเยอะ ๆ น๊า
ช่วยคอมเมนต์และรีวิวเพื่อเป็นกำลังให้นักเขียนด้วยนะคะ
ความคิดเห็น