คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #29 : อดีตของการพบกัน / Rufang
คือ อาทิตย์นี้มันมีอะไรหลาย ๆ อย่างเกิดขึ้นมากมาย ทั้งการบ้านที่เปิดเทอมก็ท่วมแล้ว กับอากาศที่เปลี่ยนแปลง
ที่เริ่มทำให้ไรเตอร์รู้สึกไม่ค่อยสบายยังไงก็ไม่รู้ แต่ไม่เป็นไรในเมื่อแรงจิ้นยังอยู่ เหนื่อยแค่ไหนก็จะคลานมาอัพ ไปอ่านเลยดีกว่าเนอะ
ไรเตอร์พล่ามมากไปแล้ว ในตอนนี้จะเฉลยนะจ๊ะ ว่ากัน ริท และเซนไปสัญญาอะไรกันตอนไหน ในพาร์ทที่ริทงอนกันอ่ะ และเซนก็มาเตือน
ริทเรื่องสัญญา จะยังมีใครจำได้อยู่อีกไหมเนี่ย ไปอ่านเลยดีกว่าเนอะ
.........................................................................................................................................................................................................
{ZEN : TALK }
วันนี้เป็นวันที่กันออกจากโรงพยาบาล และก็เป็นวันครบรอบการพบเจอ และเป็นเพื่อนของเรา ปีนี้ก็เป็นปีที่ 4 แล้ว ผ่านไปเร็วเหมือนกันนะเนี่ยนับจากเหตุการณ์วันนั้น
~~~~~~~~ ย้อนไปในอดีต ~~~~~~~~~
โอ๊ย!!! ปวดหัวชะมัด มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย แล้วนี่เรามาอยู่ที่ไหนเนี่ย จำได้ก็แค่ว่า ตอนนั้นแม่กลับมาแล้วบอกว่าจะทำอาหารให้กิน พอเรากินแล้วเราก็ง่วง แล้วก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย
‘เออ...นาย นายที่หน้าเหมือนแมวอ่ะ ช่วยอะไรผมอย่างสิ’ เสียงใส ๆ ที่ดังอยู่ข้าง ๆ ผม ทำให้ผมหันไปมอง และสำรวจไปรอบ ๆ บริเวณก็พบว่ามันไม่มีใครนอกจากผมกับเค้า ทำให้ผมตัดสินใจเอ่ยปากคุยกับคนแปลกหน้า
‘เอ๋? ผมเหรอ’
‘อืม...ใช่ นายนั่นแหละ มือนายไม่ได้ถูกมัดอยู่ใช่ไหม ช่วยแก้เชือกให้ผมหน่อย’ ผมมองตรงไปยังชายหนุ่มร่างเล็กหน้าตาน่ารักราวกับผู้หญิงที่ถูมัมือไขว้หลังอยู่ ผมตัดสินใจยันตัวลุกขึ้นเดินไปหาเค้าก่อนจะย่อตัวลงแก้เชือกให้เค้า
‘โอ๊ย....เจ็บเป็นบ้าเลย ดูสิแดงไปหมดทั้งข้อมือเลย ว่าแต่นายก็ถูกขายมาเหมือนกันเหรอ’ ถูกขาย? คืออะไร เค้าพูดเรื่องอะไรกันอยู่เนี่ย
‘ถูกขาย? นายพูดเรื่องอะไรอยู่อ่ะ แล้วตอนนี้เราอยู่ที่ไหนกัน’
‘เอ้า! นี่นายไม่รู้เหรอว่า ตอนนี้พวกเรานะถูกขายใช้หนี้ให้กับพวกมาเฟียมา ส่วนอยู่ที่ไหนกันนั้น ฉันไม่แน่ใจหรอก...แต่เห็นมันพูดกันว่าจะพาเรามาส่งลูกค้าที่อังกฤษ เราคงอยู่สักทีในอังกฤษนั่นแหละ’
‘น...นาย...กำลังโกหกฉันอยู่ช่ไหมเนี่ย ฉันก็แค่กินข้าวกับแม่อยู่ที่บ้าน แล้วก็ง่วงหลับไปเฉย ๆ แค่นั้นเอง อย่ามาอำน่า.... แม่ฉันจ้างนายมาใช่ไหม’
‘เฮอะ ฉันโกหกนายไปจะได้อะไร นายโดนแม่นายหรอกแล้ว’
‘ไม่จริง....น...นายโกหกฉันใช่ไหม...มันไม่จริง!!...ฮึก...มันไม่ใช่เรื่องจริง..ฮือ...’ ผมพูดได้เพียงแค่นั้นก็ถูกเสียงสะอื้นของตัวเองกลืนไป แม่ขายผมงั้นเหรอ? ทำไมแม่ทำกับผมแบบนี้
‘นี่นาย! ถ้าไม่อยากโดนไปขาย หรืออยู่ที่นี่ไปจนตายก็เลิกร้องไห้ก่อน’
‘ฮึก...แล้วนายจะททำไง...ฮึก...อีกฝ่ายเป็นมาเฟียเชียวนะ’
‘ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่ว่าหนีออกจากที่นี่ให้ได้ก่อนก็พอ เรื่องอื่นค่อยว่ากัน นายจะไปกับฉันไหม?’ คนตัวเล็กที่ภายนอกดูบอบบางหันมาถามผม ผมควรจะทำไงดี?
‘……………..’
‘…………………’
‘ไป ฉันจะไปกับนาย’
ผมกับคนตัวเล็กหนีออกมาจากห้องตึกแถวแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจได้ แต่ปัญหามันยังไม่จบเพียงแค่นั้นนะสิ เพราะพวกมันที่เป็นพวกมาเฟียก็วิ่งไล่มาเพื่อจะจับผมกับคนตัวเล็กกลับไป เราวิ่งกันมาจนถึงหัวมุมถนน และด้วยความรีบและไม่ระวังของผมและคนตัวเล็ก ทำให้เราวิ่งไปโดยไม่ได้สนใจดูถนนว่ามีรถหรือไม่ และแล้ว.....
ปริ้น.....ปรี๊น
ผมกับคนตัวเล็กได้แต่หลับตาแน่นเตรียมเผชิญกับรถที่วิ่งด้วยความเร็ว เราคงไม่รอดแน่ ๆ โถ่เอ๊ย! นี่เรามาไกลได้เพียงแค่นี้เองเหรอ แต่ก็ยังดีกว่ารออยู่ที่นั่นโดยไม่รู้ว่าจะเจออะไรต่อไปแล้วกัน ลาก่อนโลกกว้าง
หมับ! ฟึบ!
ผมรู้สึกถึงแรงกระชากบางอย่างที่บริเวณข้อมือจึงลืมตาขึ้นมาดู และก็พบว่าเป็นผู้ชายคนหนึ่งดูแล้วคงจะรุ่นราวคราวเดียวกันกับผมและคนตัวเล็ก กำลังออกแรงกระชากเอาร่างของผมกับคนตัวเล็กออกมาให้พ้นถนนได้อย่างเฉียดชิว ขอบคุณจริง ๆ ขอบคุณที่ช่วยให้ผมได้มีชีวิตอยู่อีกครั้ง
‘ข...ขอบคุณครับ’ ผมเอ่ยออกไปอย่างไม่รู้ตัว แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร เพราะผมก็อยากจะขอบคุรเค้าจริง ๆ
‘เอ้า! พวกคุณเป็นคนไทยเหรอฮะ แล้วเป็นอะไรกันหรือเปล่า’ คนผิวเข้มเจ้าของนัยน์ตาหวานที่ช่วยผมเอาไว้กล่าว พร้อมรอยยิ้มอย่างอบอุ่น
‘อ....เออ....ผมไม่เป็นไรครับ....นายเป็นอะไรไหม’ ผมหันไปถามคนข้าง ๆ ที่ดูยังไม่ค่อยได้สติเท่าไร
‘ม...ไม่เป็นไร’
‘งั้นก็ดีแล้วฮะ เกือบไปแล้วนะฮะพวกคุณ ว่าแต่......’
‘หยุดวิ่งได้แล้วเหรอ ปล่อยให้พวกฉันวิ่งไล่อยู่ได้ต้องนาน คุณกัน!’
‘...................................’ ฮะ นายคนผิวเข้มที่ช่วยเราไว้รู้จักกับพวกมาเฟียพวกนี้เนี่ยนะ หนีเสือปะจระเข้ชัด ๆ จะหนีก็หนีไม่ได้แล้วด้วย พวกมันล้อมไว้หมดแล้ว
‘คุณกันช่วยจับไว้ให้เหรอครับ ขอบคุณนะครับ เผอิญสินค้าล็อตนี้มันดื้อไปหน่อยนะครับ งั้นผมขอรับสินค้าของเรากลับนะครับ’ คนที่ดูเหมือนเป็นหัวหน้าคุมงานกล่าวกับผิวเข้มที่ผมพึ่งรู้ว่าเค้าชื่อกัน อย่างนอบน้อมก่อนส่งสัญญาณมือให้ลูกน้องของมันเข้ามาล็อคตัวผมกับริท อย่างนี้มันก็ไม่ค่อยต่างจากเดิมเท่าไรนะสิ
‘เดี๊ยวก่อน! ต่อสายถึง Rufang ให้ฉันก่อน เอาไว้ฉันคุยเสร็จแล้วฉันจะมาบอกว่าให้ทำยังไงกับสองคนนี้ โอเค. ไหม?’
‘ฮัลโหล Rufang นี่ฉันเองนะ ฉันมีเรื่องจะให้นายช่วยนิดหน่อย’ ผมได้ยินเพียงแค่นั้นก่อนที่คนผิวเข้มจะเดินฝ่าวงล้อมออกไป เค้าเป็นใครกันแน่ ทำไมทุกคนถึงต้องยอมให้กับเค้า แล้ว Rufang นั่นคือใคร
---------- 5 นาทีต่อมา -------------
‘ปล่อยตัวสองคนนั้นซะ แล้วก็ Rufang ฝากบอกมาว่าอย่าเลินเล่ออีก โอกาสไม่ได้มีให้บ่อย ๆ หรอกนะ ส่วนเรื่องสินค้าน่ะ ให้เอาคนที่ไร้ประโยชน์ที่สุดส่งไปก่อน แล้วเดี๊ยวจะส่งมาให้ใหม่’
‘ครับคุณกัน ไป! พวกเรากลับ’ หัวหน้ากล่าวรับคำสั่งอย่างนอบน้อมอีกครั้งก่อนจะก้มหัวเคารพเป็นเชิงลาก่อนจะพาพรรคพวกของมันกลับไป คนผิวเข้มเดินตรงเข้ามาผมกับคนตัวเล็ก
‘พวกนายไม่ต้องกลัวแล้วนะ คนพวกนั้นจะไม่ทำอะไรพวกนายแล้วแหละ นายจะไปอยู่กับฉันไหม ฉันชื่อ กัน นะ แล้วพวกนายล่ะชื่อกัน’ เค้าพูดไปยิ้มไปด้วยรอยยิ้มอบอุ่นของเค้า เค้าดูไม่เหมือนคนไม่ดีพวกนั้นเลยทำไมพวกนั้นถึงได้กลัวเค้ากันนะ
‘น....นายเป็นใครกันแน่ ทำไมคนพวกนั้นต้องเชื่อนายด้วย’ คนตัวเล็กที่ตอนแรกไปยืนข้างหลังผมค่อย ๆ ก้าวออกมาถามคำถามในสิ่งที่ผมสงสัย
‘อืม....จะว่าไงดีล่ะ ก็คือว่าพ่อฉันก็พอมีอิทธิพลกับเค้าอยู่บ้างเหมือนกัน ท่านทำธุรกิจนะ ก็เลยพอจะรู้จักเจ้าพวกนี้อยู่บ้าง ก็เลยต่อรองกันนิดหน่อยนะ ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่ทำอtไรพวกนายหรอก เพราะถ้าฉันจะทำจริง ฉันจะเสียเวลาช่วยนายมาทำไม’
‘........................................’ อืมก็จริงของเค้านะ ถ้าเค้าไม่อยากช่วยเราก็คงปล่อยให้เราโดนทับตายด้วยรถไปแล้ว
‘ฉันเซน ขอบคุณที่ช่วยต่อไปนี้ฝากตัวด้วยนะ’
‘ฉ....ฉันริท ฝากด้วยเช่นกัน’
‘ได้เลย เราเป็นเพื่อนนับจากวันนี้เลยนะ’ กันยังคงกล่าวไปด้วยรอยยิ้มเช่นเดิม รอยยิ้มนั่นมันทำให้ผมวางใจอย่างบอกไม่ถูกไม่รู้ทำไม
“เซน เซนเหม่ออะไรอยู่ แกงเดือดแล้วนะ”
“ฮะ ฮะ ริทว่าอะไรนะ” ผมตื่นออกจากผวังคืความคิดในอดีต หันมาสนใจเสียงเจื้อแจ๋วของคนร่วมสถานการณ์เดียวกันเมื่อ 4 ปีก่อน
“ริทบอกว่าแกงเดือดแล้ว”
“เออ! จริงด้วย เกือบล้นหมอไปแล้ว ขอบใจนะริท” ผมเดินไปปิดเตาแก๊สที่มีหมอที่น้ำเดือดพุด ๆ อยู่
“ไม่เป็นไร นี่เสร็จแล้วใช่ไหม ริทจะได้ไปตามกันลงมา”
“อืม ฝากด้วยนะ”
{GUN : TALK }
เย้ ๆ ๆ ในที่สุดผมก็ได้ออกจากโรงพยาบาลน่าเบื่อ ๆ แล้ว หลังจากซื้อบื้อ ซุ่มซ่าม และไม่ดูแลตัวเองร้วมกัน ทำให้ผมต้องไปนอนโรงพยาบาล 3 วัน แถมได้เลือดพี่เก่งมาเข้าตัวอีก ไม่รู้ไอ้รังสีความเป็นนีออนของพี่เก่งนี่มันอยู่ในสายเลือดรึเปล่า? ที่ถามนี่ไม่ใช่อะไรหรอก เผื่อเราจะขาวขึ้นบ้าง
“กัน....ลงมากินข้าวเย็นกัน วันนี้มื้อพิเศษด้วยนะ” เสียงเจื้อแจ๋วของไอ้ริทที่บัดนี้ผมกับมันกลับมาเป็นเหมือนเดิมกันแล้วเรียกมาจากชั้นล่างของบ้าน
“อืม ลงแล้ว ๆ” ผมเดินไปอุ้มเจ้าเค-ทริกซ์เดินลงไปชั้นล่างของบ้าน ว่าแต่รู้สึกเหมือนว่าเจ้าเค-ทริกซ์จะหนักขึ้นกว่าก่อนผมจะไปนอนเล่นอยู่โรงพยาบาลมากเลยนะเนี่ย
“นี่เค-ทริกซ์ พี่ดิวเค้าให้แกกินวันละกี่มื้อเนี่ยห้า.... หนักขึ้นเป็นกองเลย ระวังกันจะอุ้มไม่ไว้เอานะ นี่แหน่ะ!!!” ผมว่าก่อนจะเอามือไปขยุ้มหัวเจ้าเค-ทริกซ์เล่นเบา ๆ
“ว้าว 0.0 วันนี้เป็นวันพิเศษอะไรกันล่ะเนี่ย กับข้าวเต็มโต๊ะเลย หรือว่าฉลองย้อนหลังวันเกิดไอ้ริทมันอีกที ฮืม...” ผมเดินเอาเจ้าเค-ทริกซ์ไปวางประจำที่ข้างชามข้าวมัน
“ฮึ ฮึ ตลกป่ะเนี่ยกัน อย่ามาทำเป็นจำไม่ได้หน่อยเลย ลงทุนทำไปซะขนาดนั้น”
“เฮ้อ....เบื่อคนรู้ทันอ่ะเซน จัดการริทให้หน่อยสิ”
“เฮอะ เฮอะ กินเถอะ กินเถอะ เดี๊ยวเย็นแล้วจะไม่อร่อย มา ๆ เซนตักข้าวให้”
“ขอบคุณคร้าบ......” ผมลากเสียงยาว ๆ เหมือนเวลาที่เด็ก ๆ อ้อนแม่
“แอ๊บนะมึง เซนตักให้ริทด้วยสิ” ริทหันมาว่าผมก่อนที่จะหันไปทำหน้าตาใสซื่อใส่เซนที่กำลังตักข้าวให้ผม
“อ่ะ อ่ะ”
“ว่าแต่กูนะมึง ตัวเองก็แอ๊บเหมือนกันนั่นแหละ”
“ก็นะ คนเรามันก็ต้องมีกันบ้าง”
หลังจากนั้นพวกเราทั้งหมดก็ทานไป คุยเรื่องสัพเพเหระที่ผ่านมากันไป บางเรื่องก็จำได้ บางเรื่องก็จำไม่ได้ มีทั้งเรื่องที่ทำให้เราทุกข์ และเรื่องที่ทำให้เรามีความสุข คละเคล้ากันไป ไม่น่าเชื่อเลยว่าการมานั่งเล่าเรื่องเก่า ๆ จะทำให้เราสุขขนาดนี้
~ของที่เธอไม่ได้รัก ซักพักเธอคงจะขว้างทิ้ง ต่างกับสิ่งที่รักจริง เธอกับทิ้งไม่ลง...~
“ฮัลโหลครับ” ผมกรอกเสียงลงไปตามสายโทรศัพท์ที่โทรมาขัดจังหวะการกินอาหารอันมีความสุขของผม
‘ว่าไง Angle ของ Dark road’
“Rufang!”
.........................................................................................................................................................................................................
ปล.ขอบคุณทุกคนที่ยังอยู่เป็นกำลังใจให้กัน อยู่กันมาจนถึงวันนี้ บางคนตามอ่านเป็นกรุ๊ปแรก ๆ และก็มาจนถึงปัจจุบัน อยู่กันมาตั้งแต่ยังไม่ค่อยมีคนอ่าน ยังไม่ค่อยมีคนเม้นจนมาถึงตอนนี้ที่มีคนอ่านเยอะ(สำหรับไรเตอร์นะ) เม้นก็เป็นกำลังใจให้ไรเตอร์อย่างดี ขอบคุณจริง ๆ ที่อยู่เคียงข้างกัน และหวังว่าจะอยู่ข้างกันจนกว่าเรื่องจะจบนะ
ความคิดเห็น