คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Before Work ... ความจริง
แสงสีม่วงทองจางจากดวงสุริยันที่ข้ามพ้นผ่านเส้นขอบฟ้าเป็นสัญญาณเริ่มต้นวันใหม่ ท้องฟ้าถูกทาบทาเป็นสีเทาอ่อน ๆ เพราะเมฆที่ดูจะทวีจำนวนขึ้น เช่นเดียวกับภายในจิตใจของใครบางคนที่นอนไม่หลับทั้งคืนเนื่องจากปัญหาคิดไม่ตก ผู้ที่นอนอยู่บนเตียงตรงข้ามเขาลุกขึ้นมาแล้ว ร่างบอบบางนั้นยังดูครบสามสิบสอง ไม่นับใบหน้าที่ดูเบลอ ๆ ... สิ่งที่เห็นเมื่อวาน มันคงเป็นเรื่องที่เจ้าเด็กบ้านั่นสร้างมาเท่านั้น
... ย้อนความไปเมื่อคืน ...
ร่างบางกำลังง่วนอยู่กับการหนังสือ 'กฎหมายการค้าระหว่างประเทศ' ซึ่งแค่ถือก็ทำให้เดินเซไปเซมาได้แล้ว นิ้วมือเรียวพลิกหน้ากระดาษไปเรื่อยเปื่อยเพื่อหาหัวข้อมาเขียนรายงานส่งสัปดาห์หน้า ส่วนน้องสาวของเขาก็กำลังตั้งตาตั้งตาเล่นเกมอย่างไม่ลดละ ... ทั้งหมดนี้เป็นภาพที่ชวนชินตาไปเสียแล้ว ... ถ้าเกิดน้องสาวของเขาลุกขึ้นมาทำงานบ้านแม้แต่นิดเดียว บางทีลูกเห็บขนาดเท่าบ้านอาจตกลงมาจากฟ้าก็ได้
...ก๊อก ๆ ...
"พี่ลูอีสไปเปิดที" เมื่อเปรียบเทียบระยะกระจัดระหว่างประตูมาที่ตัวเขากับน้องสาว เขาเองดูเหมือนจะอยู่ห่างจากจุดปลายทางมากกว่า แต่ก็ต้องเดินไปเปิดเพราะบ้านนี้ใช้ระบบการปกครองระบอบเผด็จการที่มี 'น้องสาวเป็นประมุข' ... ทั้ง ๆ ที่เป็นพี่คนโตแต่กลับถูกน้องสองคนดูแลเหมือนเด็ก มันน่าโมโหชะมัด ... ลูอีสเดินไปเปิดประตูอย่างลวก ๆ ไม่คิดแม้แต่จะมองเลยด้วยซ้ำว่าผู้มาเยือนนั้นเป็นใคร
"ถ้าคุณจะมาขายของผมขอไม่ซื้ออะไรทั้งสิ้นนะครับ อ้าววิลซะ.." พูดไม่ทันจบ ลูอีสก็สังเกตได้ว่าอาคันตุกะผู้มาเยือนนั้นเป็นน้องชายเขาเอง ที่น่าแปลกใจก็คือน้องร่วมสายเลือดเขาอุ้มเด็กผู้ชายมาด้วย !!! แล้วเด็กคนนี้ก็ยังเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งจนเห็นผิวขาวเนียนถึงไหนต่อไหน ดีที่มีเสื้อนอกของน้องชายคลุมตัวไว้อีกชั้น สภาพแบบนี้เด็กน้อยน่ารัก (?) ในสภาพเหมือนไปผ่านสงครามย่อม ๆ มานอนซบอกชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาอย่างอ่อนเพลีย สมองนักศึกษาคณะนิติศาสตร์สรุปภาพตรงหน้าได้ว่า ...
"เอ่อ... วิล พี่ดีใจนะที่หาน้องสะใภ้มาให้พี่ได้เร็วขนาดนี้ แต่ไม่ต้องพามาแนะนำเร็วนักก็ได้นะ" ลูอีสเอื้อมมือขึ้นไปตบบ่าน้องชายที่ทำหน้าตาตื่นเพราะสะดุ้งกับคำพูดของพี่ "แล้ววันหลังไม่ต้องฝืนก็ได้นะ ถ้าเขาเหนื่อยก็ให้เขาพักผ่อนเถอะ คงหนักกันมาล่ะสิ ..."
"เข้าใจผิดแล้วคร้าบ!!! ขอเข้าไปข้างในแล้วค่อยอธิบายได้รึเปล่าครับ?" ร่างสูงตะโกนกลบเสียงพี่ชายที่คงนึกอะไรต่อมิอะไรไปไกลแล้ว ไม่ทันได้รับคำตอบ ... วิลแซ็คก็รีบแทรกตัวผ่านประตูเข้าไปห้อง เพราะเริ่มอายต่อสายตาคนที่เดินผ่านไปผ่านมาในอพาร์ตเมนต์ แม้ว่าที่จริงเขาก็ต้องแทบเอาหน้าแทรกแผ่นดินตั้งแต่เดินอุ้มเจ้าเด็กบ้านี้มาที่บ้านแล้ว ชายหนุ่มผู้หงุดหงิดเดินกระแทกเท้าเข้าห้องแล้วโยน (?) ร่างเล็กไปหล่นปุบนโซฟาข้าง ๆ น้องสาวที่หันมามองอย่างสนใจ
"พี่นี่ ... เอ่อ ... ไวไฟกว่าที่หนูคิดนะคะ แล้วไปแวะที่ไหนมา..."
"หยุดพูด!!" วิลแซ็คที่ตอนนี้ฟิวส์ขาดตะโกนออกไปทั้ง ๆ ที่ลูอีสยังปิดประตูไม่สนิท "ลูอีส พี่รีบ ๆ ปิดประตูแล้วมาทำความเข้าใจกันหน่อย" น้องชายกวักมือเรียกพี่อย่างหัวเสีย ลูอีสที่เริ่มรู้สึกตัวรีบปิดประตูแล้วพรวดพราดไปนั่งบนเก้าอี้เล็กข้างโซฟา
ภายในห้องนั้นดูสบายตา ... แต่บรรยากาศกลับตรงกันข้าม หนึ่งหนุ่มที่ทำหน้ามุ่ยพยายามหาคำอธิบายให้กับคนสองคนตรงหน้าที่ยังคิดอะไรต่อมิอะไรไปตามจินตนาการส่วนตัวจากภาพที่เห็น และอีกหนึ่งคนที่หลับสนิทโดยไม่ได้รู้สึกถึงบรรยากาศโดยรอบ หนุ่มร่างเล็กเริ่มทนกับบรรยากาศไม่ไหวเลยเอ่ยปากทำลายความเงียบเป็นคนแรก
"วิล... อยากได้ชาสักถ้วยไหม ?" ลูอีสทำท่าจะลุกขึ้นไปเตรียมชาร้อน ๆ แต่ถูกแขนใหญ่ฉุดให้นั่งต่อ
"ไม่ต้องครับ" วิลแซ็คเอามือเท้าคางแล้วจ้องไปยังร่างที่สลบอยู่ 'เมื่อไรมันจะตื่นมาเคลียร์เรื่องวะ' วิลแซ็คลุกขึ้นเดินวนไปวนมาเพื่อดับอาการร้อนรุ่ม สมองก็ทำงานอย่างหนักเพื่อหาเหตุผลมาแก้ตัวให้กับบุคคลทั้งสองที่มองหน้าตัวเขาสลับกับเจ้าเด็กบ้านั่นแปลก ๆ พิกล ... เขาไม่ใช่พวกแบบนั้นเสียหน่อย และทั้งที่อารมณ์ของเขาก็ออกจะขุ่นมัวแบบนี้แท้ๆ ทำไมพี่ชายกับน้องสาวผู้แสนดีถึงยังทำเป็นไม่เข้าใจกันอยู่ได้นะ
"พี่ค่ะ ถามหน่อยสิว่าเด็กนี่เป็นใคร?" ไอวี่ตัดสินใจซักถามผู้ต้องสงสัยคนที่หนึ่ง สายตาของเธอเหลือบมองใบหน้าของเด็กชายบนโซฟานุ่มที่ยังคงหลับสนิท เส้นผมสีดำสั้นกระเซิงไม่เป็นทรงเนื่องจากผ่านเหตุการณ์บางอย่างมา หญิงสาวยิ้มน้อย ๆ ... น่ารักดีแฮะ
"เอ่อ ... เขาเป็นอาจารย์ของพี่เอง" ตอนนี้วิลแซ็คไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเลยตอบไปตรง ๆ ก่อนที่สองพี่น้องผู้ร่วมเหตุการณ์จะหันมามองหน้ากันเพราะงงกับคำตอบที่ร่างสูงตรงหน้ามอบให้ ตัววิลแซ็คเองกำลังครางด้วยความกลัดกลุ้ม แต่ต่อมาก็พ่นลมออกเฮือกใหญ่เนื่องจากคงทำอะไรไม่ได้มากนักนอกจากรอ ...
"อาจารย์ ? แล้วทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้ได้ละวิล" ลูอีสตัดสินใจเก็บความสงสัยเกี่ยวกับสถานะของคนตรงหน้า แล้วหันมาถามถึงเหตุการณ์ปัจจุบันแทน
"ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเจ้าเด็กบ้านี้ถึงเป็นอาจารย์ได้ โกหกอายุรึเปล่าก็ไม่รู้" ผู้ตอบตอบไปคนละเรื่อง
"ไม่ใช่แบบนั้น พี่หมายถึงทำไมสภาพเขาถึงได้ เอ่อ ... เป็นอย่างที่เห็นนี่ละ" ถามเสร็จอยู่ ๆ ลูอีสก็หน้าขึ้นสีเรื่อขึ้นมาเฉย ๆ ทั้งที่เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับตน ... นอกจากเด็กนี่จะเป็นน้องสะใภ้เขาจริง ๆ ...
"คือ... เรื่องนั้นก็รอให้เขาตื่นขึ้นมาอธิบายเองละกัน" วิลแซ็คพึมพำอย่างหงุดหงิดราวกับหมีกินผึ้งแล้วเดินเข้าห้องตัวเองเพื่อไปเปลี่ยนเสื้อผ้า หนำซ้ำยังโยนภาระตัวเองให้คนอื่นอีก "พี่ลูอีสช่วยหาเสื้อมาเปลี่ยนให้เขาด้วยก็แล้วกัน"
ผู้ถูกสั่งเพิ่งสังเกตเห็นว่าเสื้อผ้าของร่างเล็กนั้นมันขาดยับเยินเกินกว่าจะทนความหนาวในห้องปรับอากาศได้ ทำให้อาจารย์ตัวน้อยผู้กำลังหลับใหลเริ่มตัวสั่นเพราะทนกับอุณหภูมิของอากาศในห้องไม่ไหว เขาจึงรีบเดินไปหาเสื้อผ้าให้กับแขกใส่ โดยทิ้งไอวี่ให้นั่งงงเป็นไก่ตาแตกอยู่ที่เดิม
สิบนาทีต่อมา ... วิลแซ็คออกมาจากห้องในสภาพชุดลำลอง ส่วนเวนเจียนซ์ก็ถูกเปลี่ยนชุดไปเป็นชุดนอนของพี่ชายคนโตของบ้าน แต่เพราะขนาดตัวที่เล็กถึงเล็กมาก ทำให้เสื้อที่ใส่นั้นยังคงหลวมจึงมอบความอบอุ่นให้แก่ผู้สวมได้ไม่มากนัก พี่ชายคนโตจึงออกเดินไปหาผ้าห่มมาให้แขกของบ้านด้วยตนเอง
คืนนั้น ... ทั้งบ้านไม่ได้มีเสียงพูดคุยกันมากมายนักตลอดเวลาอาหารเย็น ทั้งที่ปกตินั้นช่วงเวลาแบบนี้มักจะมีเสียงบ่นของน้องสาวที่อาหารไม่ค่อยถูกปาก หรือเสียงทะเลาะกันเพราะมีศึกแย่งของกินระเบิดขึ้น แต่เพราะเวลานี้คงไม่เหมาะ ... เนื่องจากพี่ชายคนรองยังสงบสติอารมณ์ไม่ค่อยอยู่
หลังเวลาอาหารเย็น ... โจทก์และคณะลูกขุนไปนั่งประชุมกันต่อ และกำลังรอให้จำเลยตื่นเพื่อมาเคลียร์ปัญหาให้จบ ๆ
อืม... จำเลยตัวน้อยครางออกมาเบา ๆ และเริ่มพลิกตัวไปมา ทำให้คณะลูกขุนที่รอมานานแสนนานเริ่มขยับตัวเพื่อฟังคำตอบ ร่างเล็กในชุดนอนกระพริบตาปริบ ๆ แล้วลุกขึ้นนั่งอย่างงัวเงีย
"ตื่นสักทีเจ้าเด็กบ้ามาอธิบายเรื่องให้..." ร่างสูงรีบลุกขึ้นไปยืนข้าง ๆ คนขี้เซา แต่ก่อนที่จะพูดเสร็จ มือเล็ก ๆ ก็พุ่งเข้ามาโอบคอแล้วกระชากตัวเขาไปกอดราวกับเป็นตุ๊กตาหมีตัวใหญ่
"งืม ๆ ท่านแม่ฮะ เวนเจียนซ์อยากได้ตุ๊กตาตัวนี้งะ" เด็กน้อยที่ยังตื่นไม่เต็มที่ละเมอออกมา พลางรัดคอของชายหนุ่มเสียจนแน่น อย่างไรก็ตามแรงของร่างสูงยังมีมากกว่าจึงดิ้นหลุดออกมาได้
"โว้ย!!! ตื่นสิวะ" วิลแซ็คที่ฟิวส์ขาดรอบสองเขย่าตัวร่างบางอย่างแรงจนผมที่ยาวประบ่าสะบัดไปมาเพราะความหัวเสีย ชายหนุ่มกัดฟันกรอด และแทบจะกระชากกระพรวนทอ
งให้รัดคอเวนเจียนซ์อยู่แล้วหากใครคนหนึ่งห้ามไว้ไม่ทัน
"ใจเย็นก่อนก็ได้นะคะพี่" ไอวี่เห็นท่าทางไม่ดี กลัวว่าร่างที่ถูกประทุษร้าย (?) จะชิงช้ำตายไปเสียก่อนจึงรีบห้ามพี่ชายตัวเองอย่างเร่งด่วน ส่วนลูอีสก็รีบเข้าไปปลอบประโลมผู้ประสบภัยราวกับเป็น 'ท่านแม่' ที่ถูกเอ่ยถึงในประโยคละเมอ
หลังจากที่สถานการณ์เริ่มสงบอีกครั้ง ทุกคนก็มานั่งประชุมกันต่อ ตอนนี้จำเลยก็ตื่นขึ้นมาแล้ว คณะลูกขุนจึงเริ่มซักถามปัญหาที่ค้างคาทันที
"เจ้าหนูอธิบายเรื่องของเราให้พวกนี้ฟังทีสิ" วิลแซ็คผู้ยังคงหัวเสียอยู่ถามออกไปห้วน ๆ
"เรื่องของ'เรา'หรือฮะ?" เวนเจียนซ์เอียงคอเล็กน้อยแล้วก็ตอบมาอย่างน่ารักน่าชัง "ผมก็เป็นอาจารย์ของคุณไงครับ อาจารย์วิชาระ.."
"ไม่ใช่!! อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนั้นนะ" วิลแซ็คตะโกนกลบประโยคเข้าใจผิดก่อนที่มันจะบังเอิญหลุดรอดไปลอยเข้าหูใครที่นั่งอยู่บริเวณนั้นให้เรื่องมันวุ่นไปกว่านี้
"เรื่องนั้น ... ?" ร่างเล็กเอียงคอไปอีกข้างหนึ่งแล้วทำตาลอยนิด ๆ ก่อนที่จะเปลี่ยนสีหน้าคล้ายกับแมวที่บ้านเสียอย่างไรอย่างนั้น "อย่าบอกนะครับว่าคุณจะไม่รับผิดชอบที่ผมต้องเป็นแบบนั้นน่ะ"
คำตอบที่ได้ทำให้ผู้ที่ยืนอยู่ถึงกับเกือบจะล้มลงศีรษะฟาดพื้นดับดิ้น แถมผู้ที่นั่งฟังเหตุการณ์อยู่ก็ทำท่าชะงักไปครู่หนึ่ง
"เจ้าหนูอย่ามาล้อเล่นตอนนี้ได้ไหม!!! เรื่องที่นายกลายเป็น ... อุ๊บ !!" จู่ ๆ ก็เหมือนมีอะไรมาอุดปากวิลแซ็คเอาไว้ทำให้ไม่สามารถพูดส่งเสียงอะไรเล็ดลอดออกไปได้
"แฮะ ๆ แค่นี้ก็ต้องโกรธด้วยหรือครับ ล้อเล่นนิดเดียวเอง" เวนเจียนซ์โคลงหัวไปมาอย่างน่ารัก แล้วยิ้มแหย ๆ ราวกับสำนึกผิด
"เอ่อ ขอโทษนะครับตกลงเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่หรือครับ" ลูอีสเริ่มงงกับบทสนทนาของคนสองคนตรงหน้า เลยตัดสินใจถามออกไปตรง ๆ ทั้งที่ก็มีเปอร์เซ็นต์สูงเกินร้อยว่าเขาคงจะไม่เข้าใจคำตอบที่ได้อยู่ดีนั่นเอง
"พวกคุณคงเป็นพี่น้องของวิลแซ็คใช่ไหมครับ" พอบุคคลทั้งสองพยักหน้าตอบรับ ร่างเล็กเลยอธิบายต่อไป "ผมเป็นอาจารย์ของวิลนะครับ พอดีว่าวิลเขาช่วยชีวิตผมเอาไว้เลยขอบคุณมากนะครับ"
"เดี๋ยว ๆ นายเล่าอะไรเนี่ย เวนเจียนซ์ บอกไปสิว่านาย.." ร่างสูงพูดไม่จบ คนตัวเล็กก็รีบกระโดดกอดพร้อมอุดปากเอาไว้ แล้วเริ่มพูดต่อไป
"พอดีว่าผมเพิ่งย้ายมาเลยยังไม่รู้จักที่นี่เท่าไร แล้วตอนเดินกลับบ้านจู่ ๆ ผมก็ถูกพวกอันธพาลฉุดเข้าไปในซอย ตอนแรกผมตกใจมาก พอดีว่าวิลแซ็คเดินผ่านมาพอดีเขาก็เลยช่วยผมนะครับ" เวนเจียนซ์เริ่มเล่านิยายน้ำเน่าที่หาอ่านได้ทั่วไปตามท้องตลาดด้วยสีหน้าเศร้าสลดเต็มที่ "ถ้าไม่เขาผมคงแย่แน่ ๆ เลยครับ" เด็กหนุ่มน้อยปล่อยมือจากคนที่เดินไปมาแล้วโค้งให้กับลูอีสและไอวี่
สองพี่น้องที่นั่งฟังนิยายน้ำเน่าจนจบก็ทำหน้าตาเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่พอนึกสภาพที่วิลแซ็คเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวไปช่วยลูกแมวตัวน้อยแล้วมันช่าง..... ดูไม่จืดสุด ๆ ไปเลย
"อย่าไปเชื่อ เจ้าหนูนี่มันเป็น ... อ๊อก!" เวนเจียนซ์เอาข้อศอกกระทุ้งท้องผู้ที่พยายามพูดอย่างเต็มแรงแล้วส่งสายตาให้คล้ายจะบอกว่า ... 'ถ้าพูดอะไรอีก ... แก ตาย'
"เอ่อ... ไม่เป็นไรครับ แล้วคืนนี้จะค้างที่นี่เลยไหมครับ? นี่ก็ดึกมากแล้วด้วย" ลูอีสถามอาจารย์ตัวน้อยที่หันซ้ายหันขวาตรวจสอบสภาพบ้าน
"ก็ดีนะครับ ว่าแต่..."เวนเจียนซ์เหล่ตาไปมองร่างสูงที่ส่งสายตาเขียว ๆ มาให้ "วิลแซ็คจะให้ผมอยู่หรือเปล่าละครับ?"
"แน่นอน คำตอบคือไม่!!!" วิลแซ็คตะโกนออกไปโดยไม่ต้องคิดสักนิด
"พี่คะ เขาน่าสงสารออกจะตายไป อีกอย่างบ้านเราก็มีห้องเหลืออยู่อีกห้องแล้วนี่คะ ทำไมเขาจะค้างไม่ได้ละ ?" น้องสาวตัวดีที่ไม่ได้สงสารพี่ชายเลย ถ้าเกิดมันย่องเข้ามาในห้องพี่จะทำยังไงละ (ตกลงแกกลัวอะไรกันแน่-ผู้แต่ง)
"ไม่เป็นไรฮะ ถ้าเกิดวิลไม่อยากให้ผมอยู่ เดี๋ยวผมไปก็ได้ฮะ" น้ำเสียงดูสั่นเครือพิลึกพิกลอย่างที่วิลแซ็คให้ความเห็นว่า 'ไม่น่าไว้ใจสุดๆ' ร่างเล็กเริ่มใช้วิชาตีหน้าเศร้าอีกครั้ง พลางทำท่าจะลุกขึ้น
"เดี๋ยวครับ ๆ ไม่ต้องก็ได้ครับ ค้างที่นี่เถอะครับตอนนี้ข้างนอกมันอันตราย"ลูอีสรีบลุกขึ้นไปกดไหล่บางให้นั่งลงอีกครั้ง "อยากกินอะไรไหมครับ ? ... เดี๋ยวผมไปทำซุปอุ่น ๆ ให้นะ" ว่าจบก็เดินไปทางห้องครัว พลางตวัดสายตาตำหนิมายังน้องชายตนผู้ไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยแท้ๆ
"พี่จะให้เขาตายกลางถนนเลยหรือไง ?" ไอวี่กระซิบตำหนิร่างสูงเบา ๆ ให้ได้ยินกันสองคนแล้วเดินแยกไปทางห้องนอน ก่อนจะยิ้มหวานให้ "เดี๋ยวหนูช่วยจัดที่นอนให้นะคะ คุณเวนเจียนซ์"
วิลแซ็คยืนงงเป็นไก่ตาแตก ครอบครัวของเขาโดนสะกดจิตหรือไง ที่แปลกกว่านั้น น้องสาวของเขากำลังจะทำงานบ้าน!! ... สงสัยวันนี้ลูกเห็บขนาดเท่าบ้านอาจจะตกจริง ๆ ก็ได้ ...
"ครอบครัวคุณนี่น่ารักดีนะครับ จะไม่แนะนำหน่อยหรือครับ" เวนเจียนซ์กับเข้าสู่โหมดชอบยุยั่วปกติอีกครั้ง พร้อมส่งยิ้มกวนประสาทมาให้อีก ... มันน่าจับยัดใส่กระสอบถ่วงน้ำพรากจากบุพการียิ่งนัก ...
"คุณทำอะไรกับพี่น้องผม" ร่างสูงเดินเข้าไปกระชากคอเสื้อที่หลวมโพรกจนตัวลอย จนมองลงไปเห็นผิวขาวเนียนสวยของอาจารย์ตัวน้อยที่ดูราวกับเด็กผู้หญิง
"เปล่านี่ครับ ... ทำไมล่ะ? พี่น้องคุณก็น่ารักดี" เวนเจียนซ์ยิ้มอย่างน่ารัก แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้วิลแซ็ครู้แล้วว่า มันเป็นรอยยิ้มของซาตานชัด ๆ ...
"ทำไมนายไม่บอกความจริงกับคนอื่น ๆ" วิลแซ็คหมดอารมณ์จะซักถามเรื่องพี่น้องเขา เปลี่ยนจุดมุ่งหมายมายังเรื่องที่เป็นปัญหาค้างคาใจแทน
เวนเจียนส่งยิ้มกวนประสาทมาให้ร่างสูงอีกครั้งเมื่อรู้เจตนา "คิดว่าจะมีใครเชื่อคุณหรือไง?" ย้อนจบก็ทิ้งตัวล้มลงนอนบนโซฟาอีกครั้ง "ผมช่วยคุณด้วยซ้ำไป คุณคงไม่ชอบให้พี่น้องมองด้วยสายตาแปลก ๆ ใช่ไหมละครับ ?"
"เชื่อไม่เชื่อแต่นายคือ ตัวอะไร กันแน่ ทำไมตอนนั้นนาย..."
"กลายเป็นแมวสินะครับ" เวนเจียนซ์ถอนหายใจเฮือกเหมือนคนมีปัญหากับชีวิต พลันก็แสร้งครุ่นคิดแล้วชำเลืองมองยังใบหน้าถมึงทึงของวิลแซ็คก่อนจะตัดสินใจบอก
"คุณเชื่อเรื่องเวทมนตร์กับโหราศาสตร์ไหม?"
"ปกติไม่เชื่อ ..." ร่างสูงนั่งลงบนพื้นเพื่อจะได้มองคนตรงหน้าในระดับสายตาได้ก่อนจะถอนใจออกมาอีกเฮือกเบาๆ "แต่ตอนนี้ไม่เชื่อคงไม่ได้แล้วสินะ"
"หึ ... สิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้ คุณก็คิดเอาเองแล้วกันว่าจะเชื่อไหม?" อาจารย์น้อยส่งสายตาที่ดูไม่เป็นตัวเขาในยามปกติมาให้ร่างสูงแล้วมุ่นหัวคิ้วขวาลงราวกับกำลังพินิจใจผู้มอง แต่แล้วก็ค้นพบความจริงอย่างหนึ่ง ... คนตรงหน้าเขาพร้อมจะเชื่อได้อย่างสนิทใจ ถ้าหากให้เหตุผลที่ดีพอ ... ดังนั้นจึงไม่เสียหายที่จะลองบอก
เด็กหนุ่มสูดลมหายใจลึกช้าๆ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง "ผมเป็นกามเทพ"
วิลแซ็คเมื่อได้ฟังถึงกับชะงักไปเล็กน้อย แล้วแค่นหัวเราะออกมาเบาๆอย่างไม่เชื่อหู "ถ้านายบอกว่านายเป็นพวกเทพวิบัติหรือว่าเทพฮาเดสยังน่าเชื่อกว่าเสียอีก"
"คนบนโลกมนุษย์เข้าใจผิดกับตัวผมน่ะครับ" เวนเจียนซ์พยายามให้เหตุผล "มันไม่มีกามเทพน้อยติดปีก ถือคันธนูอันจิ๋วเหมือนตามสมุดภาพสี่สีหรอกครับ มันก็จะมีแต่แบบผมนี่แหละ" ร่างเล็กพลิกตัว หันหน้ามองเพดาน "พวกเราคือผู้ถูกสาป ... ผู้ที่จะได้เป็นกามเทพคือผู้ที่ทำผิดเกี่ยวกับความรักเป็นอย่างสูง เช่น ฆ่าคนที่ตัวเรารักที่สุด ..."
หยุดชะงักไปจังหวะหนึ่งก่อนจะกล้ำกลืนฝืนพูดต่อไปด้วยความสะเทือนใจเบื้องลึก
"... แบบผม"
วิลแซ็คสังเกตได้ถึงน้ำเสียงสั่นเครือแม้ไม่ได้มองหน้ากัน แต่เขาก็มั่นใจว่าตอนนี้สายตากวนประสาทคงไม่อาจคงอยู่ในดวงตาของคู่สนทนาเป็นแน่
"ผมต้องชดใช้ความผิดเหมือนในเทพนิยายที่ว่า ... คือจะไม่ได้พบความรัก และต้องทำให้ผู้อื่นสมหวัง ... พวกเรามีความสามารถด้านมนตร์ดำเพราะทำบาปซึ่งผิดมหันต์ แต่เราไม่สามารถนำพลังแบบนั้นไปก่อความชั่วร้ายได้"
'แล้วที่คุณทรมานผมล่ะ' วิลแซ็คบ่นกับตัวเองในใจ ทว่าปากก็เอ่ยถามต่อ "แล้วมีวิธีแก้หรือเปล่า?"
"มีสิ นั่นก็คือต้องมีคนมอบความรักที่จริงใจให้แก่เรา" เวนเจียนซ์ตอบเบา ๆ พลางโคลงศีรษะน้อยๆ ... ดูเหมือนอาการปกติจะกลับมาอีกหน
วิลแซ็คเหยียดยิ้ม "ถ้าอย่างงั้นนายก็คงไม่ต้องรอนานแล้วละ สาว ๆ ในห้องมีให้เลือกเพียบเลยนี่" ชายหนุ่มตอบกลับ พลางหัวเราะในลำคอนิด ๆ
"คงจะไม่ง่ายอย่างที่คุณคิดหรอกครับ ตัวผมถูกคำสาปอีกอย่างหนึ่งด้วย นั่นคือเราถูกสาปให้ผู้คนหลงใหลเรา ... พวกที่ชอบมาตื๊อผมส่วนใหญ่ก็คงเพราะเหตุนั้น" เวนเจียนซ์ส่งสายตาเหมือนลูกแมวถูกทิ้งมาให้ผู้ตั้งใจรับฟัง ทำให้คนที่มองอยู่ดีๆอย่างบริสุทธิ์ใจจำต้องเบนสายตาไปทางอื่นเสียอย่างนั้น
"เหรอ ... เอ่อ ... ขอโทษนะ ผมทำให้คุณรู้สึกเสียใจหรือเปล่า?" ชายหนุ่มรู้สึกสำนึกผิดที่ตนเอ่ยอะไรที่ไม่บังควรออกไปเสียมากมาย แต่จิตใต้สำนึกก็พยายามต่อต้าน ... ช่วยไม่ได้เองที่เจ้าอาจารย์ตัวจ้อยไม่ยอมเล่าเรื่องให้ฟังตั้งแต่แรก
และแล้วสายตาของเวนเจียนซ์กลับมาเป็นกวนประสาทโดยสมบูรณ์อีกครั้ง "ถ้าคุณอยากจะช่วยผมก็ได้นะครับ ..." ว่าจบก็ยิ้มหวานให้ราวกับใสซื่อบริสุทธิ์ ...
"ยังไงละ?" เมื่อได้เห็นใบหน้าแบบนี้วิลแซ็คก็ชักเริ่มไม่ค่อยไว้วางใจคนตรงหน้า จึงรีบดักคอไว้ก่อน "ถ้าให้ผมมอบความรักให้ล่ะก็ ... ขอปฏิเสธนะครับ"
เวนเจียนซ์หัวเราะเบา ๆ "ไม่เป็นไรหรอกครับ เพราะเรื่องนั้นน่ะผมรอได้"
"รีบ ๆ อธิบายดี ๆ ก่อนที่ผมจะไม่ช่วย" วิลแซ็คดุกลับ
"คุณรู้ความลับผมแล้ว ก็แค่คุณห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอกใคร แล้วก็..." เวนเจียนซ์เว้นระยะไปสักพักหนึ่งเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ฟัง
"อะไรละ?" เมื่อยังไม่ได้คำตอบร่างสูงจึงถามซ้ำอีกครั้ง
"คุณต้องช่วยผม" เวนเจียนซ์ยังตอบกลับแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ
"ก็มันยังไงละ?" ร่างสูงที่ตอนนี้ถ้าเป็นการ์ตูนควันคงออกทางหูไปแล้ว แต่ก็ยังอดทนไม่กระโดดลุกขึ้นไปต่อยคนตรงหน้า
"ก็แค่...." เวนเจียนซ์ส่งสายตาเหมือนจะมีความหมายมาให้ แต่ก่อนที่จะพูดอะไรออกไป ...
"อาหารเสร็จแล้วคร้าบ!!" ลูอีสที่จู่ ๆ ก็เดินออกมาจากห้องครัวพร้อมยกจานซุปกับกับขนมปังสองสามก้อนมาเสิร์ฟให้กับแขก
"ขอบคุณมากนะครับ" เวนเจียนซ์รีบเปลี่ยนสีหน้าไปเป็นแบบปกติ แล้วยิ้มให้กับลูอีส
"ถ้ามีอะไรก็เรียกได้นะครับ" ลูอีสเช็ดมือกับผ้ากันเปื้อนแล้วเดินกลับเข้าไปในครัว
"ท่าทางน่าอร่อยดีนะ ..." เวนเจียนซ์ใช้ช้อนกลมคนซุปส่งเสียงกริ๊กๆเบาๆ เพื่อให้มันเย็นพอจะใช้ลิ้นแตะได้ ก่อนจะตักชิมเข้าปากเบา ๆ ... แล้วทำหน้าเหมือนจะบอกว่า 'ใช้ได้'
"ตกลงว่าผมต้องทำอะไรครับ" เมื่อรอให้พี่ชายกลับเข้าไปในห้องครัวแล้ว ชายหนุ่มก็เริ่มซักถามข้อสงสัยต่อ
"ไว้พรุ่งนี้ก็รู้เอง" เวนเจียนซ์กระดกซุปยกซดอย่างไม่เกรงใจใคร แต่ก่อนที่วิลแซ็คจะได้ซักต่อก็มีอีกเสียงมาขัดจนได้ ...
"จัดที่นอนเสร็จแล้วนะคะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็หนูขอตัวไปนอนก่อนนะคะพี่วิล" ไอวี่เดินผ่านห้องนั่งเล่นเพื่อไปยังห้องนอนของตน
"พี่น้องของคุณนี่น่ารักกันจังนะครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วขอตัวนะครับ" ร่างเล็กเดินหาวหวอดไปยังประตูที่หญิงสาวเพียงคนเดียวในบ้านเพิ่งเดินออกมา ปล่อยให้วิลแซ็คนั่งเอ๋ออยู่ที่เดิมไปซักพัก ก่อนที่จะเดินเข้าห้องนอนของตนไป
...จบการย้อนความ...
'ตกลงแล้ว เราต้องทำอะไรวะ' วิลแซ็คคิดอย่างหัวเสียตอนที่กำลังเขมือบข้าวเช้าอยู่ แถมไอ้เด็กนั่นก็ยังไม่ตื่น ... เป็นอาจารย์แต่ดันขี้เซา เดี๋ยวไปสายจะทำยังไงละ
"ตื่น ๆ "เมื่อวิลแซ็คเริ่มรู้สึกว่าถ้า 'ไอ้เด็กนี่' ไม่ตื่นคงไปสายแน่ ก็ต้องทำใจเดินเข้าไปปลุกเอง พอเห็นเวนเจียนซ์นอนหลับสบายอยู่บนเตียงก็ยิ่งหงุดหงิด จะไปสายอยู่อยู่แล้วยังไม่รู้สึกตัวเลย
"อืม..."ร่างที่ซุกในผ้าห่มเริ่มรู้สึกรำคาญจึงพลิกตัวพลางตอบปัดออกไป "ขออีกห้านาที ..."
"ตื่นได้แล้วครับเดี๋ยวสายแล้วนะ" ร่างสูงเริ่มหงุดหงิด 'ตกลงมันอายุ27จริงหรือเนี่ย?'
"ไม่ต้องรีบก็ได้ครับ" เวนเจียนซ์พลิกตัวมาหาคนที่พยายามปลุกตนอยู่แล้วพึมพำเบาๆเหมือนละเมอ ...
"ยังไงวันนี้คุณก็ได้เป็นกามเทพอยู่แล้ว ไม่ต้องรีบก็ได้..."
fff
ความคิดเห็น