ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Conan x OC สวัสดีโลกโคนัน :) Hello

    ลำดับตอนที่ #9 : สวัสดีโลกโคนัน :) Hello:เคลียร์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.05K
      315
      3 ธ.ค. 63






    รุ่งอรุณในเช้าวันใหม่ของวันหยุดสุดสัปดาห์  ร่างบางของยูกิที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้งกำลังนำลิปปาล์มจรดริมฝีปากตัวเองแล้วเกลี่ยไปทั่ว  เธออยู่ในชุดกางเกงขาสั้นสีดำที่โชว์ขาอ่อนพร้อมสายเชือกที่ถูกผูกเป็นโบว์ตกแต่งบริเวณด้านขวาของกางเกง 


     เสื้อแขนกุดเอวลอยที่คอยโชว์หน้าท้องที่แบนเรียบพร้อมลอนซิคแพ็คอ่อนๆให้ทุกคนได้เชยชมพร้อมสร้อยคอเงินที่มีจี้เป็นรูปผีเสื้อสีม่วงอ่อน นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลมองภาพของตนผ่านเงาสะท้อนบนกระจกตรงหน้าด้วยรอยยิ้มมุมปาก


    วันนี้เธอตั้งใจที่จะไปเคลียเรื่องทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นในอดีตของร่างนี้ก่อนที่จะเข้ามาสิงสู่  ตอนแรกพ่อกับแม่ของร่างนี้กะว่าจะนัดพูดคุยกันที่ร้านอาหารสุดหรูแห่งหนึ่งของใจกลางเมืองและแน่นอนว่าถ้ายูกิตอบตกลงไป  เธอจะต้องมานั่งคอยแต่งหน้าและสวมชุดเดรสหรูหราพวกนั้นแน่ๆ


    เพราะฉะนั้นยูกิจึงพูดเสนอแนะให้พวกเขามาพบกันที่ร้านคาเฟ่ใต้สำนักงานนักสืบแทนซึ่งทีแรกพ่อกับแม่ของเธอก็เอ่ยปฏิเสธกันอย่างทันควันเพราะพวกเขาอยากพาเธอไปกินอาหารหรูๆแทน


    นั่นทำให้ปลายสายอย่างเจ้าของเรือนผมสีขาวสั้นประบ่าอดไม่ได้ที่จะกรอกตามองบนกับประโยคของพวกเขา


    ทั้งๆที่ฝ่ายผู้เป็นพ่อมีอาชีพเกษตรกรรมที่คอยส่งออกผลไม้ไปทั่วประเทศ  แต่กลับไม่ค่อยที่จะอยู่ติดดินเสียเท่าไหร่พอๆกับแม่ที่ทำธุรกิจส่วนตัว  รายนั้นน่ะเป็นหนักกว่าพ่อซะอีก


    สรุปก็คือเพวกเขาก็ต้องยอมตามใจลูกสาวไปในที่สุด  ศึกครั้งนี้ยูกิเป็นฝ่ายชนะ!


    ตรู๊ดดด


    " ว่าไงคะ "  หลังจากกดรับปลายสายเสร็จ  ฉันก็หันมาหวีเส้นผมของตัวเองต่อหน้ากระจกอีกครั้ง


    " ตอนนี้พวกเราแวะซื้อของกันอยู่ที่ห้างจ้ะ อีกยี่สิบนาทีน่าจะได้เจอกัน "  น้ำเสียงของหญิงวัยกลางคนที่มีศักดิ์เป็นมารดากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูร่าเริงเป็นพิเศษเพื่อเอาใจลูกสาวของตน


    ฉันกรอกตามองบนใส่อีกครั้ง  เมื่อคิดว่าพวกเขาน่าจะหาซื้อของมาประจบประแจงใส่แน่ๆจึงพูดประโยคต่อไปด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า


    " หวังว่าจะตรงเวลานะคะ "  พร้อมกดวางสายแล้วโยนโทรศัพท์เรือนสวยลงบนเตียงคิงไซส์


    " แสดงเนียนรึเปล่าเนี่ย "  หลังจากวางสายโทรศัพท์เสร็จฉันก็หันมาหวีผมต่อพร้อมถามคำถามตัวเองออกมาด้วยใบหน้าเนือยๆ  


    เนื่องจากว่าวันที่ฉันตัดสินใจโทรไปหาพวกเขานั้นได้รับน้ำเสียงแรกที่ตอบกลับมาค่อนข้างเป็นครอบครัวที่กดดันลูกพอสมควรจึงลงเอยด้วยระบายความในใจของร่างนี้ออกไปในที่สุดด้วยน้ำเสียงเชิงน้อยใจและโกรธล่ะมั้ง


    เมื่อเหลือบตามองนาฬิกาติดฝาผนังที่กำลังโชว์เลขเด่นหราอยู่กลางห้องว่าใกล้ถึงเวลานัดแล้ว  เสื้อฮู้ดสีชมพูเอวลอยก็ถูกหยิบออกมาสวบทับเสื้อแขนกุดสีดำพร้อมปิดหน้าท้องเพียงเล็กน้อยเท่านั้น


    รองเท้าผ้าใบสีขาวถูกหยิบออกมาจากตู้ใส่สวมทับถุงเท้าสีดำแถบรุ้งต่อ  ก่อนจะยันตัวขึ้นมาเต็มความสูงแล้วเดินออกจากห้องไปในทันทีพร้อมกับกุญแจรถ


    " ขอให้วันนี้ผ่านไปได้ด้วยดีนะคะยูซัง "  ลิลลี่ที่กำลังถือกล่องพัสดุเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มหลังจากที่ร่างบางของคุณหนูของตนเล่าให้ฟังเมื่อไม่นานมานี้


    ยูกิคลี่รอยยิ้มหวานออกมาเป็นสิ่งตอบแทนกับคำอวยพรของลิลลี่พร้อมเอ่ยคำอวยพรเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนออกมา


    " เช่นกันค่ะพี่ลิลลี่ "  แล้วจึงอย่างก้าวออกจากล็อบบี้ของอพาร์ตเมนต์ต่อ


    " ...... "


    ตอนนี้ฉันกำลังประสบปัญหาอย่างแรกของวันนี้ค่ะ  สาเหตุของปัญหานี้คือตัดสินใจไม่ได้ว่าจะขับรถไปร้านปัวโรต์ดีมั้ยเพราะพ่อกับแม่ก็ไม่รับรู้ถึงเรื่องนี้ซะด้วยสิ 


     ตัดสินใจกันไปตัดสินใจกันมาก็ลงเอยที่ฉันกระโดดขึ้นคร่อมเบาะแล้วขับออกไปมาหยุดหน้าร้านปัวโรต์ซะแล้ว


    " อ้าว วันนี้คุณยูกิมาแต่เช้าเลยนะครับ "


    " มีเรื่องให้เคลียนิดหน่อยค่ะ "  ร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีบรอนซ์เงยหน้ากล่าวทักทายพร้อมฉีกยิ้มไปทีนึง  ก่อนจะหันมาสนใจกับสิ่งที่ตัวเองกำลังทำต่อ


    ร่างเล็กของยูกิถือกระเป๋าสะพายข้างสีเหลืองเดินไปนั่งอยู่ตรงโต๊ะติดหน้าต่างเพื่อให้พ่อกับแม่ของตนเห็นตำแหน่งได้ชัดเจนเพราะเธอยังไม่ได้ทานข้าวเช้า  เมนูอาหารของวันนี้จึงลงเอยอยู่ที่ร้านปัวโรต์


    " ขอเป็นแซนวิชแฮมและไข่หวานกับแพนเค้กผลไม้รวมก็แล้วกันค่ะ ส่วนเครื่องดื่มเอาเป็นน้ำชาเขียวเย็น "  อามูโร่หยุดชะงักมือที่กำลังจดออเดอร์ของหญิงสาวขณะเงยหน้ามองร่างเล็กของเธออย่างเหงื่อตก


    สิ่งที่ยูกิสั่งมันมีแค่สามสี่ออเดอร์ก็จริง  แต่แค่แซนวิชแฮมสูตรของเขาก็ปาเข้าไปแล้วสามชิ้นต่อจานและแซนวิชไข่หวานอีกสามชิ้นรวมกันเป็นหกชิ้นพอดี  แพนเค้กของร้านนี้ก็จัดไปตั้งสี่แผ่นต่อจานทำให้จำนวนอาหารเช้าที่ยูกิกินดูจะมากกว่าขนาดตัวซักหน่อย


    ฉันละสายตาจากเมนูอาหารหันไปสนใจชายหนุ่มเจ้าของผมบรอนซ์อย่างคุณอามูโร่ด้วยใบหน้าปลงๆใส่  ดูจากสีหน้าของเขาก็รู้แล้วว่าเจ้าตัวกำลังคิดอะไรอยู่


    " คงไม่ได้คิดว่าฉันกินเยอะไปใช่มั้ยคะ "


    " ปะ-เปล่าครับ "  ร่างสูงตอบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก  ถ้าเขาบอกว่าเธอกินเยอะไปมีหวังได้รับสายตาดุๆตอบกลับมาเป็นแน่


    ยูกิยังคงนั่งเท้าคางฉีกยิ้มหวานที่มีออร่าสีดำเป็นฉากหลังประกอบให้ร่างสูงอยู่ที่เดิมไม่เปลี่ยนท่าทางที่ต่างจากตอนแรกเสียเท่าไหร่


    ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีบรอนซ์กลืนน้ำลายไปอึกใหญ่แล้วจึงย่างก้าวเดินกลับเข้าไปทางเคาเตอร์เพื่อทำเมนูอาหารตามที่ร่างบางสั่งไว้


    " :) "  รอยยิ้มบิดเบี้ยวถูกคลายออกพร้อมกับเสียงหัวเราะอย่างขบขันยามที่ฉันเห็นท่าทางกลืนน้ำลายไปอึกใหญ่ของเขา  


    โถๆ  พ่อคนน่าสงสารนี่นึกเอ็นดูหรอกนะถึงได้แกล้งแสดงไปแบบนี้น่ะ  ถ้าไม่ติดว่านายมีลักษณะคล้ายสุนัขพันธุ์โกลเด้นแล้วล่ะก็บางทีฉันอาจจะแกล้งหนักกว่านี้ก็ได้


    " นึกๆดูแล้ว....ก็ชักจะคิดถึงพ่อแม่ทางนั้นเหมือนกันแฮะ "  ภาพในหัวของฉันตอนนี้คือใบหน้าของชายหญิงวัยกลางคนทั้งสองคนที่มีใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มในสมัยเด็กและวัยต่างๆที่ยังคงประดับไปด้วยรอยยิ้มคงเดิม


    ไม่รู้ว่าฉันนึกถึงพ่อแม่ของตนในโลกเดิมไปนานแค่ไหน  รู้ตัวอีกทีก็รู้สึกถึงหยดน้ำตาที่หล่นลงมากระทบกับหลังมือที่วางคว่ำอยู่บนโต๊ะ


    ฉันพะงักไปเล็กน้อยแล้วรีบยกฝ่ามือขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่คลอเบ้าอย่างลวกๆในขณะที่มืออีกข้างคอยควานหาผ้าเช็ดหน้าที่ถูกปักลายเป็นตัวอักษรย่อในกระเป๋าสะพายข้างสีเหลือง


    " รายการที่สั่งไว้ได้แล้วนะครับ "  น้ำเสียงทุ้มที่ดังขึ้นข้างกายโดยไม่รู้ตัว  ทำเอาฉันตกใจแทบสะดุ้งคล้ายกับกระต่ายตื่นตูม


    เมื่อตวัดตาหันมามองต้นตอของเสียงก็พบเข้ากับใบหน้าของคุณอามูโร่ที่ฉีกยิ้มกว้างจนตาหยี  เขาหยิบจานที่มีแซนวิชทั้งสองใส้อยู่ด้านบนวางลงบนโต๊ะไม้อย่างปราณีต  ตบท้ายด้วยชาเขียวเย็นแก้วโต


    ฉันเอื้อมมือไปคว้าแก้วชาเขียวแล้วงับหลอดดูดดื่มทันทีเพื่อแก้อาการที่สะดุ้งเมื่อครู่อย่างไร้หนทาง  เสียงครูดของเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเรียกสติให้ฉันเงยหน้ามองเขาที่ถือวิสาสะนั่งลงโต๊ะเดียวกันด้วยความสงสัยและมึนงง


    อามูโร่ยังคงฉีกยิ้มตามฉบับของเจ้าตัวพร้อมลืมตาเหลือบมองดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลของยูกิที่ดูแดงๆ  ก่อนจะเอ่ยประโยคต่อไปด้วยน้ำเสียงแสดงความเป็นห่วงว่า


    " คุณยูกิร้องไห้ทำไมเหรอครับ "  


    " ค่อก-แค่กๆๆ "  ฉับพลันฉันก็สำลักน้ำชาเขียวเย็นที่ดื่มเข้าไปจนหน้าดำหน้าแดงต้องลำบากคุณอามูโร่หยิบกระดาษทิชชู่มาให้อย่างลนลาน


    ยูกิรับกระดาษทิชชู่จากร่างสูงมาเช็ดริมฝีปากของตัวเองอย่างลวกๆระหว่างไอสำลักออกมา  พอเช็ดปากเสร็จเธอก็ต้องมาอยู่ในภวังค์ของคำถามที่อามูโร่ถามมาก่อนหน้านี้


    " เอ่อ...คือ "


    " ว่าไงครับ "  อามูโร่เอ่ยย่างต้องการคำตอบจากร่างบางตรงหน้าที่แสดงท่าทีกระอักกระอวน  


    เขาพ่นลมหายใจออกมาดังเฮือกใหญ่ขณะเอนหลังพิงเก้าอี้ด้วยท่าทีสบายๆต่างจากหญิงสาวผมสั้นประบ่าผู้เป็นเจ้าของโต๊ะในตอนนี้


    " ไม่ต้องตอบก็ได้ครับ ถ้าคุณยูกิไม่สะบายใจ "


    " ค่ะ "  กล่าวจบเธอก็ก้มลงคว้าแซนวิชใส้แฮมตรงหน้ามากัดเข้าไปคำนึงด้วยความหิวโหยและพยายามที่จะหาทางออกจากคนตรงหน้าที่จ้องมองอย่างไม่วางตาจนรู้สึกอึดอัด


    " ...... "


    " ไม่ไปทำกิจของตัวเองต่อเหรอคะ "  ยูกิถามอย่างสงสัยระหว่างเหลือบตามองจานใบใหญ่ที่บรรจุแซนวิชอยู่หลายชิ้นหลายใส้


    อามูโร่แค้นยิ้มออกมาเพียงเล็กน้อย  ก่อนที่จะยืนขึ้นเต็มความสูงแล้วย่างก้าวเข้าไปทางเคาเตอร์ของร้าน  แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะเอ่ยประโยคทิ้งท้ายทำเอายูกิมองตาค้างด้วยความงงงวย


    " มื้อนี้ผมเลี้ยงก็แล้วกันครับ ถือซะว่าเป็นการทำความรู้จักก็แล้วกัน "


    " อะไรของเขาวะ(==) "  จากนั้นฉันก็กัดเข้าไปที่แซนวิชแฮมในมือขณะมองตามหลังคุณอามูโร่


    เวลาผ่านไปไม่กี่นาทีต่อมา  เสียงกระดิ่งสีทองของร้านปัวโรต์ก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงหวานของอาซึสะที่เอ่ยต้อนรับลูกค้าของตนด้วยรอยยิ้มสดใส


    ร่างของผู้ใหญ่ชายหญิงทั้งสองคนที่มีใบหน้าดูอ่อนกว่าวัยกวาดตามองไปทั่วร้าน  ก่อนจะไปสะดุดกับร่างของหญิงสาวคนหนึ่งที่มีเรือนผมสีขาวสั้นประบ่านั่งไขว้ห้างไถโทรศัพท์เรือนสวยในมือ


    ตึก


    ตึก


    ตึก


    " ....... "  นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลของยูกิเหลือบมองร่างของชายหญิงทั้งสองคนที่เดินตรงเข้ามาหาด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง


    ฝ่ายชายผู้เป็นเจ้าของเส้นผมสีดำรัตติกาลประกอบกับดวงตาสีแดงสดและรอยแผลเป็นแนวขวางบริเวณแก้มที่ดูน่ากลัวแต่ก็มีเสน่ห์ในแบบของมัน  เขาอยู่ในชุดสูทสีครีมกางเกงดำเหมือนกับกำลังไปทำงานหรือร่วมงานอะไรบางอย่าง


    ข้างกายของชายคนนี้มีหญิงวัยกลางคนอายุราวๆสี่สิบกว่าปีแต่กลับมีใบหน้าที่ดูอ่อนไว  เธออยู่ในชุดคอเต่ารัดรูปสีม่วงมังคุดพร้อมมีเสื้อสูทสีครีมคลุมไหล่ทั้งสองข้างที่ดูเป็นสไตล์ของเจ้าตัวประกอบกับกระโปรงทรงเอสีดำ  


    ดวงตาสีน้ำเงินไพลินและสีแดงสดมองหญิงสาวตรงหน้าที่กำลังนั่งถอนหายใจออกมาอย่างปลงตกกับการแต่งกายของพวกเขา  ถุงสีขาวที่มีตราแบรนด์สินค้าบางอยู่ถูกวางลงต่อหน้ายูกิพร้อมกับร่างของพวกเขาที่นั่งลงตรงข้ามกับเธอ


    " เปิดดูสิ ถือว่าเป็นของขวัญการพบเจอครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา "  เสียงทุ้มของชายฝั่งตรงข้ามที่เปิดบทสนทนาแรกของพวกเขากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่สุขุมแต่อ่อนโยน


    " ขอบคุณค่ะ "  สิ้นเสียงของร่างบาง  เธอก็ลงมือเปิดดูของข้างในตรงหน้าทันที


    กำไลแพนโดร่าที่ผู้คนต่างรู้จักกันไปทั่วโลกที่มีลายเป็นเอกลักษณ์และคาดว่าน่าจะเป็นลายเพียงชิ้นเดียวในโลกอยู่ในกล่องสีขาวที่ดูเรียบหรู  


    กำไลสีเงินพร้อมจี้ตกแต่งสีเงินและสีฟ้าอย่างสวยงามที่มีชิ้นส่วนไม่เยอะจนเกินไป  สิ่งที่เด่นที่สุดในสายตาของยูกิคงจะเป็นจี้รูปเกล็ดหิมะสีฟ้าใสราวกับน้ำแข็งที่พอคล้องจองกับชื่อของเธอ


    " หวังว่าจะชอบนะจ๊ะ "  หญิงสาววัยกลางคนกล่าวออกมาระหว่างมองการกระทำของยูกิ


    " สวยดีค่ะ "  คำเอ่ยชมถูกกล่าวออกไประหว่างที่ฉันเก็บกำไลตัวนี้ลงกล่อง  ก่อนจะเงยหน้ามองบุคคลทั้งสองที่มีศักดิ์เป็นบิดาและมารดาพร้อมตั้งคำถามว่า


    " แน่ใจนะคะว่านี่คือชุดที่สบายๆของพวกคุณ "  ดูแล้วน่าจะร้อนพอตัวถ้าใส่อยู่ด้านนอกที่มีอากาศแดดส่องขนาดนี้


    " พ่อว่าพวกเราไปคุยกันที่ร้านอาหารหรูๆแถวนี้ดีกว่านะ ว่างั้นมั้ยคุณ "  เขาเอ่ยออกมาระหว่างมองบรรยากาศรอบๆร้านแล้วจึงหันไปถามความคิดเห็นจากภรรยา


    " ฉันก็ว่างั้นค่ะที่นี่มันทำให้ฉันรู้สึกอึดอัด "


    ฉันพ่นลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิดกับบทสนทนาของพวกเขาที่ดูจะมีนิสัยไม่ชอบการติดดินและยังแสดงสีหน้าออกมาอย่างชัดเจนว่าอึดอัด


    " ถ้าพวกคุณรับไม่ได้ที่จะคุยกันในร้านแบบนี้ก็เชิญออกไปยังร้านหรูๆที่พวกคุณต้องการได้นะ "  ไม่ว่าเปล่าฉันก็ทำท่าประกอบพร้อมเชิดหน้าใส่ไปทางประตูของร้าน


    " ....... "


    " เข้าเรื่องกันดีกว่า อ้อ ต้องขอบคุณสำหรับของขวัญนะคะแต่หนูคงรับไว้ไม่ได้หรอก "  พร้อมดันกล่องแพนโดร่า


    " ...... "  พ่อแม่ของเธอยังนิ่งเงียบในขณะที่เธอเอนหลังพิงเก้าอี้


    " หนูไม่อยากให้พวกคุณคาดหวังและคอยบงการชีวิตหนูอีกแล้ว  ตลอดสิบเจ็ดปีที่ผ่านมาหนูทำตามสิ่งที่พวกคุณต้องการแล้ว... "  ฉันเว้นช่วงไประยะหนึ่งระหว่างมองปฏิกิริยาของพวกเขาแล้วเอ่ยต่อว่า


    " พอใจยังคะ? "  พร้อมเอียงคอและเบิกตาโตราวกับนกฮูกที่ดูจะกวนประสาทนิดหน่อย


    ก็นิสัยประจำตัวหนิเนอะ


    " ตั้งแต่ลูกหนีออกจากบ้าน...ลูกมีความสุขมั้ย "  กาคุรุ  เอมโวด้าหญิงสาววัยกลางคนที่เป็นลูกครึ่งและมีศักดิ์เป็นแม่ของร่างบางเอ่ยถามขณะเม้มริมฝีปากเข้าหากันจนแน่น  


    เธอไม่ได้สบตากับยูกิขณะถามเพราะความละอายใจของตัวเองที่กระทำกับยูกิสมัยที่เธอยังเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ  เธอกับสามีมีหน้ามีตาของสังคมเพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งก็ย่อมมาจากลูกสาวของพวกเขาที่มีความสามารถอันหลากหลาย


    เพราะคำชมของคนอื่นที่ทำให้พวกเขารู้สึกกลายเป็นคนที่น่ายกย่องเพิ่มขึ้น  เอมโวด้าจึงเลือกที่จะบังคับลูกสาวของตนให้ฝึกทุกย่างตามที่เธอเป็นคนบงการอยู่ข้างหน้า


    หญิงสาวผมยาวถึงกลางหลังและเป็นเจ้าของเส้นผมสีน้ำตาลแดงที่มีรูปร่างผอมแห้งและมีสีหน้าที่เรียบนิ่งแต่ก่อนนั่นคืออดีต  ตอนนี้หญิงสาวคนนั้นกลับมีเส้นผมสีขาวราวหิมะและรูปร่างที่ดูมีน้ำมีนวลเพิ่มมากขึ้นประกอบกับนิสัยที่ดูต่างกันราวฟ้ากับเหว


    ยูกิมองมารดาของตนที่ตอบไม่ตรงคำถามและยังถามเธอกลับด้วยบรรยากาศที่น่าหดหู่  แต่เธอก็ยังคงจะแสดงสีหน้าเรียบนิ่งระหว่างตอบคำถามของเอมโวด้า


    " มีมากกว่าซะอีกค่ะ "


    " นั่นสินะ "  เอมโวด้ายิ้มอย่างเย้ยหยันตัวเอง


    " หนูหวังว่าพวกเราจะมีโอกาสเป็นครอบครัวสุขสันต์นะคะและก็เลิกเถอะค่ะนิสัยแยกชนชั้นพวกนี้ บางทีการอยู่ติดดินเหมือนกับคุณปู่ก็ดีนะคะ "  ฉันยังมีหวังใช่มั้ยว่าพวกเราจะได้เป็นครอบครัวที่มีความสุขกันทุกฝ่าย


    กาคุรุ คาสึโอะหลับตายิ้มออกมาอย่างเต็มใจ  ถูกของยูกิที่พูดออกมาเพราะพวกเขาบงการชีวิตเธอมานานพอแล้ว  บางทีอาจถึงเวลาที่พวกเขาต้องปล่อยให้ลูกตัวเองเป็นอิสระซะบ้าง


    ในฐานะที่เขาเป็นพ่อ  เขาก็อยากทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุดเช่นกัน


    " เข้าใจแล้ว พ่อกับแม่จะพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อครอบครัวของเรานะ "  


    " ....... "  ทำไมฉันรู้สึกแปลกๆกับประโยคนี้กันนะ


    " พ่อกับแม่คงต้องขอตัวกลับก่อน อ้อ เราเอาผลไม้กับของกินที่ซื้อมาอยู่บนรถนะ "


    " วางไว้หน้าร้านก็ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูออกไปเอาเอง "  


    " พวกเรายังคงโทรหาลูกได้อยู่ใช่มั้ย "  เอมโวด้าถามอย่างมีความหวัง


    " อื้ม ^^ "  ฉันส่งเสียงตอบรับอีกฝ่ายพร้อมเผยรอยยิ้มให้หล่อนเห็นหลังจากที่ตัวเองนั่งหน้าบึ้งมาทั้งวัน


    คาสึโอะและเอมโวด้ายิ้มตอบกลับลูกสาวของตนอย่างสดใสเสมือนพึ่งยกภูเขาออกจากอกไปไม่นาน  ก่อนที่คาสึโอะจะเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างบนหน้าของลูกสาวทำเอายูกิหน้ามุ่ยและเขินอายเลย


    " เศษแฮมเลอะปากลูกแหนะ "


    " พ่อ!!! "


    " ฮ่าๆๆ ไปละดูแลตัวเองดีๆด้วย " 


    " เชอะ! "  ฉันทำหน้าบึ้งใส่ตามหลังของพ่อกับแม่อย่างประชดประชันระหว่างเช็ดปากไปพราง


    จากนั้นก็เหลือบไปเห็นกล่องแพนโดร่าที่วางอยู่บนโต๊ะ ก่อนจะเปิดกล่องดูอีกครั้งด้วยความลุ่มหลงก็เพราะว่าฉันชอบเครื่องประดับของแบรนด์นี้จนยกเป็นเดอะเบสในดวงใจน่ะสิ


    " ไหนๆก็ซื้อมาแล้ว ถ้าไม่ใส่คงเสียดายแย่ "  คิดได้ดังนั้น  ฉันก็เปิดกล่องสีขาวออกเผยให้เห็นกำไลที่มีจี้น่ารักๆตกแต่งเป็นธีมเงินฟ้าจนดูเหมือนว่าสีฟ้าจะเป็นสีประจำตัวของฉันแล้วมั้ง


    จนดูเหมือสีฟ้าจะเป็นธีมโคนันไปด้วยแล้วล่ะมั้ง(==)


    หญิงสาวเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้ายืนขึ้นเต็มความสูงหลังจากจ่ายเงินเสร็จแล้วจึงย่างก้าวเดินออกจากร้านพร้อมกับถุงแบรนด์สีขาวในกำมือ


    " โห ถ้าจะเยอะขนาดนี้นะน่าจะบอกให้ไปส่งอยู่อพาร์ทเม้นท์อ่ะ "


    กล่องลังขนาดกลางจำนวนสามกล่องพร้อมกับถุงพลาสติกที่มีขนมนมเนยอีกหนึ่งถุงวางซ้อนกันทำให้ยูกิมองอย่างเอือมๆใส่  เธอย่อตัวลงเพื่อจะดูว่าด้านในลังบรรจุอะไรไว้ 


    " พีช ลังนี้ก็มะม่วง ส่วนลังนี้ก็...สตรอเบอร์รี่? "  


    หญิงสาวเสยผมสั้นประบ่าของตนอย่างทำใจ  ก่อนจะยกกล่องลังขึ้นมาสองกล่องไว้ในมือพอดีกับร่างของชายหนุ่มที่เดินลงมาจากสำนักงานนักสืบแล้วมองของพวกนี้


    " ของคุณยูกิหมดเลยเหรอครับ? "


    " ค่ะ พอดีพ่อกับแม่ส่งผลไม้มาให้ ว่าแต่คุณอามูโร่กับพวกรันจะไปไหนงั้นเหรอ "  ยูกิเอ่ยถามเมื่อสายตาปะทะร่างของหญิงสาวเรือนผมสีน้ำตาลกับโมริที่เดินล้วงกระเป๋าลงมาพร้อมกับเด็กผีอย่างโคนัน


    ถึงแม้ว่าเธอจะเอ่ยถามรัน  แต่ดวงตาของเธอกลับจ้องมองร่างของเด็กชายสวมแว่นพร้อมเหยียดยิ้มขึ้นเสมือนเป็นการทักทาย


    น่าเอ็นดูอ่ะ!!!


    อนิจจาที่ยอดนักสืบในร่างเด็กกลับมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความแค้นเคืองใส่อีกฝ่าย  เขายังไม่ลืมวันที่เธอแกล้งเขาหรอกนะ!


    " พวกเราจะไปร้านโคลัมโบตามที่ลูกค้านัดน่ะ ไปด้วยกันมั้ย "  รันถามยูกิอย่างยิ้มๆ  ขณะที่ยูกิเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย


    " น่าจะไม่ทันละมั้งเพราะฉันต้องขนลังพวกนี้กลับไปอพาร์ทเม้นท์ อ้อ! ฉันขนคนเดียวได้นะ "  เธอดักทางอีกฝ่ายอย่างรู้ทัน


    พอดีกับร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีบรอนซ์เดินออกมาพร้อมกับชุดใหม่ที่สวมทับชุดก่อนหน้านี้  ยูกิจึงเลือกที่จะเอ่ยลาพวกเขาและมองตามหลังทั้งสี่คนที่เดินห่างออกไปจนลับสายตาในที่สุด


    เธอเงยหน้ามองท้องฟ้าอยู่ชั่วครู่แล้วจึงก้าวเท้าเข้าไปในซอยที่มืดเนื่องจากเงาของตัวอาคารที่กระทบลงมา  แค่เพียงสามก้าวเท่านั้นหญิงสาวต้องชะงักตัวลงเนื่องจากสายตาของเธอเหลือบไปเห็นร่างดำๆของบุคคลหนึ่งกำลังยืนหันหลังให้อยู่


    ร่างของบุคคลที่ไม่สามารถระบุเพศได้เพราะสิ่งที่เธอเห็นมันไม่ต่างจากอนาโตมี่ที่ฝึกวาดรูปอยู่บ่อยๆจนยูกิแอบตกใจพร้อมวางกล่องแล้วขยี้ตาดูอีกครั้ง


    " อ่าาา ทำไมฉันถึงเห็นคนร้ายเป็นร่างฮันซาวะกันนะ "  แทนที่ฉันจะเห็นเป็นร่างของคนทั่วไป  แต่กลับกลายเป็นร่างดำๆของพวกตัวร้ายไปได้

    .

    .

    .

    .

    .

    เอ๊ะ  เดี๋ยวนะ


    แสดงว่ามันจะเกิดคดีขึ้นในตอนนี้น่ะสิ!


    " ต้องรีบเอาของไปเก็บซะแล้ว! " ฉันจะได้ร่วมคดีแล้ว


    หญิงสาวนึกอย่างตื่นเต้นจึงก้มลงเก็บลังมาถือในมือพร้อมสับเท้าเข้าไปยังซอยตรงหน้าที่มีร่างของคนร้ายในตอนนี้ยืนอยู่เพราะเป็นทางผ่านสำหรับเธอเอง


    เมื่อหญิงสาวเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าเดินเข้าไปใกล้ระยะของร่างฮันซาวะในเรื่องโคนันที่มักพบได้บ่อย  อยู่ๆก็มีแสงของดวงอาทิตย์ส่องลงมาทำให้ยูกิเห็นร่างหญิงสาวผู้มีผมสั้นสีดำกำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่แทนร่างฮันซาวะก่อนหน้านี้


    " นี่พี่สาว..... "  


    หญิงสาวปริศนาสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจกับเสียงหวานของยูกิที่เอ่ยออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว  เธอมองหลังร่างบางที่ไม่เห็นหน้ายกลังจำนวนสองลังไว้ในมือและเรือนผมสีขาวสว่าง


    ยูกิแอบคลี่ยิ้มอย่างลับหลังเสมือนกำลังเห็นเรื่องสนุกๆเกิดขึ้นแล้วจึงกล่าวประโยคต่อไปว่า


    " ระวังจะซีโร่เอานะคะ "  พร้อมเดินออกไปในทันที


    ปล่อยให้หญิงสาวปริศนามองตามแผ่นหลังของร่างบางด้วยความกระวนกระวาย  ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นร่างชายฉกรรจ์ผู้เป็นเป้าหมายกำลังเดินมาทำให้เธอต้องรีบวิ่งขึ้นไปยังตัวสำนักงานนักสืบทันที  จนหลงลืมหญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีขาวคนนั้น












    SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×