คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : สวัสดีโลกโคนัน :) Hello:เคลียร์
รุ่งอรุณในเช้าวันใหม่ของวันหยุดสุดสัปดาห์ ร่างบางของยูกิที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้งกำลังนำลิปปาล์มจรดริมฝีปากตัวเองแล้วเกลี่ยไปทั่ว เธออยู่ในชุดกางเกงขาสั้นสีดำที่โชว์ขาอ่อนพร้อมสายเชือกที่ถูกผูกเป็นโบว์ตกแต่งบริเวณด้านขวาของกางเกง
เสื้อแขนกุดเอวลอยที่คอยโชว์หน้าท้องที่แบนเรียบพร้อมลอนซิคแพ็คอ่อนๆให้ทุกคนได้เชยชมพร้อมสร้อยคอเงินที่มีจี้เป็นรูปผีเสื้อสีม่วงอ่อน นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลมองภาพของตนผ่านเงาสะท้อนบนกระจกตรงหน้าด้วยรอยยิ้มมุมปาก
วันนี้เธอตั้งใจที่จะไปเคลียเรื่องทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นในอดีตของร่างนี้ก่อนที่จะเข้ามาสิงสู่ ตอนแรกพ่อกับแม่ของร่างนี้กะว่าจะนัดพูดคุยกันที่ร้านอาหารสุดหรูแห่งหนึ่งของใจกลางเมืองและแน่นอนว่าถ้ายูกิตอบตกลงไป เธอจะต้องมานั่งคอยแต่งหน้าและสวมชุดเดรสหรูหราพวกนั้นแน่ๆ
เพราะฉะนั้นยูกิจึงพูดเสนอแนะให้พวกเขามาพบกันที่ร้านคาเฟ่ใต้สำนักงานนักสืบแทนซึ่งทีแรกพ่อกับแม่ของเธอก็เอ่ยปฏิเสธกันอย่างทันควันเพราะพวกเขาอยากพาเธอไปกินอาหารหรูๆแทน
นั่นทำให้ปลายสายอย่างเจ้าของเรือนผมสีขาวสั้นประบ่าอดไม่ได้ที่จะกรอกตามองบนกับประโยคของพวกเขา
ทั้งๆที่ฝ่ายผู้เป็นพ่อมีอาชีพเกษตรกรรมที่คอยส่งออกผลไม้ไปทั่วประเทศ แต่กลับไม่ค่อยที่จะอยู่ติดดินเสียเท่าไหร่พอๆกับแม่ที่ทำธุรกิจส่วนตัว รายนั้นน่ะเป็นหนักกว่าพ่อซะอีก
สรุปก็คือเพวกเขาก็ต้องยอมตามใจลูกสาวไปในที่สุด ศึกครั้งนี้ยูกิเป็นฝ่ายชนะ!
ตรู๊ดดด
" ว่าไงคะ " หลังจากกดรับปลายสายเสร็จ ฉันก็หันมาหวีเส้นผมของตัวเองต่อหน้ากระจกอีกครั้ง
" ตอนนี้พวกเราแวะซื้อของกันอยู่ที่ห้างจ้ะ อีกยี่สิบนาทีน่าจะได้เจอกัน " น้ำเสียงของหญิงวัยกลางคนที่มีศักดิ์เป็นมารดากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูร่าเริงเป็นพิเศษเพื่อเอาใจลูกสาวของตน
ฉันกรอกตามองบนใส่อีกครั้ง เมื่อคิดว่าพวกเขาน่าจะหาซื้อของมาประจบประแจงใส่แน่ๆจึงพูดประโยคต่อไปด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า
" หวังว่าจะตรงเวลานะคะ " พร้อมกดวางสายแล้วโยนโทรศัพท์เรือนสวยลงบนเตียงคิงไซส์
" แสดงเนียนรึเปล่าเนี่ย " หลังจากวางสายโทรศัพท์เสร็จฉันก็หันมาหวีผมต่อพร้อมถามคำถามตัวเองออกมาด้วยใบหน้าเนือยๆ
เนื่องจากว่าวันที่ฉันตัดสินใจโทรไปหาพวกเขานั้นได้รับน้ำเสียงแรกที่ตอบกลับมาค่อนข้างเป็นครอบครัวที่กดดันลูกพอสมควรจึงลงเอยด้วยระบายความในใจของร่างนี้ออกไปในที่สุดด้วยน้ำเสียงเชิงน้อยใจและโกรธล่ะมั้ง
เมื่อเหลือบตามองนาฬิกาติดฝาผนังที่กำลังโชว์เลขเด่นหราอยู่กลางห้องว่าใกล้ถึงเวลานัดแล้ว เสื้อฮู้ดสีชมพูเอวลอยก็ถูกหยิบออกมาสวบทับเสื้อแขนกุดสีดำพร้อมปิดหน้าท้องเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
รองเท้าผ้าใบสีขาวถูกหยิบออกมาจากตู้ใส่สวมทับถุงเท้าสีดำแถบรุ้งต่อ ก่อนจะยันตัวขึ้นมาเต็มความสูงแล้วเดินออกจากห้องไปในทันทีพร้อมกับกุญแจรถ
" ขอให้วันนี้ผ่านไปได้ด้วยดีนะคะยูซัง " ลิลลี่ที่กำลังถือกล่องพัสดุเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มหลังจากที่ร่างบางของคุณหนูของตนเล่าให้ฟังเมื่อไม่นานมานี้
ยูกิคลี่รอยยิ้มหวานออกมาเป็นสิ่งตอบแทนกับคำอวยพรของลิลลี่พร้อมเอ่ยคำอวยพรเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนออกมา
" เช่นกันค่ะพี่ลิลลี่ " แล้วจึงอย่างก้าวออกจากล็อบบี้ของอพาร์ตเมนต์ต่อ
" ...... "
ตอนนี้ฉันกำลังประสบปัญหาอย่างแรกของวันนี้ค่ะ สาเหตุของปัญหานี้คือตัดสินใจไม่ได้ว่าจะขับรถไปร้านปัวโรต์ดีมั้ยเพราะพ่อกับแม่ก็ไม่รับรู้ถึงเรื่องนี้ซะด้วยสิ
ตัดสินใจกันไปตัดสินใจกันมาก็ลงเอยที่ฉันกระโดดขึ้นคร่อมเบาะแล้วขับออกไปมาหยุดหน้าร้านปัวโรต์ซะแล้ว
" อ้าว วันนี้คุณยูกิมาแต่เช้าเลยนะครับ "
" มีเรื่องให้เคลียนิดหน่อยค่ะ " ร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีบรอนซ์เงยหน้ากล่าวทักทายพร้อมฉีกยิ้มไปทีนึง ก่อนจะหันมาสนใจกับสิ่งที่ตัวเองกำลังทำต่อ
ร่างเล็กของยูกิถือกระเป๋าสะพายข้างสีเหลืองเดินไปนั่งอยู่ตรงโต๊ะติดหน้าต่างเพื่อให้พ่อกับแม่ของตนเห็นตำแหน่งได้ชัดเจนเพราะเธอยังไม่ได้ทานข้าวเช้า เมนูอาหารของวันนี้จึงลงเอยอยู่ที่ร้านปัวโรต์
" ขอเป็นแซนวิชแฮมและไข่หวานกับแพนเค้กผลไม้รวมก็แล้วกันค่ะ ส่วนเครื่องดื่มเอาเป็นน้ำชาเขียวเย็น " อามูโร่หยุดชะงักมือที่กำลังจดออเดอร์ของหญิงสาวขณะเงยหน้ามองร่างเล็กของเธออย่างเหงื่อตก
สิ่งที่ยูกิสั่งมันมีแค่สามสี่ออเดอร์ก็จริง แต่แค่แซนวิชแฮมสูตรของเขาก็ปาเข้าไปแล้วสามชิ้นต่อจานและแซนวิชไข่หวานอีกสามชิ้นรวมกันเป็นหกชิ้นพอดี แพนเค้กของร้านนี้ก็จัดไปตั้งสี่แผ่นต่อจานทำให้จำนวนอาหารเช้าที่ยูกิกินดูจะมากกว่าขนาดตัวซักหน่อย
ฉันละสายตาจากเมนูอาหารหันไปสนใจชายหนุ่มเจ้าของผมบรอนซ์อย่างคุณอามูโร่ด้วยใบหน้าปลงๆใส่ ดูจากสีหน้าของเขาก็รู้แล้วว่าเจ้าตัวกำลังคิดอะไรอยู่
" คงไม่ได้คิดว่าฉันกินเยอะไปใช่มั้ยคะ "
" ปะ-เปล่าครับ " ร่างสูงตอบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ถ้าเขาบอกว่าเธอกินเยอะไปมีหวังได้รับสายตาดุๆตอบกลับมาเป็นแน่
ยูกิยังคงนั่งเท้าคางฉีกยิ้มหวานที่มีออร่าสีดำเป็นฉากหลังประกอบให้ร่างสูงอยู่ที่เดิมไม่เปลี่ยนท่าทางที่ต่างจากตอนแรกเสียเท่าไหร่
ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีบรอนซ์กลืนน้ำลายไปอึกใหญ่แล้วจึงย่างก้าวเดินกลับเข้าไปทางเคาเตอร์เพื่อทำเมนูอาหารตามที่ร่างบางสั่งไว้
" :) " รอยยิ้มบิดเบี้ยวถูกคลายออกพร้อมกับเสียงหัวเราะอย่างขบขันยามที่ฉันเห็นท่าทางกลืนน้ำลายไปอึกใหญ่ของเขา
โถๆ พ่อคนน่าสงสารนี่นึกเอ็นดูหรอกนะถึงได้แกล้งแสดงไปแบบนี้น่ะ ถ้าไม่ติดว่านายมีลักษณะคล้ายสุนัขพันธุ์โกลเด้นแล้วล่ะก็บางทีฉันอาจจะแกล้งหนักกว่านี้ก็ได้
" นึกๆดูแล้ว....ก็ชักจะคิดถึงพ่อแม่ทางนั้นเหมือนกันแฮะ " ภาพในหัวของฉันตอนนี้คือใบหน้าของชายหญิงวัยกลางคนทั้งสองคนที่มีใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มในสมัยเด็กและวัยต่างๆที่ยังคงประดับไปด้วยรอยยิ้มคงเดิม
ไม่รู้ว่าฉันนึกถึงพ่อแม่ของตนในโลกเดิมไปนานแค่ไหน รู้ตัวอีกทีก็รู้สึกถึงหยดน้ำตาที่หล่นลงมากระทบกับหลังมือที่วางคว่ำอยู่บนโต๊ะ
ฉันพะงักไปเล็กน้อยแล้วรีบยกฝ่ามือขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่คลอเบ้าอย่างลวกๆในขณะที่มืออีกข้างคอยควานหาผ้าเช็ดหน้าที่ถูกปักลายเป็นตัวอักษรย่อในกระเป๋าสะพายข้างสีเหลือง
" รายการที่สั่งไว้ได้แล้วนะครับ " น้ำเสียงทุ้มที่ดังขึ้นข้างกายโดยไม่รู้ตัว ทำเอาฉันตกใจแทบสะดุ้งคล้ายกับกระต่ายตื่นตูม
เมื่อตวัดตาหันมามองต้นตอของเสียงก็พบเข้ากับใบหน้าของคุณอามูโร่ที่ฉีกยิ้มกว้างจนตาหยี เขาหยิบจานที่มีแซนวิชทั้งสองใส้อยู่ด้านบนวางลงบนโต๊ะไม้อย่างปราณีต ตบท้ายด้วยชาเขียวเย็นแก้วโต
ฉันเอื้อมมือไปคว้าแก้วชาเขียวแล้วงับหลอดดูดดื่มทันทีเพื่อแก้อาการที่สะดุ้งเมื่อครู่อย่างไร้หนทาง เสียงครูดของเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเรียกสติให้ฉันเงยหน้ามองเขาที่ถือวิสาสะนั่งลงโต๊ะเดียวกันด้วยความสงสัยและมึนงง
อามูโร่ยังคงฉีกยิ้มตามฉบับของเจ้าตัวพร้อมลืมตาเหลือบมองดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลของยูกิที่ดูแดงๆ ก่อนจะเอ่ยประโยคต่อไปด้วยน้ำเสียงแสดงความเป็นห่วงว่า
" คุณยูกิร้องไห้ทำไมเหรอครับ "
" ค่อก-แค่กๆๆ " ฉับพลันฉันก็สำลักน้ำชาเขียวเย็นที่ดื่มเข้าไปจนหน้าดำหน้าแดงต้องลำบากคุณอามูโร่หยิบกระดาษทิชชู่มาให้อย่างลนลาน
ยูกิรับกระดาษทิชชู่จากร่างสูงมาเช็ดริมฝีปากของตัวเองอย่างลวกๆระหว่างไอสำลักออกมา พอเช็ดปากเสร็จเธอก็ต้องมาอยู่ในภวังค์ของคำถามที่อามูโร่ถามมาก่อนหน้านี้
" เอ่อ...คือ "
" ว่าไงครับ " อามูโร่เอ่ยย่างต้องการคำตอบจากร่างบางตรงหน้าที่แสดงท่าทีกระอักกระอวน
เขาพ่นลมหายใจออกมาดังเฮือกใหญ่ขณะเอนหลังพิงเก้าอี้ด้วยท่าทีสบายๆต่างจากหญิงสาวผมสั้นประบ่าผู้เป็นเจ้าของโต๊ะในตอนนี้
" ไม่ต้องตอบก็ได้ครับ ถ้าคุณยูกิไม่สะบายใจ "
" ค่ะ " กล่าวจบเธอก็ก้มลงคว้าแซนวิชใส้แฮมตรงหน้ามากัดเข้าไปคำนึงด้วยความหิวโหยและพยายามที่จะหาทางออกจากคนตรงหน้าที่จ้องมองอย่างไม่วางตาจนรู้สึกอึดอัด
" ...... "
" ไม่ไปทำกิจของตัวเองต่อเหรอคะ " ยูกิถามอย่างสงสัยระหว่างเหลือบตามองจานใบใหญ่ที่บรรจุแซนวิชอยู่หลายชิ้นหลายใส้
อามูโร่แค้นยิ้มออกมาเพียงเล็กน้อย ก่อนที่จะยืนขึ้นเต็มความสูงแล้วย่างก้าวเข้าไปทางเคาเตอร์ของร้าน แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะเอ่ยประโยคทิ้งท้ายทำเอายูกิมองตาค้างด้วยความงงงวย
" มื้อนี้ผมเลี้ยงก็แล้วกันครับ ถือซะว่าเป็นการทำความรู้จักก็แล้วกัน "
" อะไรของเขาวะ(==) " จากนั้นฉันก็กัดเข้าไปที่แซนวิชแฮมในมือขณะมองตามหลังคุณอามูโร่
เวลาผ่านไปไม่กี่นาทีต่อมา เสียงกระดิ่งสีทองของร้านปัวโรต์ก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงหวานของอาซึสะที่เอ่ยต้อนรับลูกค้าของตนด้วยรอยยิ้มสดใส
ร่างของผู้ใหญ่ชายหญิงทั้งสองคนที่มีใบหน้าดูอ่อนกว่าวัยกวาดตามองไปทั่วร้าน ก่อนจะไปสะดุดกับร่างของหญิงสาวคนหนึ่งที่มีเรือนผมสีขาวสั้นประบ่านั่งไขว้ห้างไถโทรศัพท์เรือนสวยในมือ
ตึก
ตึก
ตึก
" ....... " นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลของยูกิเหลือบมองร่างของชายหญิงทั้งสองคนที่เดินตรงเข้ามาหาด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
ฝ่ายชายผู้เป็นเจ้าของเส้นผมสีดำรัตติกาลประกอบกับดวงตาสีแดงสดและรอยแผลเป็นแนวขวางบริเวณแก้มที่ดูน่ากลัวแต่ก็มีเสน่ห์ในแบบของมัน เขาอยู่ในชุดสูทสีครีมกางเกงดำเหมือนกับกำลังไปทำงานหรือร่วมงานอะไรบางอย่าง
ข้างกายของชายคนนี้มีหญิงวัยกลางคนอายุราวๆสี่สิบกว่าปีแต่กลับมีใบหน้าที่ดูอ่อนไว เธออยู่ในชุดคอเต่ารัดรูปสีม่วงมังคุดพร้อมมีเสื้อสูทสีครีมคลุมไหล่ทั้งสองข้างที่ดูเป็นสไตล์ของเจ้าตัวประกอบกับกระโปรงทรงเอสีดำ
ดวงตาสีน้ำเงินไพลินและสีแดงสดมองหญิงสาวตรงหน้าที่กำลังนั่งถอนหายใจออกมาอย่างปลงตกกับการแต่งกายของพวกเขา ถุงสีขาวที่มีตราแบรนด์สินค้าบางอยู่ถูกวางลงต่อหน้ายูกิพร้อมกับร่างของพวกเขาที่นั่งลงตรงข้ามกับเธอ
" เปิดดูสิ ถือว่าเป็นของขวัญการพบเจอครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา " เสียงทุ้มของชายฝั่งตรงข้ามที่เปิดบทสนทนาแรกของพวกเขากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่สุขุมแต่อ่อนโยน
" ขอบคุณค่ะ " สิ้นเสียงของร่างบาง เธอก็ลงมือเปิดดูของข้างในตรงหน้าทันที
กำไลแพนโดร่าที่ผู้คนต่างรู้จักกันไปทั่วโลกที่มีลายเป็นเอกลักษณ์และคาดว่าน่าจะเป็นลายเพียงชิ้นเดียวในโลกอยู่ในกล่องสีขาวที่ดูเรียบหรู
กำไลสีเงินพร้อมจี้ตกแต่งสีเงินและสีฟ้าอย่างสวยงามที่มีชิ้นส่วนไม่เยอะจนเกินไป สิ่งที่เด่นที่สุดในสายตาของยูกิคงจะเป็นจี้รูปเกล็ดหิมะสีฟ้าใสราวกับน้ำแข็งที่พอคล้องจองกับชื่อของเธอ
" หวังว่าจะชอบนะจ๊ะ " หญิงสาววัยกลางคนกล่าวออกมาระหว่างมองการกระทำของยูกิ
" สวยดีค่ะ " คำเอ่ยชมถูกกล่าวออกไประหว่างที่ฉันเก็บกำไลตัวนี้ลงกล่อง ก่อนจะเงยหน้ามองบุคคลทั้งสองที่มีศักดิ์เป็นบิดาและมารดาพร้อมตั้งคำถามว่า
" แน่ใจนะคะว่านี่คือชุดที่สบายๆของพวกคุณ " ดูแล้วน่าจะร้อนพอตัวถ้าใส่อยู่ด้านนอกที่มีอากาศแดดส่องขนาดนี้
" พ่อว่าพวกเราไปคุยกันที่ร้านอาหารหรูๆแถวนี้ดีกว่านะ ว่างั้นมั้ยคุณ " เขาเอ่ยออกมาระหว่างมองบรรยากาศรอบๆร้านแล้วจึงหันไปถามความคิดเห็นจากภรรยา
" ฉันก็ว่างั้นค่ะที่นี่มันทำให้ฉันรู้สึกอึดอัด "
ฉันพ่นลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิดกับบทสนทนาของพวกเขาที่ดูจะมีนิสัยไม่ชอบการติดดินและยังแสดงสีหน้าออกมาอย่างชัดเจนว่าอึดอัด
" ถ้าพวกคุณรับไม่ได้ที่จะคุยกันในร้านแบบนี้ก็เชิญออกไปยังร้านหรูๆที่พวกคุณต้องการได้นะ " ไม่ว่าเปล่าฉันก็ทำท่าประกอบพร้อมเชิดหน้าใส่ไปทางประตูของร้าน
" ....... "
" เข้าเรื่องกันดีกว่า อ้อ ต้องขอบคุณสำหรับของขวัญนะคะแต่หนูคงรับไว้ไม่ได้หรอก " พร้อมดันกล่องแพนโดร่า
" ...... " พ่อแม่ของเธอยังนิ่งเงียบในขณะที่เธอเอนหลังพิงเก้าอี้
" หนูไม่อยากให้พวกคุณคาดหวังและคอยบงการชีวิตหนูอีกแล้ว ตลอดสิบเจ็ดปีที่ผ่านมาหนูทำตามสิ่งที่พวกคุณต้องการแล้ว... " ฉันเว้นช่วงไประยะหนึ่งระหว่างมองปฏิกิริยาของพวกเขาแล้วเอ่ยต่อว่า
" พอใจยังคะ? " พร้อมเอียงคอและเบิกตาโตราวกับนกฮูกที่ดูจะกวนประสาทนิดหน่อย
ก็นิสัยประจำตัวหนิเนอะ
" ตั้งแต่ลูกหนีออกจากบ้าน...ลูกมีความสุขมั้ย " กาคุรุ เอมโวด้าหญิงสาววัยกลางคนที่เป็นลูกครึ่งและมีศักดิ์เป็นแม่ของร่างบางเอ่ยถามขณะเม้มริมฝีปากเข้าหากันจนแน่น
เธอไม่ได้สบตากับยูกิขณะถามเพราะความละอายใจของตัวเองที่กระทำกับยูกิสมัยที่เธอยังเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ เธอกับสามีมีหน้ามีตาของสังคมเพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งก็ย่อมมาจากลูกสาวของพวกเขาที่มีความสามารถอันหลากหลาย
เพราะคำชมของคนอื่นที่ทำให้พวกเขารู้สึกกลายเป็นคนที่น่ายกย่องเพิ่มขึ้น เอมโวด้าจึงเลือกที่จะบังคับลูกสาวของตนให้ฝึกทุกย่างตามที่เธอเป็นคนบงการอยู่ข้างหน้า
หญิงสาวผมยาวถึงกลางหลังและเป็นเจ้าของเส้นผมสีน้ำตาลแดงที่มีรูปร่างผอมแห้งและมีสีหน้าที่เรียบนิ่งแต่ก่อนนั่นคืออดีต ตอนนี้หญิงสาวคนนั้นกลับมีเส้นผมสีขาวราวหิมะและรูปร่างที่ดูมีน้ำมีนวลเพิ่มมากขึ้นประกอบกับนิสัยที่ดูต่างกันราวฟ้ากับเหว
ยูกิมองมารดาของตนที่ตอบไม่ตรงคำถามและยังถามเธอกลับด้วยบรรยากาศที่น่าหดหู่ แต่เธอก็ยังคงจะแสดงสีหน้าเรียบนิ่งระหว่างตอบคำถามของเอมโวด้า
" มีมากกว่าซะอีกค่ะ "
" นั่นสินะ " เอมโวด้ายิ้มอย่างเย้ยหยันตัวเอง
" หนูหวังว่าพวกเราจะมีโอกาสเป็นครอบครัวสุขสันต์นะคะและก็เลิกเถอะค่ะนิสัยแยกชนชั้นพวกนี้ บางทีการอยู่ติดดินเหมือนกับคุณปู่ก็ดีนะคะ " ฉันยังมีหวังใช่มั้ยว่าพวกเราจะได้เป็นครอบครัวที่มีความสุขกันทุกฝ่าย
กาคุรุ คาสึโอะหลับตายิ้มออกมาอย่างเต็มใจ ถูกของยูกิที่พูดออกมาเพราะพวกเขาบงการชีวิตเธอมานานพอแล้ว บางทีอาจถึงเวลาที่พวกเขาต้องปล่อยให้ลูกตัวเองเป็นอิสระซะบ้าง
ในฐานะที่เขาเป็นพ่อ เขาก็อยากทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุดเช่นกัน
" เข้าใจแล้ว พ่อกับแม่จะพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อครอบครัวของเรานะ "
" ....... " ทำไมฉันรู้สึกแปลกๆกับประโยคนี้กันนะ
" พ่อกับแม่คงต้องขอตัวกลับก่อน อ้อ เราเอาผลไม้กับของกินที่ซื้อมาอยู่บนรถนะ "
" วางไว้หน้าร้านก็ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูออกไปเอาเอง "
" พวกเรายังคงโทรหาลูกได้อยู่ใช่มั้ย " เอมโวด้าถามอย่างมีความหวัง
" อื้ม ^^ " ฉันส่งเสียงตอบรับอีกฝ่ายพร้อมเผยรอยยิ้มให้หล่อนเห็นหลังจากที่ตัวเองนั่งหน้าบึ้งมาทั้งวัน
คาสึโอะและเอมโวด้ายิ้มตอบกลับลูกสาวของตนอย่างสดใสเสมือนพึ่งยกภูเขาออกจากอกไปไม่นาน ก่อนที่คาสึโอะจะเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างบนหน้าของลูกสาวทำเอายูกิหน้ามุ่ยและเขินอายเลย
" เศษแฮมเลอะปากลูกแหนะ "
" พ่อ!!! "
" ฮ่าๆๆ ไปละดูแลตัวเองดีๆด้วย "
" เชอะ! " ฉันทำหน้าบึ้งใส่ตามหลังของพ่อกับแม่อย่างประชดประชันระหว่างเช็ดปากไปพราง
จากนั้นก็เหลือบไปเห็นกล่องแพนโดร่าที่วางอยู่บนโต๊ะ ก่อนจะเปิดกล่องดูอีกครั้งด้วยความลุ่มหลงก็เพราะว่าฉันชอบเครื่องประดับของแบรนด์นี้จนยกเป็นเดอะเบสในดวงใจน่ะสิ
" ไหนๆก็ซื้อมาแล้ว ถ้าไม่ใส่คงเสียดายแย่ " คิดได้ดังนั้น ฉันก็เปิดกล่องสีขาวออกเผยให้เห็นกำไลที่มีจี้น่ารักๆตกแต่งเป็นธีมเงินฟ้าจนดูเหมือนว่าสีฟ้าจะเป็นสีประจำตัวของฉันแล้วมั้ง
จนดูเหมือสีฟ้าจะเป็นธีมโคนันไปด้วยแล้วล่ะมั้ง(==)
หญิงสาวเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้ายืนขึ้นเต็มความสูงหลังจากจ่ายเงินเสร็จแล้วจึงย่างก้าวเดินออกจากร้านพร้อมกับถุงแบรนด์สีขาวในกำมือ
" โห ถ้าจะเยอะขนาดนี้นะน่าจะบอกให้ไปส่งอยู่อพาร์ทเม้นท์อ่ะ "
กล่องลังขนาดกลางจำนวนสามกล่องพร้อมกับถุงพลาสติกที่มีขนมนมเนยอีกหนึ่งถุงวางซ้อนกันทำให้ยูกิมองอย่างเอือมๆใส่ เธอย่อตัวลงเพื่อจะดูว่าด้านในลังบรรจุอะไรไว้
" พีช ลังนี้ก็มะม่วง ส่วนลังนี้ก็...สตรอเบอร์รี่? "
หญิงสาวเสยผมสั้นประบ่าของตนอย่างทำใจ ก่อนจะยกกล่องลังขึ้นมาสองกล่องไว้ในมือพอดีกับร่างของชายหนุ่มที่เดินลงมาจากสำนักงานนักสืบแล้วมองของพวกนี้
" ของคุณยูกิหมดเลยเหรอครับ? "
" ค่ะ พอดีพ่อกับแม่ส่งผลไม้มาให้ ว่าแต่คุณอามูโร่กับพวกรันจะไปไหนงั้นเหรอ " ยูกิเอ่ยถามเมื่อสายตาปะทะร่างของหญิงสาวเรือนผมสีน้ำตาลกับโมริที่เดินล้วงกระเป๋าลงมาพร้อมกับเด็กผีอย่างโคนัน
ถึงแม้ว่าเธอจะเอ่ยถามรัน แต่ดวงตาของเธอกลับจ้องมองร่างของเด็กชายสวมแว่นพร้อมเหยียดยิ้มขึ้นเสมือนเป็นการทักทาย
น่าเอ็นดูอ่ะ!!!
อนิจจาที่ยอดนักสืบในร่างเด็กกลับมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความแค้นเคืองใส่อีกฝ่าย เขายังไม่ลืมวันที่เธอแกล้งเขาหรอกนะ!
" พวกเราจะไปร้านโคลัมโบตามที่ลูกค้านัดน่ะ ไปด้วยกันมั้ย " รันถามยูกิอย่างยิ้มๆ ขณะที่ยูกิเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย
" น่าจะไม่ทันละมั้งเพราะฉันต้องขนลังพวกนี้กลับไปอพาร์ทเม้นท์ อ้อ! ฉันขนคนเดียวได้นะ " เธอดักทางอีกฝ่ายอย่างรู้ทัน
พอดีกับร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีบรอนซ์เดินออกมาพร้อมกับชุดใหม่ที่สวมทับชุดก่อนหน้านี้ ยูกิจึงเลือกที่จะเอ่ยลาพวกเขาและมองตามหลังทั้งสี่คนที่เดินห่างออกไปจนลับสายตาในที่สุด
เธอเงยหน้ามองท้องฟ้าอยู่ชั่วครู่แล้วจึงก้าวเท้าเข้าไปในซอยที่มืดเนื่องจากเงาของตัวอาคารที่กระทบลงมา แค่เพียงสามก้าวเท่านั้นหญิงสาวต้องชะงักตัวลงเนื่องจากสายตาของเธอเหลือบไปเห็นร่างดำๆของบุคคลหนึ่งกำลังยืนหันหลังให้อยู่
ร่างของบุคคลที่ไม่สามารถระบุเพศได้เพราะสิ่งที่เธอเห็นมันไม่ต่างจากอนาโตมี่ที่ฝึกวาดรูปอยู่บ่อยๆจนยูกิแอบตกใจพร้อมวางกล่องแล้วขยี้ตาดูอีกครั้ง
" อ่าาา ทำไมฉันถึงเห็นคนร้ายเป็นร่างฮันซาวะกันนะ " แทนที่ฉันจะเห็นเป็นร่างของคนทั่วไป แต่กลับกลายเป็นร่างดำๆของพวกตัวร้ายไปได้
.
.
.
.
.
เอ๊ะ เดี๋ยวนะ
แสดงว่ามันจะเกิดคดีขึ้นในตอนนี้น่ะสิ!
" ต้องรีบเอาของไปเก็บซะแล้ว! " ฉันจะได้ร่วมคดีแล้ว
หญิงสาวนึกอย่างตื่นเต้นจึงก้มลงเก็บลังมาถือในมือพร้อมสับเท้าเข้าไปยังซอยตรงหน้าที่มีร่างของคนร้ายในตอนนี้ยืนอยู่เพราะเป็นทางผ่านสำหรับเธอเอง
เมื่อหญิงสาวเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าเดินเข้าไปใกล้ระยะของร่างฮันซาวะในเรื่องโคนันที่มักพบได้บ่อย อยู่ๆก็มีแสงของดวงอาทิตย์ส่องลงมาทำให้ยูกิเห็นร่างหญิงสาวผู้มีผมสั้นสีดำกำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่แทนร่างฮันซาวะก่อนหน้านี้
" นี่พี่สาว..... "
หญิงสาวปริศนาสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจกับเสียงหวานของยูกิที่เอ่ยออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว เธอมองหลังร่างบางที่ไม่เห็นหน้ายกลังจำนวนสองลังไว้ในมือและเรือนผมสีขาวสว่าง
ยูกิแอบคลี่ยิ้มอย่างลับหลังเสมือนกำลังเห็นเรื่องสนุกๆเกิดขึ้นแล้วจึงกล่าวประโยคต่อไปว่า
" ระวังจะซีโร่เอานะคะ " พร้อมเดินออกไปในทันที
ปล่อยให้หญิงสาวปริศนามองตามแผ่นหลังของร่างบางด้วยความกระวนกระวาย ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นร่างชายฉกรรจ์ผู้เป็นเป้าหมายกำลังเดินมาทำให้เธอต้องรีบวิ่งขึ้นไปยังตัวสำนักงานนักสืบทันที จนหลงลืมหญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีขาวคนนั้น
ความคิดเห็น