ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Conan x OC สวัสดีโลกโคนัน :) Hello

    ลำดับตอนที่ #5 : สวัสดีโลกโคนัน :) Hello:ชายสวมแว่น

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.14K
      384
      3 ธ.ค. 63





    " อ้าว ทำไมวันนี้ยูกิดูโทรมจัง "


    " จริงด้วย เมื่อคืนไม่ได้นอนงั้นเหรอ "  ทั้งคู่เอ่ยทักร่างบางเพื่อนหัวขาวที่เดินถือถาดอาหารมานั่งทางฝั่งตรงข้ามกับพวกเธอ


    เรือนผมสีขาวสั้นประบ่าถูกมัดรวบไปด้านหลังเป็นกระจุกเล็กๆพร้อมแว่นสายตาทรงหยดน้ำสีโรสโกลด์บังดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลที่มีรอยค้ำใต้ตาเห็นได้ชัดและสภาพอิดโรยของอีกฝ่ายที่คอยทานข้าวคำจดอักษรคำ  ลงบนสมุดบันทึกสีเขียวอ่อนขนาดพกพาที่ถูกเขียนข้อความไว้ก่อนหน้านั้นไม่กี่หน้า


    " ใช่ "  ปวดหัวแทบตาย


    " ว่าแต่ยูกิจังเขียนเป็นภาษาอะไรน่ะ "  จบประโยคของฮารุที่ถือวิสาสะยื่นหน้ามาส่องข้อความที่ถูกเขียนด้วยภาษาต่างประเทศ  ร่างบางที่อยู่ในสภาพอิดโรยก็เกิดชะงักมือที่กำลังจะเขียนรายละเอียดบางอย่างลงไป


    ไอ้เราก็มึนหัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนจนไม่ได้สังเกตภาษาที่เขียนลงในสมุดเลยเพราะคุ้นเคยกับทั้งสองประเทศ  หวังว่าสมุดแต่ละวิชาที่เรียนไปในคาบเช้า  ฉันจะไม่ได้เขียนภาษาไทยลงไปแทนภาษาญี่ปุ่นใช่มั้ย


    " ภาษาไทย "  วินาทีต่อมาซึบาสะก็เผลอทุบโต๊ะจนเกิดเสียงดังลั่นด้วยความตกใจ  ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้กับสายตาที่มองมาแล้วกล่าวขอโทษจึงจะหันมาสนใจยูกิต่อ


    " เป็นเพื่อนกันมาหนึ่งปีกว่าฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลยว่าเธอเข้าใจภาษานี้ออก "  ก็เคยเกิดเป็นคนในประเทศนั้นหนิจะอ่านออกเขียนได้ก็คงไม่แปลกเสียเท่าไหร่


    " ก็ปกติไม่ได้ใช้นี่นา เดี๋ยวฉันขอรีบทานข้าวแล้วขึ้นห้องไปนอนก่อนนะรู้สึกมึนๆยังไงก็ไม่รู้ "


    " ดูแลตัวเองด้วยล่ะ เดี๋ยวถาดของยูกิจังฉันเก็บให้เอง "  ระหว่างนั้นฉันก็รีบยัดข้าวเข้าไปคำโตพร้อมเคี้ยวอย่างรวดเร็วแล้วกระดกน้ำเข้าไปถึงสองแก้วเป็นอันจบพิธี  ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพร้อมกับถาดอาหารและสมุดที่อยู่ในกำมือขณะพูดประโยคตอบฮารุที่นั่งมองตาแป๋ว


    " ไม่เป็นไรฉันเก็บเอง "  แล้วหันหลังเดินดุ่มๆไปอย่างรวดเร็วตามทางเดินที่เชื่อมต่อกัน


    เมื่อเดินมาถึงห้องเรียนที่คาดว่าน่าจะสงบและไร้เสียงพูดคุยกลับต้องเปลี่ยนความคิดใหม่เพราะเสียงพูดคุยและตะโกนโวยวายดังออกมาจากห้องเอเสียซะส่วนใหญ่ภายในอาคารจนยูกิเผลอยกมือมานวดบริเวณหัว


    แล้วทีนี้ฉันก็ต้องหาที่นอนใหม่  ต่อให้ทนหลับตาขณะมีเสียงพูดคุยดังกันขนาดนี้ฉันก็หลับไม่ลงหรอกนะ  โดยเฉพาะเสียงนกหวีดที่ดังออกมาจากกลุ่มแก๊งอิราวากินี่ดังกว่าชาวบ้านเลย


    นึกได้ดังนั้นยูกิก็หันหลังกลับเดินไปอีกทางหนึ่งขณะยกกระเป๋าพาดบ่าเพื่อจะนำไปเป็นสิ่งทดแทนการหนุนนอนอย่างหมอน  ระหว่างทางที่เดินเธอก็ขบคิดกับเหตุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อจนไม่ได้หลับได้นอนทำให้เช้านี้มีสภาพคล้ายศพเดินได้


    " หวังว่าจะไม่ถูกล็อคนะ "


    กลอนประตูเหล็กบานหนึ่งตรงหน้าถูกบิดจนเปิดออกเผยให้เห็นชั้นดาดฟ้าที่มีรั้วกั้น  ยูกิคลี่ยิ้มออกมาเมื่อเป็นไปตามอย่างที่หวังแล้วจึงสับเท้าเดินออกไปด้านนอกทีนที  โดยไม่ลืมที่จะปิดประตู


    " ฮ่าาา อากาศสดชื่นจัง "  เมื่อทิ้งกระเป๋าลงบนพื้นปูนแล้ว  ฉันก็กางมือออกไปทางด้านข้างเพื่อรับสายลมที่พัดไปมาด้านบนของชั้นดาดฟ้า  


    ฉันพ่นลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะทิ้งแขนลงข้างลำตัวแล้วเดินไปนั่งชันเข่าพิงกำแพงขณะตั้งเวลาปลุกในอีกสามสิบนาทีข้างหน้า  จากนั้นก็ล้มตัวลงนอนราบไปกับพื้นปูนแล้วเข้าสู่ห้วงนิทราไปอย่างรวดเร็ว





    สาเหตุที่ยูกิมีสภาพอิดโรยและเทรื่อมโทรมในวันนี้เป็นเพราะเหตุการณ์ฝันที่เกิดขึ้นเมื่อคืน  ขณะที่เธอล้มตัวลงนอนราบบนเตียงขนาดคิงไซด์ด้วยความหมดแรงและหวังที่จะพักผ่อนอยู่ๆเธอก็รู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ออกมาจากร่างทั้งๆที่เปิดแอร์จนเย็นช่ำ


    เธออยู่ที่ไหน?


    นั่นคือความคิดแรกที่แวบขึ้นมาในหัว  ห้องสีขาวสว่างที่ไกลสุดลูกหูลูกตาที่มีแต่ความว่างเปล่าและร่างของยูกิเพียงเท่านั้นที่พอเป็นสีสัน


    เธอเลือกที่จะเดินตรงไปทางข้างหน้าตามสัญชาตญาณของตัวเอง  จากเดินก็แปรเปลี่ยนเป็นวิ่ง  เมื่อสายตาปะทะกับอะไรบางอย่างที่ห่างไกลออกไป  เสียงหอบหายใจดังขึ้นมาถี่ๆได้ให้ยินอย่างชัดเจนและบริเวณกรอบหน้าที่เริ่มมีเหงื่อซึม


    " โอ๊ย!!! "  


    เพราะความอยากรู้อยากเห็นกับสิ่งตรงหน้าทำให้เธอเผลอวิ่งสะดุดขาของตัวเองล้มกลิ้งลงไปกับพื่นสีขาวที่แสนแสบตาพอๆกับสีของเส้นผม


    " ตั้งใจกว่านี้หน่อย! ถ้ามันกลายเป็นสถานการณ์จริงขึ้นมาลูกไม่แย่เลยเหรอ "


    " ค่ะ "


    " อะไรวะเนี่ย "  เสียงตะโกนดุด่าดังออกมาจากหญิงสาวคนหนึ่งที่มีเรือนผมสีน้ำตาลแดง  ใบหน้าของเธอถูกประดับไปด้วยสีหน้าอารมณ์โกรธและหงุดหงิดที่เห็นได้ชัดเจน  


    บนพื้นฝั่งตรงข้ามก็ปรากฏเด็กหญิงตัวเล็กตัวน้อยที่มีเส้นผมเฉดสีเดียวกันกับผู้ใหญ่  เรือนร่างของเธอถูกแต่งแต้มด้วยบาดแผลและรอยฟกช้ำจนดูน่ากลัว  น้ำตาที่เอ่อล้นออกมาไร้ซึ่งเสียงสะอื้นที่ต่างจากเด็กทั่วไปถูกเช็ดอย่างรวดเร็วก่อนจะยันตัวขึ้นด้วยใบหน้าอ่อนแรง


    " ทำไมใบหน้าคล้ายร่างนี้เลย "


    หญิงสาวเรือนผมสีน้ำตาลแดงที่คาดว่าน่าจะเป็นแม่เหยียดยิ้มขึ้นเมื่อเห็นว่าลูกของตนได้ยืนขึ้นเต็มความสูงในท่าตั้งการ์ดพร้อมแววตาที่ต่างจากเดิม  เธอคาดว่าแววตานั้นน่าจะกำลังกลายเป็นความแข็งแกร่งจากการฝึกในครั้งนี้


    " แววตาของลูกในตอนนี้กำลังจะเปลี่ยนเป็นความแข็งแกร่ง ดีมาก!!! "


    " ....... "  


    ยูกิมองสีหน้าและแววตาของเด็กคนนั้นด้วยความรู้สึกเป็นห่วง  ก่อนจะเบิกตากว้างจนเผลอยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองยามที่ดาบไม้ถูกฟาดเข้าที่ท่อนแขนของเด็กจนเกิดรอยแดงและเสียงอุทานที่พยายามอดกลั้น 


     แต่ที่น่าเจ็บปวดสำหรับเธอก็คือแรงที่ถูกฟาดลงมานั้นดังสนั่นไปทั่วห้องสีขาวจนเป็นเสียงกล้องและผู้ที่ฟาดลงมาก็คือแม่ของเด็กคนนั้นที่รัวฟาดไม้ใส่เด็กสาวดังต่อเนื่อง  แม้จะมีเลือดที่ไหลซึมออกมาแต่เธอก็ยังคงกระหน่ำฟาดไม้ใส่


    " นี่มึงเป็นแม่ภาษาอะไรวะ! แววตาที่ลูกแกจ้องมองมาตอนนั้นไม่ใช่สิ่งที่มึงคิดไว้เลย แต่เป็นความผิดหวังและน้อยใจต่างหาก! "  ยูกิตะโกนต่อว่าออกไปหลังจากเส้นเชือกสุดท้ายขาดออกจากกัน


    ยูกิในตอนเด็กนั้นน่าสงสารมาก  เธอไม่ได้มีไอคิวเกินร้อยหรือร้อยสามสิบแบบอัจฉริยะหรือนักสืบในตัวหลักของเรื่องและความสามารถพวกนั่นก็ล้วนได้มาจากการฝึกฝนอย่างหนักและน่าสงสาร


    ความสามารถที่เธอได้มันมานั้นไม่ได้มาจากใจจริงหรือต้องการ  แต่เป็นเพราะครอบครัวของเธอที่ต้องการให้ยูกิมีความสามารถพวกนี้ตั้งแต่เด็กเพื่อทดแทนในสิ่งที่พวกเขาทำไม่ได้


    จากนั้นภาพก็ตัดไปตอนอยู่ในงานเลี้ยงทางธุรกิจ  เธอฉีกยิ้มน่ารักเหมือนกำลังมีความสุขในขณะที่พ่อกับแม่คอยพูดจาโอ้อวดลูกตัวเองให้แขกฟังที่มาพร้อมกับคำเชยชมจนพ่อกับแม่เธอคลี่ยิ้ม


    ยูกิทรุดตัวลงไปกับพื้นในขณะที่ฝ่ามือเผลอยกขึ้นมากุมหัวที่เริ่มมีอาการปวดหัวและมึนงงจนอุทานออกมาพร้อมกับภาพฝึกซ้อมที่ถูกตัดไปเรื่อยๆเป็นที่มาของความสามารถนี้


    " อ๊ากกกกก!!! "


    ภาพทุกอย่างเริ่มกลายเป็นสีเทาและเสียงพูดในฉากเริ่มเบาหวิวมีเพียงแค่เสียงกรีดร้องของยูกิเท่านั้นที่ดังออกมาต่อเนื่อง  เธอกุมศีรษะตัวเองด้วยความเจ็บปวดเสมือนหัวจะระเบิดออกมา


    ใครก็ได้  ช่วยเธอด้วย!!!


    หลังจากที่ยูกิทนทุกข์ทรมารกับอาการปวดหัวที่หลั่งออกมาของตัวเองประกอบกับฉากคล้ายกับละครคอยตัดภาพไปเรื่อยๆเป็นพื้นหลัง  


    ภาพสีเทาเริ่มมีรอยร้าวลามไปเรื่อยๆก่อนจะแตกออกจากกันเป็นเสียงเศษกระจกพร้อมกับความปวดหัวที่สิ้นสุดลง  เสียงหัวเราะและภาพสีสันตอนที่ยูกิฝึกขับรถกับชายหญิงชราคู่หนึ่งที่มีสภาพแข็งแรง


    " แฮ่ก...แฮ่ก "  ในที่สุดก็จบซะที  


    เธอกอบโกยอากาศเข้าสู่ปอดให้ได้มากที่สุดด้วยสภาพคล้ายปลาถูกจับขึ้นมาบนบก  เรี่ยวเเรงทั้งหมดก็รู้สึกเหมือนหายไปกระทันหันแล้วทิ้งร่างนาบลงกับพื้น  ขณะที่นัยน์ตาคอยมองภาพสีที่ฉายยูกิกำลังฝึกขับรถแต่งคันเล็กด้วยสีหน้ายิ้มแย้มกับชายหญิงชราคู่นั้นต่างจากตอนอยู่กับพ่อแม่


    ความสามารถแรกที่เธอเต็มใจฝึกฝนคือสกิลการขับรถที่ได้มาจากตาของเธอที่เป็นนักแข่งสมัยยังหนุ่มจากเอกสารข้อมูล


    รอยยิ้มของยูกิตอนนั้นทำเอาเธอเผลอยิ้มตามและนั่นคือสิ่งสุดท้ายที่เห็นก่อนจะลืมตาตื่นในห้องนอน





    ตรู๊ด ตรู๊ด


    " รู้สึกเหมือนพึ่งหลับไปเอง " 


    เสียงนาฬิกาที่ตั้งจับไว้บนมือถือดังขึ้นมาปลุกร่างบางที่กำลังนอนพักผ่อนบนพื้นปูน  เปลือกตาสีมุกค่อยๆเปิดขึ้นมาเผยให้เห็นนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลที่คล้ายอัญมณีขณะเอ่ยประโยค  


    ยูกิยันตัวขึ้นเต็มความสูงพร้อมบิดขี้เกียดไปมาประกอบกับสายลมที่คอยพัดให้เย็นกระหน่ำจนเส้นผมปลิวสไวไปตามทิศทาง  จากนั้นก็เปิดประตูเดินออกไปจากชั้นดาดฟ้าไปตามทางเดินของอาคารที่นักเรียนเริ่มน้อยลงเพราะเข้าไปเตรียมตัวสำหรับการเรียนในคาบบ่าย


    เมื่อเดินมาถึงภายในห้องเรียน้  เธอก็ย่างก้าวเดินไปนั่งบนเก้าอี้แถวของตัวเองแล้วจ้องมองวิวนอกหน้าต่างที่มีต้นซากุระต้นโตกำลังเคลื่อนไหวไปตามสายลม 


     ยูกิมองภาพพวกนั้นขณะคิดเรื่องฝันเมื่อคืนในหัวไปพลาง  ไม่น่าล่ะทำไมในใบเอกสารข้อมูลไม่ระบุสาเหตุที่ยูกิคนเก่าได้ย้ายมาอยู่ในอพาร์ทเม้นท์ตามลำพังทั้งๆที่เป็นลูกคุณหนู


    เมื่อเลื่อนไปดูประวัติการโทรก็พบกับสายของพ่อแม่ยูกิที่โทรกระหน่ำเข้ามาและเจ้าตัวก็น่าจะรู้แต่เลือกที่เมินมันไปเอง  ถ้านับวันที่เธอย้ายมาอยู่ด้วยตัวเองแล้วล่ะก็พึ่งได้เดือนกว่าๆเอง


    " ...... "  หวังว่าพ่อกับแม่จะเข้าใจสาเหตุแล้วปรับตัวได้นะ


    " (=[]=) อย่าดราม่าสิวะ! "  ยังไงพ่อกับแม่เธอก็ยังคงรักและเป็นห่วงอยู่หรอกเพราะพวกเขาโอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัวมาให้เกือบทุกเดือนและเงินพวกนั้นสามารถอยู่ได้ประมาณสามเดือนอีกต่างหาก


    ในเมื่อสาเหตุปัญหาของครอบครัวยังไม่ถูกเคลียร์กัน  ฉันจะเป็นคนเล่าความในใจเธอให้พวกท่านได้รับรู้เอง  นี่ไข่ตุ๋นซะอย่างเรื่องแค่นี้กล้วยๆ!


    .....หวังว่าจะเป็นกล้วยๆตามที่หวังนะ


    " วันนี้ยูกิจังก็ยังคงกลับบ้านเร็วอีกแล้ว "  เสียงหวานของฮารุกล่าวขึ้นมา  ขณะที่ยูกิเดินห่างออกไปหลังจากเอ่ยร่ำลากันเสร็จ  ทำให้เธอเผลอหยุดชะงักตัวลง


    " งั้นครั้งหน้าถ้าทุกคนว่าง ไปร้านปัวโรต์กันมั้ย "  เพราะฉันอยากไปลองแซนวิชสูตรของชายหนุ่มผมสีบรอนซ์คนนั้นที่มีหลายชื่อจนฉันหลงแล้วจำไม่ได้


    " ร้านปังโรต์??? "  ไม่ว่าเปล่าฮารุและซึบาสะก็พร้อมใจกันเอียงหัวแล้วพูดด้วยน้ำเสียงสงสัย  จนร่างบางได้แต่เม้มปากแล้วกำชายเสื้อของตัวเอง


    รู้สึกเจ็บใจชะมัด!!!


    " ร้านปัวโรต์ต่างหาก ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นร้านที่อยู่ใต้สำนักงานนักสืบโมริ โคทาโร่ล่ะมั้ง "  อย่าว่าฉันตอแหลเลยนะเพราะฉันจำชื่อพ่อของรันไม่ได้จริงๆนอกจากนามสกุล


    " ร้านพื้นๆใช่มั้ย!?! " 


    แล้วทำไมหน้าของซึบาสะต้องขมวดคิ้วเป็นปมตอนถามด้วยล่ะ  อย่าบอกนะว่าไม่ชอบร้านประเภทนั้นแล้วคุ้นชินกับร้านหรูๆ?


    โว้ยยูกิ!  นี่โรงเรียนลูกคุณหนูเลยนะจะไม่คุ้นชินหรือไม่ชอบร้านแบบนั้นก็คงไม่แปลกสักเท่าไหร่


    " อะ-อื้ม "  แล้วทำไมฉันต้องตอบเสียงตะกุกตะกักด้วยซะ


    " ว้าว!!! "


    " ห๊ะ (=-=)? "  ณ ที่นี่บ่องตรงว่าดิฉันงงหนักมากถึงขั้นมากที่สุด  ก็ฮารุกับซึบาสะเล่นทำหน้าตาลุกวาวใส่ฉันเนี่ยน่ะสิหรือว่าพวกนางไม่ได้เกลียดร้านแบบนั้นตามความคิดกันนะ


    " ไปสิๆ ฉันอยากไปมาตั้งนานแล้ว "


    " เอาตรงๆนะ ฉันชอบร้านแบบนี้มากกว่าร้านหรูๆซะอีก "  ไม่ว่าเปล่าซึบาสะก็ทำหน้านึกภาพในหัว  ก่อนจะส่ายหน้าแล้วแลบลิ้นแหยๆออกมา


    " งั้นฉันไปก่อนนะ "


    " อย่าลืมที่สัญญากันด้วยล่ะ "


    " จร้า "  ไม่ลืมหรอกจร้า  พวกเธอเล่นทำหน้าตาก้ำกึ่งบังคับให้ตอบแบบนี้  ฉันไม่วันลืมหร๊อก~


    ที่วันนี้อยากรีบกลับไม่ใช่อะไรหรอก  แต่ของกินในตู้เย็นมันว่างเปล่าซะสิ้นดี  ไม่คืดเลยว่าร่างเก่าเจ้าเดิมจะทำอาหารไม่เป็นถึงกับตุนอาหารแห้งและอาหารแช่เเข็งไว้เป็นจำนวนมากและฉันก็พึ่งกินกล่องสุดท้ายหมดไปเมื่อวานนี้เอง


    ผลจึงต้องมาลงเอยที่ห้างสรรพสินค้าทางที่ใกล้ที่สุด  แต่ก่อนอื่นฉันต้องกลับไปที่ห้องแล้วเปลี่ยนเป็นชุดเล่นหรือชุดลำลองก่อนเพื่อความสะดวก


    " เมื่อเช้าแอบเห็นรถมอเตอร์ไซค์สีขาวที่ถูกคลุมผ้าไว้นี่นา บางทีอาจจะขอยืมนำไปใช้ก็ได้ "  เพราะถ้าให้เดินเอง  ฉันเกรงว่ากล้ามแขนจะเกิดขึ้นมาก่อนจะถึงห้องที่อยู่นี่น่ะสิ  


    ถ้าถามว่าทำไมไม่ขึ้นรถแท็กซี่หรือรถประจำทาง  คำตอบคือฉันขึ้นไม่เป็นถึงจะศึกษามาบ้างแล้วทางอินเตอร์เน็ตแต่ก็ยังสับสนและมึนงงเหมือนเดิมค่ะ  จึงมาลงเอยยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ของตึกที่มีพี่สาวแสนสวยกำลังยิ้มต้อนรับอยู่  


    หูยยย พี่สาวเป็นอดีตนางแบบรึเปล่าหนิ  ทำไมสวยจังเลย


    " มีอะไรให้ช่วยเหลือรึเปล่าคะ "  พี่สาวอย่ายิ้มสิคะ  รู้มั้ยว่ายูกิเขิน>///<


    " พอดีอยากทราบว่า เจ้าของรถมอเตอร์ไซค์สีขาวที่ถูกผ้าคลุมตรงลานจอดรถเป็นของใครเหรอคะ "


    อ้าว  แล้วทำไมพี่สาวถึงทำหน้าตกใจแล้วมองมาที่ฉันแปลกๆล่ะ  อย่าบอกนะว่าพึ่งสังเกตสีผมแต่ฉันก็เดินผ่านหน้าเคาน์เตอร์อยู่บ่อยๆนะ


    " เอ่อ ใช่ผ้าคลุมสีเทาที่ถูกสลักตัวอักษร Y พิมพ์ใหญ่รึเปล่าคะ " 


    " ใช่ค่ะ "  หูยย  อย่าบอกนะว่าพี่สาวก็มีสกิลสัณนิษฐานเหมือนกันน่ะ


    " นั่นรถของคุณหนูเองนะคะ คุณหนูกาคุรุ ยูกิ " 


    ห๊ะ


    หาาาา!!!


    รถฉันเนี่ยนะ!


    " พี่สาวล้อเล่นแน่เลย "  รอยยิ้มแห้งๆของยูกิถูกส่งไปให้พนักงานต้อนรับที่กำลังอมยิ้มนึกเอ็นดูต่อบุคคลตรงหน้า


    " รถของคุณหนูจริงๆค่ะ รุ่นKawasaki Ninja 650 ABS "


    " จำได้อีกต่างหาก "  ชื่อยากสลัด


    เอ๊ะ  เดี๋ยวนะ


    " พี่สาวรู้จักชื่อฉันได้ยังไงเหรอ "


    " ก็ดิฉันเป็นหญิงรับใช้นายท่านกาคุรุ อากิคุณปู่ของคุณหนูเองค่ะ "  พนักงานต้องรับระบายยิ้มขึ้นมาอีกครั้งที่เห็นสีหน้าของยูกิที่มีความมึนงง  ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นตกใจจนเธอนึกอยากขำ


    " อ๋อ "  พึ่งรู้นะเนี่ยว่าคุณปู่ของยูกิเล่นส่งพี่สาวคนสวยมาทำงานเป็นพนักงานต้อนรับเพื่อสอดส่อง


    แต่ว่าถ้าเธอเป็นพนักงานตอนรับของคุณปู่แสดงว่าเธอก็ต้องคอยรายงานชีวิตประจำวันของฉันไปให้ท่านฟัง  แล้วเรื่องพวกนี้จะถูกนำไปเล่าให้พ่อกับแม่มั้ยเนี่ย


    " ว่าแต่...เรื่องนี้คุณพ่อกับคุณแม่รู้มั้ยคะ "


    " เรื่องนี้ดิฉันก็ไม่ทราบเช่นกันค่ะเพราะถูกสั่งให้รายงานเรื่องราวของคุรหนูให้กับคุณท่านเพียงเท่านั้น "  แสดงว่าถ้าฉันอยากรู้ก็ต้องโทรถามสินะ


    " อ้อ ว่าแต่พี่สาวคนสวยชื่ออะไรเหรอคะ "  พี่สาวตรงหน้าเผยสีหน้าตกใจเพียงชั่วครู่  ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาพร้อมกับริ้วสีแดงที่ลามขึ้นบนแก้ม  แหนะ  พี่สาวเขินใช่มั้ยเนี่ย


    " เรียกดิฉันว่าลิลลี่ก็แล้วกันค่ะคุณหนู "  ทำไมต้องเรียกว่าคุณหนูแล้วแทนตัวเองว่าดิฉันด้วยวะ  หงุดหงิดชิบ


    " ต่อไปนี้ฉันมีคำสั่งให้พี่สาวทำตาม "


    ยูกิถอยหลังยืนห่างจากโต๊ะเคาท์เตอร์พร้อมชูนิ้วขึ้นมาเสมือนเป็นคำสั่งข้อแรกด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม


    " ว่ามาได้เลยค่ะ "  ลิลลี่หลับตาลงพร้อมก้มหัวให้ยูกิตรงหน้าที่กำลังยิ้มคิ้วกระตุกอยู่ถี่ๆ


    " ข้อหนึ่งพี่สาวต้องเรียกฉันว่ายูกิหรือยูเฉยๆเพียงเท่านั้น "  


    " ค่ะ "


    " ข้อสองพี่สาวต้องแทนตัวเองว่าพี่ ห้ามแทนตัวเองว่าดิฉัน เข้าใจมั้ยคะ "  ยูกิเลิกคิ้วขึ้น  ขณะเปลี่ยนท่าทางยกมือขึ้นกอดอกเสมือนกดดันอีกฝ่ายที่มีแววตาเลิ่กลัก


    แหมม  อย่าแทนตัวเองว่าดิฉันเลยเพราะจะเป็นฉันเองที่เหนื่อยใจแทน


    " ค่ะ "


    " ว่าแต่กุญแจรถคันนั้นได้อยู่กับพี่ลิลลี่รึเปล่า "  เธอเดินไปเท้าคางมองอีกฝ่ายด้วยความอยากรู้อยากเห็น


    " เรียกฉันว่าลิลลี่เฉยๆน่าจะดีกว่าค่ะ ใช่ค่ะ  กุญแจรถของยูซังอยู่ที่นี่ค่ะ "  


    หญิงสาวเรือนผมสีน้ำตาลเดินไปหยิบกล่องขนาดเล็กมาไว้ต่อหน้าหญิงสาวที่ยืนเท้าคางมองอยู่ทุกการกระทำของเธอ  ยูกิมองกล่องขนาดเล็กด้วยความปลงตกกับความเล่นใหญ่ที่เธอคาดว่าน่าจะเป็นคำสั่งของคุณปู่ที่บอกให้เก็บแบบนี้


    กล่องผ้ากำมะหยี่สีแดงผูกด้วยริบบิ้นสีทองที่เป็นประกายยามต้องแสง  เสียงถอนหายใจดังขึ้นพร้อมนิ้วมือเรียวสวยที่ยื่นมาดึงริบบิ้นออกอย่างแรกโดยไม่คำนึงถึงความสวยงามของมัน  ท่ามกลางความตกใจของลิลลี่หญิงสาวเรือนผมสีน้ำตาลที่เผลออ้าปากตาค้างกับการกระทำของคุณหนูตัวเอง


    แต่ถ้าถามว่ายูกิสนเรื่องพวกนี้งั้นเหรอ  ฝันไปเถอะเพราะเธออยากได้กุญแจรถแล้วขับไปซื้อของในห้างเร็วๆก่อนที่ท้องฟ้าจะเปลี่ยนเป็นราตรี


     " ไปก่อนนะลิลลี่ "


    " ไปดีมาดีนะคะ ยูซัง "  


    หญิงรับใช้สาวเรือนผมสีน้ำตาลที่ถูกมัดรวบไว้มองแผ่นหลังของคุณหนูตัวเองด้วยความเอ็นดูและเขินเพียงเล็กน้อย


    เห็นกี่ครั้งก็ไม่ชินตาซะทีตอนที่เธอเห็นสีผมของคุณหนูตัวเองครั้งแรกที่เริ่มมาทำงานไม่นานมานี้  เธอยังตกใจและตกตะลึงไม่หายตอนที่คุณหนูของตัวเองมีเรือนผมสีขาวราวกับหิมะที่เข้ากันกับนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลอันน่าหลงใหลประกอบกับใบหน้านิ่งๆของคุณหนูที่เดินผ่านไปตอนที่สวมหูฟัง


    ถ้าไม่ได้พนักงานที่ทำงานอยู่ที่นี่มาก่อน  เอากุญแจรถของคุณหนูมาให้เธอตามคำสั่งของคุณท่านล่ะก็  สติของเธอคงจะยังคงล่องลอยบนอากาศเป็นแน่


    " อ้อลิลลี่! ตั้งแต่วันนี้ฉันจะเก็บกุญแจไว้เองนะ! "  ไม่รอคำตอบจากอีกฝ่าย  หญิงสาวนัยน์ตาสีฟ้าในเสื้อเชิ้ตสีเขียวเข้มและกางเกงขาสั้นก็เดินออกไปก่อน  ปล่อยให้ลิลลี่ได้แต่มึนงงกับการกระทำของอีกฝ่าย




    " ขี่ไงวะ "  ร่างบางของหญิงสาวได้แต่ยืนนิ่งข้างรถจองตัวเองด้วยใบหน้ามึนงงกับขนาดของตัวรถและอุปกรณ์ต่างๆ


    หลังจากยืนนิ่งเสียเวลาอยู่นาน  ฉันก็ตัดสินใจขึ้นคร่อมตัวรถแล้วสวมหมวกกันน็อคทันที  ฝ่ามือเลื่อนไปจับแฮนด์รถแล้วความรู้สึกคุ้นชินอยู่ๆก็ล้นทะลักออกมา  จนทำสีหน้าตกใจภายใต้หมวกกันน็อค


    สุดยอดไปเลย  ความสามารถของร่างเก่าถึงไม่ต้องฝึกเรียนรู้ก็สามารถใช้เป็นโดยธรรมชาติราวกับหายใจหรือก้าวเดิน  อย่างกับเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ตั้งแต่เกิดออกมา


    ไม่พร่ำเสียเวลาไปมากกว่านี้  ฉันก็ถอยรถแล้วขับแล่นออกไปบนท้องถนนด้วยความเร็วที่กฏหมายระบุไว้ในประเทศเดิม  แต่สำหรับประเทศญี่ปุ่นฉันไม่รู้หรอกนะว่าเขาจำกัดอัตราความเร็วที่เท่าไหร่


    ผ่านไปไม่ถึงสิบนาที  ยูกิก็เดินทางมาถึงตัวห้างขนาดใหญ่ที่ใกล้ระยะทางอพาร์ทเม้นท์มากที่สุด  ร่างบางของเธอตวัดขาอีกข้างลงมาในฝั่งเดียวกันขณะถอดหมวกกันน็อคไปพลาง


    " ทำเป็นแต่อาหารไทยอ่ะ "  


    อาหารญี่ปุ่นก็ทำเป็นแค่ไก่คาราเกะ  เทมปุระและไข่หวานเพียงเท่านั้น  ส่วนอย่างอื่นอย่าถามถึงเลย  อดีตมันไม่ค่อยจะน่าพิศมัยเสียเท่าไหร่หรอก


    ใครบอกว่ายิ้มกลบเกลื่อน  ใครบอก!  ไม่มี๊!  


    " เหอะๆ ราคาก็มากใช้ย่อยเลย " 


     ขวดน้ำปลาในมือถูกพลิกกลับไปกลับมาอยู่หลายรอบระหว่างมองราคาตัวเลขที่มากกว่าในไทยหลายเท่าตัว  แม้ตัวเองจะเป็นลูกคุณหนูอะไรทำนองนั้นแต่ว่าฉันก็คุ้นชินกับการใช้เงินอย่างประหยัด


    อาหารญี่ปุ่นไม่ได้เรื่องก็ต้องทำกินแต่อาหารไทยนั่นแหละ  ยังไม่อยากขี้โรคไปมากกว่านี้เเล้วคนอะไรกินแต่อาหารพวกนั้นแล้วไม่เบื่อ


    " จะว่าไปแล้ว เราก็ยังไม่เห็นโคนันซะที "


    " แล้วตัวเองจะไปเห็นได้ไง ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่ได้เดินไปเฉียดใกล้เลย "  ของที่ต้องการถูกหยิบลงตะกร้าไปเรื่อย  พอๆกับสีหน้าของฉันเดี๋ยวขมวดคิ้วเดี๋ยวเบื่อโลกราวกับเป็นไบโพล่า


    ตอนไปร้านปัวโรต์อาจจะได้เจอบวนการแก๊งนักสืบเยาวชนก็เป็นได้  แต่เป้าหมายจริงๆคือแซนวิชที่นายหัวบรอนซ์นั้นทำต่างหากล่ะ  อยากรู้จริงๆว่ารสชาติมันจะเป็นแบบไหน


    " อยู่ญี่ปุ่นทั้งทีแล้ว ลองทำแกงกะหรี่ดีกว่า "  คิดได้ดังนั้นฉันก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากกระเป๋าฮู้ดเพื่อจะเสิร์ชหาวัตุดิบทำแกงกะหรี่ญี่ปุ่น  แต่ก็พบว่า...


    " แบตหมด!?! ไอ้บ้าเอ๊ยมาหมดอะไรตอนนี้ "  พยายามเปิดเครื่องอีกหลายต่อหลายครั้งก็ยังคงไร้วี่แววและมีสภาพตามเดิม  ฉันคงต้องถามหาคนแถวนี้ดูแล้วล่ะมั้ง


    ยูกิเลือกที่จะเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าฮู้ดแล้วถือตะกร้าเดินไปตามทางเชลล์ที่คาดว่าน่าจะขายก้อนแกงกะหรี่  ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาฉันก็ไม่มีโอกาศได้ถามเพราะดูท่าแล้วพวกเธอคงจะรีบมากพอสมควร  ดูได้จากความเร็วเวลาเดิน


    นี่ฉันก็ติดสัณฐานเป็นเหมือนนักสืบในอนิเมะแล้วใช่มั้ยเนี่ย!!!


    " อ่ะ บางทีถามเขาดูก็ได้ "  


    เจ้าของกลุ่มผมสีขาวที่ยาวประบ่าสาวเท้าเดินเข้าไปใกล้ร่างของชายหนุ่มคงหนึ่งที่มีเส้นผมสีชมพูออกไปทางหม่นกำลังย่อตัวพิจารณาก้อนแกงกะหรี่อย่างตั้งใจ


    เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลหยุดเดินมายืนซ้อนหลังชายหนุ่มที่กำลังมองกล่องก้อนแกงกะหรี่สองยี่ห้อห่างกันประมาณสามก้าว


    ท่าทางเขาคงจะยังไม่รู้ตัวว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ใกล้ๆ


    เธอยืนมองกล่องแกงกะหรี่ที่ชายคนนี้มองสลับกันมาสักพักจนอยากที่จะถามคำถามของเธอที่ตั้งใจไว้  แต่ถ้าเธอเอ่ยขัดเขาที่กำลังทำอะไรบางอย่างจริงจังขึ้นมาดูแล้วมันคงจะเป็นการเสียมารยาทเพราะฉะนั้นยูกิจึงเลือกที่จะยืนดูเงียบๆรอให้เขายันตัวขึ้นมาแทน  


    " ....... "  


    ไม่รู้ทำไมฉันถึงรู้สึกคุ้นๆคาแรคเตอร์ของชายคนนี้พิลึกชอบกล  เส้นผมสีชมพูหม่นพร้อมเเว่นตาทรงสีเหลี่ยที่บังดวงตาหยีของเขา  เสื้อสีดำคอเต่าที่ปิดต้นคอจนมิดแต่เธอแอบเหลือบเห็นอุปกรณ์บางอย่างที่นูนออกมา


    " เอาอันนี้ก็แล้วกัน "  เสียงทุ้มของชายตรงหน้ากล่าวขึ้นมาขณะยืนขึ้นเต็มความสูงพร้อมกับกล่องแกงกะหรี่ในกำมือ


    เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลตาลุกวาวขึ้นมาหลังจากที่ยืนรอมานาน  เธอจะได้คำตอบที่ต้องการแล้วเพราะความดีใจเกินเหตุทำให้ยูกิเผลอยื่นมือไปแตะบ่าชายหนุ่มร่างสูง


    ฉับพลันดวงตาสีเขียวก็กระตุกขึ้นมา  ก่อนจะตวัดหันไปมองพร้อมกับฝ่ามือที่ตวัดหมายจะคว้าเรียวแขนของบุคคลปริศนา


    " เอ่อ ขอโทษค่ะ "  คงเพราะเขาจกใจล่ะมั้ง  ฉันถึงเผลอก้าวถอยหลังไประยะหนึ่งอย่างรวดเร็วพร้อมฝ่ามือที่ยกออกมาจากบ่าของเขาอย่างรวดเร็ว


    ชายตรงหน้ามองมาที่ฉันด้วยแววตาคล้ายกับตกใจ  เหอะ  คงจะเป็นเพราะสีผมอีกนั่นแหละเล่นเด่นขนาดนี้


    " ครับ " เขารู้สึกแปลก


    อากาอิ ชูอิจิในคราบโอกิยะ สึบารุมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาตกตะลึง  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ทำเอาเขาประหลาดใจ  มือที่หมายจะคว้าแขนของร่างบางกลับคว้าได้แต่เพียงความว่างเปล่า


    เพื่อความแน่ใจอีกครั้ง  เขาจึงเลือกที่จะตั้งคำถามแทน


    " คุณมานานแล้วใช่มั้ยครับ "


    " เอ่อ ค่ะ "  ยูกิตอบด้วยความรู้สึกกระอักกระอวนเพียงเล็กน้อย  ยามนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลสบตาเข้ากับนัยน์ตาสีเขียวของเขา


    ลูกตาเห็นชัดขนาดนี้  ทำไมถึงตาหยีได้กันนะ


    " ........ "  สิ่งที่เขาคิดไว้ไม่มีผิด  


    เขาไม่รู้สึกเลยว่ามีหญิงสาวที่ดูเหมือนจะเป็นเด็กมากกว่ายืนอยู่ด้านหลังนานแล้ว  บางทีคงเป็นเพราะว่าเขามัวแต่สนใจยี่ห้อของก้อนแกงกะหรี่ที่ออกมาใหม่แน่ๆ


    แต่พอลองมองอีกฝ่ายให้ชัดเจนกว่าโดยปัดความกังวลและสงสัยออกไป  เธอกลับมีสีผมที่แปลกแต่เหมาะกับตัวเธอเอง  ประกอบกับนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลของเธอที่สบตากับเขาด้วยดวงตาเฉี่ยวคม 


     เขาก็กลับมองว่าอีกฝ่ายดูมีเสน่ห์จนรู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ออกมาบนใบหน้าถึงกลับต้องหันหลังแกล้งสนใจสินค้า  


    " ??? " 


     อะไรของเขาวะเนี่ย  เล่นจ้องตากันไปพักใหญ่พอถามคำถามออกมา  ฉันก็ให้คำตอบนายนะแต่ทำไมพอทีฉันกำลังจะอ้าปากเอ่ยถามกลับบ้างนายถึงหันไปสนใจก้อนแกงกะหรี่ต่อวะ!


    คนมีเสน่ห์เซ็งและรู้สึกถึงเสียงใบหน้าที่แตกออกมาเป็นเสี่ยงๆค่ะ!!!

















    SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×