คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : สวัสดีโลกโคนัน :) Hello:โรงเรียนเรียวเทย์
" แค่นี้ก็พอแล้วมั้ง "
น้ำเสียงหวานพูดขึ้นมากับตัวเองผ่านบานกระจกขณะเช็คหน้าผมของตนกับการไปโรงเรียนวันแรกของร่างนี้
ไข่ตุ๋นหรือกาคุรุ ยูกิมองตัวเองผ่านบานกระจกด้วยท่าทีไม่มั่นใจและริ้วแดงบนแก้มที่ประดับบนใบหน้าเพียงเล็กน้อย
ถึงนี่จะเป็นร่างของตัวเอง แต่ฉันก็อดเขินกับรูปลักษณ์ภายนอกไม่ได้เลย
ร่างบางของยูกิอยู่ในชุดเครื่องแบบนักเรียนหญิงโรงเรียนมัธยมปลายเรียวเทย์ สูทสีดำทมิฬที่สวมทับเสื้อเชิ๊ตสีขาวพร้อมติดเข็มกลัดตราโรงเรียนที่โชว์เด่นหราตรงกลางอก
ประกอบกับกระโปรงทรงเอวสูงที่บริเวณชายกระโปรงเป็นแบบผ้าพริ้วสีดำตกแต่งด้วยลูกไม้สีขาว ส่วนปกเสื้อเชิ๊ตก็ผูกด้วยโบว์สีดำและสวมล็อคเกตที่เป็นเครื่องประดับทางโรงเรียน
ถ้าสมมติมีคนถามว่าจะไปงานศพเหรอ ฉันจะไม่สงสัยเลยว่าทำไมพวกเขาถึงคิดแบบนั้นก็เล่นคุมโทนมืดอย่างกับธีมปีศาจที่ชั่วร้ายแหนะ
" มันจะมีคนย้อมผมจริงเหรอ " หลังจากที่ตรวจความเรียบร้อยเสร็จ ฉันก็หยิบกระเป๋าขึ้นมาถือก่อนจะเดินออกจากห้องแล้วทำการล็อคประตูไว้เพื่อความปลอดภัย
" ...... " ผมของฉันเป็นสีขาวที่ไม่ได้ถูกย้อมเหมืนกับคนอื่น บางทีก็เล่นทำให้หนักใจไม่น้อยเชียว
" แล้วทำไมยัยซาตานนั่นไม่เอาผมสีดำหรือสีน้ำตาลวะ(-_-) " สีบรอนซ์ก็ได้ทำไมต้องเป็นสีขาวอยากให้ชะนีโพผัวอย่างฉันดูเป็นคนแก่รึไง?
ระหว่างที่ยูกิกำลังฟังเพลงเดินเฉื่อยๆไปตามทางเดินบนท้องถนนโดยมีจุดหมายคือโรงเรียนเรียวเทย์ในยามเช้าที่มีเหล่านักเรียนโรงเรียนต่างๆพากันออกมาเดินพุ่งพล่านตามท้องถนนเช่นเดียวกันกับเธอ
สายตาหลายสิบคู่ของนักเรียนชายหญิงต่างจับจ้องมายังร่างบางของยูกิที่เดินฟังเพลงไปพลางอย่างโนสนโนแคร์กับสายตาเหล่านั้น ซึ่งมันก็...
" ...... " จะพากันมองอะไรนักหนา รู้อยู่หรอกว่าสีผมแปลก แต่อย่าเล่นจ้องกันขนาดนี้สิ มันรู้สึกเสียความมั่นใจนะเพื่อนๆ
...ต่างจากประโยคบ่นภายในจิตใจของยูกิราวฟ้ากับเหว
สาเหตุที่พวกเขามองยูกิก็มีเรื่องเกี่ยวกับสีผมของเธออยู่ส่วนหนึ่ง เส้นผมสีขาวราวกับหิมะในฤดูหนาวซึ่งต่างจากสีผมของคนทั่วไปและเครื่องแบบนักเรียนที่มีลักษณะราวกับชุดย้อนยุคหรือนวนิยายที่เป็นจุดสนใจของสายตาหลายสิบคู่
โรงเรียนเรียวเทย์สถานที่การศึกษาของลูกมหาเศรษฐีหรือเหล่าดาราทั้งหลายแหล่ซึ่งต้องแลกกับค่าเทอมที่แพงแสนแพงซึ่งคนธรรมดาไม่อาจเอื้อมถึง แน่นอนว่าเมื่อกลายเป็นนักเรียนของโรงเรียนนั้นแล้วล้วนได้รับอภิสิทธิ์และสิทธิต่างๆนานาต่างจากโรงเรียนทั่วไป
เช่น เครื่องแบบนักเรียนที่มีสไตล์เรียบหรูราวกับหลุดออกมาจากนวนิยายแฟนตาซีและอีกอภิสิทธิ์หนึ่งของเครื่องแบบนักเรียนก็คือสามารถปรับแต่งได้ตามใจชอบอย่างมีขอบเขตหรือการย้อมสีผมในโรงเรียน
และนี่ก็คือสาเหตุความสนใจของพวกเขาที่มองมายังร่างบาง นักเรียนเรียวเทย์แทบจะส่วนน้อยที่อยู่ในชุดเครื่องแบบแล้วเดินไปยังโรงเรียนในยามเช้าต่างจากสถานที่อื่นๆอย่างห้างที่จะพบเห็นได้ง่าย พวกเขาแทบจะนับและตอบได้อย่างมั่นใจเลยว่ามีไม่ถึงสิบคนด้วยซ้ำเพราะส่วนใหญ่แล้วล้วนมาด้วยยานพาหนะ
ยูกิคือนักเรียนโรงเรียนเรียวเทย์ที่เดินไปโรงเรียนคนแรกของรอบสัปดาห์นี้และคือนักเรียนคนแรกที่มีเส้นผมสีขาวต่างจากนักเรียนเรียวเทย์คนอื่น
" แล้วคนในโรงเรียนจะมองทำไมกันเนี่ย พวกแกก็มีสีผมที่ต่างกันไม่ใช่เหรอ "
ในตัวฉันมีอะไรน่าสนใจพวกแกถึงกับลงทุนหันมามอง สีผมก็ต่างกันทุกคน เสื้อผ้าก็คล้ายกัน กระเป๋าก็เหมือนกัน ไม่ทราบว่าพวกคุณท่านหันมามองแล้วจับกลุ่มเม้ามอยอย่างเปิดเผยขนาดนี้ทำไมกันเหรอ
ในที่สุดยูกิก็ระงับอารมณ์สีหน้าความรู้สึกของตัวเองแล้วมุ่งหน้าเดินดุ่มๆขึ้นไปยังห้องเรียนของตัวอาคาร กระเป๋าหนังสีดำที่มีเข็มกลัดรูปถ้วยพุดดิ้งไข่ตุ๋นถูกวางลงบนโต๊ะพร้อมเสียงครืดของเก้าอี้ที่ถูกลากเพื่อนั่งลงได้อย่างสะดวกภายในห้อง
ร่างบางบิดแขนราวกับแมวขี้เกียดไปทีนึง ก่อนจะหยิบสมุดหนังสือออกมาวางบนโต๊ะเพื่อเตรียมตัวกับการเรียนการสอนในคาบแรกและของร่างนี้
" มองทำไม " อยู่ด้านนอกโรงเรียนโดนมองก็ไม่แปลกเท่าไหร่หรอก แต่พอย่างก้าวเข้ามาเหยียบย่ำในรั้วโรงเรียนแล้วกลับรู้สึกกลายเป็นแกะดำที่ทุกคนต่างให้ความสนใจแทน
ถามซึ่งๆหน้าไปเลย ฉันเริ่มหงุดหงิดแล้วนะ
" ปกติเธอจะมีผมสีน้ำตาล " หญิงสาวในห้องคนหนึ่งตอบคำถามของยูกิ
" ก็ย้อมได้ไง " แต่กรณีของฉันยกเว้นไปก็แล้วกันเพราะดูจากลักษณะแล้วคงจะเป็นสีผมธรรมชาติจริงๆ ธรรมชาติในแบบสีขาวอ่ะนะ
" แล้วเธอก็ดูต่างจากเดิมนิดหน่อย ดูมั่นใจขึ้น เข้าหาได้ง่ายขึ้นยังไงไม่รู้ "
ง่ายๆนะ ออร่าที่ฉันแผ่ออกมาแตกต่างจากนิสัยเก่าของร่างนี้ที่จะออกไปทางเด็กเนิร์ด คือ เงียบแต่พอพูดคุยได้เป็นบางคราหรือแล้วแต่อารมณ์
เมื่อคิดนั้นแล้ว ฉันก็จุดยิ้มบริเวณมุมปากพร้อมเอนตัวพิงเก้าอี้ไปทางด้านหลัง ขณะไล่สายตากวาดมองสมาชิกในห้องที่มีใบหน้าเชิงสงสัยและจับผิดแล้วพูดประโยคต่อว่า
" แน่นอนและก็จะต่างจากเดิมมากด้วย "
" แหมๆ ยูกิจังมีมนุษย์สัมพันธ์กับเพื่อนมากขึ้นแล้วนะ " เสียงหวานหนึ่งดังออกมาจากร่างบางของหญิงสาวเรือนผมสีชมพูที่ริมฝีปากถูกแต่งแต้มด้วยลิปสติกมียี่ห้อบริเวณริมหน้าต่างตรงทางเดิน
" ...... " อยากบอกหล่อนเหลือเกินว่าลิปสติกสีนี้ทำให้หน้าดูแก่กว่าวัย แต่ดูจากคำพูดพร้อมท่าทีชวนหาเรื่องของหล่อนแล้ว คงต้องเป็นหลังจากมีปากเสียงก็แล้วกันนะ ทิราสุ ราวากิ
" แถมยังไปอัพสกิลสีผมด้วย ถามหน่อยสิว่าเป้าหมายของเธอคือใคร? " ราวากิย่างก้าวเดินเข้ามาหยุดหน้าโต๊ะเรียนยูกิพร้อมกับเหล่าลูกสมุนที่กำลังแต่งองค์ทรงเครื่องอยู่
สมาชิกในห้องได้แต่เงียบปากเพราะอิทธิพลของราวากินั้นถือว่าเหนือกว่าพวกเขาและทุกคนต่างรู้นิสัยของหล่อนดีว่าเป็นยังไงจึงเลือกที่จะไม่ยุ่งเพราะไม่อยากโดนหมายหัว
ฉันเบนสายตาหันไปมองสมาชิกในห้องที่เลือกจะเงียบและไม่เข้ามายุ่งเพราะไม่ใช่เรื่องของตัวเองพร้อมกรอกตามองบน ก่อนจะละสายตาหันมามองบุคคลตรงหน้าที่เดินมาหยุดกอดอกเชิดหน้าใส่
" ฉันว่าเราไม่ได้สนิทถึงขั้นเรียกชื่อกันนะและอีกอย่างฉันยังไม่ได้อนุญาตด้วย " ไม่ว่าเปล่ายูกิก็ยกขาขึ้นมานั่งท่าไขว้ห้างขณะส่งยิ้มให้ราวากิ
ผู้ที่ริเริ่มบทสนทนาชะงักไปทีนึงหลังจากที่เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลเปิดปากกล่าวออกมาพร้อมเปลี่ยนท่าทีเหมือนคนละคนกับยูกิคนเดิมที่ยอมให้ราวากิพูดจาจิกกัดโดยไม่เอาเรื่องและสมยอม
ราวากิเหยียดยิ้มออกมาขณะสบตากับร่างเจ้าของเรือนผมสีขาวที่มีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าอย่างนึกสนุก ก็ดี เธอจะได้สนุกกับคู่บทสนทนาตรงหน้าที่แต่ก่อนเงียบปากไม่ยอมตอบโต้ทำให้รู้สึกน่าเบื่อต่างจากตอนนี้
" อะไรกัน แต่ฉันอยากสนิทกับยูกิจังนะ "
" งั้นเหรอ แต่บังเอิญว่าฉันไม่อยากสนิทด้วยน่ะสิ " ไม่ทราบว่าคุณเธอใช้อะไรมองหน้าฉันเหรอถึงไม่รู้ว่าฉันไม่อยากสนิทด้วย
" นี่ท่านทิราสุอุตส่าห์ลดตัวลงมาอยากสนิทกับเธอเลยนะ อย่าเล่นตัวไปหน่อยเลย " หญิงสาวผู้เป็นลูกสมุนของราวากิเอ่ยออกมาพร้อมใช้สายตามองต่ำ
" ฉันเปล่าเล่นตัวนะ ไม่ทราบว่าพวกเธอดูสีหน้าฉันไม่ออกเลยเหรอว่าอยากสนิทกับท่านทิราสุของพวกแกด้วยรึเปล่า " ยูกิกล่าวออกมาพร้อมชี้นิ้วใส่ใบหน้าของตัวเอง
" ท่านทิราสุเขาอุตส่าห์มีน้ำใจจะเป็นเพื่อนกับแก เห็นว่าอยู่ตัวคนเดียวหนิเป็นคนไร้เพื่อนไม่ใช่หรือไง " หญิงสาวเรือนผมสีชมพูปล่อยให้ลูกสมุนของตัวเองจัดการกับคู่บทสนทนาในขณะที่ตัวเองคอยดูเล็บที่ไปทำเมื่อวันก่อน
" หาาา " ไร้เพื่อน? แต่ในใบเอกสารที่ยัยซาตานลิลิธส่งให้อ่านระบุว่าฉันมีเพื่อนต่างห้องอยู่ตั้งสองคนเชียวนะ
" หึ ไม่ต้องไปสนใจมันเถอะ ปล่อยให้ไร้เพื่อนอยู่แบบนี้นั่นแหละ สีผมอย่างกับคนแก่ไม่รู้กล้าทำไปได้ไง " ราวากิละความสนใจจากเล็บของตัวเองแล้วหันไปห้ามปรามเหล่าลูกสมุนที่ยืนค้ำโต๊ะของอีกฝ่ายและไม่ลืมที่จะพูดเหน็บแนมส่งท้ายให้ยูกิที่นั่งยิ้มคิ้วกระตุก
อ้าว พูดแบบนี้เชิญชวนตบกันชัดๆเลยยัยทิราสุและสีผมอย่างกับคนแก่ที่แกพูดมาหมายความว่าไงห๊ะ ในฐานะที่ฉันเป็นวิญญาณหรืออะไรก็ไม่รู้มาสิงร่างนี้สามารถเป็นพยานการันตรีได้เลยว่าอย่างน้อยๆก็ดูดีกว่าแกหลายเท่า!!!
" พูดไม่ดูตัวเองเลยว่าหน้าเทา " ฉันพูดออกมาลอยๆเหมือนไม่ได้ตั้งใจให้สามคนนั้นได้ยิน แต่ที่จริงตั้งใจนั่นแหละไม่งั้นพวกหล่อนไม่หันหน้ามาทำตาเขียวใส่หรอก
" นี่แกว่าพวกฉันเหรอ อิบ้า! " หนึ่งในสามคนนั้นหันมาตวาดใส่ยูกิที่กำลังนั่งเท้าคางมอง
ทุกคนเริ่มหันมาสนใจกับบทสนทนาระหว่างยูกิกับราวากิมากขึ้นหลังจากมีปากเสียงกันเป็นน้ำจิ้มสำหรับยูกิ สายตาทุกคู่ต่างจับจ้องมองมายังทางพวกเธอด้วยความอยากรู้เหมือนกำลังสนุกกับกาามีปากเสียงกัน
" ก็ไปส่องกระจกดูสิ ถ้าหน้าเทาแสดงว่าฉันด่านั่นแหละ " จากนั้นยูกิก็แลบลิ้นออกมาอย่างกวนๆท่ามกลางความตกใจของเหล่าเพื่อนๆที่เบิกตาโพลงกับการต่อล้อต่อเถียงของเธอ
นับว่าเป็นครั้งแรกก็ได้ที่พวกเขาเห็นการโต้ตอบจากเธอที่ปกติมักจะเป็นฝ่ายไม่โต้กลับและมักเฉื่อยชากับคนที่เข้ามาหาเรื่องอย่างแก๊งราวากิ ทำให้เป็นเป้าหมายสำหรับการถูกแกล้งได้ง่ายๆจากคนอื่น
ถ้ายูกิได้มารับรู้สิ่งที่พวกเขาคิดในใจ คงจะบอกว่าให้พวกเขาคิดใหม่แน่
" กรี๊ดดด! นังบ้า! " ราวากิกรี๊ดเสียงดังลั่นพร้อมใบหน้าที่เริ่มแดงแสดงถึงความอับอายและความโกรธ
ฉันหัวเราะภายในลำคอและเลิกคิ้วขึ้นพร้อมพูดประโยคต่อมา ทำให้ราซากิและแก๊งลูกสมุนของเธอแก้มแดงกว่าเก่า
" เก็บแรงปากไว้แผ่เมตตาให้ตัวเองก่อนจะดีกว่า " และแน่นอนว่าต้องต่อด้วยเสียงกรี๊ดกร๊าดของแก๊งสามสาวเจน นุ่น โบว์แน่
" กรี๊ดดดดด!!! " เห็นมั้ยฉันบอกแล้ว
" แสบหูจังวะ " เสียงกรี๊ดอย่างกับเสียงนกหวีดของรปภ.แถวโรงเรียนเก่าเลย
" อิยูกิ! มาให้ฉันตบหน้าเดี๋ยวนี้!!! " ราวากิตะโกนพลางชี้หน้าใส่หญิงสาวนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเล
" อ้าวๆ ก็มาดิคร้าบ คิดว่าเป็นแค่คนเดียวรึไง ห๊ะ!!! " แขนเสื้อสูทสีดำที่เป็นเสื้อนอกของโรงเรียนถูกถกขึ้นมาจนถึงข้อศอกพร้อมเปลี่ยนสีหน้าเป็นเชิงพร้อมบวก
มาเลย!!! ฉันก็อยากตบหน้าแกอยู่เหมือนกันนั่นแหละ อิหน้าเหมือนหมา ถามจริงว่าพวกเเกพากันใช้เบอร์รองพื้นถูก หน้าเทาอย่างกับป้าข้างบ้านที่ชอบมาคาดหวังชีวิตกูชิบหาย
และก็เป็นอีกครั้งกับยูกิที่ทุกคนต่างอ้าปากตาค้างกับท่าทีของร่างบาง ใครจะไปคิดล่ะว่าหญิงสาวที่ชอบหมกตัวอยู่คนเดียวและยอมให้คนอื่นรังแกจะถกแขนเสื้อพร้อมพูดจาชวนหาเรื่องแบบนี้
ราวากิที่เห็นท่าทีตอบโต้แบบนั้นก็เกิดหน้าเสียกระทันหัน จึงได้แต่ขบฟันแน่นแล้วเดินกระทืบเท้าไปนั่งที่ของตัวเองพร้อมกับลูกสมุนที่ยังคงช็อคไม่หาย โดยไม่ลืมที่จะพูดทิ้งท้ายประโยคทำเอาไข่ตุ๋นในร่างยูกิคิ้วกระตุก
" หึย ฝากเอาไว้ก่อนเถอะ "
" เดี๋ยวสิ มาเคลียร์กันให้รู้เรื่องก่อนโว้ย " ทำคนอื่นอารมณ์ค้างแบบนี้ใช้ได้ที่ไหนล่ะ
" คุณครูมาแล้วทุกคน "
" ชิ ถือว่ารอดตัวไป " อย่าให้เจอครั้งหน้าอีกนะ จากมือมันจะกลายเป็นเท้าแทน เวร!
หลังจากจบคาบเรียนภาคเช้าไป ทุกคนในห้องก็ต่างเอาเรื่องที่ยูกิตอบโต้ไปโม้พูดคุยกันจนกลายเป็นประเด็นอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องพึ่งเครื่องมือสื่อสาร
ส่วนร่างบางเจ้าของชื่อประเด็นนั้นก็ได้หาสนใจไม่ ยูกิยังคงปฏิบัติแบบเดิมเพิ่มเติมคือย่างก้าวไปหยุดหน้าห้องคลาสบีเพื่อรอเพื่อนของตนไปทานข้าวเที่ยงด้วยกัน
" ไง " ฉันยกมือทักทายบริเวณหน้าห้องเรียนแก่หญิงสาวทั้งสองคนผู้มีเรือนผมสีบรอนซ์และสีน้ำตาล
" ยูกิจังไม่ได้โดนทิราสุทำร้ายใช่มั้ย "
หญิงสาวเรือนผมสีน้ำตาลถลาตัวไปกุมมือทั้งสองข้างของยูกิอย่างรวดเร็วพร้อมเอ่ยประโยคถามด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเป็นห่วง จนเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าได้แต่ยิ้มแห้งกับออร่าที่แผ่ออกมา
นางฟ้าชัดๆเลย~
" นักเรียนคลาสเอคนนั้นก็พูดแล้วไงฮารุ ว่ายูกิไม่ได้ถูกทำร้ายหรอก " เจ้าของเรือนผมสีบรอนซ์เดินมายืนขนาบข้างหญิงสาวที่มีนามว่าฮารุ หรือมินาโกะ ฮารุ
" ฉันสบายดี " มินาโกะ ฮารุเพื่อนคนแรกของยูกิคนเดิมตอนย้ายเข้ามาโรงเรียนใหม่ๆ พอพูดคุยทำความรู้จักกันถูกคอก็มีสมาชิกเพิ่มอีกคน
" แต่ยูกิจะทำร้ายแทนต่างหาก "
" ไม่ต้องมาเหยียดยิ้มใส่กันเลยนะซึบาสะ "
" ฮี่ๆๆ " ซึบาสะ เคียวกะระบายยิ้มกว้างออกมา ก่อนจะเดินจูงมือทั้งคู่ออกนอกห้องเพื่อมุ่งหน้าไปยังโรงอาหาร
ตอนแรกที่พวกเธอได้ยินข่าวจากเพื่อนต่างห้องก็แอบตกใจมากพอสมควรแถมยังปฏิเสธชนฝาอีกต่างหากว่าไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน จนมาเจอเจ้าของชื่อตัวจริงเสียจริงที่ยกมือทักทายแล้วปล่อยออร่าคล้ายฮารุออกมา
วันหยุดสุดสัปดาห์แค่สองวันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเพื่อนของตัวเองจะลงทุนไปเปลี่ยนสีผมและนิสัยมาได้มากขนาดนี้ แต่ก็น่าดีใจอยู่แหละที่เพื่อนตัวเองไม่ได้ยอมคนเหมือนแต่ก่อน
" ว่าแต่ยูกิไปย้อมผมร้านไหนอ่ะ สวยมาก " ระหว่างที่นั่งทานข้าวในโรงอาหาร ซึบาสะก็เปิดประโยคขึ้นมาขณะจับเส้นผมของยูกิไปดูใกล้ๆ
" ....คนรู้จักย้อมให้น่ะ "
" แย่จัง ฉันอยากไปย้อมบ้าง "
" ผมสีบรอนซ์เหมาะกับซึบาสะที่สุดแล้ว " อย่าตื้อให้ฉันไปอ้อนขอเลยนะเพราะคนที่ทำให้มีสีผมแบบนี้อยู่บนฟ้านู่น เอ๊ะไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าอยู่ด้านล่างต่างหาก
" ยูกิจังปากหวานขึ้นนะ " ฮารุกล่าวออกมาขณะเคี้ยวข้าวในปากจนแก้มตุ่ย
" แน่นอนอยู่แล้ว " ฉันเอื้อมมือไปหยิบกระดาษทิชชู่แล้วส่งให้ฮารุ ก่อนจะก้มหน้ากินข้าวห่อไข่ที่ซื้อมา อร่อยมากๆเลย
" ฮารุ วันนี้พาฉันไปโรงเรียนมัธยมปลายเทย์ตันเป็นเพื่อนหน่อยนะ " ซึบาสะหันไปพูดขอร้องฮารุที่กำลังจัดการกับมื้ออาหารของตัวเอง
โดยมียูกิที่กำลังนั่งฟังบทสนทนาของพวกเธออย่างเงียบๆขณะจัดการกับอาหารบนชาม ในเมื่อเธอเคยได้รับอุบัติเหตุจนถึงแก่ความตายมาแล้วครั้งหนึ่งทำให้เห็นคุณค่าของชีวิตเพิ่มมากขึ้นแล้วกลายเป็นบทเรียนสำคัญในการทำสิ่งต่างๆและต้องมีขอบเขตด้วย
แต่คิดเหรอว่าฉันจะทำแบบนั้นตลอด คำตอบคือไม่อ่ะพอดียังไม่เข็ดเท่าไหร่ ถ้าเป็นคนอื่นได้มาอยู่ในโลกโคนันแบบฉันแล้ว บางส่วนอาจจะอยากเป็นตัวประกอบที่ไม่สำคัญเพราะไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับคดี
ส่วนสำหรับฉันขอไปตีสนิทแล้วได้ร่วมไขคดีบางอย่างน่าจะดีกว่า ท่าทางที่เคยดูบางตอนมันออกจะน่าสนุกขนาดนั้นมีเหรอคนอย่างไข่ตุ๋นจะพลาด พอตีสนิทกับรันและโซโนโกะแล้ว บางทีฉันอาจจะได้ร่วมเดินทางไปที่ต่างๆที่ไม่สามารถไปได้
นั่นก็แค่ข้ออ้างเฉยๆ เหตุผลที่แท้จริงก็คืออยากรู้ว่าคนอื่นจะจับไต๋โคนันตอนไขคดีได้รึเปล่าและอยากเห็นสีหน้ากับน้ำเสียงอันกระอักกระอวนของเขายามแถเท่านั้นเอง~คิคิ
อ้อ อยากรู้กลของจอมโจรคิดด้วยเผื่อเขาจะใจดีและมีความเมตตาต่อเด็กตาดำๆแล้วสอนกลสักสามสี่อย่างให้ฟรีๆ รู้สึกว่าฝีมือในโลกเก่ากลายเป็นกลกระจอกๆไปเลยพอมาอยู่โลกนี้
" นี่ๆซึบาสะ ฉันขอไปด้วยคนนะ " เผื่อเจอรันกับโซโนโกะจะได้ไปตีสนิททำความรู้จักกับพวกหล่อนแล้วได้ร่วมเหตุการณ์ไขคดี
" เอ๋ " แล้วทำไมต้องทำสีหน้าสงสัยแบบนั้นออกมาด้วยล่ะพวกเธอ
" ทำไมเหรอ "
" เลิกเรียนเสร็จ ปกติยูกิจังจะขอตัวกลับบ้านไปก่อนตลอด พอมาโดนขอแบบนี้มันรู้สึกแปลกไปน่ะ " ไม่ว่าเปล่าฮารุก็ยิ้มแหยๆใส่ยูกิ
" หรือว่าพวกเธอไม่อยากให้ฉันไปเหรอ " พูดเสร็จฉันก็ก้มหน้าลงท่ามกลางความตกใจของทั้งคู่ที่มือไม้เริ่มอยู่ไม่สุขและส่ายไปมา
หึ รางวัลการแสดงออสการ์มอบให้ฉันเลยก็ได้นะ
" ไม่ใช่อย่างนั้นนะ เธอไปด้วยฉันก็ไม่ได้ว่าซะหน่อย " ซึบาสะกล่าวก่อนจะก้มลงกินพุดดิ้งมัชฉะ
" ขอบคุณว่าแต่ซึบาสะไปทำไมอ่ะ "
"ิิ แม่ให้ไปรับลูกพี่ลูกน้องต่างโรงเรียนน่ะ โตแล้วไม่เห็นต้องให้ไปรับก็ได้เดินเองไม่เป็นรึไง "
" แหะๆ " ประโยคด้านหลังซึบาสะเหมือนจะบ่นออกมาแทนดูได้จากสีหน้าขมวดคิ้วแล้ว ก็พอเดาได้อยู่แหละไม่ถูกกันเหมือนฉันในโลกก่อนเลย
" คาบสุดท้ายเราเลิกเรียนก่อนโรงเรียนเทย์ตัน 20นาที ให้รถซึบาสะจังไปส่งก็แล้วกันเดี๋ยวฉันค่อยเรียกให้รถไปรับฉันที่นู่นแทน "
" ฉันว่าเราเดินไปเองก็ได้หนิ ระยะทางไม่ค่อยไกลกันมาก " หลังจากดื่มชาเขียวในแก้วหมด ยูกิก็เอ่ยประโยคออกมา
" ฉันว่าเอาแบบที่ยูกิว่านั่นแหละ เดี๋ยวค่อยให้รถไปรับที่หน้าโรงเรียนญาติฉันเลย "
" เอางั้นก็ได้ " ฮารุตอบลากเสียงยาวด้วยน้ำเสียงร่าเริงที่จะได้เดินไปพร้อมกันกับเพื่อนๆทั้งสองคน พวกเธอเดินด้วยกันครบทั้งสามคนแบบนี้มีไม่บ่อยนักเพราะธุระของแต่ละบ้าน
" ...... " เตรียมตัวให้ดีล่ะโคนันเพราะฉันจะไปตีสนิทแล้วคอยช่วย(?)เหลือคดีของนายเอง
ความคิดเห็น