คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : แค่มองตา...ก็แพ้แล้ว
เข้าสู่วันที่ห้าที่เขาได้เข้ามาอยู่ในเกาะสวรรค์ของชาวเอลเดีย
เช้าวันนี้เป็นเลิกงามยามดีที่เขาจะได้ทำการปฏิวัติอาหารการกินของตัวเองอย่างจริงจัง เขาจะไม่ยอมกินขนมปังที่แข็งไปถึงจิตวิญญาณ กับซุปสารพัดสัตว์ที่ไม่ว่าจะเป็นเนื้อของตัวอะไรก็มีสภาพพร้อมยุ่ยละลายไปกับน้ำซุปเหมือนกันหมด ไม่รู้ว่าเป็นที่เนื้อสัตว์หรือเป็นที่คนทำ
ถ้าถามว่าทำไมเขาต้องลุกขึ้นมาปฏิวัติเอาตอนนี้งั้นหรอ เพราะเมื่อวานเขากินไอ้ขนมปังแข็งโป้ก กับซุปเนื้อยุ่ยเหมือนๆ เดิม แต่กินได้ไม่นานเขาก็ต้องมานั่งปวดท้อง อาหารไม่ย่อย ทางเดินอาหารไม่สดวก ทำเอาเขาทรมานแทบตาย เอลวินต้องวิ่งวุ่นหาทางรักษา
แต่ก่อนที่ออสตินจะได้คิดไปไกลกว่านี้ เอลวินก็ได้เอ่ยเรียกขึ้นมา
"แค่จะออกไปคุยงาน ไม่ต้องทำหน้าจริงจังขนาดนั้นก็ได้ฮันส์" เอลวินมองนกที่เกาะอยู่ที่แขน ที่ตอนนี้ขาของมันถูกตอกสายรัดข้อเท้า และผูกเชือกคล้องไว้กับเท้าข้างที่ตอกสายรัด ส่วนปลายเชือกอีกด้านผูกไว้กับแขนของเขาข้างที่ให้ฮันส์เกาะ เขาจะทำอย่างนี้แค่เวลาที่เขาจะออกไปข้างนอก ซึ่งช่วงนี้ยังอยู่ในช่วงทำความคุ้นชินถึงต้องเอาฮันส์ไปด้วย ส่วนเวลาที่อยู่ในห้องเขาจะถอดเชือกออกให้
ตอนนี้ออสตินกำลังจะได้ออกไปข้างนอก หลังจากที่อุดอู้อยู่ในห้อง ดูเอลวินนั่งทำงานมาหลายวัน ซึ่งการอยู่กับเอลวินไม่ใช่เรื่องที่ยาก แค่ต้องทนกับการถูกแหย่ และลวนลามวันละหลายๆรอบ ไม่รู้ว่าไปขาดความอบอุ่นมาจากไหน
ส่วนเรื่องอื่นจะว่าดีมั้ยนะ มีคนมาดูแลเอาใจเนี่ย เช้าหวีขนให้ หาของมาให้ลองกิน แม้มื้อหลักจะยังคงเป็นขนมปังกับซุปเจ้าเดิมซึ่งทำให้เขาปวดจิตมาก คิดว่าเขาชอบมันรึไง ส่วนวันไหนว่างๆ ก็จะฝึกให้เขาทำตามคำสั่ง สำหรับเขาเหมือนการออกกำลังกายมากกว่า และตกดึกก็ถูกหวีขนให้อีกรอบ เขาอาบน้ำสามวันครั้ง บ่อยไปจะป่วยเอา และสุดท้ายที่เขาค่อนข้างชอบคือการได้นอนในที่อุ่นๆ นั่นคือตรงซอกคอที่ประจำของเขานั่นเอง ทุกคืนต้องถูกจุ๊บหัวก่อนนอน เขาขอหยุดอวดแค่นี้ก่อน
วันนี้เอลวินจะต้องเข้าไปคุยธุระกับผู้บัญชาการสูงสุดของหน่วยสำรวจ เรื่องเครื่องยิงพลุสัญญาณควันที่เอลวินคิดขึ้น โดยมีฮันจิผู้หญิงที่คลั่งไคล้ในไททันเป็นคนประดิษฐ์ เขาล่ะอดทึ่งในผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ เป็นคนที่มีความสามารถแต่ชอบทำตัวเหมือนพวกโรคจิต อดขนลุกทุกครั้งที่เจอไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายจ้องแต่จะเอาเขาไปทดลอง
โดยเอลวินจะไปคุยเรื่องให้นำเครื่องยิงพลุสัญญาณควันนี้ มาใช้ในปฏิบัติการสำรวจนอกกำแพงในครั้งต่อไป เพื่อลดการเผชิญหน้ากับไททัน
"ก๊อกๆ ก๊อก" เสียงเคาะประตูดังขึ้น
"ขออนุญาตครับ ผมหัวหน้าหน่วยเอลวิน ขอเข้าพบครับ" นี่เขาคิดเพลินจนเอลวินมาถึงแล้วหรอ
"เข้ามาได้" เสียงอนุญาตจากข้างในดังออกมา
ออสตินเกาะอยู่ที่ไหล่ของเอลวิน ทันทีที่ประตูเปิดเข้าไป เขาก็เห็นผู้ชายที่อยู่ข้างหน้าทันที เขาเป็นชายวัยกลางคน ผมตัดสั้นสีเทา แววตาดุดัน
'นี่หรอผู้บัญชาการสูงสุดของทีมสำรวจ น่ากลัวใช้ได้' ออสตินมองอีกฝ่ายอย่างสำรวจ
"นั่นนกที่นายเก็บได้ตอนไปสำรวจนอกกำแพงหรอเอลวิน" ผู้บัญชาการสูงสุดของหน่วยสำรวจ หรือก็คือ คีธ ชาดิส เอ่ยถามกับเอลวิน ที่เคยได้มารายงานเรื่องนี้เอาไว้แล้ว
"ครับ มันชื่อฮันส์" เอลวินทำการแนะนำออสตินที่เกาะอยู่บนบ่า ออสตินที่ถูกแนะนำตัวก็ทำหน้าเชิด ยืนตรง พยักหน้าให้
คีธที่เห็นก็รู้สึกแปลกใจ นกนี่ฟังที่พวกเขาคุยกันรู้เรื่ิองด้วยหรอ คีธหันไปเลิกคิ้วถามเอลวินทางสายตา
"ฮันส์มันฟังรู้เรื่องครับ มันเป็นนกที่ค่อนข้างฉลาด" เอลวินอธิบายให้ผู้บัญชาการที่มองมาอย่างสงสัย ออสตินที่ได้ยินก็ค้านขึ้นมาในใจ
'ไม่ใช่ค่อนข้าง แต่ฉลาดมากเลยล่ะ' เขามั่นใจด้วยความที่เขาเป็นที่ต้องการตัวในหลายๆ หน่วยวิจัย มันแสดงให้เห็นว่าเขาฉลาด
"มันจะไม่มาเป็นอันตรายต่อมนุษยชาติในกำแพงหรอเอลวิน?" ออสตินได้ยินคำถามนี้ถึงกับชะงักทันที เขาจะเอาอะไรไปเป็นอันตรายห๊ะ มีแต่จะช่วย นี่มันกล่าวหากันนี่
เอลวินที่เห็นว่าฮันส์เริ่มมีอาการไม่พอใจจึงรีบพูดยืนยันกับผู้บัญชาการออกไปทันที
"ฮันส์จะไม่เป็นอันตรายต่อมนุษยชาติแน่นอนครับ" จากที่อยู่ด้วยกันมา เขาเริ่มที่จะเรียนรู้อารมณ์ต่างๆของฮันส์ได้มากขึ้น ถ้ามันไม่พอใจมันจะทำการจ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยสายตาแข็งๆ ซึ่งถ้ามันไม่พอใจคนที่ต้องรองรับอารมณ์ของมันก็คือเขา เพราะงั้นเขาไม่อยากให้มันต้องมาอารมณ์เสีย
ออสตินที่ถูกเอลวินแก้ต่าง ยืนยันความบริสุทธิ์ให้ก็หันหัวไปซุก คลอเคลียกับผมของเอลวิน
'ทำดีมากเจ้าหัวทอง' ทำไมเขาต้องเอาหัวมาซุกน่ะหรอเพราะเขาชอบกลิ่นผมของเอลวินยังไงล่ะ ยอมรับว่าช่วงนี้เขากำลังเสพติดมันอยู่
เอลวินผู้ถูกกระทำก็นิ่งไป ไม่ได้จับออกแต่อย่างใด ปล่อยให้ออสตินทำตามใจชอบ เขาชินแล้วล่ะ และเขาก็ไม่มีปัญหาด้วยถ้ามันชอบที่จะทำ
คีธที่ได้ฟังคำยืนยันหนักแน่นจากเอลวิน เขาก็ยอมที่จะลงให้ ในเมื่ออีกฝ่ายยืนยันหนักแน่นซะขนาดนั้น ก่อนจะมาคิ้วกระตุกกับภาพที่เห็น
'ไอ้นกนี่มันรู้จักอ้อนคนด้วย ท่าทางดูจะฉลาดเกินไปแล้ว' เมื่อกี้ยังจ้องเขาตาแข็งอยู่เลย
"พูดธุระของนายมาเอลวิน" คีธถามถึงเรื่ิองที่เอลวินมาเข้าพบ เอลวินที่ถูกถามรีบพูดถึงจุดประสงค์ที่มาขอพบทันที
"ผมอยากจะให้นำเครื่องยิงพลุสัญญาณควันไปใช้ ในแผนปฏิบัติการสำรวจนอกกำแพงครั้งต่อไปครับ" เอลวินพูดถึงความต้องการอย่างหนักแน่น
"มันเสี่ยงเกินไป เรายังไม่รู้ว่ามันจะใช่งานจริงได้หรืิอป่าว" คีธปฏิเสธความคิดของเอลวินทันที เขาว่าแบบเดิมยังใช้ได้อยู่ ไม่จำเป็นต้องเพิ่มอะไรเข้ามา
"เรื่องนี้ผมได้ให้ฮันจิกับมิเคะ และคนในหน่วยของผมลองแล้ว ไม่มีปัญหาครับ" เอลวินยังคงไม่ยอมแพ้ ในความคิดของตนเองที่จะนำเครื่องยิงพลุสัญญาณควันไปใช้ในการสำรวจ
"ฉันยังไม่เห็นด้วยอยู่ดี" คีธยังคงยืนยันที่จะปฏิเสธ
"แต่มันจะช่วยลดการปะทะกับพวกไททัน ทำให้เราสำรวจไปได้ไกลกว่าเดิมนะครับ ขอให้ท่านพิจารณาด้วย" เอลวินพูดถึงสิ่งที่จะได้ เครื่องยิงพลุสัญญาณควันที่เขาคิดนี้ มันจะช่วยได้หลายอย่างในการสำรวจนอกกำแพง
"หัวหน้าหน่วยเอลวิน ฉันยังยืนยันคำเดิม ว่าจะไม่นำมันไปใช้ในการสำรวจนอกกำแพงครั้งต่อไป เรายังไม่พร้อมจะนำคนของเราไปเสี่ยง" คีธไม่ลังเลแม้แต่น้อย ปฏิเสธเอลวินเสียงแข็งทันที
"ครับ" เอลวินที่โดนปฏิเสธถึงสามครั้งได้แต่ยอมรับการตัดสินใจของผู้บัญชาการ
"นายออกไปได้แล้ว" คีธเอ่ยบอกกับเอลวิน แล้วเดินหันหลังออกไปมองนอกหน้าต่าง
เอลวินทำความเคารพก่อนจะหมุนตัวออกมาจากห้อง ตลอดทางจนถึงห้องทำงานเต็มไปด้วยความเงียบ
ออสตินที่ดูเหตุการณ์มาตั้งแต่แรกถึงกับทำตัวไม่ถูก ถ้าถามเขาเรื่องเครื่องพลุสัญญาณควันของเอลวิน เขาว่ามันก็คุ้มที่จะเสี่ยง เพราะถ้าไม่คิดที่จะเสี่ยงเราก็คงไม่รู้ว่ามันจะสำเร็จหรือป่าว แต่ตอนนี้คนที่กุมอำนาจสูงสุดเป็นอีกฝ่าย คงหมดประโยชน์ที่จะไปเถียง
'อ๋าาา เอลวินนั่งหงอยไปเลยแฮะ' เขาเห็นเอลวินเป็นงี้ก็รู้สึกไม่ค่อยดี มันเงียบเกินไป
ออสตินคิดที่จะปลอบเอลวิน เขาค่อยๆยกปึกแล้วยื่นปีกที่กว้างออกไปกอดรอบหัวของเอลวิน เอาหัวไปถูๆ ไถๆ กลุ่มผมนิ่มจนเสียทรง เป็นการปลอบ
'นายทำดีแล้วเอลวิน อย่าเศร้าไปเลยนะ'
ด้านเอลวิน เขากำลังคิดถึงการสำรวจนอกกำแพงครั้งต่อไป เขาจะเอาเครื่องยิงพลุสัญญาณควันไปใช้กับหน่วยของเขา เขาจะพิสูจน์ให้เห็นว่ามันจะมีประโยชน์ในการสำรวจ
ขณะที่เอลวินกำลังคิดอยู่นั้น เขารู้สึกเหมือนรอบๆ มืดลง ก่อนจะได้รู้ถึงสาเหตุ นั่นคือปีกนกที่มากอดรอบหัวเขาไว้ รู้สึกได้ว่ามีตัวอะไรเอาหัวมาถูไถหัวของเขาอยู่
"นี่นายปลอบฉันหรอฮันส์" เขาไม่ได้เศร้าอะไรเลย ถึงจะรู้สึกผิดหวังนิดหน่อยก็เถอะ แต่มันก็เป็นเรื่องที่เขาเตรียมใจไว้มั่งแล้วว่าจะถูกปฏิเสธ แต่เขาก็ไม่คิดจะบอกมันหรอกนะ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
ออสตินที่ไม่ได้รู้ความจริง ว่าที่เอลวินนิ่งไปคือกำลังคิดแผนการอยู่ไม่ได้เศร้าแต่อย่างใด พยักหน้าหงึกหงักตอบอีกฝ่ายไป
"เฮ้ออ ฉันเหนื่อยมากเลยขอกอดนายหน่อยสิฮันส์" เอลวินเห็นโอกาสที่เขาจะได้ใกล้ชิด โดยไม่ถูกอีกฝ่ายจิกจนเลือดไหล พูดเสียงอ่อน อย่างเหนื่อยล้า
ออสตินที่เห็นว่าเอลวินมีท่าทางเหนื่อยล้า ก็ใจอ่อนยอมให้อีกฝ่ายดึงตัวเองเข้าไปกอด
'เพราะเห็นว่านายเศร้าอยู่หรอกนะ' เอลวินซุกหน้าไปที่หน้าอกของออสติน ขนบริเวณนี้ค่อนข้างมีมากและนุ่มนิ่ม
เอลวินค่อนข้างที่จะชอบสัมผัสตัวของฮันส์ และเขายังชอบกลิ่นของฮันส์ด้วย เป็นกลิ่นที่เขามักได้กลิ่นตอนที่ออกไปสำรวจนอกกำแพง กลิ่นของสายลมและแสงแดด ต่อให้จะอาบน้ำไปแล้วแต่กลิ่นก็ยังคงอยู่ กลิ่นของฮันส์มันทำให้เขารู้สึกสบายใจไม่ฝุ้งซ่าน จากที่ชอบสะดุ้งตื่นกลางดึก พอมีฮันส์อยู่ด้วยเขาก็ไม่เคยสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกอีกเลย จะบอกว่าเขาเสพติดกลิ่นของฮันส์ก็ได้
ออสตินเอาปีกตบเบาๆ ไปที่หัวของเอลวิน เป็นการปลอบ
'นายคงรู้สึกแย่ที่ถูกปฏิเสธสินะเอลวิน ทั้งที่อุส่าพยายามทำเพื่อทุกคนแท้ๆ ไม่เป็นไรนะเอลวิน' ในขณะที่ออสตินกำลังปลอบเอลวินอยู่ ประตูก็ได้เปิดพรวดเข้ามา ไม่ต้องมองก็รู้ว่าเป็นใคร
"นี่!!! เป็นไรกันน่ะ ขอกอดฮันส์มั่งสิ" ฮันจิที่เปิดประตูพรวดเข้ามา เอ่ยโวยวายเสียงดัง ข้างหลังเป็นมิเคะที่เดินหน้านิ่งเข้ามา ทำเป็นไม่มีส่วนร่วมในการกระทำของฮันจิ เธอก็อยากกอดนกนั่นเหมือนกันนะ แต่ทุกครั้งที่เข้าไปใกล้มันก็กางปีกเตรียมจะจิกเธอทุกครั้ง ทั้งที่กับเอลวินก็ยอมให้กอดแท้
เอลวินที่ถูกขัดจังหวะมองตาขวางไปที่ฮันจิ แต่เผอิญว่าสาวเจ้าสนใจแต่นกที่เขากอดอยู่ เลยไม่ได้เห็นสายตาที่เตรียมจะเชือด มิเคะที่อยู่ข้างหลังจึงได้รับสายตานี้ไปแทน
"พวกนายมีธุระอะไร?" เอลวินถามถึงสาเหตุที่อีกฝ่ายเข้ามาพบตน
"อ้ออ จะถามเรื่องที่ไปนายคุยกับผู้บัญชาการน่ะ สรุปเป็นยังไงมั่ง เขาตกลงรึป่าว" ฮันจิที่โดนถามถึงสาเหตุที่มา ละสายตาจากนกที่กลับไปเกาะไหล่เอลวินเหมือนเดิม
"ไม่ เขาบอกมันเสี่ยงเกินไปที่จะเอาไปใช้" เอลวินบอกคำตอบที่ได้รับมาจากผู้บัญชาการ
"เอ๋!! ทั้งที่มันดีมากแท้ๆ" เธอว่ามันดีมากเลยนะ ลดการปะทะกับพวกไททันได้น่ะ ถึงตัวเธออยากจะพุ่งเข้าไปปะทะมากกว่าก็เถอะ
ออสตินกลับไปเกาะอยู่ที่ไหล่ของเอลวินเหมืิอนเดิม พยักหน้ายืนยันคำพูดของฮันจิ มิเคะทำเพียงขมวดคิ้วน้อยๆ
'ใช่มันดีมาก' เขาป่าวเข้าข้างเอลวินนะ แต่ประโยชน์ของมันดีจริงๆ
"อ๊ะ!! ฮันส์!! นายก็เห็นด้วยสินะ!!" ฮันจิมองไปที่นกที่เกาะไหล่เอลวินที่พยักหน้าอยู่เมื่อกี้ ถามอีกฝ่ายเพื่อยืนยันอีกครั้ง
ออสตินที่ถูกถามก็พยักหน้าให้ ฮันจิที่ได้รับการพยักหน้าตอบกลับ ก็กระโดดดีใจวี๊ดว๊าย ที่ฮันส์มันตอบโต้กับเธอ จากที่โดนเมินไปหลายครั้งหลายครา
เอลวินที่ยืนเป็นตอไม้ให้ฮันจิได้คุยกับฮันส์ ผ่านหน้าผ่านตาเขา รู้สึกไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ เขากระแอมไอออกไปเพื่อขัดบทสนทนา ที่ไม่รู้ว่าเรียกเป็นบทสนทนาได้รึเปล่า ในเมื่อฮันจิพูดฝ่ายเดียว อีกฝ่ายแค่พยักหน้า
"แต่เราจะเอาไปใช้ในหน่วยของพวกเราแทน" ฮันจิที่กำลังดีใจเมื่อถูกขัดด้วยเรื่องงาน หันมามองคนพูด มิเคะเอ่ยขัดความคิดของเอลวินขึ้นมา
"นายจะไม่เป็นมีปัญหาหรอ ขัดคำสั่งผู้บัญชาการน่ะ" มิเคะถามออกไปด้วยความเป็นห่วง ออสตินที่ยืนฟังอยู่พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของมิเคะ โดยมีฮันจิพยักหน้าเป็นลูกคู่ หันไปมองหน้าเอลวิน คนที่ขัดคำสั่งมักจะถูกหมายหัว
เอลวินหันไปมองมิเคะ ฮันจิ และฮันส์ที่มองมาทางเขาอย่างเป็นห่วง ในใจก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา เขาเลยต้องบอกความคิดของเขาออกไปเพื่อไม่ให้ทั้งคนและนกต้องมาเป็นห่วง
"ไม่มีปัญหาหรอก ถ้ามันใช้ได้ผล มันจะไม่เป็นปัญหา" เอลวินตอบอย่างมั่นใจ เขามั่นใจว่ามันจะต้องใช้ได้ผล และผลที่ออกมาจะดีมากจนเปลี่ยนใจผู้บัญชาการได้
หลังจากนั้นเอลวิน กับฮันจิ และมิเคะก็ได้พูดถึงแผนการที่จะนำเครื่องยิงพลุสัญญาณควันไปใช้ วิธีการใช้ การแบ่งความหมายของพลุควันแต่ละสี ออสตินที่ยืนฟังจนเริ่มหิว
.
.
.
.
"วันนี้เราพอแค่นี้กันก่อน" เอลวินหยุดคุยเรื่องงาน เมื่อหันเป็นเห็นนกที่เกาะไหล่อยู่มีท่าทางกระสับกระส่าย บ่งบอกว่าเริ่มหิว ถ้าเขายังไม่รีบหยุดอาจโดนกินหัวได้
"นั่นสิ ชั้กหิวแล้วด้วย วันนี้จะเป็นอะไรนะ" ฮันจิยืดตัวบิดขี้เกียจ การใช้สมองนานๆ โดยที่ไม่ขยับตัวมันไม่ใช่ทางของเธอเลย ให้เธอไปไล่จับพวกไททันยังดีซะกว่า
"คงเป็นขนมปัง กับซุปเหมือนเดิมนั่นแหละ เธอก็รู้ว่าหน่วยของเราไม่ค่อยจะมีงบ" ขณะที่ฮันจิฝันหวานเรื่องอาหารที่อาจมีเนื้อนุ่มๆ ให้เธอกิน กลับโดนมิเคะดับฝันด้วยความจริงอันโหดร้าย ออสตินที่ฟังอยู่ก็โดนดับฝันตามไปด้วย
"อ๋ามันน่าเบื่อเกินไปแล้ววว ฉันอยากกินเนื้อออ" ฮันจิร้องครวญครางอย่างโหยหวน โดยมีลูกคู่ที่ร้องออกมาเสียงเบาเป็นออสติน
'อย่าว่าแต่เธอเลย ฉันก็อยากกกกก' ออสตินในร่างนกคอตกเมื่อนึกถึงอาหารที่เขาต้องทนกิน
"ดูเหมือนนายก็เบื่ออาหารของที่นี่สินะฮันส์ นี่ไปหาอะไรกินข้างนอกกันมั้ย" ฮันจิหันไปหาแนวร่วม ที่ยืนเกาะไหล่เอลวินยืนคอตกอยู่ เมื่อได้ยินคำถามของฮันจิ ออสตินรีบพยักหน้าตกลงทันที ดวงตาสีบุษราคัมเปล่งประกาย
"เอลวิน ฮันส์ก็อยากไปกินข้างนอกเหมือนกันนะ ใช่มั้ยฮันส์" ฮันจิหันไปขอเจ้าของนก ถ้าจะเอาฮันส์ไปด้วยคงต้องขอเอลวินก่อน และเอลวินคงจะตามไปด้วยแน่ เพราะงั้นก็ชวนเจ้าตัวไปด้วยเลยนี่แหละ
ออสตินพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของฮันจิ หันหน้าไปขอร้องเอลวิน
'ใช่แล้ว!! ไปกันเถอะนะๆ เอลวิน' ออสตินส่งสายตาเป็นประกายวิ้งๆ ไปให้เอลวิน หวังจะให้อีกฝ่ายตอบตกลง
ทั้งฮันจิ และฮันส์ต่างลุ้นในคำตอบของเอลวิน ทั้งสองจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างลุ้นๆ โดยมีมิเคะผู้ไม่รู้ร้อนรู้หนาวยืนเป็นแบล็คกราวอยู่ข้างหลัง ออสตินที่ลุ้นมากกว่าเพื่อนแทบจะเอาจะงอยปากไปทิ่มกับตาของเอลวิน ชะตากรรมอาหารมื้อนี้ของเขาอยู่ในมือเอลวินแล้วนะ ถ้าเอลวินไม่ไปล่ะก็เขาจะจิกผมสีทองนั่นเอามาทำรังให้หมดเลย
"อืมม เอางั้นก็ได้" เอลวินอนุญาตด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ไม่ได้รู้สึกถึงสายตาที่มองมาอย่างกดดัน
ฮันจิและฮันส์ที่ได้ยินคำอนุญาตก็กระโดดดีใจวี๊ดว๊ายกันอยู่สองคน ไม่ได้หันไปสนใจเอลวินที่ยืนหูแดงอยู่
สายตาแบบนั้น…น่ารักชะมัด
.
.
.
.
………………………………………..
ว่าจะเอามาลงก่อนเที่ยงแต่เหมือนจะไม่ทัน
กินข้าวกันให้อร่อยนะคนอ่านที่น่ารักทุกคนนนนนน
#ไรท์จะเริ่มเหยียบคันเร่งเข้าเนื้อเรื่องหลักแล้วนะ เกาะกันให้แน่นๆล่ะะะ
ความคิดเห็น