คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : คิดถึงบ้านเป็นเหตุ...สังเกตได้
ออสตินที่กินอิ่มเรียบร้อยแล้ว ก็อารมณ์ดีขึ้นมามาก ถึงแม้อาหารจะไม่ค่อยถูกปาก แต่พอจะกินได้อยู่ จะให้เขามาใช้ชีวิตที่อยู่เพื่อกินในสถานการณ์แบบนี้ไม่ได้ เขายังมีเป้าหมายที่ต้องทำอยู่ แต่ก่อนอื่นใครก็ได้เอาไอ้หัวทองนี่ออกไปจากตรงหน้าเขาที เขาถูกจ้องตลอดการกินมาสักพักแล้วนะ ถ้าไม่ใช่เพราะหิวอยู่ล่ะก็ เขาคงหันไปมองแรงใส่แล้วล่ะ
เอลวินที่เห็นว่าฮันส์หยุดกินแล้ว ได้สั่งให้โลเวลเอาจานออกไปเก็บให้เรียบร้อยแล้วค่อยเข้ามาใหม่
เมื่อโลเวลเดินออกไปแล้วก็เหลือเพียงเอลวิน กับออสตินที่ยังคงอยู่ในร่างนกเหยี่ยว
ออสตินที่ถูกจ้องจนทำอะไรไม่ถูก ก็ได้แต่หันซ้ายหันขวา สายตาลอกแลกไปมา เอลวินที่เห็นก็เอ่ยปากพูดทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน
"ไม่ต้องกลัวไป ฉันไม่ทำอะไรนายหรอกฮันส์" เอลวินพูดด้วยเสียงที่อ่อนลง เขาค่อยๆ เปิดกรงออก ยื่นมือข้างที่มีผ้าพันแผลอยู่เข้าไป เขาพยายามทำทุกอย่าง อย่างช้าๆ ด้วยกลัวว่ามันจะตกใจ แล้วหันมาจิกมือเขาเหมือนรอบที่แล้ว
ออสตินที่เห็นเอลวินเปิดกรงเข้ามา ด้วยสัญชาตญาณในการระวังภัยของสัตว์ป่า ก็เตรียมจะจิกมือที่ยื่นเข้ามา แต่เมื่อเห็นมือที่มีผ้าพันแผลอยู่ก็หยุดชะงัก ความรู้สึกผิดเริ่มถาโถมเข้าใส่ ในช่วงที่ชะงักไปนี้เอลวินก็จับได้พอดี ออสตินที่ถูกจับก็ตัวแข็งทื่อ
"ผ่อนคลายๆ ไม่ต้องกลัวไป ฉันแค่จะขอดูแผล" เอลวินที่จับไปแล้วสัมผัสได้ว่ามันกำลังเกร็งอยู่ ก็พูดปลอบด้วยเสียงที่อ่อนลงกว่าเดิมอีก เพื่อให้มันคลายความระแวง
ออสตินที่ได้ยินคำพูดที่มาพร้อมน้ำเสียงที่พยายามพูดปลอบไม่ให้เขาตกใจกลัว ร่างกายที่เกร็งอยู่ก็ค่อยๆ ผ่อนลง ก่อนจะกลับมาตัวเกร็งอีกครั้ง เมื่อรู้สึกได้ว่ามีคนกำลังยกเขาออกไปจากกรง
เอลวินค่อยๆ จับนกเหยี่ยวที่น่าจะผ่อนคลายลงแล้ว ก่อนจะค่อยๆ ยกออกจากกรง แต่ก็สัมผัสได้ว่ามันกลับมาทำตัวเกร็งอีกแล้ว
'สงสัยจะไม่ชอบให้สัมผัส' เอลวินที่พอจะจับจุดอะไรได้บ้างแล้ว ก็พยายามจับมันออกจากกรงอย่างเบามือ ต่อให้รู้ว่ามันไม่ชอบแต่ยังไงเขาก็ต้องทำให้มันคุ้นชินเข้าไว้
เมื่อเอาออกมาสำเร็จ เอลวินจัดการนำออสตินมาวางไว้บนตัก ยกปีกข้างที่เจ็บของออสตินขึ้นมาสำรวจ
"แผลนายหายไวดีนะฮันส์" เอลวินที่เห็นว่าแผลนั้นได้หายไปแล้ว มีแค่อาการบวมๆ เท่านั้น
ออสตินที่ได้ยินก็สะดุ้งนิดหน่อย ก่อนจะรีบกลับมาทำหน้านก ไม่รู้ไม่ชี้ในเรื่องที่ถาม
เอลวินที่รู้สึกได้ว่าเมื่อกี้ที่เขาพูดถึงแผลของมัน มันมีอาการสะดุ้ง เขาหรี่ตามองด้วยความสงสัยเล็กน้อย หรือว่ามันจะฟังที่เขาพูดรู้เรื่องจริงๆ
ออสตินที่ถูกจ้องก็รีบหุบปีกเก็บเข้าข้างลำตัวทันที ก่อนจะยืนเฉยๆ ให้เอลวินสำรวจ มีบ้างที่ใช้จะงอยปากสางขนของตัวเอง
'ไม่นะไม่!! เราจะยอมให้สัญชาตญาณความเป็นสัตว์มาครอบงำไม่ได้!!' ออสตินที่เผลอใช้จะงอยปากสางขนชะงักทันที เขาอาจอยู่ในร่างนกนี่มากเกินไป เลยซึมซับนิสัยแบบนกๆมา อย่างงี้เขาควรจะรีบกลับร่างเดิมใช่รึป่าว แต่จะกลับยังไงล่ะ นี่เขายังไม่รู้เลยว่าพลังที่เขาได้มาจะต้องใช้ยังไง เขารู้ว่ามันทำอะไรได้บ้าง แต่จะเอาออกมาใช้ยังไงนี่สิที่เป็นปัญหา
เอลวินที่กำลังมองสำรวจนกที่เกาะอยู่บนตัก ก็เห็นอาการแปลกๆ ของมันเข้า จากที่ยืนสางขนตัวเองอยู่ดีๆ ก็ชะงักไป ทำหน้าเหมือนวิญญาณจะหลุดออกจากร่าง แล้วอยู่ดีๆ ก็มาทำหน้าเคร่งเครียดจริงจังซะงั้น เขาไม่รู้มาก่อนเลยว่านกจะแสดงสีหน้าได้หลากหลายอารมณ์พอๆกับคนขนาดนี้ หรือว่านกที่เขาเอามามันจะไม่ปกติจริงๆ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็น่าเป็นห่วงแฮะ
ออสตินที่ถูกมองว่าเป็นนกไม่ปกติไปแล้ว ก็ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไร ยังคงเถียงกับตัวเองในเรื่องความเคยชินที่ชักเริ่มจะเป็นสัตว์เข้าไปใหญ่ ปัดตกเรื่องวิธีดึงพลังมาใช้ไปก่อน
โลเวลที่ได้เอาจานไปเก็บ ได้เดินมาถึงหน้าประตู เขาทำการเคาะประตูก่อน เมื่อได้ยินเสียงอนุญาตจากข้างใน ถึงได้เดินเข้าไป
เอลวินที่เห็นว่าโลเวลเดินเข้ามาในห้องแล้ว ก็ได้เอ่ยถามถึงเรื่องที่โลเวลเคยบอกไว้ ตอนที่รับฮันส์ไปอาบน้ำทำแผล
"สรุปแล้วนายพอจะหาวิธีฝึกฮันส์ไหม" ออสตินที่ได้ยินชื่อที่ถูกตั้งให้ มีอยู่ในบทสนทนา ได้แอบเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ ทำเนียนเป็นมองไปรอบห้องทำงาน
"มีวิธีอยู่ครับ แต่ค่อนข้างจะต้องเสียเวลาในการทำความคุ้นเคยซะก่อน ถึงจะเริ่มฝึกอย่างอื่นได้" โลเวลยื่นหนังสือเล่มหนาที่หุ้มด้วยหนังสัตว์สีน้ำตาล ที่เขาไปหามาจากที่บ้านให้กับเอลวิน
ออสตินเห็นหนังสือที่ดูลึกลับถูกยื่นผ่านหน้าไป ก็ชะเง้อมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เอลวินที่เห็นว่าออสตินค่อยๆ เขยิบเข้ามาเหมือนอยากดูหนังสือในมือของเขา อยู่ดีๆ ก็มีความคิดหนึ่งผุดเข้ามาในหัว เขาค่อยๆ ยกหนังสือในมือสูงขึ้นกว่าเดิม
ออสตินที่ชะเง้อคอมองเกือบจะเห็นตัวหนังสือด้านในอยู่แล้ว กลับพบว่าหนังสือมันค่อยๆ อยู่สูงขึ้น ด้วยความอยากรู้อยากเห็นจึงเขยิบเข้าไปใกล้กว่าเดิม
'อ๊ะ เห็นแล้วว' ออสตินที่ในที่สุดก็ได้เห็นตัวหนังสือที่อยู่ข้างในก็ตาเป็นประกายทันที ตัวหนังสือพวกนี้เหมือนกับตัวหนังสือที่เขาเคยศึกษามาเลย เขาคิดถูกจริงๆ ที่ศึกษาเรื่องพวกนี้ไว้
ออสตินที่ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองได้ถูกล่อลวง ให้เข้ามาอยู่ในวงแขนของเอลวินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ออสตินยังคงสนใจหนังสือในมือของเอลวินต่อไป
เอลวินที่เห็นว่าทำสำเร็จตามแผนแล้ว ก็ค่อยๆ ลดหนังสือในมือลงมาตามเดิม มืออีกข้างค่อยๆ ยกขึ้นไปสัมผัสบนตัวของออสตินที่อยู่ในร่างเหยี่ยว
ออสตินที่รู้สึกได้ว่ามีคนมาโดนตัว ก็สะดุ้งเล็กน้อย เมื่อหันไปมองเจ้าของมือที่ถูกผ้าพันแผลพันไว้อยู่เป็นเอลวิน ด้วยความรู้สึกผิดที่ยังมีอยู่ เลยยอมปล่อยให้ลูบขนไป ส่วนตัวเองก็หันไปสนใจหนังสือในมือของเอลวินต่อ
โดยทั้งคนทั้งนก ได้ลืมใครอีกคนในห้องไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
'ทำไมเรารู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกิน' โลเวลที่ถูกลืมไปแล้ว ทำได้แต่ยืนมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างทำตัวไม่ถูก อะไรคือนกสนใจในหนังสือมากกว่าคนที่คิดจะฝึกกัน
เอลวินที่ละความสนใจจากนกในอ้อมแขน ที่กำลังถูกลูบขนด้วยมืออีกข้างอยู่ หันไปถามโลเวลที่ยืนมองไปทางนอกหน้าต่าง
"มันต้องฝึกอะไรบ้าง บอกเท่าที่นายรู้มา" โลเวลที่ถูกถามรีบผละหน้าออกมาจากทางหน้าต่าง หันมาตอบทันที
"ตามจริงแล้วนกเหยี่ยวนั้นค่อนข้างจะไว้ใจคนยาก จึงต้องกินอยู่กับมันขั้นต่ำสองสัปดาห์ให้มันได้คุ้นชิน และเชื่อใจ ถึงจะเริ่มฝึกอย่างอื่นได้ครับ" โลเวลมองไปที่นก ที่ควรจะตื่นคนและไม่กล้าที่จะเข้าใกล้ แต่นี่มันอะไร ยอมให้เขากอด เขาลูบ นี่มันแทบไม่ต้องฝึกให้คุ้นคนแล้ว นี่มันฝึกอย่างอื่นได้แล้วต่างหาก ถ้าจะเชื่องขนาดนี้ล่ะก็
ออสตินที่รู้สึกเหมือนโดนมอง หันไปหาสายตานั้นทันที
'อะไรเจ้าหนู สายตาแบบนั้นมันอะไร' ออสตินที่ถูกโลเวลมองด้วยสายตาเคลือบแคลงสงสัย ในความเชื่องที่มีมากเกินไป ก็หันไปมองเอลวินเจ้าของตักที่ใช้เกาะอยู่ ที่ตอนนี้ยิ้มน้อยๆ มาให้ตน มือก็ยังคงไม่หยุดลูบขนของเขา
"กินอยู่ด้วยกันสองสัปดาห์หรอ ไม่ถือว่ายากในการเริ่มต้น ความเชื่อใจถือเป็นสิ่งที่จำเป็นในการฝึก" ออสตินที่ได้ยินเอลวินพูด ถึงกับตกใจตาเบิกกว้างจ้องไปที่หน้าคนพูด
'แค่ฝึกให้คุ้นคน นี่ต้องถึงกับมากินอยู่ด้วยกันสองสัปดาห์เลยหรอ' นี่เขายังไม่เคยได้เป็นเจ้าบ่าวให้ใครเลยนะ เดี๋ยวก่อนนี่ไม่ใช่ประเด็น
เอลวินที่เห็นว่าฮันส์เอาแต่จ้องหน้าเขา ก็ไม่ได้ว่าอะไร กลับจ้องตามันตอบด้วย
โลเวลที่อยู่ในเหตุการณ์แปลกๆ คนกับนกจ้องตากัน ถึงกับพูดต่อไม่ออกเลยทีเดียว หลังจากอ้ำอึ้งอยู่สั้กพักก็ได้บอกอีกเรื่องออกไป
"เอ่ออ อันนี้ค่อนข้างสำคัญนะครับ เราจะต้องทำการตอกสายรัดข้อเท้านก เพื่อผูกเชือกสำหรับเตรียมใช้ในตอนฝึก ก็คือกันมันบินหนีแหละครับ" เอลวินที่ได้ยินทำหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย ถึงได้ตอบออกไป
"เรื่องนั้นค่อยทำพรุ่งนี้ นายก็เตรียมของมาด้วยแล้วกัน" เอลวินสั่งให้โลเวลหาของตามที่อีกฝ่ายพูดมา โลเวลทำการขานรับคำสั่ง ก่อนจะเริ่มพูดต่อ
"อีกอย่างนะครับ ต้องให้ฮันส์เกาะอยู่ที่ตัวตลอดสองสัปดาห์ห้ามเอาออกห่างตัวเด็ดขาดครับ เพื่อให้นกสบายใจว่าเราไม่ได้ทำอะไรเขา และเพื่อสร้างความคุ้นชินกับปรับสภาพ ตอนจะนอนผมแนะนำให้นั่งหลับที่โซฟา แล้วเอามือที่นกเกาะวางไว้บนที่พักแขนของโซฟาจะได้ไม่เมื่อยครับ พอผ่านระยะนี้ไปแล้ว ถึงจะเริ่มพาออกไปฝึกข้างนอกได้ครับ" เอลวินที่ได้ฟังทำเพียงพยักหน้าเป็นการรับรู้
'ตัวติดกันสองสัปดาห์ก็ไม่เลว' เอลวินคิดพร้อมวางแผนการกระชับมิตรต่างๆ ไว้มากมาย
ออสตินที่รู้แค่ว่าจะต้องตัวติดกับเจ้าหัวทองนี่สองสัปดาห์ วิญญาณก็แทบหลุดจากร่าง ปัญหาไม่ใช่การอยู่ด้วยกัน แต่มันมีเรื่องที่สำคัญมากกว่านั้น คืออาหารการกินที่เขาจะไม่สามารถแอบบออกไปหามาได้
ถ้าเขาต้องมากินขนมปังแข็งโป้ก ที่แม้แต่จะงอยปากอันแหลมคมยังจิกแทบไม่เข้า แถมเข้าไปจะงอยปากยังติดดึงไม่ออกอีก ไหนจะซุปซี่โครงหมูที่หลอกลวงผู้บริโภคนั่นอีก ต่อให้ไม่เลือกกินยังไงเขาก็คงไม่มีชีวิตรอด เพราะระบบย่อยอาหารมีปัญหาแน่ๆ
เอลวินเห็นมันทำท่ากระสับกระสาย ก็คิดไปว่ามันคงไม่อยากมาตัวติดอยู่กับเขา จึงได้เอ่ยขอโทษออกไปเสียงเบา
"ขอโทษด้วยนะ ที่ต้องมาอยู่กับฉัน" ออสตินที่ได้ยินคำขอโทษจากเอลวิน เขาไม่เข้าใจเลยว่าเอลวินจะมาขอโทษเขาทำไม แต่เมื่อเห็นท่าทีที่สลดลงแล้ว รู้สึกเหมือนต้องทำอะไรสั้กอย่าง
เอลวินที่กำลังก้มหน้าคิดถึงแผนการที่จะใช้ในการกระชับมิตรข้างหน้าว่าจะทำอะไรต่อดี สัมผัสได้ถึงแรงที่ตบเบาๆ บนหัว
เอลวินค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามอง ถึงได้เห็นว่าเป็นปีกนกมีขนสีน้ำตาลปนขาวกำลังตบหัวเขาอยู่เบาๆ เอลวินเลิกคิ้วมองอย่างสงสัย
"นี่แกกำลังปลอบฉันอยู่หรอฮันส์" ออสตินที่ได้ยินคำถาม ก็พยักหน้าหงึกหงัก เป็นการยืนยันคำพูดอย่างลืมตัว
เอลวินดวงตาสว่างวาบเมื่อเห็นปฏิกิริยาเช่นนี้ เขาว่าแล้วว่ามันต้องเข้าใจที่เขาพูด และดูเหมือนว่ามันน่าจะเข้าใจตัวหนังสือด้วย
'ใครกันที่สอนมัน' การจะสอนให้ได้ขนาดนี้มันคงไม่ง่ายเลย
โลเวลที่ถูกลืมเป็นครั้งที่สอง ยืนดูเหตุการณ์นกปลอบคน ถึงกับอยากจะเดินหนีออกจากห้องให้รู้แล้วรู้รอดไปสะเลย
'ไอ้บรรยากาศนุ่มฟู กับความรู้สึกที่เหมือนเป็นส่วนเกินนี่มันอะไรรร!!' โลเวลผู้น่าสงสารได้แต่ร่ำร้องอยู่ในใจ
.
.
.
.
.
-------------------
สวัสดีค่ำคืนอันแสนหวานนน
นี่จะเป็นครั้งแรกที่เขาจะได้นอนกับชายอื่นนอกจากอีริคที่เป็นเหมือนพี่ชาย ตัวเขานั้นค่อนข้างจะหวงเนื้อหวงตัว เนื่องด้วยชีวิตในวัยเด็กที่ไม่ดีนัก คิดแล้วก็เศร้า
'คิดถึงพวกนายจัง อีริค มิลาน่า' ภาพวันวานที่เคยอยู่ด้วยกันลอยเข้ามาในหัว
เอลวินที่กำลังนั่งเซ็นเอกสารอยู่ที่โต๊ะ หันไปเห็นนกที่เกาะอยู่บนแขนนั่งคอตก ทำตัวห่อเหี่ยว ก็เกิดความเป็นห่วง กลัวจะเป็นอะไรอีก
"ฮันส์นายเป็นอะไรหรือป่าว" ออสตินที่ถูกเรียกค่อยๆ เงยหน้าขึ้นไปมองคนเรียก ที่ตอนนี้กำลังมองมาที่เขาอยู่ ออสตินที่กำลังอยู่ในอาการเศร้า ไม่มีกระจิตกระใจที่จะแอ๊บเป็นนกบ้านๆ
'ทำเหมือนพูดไปแล้วนายจะเข้าใจ' ออสตินบ่นเอลวินในใจเสร็จก็กลับไปก้มหน้าคอตกต่อ
เอลวินที่ได้รับสายตาสีบุษราคัมที่เคยเปล่งประกาย แต่ตอนนี้มันกลับอับแสงมองมาแปปนึง แล้วกลับไปก้มหน้าคอตกเหมือนเดิม เอลวินที่ไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร เกิดความกระวนกระวายขึ้นในใจ ถึงจะได้อยู่ด้วยกันเป็นวันแรก แต่ก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้
"คิดถึงบ้านหรอฮันส์?" เอลวินรองสุ่มถาม เพราะเขาไปเจอและเก็บมันมาจากป่า แล้วด้วยความที่มันเข้าใจในสิ่งที่เขาพูด มันก็น่าจะเคยถูกฝึกมาก่อน ถ้ามันมีบ้านอยู่แล้วล่ะก็ มันก็คงอยากจะกลับ เมื่อคิดว่ามันมีที่ที่ต้องกลับไปหัวใจที่รู้สึกอบอุ่น ก็เหมือนจะหนาวเหน็บขึ้นมา
ออสตินที่ได้ยินคำถามนี้ ก็นิ่งไปสั้กพัก
'บ้านงั้นหรอ ก็คงจะถือว่าเป็นบ้านสำหรับเขาหล่ะมั้ง' ขอแค่มีสองคนนั้นอยู่ด้วย ไม่ว่าจะที่ไหนก็ถือว่าเป็นบ้าน ออสตินในร่างนกเหยี่ยวพยักหน้ากลับไป
เอลวินที่เห็นนกที่เขาอุส่าเก็บกลับมาได้นั้นมีบ้านให้กลับไป เขาก็คิดที่จะปล่อยมันไป แม้จะอยากเก็บเอาไว้มากแค่ไหน แต่ถ้ามันมีบ้านให้กลับเขาก็ไม่อยากบังคับให้มันอยู่ต่อ
"นายอยากจะกลับบ้านรึเปล่าฮันส์" เอลวินถามเสียงอ่อน ในใจรู้สึกหน่วงๆ
'ไม่มีแล้วล่ะ บ้านที่จะให้กลับน่ะ' ออสตินในร่างนกทำเพียงส่ายหัวไปมา นั่งคอตกเหมืิอนเดิม
เอลวินเห็นมันส่ายหัวปฏิเสธในใจก็รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย แต่ก็เอะใจขึ้นมาได้ ถ้าที่มันซึมเป็นเพราะมันคิดถึงบ้าน แต่มันก็ไม่คิดที่จะกลับ มีความเป็นไปได้ว่ามันจะไม่เหลือบ้านให้กลับแล้ว
"ไม่เป็นไร นายอยู่ที่นี่กับฉันก็ได้ฮันส์" เอลวินพูดอย่างอ่อนโยน พร้อมกับดึงนกที่เกาะอยู่ที่แขนเข้ามาไว้ในอ้อมกอด ลูบไปที่ขนสีน้ำตาลนิ่ม
ออสตินที่ถูกดึงไปกอดก็ตกใจตัวแข็งเกร็ง เมื่อถูกดึงเข้าไปกอดโดยที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ก่อนจะค่อยๆ ผ่อนแรงที่เกร็งลง ปล่อยตัวตามสบายตามแรงลูบที่หลัง หัวซุกเข้าไปที่ต้นคอแข็ง สัมผัสได้ถึงผมสีทองนุ่มที่ล้ะต้นคอ รู้สึกได้ว่าตัวของคนที่เขากำลังซุกอยู่สะดุ้งหน่อยๆ
'สบายจังงง' ออสตินที่ถูกลูบหัวลูบหลัง ได้รับการปลอบโยนจากเอลวิน เริ่มรู้สึกที่จะสบายใจและรู้สึกสนิทใจกับเอลวินมากขึ้น ยอมรับในชื่อที่อีกฝ่ายตั้งให้ เรื่องต่างๆ ที่คิดวุ่นวายอยู่ในหัวเริ่มหายไป ความเศร้าที่มีค่อยๆ จางหาย เมื่อรู้สึกสบายใจแล้ว ความง่วงเริ่มเข้าครอบงำพร้อมที่จะหลับเต็มที่
เอลวินรู้สึกได้ว่านกที่อยู่ในอ้อมกอดหายเกร็งแล้ว แถมยังมาซุกที่ต้นคอเขาอีก ด้วยที่ถูกซุกแบบไม่ทันตั้งตัวเลยสะดุ้งตกใจ เมื่อลูบหลังไปสั้กพัก นกในอ้อมแขนก็ได้ทิ้งน้ำหนักตัวมาที่เขาทั้งหมด เขาก้มมองลงไปดูเห็นว่ามันหลับไปแล้ว
เอลวินที่อยู่ในเสื้อเชิ้ตสีขาว กับกางเกงขายาวสบายๆ เตรียมที่จะเข้านอน เขาค่อยๆ ลุกขึ้นยืนจากโต๊ะเซ็นเอกสาร ในอ้อมแขนยังคงมีนกเหยี่ยวตัวหนึ่ง ที่เอาหัวซุกอยู่ที่ซอกคอ เอลวินค่อยๆ เดินไปเปิดประตูออกจากห้องทำงานไปอีกฝั่งหนึ่งที่เป็นห้องนอน
เมื่อเดินเข้าไปแล้วเอลวินไม่ได้ทำการจุดไฟที่ตะเกียง เขาเดินตรงไปที่เตียงทันที เขาจำทุกอย่างที่อยู่ในห้องได้ ห้องของเขาไม่มีเฟอร์นิเจอร์มากนัก เอาไว้แค่ใช้นอนพักอย่างเดียว และที่สำคัญเขากลัวว่ามันจะไปรบกวนการนอนของนกในอ้อมแขน
เอลวินค่อยๆ ทิ้งตัวลงไปบนที่นอน ค่อยๆ เหยียดตัวนอนลงไป มืออีกข้างเลิกผ้าห่มขึ้นมาคลุมทั้งตัวเองและนกในอ้อมแขน
ก่อนที่จะนอนก็ไม่ลืมหันไปจุ๊บหัว ที่เต็มไปด้วยขนสีน้ำตาลในอ้อมแขน
"ฝันดีนะฮันส์" เอลวินบอกฝันดีพร้อมหลับตาลง โดยไม่รู้เลยว่ายังมีอีกหนึ่งชีวิตที่ยังไม่ได้หลับจริงๆ อย่างที่เขาคิด
'อ๋าาา ไอ้บ้านี่หนิ' เขาก็แค่เคลิ้มใกล้จะหลับ แต่ไม่ได้หลับไปแล้วซะหน่อย ออสตินที่โดนจุ๊บหัวไปหน้าแดงทันที
'ฝันดีเอลวิน' ออสตินเอ่ยบอกฝันดีอีกฝ่าย ก่อนจะเอาหน้าซุกเข้าไปในกลุ่มผมสีทองนุ่มนิ่มนั่นมากกว่าเดิม
'หอมชะมัด' หมอนี่มันใช้ยาสระผมยี่ห้ออะไรกัน เขาจะไปหาใช้มั่ง
.
.
.
.
.
-------------
ฝันดีนะคะ คนอ่านที่น่ารักทุกคนนนนน
ใครอยากเห็นนกเขินมั่งงงง5555
ไรท์ขอไปปั่นงานก่อนล่ะค่ะะะะ
ขอบคุณนักอ่านทุกคน ทุกความคิดเห็น ทุกกำลังใจจจ
ความคิดเห็น