คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ยินดี...ที่ไม่ได้รู้จัก
'อ่าาาา สบายตัวจังง~' ออสตินในร่างนกเหยี่ยวหลับตาพริ้ม ยืดขายืดปีกออกไปสุดแขน ถ้าถามว่าเขากำลังทำอะไรอยู่น่ะหรอ ตอนนี้เขากำลังนอนเหยียดตัวพึ่งลม โดยมีข้ารับใช้ในชุดทหารเสื้อคลุมสีเขียว กำลังเช็ดตัวและสางขนให้อยู่
ความเจ็บที่ปีกเริ่มหายไป เพราะพลังในการรักษาตัวเองที่แข็งแกร่ง ผลงานอันสุดแสนจะเพอร์เฟคของพวกเขาทั้งสาม ที่ทุ่มเทให้กับการวิจัยในงานชิ้นนี้
เขาจะทำการย้อนความให้ทุกคนได้ฟัง ก่อนที่เขาจะได้มานอนฟินสบายตัวอยู่อย่างนี้
.
.
.
.
.
ออสตินที่ยังคงอยู่ในร่างเหยี่ยง ที่ตอนนี้ถูกห่อด้วยผ้าคลุมสีเขียวแก่ ค่อยๆ ลืมตาตื่น
สิ่งแรกที่รู้สึกได้ คือ ความมืด มันมืดมากแถมอึดอัดมากด้วย นี่เขามาอยู่ที่ไหนอีกเนี่ย หรือเขาจะตายไปแล้ว
ความรู้สึกถัดมาที่พุ่งเข้ามาในหัว คือความรู้สึกปวดที่ปีกข้างซ้าย ตามด้วยอาการปวดหัว ก่อนที่ภาพเหตุการณ์ต่างๆจะไหลย้อนเข้ามาในหัว
'อะ.. อ๊ากก.. เจ็บบๆๆๆ!!!!' เสียงที่กรีดร้องในหัวดังลั่น แต่เสียงที่ออกมาจากปากที่เป็นจงอยแหลมคม กลับเป็นเสียงร้องครวญครางของนกที่กำลังบาดเจ็บ ดังขึ้นอย่างแผ่วเบา
เขาที่เรียบเรียงข้อมูลที่ได้รับมาไม่ทัน ก็เกิดอาการช็อค ในหัวมึนงง มีเสียงวิ้งๆอยู่ข้างใน
นายทหารโลเวลที่ได้รับคำสั่งจากหัวหน้าหน่วย รู้สึกได้ถึงสิ่งที่อยู่ในอ้อมแขน ถูกห่ออยู่ในผ้าคลุมของเขา เริ่มมีการขยับตัว ก็ได้ก้มหน้ามองดู จนได้เห็นเข้ากับภาพที่นกเหยี่ยวตัวหนึ่งกำลังมุดตัวเข้าไปในเสื้อคลุมของเขา ดิ้นขลุกขลักเหมือนกำลังขาดอากาศหายใจตาย
โลเวลที่เห็นเข้าก็ตกใจรีบเอาผ้าที่คลุมอยู่ข้างบนออก ให้นกเหยี่ยวได้มีอากาศหายใจ และไม่ตกใจตายไปสะก่อน ไม่งั้นเขาคงได้โดนหัวหน้าหน่วยฆ่าตายแน่
ออสตินที่กลับมาได้รับแสงสว่างอีกครั้ง ก็ได้หายจากอาการช็อค รีบโกยอากาศเข้าปอดทันที เพราะเมื่อตอนที่ช็อคกับภาพเหตุการณ์ต่างๆ ทำให้เขาลืมที่จะหายใจ
"ตื่นแล้วหรอฮันส์" โลเวลเอ่ยทัก ก่อนจะได้รับการเอียงคอพร้อมสายตามึนงงมาแทน
ออสตินที่ยังไม่ทันได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับความทรงจำ รวมถึงสถานการณ์รอบๆ ก็เหมือนได้ยินเสียงคนดังขึ้นที่เหนือหัว
ออสตินค่อยๆ เงยหน้าขึ้นไปมองตามต้นเสียง สบตาเข้ากับดวงตาสีน้ำตาลอ่อน ท่าทางเหมือนพวกรักสัตว์โลก มีผมสั้นสีเทาดูนุ่มฟู ที่ตอนนี้กำลังส่งยิ้มมาให้เขา
'ไอ้หมอนี่มันเป็นใคร' ออสตินคิดพร้อมกับทำการเอียงคอมอง โดยไม่รู้เลยว่าตัวเองยังอยู่ในร่างนกเหยี่ยว
โลเวลที่ได้รับสายตางุนงงก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ยังคงยิ้มให้พร้อมทำการอธิบายเหตุการณ์ แม้ไม่รู้ว่ามันจะเข้าใจที่เขาพูดหรือป่าว
"ฉันชื่อโลเวล อยู่ทีมสำรวจ พึ่งเข้าร่วมปีนี้เป็นปีแรก นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ออกนอกกำแพง กลัวสุดๆ ไปเลยล่ะ เกือบจะโดนไททันพวกนั้นจับกินไปแล้ว อ๊ะ!! โทษทีพูดเพลินไปหน่อย" ออสตินมองชายหนุ่มในชุดทหารที่บอกว่าชื่อโลเวล เล่าเรื่องของตนเอง ถึงแม้ปากจะบอกว่ากลัวสุดๆ แต่การแสดงออกไม่บ่งบอกว่ากลัวแม้แต่น้อย
โลเวลที่รู้ตัวว่าคุยออกนอกเรื่องไปมาก ก็รีบกลับเข้าเรื่องทันที
"นี่เจ้านก ไม่ใช่สิต้องเรียกว่าฮันส์ นี่ต่อจากนี้แกชื่อฮันส์นะ" โลเวลที่ใช้คำเรียกผิดก็รีบแก้ทันที รีบหันไปบอกนกเหยี่ยวของหัวหน้าหน่วย เพราะกลัวว่ามัันจะจำชื่อที่ใช้เรียกไม่ได้
'หืมมม ฮันส์งั้นหรอ?' ออสตินที่ได้ยินชื่อใหม่ก็ขมวดคิ้วมุ่น ใครมันมาตั้งชื่อให้เขาใหม่ล่ะนั่น
โลเวลที่เห็นเจ้านกเหยี่ยวฮันส์ หลี่ตามองมาเหมือนไม่ค่อยจะพอใจในชื่อเรียกใหม่ เขาก็ทำเพียงเมินหน้าหนีแล้วอธิบายต่อ เขาจะไปทำอะไรได้ล่ะนั่นเป็นชื่อที่หัวหน้าหน่วยเอลวินตั้งให้เลยนะ ใครจะไปกล้าขัด ต่อให้จะไม่รู้ความหมายของชื่อ แต่ก็น่าจะเป็นชื่อเรียกที่มีความหมายของชื่อที่ดี
"พวกเราไปเจอแกนอนบาดเจ็บอยู่ในป่าที่พวกเราเข้าไปสำรวจ ส่วนคนที่พบแกคือหัวหน้าหน่วยเอลวิน และเขาก็เป็นคนที่ตั้งชื่อนี้ให้แก เขาเป็นคนสั่งให้เอาแกกลับไปด้วย" โลเวลพูดไปก็พยักหน้าตามไปด้วย ออสตินที่ได้ยินคำสรรพนามที่ใช้เรียกตัวเองที่ฟังดูแปลกๆ ตั้งแต่เมื่อกี้ก็เข้าใจอะไรบางอย่างได้ทันที
'อ๋าาา นี่เขายังอยู่ในร่างนกเหยี่ยวหรอเนี่ย ก็ว่าละมุมมองมันแปลกๆ' ออสตินยกปีกข้างที่ไม่ได้บาดเจ็บขึ้นมามอง สำรวจขนสีน้ำตาลแซมขาวที่เปื้อนไปด้วยขี้เถ้าจนดูมอมแมม
"ตอนนี้พวกเราใกล้จะถึงกำแพงเขตชิกันชิน่าแล้ว พอถึงแล้วฉันจะเป็นคนทำแผลกับทำความสะอาดให้แกเองไม่ต้องกังวลไป" โลเวลที่เห็นฮันส์มองสำรวจตัวมันเอง ก็คิดว่ามันน่าจะไม่ชอบที่ตัวเองสกปรกจึงได้รีบบอกว่าจะทำความสะอาดให้มันไป เมื่ออธิบายจบก็หันไปมองรอบๆ ตอนนี้เขานั่งอยู่บนเกวียนขนเสบียงไม่ได้ขี่ม้าเหมือนตอนขามา
ออสตินที่ได้ยินคำอธิบายของโลเวล ก็เริ่มทำการเรียบเรียงข้อมูลในหัวอย่างจริงจัง
'ถ้าที่บอกมาคือเรื่องจริง งั้นเราคงกำลังอยู่บนเกาะสวรรค์ของชาวเอลเดีย' นี่เขามาไกลขนาดนี้ได้ยังไง ต้องเกิดเรื่องขึ้นที่ศูนย์วิจัยแน่ๆ
การที่เขาจะลอยมาไกลขนาดนี้มันเป็นไปไม่ได้ ไหนจะศูนย์วิจัยที่ถูกล้อมรอบไปด้วยภูเขา ที่ข้างหลังเป็นหน้าผาน้ำตกสูง มีหินแหลมคม ถ้าโดดลงไปคงไม่มีทางลอด
'แต่เราตื่นมากลางแม่น้ำ' งั้นก็มีความเป็นไปได้ที่เขาจะมาทางน้ำตก แต่ใครล่ะที่เป็นคนพาเขาออกมาจากศูนย์วิจัย ใครที่พาเขากระโดดลงน้ำตกที่เป็นหน้าผาสูง ถ้าเขาถูกโยนลงมาคงไม่มีทางลอด ถึงจะมีพลังในการรักษาที่สูงยังไงก็คงไม่สามารถลอดได้ในสภาวะที่หมดสติ
ออสตินเริ่มคิดไล่ไปตามลำดับหาเหตุผลที่ทำให้เขาไปลอยกลางแม่น้ำ ก่อนจะมีภาพบางอย่างแวบเข้ามาในหัว ภาพของชายหนึ่งคน และหญิงหนึ่งคน รวมถึงเสื้อกาวน์เปื้อนเลือด สภาพขาดรุ่งริ่งที่เขาใส่อยู่ในตอนที่ฟื้น
'อย่าบอกนะว่าเป็นพวกนาย อีริค มิลาน่า' ถ้าจะถามหาคนที่ยอมตายเพื่อเขาได้คงมีเพียงอีริคชายผมฟูที่รักเขาเหมือนน้องชาย กับมิลาน่าหญิงสาวที่ยอมติดตามไปดูแลพวกเขาในทุกๆที่ นอกจากสองคนนี้คงไม่มีใครแล้วที่ยอมจะสละชีวิตเพื่อให้เขาได้มีโอกาศรอด
เมื่อรู้ถึงสาเหตุความเสียใจก็ทะลักออกมาจากในอก แววตาของออสตินในร่างเหยี่ยวสั่นไหวมีประกายน้ำเอ่อคลอในดวงตา แม้ในใจจะร้องให้เสียใจคร่ำครวญมากแค่ไหนแต่ก็ไม่สามารถเปล่งวาจาอะไรออกมาได้
'แล้วนี่เราจะมีชีวิตอยู่ไปทำไม' ทั้งชีวิตของเขามีแค่อีริคและมิลาน่า คนที่ช่วยปลอบโยนและดูแลเขาก็สองคนนี้ เขาไม่รู้เลยว่าเขาจะสามารถยืนหยัดขึ้นมาใหม่ได้ด้วยตัวเพียงคนเดียวไหม ในเมื่อทั้งสองคนไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว
ออสตินที่จิตใจกำลังดำดิ่งสับสนในสิ่งที่เกิด จากความดีใจตอนแรกที่ความปรารถนาของพวกเขาทั้งสามจะเป็นจริงแล้ว ผันแปรเป็นความเสียใจเมื่อมารู้ว่าเหลือเขาอยู่เพียงแค่คนเดียว ก่อนที่เขาจะสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่คล้องอยู่ที่คอ
ออสตินค่อยๆ ก้มไปดู เห็นสร้อยเงินที่คล้องจี้ลูกกลมๆ ข้างๆ มีปีกนก เขาจำได้ทันทีว่านี่เป็นล็อกเก็ตที่เขาเก็บได้จากเสื้อกาวน์ที่น่าจะเป็นของอีริค เพราะมันเป็นของที่เขาฝากอีริคไว้ก่อนจะลงไปแช่ในหลอดทดลอง แล้วฉีดสารต่างๆ ที่พวกเขาช่วยกันวิจัยขึ้นมาเข้าร่างกาย ยิ่งเขาเห็นล็อกเก็ตที่เต็มไปด้วยภาพแห่งความทรงจำเขายิ่งเกิดความท้อแท้ในใจ
ออสตินที่กำลังท้อแท้สิ้นหวัง ก็เหมือนได้มีเสียงบางอย่างดังขึ้นมาในหัว
'มีชีวิตต่อไปนะออสติน!!' นั่นมันเสียงอีริคกับมิลาน่านี่ ทั้งสองอยากจะให้เขามีชีวิตต่อไปงั้นหรอ...
.
.
.
.
'ได้!! ผมจะมีชีวิตต่อไป จะทำตามความปรารถนาของพวกเราให้เป็นจริง ผมจะไม่ลืมพวกคุณ อีริค มิลาน่า' ออสตินที่ทำการตัดสินใจได้แล้วว่าเขาจะมีชีวิตต่อไป จะทำตามความต้องการของทั้งสองที่อยากให้เขามีชีวิตต่อ และความปราถนาของพวกเขาทั้งสามนั้นจะต้องเป็นจริง
เมื่อออสตินทำการตัดสินใจได้แล้ว ขบวนทัพของทีมสำรวจก็มาถึงกำแพงพอดี
"ทีมสำรวจกลับมาแล้ว!!!" เสียงตะโกนของนายทหารบนกำแพงดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงระฆังที่เป็นการบอกว่ากำแพงกำลังจะเปิด
"กำแพงเปิดได้!!!!" ยังคงเป็นเสียงตะโกนของนายทหารคนเดิมที่อยู่บนกำแพง สั่งคนที่รับหน้าที่เป็นคนเปิดปิดกำแพง
"ครึ่มม แกรกๆๆๆๆ" เสียงโซ่ที่ค่อยๆ ดึงกำแพงขึ้นไปดังไปทั่ว เมื่อดึงขึ้นไปจนสุดแล้ว เหล่าทหารทีมสำรวจที่มีผู้บัญชาการนำอยู่ข้างหน้า ก็ค่อยๆ ขี่ม้าเข้าไป บางคนลงจากหลังมาเปลี่ยนมาเดินจูงม้าแทน ส่วนออสตินยังคงถูกห่อในเสื้อคลุมสีเขียว อยู่ในอ้อมกอดของโลเวน ที่ยังคงนั่งอยู่บนเกวียนไม่คิดจะลง
ตลอดสองข้างทางถูกแหวกให้ทีมสำรวจได้เดินเข้าไป ผู้คนต่างมารอดู ไม่ได้มาเพื่อให้กำลังใจ แต่มาเพื่อถากถาง
"ดูจำนวนคนนั่นสิน้อยกว่าตอนไปอีกนะ" เสียงชายแก่ตัวอ้วนท้วมหันไปคุยกับคนข้างๆ
"ก็คงจะโดนพวกไททันจับไปกินเหมือนเดิมนั่นแหระ" ชายอีกคนพูดตอบด้วยน้ำเสียงเยอะเย้ย
"อยู่ดีไม่ว่าดีอยากออกไปเป็นอาหารให้พวกไททัน!!" เสียงของหญิงม่ายดังขึ้น เธอกล่าวว่าด้วยเสียงที่ดังกว่าคนอื่นที่ทำเพียงหันไปซุบซิบคุยกัน สายตานั้นเต็มไปด้วยความชิงชัง เธอนั้นมีความแค้นกับทีมสำรวจเพราะสามีที่ออกไปนอกกำแพงเป็นครั้งแรกนั้นไม่ได้กลับมา
"ฮีก ฮึกก ฮือออ!! ไม่จริงใช่มั้ยคะ ลูกชายของฉันยังอยู่ใช่มั้ยคะ" หญิงชราล้มไปนั่งบนพื้นกอดเสื้อคลุมเปื้อนเลือดของลูกชายแน่น ด้วยใบหน้าอาบน้ำตา
"เสียใจด้วยครับ ที่ผมนำกลับมาได้แค่นี้" เสียงผู้บัญชาการกล่าวยอมรับความผิด ก้มหน้าลงต่ำ
"ดูบ้านโน้นสิ ลูกชายเข้าทีมสำรวจแต่ไม่ได้กลับมาร้องให้ใหญ่เลย น่าสงสารจริงๆ" ผู้คนต่างชี้ไม้ชี้มือไปทางหญิงชรา
"เมื่อไหร่จะถูกยุบไปสั้กทีน้ะ อยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์" เสียงผู้คนที่วิพากษ์วิจารณ์ดังเซ็งแซ่ตลอดสองข้างทาง ไม่มีแม้แต่ความยินดีที่พวกเขากลับมาได้ ไม่มีความทราบซึ้งว่าพวกเขากำลังทำเพื่อมวลมนุษย์ การตามหาความจริงของไททัน เหล่าทหารที่ถูกต่อว่าทำเพียงก้มหน้าไม่คิดจะโต้ตอบกลับไป
ออสตินที่ได้ยินคำวิจารณ์เหล่านั้นก็ทำเพียงขมวดคิ้ว ในใจเกิดความไม่พอใจนิดหน่อย เขารู้ตัวดีว่าผู้คนในกำแพงนี้คงไม่เคยออกไปดูโลกกว้าง คงถูกขังให้อยู่แต่ในกำแพง ถูกสอนให้หวาดกลัวไททัน จะเกิดความกลัวก็ไม่แปลก แต่นี่ถึงกลับมาดูถูกคนที่กล้าจะออกไปนอกกำแพงเพื่อตามหาความจริงนี่มันก็เกินไป เขานั้นรู้และก็เข้าใจแต่จะยอมรับไหมนั่นมันก็อีกเรื่อง
หลังจากเดินเข้ามาในกำแพงแล้วเหล่าทหารทีมสำรวจก็ได้กลับฐานบัญชาการของตนเอง ก่อนจะแยกกันไปพัก
โลเวลที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลฮันส์นกเหยี่ยวของหัวหน้าหน่วยก็รีบพามันไปอาบน้ำทำแผลทันที
จบการย้อนความ
.
.
.
.
'อ่าาา นี่สิสวรรค์' ออสตินที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีก็ถึงกับส่งเสียงร้องออกมาอย่างมีความสุข
โลเวลที่เห็นว่ามันไม่ดิ้นแถมยังยอมให้เขาอาบน้ำทำแผลให้มันง่ายๆ อีก ก็คิดว่ามันคงเจ็บแผลอยู่ถึงได้ร้องออกมา ในตอนที่เขาเช็ดขน
"นายเจ็บงั้นหรอฮันส์ ขอโทษทีนะพอดีฉันกะแรงไม่ค่อยถูก" โลเวลกล่าวขอโทษพร้อมกับผ่อนแรงที่เช็ดลง
'ไม่เลยๆ นายทำดีมากเจ้าหนู' ออสตินในร่างเหยี่ยวรีบส่ายหัว
โลเวลที่เห็นฮันส์ส่ายหัวมาให้ ก็ใจชื้นขึ้นมาทันที ผ่านไปสั้กพักถึงได้เอะใจเข้า
"ฮันส์นี่แกฟังฉันรู้เรื่องด้วยหรอ" โลเวลถามด้วยความตกใจ นกที่ไหนจะมาฟังคนรู้เรื่อง ถ้าไม่เคยถูกฝึกมาก่อน
ออสตินที่ได้ยินก็นิ่งไปสั้กพัก ตอนนี้เขามีสองตัวเลือกให้ตัวเอง อย่างแรกนกแสนรู้ที่ไม่ต้องมาสอนก็เข้าใจ สองนกบ้านๆ ที่ต้องให้สอน ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเขาจะเลือกอะไร
ออสตินมองไปทางโลเวลด้วยสายตาแอ๊บมึนงง พร้อมเอียงคอให้เป็นของแถม ใช่เขาเลือกเป็นนกบ้านเพราะเขายังไม่อยากถูกใช้งาน เขาพอจะรู้ชะตากรรมของตัวเองอยู่ นกส่งจดหมายลอยมาให้เห็นอยู่รำไล
โลเวลที่ได้รับการเอียงคอพร้อมสายตามึนงงก็ปัดความคิดที่มันฟังเขาเข้าใจตกไป
โลเวลรีบทำการเช็ดตัวฮันส์ให้แห้ง ใส่ยาทำแผลให้เรียบร้อย เมื่อมองไปที่ฮันส์ที่เคลิ้มหลับไปแล้วก็ทำการช้อนตัวใส่กรงที่มีผ้าปูรองอยู่ เสร็จแล้วก็ล็อคปิดให้เรียบร้อย เขายังมีเรื่องที่ต้องไปทำต่อ นั่นคือการไปหาหนังสือที่บ้านของเขา ที่น่าจะพอมีข้อมูลในการฝึกนกอยู่ นกเหยี่ยวถือเป็นนกนักล่าน่าจะมีวิธีฝึกอยู่ เขาแค่ต้องไปหา
โลเวลมองสำรวจความเรียบร้อยอีกครั้งก่อนจะค่อยๆ ปิดประตูเดินออกไป
.
.
.
เช้าวันใหม่ที่สดใสของทุกคน แต่ไม่ใช่กับออสตินที่ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่เมื่อวาน ตอนอยู่ในหลอดทดลองนั่นเขาไม่ต้องกินอะไรก็อยู่ได้ เพียงแค่รับสารอาหารเหลวทางสายยาง แต่นี่เขาไม่ได้อยู่ในหลอดทดลอง ความอยากอาหารจึงมีมากกว่าปกติ และตอนนี้เขายังไม่ได้กินอะไร
โลเวลที่ได้รับหน้าที่ดูแล และมีคำสั่งจากหัวหน้าหน่วยเอลวินว่าให้นำฮันส์ไปที่ห้องทำงาน จึงต้องมารับชะตากรรม ถูกสายตามองจิกจากนกเหยี่ยวที่แผ่รังสีราวกับจะฉีกเนื้อเขาเป็นชิ้นๆ ถึงกับตัวสั่น เอ่ยถามออกไปทันที
"นี่แกยังนอนไม่เต็มอิ่มหรอฮันส์" โลเวลถางออกไปอย่างกล้าๆ กลัว ทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่เข้าใจที่เขาถาม
'ฉันนอนเต็มอิ่มมากกก!!! จนอยากจะฉีกเนื้อแกกินแทนเจ้าหนู' เขาอยากจะบ้าตายถามมาได้ว่าเขานอนไม่เต็มอิ่มหรอ คิดอย่างอื่นไม่ออกแล้วรึไง คิดว่าเขาไม่กินก็อยู่ได้หรอ ต่อให้ดูแลเขาดียังไงแต่ถ้าไม่ให้เขากินอะไรก็วีนได้หมดทั้งนั้นแหระ
โลเวลที่โดนมองแรงกว่าเดิมถึงกับทำอะไรไม่ถูก แต่เขาก็ไม่มีเวลามากเพราะหัวหน้าต้องการพบมัน
"ตอนนี้เราไปกันก่อน เดี๋ยวค่อยมาว่ากันทีหลังนะฮันส์" โลเวลจัดการหิ้วกรงที่ตอนนี้มีนกเหยี่ยวกำลังแผ่รังสีน่ากลัวอยู่ ระหว่างทางเดินไปห้องทำงานของหัวหน้าหน่วยมีคนคิดจะเข้ามาถามถึงนกในกรง แต่ก็ต้องรีบหันหลังเดินกลับไป เมื่อเห็นนกในกรงนั้นแผ่รังสีน่ากลัวออกมา
'นกอะไรน่ากลัวเป็นบ้า' เหล่าผู้คนที่คิดจะเข้ามาต่างมีความคิดเดียวกัน
โลเวลที่เดินมาถึงห้องทำงานของหัวหน้าหน่วยเคาะประตูพร้อมบอกถึงคำสั่งที่ได้รับมอบหมาย ก่อนจะได้เสียงอนุญาตให้เข้าไป
ออสตินที่กำลังหงุดหงิดคิดจะหาที่ลง เมื่อเข้ามาในห้องก็เห็นชายผมทอง ที่ผมถูกจัดทรงเป็นอย่างดี ยืนหันหลังให้ประตูมองออกไปนอกหน้าต่าง
"ผมพาฮันส์มาแล้วครับหัวหน้าหน่วยเอลวิน" ออสตินที่ได้ยินดังนั้นก็ยิ่งจ้องเข้าไปใหญ่ เขาพอจะหาที่ลงได้แล้วล่ะ
เอลวินที่กำลังรออยู่ก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรค่อยๆ หันมามองนกเหยี่ยวที่อยู่ในกรง
"สวัสดีฮันส์ ฉันหัวหน้าหน่วยทีมสำรวจ ชื่อเอลวิน สมิธ ยินดีที่ได้รู้จัก" เอลวินได้ทำการแนะนำตนเอง เขาคิดว่าการที่เขาแนะนำตัวเองจะทำให้มันคุ้นเคยกับเขามากขึ้น
'ฉันก็ยินดีที่ได้รู้จักแกเอลวิน สมิธ แก-ตาย-แน่!!' อนิจจานกหิวรึจะไปเข้าใจถึงเจตนา
.
.
.
.
.
……………………………………………….
จบกันไปแล้วอีกหนึ่งตอนนน ไรท์ต้องขอโทษด้วยพอดีเหนื่อยจากงาน แต่งไปได้หน่อยเดียวก็หลับไป เลยรีบตื่นเช้ามาแต่งต่อ
ไรท์ยังไม่ได้ตรวจคำผิดนะ ผิดตรงไหนก็บอกไรท์ได้นะคะ
จัดไปกับหมื่นตัวอักษรจุกกันเลยทีเดียววว
ขอบคุณนักอ่านทุกคนและกำลังใจจากทุกๆคนนะคะ จุ๊บๆ
ความคิดเห็น