คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ความทรงจำ...ที่หายไป
"อึก!..อาา..นี่ฉัน..อยู่...ที่ไหน" เสียงแหบพร่าเอ่ยขึ้น ออสตินลืมตาตื่นอย่างไว ก่อนจะรีบหลับตาลงทันที
'แสบตาเป็นบ้าเลยย!!' ผ่านไปสั้กพักออสตินก็ได้ลืมตาขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาค่อยๆลืมตา ผลมาจากครั้งแรกที่รีบลืมตามากเกินไป ทำให้ดวงตาปรับแสงไม่ทัน เขากระพริบตาอยู่หลายทีกว่าดวงตาสีบุษราคัมจะชินกับแสง
'อาาา ไม่มีแรงเลยแฮะ' เขาเหม่อมองท้องฟ้า มองนกที่บินอยู่บนนั้น มองก้อนเมฆที่กำลังเคลื่อนตัว ก่อนจะเหม่อไปมากกว่านี้ เขาคิดที่จะพลิกตัวเพื่อสำรวจรอบๆ แต่ผลออกมาว่าเขานั้นแทบไม่มีแรงเหลืออยู่เลย
เขาคิดจะนอนพักเอาแรงสั้กหน่อย แต่ก็เอะใจอะไรขึ้นมาได้ ทำไมครึ่งล่างตัวเขามันถึงได้รู้สึกเย็นๆ ตามตัวก็เย็นๆเหมือนไม่ได้ใส่อะไร แล้วที่เขานอนอยู่ทำไมมันโคลงเคลงไปมา สุดท้ายเลยทำไมเขาถึงได้มานอนจ้องท้องฟ้าอยู่ตรงนี้ ตอนนี้สมองเขามันตื้อ คิดอะไรไม่ออกแล้ว
'ปวดหัวชะมัด' เขายังจำได้ว่าก่อนหน้านี้ตัวเขานั้นยังอยู่ในหลอดแก้วที่มีน้ำอะไรก็ไม่รู้สีเขียวอมฟ้ากับสายยางเต็มไปหมด แล้วก็ผู้ชายหัวฟู ใส่แว่นตาหนาเตอะ ในเสื้อกาวน์สีขาว ที่ชื่อว่าอีริค กับผู้หญิงผมลอนสีดำอีกคน ที่ชื่อมิลาน่า
'ทำไมเรารู้สึกคุ้นเคยกับสองชื่อนี้จัง เหมือนเคยได้ยินที่ไหน' ออสตินที่พยายามจะนึก แต่นึกอย่างไรก็นึกไม่ออก กลับมีอาการปวดที่หัวขึ้นมาแทน เขาจึงเลิกที่จะนึกถึงมันไปก่อน
หลังจากนอนพักจนพอมีแรงบ้างแล้ว เขาก็ทำการพลิกตัวนอนคว่ำ ถึงได้รู้ว่าไอ้ที่เขานอนแล้วรู้สึกโคลงเคลงเพราะมันเป็นเพียงขอนไม้ผุๆ ที่ถ้าเขาขยับมากไปกว่านี้มันคงพัง มหัศจรรย์มากเลยที่เขาพลิกตัวแล้วมันยังไม่หักครึ่งไปสะก่อน ส่วนที่เขารู้สึกเย็นๆครึ่งล่างเพราะตอนนี้ ตัวเขาครึ่งนึงกำลังแช่อยู่ในน้ำ ทั้งตัวเขามีแค่เสี้อกาวน์ที่น่าจะเคยเป็นสีขาวมาก่อน เพราะตอนนี้มันเป็นสีแดงไปทั้งตัวแล้ว แถมยังขาดรุ่งริ่งอีก
'ใส่เหมือนไม่ได้ใส่เลยแฮะ' ทั้งตัวเขามีเพียงเสื้อกาวน์ปกปิดร่างกายอยู่ อย่างกับพวกโรคจิตเลย แต่ตอนนี้เขาควรขึ้นจากน้ำก่อนที่ตัวเขาจะหนาวตาย
"เดี๋ยวค่อยคิด หาทางขึ้นฝั่งก่อน" เขาพึมพำออกมา ก่อนจะเริ่มมองไปรอบๆเพื่อหาฝั่งขึ้นไปพัก เขาเห็นฝั่งอยู่ไม่ไกล แต่มันค่อนข้างจะอันตราย เพราะมันเหมือนหน้าผาเตี้ยๆที่ยื่นออกมา มีหินแหลมคม คงต้องปีนกันสั้กหน่อยถึงจะขึ้นไปได้ แต่ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกแล้ว ถ้าจะหาทางอื่นเขาคงว่ายน้ำไปไม่ไหว แล้วถ้าอยู่ในน้ำนานกว่านี้คงได้หนาวตายกันจริงๆ
"แค่หินบาดค่อยหาทางทำแผลเอา ดีกว่ามาลอยตายในแม่น้ำ" เขาค่อยๆว่ายน้ำเข้าไปใกล้ฝั่งมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆจนถึงฝั่ง เขาค่อยๆปีนขึ้นไปตามหินที่ยื่นออกมา มีบาดมือบาดแขนเขาบ้าง จนสุดท้ายเขาก็ปีนป่ายขึ้นมาได้ ตอนนี้เขาไม่เหลือแรงจะทำอะไรแล้ว ถ้าร่างกายเขาเป็นปกติมันคงไม่เหนื่อยขนาดนี้
เขาก้มหน้ามองสำรวจบาดแผลที่ตัว ถึงได้เห็นความผิดปกติ แผลมันเริ่มสมานกัน เลือดที่ไหลเริ่มหยุด แผลค่อยๆหายไป ไม่เหลือแม้แต่ลอยแผลเป็น
"นี่เราเป็นตัวอะไรไปแล้ว" ออสตินมองด้วยความตกใจ เขาช็อคไปแล้วกับภาพที่เห็น นี่แผลเขามันหายเองได้อย่างงั้นหรอ แม้แต่ลอยแผลเป็นก็ไม่มีเหลือ
เขากางมือออกพลิกไปมา ดูมือที่ไร้บาดแผล มีทิ้งไว้เพียงคาบเลือด ให้เขาได้รู้ว่าเคยเป็นแผล เขาเริ่มสำรวจไปตามตัวอีกครั้ง
ตามตัวของเขานั้นไม่มีอะไรเลย นอกจากเสื้อกาวน์ที่เคยเป็นสีขาว แต่ตอนนี้เป็นสีแดงที่เพิ่มคราบสกปรกของดินโคลนเข้าไป เปียกชุ่มไปด้วยน้ำ สภาพรุ่งริ่งไม่เหลือซากกว่าเดิม เขาลองล้วงมือไปในกระเป๋าเสื้อที่ยังพอจะมีสภาพดีอยู่
สิ่งที่เขาหยิบออกมาได้คือล็อกเก็ตอันเล็กๆ มีสร้อยเงินคล้องอยู่ ตัวล็อกเก็ตเป็นทรงกลมดูประณีตและทนทาน มีจี้รูปปีกเป็นตัวล็อค เขาลูบตัวเลือนล็อกเก็ตไปเรื่อยๆจนนิ้วที่ลูบปัดไปโดนปีกที่เป็นตัวล็อค เมื่อปีกที่เป็นตัวล็อคเปิดออก สิ่งที่อยู่ข้างในก็เผยออกมา มันคือรูปภาพสามรูป กับอีกช่องที่ไม่มีรูปเป็นเพียงข้อความสั้นๆ ในภาพมีคนสามคนอยู่ สามคนนี้น่าจะเป็นคนเดียวกัน กับอีกสองรูป จะต่างแค่ช่วงอายุในรูปถ่าย ทั้งสามยิ้มออกมาอย่างสดใส ในสามรูปนั้นถูกถ่ายด้วยอิริยาบถที่แตกต่างกันไป
ในรูปนั้นมีชายคนนึงที่เขารู้จักเป็นอย่างดี คนตรงกลางนั้นคือเขา ผู้ชายผมสีดำสนิท มีตาสีบุษราคัมแปลกประหลาด เขาในรูปนั้นยิ้มออกมาอย่างมีความสุข แบบที่ตัวเขาเองไม่เคยทำมาก่อน เขาในรูปยืนกอดคอคนสองคนนั้น ซึ่งคนสองคนนั้นก็คือ นักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องที่เขาว่า ที่ชื่ออีริค กับสาวผมลอนดำ ที่ชื่อมิลาน่า สองคนนั้นยิ้มออกมาไม่ต่างจากเขาในรูป ทั้งสองเอาหัวตัวเองมาซบกับหัวของเขาไว้
ส่วนรูปถัดมาเป็นเขาที่กำลังนั่งกินเค้กอยู่บนผืนผ้าอย่างตั้งใจ รอบๆมีขนมต่างๆ และตะกร้าสานเหมือนมาปิคนิค ข้างๆเขาเป็นมิลาน่าที่ดูหน้าอ่อนลงมาจากภาพแรก ใบหน้าที่ไม่ได้รับการแต่งแต้มใดๆ เธอยิ้มอย่างสดใส มือทำการทัดผมสีดำที่ปลิว ส่วนอีริคยังคงเป็นหนุ่มแว่นหนาเตอะ แต่หัวที่ยุ่งฟูกลับได้รับการดูแล รอยคล้ำใต้ดวงตาหายไป อีริคนั้นยิ้มสดใสพร้อมชี้นิ้วไปทางเขาขณะถ่าย
และภาพสุดท้ายเป็นเขาตอนเด็ก ที่หลับอยู่บนหลังของอีริค อีริคนั้นได้หันมายิ้มให้กับเขาที่หลับอยู่บนหลัง โดยมีมิลาน่าที่น่าจะเป็นคนถ่ายชะโงกหน้าออกมาให้อยู่ในรูป เด็กสาวยิ้มกว้างจนตาหยี
ก่อนจะวกกลับไปดูข้อความสั้นๆที่อยู่ในช่อง ตัวอักษรภาษาอังกฤษคำว่า Forever ที่ข้างใต้มีตัวย่อสามตัว E&O&M
เขาลูบภาพเหล่านั้นอย่างหวงแหน ก่อนจะมีน้ำตาคลอออกมา ทำไมเขาถึงลืมมันไปได้นะ ทั้งที่รู้สึกว่ามันสำคัญมากแท้ๆ แต่ทำไมถึงกลับลืมไปได้ล่ะ ทุกครั้งที่พยายามจะนึกกลับพบเพียงความว่างเปล่า กับอาการปวดที่หัว
“ทำไมล่ะ…ทำไม..ทำไมถึงนึกอะไรไม่ออกเลย..” เสียงพึมพำดังลอดออกมาจากริมฝีปากที่แห้งแตก ตาสีบุษราคัมสั่นไหวเต็มไปด้วยความสับสน มือกำล็อกเก็ตมากดไว้ที่หน้าอกแน่น มือจิกทึ้งผมของตนเองหวังจะให้จดจำเรื่องราวได้ น้ำตาที่คลออยู่ในตอนแรกไหลทะลักออกมาเป็นสายตามกรอบหน้างามหยดลงบนล็อกเก็ตที่ถูกกำอยู่ในมือ
ทันใดนั้นก็เหมือนมีมวลน้ำที่ทะลักออกมา ภาพความทรงจำ เหตุการณ์ต่างๆในชีวิตเริ่มผุดออกมาไม่หยุด เหมือนอยากให้รู้ว่าเขาเคยเป็นใคร และตอนนี้เขายังคงเป็นใคร
"อ๊ากกกกกกกกก!!!!" เขากุมหัวตัวเองด้วยความเจ็บปวด มือกำล็อกเก็ตแน่นจนจิกเข้าเนื้อ ร่างกายบิดเกร็ง ท้องไส้ปั่นป่วน ในหัวได้ยินเพียงเสี้ยงวิ้งๆ สุดท้ายสติของเขาก็ได้ดับลงไป การที่ความทรงจำปรากฏออกมาพร้อมๆกันมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลย
.
.
.
.
.
.
------------------
"อึก!!..จะ..เจ็บ..เจ็บบๆๆ!!! มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย??!!" ออสตินร้องลั่น ก่อนจะลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว
"อ๊ากกกกกกกก!!!!!!" เขาตะโกนลั่นอย่างตกใจ ทำไมเขาต้องตกใจน่ะหรอ
ก็ไอ้ตัวที่ทำเขาเจ็บน่ะมันคือมนุษย์ชีเปลือยร่างยักษ์ไร้อวัยวะเพศ ที่ตอนนี้จับเขาไว้ในมือ เตรียมเอาเข้าปากที่กำลังอ้ากว้างรอจะได้กินเขาอยู่
"นี่ มัน! เรื่อง!! อาา!!! ไรรร!!!!!!" เขาตกใจสติแทบแตก เมื่อสายตาของเขาที่มองไปรอบๆเพื่อหาคำตอบของสิ่งที่เขากำลังเจออยู่ แต่กลับพบเจอฝูงมนุษย์ร่างยักษ์ที่รุมร้อมเขาอยู่แทน ในสายตาของพวกมันเต็มไปด้วยความหิวกระหาย ตัวเล็กตัวน้อยต่างกระโดดเพื่อจะแย่งเขา
'อาาา รู้สึกตัวหอมจังเลย'
'นี่มันใช่เวลาที่ไหนล่ะไอ้บ้า!!' จะบ้าตายนี่เขาเถียงกับตัวเองอยู่หรอ คงสติแตกจนใกล้บ้าแล้วสินะ
กว่าเรียกสติตัวเองได้ รู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ในปากของมนุษย์ยักษ์ชีเปลือยแล้ว
"ไม่เอาน้ะ!!"
"ฉันยังไม่อยากตาย!!"
"มันเป็นแค่ฝันใช่ไหม.."
"อีริค.. มิลาน่า.. ช่วยผมด้วย!!"
น้ำตาของออสตินค่อยๆไหลออกมา มือยังคงกำล็อกเก็ตแน่น ตัวของเขาค่อยๆไหลลงไปในลำคอของมนุษย์ยักษ์ น้ำเมือกในคอที่เหนียวเหนอะ ไม่มีอะไรให้ยึดจับ เขาหลับตาลงช้าๆ หยุดการตะเกียกตะกายอย่างสิ้นหวัง แต่กลับมีเสียงที่คุ้นเคยดังประสานขึ้นมาในหัว
'ออสตินนายต้องรอดนะ!!' หลังสิ้นเสียงดวงตาของเขาสว่างวาบ
'ใช่แล้วเราต้องรอด' สายตาที่สิ้นหวังเริ่มเปลี่ยนไป
"ฉันไม่ยอมมาตายที่นี่หรอก!!!" สายตาที่มุ่งมั่นเต็มเปลี่ยมไปด้วยพลังชีวิต โดยไม่รู้ตัวความรู้สึกที่ไม่ยอมจำนนนี้ได้ไปกระตุ้นพลังบางอย่างเข้า
'กัดมือเจ้าสิ จงสยายปีกของเจ้าออกมา' เสียงกระซิบแผ่วเบาราวกับขนนกดังขึ้นมาในหัว
เมื่อเสียงนั้นจบลงออสตินก็ได้กัดมือของเขาทันที โดยที่เขาก็ไม่รู้ว่าเสียงนั้นมาจากไหน แล้วการที่เขากัดมือตัวเองมันจะทำให้เขารอดจริงๆไหม แต่เขาก็ทำไปแล้ว ในมือเขายังคงกำสร้อยล็อกเก็ตไว้แน่นเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ
รอบๆพลันเกิดแสงสว่างสีฟ้า ที่วาดผ่านขึ้นไปบนท้องฟ้าที่ตอนนี้มืดครึ้มไปด้วยเมฆหมอกจนเกิดเป็นเส้นสายสีฟ้า ไม่นานก็ได้มีฟ้าผ่าลงมาในจุดที่ไททันตัวที่จับออสตินกินอยู่
"ตู้มมมมมมมมมม!!!!!" เสียงฟ้าผ่าดังสนั่นหวั่นไหว ผืนป่าสั้นไหว สัตว์น้อยใหญ่ต่างแตกตื่น
"อ้ากกกก!!!!" เขาตะโกนลั่นด้วยความเจ็บปวด ความร้อนต่างพลุ่นพล่านไปทั่วร่างของเขา ร่างกายเต็มไปด้วยเหงื่อ กล้ามเนื้อในร่างกายเต้นตุบๆ หัวใจเขาเหมือนถูกบีบ เขาเริ่มหายใจติดขัดมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนทุกอย่างจะหยุดลง ตัวเขานั้นรู้สึกเบาสบายขึ้น
ทางด้านไททันตัวที่จับออสตินเข้าปากโดนสายฟ้าผ่าลงมาอย่างแรง โดยที่มันก็ยังไม่ทันได้รู้ตัว ร่างของไททันหายไปทันทีมีเพียงกลิ่นเหม็นไหม้ลอยออกมาจากจุดที่เคยอยู่ กับบริเวณพื้นที่เป็นลอยไหม้ขนาดใหญ่
ส่วนร่างที่คิดว่าโดนกินไปแล้ว และน่าจะโดนฟ้าผ่าตายไปพร้อมกันด้วยนั้นกลับลอยอยู่ในอากาศไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน เสื้อคลุมที่ใส่อยู่ได้หายไป สร้อยล็อกเก็ตที่ถูกกำเอาไว้ถูกสวมไว้ที่คอ รอบตัวเขานั้นมีแสงสีฟ้า กับลมที่พัดอ่อนๆอยู่รอบตัว แสงสีฟ้านั้นเริ่มสว่างมากขึ้น ก่อนที่ร่างของออสตินจะหายไป แทนที่ด้วยร่างของนกเหยี่ยวตัวใหญ่
"พรึบบบบบบบบ!!!" เพียงการกระพือปีกของมัน ก็ทำให้ต้นไม้ล้มละเนละนาด ไททันตัวเล็กตัวน้อยถูกแรงกระพือปีกพัดกระเด็นออกไป
เสียงร้องที่แหลมสูงของนกเหยี่ยวได้ดังสนั่นไปทั่วทิศ ตามตัวของมันนั้นเต็มไปด้วยเปลวเพลิงสีฟ้า ดวงตาสีบุษราคัมเป็นประกายสะท้อนเปลวเพลิงสีฟ้า มันตัวใหญ่มาก มีขนาดตัวเทียบเท่ากับม้าโตเต็มวัย ขนของมันเป็นสีน้ำตาลปนขาว มีเล็บเท้ากับจะงอยปากที่แหลมคม
'เอ๊ะ!! นี่มันเกิดอะไรขึ้น ละ..แล้วนี่เรายังไม่ตายหรอ!!!' ตอนนี้เขารู้สึกสับสนมาก เมื่อกี้ร่างกายของเขามันยังรู้สึกเหมือนกำลังจะแตกสลาย แต่อยู่ดีๆตัวก็เบาสบายขึ้น ก่อนหน้านั้นก็มีฟ้าผ่าลงมาด้วยนี่
'ใช่ฟ้าผ่า!!' เขาคงตายเพราะฟ้าผ่าสิน้ะ
ออสตินที่ตอนนี้ต่างคิดไปต่างๆนาๆ โดยลืมที่จะมองรอบๆ จนความคิดหนี่งแวบเข้ามาในหัว พลันดวงตาสว่างวาบ
'หรือว่าพวกเราจะทำมันสำเร็จแล้วจริงๆ!!!' แต่ก่อนจะคิดหาคำตอบให้ตัวเองได้ ก็ต้องหยุดความคิดต่างๆไว้ เมื่อตรงหน้าของเขามีมนุษย์ชีเปลือยร่างยักษ์หรือที่เรียกว่าไททันวิ่งเข้ามา
'มันต้องสำเร็จแล้วแน่ๆ!!' ตอนแรกเขาคิดว่าจะต้องตายแล้วส้ะอีก ตัวเขาถึงได้เบาสบาย ขณะที่เขาคิดเขาก็ได้หลบเหล่าไททันที่วิ่งเข้ามาจะจับเขาไปด้วย
'เอ๊ะ!!!!! หลบได้งั้นหรอ' เขาค่อยๆมองสำรวจตัวเอง ซึ่งถ้างานวิจัยของพวกเขานั้นสำเร็จมันจะต้องเป็นไปตามที่เขาคาดไว้
'สำเร็จแล้วววว!!!' เสียงที่ร้องออกมาอย่างดีใจสุดๆ กลับกลายเป็นเสียงแหลมสูงของนกเหยี่ยวแทน ปีกที่บินอยู่นั้นกระพืออย่างรุนแรงตามอารมณ์เจ้าตัว ทำให้ไม่สามารถทรงตัวอยู่กลางอากาศได้อีก
'ไรว้ะเนี่ย!!! จะตกแล้ว!!!' ออสตินในร่างของนกเหยี่ยวที่ตอนนี้กำลังตก ใบหน้าทิ้งดิ่งไปจูบกับพื้นโลก แต่ก่อนเขาจะได้ไปจูบกับพื้นโลก ก็ได้มือใหญ่ๆมาช่วยไว้
'นี่มันจะบีบกันให้ตายชัดๆ!!' มือใหญ่ที่ออสตินมโนว่าช่วยรับร่างเขากลับกลายเป็นบีบแน่นเตรียมจับเขาเข้าปาก
'แอ๊กก!! จะ..เจ็บโว้ยย!!! ขะ..แขนจะหักแล้ว!!!' เสียงกระดูกตามตัวเริ่มดังเมื่อถูกบีบแรงขึ้น ด้วยไททันนั้นกลัวว่าเหยื่อจะหลุดมือไป
'นี่เราจะต้องมาโดนกินอีกแล้วหรอ ทั้งที่สิ่งที่พวกเราพยายามทำมามันสำเร็จแล้วแท้ๆ อีกแค่นิดเดียวเอง' ร่างนกเหยียวของออสตินที่ตอนนี้กำลังใกล้เข้าปากที่อ้ากว้างเตรียมกินของไททันมากขึ้นเรื่อยๆ
'ไม่เอาหรอกน้ะ!! ฉันจะไม่ยอมตายง่ายๆหรอก!!!!' ตัวเขานั้นที่ได้ตั้งปณิธานไว้กับพวกพ้องไม่ยอมมาจบอยู่ที่นี่หรอก แววตาของออสตินเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว เขากางกรงเล็บที่แหลมคมขึ้น ข่วนไปทางนิ้วมือที่กำเขาไว้จนขาดออก ตัวเขานั้นบินออกมาจากมือ ก่อนจะบินไปที่หลังคอซึ่งเป็นจุดอ่อนของไททัน หรือก็คือจุดตายของมนุษย์เรา เขากางกรงเล็บข่วนกระชากเนื้อตรงหลังคอออกมาเป็นทางยาว
เขาบินด้วยความไวขึ้นไปในที่ๆสูงขึ้น ก่อนจะเริ่มสะสมเปลวเพลิงสีฟ้าตามตัวมาไว้ที่ปาก อย่าถามว่าสิ่งที่เขาทำอยู่เขารู้วิธีทำได้ไง เพราะมันเป็นไปตามสัญชาตญาณความรู้สึกของเขา เขาเพียงแค่อยากจะกำจัดพวกไททันได้ไวๆ
"ฟุ้มมมมม!!!' เปลวเพลิงสีฟ้าถูกพ่นออกมาจากปากไปทางเหล่าไททันที่ยืนอยู่ เปลวเพลิงสีฟ้ากระจายออกไปทั่วเป็นวงกว้าง เผาไหม้ทุกอย่างที่มันสัมผัส เหล่าไททันที่จ้องจะจับเขาโดนเปลวเพลิงสีฟ้าเผาจนเกิดควันไอน้ำลอยไปทั่ว
เวลาผ่านไปไม่นานรอบๆที่เคยเต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่และเหล่าไททันต่างหายไปในพลิบตา เหมือนไม่เคยมีมาก่อน แต่ยังคงหลงเหลือขี้เถ้าสีดำลอยเต็มไปหมด เปลวเพลิงสีฟ้าที่ลุกโชนค่อยๆดับไป ร่างของนกเหยี่ยวที่เคยตัวใหญ่ แต่ตอนนี้กลับมาตัวเท่านกปกติแล้ว จะค่อยๆร่วงลงมาจากท้องฟ้า
"ตุ้บบบบ" เสียงตกที่เกิดขึ้นเพียงแผ่วเบา ขี้เถ้าบริเวณรอบฟุ้งกระจายขึ้น ก่อนจะลงมาปกคลุมร่างนกเหยี่ยว
'เหนื่อยชะ...มะ..มัด...แฮ่กๆ' เขานอนหอบหายใจมองสภาพที่เกิดขึ้น เขาไม่คิดว่าเปลวเพลิงนั่นจะรุนแรงขนาดนี้ เลยปล่อยออกไปแบบเต็มที่ ตอนนี้เขาเหนื่อยสุดๆเลยล่ะ
'ของีบสั้กหน่อยนะ' ดวงตาของเขาค่อยๆปิดลง
.
.
.
.
.
จบไปแล้วกับตอนที่สาม ไม่น่าเชื่อว่าจะพาน้องมาได้ขนาดนี้
ตอนหน้าน้องก็จะได้เจอกับเฮียวิกของเราแล้วหุหุ
อันนี้คือล็อกเก็ตที่น้องเจอในเสื้อกาวน์ของอีริค
ความคิดเห็น