คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : เพียงแรกพบสบตา...อาห๊ะ!!
ณ อีกช่วงเวลาหนึ่ง
กลุ่มคนใส่เสื้อคลุมมีฮูทสีเขียว ข้างหลังเป็นลายปีกนกสีขาวกับสีน้ำเงินไขว้กัน เสื้อคลุมที่โบกสะบัดไปตามแรงลม ลมที่พัดผ่านรุนแรงจนแสบผิว เสียงฝีเท้าของม้าที่ดังกุบกับสนั่นไปทั่วทิศ ฝุ่นดินฟุ้งกระจาย กลุ่มคนเหล่านี้กำลังมุ่งหน้าตรงไปที่เปลวเพลิงสีฟ้า ที่ตอนนี้ได้หายไปแล้ว
คนนำหน้าสุดเป็นชายร่างใหญ่สูงโปร่งบึกบึน มีกล้ามเนื้อที่ผ่านการออกกำลังกายเป็นอย่างดี ผมสีทองที่ผ่านการจัดทรงมาแล้ว คิ้วหนาเหนือนัยน์ตาคมเข้ม แก้วตาสีฟ้าสวยที่เต็มไปด้วยความกระหายในการค้นพบสิ่งใหม่ รับกับใบหน้าคมสัน จมูกโด่ง ปากหนาหยักได้รูปตัดกับผิวขาวออกแทนจากการออกแดด
"นี่เอลวิน!! เราจะไปที่นั่นกันจริงๆหรอ" ชายที่ควบม้าอยู่ข้างๆ เอ่ยถามคนที่เป็นหัวหน้าหน่วย
"ใช่!" เอลวิน สมิธหัวหน้าหน่วยสำรวจตอบรับอย่างหนักแน่นไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย พร้อมมุ่งตรงไปข้างหน้า ตอนนี้เขาอยากรู้มากว่าเปลวเพลิงสีฟ้านั่นมาจากไหน มันเกิดอะไรขึ้นที่ตรงนั้น
ชายคนที่ถามเอลวินนั้นมีเส้นผมสั้นสีฟางข้าวหม่นๆ คิ้วเรียวยาวที่ขมวดมุ่น นัยน์ตาเล็กชั้นเดียว ดวงตาสีฟ้าซีด กับหนวดและเคราที่ถูกตัดแต่งเป็นอย่างดี จมูกเป็นสันไม่โด่งมาก รูปร่างสูงโปร่ง ที่มีกร้ามเนื้อให้เห็นเด่นชัด ชายคนนี้มีชื่อว่า มิเคะ ซาคาเรียส
มิเคะที่ได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ถามอะไรเพิ่มอีกรีบติดตามเอลวินไปทันที
"เปลวเพลิงนั่นมันอะไรกันน่ะ ต้องมีอะไรแน่ๆ" เสียงหญิงสาวที่ดังขึ้นอย่างดี๊ด๊า ปากฉีกยิ้มกว้าง ดวงตาเป็นประกาย ท่าทางเต็มเปี่ยมไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
หญิงสาวที่ขี่ม้าอยู่อีกฝั่งของเอลวิน เธอมีเส้นผมสีน้ำตาลเข้มที่ถูกมัดรวบครึ่งหลังเป็นหางม้า ปล่อยผมข้างหน้าไว้ ใส่แว่นตาทรงสี่เหลี่ยมที่ลัดรอบหัว มีคิ้วเรียวยาวดวงตาสีน้ำตาล เธอมีรูปร่างที่สูงโปร่ง มีกล้ามเนื้อเล็กน้อยจากการออกกำลังกาย ไม่ได้อ้อนแอ้นบอบบาง แต่ก็ไม่ได้ดูหน้าเกลียดนัก เธอมีชื่อว่า ฮันจิ โซเอะ
กลุ่มคนในเสื้อคลุมสีเขียวมุ่งเข้าไปในป่า ก่อนภาพตรงหน้าจะปรากฏสู่สายตา ป่าที่น่าจะมีต้นไม้สูงใหญ่เต็มไปหมด และพวกไททันที่ชอบแอบอยู่ในป่า กลับหายไปหมด มีเพียงพื้นที่โล่งกว้างที่เต็มไปด้วยขี้เถ้า เขม่าควันจากการเผาไหม้ และมีต้นไม้ที่โดนเผาจนแห้งตายยืนอยู่ประปราย
พวกเขาถึงกับงุนงงกับภาพที่เห็น ที่นี่มันเกิดอะไรขึ้น เป็นเพราะเปลวเพลิงสีฟ้าที่เห็นงั้นหรอ
"อ๋าาา เละหมดเลยย" เสียงฮันจิเอ่ยขึ้นมาอย่างโหยหวนในความเงียบ
"ไฟป่ารึไง แต่ไม่น่าจะดับได้ไวขนาดนี้ ฝนก็ไม่ตก" มิเคะที่เริ่มคาดการณ์ถึงสาเหตุของภาพที่เห็นมองไปรอบๆ พร้อมทำจมูกฟุดฟิด กินไหม้พวกนี้ทำเขาแสบจมูกไปหมด
เสียงคนในหน่วยเริ่มพูดคุยกันเสียงดัง มันเป็นภาพที่แปลกตามาก ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดจากธรรมชาติ
เอลวินที่เป็นหัวหน้าหน่วยรีบออกคำสั่งให้ทุกคนแยกย้ายกันไปสำรวจ
"แยกกันสำรวจ!! ระวังไททันด้วย!!" เอลวินออกคำสั่ง แล้วกระโดดลงจากหลังม้า ส่วนมิเกะกับฮันจิก็แยกกันไปสำรวจอีกทาง เขาเดินย่ำไปบนกองขี้เถ้าที่ท่วมสูงถึงข้อเท้าของเขา เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่ยังคงมีขี้เถ้าลอยลงมาอยู่
เขาเดินสำรวจพร้อมคิดไปเรื่อยๆถึงสาเหตุของสภาพป่าในตอนนี้ ก่อนที่เขาจะมาถึงที่นี่ยังเห็นเปลวเพลิงสีฟ้าอยู่เลย แต่ตอนนี้กับไร้ร่องรอยราวกับมันไม่เคยมีมาก่อน เหลือทิ้งไว้เพียงขี้เถ้าและซากต้นไม้ที่ถูกเผาตาย
วันนี้ทีมสำรวจที่เขาสังกัดอยู่ได้ถึงกำหนดการออกสำรวจนอกกำแพง ระหว่างที่พวกเขาออกสำรวจมาได้ครึ่งวันและเตรียมที่จะถอนทัพกลับแล้ว ก็เห็นแสงสีฟ้าที่สว่างวาบผ่านขึ้นไปบนท้องฟ้า ตามด้วยฟ้าที่ผ่าลงมาที่ป่านี้
เขาที่เห็นว่ามันผิดปกติ เลยขอผู้บัญชาการ ให้หน่วยของเขาได้เข้าไปสำรวจในป่าที่เกิดฟ้าผ่า ขณะที่หน่วยของเขาควบม้ามาเข้าใกล้เขตป่าก็เกิดเปลวเพลิงสีฟ้าขึ้น มันเกิดเพียงไม่นานก่อนจะหายไป
'เกิดอะไรขึ้นกับที่นี่' ระหว่างที่กำลังคิดหาสาเหตุ เอลวินก็ได้ไปเหยียบบางอย่างเข้า
'นกงั้นหรอ??' เขายกเท้าที่เหยียบออก ดีที่เขาไม่ได้ลงน้ำหนักไปที่เท้ามากไม่งั้นเขาคงได้เหยียบมันตายโดยไม่ได้ตั้งใจ สาเหตุที่เขามองไม่เห็นมันในตอนแรกเพราะทั้งตัวมันปกคลุมไปด้วยขี้เถ้า มีเพียงส่วนหัวที่มีจะงอยปากโผล่ออกมาจากกองขี้เถ้า
เขาย่อตัวลง ก้มเก็บเจ้านกนั่นขึ้นมา นกตัวนี้สภาพค่อนข้างแย่ แต่มันยังคงหายใจอยู่ สังเกตุได้จากการที่หน้าอกของมันยังขยับขึ้นลง ตามตัวของมันมีขี้เถ้าปิดสีขนจนเขาดูแทบไม่ออก เห็นเพียงสีน้ำตาลที่พอจะเดาได้ว่าน่าจะเป็นสีขนจริงของมัน ปีกห้อยตกรุ่งริ่งข้างตัวเหมือนจะหัก ที่คอมีสร้อยเงินคล้องด้วยจี้กลมลายแปลกประหลาด มีปีกนกอยู่ข้างๆ เป็นจี้ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
เขายื่นมือไปคิดจะถอดสร้อยนั่นออกมาดู แต่ก็ต้องชะงักไป เมื่อได้สบเข้ากับดวงตาสีประหลาดของนกที่เขาคิดว่ามันน่าจะสลบอยู่ มันจ้องเขานิ่ง เขาก็จ้องมันกลับอย่างไม่ยอมแพ้ จนเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้น
'งดงามมาก' เอลวินถูกดวงตาสีเหลืองบุษราคัมที่เป็นประกายนั่นดึงดูดโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะถูกเรียกสติกลับมาด้วยความเจ็บที่หลังมือ เขามองไปที่ตัวต้นเหตุ มันก้มจิกมือของเขาที่กำลังจับสร้อยคล้องจี้แปลกตาอยู่
เขาที่ยื่นมือไปจะจับสร้อยนั่นมาดูก็ต้องชักมือกลับ มองแผลที่โดนจิกเป็นทางยาว เลือดของเขาไหลออกมาตามแผลที่โดนจิก เขาจ้องไปที่เจ้านกนั่น ที่ถูกเขาหิ้วปีกอยู่ข้างหนึ่ง ส่วนปีกอีกข้างที่น่าจะหักห้อยอยู่ข้างลำตัว แม้สภาพจะย่ำแย่แต่มันก็มองเขาอย่างเหยียดหยามพร้อมกับเชิดหน้าขึ้น
นี่เขาไม่ได้คิดไปเองใช่ไหมว่ามันมองเหยียดเขาอยู่ เขาทำการหิ้วปีกมันสูงขึ้น ให้หน้าของมันมาอยู่ในระดับสายตา พร้อมกับยืนเต็มความสูง จ้องตากับมันอยู่สั้กพัก
ทหารที่อยู่ใกล้ๆกับเอลวิน เมื่อเห็นนกในมือหัวหน้าหน่วยตนเอง ก็จ้องอยู่สั้กพักก่อนจะนึกได้ รีบพุ่งเข้ามาหาเอลวิน
"นั่นมันเหยี่ยว ไม่ผิดแน่!!" ทหารที่พุ่งเข้ามาพูดเสียงดัง จ้องไปที่นกในมือเอลวินอย่างสนใจ
"เหยี่ยวงั้นหรอ" เอลวินหันไปมองอย่างสงสัย และกลับมามองนกในมือตนเอง ที่ตอนนี้นอนสลบคอพับไปแล้ว
"ใช่ครับ!! นั่นคือนกเหยี่ยว" นายทหารพยักหน้ายืนยันอย่างมั่นใจ
"นายชื่อว่าอะไรทหาร" ที่เขาถามเพราะจะได้เรียกชื่อถูก
"โลเวล ฮาเกนครับ!!" โลเวลพูดชื่อของตนเอง พร้อมทำท่าถวายดวงใจเป็นการเคารพ
"โลเวลสินะ นายรู้อะไรเกี่ยวกับมันมั่ง" เอลวินถามอย่างสนใจใคร่รู้ ยื่นนกที่ตนหิ้วปีกยืนออกไปให้โลเวลที่ยืนอยู่ตรงหน้าดู เขาไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับชนิดของพวกสัตว์มากนัก เห็นเป็นเพียงนกทั่วไปเท่านั้น
"นกเหยี่ยว มันเป็นนกล่าเหยื่อครับ นกเหยี่ยวจะมีขนาดตัวที่เล็กกว่านกอินทรีย์ ซึ่งผมก็ยังไม่เคยพบนกอินทรีย์ตัวเป็นๆมาก่อน เห็นแค่รูปภาพกับคำบรรยาย" ที่เขาเลือกมาเข้าทีมสำรวจก็เพื่อจะได้ออกมาดูโลกที่อยู่นอกกำแพง
"ต่อนะครับ นกเหยี่ยวจะมีจะงอยปากที่งองุ้ม มีกรงเล็บที่แหลมคมและแข็งแรง บินได้รวดเร็ว กางปีกได้กว้างและยาว สามารถบินหรือเหินได้สูง และมีสายตาที่ดีมาก อาหารโดยทั่วไปของเหยี่ยว คือ สัตว์ขนาดเล็ก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์น้ำ เช่น พวกปลา หรือกุ้ง แต่สัตว์ที่มีขนาดใหญ่กว่าก็กินได้เหมือนกัน อย่างพวกกวาง" จบประโยคโลเวลก็ทำการหอบหายใจ โกยอากาศเข้าปอด กลืนน้ำลายอึกนึงก่อนจะเริ่มพูดต่อ
"แล้วยังมีความเชื่อว่าเหยี่ยวเป็นวิญญาณบรรพบุรุษที่ช่วยนำทางไปสู่ปลา เป็นสัตว์ที่ช่วยในการจับปลา นอกจากนี้แล้วยังเชื่อกันด้วยว่าเหยี่ยวจะเป็นเครื่องนำทางวิญญาณของผู้เสียชีวิตไปสู่โลกหลังความตาย โดยมีเรือเป็นพาหนะ" โลเวลที่บ้านเคยเป็นพรานป่า ทำการสาธยายความรู้ที่เขาพอจะจำได้ทั้งหมดให้กับหัวหน้าหน่วยเอลวินได้ฟัง
"ผมไม่ได้เห็นมันนานแล้ว พวกมันต่างรักอิสระ" โลเวลพูดด้วยรอยยิ้ม เขาเคยเห็นพวกมันบินผ่านตอนที่เข้าป่าไปล่าสัตว์กับพ่อของเขา มันเป็นช่วงเวลาที่เขาคิดถึงมาก
'อ่าา คิดถึงช่วงเวลาที่สงบสุขจัง' โลเวลที่ตอนนี้ได้ใจลอยไปอยู่ในโลกของตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่ได้สนใจเอลวินที่ตอนนี้มองนกในมือด้วยแววตาเป็นประกายก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว
"เราจะเอามันกลับไปด้วย" พอได้ยินคำพูดที่หลุดออกมาจากปากของเอลวิน โลเวลที่กำลังฝันหวานก็สดุ้งตื่นขึ้นมาทันที หันไปมองหัวหน้าหน่วยของตนอย่างตกใจ
"หัวหน้าว่าไงนะครับ!!" ถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ว่าเขาไม่ได้ฟังผิดไป เมื่อกี้เขาก็บอกหัวหน้าอยู่นะว่าพวกมันรักอิสระ และทางที่ดีเขาว่าควรจะปล่อยมันไป ทำแค่รักษาให้ก็น่าจะพอ
"ความสามารถของมันจะเป็นประโยชน์ในการสำรวจนอกกำแพง" เอลวินตอบอย่างหนักแน่น เขาได้ตัดสินใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะไม่มีใครมาหยุดเขาได้
"มันจะทำได้จริงหรอครับ" โลเวลถามอย่างไม่มั่นใจนัก ถึงบ้านเขาจะเคยประกอบอาชีพเป็นพรานป่า แต่เขาก็ยังไม่เคยฝึกพวกสัตว์มาก่อน
"เราแค่ต้องฝึกมัน" เขาจะเอามันมาทำประโยชน์ให้หน่วยสำรวจ และเขาจะฝึกมันเอง
"อ๋าาา แต่ผมไม่เคยฝึกนกมาก่อนนะครับ" โลเวลตอบพร้อมกับเกาท้ายทอยอย่างเขินอาย อุส่าเป็นลูกนายพรานแท้ๆ แต่ไม่เคยฝึกสัตว์
"นายรับหน้าที่ดูแลมันก็พอ เดี๋ยวฉันจะเป็นคนฝึกมันเอง" นายทหารที่ได้รับคำสั่งก็ทำได้เพียงขานรับเสียงดัง
"ครับบ!! เดี๋ยวผมจะลองไปหาหนังสือที่บ้านดู มันน่าจะพอมีวิธีอยู่" โลเวลเสนอหนทางในการฝึก ก่อนจะรับตัวนกเหยี่ยวที่สภาพล่อแล่จากมือเอลวินไป แต่ก่อนจะไปก็ได้หันมาถามหัวหน้าของตน
"แล้วจะให้มันชื่ออะไรครับ" เอลวินที่โดนถามถึงกับชะงัก
"ต้องตั้งด้วยหรอ" เขาไม่เห็นว่าจะจำเป็นเลย
"ต้องตั้งสิครับ มันจะได้ง่ายในตอนที่ฝึก" โลเวลทำการพยักหน้ายืนยัน จะให้หัวหน้ามาเรียกนกเหยี่ยว ว่านกเหยี่ยว มันก็ดูจะแปลกๆไปหน่อย คิดแล้วสงสารนก มีชื่อให้เรียกน่าจะดีกว่า
"อ่าาา.." ระหว่างที่กำลังนึกชื่อ ภาพดวงตาสีประหลาดที่เป็นประกายงดงามก็ปรากฏขึ้นในหัวของเขา
"ฮันส์" เสียงแผ่วเบาถูกกล่าวออกมาจากปากของเอลวิน
"อะไรนะครับ" นายทหารที่ได้ยินไม่ชัดถามขึ้น
"ฮันส์ มันชื่อฮันส์" มาจากภาษาเยอรมัน มีความหมายว่า ความงดงามของพระเจ้า เอลวินบอกไปเพียงชื่อไม่ได้บอกถึงความหมายของชื่อนี้
"ฮันส์สินะครับ" นายทหารถามเพื่อยืนยัน ก่อนจะได้รับคำตอบเป็นการพยักหน้าจากเอลวิน เมื่อได้รับการยืนยันแล้วเขาก็หมุนตัวออกไป เอานกที่บาดเจ็บห่อไว้ในผ้า
หลังจากนั้นไม่นาน ได้มีเสียงฝีเท้าของม้าวิ่งมาตรงที่เอลวินยืนอยู่ เขาหันไปมองผู้ที่มาใหม่
"หัวหน้าหน่วยเอลวิน ผู้บัญชาการมีคำสั่งให้ถอนทัพกลับเข้ากำแพง" ทหารที่เข้ามาทำการกระโดดลงจากหลังม้า กล่าวคำสั่งที่ได้รับมอบหมายมา
"เข้าใจแล้ว" เอลวินทำการขานรับ แล้วหันไปออกคำสั่งกับคนในหน่วย
"ทุกคน!! ขึ้นม้าสะเราจะทำการถอนทัพเข้ากำแพง" เอลวินออกคำสั่งเสียงดัง
"ครับ!!!/ค่ะ!!!" ทหารทุกคนทำการขานรับ กระโดดขึ้นหลังม้าของตน
เอลวินกระโดดขึ้นหลังม้าควบนำหน้าไป ซ้ายและขวาถูกประกบด้วยมิเคะกับฮันจิ เหล่าทหารควบม้าตามหัวหน้าหน่วยของตนที่ขี่ม้ามุ่งนำหน้าไป
"นี่ๆเอลวิน ได้ยินว่านายเจอนกเหยี่ยว" ฮันจิถามเกริ่นนำ ด้วยดวงตาเป็นประกาย ปากฉีกยิ้มกว้าง ท่าทางตื่นเต้นเหมือนเจอไททันที่ชอบ
เอลวินที่พอจะเดาได้ว่าฮันจินั้นคิดจะทำอะไรก็รีบพูดตัดบท
"ไม่ได้"
"เออออ๋ นี่ยังไม่ได้บอกเลยนะว่าจะทำอะไร แค่จะยืมไปทดลองอะไรนิดหน่อยเอง นะนะเอลวิน" ฮันจิที่โดนปฏิเสธทันทีในตอนแรกไม่ยอมแพ้ รีบพูดความต้องการของตนเองออกมา
เอลวินที่โดนสายตาและน้ำเสียงออดอ้อนของฮันจิ ก็ไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย ปฏิเสธออกไปอย่างแน่น เอาสะฮันจิไม่กล้าที่จะขอต่อ
"ไม่ นี่มันนกของฉัน"
.
.
.
.
.
.
.
'ไอ้หัวทองเรียบแปล้นั่นมันใครกัน' นี่เป็นความคิดสุดท้ายของออสตินก่อนที่จะสลบไป
------------------------------
#น้องก็ยังคงชอบสลบ นี่น้องสลบมาถึงตอนที่สี่แล้วนะ!!!
ตอนหน้าเราจะได้เห็นน้องตื่นกันแล้ว
เอลวิน สมิธ
(#แอบดื้ออยู่น้ะเราอะ)
มิเคะ ซาคาเรียส
(#นี่ก็เอาแต่ขมวดคิ้ว)
ฮันจิ โซเอะ
(#อ๋าาาาา ไม่ขอพูดถึงแล้วกัน)
ขอบคุณทุกกำลังใจนะคะ ภาษาของไรท์อาจจะไม่ค่อยสละสลวย อ่านไปอาจจะงงๆ มีสะดุดเวลาอ่านหน่อย ไรท์จะพยายามปรับปรุงค่ะ
ความคิดเห็น