ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Fic Attack on titan ] ปีกแห่งเสรีภาพ (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #10 : จะล่องแก่ง...หรือขึ้นเครื่อง

    • อัปเดตล่าสุด 6 ส.ค. 64


    "อื๊ออ อ๊าา!!"

     

    "แหหห่!! โฮ่งงๆ โฮ่งงๆ"

     

    "ผลั่ก ตุ๊บ ตั๊บบ!!"

     

    ไม่ต้องตกใจไป ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น ตอนนี้เขาได้ลงมาที่เมืองใต้ดิน สถานที่ที่คนข้างบนไม่คิดที่จะลงมาเหยียบ เหตุที่เขาต้องลงมาที่นี่กับเอลวิน และคนในหน่วยบางส่วน มีมิเคะ และโลเวลที่ขอติดมาด้วย โดยมีคนนำทางเป็นสารวัตรทหาร

     

    เหตุที่ทำให้ต้องมาที่นี่เพราะมีการแจ้งขอความช่วยเหลือจากกองสารวัตรทหาร ว่ามีกลุ่มอันธพาลในเมืองใต้ดินกลุ่มหนึ่ง ใช้อุปกรณ์เคลื่อนย้ายสามมิติสร้างความวุ่นวาย เอลวินที่ได้ยินก็เกิดสนใจ เลยขอรับงานนี้เอง เพราะอยากลองมาดูฝีมือของอีกฝ่าย เขานกน้อยที่น่าสงสารเลยต้องติดสอยห้อมตามมาด้วย

     

    ที่นี่ก็สมกับเป็นเมืองใต้ดิน เป็นที่ที่รวมสิ่งโสมมเอาไว้ ไม่ว่าจะค้าประเวณี ปล้นจี้ชิงทรัพกันให้เห็นจ่ะๆ ตามลายทาง แม้แต่เด็กก็ไม่เว้น ทุกคนต่างดิ้นลนเอาชีวิตรอด ชีวิตอดสูต่างจากข้างบนลิบลับ ทั้งๆ ที่ห่างกันเพียงแค่ชั้นดินกั้น

     

    'พวกข้างบนคงกินกันอิ่มเลยสินะ' แค่คิดเขาก็หงุดหงิดแล้ว ไอ้ระบบการบริหารบ้านเมืองที่ล้มเหลวนี่มันอะไรกัน เฮงซวยสิ้นดี

     

    "ใจเย็นไว้ฮันส์" เสียงเอลวินเอ่ยขัดความคิดขึ้นมา ก่อนที่เขาจะได้ทำการขึ้นไปเผาพวกหมูอ้วนที่อยู่ข้างบน

     

    เอลวินมองไปทางฮันส์ที่มีท่าทางไม่พอใจอะไรบางอย่าง แต่เขาพอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่

     

    สภาพของที่นี่ค่อนข้างย่ำแย่ เมืองใต้ดินถือว่าอยู่ภายใต้เขตแดนที่ปลอดภัยที่สุด ที่ได้รับการป้องกันจากกำแพงภายนอกทั้งสามชั้น แต่ที่นี่กลับถูกทิ้งร้างไว้ เนื่องมาจากแผนการอพยพคนเข้าเมือง ผู้คนที่ได้ลงมาต่างหมดโอกาสที่จะขึ้นไป

     

    เป็นดินแดนที่ละทิ้งแสงสว่าง ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่ผู้ที่เกิดและเติบโตที่นี่ จะสูญสลายโดยไม่มีวันได้เห็นโลกภายนอก

     

    การที่จะขึ้นไปได้มีเพียงการจ่ายเงินผ่านทาง แต่ถ้าไม่มีสัญชาติ ก็จะอยู่ได้ไม่นาน โชคร้ายหน่อยอาจเจอพวกสารวัตรทหารจับลงมาที่เดิมอยู่ดี ที่นี่นั้นได้ถูกละทิ้งจากคนข้างบนไปแล้ว

     

    "โครมม!!" เสียงของลังไม้ดังร่วงลงพื้น

     

    "เฮ้ย!!!! หยุดนะะ!!!!" เสียงร้องโวยวายจากพวกพ่อค้าดังขึ้น หลังเสียงของลังไม้ที่ตกลงมา ผู้คนในละแวกต่างรีบพุ่งเข้าไปเก็บของที่ตก

     

    พวกเขาหันไปตามเสียงร้องของพวกพ่อค้า เห็นเป็นหญิงสาวผมสีน้ำตาลแดง มัดผมแกะสองข้าง กับผู้ชายอีกคนที่ผมเป็นสีฟางข้าว ทั้งสองใช้อุปกรณ์เคลื่อนย้ายสามมิติหนีไป

     

    "ตามไปป!!" เสียงออกคำสั่งของเอลวินดังขึ้น คนในหน่วยรีบติดตามไปทันที เอลวินจับฮันส์ลงมาจากไหล่ ก้มไปจูบหัวที่ปกคลุมด้วยขนนิ่มสีน้ำตาล

     

    ออสตินที่โดนจูบหัวทำเพียงก้มหัวให้ เมื่อเอลวินผละออกไปก็ยืนเกาะแขนอีกฝ่าย ไม่ต้องแปลกใจไป เอลวินเริ่มทำอย่างนี้ตั้งแต่กลับเข้ากำแพงในวันที่ไปออกสำรวจ แรกๆเขาก็ตกใจ คิดว่าอีกฝ่ายไปกินอะไรผิดสำแดงมา แต่พอถูกทำบ่อยเข้าเขาก็ชิน เหมือนการได้รับพร ก่อนไปรบ ผิดก็แต่คนให้ไม่ใช่เทพีรูปงามน่ะสิ ถึงจะผมทองตาฟ้าก็เถอะ

     

    "ฝากด้วยนะฮันส์" เอลวินเอ่ย พร้อมกับฮันส์ที่กางปีกบินออกไป จากแขนที่เกาะอยู่

     

    ลมปะทะเข้าที่หน้า ขนสีน้ำตาลปลิวตามการเคลื่อนไหวของปีก เขาใช้ดวงตามองกวาดหาผู้หญิงที่มัดผมแกะ กับผู้ชายอีกคนที่ใช้อุปกรณ์เคลื่อนย้ายสามมิติ ก่อนจะเห็นว่ายังมีผู้ชายหัวดำอีกคนที่ทั้งสองกำลังตามไปสมทบ พวกนั้นมีเครื่องนี่เหมือนกัน

     

    'ไปซื้อกันมาจากไหนล่ะน่ะ ใช้กันเก่งไม่เบา โดยเฉพาะเจ้าหัวดำนั่น' การมาที่นี่ของเอลวินคงไม่เสียเปล่าแล้วล่ะ คงจะได้ทหารฝีมือดีกลับไปแน่ๆ

     

    ออสตินร้องดังกังวาลเสียงแหลม เป็นสัญญาณบอกเอลวินว่าเขาเจอแล้ว ก่อนจะบินตามสามคนนั้นไป

     

    เอลวินและหน่วยตามทั้งสามคนมาติดๆ ก่อนจะเห็นว่าทั้งสามแยกกันไปคนละทาง

     

    "โลเวลนายไปซ้าย มิเคะไปขวา เอาคนในหน่วยติดไปด้วย ฉันจะตามคนที่ไวที่สุดไปเอง" เอลวินหันไปสั่ง ก่อนจะยิงสลิงตามไปทันที แก๊สที่ปล่อยออกมาส่งเสียงดังไปทั่ว

     

    ขณะที่เอลวินตามจนจะถึงตัวแล้ว อีกฝ่ายกลับยิงสลิงไปที่กำแพงทั้งสองฝั่ง ดึงตัวเองถอยหลังกลับไปสมทบกับเพื่อน เอลวินที่เกือบจะจับอีกฝ่ายได้แล้ว แต่อีกฝ่ายกลับรอดไปได้ ดวงตาพลันเป็นประกาย รีบตามอีกฝ่ายไปทันที

     

    'เจ๋งไม่เบาเลยนี่เจ้าหนู' ออสตินที่ยังคงบินดูเหตุการณ์รอบๆ อดจะเอ่ยชมออกมาไม่ได้ เทคนิคในการใช้อุปกรณ์ของเจ้าหนูนี่ค่อนข้างดี แค่ได้รับการสอนอีกหน่อยก็ใช้งานได้แล้ว

     

    เอลวินที่เห็นอีกฝ่ายยิงสลิงลอดเข้าหน้าต่างไป รีบไปดักอีกฝั่งที่อีกฝ่ายน่าจะออกมา และก็ออกมาจริงๆ เขารีบพุ่งตัวเข้าไปสกัดทันที อีกฝ่ายใช้มีดเอามากันมีดที่เขาฟันลงไปได้ ด้วยแรงปะทะทำให้อีกฝ่ายกระเด็นออกไป มิเคะที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน ทำการดันอีกฝ่ายให้ล่วงตกลงไปที่พื้นทันที

     

    ผู้ชายหัวดำที่โดนมิเคะกระแทกเข้า รีบตั้งหลักหันมีดเข้าใส่อีกฝ่ายทันที เอลวินรีบเข้ามารับการโจมตี ใช้ใบมีดรับการปะทะ ก่อนจะใช้แรงดันอีกฝ่ายให้ถอยล่นไป

     

    "หยุดสะ มองไปรอบๆสิ" เอลวินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง มองไปยังอีกฝ่ายที่เตรียมจะสู้ต่อ

     

    เมื่อผู้ชายผมดำหันไปเห็นว่าพวกพ้องอีกสองคนโดนจับได้แล้ว ก็ปล่อยมีดที่อยู่ในมือลง เอลวินที่เห็นว่าอีกฝ่ายฟังที่ตนพูดก็ผละออกมา ลดมีดในมือลง

     

    "อ่านสถานการณ์เร็วดีหนิ" เอลวินอดที่จะชมอีกฝ่ายไม่ได้

     

    ออสตินเห็นว่าสถานการณ์ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็ค่อยๆ บินล่อนลงมาเกาะแขนเอลวินที่รอรับอยู่

     

    ทั้งสามคนที่ถูกใส่กุญแจมือ ให้นั่งคุกเข่าอยู่กับพื้น หันไปมองนกที่บินลงมาเกาะที่แขนเอลวินอย่างแปลกใจ ที่นี่มีนกแบบนี้ด้วยหรอ แต่เมื่อกี้ตอนหนีพวกเขาก็ได้ยินเสียงนกร้องอยู่บนหัว หรือจะเป็นมันที่ติดตามพวกเขา ถึงว่าล่ะพวกทีมสำรวจถึงตามมาได้ไวนัก

     

    เอลวินลูบหัวฮันส์เพียงเล็กน้อย แล้วนำไปวางไว้ที่ไหล่ตามเดิม เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว จึงทำการถามถึงเรื่องที่เขากำลังสงสัยอยู่ในตอนนี้

     

    "ขอถามอะไรหน่อย" เขาชูอุปกรณ์เคลื่อนย้ายสามมิติของคนพวกนี้ขึ้นมา

     

    "นายได้สิ่งนี้มาจากไหน" เอลวินมองอีกฝ่ายที่ยังคงนิ่งไม่มีการตอบโต้

     

    "พวกนายสามารถใช้เครื่องเคลื่อนย้ายสามมิติได้ ใครเป็นคนสอนพวกนายกัน?" เอลวินยังคงถามต่อ แต่สิ่งที่ได้ยังคงเป็นความเงียบ เขาเดินเข้าไปหาผู้ชายผมดำที่น่าจะเป็นแกนนำหลักของทีม

     

    "นายคือหัวหน้าสินะ?" เอลวินเอ่ยถาม มองไปยังชายผมดำที่ยังคงไม่ตอบเขาเช่นเดิม

     

    "เคยฝึกมาจากทหารเหรอ?" เอลวินยังคงเอ่ยถามต่อไป แม้อีกฝ่ายยังคงไม่ตอบเช่นเดิม แต่เหมือนจะมีคนที่หมดความอดทนไปซะก่อน มิเคะทำการจับหัวอีกฝ่ายกดลงตรงพื้นที่เป็นแอ่งน้ำ

     

    ออสตินที่ดูเหตุการณ์อยู่เงียบๆ ถึงกับสะดุ้ง

     

    'โหยยย เจ้ามิเคะนี่จะทำรุนแรงเกินไปแล้ว' ปกติก็ออกจะเป็นคนมีความอดทน

     

    "แก!!" เสียงผู้หญิงที่มัดผมแกะสองข้างดังขึ้น ชักสีหน้าไม่พอใจใส่มิเคะ

     

    มิเคะทำเพียงเมินสายตาแบบนั้นของอีกฝ่าย

     

    "ขอถามอีกครั้ง นายเรียนรู้การใช้อุปกรณ์เคลื่อนย้ายสามมิติมาจากไหน?" เอลวินถามอีกฝ่ายด้วยคำถามเดิม แต่รอบนี้เขาไม่ได้รับความเงียบเป็นคำตอบเหมือนเดิม

     

    "ไม่ได้เรียนจากใครทั้งนั้น เราเรียนรู้กันเอง" ผู้ชายผมสีฟางข้าวเป็นคนตอบคำถามของเอลวิน

     

    "เรียนรู้ด้วยตัวเอง?" เอลวินทำการพูดทวนคำตอบของอีกฝ่าย

     

    "ฉันไม่เชื่อหรอก" วิธีการใช้ที่ดูชำนาญกว่าพวกทหารที่ได้รับการฝึกบางคนซะอีก ไม่น่าจะฝึกแค่ด้วยตัวเองได้

     

    "มันก็แค่ช่วยให้เราอยู่สูงขึ้นไปจากเมืองสกปรกนี่เท่านั้น" ชายผมสีฟางข้าวยังคงเป็นคนเดิมที่ตอบ

     

    "คนที่เจอแสงแดดอย่างพวกแกไม่มีวันเข้าใจหรอก!!" อีกฝ่ายพูดออกมาเสียงดัง

     

    ออสตินได้ยินประโยคนี้เข้าไปถึงกับเศร้า

     

    'ทั้งที่ก็ตั้งอยู่ที่เดียวกันแท้ๆ แต่กลับไม่มีโอกาสจะได้เห็นแสงข้างบน' นี่มันจะน่าเศร้าเกินไปแล้ว มันเกิดอะไรขึ้นกับที่นี่กันแน่

     

    คนในกำแพงนี้ไม่รู้เกี่ยวกับโลกภายนอกเลยรึไง ไม่รู้เลยหรอว่าตัวเองไม่ใช่มวลมนุษยชาติกลุ่มสุดท้ายที่เหลืออยู่ และที่เข่นฆ่ากันไปน่ะ ก็คนด้วยกันแท้ๆ

     

    ออสตินที่ตกอยู่ในภวังไม่ได้สินใจในบทสนทนาที่กำลังคุยกันอยู่ รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เอลวินไปนั่งชันเข่าตรงหน้าผู้ชายผมดำที่ถูกมิเคะดึงขึ้นมาจากแอ่งน้ำที่พื้น

     

    "ชื่อของฉันคือ เอลวิน สมิธ" เอลวินมองไปยังอีกฝ่ายนิ่ง ก่อนจะเอ่ยถาม

     

    "ชื่อของนายล่ะ?" ผู้ชายหัวดำที่ถูกถาม นิ่งไปสั้กพักถึงได้พูดออกมา

     

    "รีไวล์" ชายผมดำที่บอกว่าชื่อรีไวล์ตอบเสียงแผ่ว

     

    "รีไวล์?" เอลวินทำการทวนชื่ออีกฝ่าย

     

    "ทำไมเราไม่มาทำข้อตกลงกันละ?" หลังจากที่เขาได้เห็นฝีมือการใช้อุกรณ์เคลื่อนย้ายสามมิติของรีไวล์ เขาก็ได้คิดข้อตกลงขึ้นมาทันที 

     

    "ข้อตกลง?" รีไวล์เลิกคิ้วมองหน้าอีกฝ่าย

     

    "ฉันจะให้นายก่ออาชญากรรมโดยไม่ต้องรับโทษ ในทางกลับกัน ฉันก็ขอยืมแรงของนาย" เอลวินจ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่ง บอกถึงข้อเสนอของตัวเองไป

     

    "จงเข้าร่วมทีมสำรวจซะ" คนแบบนี้ไม่ควรมาจมปลักอยู่ที่นี่

     

    ทั้งสามคนที่ถูกใส่กุญแจมือ นั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น จ้องไปทางเอลวินอย่างตกใจในคำพูดของอีกฝ่าย

     

    รีไวล์ที่เป็นหัวหน้าขมวดคิ้วจ้องหน้าเอลวินนิ่ง

     

    "แล้วถ้าปฏิเสธละ?" รีไวล์ถามหยั่งเชิงเอลวิน สายตาที่ใช้มองเอลวินนั้นไม่มีความเป็นมิตรแม้แต่น้อย

     

    "ฉันจะส่งนายให้กับสารวัตรทหาร" เอลวินตอบกลับคำถามของอีกฝ่ายทันที แบบไม่ต้องคิด

     

    "พิจารณาจากอาชญากรรมที่ทำไว้ทั้งนาย และเพื่อนของนาย จะไม่ได้รับการปฏิบัติที่ดี" ขณะที่กำลังพูดเอลวินก็ลุกขึ้นยืนเดินหันหลังออกมา ก่อนจะหยุดเดินแล้วหันไปมองหน้าอีกฝ่าย

     

    "เลือกตามที่นายต้องการเลย" น้ำเสียงที่พูดไม่มีความกังวล หรือกดดันอีกฝ่ายแม้แต่น้อย เอลวินมั่นใจมากว่ารีไวล์จะไม่ปฏิเสธ คนแบบนี้ไม่มีทางยอมไปนอนติดอยู่ในกรงเฉยๆ แน่

     

    ออสตินถึงกับคิ้วกระตุกในคำพูดของเอลวิน มันมีทางให้เลือกตรงไหนกัน มีแต่ต้องตอบตกลงไม่ใช่หรอ

     

    'นายนี่มันเจ้าเลห์จริงๆ' ออสตินอดไม่ได้ที่จะต้องแซะอีกฝ่าย พูดเหมือนเลือกได้ทั้งที่ตัวเลือกมันมีแค่ทางเดียว ถ้าไม่อยากไปเน่าตายอยู่ในกรง

     

    รีไวล์ก้มหน้าเงียบไป เพื่อนทั้งสองรอในคำตอบของอีกฝ่าย ทุกคนต่างเงียบรอฟังคำตอบ

     

    "ก็ได้" คำตอบของรีไวล์เป็นการตกลง ก็ไม่ได้ผิดจากที่คาดเดาเอาไว้

     

    รีไวล์หันไปถ่มน้ำลายในปากลงพื้น จ้องไปที่หน้าของเอลวิน ด้วยสายตาที่พร้อมจะเชือดอีกฝ่าย

     

    "ฉันจะเข้าร่วมทีมสำรวจ" รีไวล์พูดย้ำในคำตอบของตัวเอง เพื่อนอีกสองคนไม่มีใครคัดค้านยอมติดตามอีกฝ่ายไปด้วย

     

    "นายตัดสินใจถูกแล้วรีไวล์" เอลวินหันไปพูดกับอีกฝ่าย เขาเห็นฝีมือของรีไวล์ที่จะทำประโยชน์ให้กับมวลมนุษยชาติได้มากเลยทีเดียว

     

    'ทำเป็นพูดดีไปเอลวิน' สายตานายมันบอกว่าถูกใจอีกฝ่ายมากเกินไปแล้วนะ

     

    ออสตินอดไม่ได้ที่ต้องหันไปมองเอลวิน ใช้จะงอยปากดึงผมสีทองนั่น ให้เลิกจ้องรีไวล์

     

    เอลวินที่ถูกดึงผมหันไปตามแรงดึง เห็นเป็นนกตัวหนึ่งที่มองเขาอย่างดุๆ นี่เขาไปทำอะไรผิดงั้นหรอ เอลวินเลิกคิ้วเป็นคำถามมองไปทางฮันส์ที่เกาะไหล่อยู่

     

    ออสตินที่ถูกถามสะบัดหน้าหนีทันที บินไปเกาะไหล่ของโลเวล ที่ขอตามมาช่วยงาน

     

    โลเวลอยู่ดีๆ ก็โดนเกาะไหล่ ทำหน้าเหลอหลา หันไปมองหัวหน้าหน่วยที่ขมวดคิ้วจ้องเขาอยู่ ไม่สิต้องเป็นจ้องนกที่เกาะไหล่เขาอยู่

     

    เอลวินที่ไม่เข้าใจอาการของฮันส์ว่าเป็นอะไร ขมวดคิ้วจ้องไปที่ดวงตาสีบุษราคัม แต่อีกฝ่ายกลับทำเมิน เอลวินอดจะถอนหายใจออกมาไม่ได้

     

    "ฮันส์มานี่" เอลวินเอ่ยเรียกนกที่เกาะอยู่บนไหล่ของโลเวล

     

    โลเวลที่เป็นคนกลางทำเพียงยืนนิ่งๆ ไม่เข้าไปยุ่ง

     

    ออสตินได้ยินเอลวินเรียก แต่ยังคงทำเมินต่อไป เอลวินเริ่มมีสายตาอ่อนลง เดินเข้ามาจับอีกฝ่ายที่เกาะไหล่ของโลเวลออก เอามาอุ้มไว้ที่อก เอ่ยถามอีกฝ่ายด้วยเสียงที่อ่อนลง

     

    "เป็นอะไรหืมม ฮันส์ไม่งอนน่า" เอลวินก้มหน้าไปคลอเคลียกับฮันส์ ไม่สนใจสายตาที่มองมาอย่างตกใจของคนสามคนที่ใส่กุญแจมืออยู่ ส่วนด้านคนในหน่วยต่างชินกับภาพที่เห็นแล้ว

     

    แต่ละคนต่างมองด้วยสายตาเหม็นเบื่อ ความหลงนกซะยิ่งกว่าอะไรของหัวหน้าได้เป็นที่ประจักษ์ของคนในหน่วยแล้ว นี่มันทาสนกชัดๆ

     

    ออสตินโดนอย่างงี้เข้าไปถึงกับหายหงุดหงิด

     

    'ป่าวซะหน่อย ฉันไม่ได้เป็นไร' ออสตินเอาหัวไปคลอเคลียอีกฝ่ายกลับ

     

    เมื่อทุกอย่างคลี่คลายแล้ว ก็ได้เวลากลับ

     

    "ไปกันเถอะ ขึ้นไปข้างบนกัน"

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    ....................

    พิเศษใส่ไข่ และใส่ใจ

     

    โลเวลเดินเข้าไปหาผู้ชายผมดำ ที่ยืนขมวดคิ้ว ตาขวางอยู่ ชื่อว่า รีไวล์

     

    "นี่นาย" โลเวลเรียกอีกฝ่าย พร้อมยื่นผ้าเช็ดหน้าสีขาวไปให้อีกฝ่าย ที่หันมามอง

     

    รีไวล์หันไปมองคนที่เรียกเขา ผู้ชายผมสั้นสีเทา ดวงตาสีน้ำตาล สูงกว่าเขาอยู่หลายเซน ยิ้มเป็นมิตรมาให้ ที่เขามองว่ามันเป็นยิ้มโง่ๆ ในมืออีกฝ่ายเป็นผ้าเช็ดหน้าสีขาว เขามองอย่างรังเกียจ แบบไม่เก็บอาการแม้แต่น้อย

     

    โลเวลเห็นสายตาที่มองมาอย่างรังเกียจที่ผ้าเช็ดหน้าของเขา ลนลานขึ้นมาทันที รีบอธิบายกับอีกฝ่าย ถ้าเป็นคนอื่นคงจะเดินหนีไปแล้วล่ะ

     

    "ฉันซักแล้วนะ!! ยังไม่ได้ใช้ด้วย!!" โลเวลดึงมืิอรีไวล์ออกมา เอาผ้าในมือยัดใส่ไปในมือของอีกฝ่าย

     

    "หน้านายเปื้อน เอาไปเช็ดซะ" โลเวลดันมืออีกฝ่ายกลับไป ก่อนจะผละตัวเดินออกมา

     

    "เจ้านั่นสูงชะมัด" รีไวล์มองตามหลังคนที่เอาผ้าเช็ดหน้ามาให้ ก่อนจะยกผ้าที่อยู่ในมือขึ้นมาเช็ด

     

    'หอมชะมัด'

    .

    .

    .

    .

    .

    ...................

    เขาจู๋จี๋กันแบบไม่แคร์ใครเลยล่ะแกรรรรร

    น้องบอกไม่ได้เป็นอะไร มีใครเชื่อบ้างงง

    คนสูงสเป็คพี่เขาเลย งุงิๆ

    ขอให้กินข้าวกันให้อร่อยนะทุกโคนนน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×