คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บันทึกวันที่ 2 พูดคุย
บันทึกวันที่ 2 พูดคุย
“ถ้าไม่ครบล่ะก็ฉันจะอยู่ด้วย”
ร่างสูงที่ก้าวเดินเข้ามาพร้อมกับหัวเราะอย่างสนุกสนานทำให้ และเสียงของชายหนุ่มที่ดังขึ้นนั้นก็ทำให้ใบหน้าที่ร่าเริงของใครบางคนที่หายไปแต่กลับแปรเปลี่ยนเป็นความไม่สบอารมณ์แทน
“สะ..สวัสดีฮะผมชื่อมิจยูนยินดีที่ได้รู้จักครับเออ....”
มิจยูนกล่าวทักทายพอเป็นพิธีก่อนจะยื่นมือออกไปเพิ่งทักทาย ทำให้อีกฝ่ายยิ้มก่อนจะจับมือข้างนั้นตอบ ทั้งคู่ยังคงยืนยิ้มให้กันพอเป็นพิธีในขณะที่มิวได้แต่ยืนหน้าบึ้งด้วยความไม่สบอารมณ์
“เควส อายุ 26 ยินดีที่ได้รู้จัก”
“เช่นกันฮะ....”
“หึ...”
เควสหัวเราะในลำคออย่างเหนือกว่าก่อนจะเหล่สายตาน้ำเงินเข้มไปทางหญิงสาว ด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าชนะแล้วเรียบร้อย ทำให้สาวเจ้าเริ่มเดือดมากขึ้นกว่าเดิมแต่ก็ได้แต่ทำหน้านิ่งไม่แสดงอะไรแต่ว่ายังมีอีกคนที่ได้แต่แอบยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยเท่านั้น
“.......”
* ~ ~ = = = = = = = = ~ ~ *
* ~ ~ = = = = = = = = = = = = = = = = = ~ ~ *
ตกดึก
“คุณมีจุตประสงค์อะไรในการเข้าปาร์ตี้ครั้งนี้เหรอค่ะ”
ร่างเล็กย่างก้าวเข้าไปหาชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆกองไหอย่างช้าๆก่อนที่มือคู่เล็กจะเลื่อนขึ้นพร้อมกับปลายแหลมของมีดสั้นที่พกติดตัวจ่อเข้ากับที่คอของอีกฝ่ายอย่างไม่รอช้า ดวงตาสีฟ้าครามจ้องที่ชายหนุ่มด้วยความไม่สบอารมณ์ดวงตาที่เย็นชา ดวงตาที่แสดงถึงความไม่สบอารมณ์ที่จ้องไปยังอีกฝ่าย
“ก็ไม่มีอะไรนักหรอกก็แค่อยากจะมาเล่นเท่านั้นน่ะแหละ แค่นี้ก็ผิดด้วยรึไง”
“ผิดอย่ามหันต์เลยค่ะ เพราะว่าฉัน....ขอปฏิเสธการเข้าร่วมกลุ่มของคุณค่ะ....”
“เหตุผลล่ะ....”
“เพราะว่าฉันกับคุณเหมือนกันเกินไป เพราะงั้นจึงไม่สามารถเข้ากันได้ หรือจะให้ว่าง่ายก็คือมันเหมือนกันจนน่ารำคาญค่ะ ไม่ต้อง....มาตีซึ้ก็ได้นะค่ะ”
“หึ....เธอรู้จุดประสงค์ของฉันด้วยรึไง”
เควสยิ้มเยาะก่อนจะผลักมีดสั้นของมิวให้ออกห่างจากคอของตนอย่างช้าก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นและจ้องตาของอีกฝ่าย อย่างไม่วางสายตาร่างสูงพยายามสะกดกลั้นความคิดด้านร้ายของตนเอาไว้โดยการส่งยิ้มให้กับหญิงสาวตรงหน้านี้อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“ไม่รู้หรอกค่ะแต่ถึงจะไม่รู้ดีนัก แต่แค่มองก็รู้ว่ามีเลศนัย ตั้งแต่ที่ฉันรู้จักคนอย่างคุณ คุณไม่ใช่คนที่จะมาตีซีกับใครง่ายๆ คนอย่างคุณน่ะเป็นประเภทที่ว่าไม่เชื่อใจใครง่ายๆ แล้วก็...ไม่คิดที่จะตีซี้กับใครหากว่าไม่มีธุระที่จำเป็น โดยเฉพาะกับคนที่มองเพียงแค่ปราดเดียวก็รู้ว่าเหมือนกันกับตัวเองแบบนั้นน่ะ....ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ เพราะแบบนั้นฉันถึง....”
“หึ...ฮ่าๆๆ แล้วเธอใช้มาตรฐานอะไรเป็นตัวตัดสินฉันยังไงเหรอ?”
เควสรีบหัวเราะตัดบทอีกฝ่ายเพื่อที่จะไม่ให้มิวพูดอะไรไปมากกว่านี้เพราะเขากลัวว่าถ้าหากไม่รับตัดบทเสียตอนนี้หญิงสาวตรงหน้าอาจจะพูดอะไรมากไปกว่านี้ก็ได้ บางทีเธออาจจะรู้เรื่องของเขาแล้วก็ได้ถ้าหากไม่รีบตัดบทแล้วถ้าหากมีใครนอกจากนี้ได้ยินเข้าคนที่จะต้องซวยอาจจะไม่ใช่เขาแต่อาจจะเป็นเธอแทนก็ได้....
“......”
เควสค่อยๆเดินไปประชิดมิวทำให้อีกฝ่ายเดินถอยหลังหนีไปชนกับต้นไม้ ทำให้ฝ่ายเควสยิ่งได้ใจใช้มือกั้นไม่ปล่อยให้มิวเดินหนีและเพื่อที่จะไม่ให้หญิงสาวตรงหน้าหลีกเลี่ยงในการตอบคำถามนั้น ....
“กล่าวกันในอดีตว่าดวงตาจะสะท้อนให้เห็นซึ่งทุกสิ่งทุกอย่าง และฉันก็เชื่อมั่นในการมองของฉันว่าไม่ผิดเพี้ยนค่ะ เหตุผลมีเพียงแค่นั้น แค่นี้ก็พอใจรึยังค่ะ?”
“ฮ่าๆๆงั้นขอถาม...เธอแน่ใจได้ยังไงว่าฉันไม่ได้เข้ามาคุยกับเธอเพื่อตีซี้แต่กลับมาเอาข้อมูลมากกว่าน่ะนะ”
“.....เพราะว่าฉันกับคุณน่ะเปรียบเสมือนกับด้านตรงข้ามของกันและกันแต่ก็ยังคล้ายกันด้วยยังไงล่ะค่ะ”
คำพูดเพียงคำๆหนึ่งที่พูดออกมาจากหญิงสาวอย่างช้าๆและเงียบๆแต่ก็ไม่แคล้วหูของอีกฝ่ายที่ได้ยินเข้า และก็แน่นอนว่ามิวเองก็จงใจพูดเสียงเบาเช่นกันไม่ใช่เพื่ออยากจะบ่นพึมพำแต่อยากจะให้อีกฝ่ายสนใจในสิ่งที่ตนพูด ทำให้เควสสะอึกเล็กน้อย ชายหนุ่มกำมือข้างถนัดไว้แน่นโดยที่แม้แต่เขายังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำมือข้างนี้ไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่
“.....ตรงข้าม? คล้ายกัน? ตรงไหนงั้นเหรอ?”
“ไม่ต้องทำไขสือหรอกค่ะ ถึงคุณแกล้งทำเป็นไม่รู้มากแค่ไหน แต่คุณก็ไม่มีวันโกหกอดีตของคุณได้หรอกค่ะ และฉันก็จะไม่บอกปฏิเสธด้วยว่าเรา 2 คนเปรียบเสมือนด้านตรงข้ามของกันและกันแต่ก็คล้ายกันด้วย”
“เธอจะไปรู้อะไรเกี่ยวกับฉันได้ยังไง”
เควสเบี่ยงหน้าหัวเราะพร้อมกับส่ายหัวไปมา
“ไม่รู้หรอกค่ะ แต่ว่าสิ่งที่สะท้อนอยู่ในดวงตาของคุณกับเพื่อนตัวน้อยที่น่ารักของคุณน่ะเป็นหลักฐานยืนยันได้เด่นชัด ว่าเราทั้งสองคนเปรียบเสมือนด้านตรงข้ามของกันและกันแล้วก็ยังคล้ายกันในบางจุดด้วยนะค่ะ....”
สาวเจ้ายิ้มหวานก่อนจะย่อตัวลงลอดผ่านแขนของอีกฝ่ายเดินออกมา ก่อนจะเดินตรงไปยังขอนไม้อีกฝั่งข้างๆมิจยูนที่หลับสนิทอย่างช้าๆเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายตื่นและเอนตัวล้มลงนอนพร้อมกับดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวอย่างไม่สนใจอีกฝ่าย
“ชิ...ไม่สบอารมณ์เลย ต้องมานั่งเถียงกับเด็กปัญญาอ่อนอย่างเธอเนี่ย”
เควสบ่นด้วยความไม่สบอารมณ์ก่อนจะเดินตรงไปข้างๆขอนไม้อีกอันแล้วเอนตัวนั่งพิงที่ขอนไม้อย่างช้าๆ ดวงตาสีน้ำเงินเข้มกวาดสายตามองไปยังแผ่นหลังของหญิงสาวที่นอนหันหลังให้อย่างไม่ละสายตา
“คุณน่าจะไปเรียนภาษาใบ้มาจากควอนนะค่ะ ฉันจะได้ไม่ต้องมานั่งฟังเสียงของคุณ”
“ไร้สาระ ถ้าไม่สบอารมณ์นักก็อุดหูไปซะสิ จะได้ไม่ต้องมาฟังเสียงของฉัน”
“เฮ้อ...แย่จังแหะ นี่ฉันต้องมายืนเถียงกับผู้ใหญ่ที่ไม่รู้จักโตที่เลี้ยงฟาร์มสุนัขไว้ในปากรึเนี่ย”
“ใครสอนให้ใช้คำพูดคำจาแบบนี้กับคนอายุมากกว่าเนี่ย”
“ถ้าแบร์เป็นคนสอนแล้วมันหนักหัวคุณด้วยเหรอค่ะ”
“หึ...ยัยเด็กกะโปโลเอ๋ย”
* ~ ~ = = = = = = = = ~ ~ *
* ~ ~ = = = = = = = = = = = = = = = = = ~ ~ *
ฟูว์.....
เสียงเป่าลมที่ดังขึ้นพร้อมกับควันสีเทาจากบุหรี่และควันสีเทาที่พ่นออกมาจากปากของตุ๊กตาหมีตัวน้อยน่ารักใส่แว่นกันแดดที่นั่งพิงขอนไม้อยู่ข้างๆเจ้านายของตน
“มีอะไร.....”
เสียงของเด็กหนุ่มที่ดังออกมาจากตุ๊กตาหมีตัวเล็ก ก่อนที่ชายหนุ่มจะเงยหน้าขึ้นไม่มองบนฟ้าซึ่งมันไม่ใช่ทางที่ๆมีคนมาเลยด้วยซ้ำ
“คิกๆ ความรู้สึกยังไวเหมือนเคยเลยนะค่ะ”
เสียงหัวเราะของเด็กสาวดังขึ้นจากด้านหลังขอนไม้ที่เจ้านายของตนนอนอยู่ รอยยิ้มหวานที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้า เงาที่ปรากฏขึ้นที่ด้านหลัง
“เฮ้อ....เธอช่วยทำอะไรกับเจ้านายเธอหน่อยก็ดีนะช่วงนี้ชอบมาก่อกวนเจ้านายของฉันอยู่เรื่อยๆเลย แถมยังส่งเวทย์ประหลาดๆมาหาอีกถ้าหากฉันขวางไม่ทันป่านนี้ยัยนี่คงหลับไม่ตื่นไปแล้ว”
“จะให้ทำไงได้น่ะค่ะ นั่นน่ะเป็นความขี้แกล้งส่วนตัวของเขานี่ค่ะ”
แบร์บ่นด้วยความไม่พอใจในขณะที่หญิงสาวก็ทำได้แค่ถอนหายใจกับความชอบก่อกวนและชอบแกล้งของเจ้านายของตนเท่านั้น ก็จะให้ทำไงได้ล่ะเคยห้ามแล้วฟังซะเมื่อไหร่
“ฉันว่าเขาทั้งสองคนคล้ายกันนะค่ะ ทั้งคุณมิวและเจ้านายของฉัน.....”
“.....คล้ายงั้นเหรอ เจ้านายเธอกับเจ้านายฉันจะไปคล้ายกันได้ยังไงกัน ไม่มีทางเป็นไปได้ขนาดเจ้าตัวยังบอกเลยว่าไม่มีทางเหมือนกันได้ แถมเจ้านายฉันยังเกลียดเจ้านายเธอเข้ากระดูกดำ”
“ขอโทษด้วยนะค่ะที่ฉันออกความเห็นแบบนี้.....”
“เธอไม่จำเป็นที่จะต้องมาขอโทษฉันนี่เพราะยังไงฉันก็ไม่มีสิทธิที่จะห้ามเธอไม่ให้ไปแอบฟังหรือออกความเห็นอะไรนี่ เธอจะทำอะไรที่ไหนมันก็เรื่องของเธอ มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฉันสักหน่อย”
“.......”
แบร์ตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาและไร้เยื่อไยทำให้เสียงของหญิงสาวเงียบลงสักพักก่อนจะตามด้วยเสียงฝีเท้าที่ค่อยๆก้าวห่างออกไปจากขอนไม้นั้นอย่างช้าๆและเบาบาง ก่อนที่เสียงนั้นจะค่อยๆดังขึ้นมาอีกครั้ง
“....คงเป็นเพราะว่าพวกเราถูกสร้างขึ้นมาด้วยกลวิธีที่คล้ายๆกัน จากสถานที่เดียวกัน.....และ ด้วยความรู้สึกแบบเดียวกันก็เลยทำให้พวกเราสามารถนั่งคุยกันได้สินะค่ะ”
“ถ้าด้วยเรื่องความรู้สึกฉันไม่รู้หรอกนะว่าเจ้านายเธอสร้างเธอด้วยความรู้สึกแบบไหน แต่ว่าเรื่องกลวิธีไม่มีทางที่คล้ายกันแน่ ลองนับดูสิเธอถูกสร้างด้วยอารมณ์เพียงชั่ววูบโดยใช้เวลาไม่ถึง 5 ชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ แต่ฉันไม่เหมือนกับเธอ.....”
“.......คุณ...แบร์....”
“ฉันถูกสร้างด้วยระยะเวลาทั้งหมด 4 ปี ด้วยฝีมือของผู้มีพลังสูงส่ง”
“......”
ความเงียบที่ปกคลุมเข้ามา เสียงของสายลมที่ดังแทรกขึ้นระหว่างที่กำลังพูดคุย น้ำเสียงเย็นชาดุจน้ำแข็งที่บ่งบอกถึงความไม่สบอารมณ์ในตัวของมัน ร่างของแบร์ที่นั่งนิ่งสงบแต่จิตใจเต็มไปด้วยความโทสะ น้ำเสียงที่ดุดันนั้นได้กล่าวขึ้นอีกครั้ง
“อย่ามาหาว่าฉันเหมือนกับเธอนะ ฉันถูกสร้างขึ้นเพื่อชดเชยความเหงา ไม่ใช่ถูกสร้างขึ้นเพื่อผูกมัดใครหรอกนะ”
“ฉันรู้ตัวดีค่ะว่าฉันถูกสร้างขึ้นเพื่อผูกมัดคนๆนั้น จริงๆฉันไม่ได้อยากจะถูกสร้างขึ้นเพื่อผูกมัดคนๆนั้นแต่ว่าในตอนนั้น....ในตอนนั้นคนๆนั้น....คนนั้น...สร้างพวกฉันขึ้น แต่ถ้าไม่ได้คนๆนั้นฉันก็คงจะไม่ได้มานั่งคุยกับคุณแบร์ตรงนี้แน่ค่ะ”
“นั่นสินะ งั้นก็ยังถือว่าโชคดีอยู่ล่ะมั้ง” แบร์พูดพร้อมกับรอยยิ้ม
“และการที่ได้มาเจอกันแบบนี้ ทั้งมาสเตอร์ของคุณและมาสเตอร์ของฉัน มันคงจะเป็นโชคชะตากระมังค่ะ” เสียงใสๆกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ
“ฉันไม่เชื่อเรื่องโชคชะตา”
“ขอโทษค่ะคุณแบร์ แต่บางครั้งการเชื่อในโชคชะตาก็ไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายหรอกนะค่ะ.....”
“ก็อยากจะลองเชื่อมันดูสักครั้งเหมือนกัน แต่เห็นทีจะยากนะ”
“แล้ว.....ใครเป็นคนสร้างคุณเหรอค่ะ?”
แบร์แอบยิ้มเยาะและพูดใส่อีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเย้อหยันก่อนที่จะมีเสียงของเของเธอจะดังขึ้นอีกครั้ง อย่างช้าๆ เสียงที่สั่นเทาและร่างที่สั่นเทาด้วยความเศร้าสร้อยเมื่อย้อนไปนึกถึงถึงวันๆนั้นที่ถูกสร้าง พอย้อนคิดถึงทีไรก็เจ็บปวดเสียทุกครั้งไป
“แล้วเอ็งคิดว่าเป็นใครล่ะ....”
“.....”
หญิงสาวนิ่ง ก่อนจะเปรยยิ้มให้เล็กน้อยราวกับว่าพอจะรู้แต่ก็ไม่อยากจะพูดถึงมัน และทันทีที่การสนทนาจบลงเสียงของหญิงสาวก็เงียบไปโดยไม่พูดอะไรอีกเหลือเพียงแค่เสียงฝีเท้าที่ค่อยๆไกลออกไปเท่านั้น ทิ้งให้แบร์ได้แต่นั่งอยู่ตรงนั้นเพียงคนเดียว เสียงฝีเท้านั่นค่อยๆห่างออกไป ค่อยๆเดินห่างออกไปและเบาลงจนเงียบหายไปจากสถานที่แห่งนั้น....
“โชคชะตางั้นเหรอ.....”
“ไร้สาระ....”
แบร์บ่นก่อนจะปล่อยบุหรี่ที่ตนคาบอยู่ลงพื้นพร้อมกับเหยียบซ้ำมันอีกครั้ง เจ้าตัวแสยะยิ้มด้วยความสนุกก่อนที่จะเริ่มบี้บุหรี่ของตนอย่างสนุกสนานและหยิบบุหรี่มวนใหม่ขึ้นมาพร้อมกับจุดไฟแช็คที่ปลายบุหรี่และสูบมันต่ออีกครั้ง
“ของพรรณนั้นมันจะมีอยู่จริงได้ยังไงกันล่ะ....”
“.....อืม....แบร์”
เสียงละเมอของเจ้านายสาวนามมิวดังขึ้นก่อนที่แขนทั้งสองข้างของเจ้าหล่อนจะค่อยๆรวมตัวเจ้าตุ๊กตาน้อยนามแบร์มากอดไว้แน่นทำเอาเจ้าตัวรีบดึงบุหรี่ออกก่อนเพราะกลัวว่ามันจะไปจี้โดนแขนของเจ้านายตนเข้า และที่แน่ๆคือเจ้านายของเขาไม่ได้ดึงเขามากอดอย่างมีสติด้วยที่ดึงเข้ามากอดได้เนี่ยเพราะว่าเจ้าหล่อนละเมออยู่ต่างหาก
“.....เรื่องของอนาคตก็....ค่อยไปคิดทีหลังก็ไม่ผิดเนอะ?มิว?”
เสียงหัวเราะในลำคอของแบร์ที่ดังขึ้นในอ้อมกอดของเด็กสาว รอยยิ้มที่หัวเราะร่าด้วยความสนุกและไม่สนใจสิ่งใด ก็อนาคตก็เป็นเรื่องของอนาคตจะคิดทีหลังก็คงไม่สาย ถ้ารีบคิดเดี๋ยวก็คงได้ตกม้าตายเสียก่อน ไว้จำเป็นจริงๆค่อยคิดทีหลังแบบนั้นมันคงจะไม่สายเกินไปหรอก
แต่ถ้าถูกสถานการณ์บีบบังคับล่ะ?
แล้วทางที่จะต้องเดินก็มีให้เลือมากมายเหลือเกิน เธอจะเดินไปที่ทางเส้นไหนงั้นเหรอ?
หืม...? เด็กน้อย
ความคิดเห็น