กาลครั้งหนึ่งสามเดือนมาแล้ว มีนกนักอพยพตัวหนึ่งหลงฝูง
ผลัดถิ่น หลงทางมาพบกับต้นไม้ต้นแคราะต้นหนึ่ง ต้นไม้ต้นนี้ไม่โตมาก
กิ่งก้านหงิกงอแต่ยังพอเป็นที่วางรังให้แก่นกตัวนั้นได้ ทั้งยังมีผลสีแดงสด
มากมาย นกตัวนั้นจึงเห็นชอบทำรังอยู่ต้นไม้นั้น และพักผ่อนอย่างมีความสุข
ทุกวันของนกตัวนี้ช่างเป็นเวลาที่มีความสุขสำหรับมัน นกตัวนี้
มีอาหารการกินที่สมบูรณ์จากผลเบอร์รี่ลูกเล็กจากต้นไม้ที่มันอยู่ มันจึงมี-
ความสุข นกตัวนี้จึงชอบต้นไม้นี้มาก และเฝ้าร้องเสียงแจ้วเพื่อคุยกับต้นไม้ที่ทำ-
ให้มันมีความสุข วันแล้ววันเล่า มันก็ทำแบบนั้น
แต่ต้นไม้นั่นไม่เคยตอบมันเลย
วันหนึ่งขณะนกกำลังออกจากรังเพื่อขึ้นไปยังบนฟ้าที่มันเคยอยู่
มันก็ได้ยินเสียงประหลาดที่มันไม่เคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อน มันหันไปรอบๆ
มันไม่เห็นใคร หรือตัวอะไรเลย นอกจากกิ่งหงิกงอเหยียดออก และขยับ
เมื่อนกมองไปที่ลำต้นที่มันอยู่ มันจึงได้รู้ว่า เจ้าของเสียงนั้น คือต้นไม้ที่มัน-
อยู่นั่นเอง มันตื่นเต้นกับเสียงนี้มาก มากมาย และมากจริงๆ
หลังจากที่นกตื่นเต้นกับต้นไม้พูดได้ที่มันอยู่อยู่สักสามสี่วัน
มันก็ต้องจากต้นไม้นี้ไปชั่วคราว นกตัวนั้นก็อธิบายไม่ได้ว่านกตัวนั้นจะต้องไป
ที่อื่นอีกทำไม ในเมื่อมันมีความสุขกับต้นไม้นี้อยู่แล้ว แต่เสียงในใจบอกว่า
มันต้องไป ในที่สุดมันก็กระพือปีกออก และค่อยๆหายไปในท้องฟ้าสีทะเล
เหลือไว้เพียงขนบริเวรใต้ตาของมันไว้ต่างหน้าในรัง
ต้นไม้โน้มยอดลงดูขนนกและอาลัยจนสิ่งมีชีวิตน้อยใหญ่เวทนา
ใครผ่านไปผ่านมาก็ช่วยกันปลอบ แต่ต้นไม้ก็ยังไม่หายเศร้าเสียใจจนใบเหลือง
ไม่มีใครอธิบายการจากไปของนกตัวนี้ให้ต้นไม้ฟังได้ ไม่ว่าจะเป็น กระรอก
ด้วง แมลงตัวเล็กๆ มด และท้องฟ้า ทุกคนต่างบอกกับต้นไม้ว่าคงเป็น
เหตุผลเดียวที่ว่าทำไมแซลมอนต้องกลับไปวางไข่ในน้ำจืด และทำไมเต่าต้อง
กลับไปวางไข่ที่เดิมที่ที่ตัวเองเคยอยู่
ต้นไม้พยายามถอนรากของตัวเองขึ้นมาจากดินที่มันอยู่ แต่มันทำ
ไม่ได้ มันพยายามแล้วพยายามอีกมันก็ยังทำไม่ได้อยู่ดี
ในวันฝนตกหนัก ต้นไม้ใหญ่ต่างหักโค่นลง เหลือไว้เพียงต้นไม้
ลิ่วลม และพวกต้นเตี้ย เช่นต้นไม้พูดได้ที่ยังยิ้มอยู่ได้อย่างสบายใจ สัตว์หลาย-
ชนิดต่างหาที่หลบภัย แล้วนกอพยพผู้เคยจากไปก็เป็นส่วนหนึ่งในพวกนั้นด้วย
มันกลับมายังต้นไม้พูดได้ทำให้ต้นไม้พูดได้ดีใจยิ่งนัก นกกลับมา
ครั้งนี้ดูโตขึ้น แข็งแรงขึ้น และฉลาดขึ้น มันยังคงเป็นนกที่น่ารักเหมือนเคย
มันคาบผลเบอร์รี่ลูกสีม่วงลูกใหญ่กว่าผลที่ต้นหงิกจะออกให้มันกินในอดีตมา-
ฝากแก่ต้นไม้พูดได้ ต้นไม้พูดได้ก็ดีใจ แต่ก็อมความเสียใจว่าทำไมต้องเอา
สิ่งนี้มาให้แก่มันด้วย ไม่ต้องหาอะไรมาฝากยังดีเสียกว่า ..สักระยะฝนก็หยุดตก
หลังฝน ผลเบอร์รี่ผลิออกจากกิ่งต้นหงิก และใบก็เขียวชอุ่มสดใส
นกเองก็ยินดีกับต้นไม้ด้วย แต่เมื่อนกจิกลงยังผลเบอร์รี่รุ่นใหม่นี้ มันกลับขมปี๋
ฝาดฝืดคอยิ่งนัก มันจึงถามแก่ต้นไม้หงิกว่าทำไมเป็นเช่นนั้น
ต้นไม้หงิกจึงตอบไปอย่างใจเสียว่า ฤดูผลหวานได้หมดลงไปแล้ว
เหลือเพียงความขม และความเสื่อมทรามลงของรสชาติ และบอก นกอีกว่า
ถ้าหากยังอยากอยู่ด้วยกัน นกก็ต้องทนกับความขนและต้นหงิกไปอีกหลายเดือน
นกจะยังอยู่ไหม หากอยู่ และเลยฤดูขมนี้ไปได้ก็จะได้กินลูกที่หวานและใหญ่กว่าเดิม
นกจึงตอบตกลงกับต้นไม้ว่า นกจะอยู่ และนกก็อยู่เป็นเวลาสามเดือนอย่างจืดชืด
และมีท่าทีหงอยเหงา นกไม่ได้กินอะไรเลยนอกจากผลขมตลอดเวลาที่ผ่านมา
เดือนที่สี่นกป่วยตัดสินใจกล่าวคำลา และบินจากไป
เดือนที่ห้าต้นไม้เริ่มมีความคิดจะถอนรากตัวเองออกจากดินเพื่อตาม
หานกอีกครั้ง แต่ต้นไม้ก็ทำไม่ได้
......
เดือนที่หกต้นไม้ใช้กำลังทั้งหมดที่มี เพื่อผลิดอก ออกผลครั้งใหญ่ที่สุด
เท่าที่มันจะทำได้
ผลที่ให้ฤดูนี้ก็ช่างหวานและชุ่มคอเหลือเกิน จนทุกชีวิตในป่าก็สัมผัสได้ถึง
ความหวานในครั้งนี้ มันออกดอก ออกผลด้วยความเชื่อว่านกน้อยจะกลับมา และได้
กินผลที่มันออกอย่างภูมิใจ มัแหงนมองฟ้าอย่างมีความสุข ยิ้มอย่างมีความสุข
และค่อยๆตายอย่างปิติไล่ตั้งแต่ยอดลงมาสู่ถึงรากอย่างช้าๆเป็นเวลาหลายชั่วโมง
แล้วมันก็ตายลงอย่างสมบูรณ์ในเวลาเช้าของอีกวัน ใบมีมีมากก็เหี่ยวเฉา
และปลิวไปตามลมทีละใบสองใบจนหมดต้น เหลือไว้เพียงแค่พวงผลที่มั่นไว้กับซากของมัน
....
เดือนที่เจ็ดนกไม่กลับมา
เดือนที่แปดนกไม่กลับมา
เดือนที่เก้านกก็ยังไม่กลับมา
เวลาผ่านไปจนโลกแตก และป่านี้ก็กลายเป็นแหล่งอุตสาหกรรมนกก็ยังไม่กลับมา
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น