ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จบแล้ว (EXO) ฝากเลี้ยง (Kaihun)

    ลำดับตอนที่ #10 : ☺ 10 (END)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 683
      36
      18 เม.ย. 64




    10.

     

     

    XXX  Condominium

    04.00 น.

     

    ปึ่กกก!!

     

                “อืออ!...”

     

                เป็นเช้า?...ที่ถูกแรงกระแทกจากขวดนมจนทำให้ตกใจตื่น  แล้วก็คงเป็นเช้าที่เช้าเกินกว่าจะตื่นจากการหลับใหล  มือบางรีบคว้าเครื่องมือสื่อสารจากใต้หมอนมากดดูเวลา  ซึ่งตอนนี้มันก็เพิ่งจะตีสี่...แต่ทำไมเด็กน้อยถึงได้ตื่นเช้านัก??  โทรศัพท์ถูกยัดไว้ในใต้หมอนอีกครั้งก่อนจำเป็นต้องยกท่อนแขนกำยำออกจากเอวของตัวเองเพื่อจะลุกไปดูหลานสาว  แต่....

     

                “แง....!!!!!!!!!!

     

                ยังไม่ทันได้เปิดไฟที่หัวเตียง...หรือได้ขยับกายไปไหน  เสียงร้องของเด็กตัวน้อยก็ดังขึ้นท่ามกลางความมืดและคนเป็นน้าก็เกิดอาการลนลานทันทีเมื่อเสียงร้องที่ได้ยินมันแตกต่างไปจากวันอื่นๆ  ร้องดังมาก  ดังเกินไป  ดังจนทำให้วิตกกังวล  มือบางรีบตบไฟบนหัวเตียงก่อนอุ้มเจ้าของเสียงร้องเข้าสู่อ้อมอก  แล้วความร้อนที่รับรู้ได้บนผิวกายของเด็กน้อยก็ทำให้รู้ว่าหลานร้องไห้เพราะอะไร

     

                “เป็นอะไรครับโฮยอน?”

     

                ไม่ใช่ผู้เป็นน้าคนเดียวที่ต้องตื่น...เพราะเสียงร้องไห้ที่ดังขนาดนั้นมันก็พาให้คนเป็นปะป๊าต้องตื่นเช่นกัน  ยิ่งเห็นร่างสวยวางโฮยอนไว้บนที่นอนก่อนวิ่งไปรื้อหาอะไรบางอย่างในลิ้นชักตู้เสื้อผ้าก็ยิ่งทำให้ตาสว่างขึ้นมาทันที  มึงจะวิ่งไปไหนก็ได้กูไม่ว่า...แต่ช่วยใส่เสื้อผ้าก่อนได้ไหม??  มึงคิดว่าการที่กูต้องตื่นมาเห็นอะไรขาวๆอวบๆแล้วจะทนได้เหรอวะ??  โซบิ้วตี้ฟูวววววววว...WTFFFFFFFFFF!!!!!!!

     

    ยอมรับว่าเอาแต่ใจกับคุณน้าของโฮยอนจนไม่ทันได้สวมสิ่งใดให้ตั้งแต่เมื่อคืน...แล้วก้นเด้งๆนั่นก็น่าขยำเป็นบ้า!!!!      

     

                “ไคช่วยจับโฮยอนหน่อย”

     

                “เกิดอะไรขึ้นวะ...โฮยอนเป็นอะไร??”

     

                จากที่ตาสว่างอยู่แล้ว...ก็ยิ่งสว่างมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อเห็นคนเอวบางร่างสวยเดินกลับมาพร้อมที่วัดไข้และการบอกให้ช่วยจับตัวโฮยอนนอนนิ่งๆ  เรื่องส่วนเว้าส่วนโค้ง  เรื่องก้นเด้งๆหรือสิ่งที่น่าขยำให้เกิดรอยอีกสักรอบสองรอบคงต้องพักเอาไว้ก่อน  เพราะตอนนี้มันมีเรื่องที่น่ากังวลให้ต้องคิดและเมื่อได้สัมผัสกับแขนของเด็กน้อย  คนที่เปลือยเปล่าอีกคนก็รู้ได้ทันทีว่าเจ้าของก้นเด้งๆกำลังรู้สึกเช่นไรหรือโฮยอนร้องไห้ทำไม??

     

                38 องศา...?!!

     

                “เชี่ยย!!..”

     

                “ไค!!!!!....”

     

                “มึงรีบไปใส่เสื้อผ้าเลย  เดี๋ยวกูโทรหาคุณลุงก่อน”

     

                ”กูจะทำยังไงดี!!!?”

     

                “มึงตั้งสติเซฮุน...กูอยู่นี่!!  กูกำลังช่วยมึงอยู่  โอเค๊!!  มึงไปแต่งตัว  เดี๋ยวกูจะโทรบอกคุณลุงให้เตรียมหมอไว้ให้  มึงใจเย็นๆก่อนนะ....”

     

    จุ๊บบ!!

     

                สภาพเหมือนหนูติดจั่น***  เพราะการที่เซฮุนวิ่งไปวิ่งมาลนลานทำอะไรไม่ถูกมันเป็นกิริยาที่พาให้ไคต้องรีบดึงสติผู้เป็นน้ากลับมาให้ได้ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้  เขาไม่รู้ว่าลูกสาวป่วยตอนไหนเพราะเมื่อคืนก็ยังเป็นปกติ...แถมยังหลับไปตั้งแต่หัวค่ำ  ปากหยักพรมจูบไปตามใบหน้าเรียวสวยที่กำลังตื่นตระหนก  มือหนาลูบแก้มนิ่มเพื่อให้คลายกังวลจากเรื่องเกิดขึ้นและกอดปลอบด้วยความเข้าอกเข้าใจ

     

     

                ไคทราบดีว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่เคยขึ้น...เซฮุนจึงไม่รู้ว่าตัวเองต้องทำอะไรบ้างและเอาแต่วิตกกังวลจนไม่เป็นอันทำสิ่งใด  สมองมันเหมือนไม่สั่งงาน  ความรู้ที่ได้มากจากนิตยสารสำหรับคุณแม่มือใหม่ก็ถูกลืมไปอย่าง่ายดาย  แล้วไหนจะคริสต์มาสค่าเฟ่อีกล่ะ???  เขาเพิ่งเปิดร้านได้เพียงไม่กี่วันและวันนี้โฮยอนก็ป่วยจนต้องพาไปโรงพยาบาล  แถมยังไม่รู้ว่าป่วยด้วยโรคอะไร?  แล้วต้องปิดร้านอีกกี่วัน??  หรือต้อง....โอ๊ยยยยยยยยย!!!!   โอเซฮุนจะทำยังไงดี!!!!

     

    Rrrrr!!!

    Rrrrr!!!

    Rrrrr!!!

     

                (ว่าไงเจ้าไค...)

     

                “คุณลุงครับ...ช่วยลูกผมด้วยครับ  โฮยอนเป็นอะไรก็ไม่รู้??  ร้องไห้ใหญ่เลย  เมื่อกี๊วัดไข้ได้38 อาศา  คุณลุงช่วยผมด้วยนะครับบ!!

     

                (ใจเย็นๆนะไค  แล้วตอนนี้เด็กเป็นยังไงบ้าง?)

     

                “ร้องไห้อย่างเดียวเลยครับคุณลุง  ผมจะทำยังไงดีครับ”

     

                (เช็ดตัวให้ลูกก่อน  ไข้ขึ้นขนานนั้นเด็กอาจช็อคได้...แล้วไคก็รีบพามาโรงบาลเดี๋ยวนี้เลย  ลุงจะบอกหมอท่านอื่นไว้ให้)

     

                “ครับๆ ๆ...ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลยครับคุณลุง”

     

                รอปลายสายอยู่นาน  ปลอบใจแฟนเป็นอย่างดี...แต่ตัวเองก็คิดมากจนแทบเป็นบ้า  โทรหาคุณลุงไปด้วยแต่งตัวไปด้วย  เอาโทรศัพท์แนบไว้กับหูหนีบไว้กับไหล่  มือหนึ่งก็คว้าเสื้อผ้าในตู้มาใส่แบบทุลักทุเล  สองขาสวม  สองแขนสอดและโยนเครื่องมือสื่อสารลงไปบนเตียงทันทีเมื่อจบการสนทนา  ขายาวสมส่วนรีบก้าวไปที่ห้องน้ำอย่างรวดเร็วก่อนนำผ้าขนหนูมาชุบน้ำแล้วเช็ดตามเนื้อตามตัวให้เด็กน้อยอย่างเบามือ

     

                “คุณลุงว่าไงบ้างวะ!!?”  เห็นอยู่ว่าไคกำลังเช็ดตัวให้หลานสาว  เซฮุนจึงช่วยเปลี่ยนแพมเพิสและรีบอำนวยความสะดวกให้ด้วยการถอดชุดนอนของโฮยอนและเตรียมเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้ 

     

                “เช็ดตัวเสร็จให้รีบไปโรงบาลทันที  ลุงกลัวหลานช็อคเพราะไข้สูงมาก”  จำเป็นต้องทำใจกับเสียงร้องไห้ที่ยังคงดังอย่างต่อเนื่องและรีบเช็ดตัวก่อนเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย

     

                ใช่ว่าไคจะมีสติมากไปกว่าคนตรงหน้า...แต่เขาจำเป็นต้องประคองทุกอย่างเอาไว้ให้ได้มากที่สุด  ทั้งสติ  ทั้งร่างกาย  ทั้งการกระทำ  ไม่อย่างนั้นเซฮุนคงไร้ที่พึ่งและตอนนี้ก็ไม่ได้มีแค่โฮยอนคนเดียวอีกแล้วที่ร้องไห้เพราะเมื่อผู้เป็นน้าได้ยินคำ  “ช็อค”  น้ำตามันก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้

     

                “มึงอุ้มโฮยอนนะ  เดี๋ยวกูขับรถเอง”

     

                “ช่วยลูกด้วยนะไค...ฮึกก!

     

                “ลูกจะต้องไม่เป็นอะไร  มึงเชื่อกูนะ”

     

                อยู่ด้วยกันมาตั้งหลายเดือน...จากที่เคยได้ยินแต่เสียงเจื้อยแจ้วว่างุนงุน  ปะป๊า  เป็ดเป็ด  ตอนนี้กลับได้ยินแต่เสียงร้องไห้  แถมร่างกายยังร้อนจนเหมือนตัวเองกำลังอุ้มกองไฟ  เซฮุนไม่เคยเห็นโฮยอนเป็นแบบนี้มาก่อนและการป่วยอย่างมากก็แค่ไข้ขึ้นเล็กน้อยหลังจากฉีดวัคซีนบางชนิด  แค่ทานยาตามที่หมอสั่ง...เช้ามาก็ยิ้มแก้มอ้วนได้เหมือนเดิม  แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้นเลย...ไม่ใช่เลยสักนิด

     

                “ไค...แล้วร้านจะทำยังไง?”

     

                “มึงก็อยู่ที่โรงพยาบาลกับลูกไปก่อน  เดี๋ยวกูไปเปิดร้านให้เอง”

     

                “ตะ...แต่!

     

                “มึงไม่ต้องคิดมาก...กูทำได้  น้องเตนล์ก็อยู่  ถ้ากูทำไม่ไหว  กูจะโทรตามชานยอลมาช่วยอีกแรง”

     

                “ขอบคุณมากนะไค  ขอบคุณจริงๆ”

     

                “มาจุ๊บเติมพลังหน่อยดิ๊...แล้วก็เลิกคิดมากได้แล้ว”

     

                แก้มสากถูกประทับทุกความรู้สึกเอาไว้  ทั้งอยากขอบคุณ  ทั้งรู้สึกซาบซึ้ง...แล้วก็เพราะรัก  คิมไครู้ใจเซฮุนมากที่สุด  มันรู้มาตลอดว่าเขารักคริสต์มาสคาเฟ่ยิ่งกว่าสิ่งใดและถึงตอนนี้จะมีสิ่งที่เกลียดอย่างเด็กมาให้รักเพิ่มเติม  แต่คริสต์มาสคาเฟ่มันก็คือความฝันที่กลายเป็นจริง  คือความสุขที่ได้สานต่อและคือความรักจากแรงผลักดันของคนที่เคยเป็นเพื่อนสนิท  แล้วเพื่อนสนิทในวันนั้นก็ได้กลายมาเป็นทุกอย่างให้โอเซฮุนในวันนี้  คิมไคเป็นทั้งเพื่อน  ทั้งพี่  ทั้งคนรักและเป็นปะป๊าที่ดีที่สุดในโลกของเขากับโฮยอน  ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างกันมาตลอด  ขอบคุณที่คอยสนับสนุนกันมาเสมอ  ขอบคุณ  ขอบคุณ  ขอบคุณมากจริงๆ

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    โรงพยาบาล  XXX

    05.50 น.

     

    VROOMMMMMM!!!

     

                “คนไข้ชื่อโอโฮยอนใช่ไหมคะ?”

     

                “ใช่ครับ!!

     

                “เชิญทางนี้เลยค่ะ...”

     

                ขอบคุณความเป็นตระกูลคิมหรือการเป็นเจ้าของสถานที่  เพราะเมื่อพาหนะสีเข้มจอดลงที่หน้าห้องฉุกเฉิน  ทั้งพยาบาลและเจ้าหน้าที่ต่างๆก็รีบเข้ามาอุ้มเด็กน้อยไปตรวจรับการรักษาทันที  แต่....

     

                “แง!!!!!!...งุนนน!

     

                “ฮึกก!!...ไม่ร้องนะคะเด็กดี  ฮึก!!  พี่พยาบาลมาช่วยหนูนะคะ”

     

                จากที่หยุดร้องไห้มาได้สักพัก...ก็แหกปากร้องหนักกว่าเดิมเมื่อเห็นผู้หญิงใส่ชุดสีขาวมาอุ้มตัวเองออกไปจากอกผู้เป็นน้า  แล้วก็เป็นปะป๊าที่ต้องช่วยเกาะมือน้อยๆออกจากเสื้อของเซฮุนเพราะยิ่งช้าอาการอาจยิ่งทรุดหนักไปกว่าเดิม  และมันก็เป็นอีกครั้งที่การร้องไห้ได้ถูกถ่ายถอดไปถึงใครอีกคน  มือบางรีบเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าอย่างไม่นึกอายก่อนเดินตามเจ้าหน้าที่เข้าไปในห้องฉุกเฉิน

     

                “หมอต้องเจาะเลือดไปตรวจว่าน้องเป็นอะไรนะคะ?”

     

                “ครับ....”

     

                ยอมรับว่าเจ้าหน้าที่เก่งมาก...เพราะเมื่อเด็กถึงมือหมอ  พยาบาลคนหนึ่งก็รีบนำผ้ามาห่อตัวโฮยอนเอาไว้เพื่อกันไม่ให้เด็กดิ้นหรือปัดป้องอุปกรณ์ในการรักษา  แต่ใจคนของคนที่เลี้ยงเด็กคนนี้มานานจนกระทั่งตัวเองได้เป็นแม่มันก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้อีกครั้ง  มันน่าสงสาร  มันเป็นความรู้สึกที่บาดหัวใจ  มันเป็นภาพที่ไม่อยากเห็นเลยแม้แต่น้อย  และเมื่อทราบว่าโฮยอนต้องถูกเจาะเลือด...เซฮุนก็รู้ได้ทันทีว่ามันต้องเจ็บมากแน่ๆ

     

    ขนาดผู้ใหญ่อย่างเขายังเจ็บ...แล้วเด็กวัยเพียงเท่านี้จะทนได้อย่างไร

     

                “แงงงง!!!!!!!!!!!!!!!!.....”

     

                เอามือปิดหน้าแทบไม่ทันเมื่อเห็นอุปกรณ์ปลายแหลมค่อยๆแทงเข้าไปในผิวเนื้อของเด็กก่อนตามมาด้วยเสียงร้องที่พาให้หัวใจอ่อนแอ  มันน่าสงสาร  มันอยากปลอบขวัญและอยากเจ็บเองถ้าเป็นไปได้  ขนาดพามาฉีดวัคซีนโฮยอนยังร้องไห้อยู่พักใหญ่...แล้วนี่คือการเจาะเลือดมันต้องปลอบใจอีกเท่าไหร่ถึงจะเพียงพอ 

     

    แต่....

     

                “หมอต้องให้น้ำเกลือด้วยนะคะ...แล้วก็จะป้อนยาลดไข้ให้ด้วย  ส่วนผลเลือดหมอจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง”

     

                “ไม่เอาน้ำเกลือได้ไหมครับ  ผมสงสารลูก...ฮึกก!!

     

                แค่เจาะเลือดยังร้องขนาดนี้...แล้วถ้าเจาะอีกเข็มเพื่อต่อสายน้ำเกลือจะร้องขนาดไหน  มือก็นิดเดียว  โดนเข็มจิ้มตั้งสองที  ใจคนเป็นน้าแทบสลายไปกับน้ำตาของหลาน  แถมน้ำตาของตัวเองก็ยังไม่หยุดไหลเช่นกัน  เรื่องอายหมอหรือเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลคงไม่ต้องสนอีกแล้วเพราะมันสงสารโฮยอนจนไม่อาจห้ามความรู้สึกเอาไว้ได้  ส่วนคนเป็นปะป๊าก็ใช่ว่ารู้สึกอะไร  แต่ความเจ็บที่ลูกสาวได้รับมันจะทำให้เจ้าตัวหายป่วย  ไคจึงทำได้เพียงปลอบใจคนที่เอาแต่หยุดยั้งคำสั่งของแพทย์ที่เอ่ยออกไปพร้อมๆกับน้ำตา

     

                “จำเป็นต้องให้น้ำเกลือนะคะ...ไข้จะได้ลด  แล้วก็ดีนะคะที่คอน้องไม่แดงหรือมีอาการอักเสบ  ไม่อยากนั้นคงทานอะไรไม่แน่ๆ”

     

                “แล้วตกลงโฮยอนเป็นอะไรครับ?”

     

                “เบื้องต้นหมอคาดว่าน่าจะเป็นไข้หวัดนะคะ  แต่มันจะกลายพันธุ์ไปเป็นแบบอื่นเช่นสายพันธุ์เอหรือบี  อันนี้ต้องรอผลตรวจเลือดก่อนค่ะ”

     

                “ขอบคุณครับคุณหมอ”

     

                จำเป็นต้องสื่อสารกับคุณหมอแทนผู้เป็นน้า...เพราะเซฮุนเอาแต่ร้องไห้ที่ต้องเห็นหรือได้ยินเสียงความเจ็บปวดของโฮยอน  แถมยังทำหน้าไม่พอใจที่แพทย์ต้องให้น้ำเกลือเด็กทั้งๆที่มันเป็นสิ่งสำคัญ  ไม่รู้ว่าตอนที่เขาต้องไปเปิดร้าน...เซฮุนจะอาละวาดใส่เจ้าหน้าที่บ้างหรือเปล่า?  อะไรที่ทำให้โฮยอนเจ็บ...เซฮุนมักจะไม่อดทนและไม่พยายามทำความเข้าใจ??  ว่าแต่เขาเอาใจลูกอย่างนั้นอย่างนี้  แต่ตัวเองก็เอาใจลูกไม่ต่างกันและยังเอาใจลูกในทางที่ผิดอีกด้วย???

     

    เฮ้ออออออ...แม่ก็คือแม่!!!!!!

     

                “แง!....”

     

                “ไม่ร้องนะคะ  โฮยอนเจ็บตรงไหน  งุนงุนเป่าให้...เพี้ยงๆหายนะคะ”

     

                (เดี๋ยวผมเข็นเองครับ!..ขอบคุณครับ)

     

                เห็นเจ้าหน้าที่...นำรถเข็นมาให้ญาติผู้ป่วย  ไคจึงอาสาพาคนเจ้าน้ำตาและลูกสาวไปที่ห้องพักด้วยตัวเอง  เพราะเพียงแค่ได้การรับการรักษาอย่างรวดเร็วหรือได้ทุกคนคอยให้การดูแลเป็นอย่างดี...เท่านี้มันก็มากพอแล้ว  และถึงแม้มันจะเป็นหน้าที่แต่ไคก็รู้สึกเกรงใจที่ความเป็นตระกูลคิมแถมยังพ่วงมาด้วยการเป็นลูกเป็นหลานเจ้าของโรงพยาบาลมันก็ทำให้ทุกคนต้องคอยก้มหัวให้เขา

     

                “ไค...ไปเอากระต่ายให้ลูกหน่อยสิ  ลูกจะได้ไม่ร้องไห้”

     

                “แล้วต้องเอาอะไรมาให้มึงด้วยไหม...มึงถึงจะหยุดร้องไห้?”

     

                “ก็กูสงสารลูกหนิ  โดยเข็มเจาะแขนตั้งสองครั้งเลยนะไค...ลูกเจ็บจะตาย”

     

                “ตอนนี้มึงงอแงยิ่งกว่าลูกอีก”

     

                “ไค.....”

     

    จุ๊บบ!!

     

                “คนเก่งของปะป๊าไม่ร้องไห้นะครับ  พี่พยาบาลเค้าช่วยหนูไม่ให้ป่วย...เจ็บนิดเดียวเองอดทนนะครับ”

     

                “ฮึกก!...ปะป๊าา”

     

                “ลูกไม่เจ็บแล้ว  มึงอย่าหงุดหงิดนักเลย...กูรักมึงนะเซฮุน  มึงอยากได้อะไรบอกกูมาเลย  กูจะไปหามาให้”

     

                ต้องก้มกายลงไปปลอบใจทั้งลูกทั้งเมียเพราะงอแงกันทั้งคู่  และเซฮุนก็น่าตีมากกว่าโฮยอนเสียอีก  เด็กก็ร้องไห้ไปตามประสา  เจ็บก็ร้อง  ปวดก็ร้อง  เสียใจก็ร้อง  เด็กวัยเพียงเท่านี้ยังไม่สามารถแยกแยะความรู้สึกอะไรได้  แต่คนเป็นผู้ใหญ่...คนที่สามารถแยะแยะถูกผิด  เจ็บปวด  พอใจไม่พอใจหรือจะเป็นทุกความรู้สึกได้ดีกลับไม่แยกแยะอะไรเลย  มันน่าตีให้ก้นแดง  มันน่าฟัดให้แก้มช้ำ...แล้วคนที่เป็นทั้งปะป๊าและสามีก็ทำได้เพียงตามใจคนทั้งสองด้วยความรัก

     

    โกรธไปแล้วได้อะไร...และการตามใจก็เป็นทางออกที่ดีที่สุด!!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     


     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    โรงพยาบาล  XXX

     

    08.00 น. 

     

    Rrr!!

     

                “ไค...เป็นไงมั่ง  เปิดร้านได้ไหม?”

     

                (สบายมาก...ทุกอย่างเรียบร้อย  แล้วลูกเป็นไง?)

     

                “หลับอยู่  ไข้เริ่มลดแล้ว  แต่ผลเลือดยังไม่ออก”

     

    ...

     

    ...

     

    09.00 น.

     

    Rrr!!

     

                “คะ...ไค”

     

                (ลูกค้าเยอะ...เดี๋ยวโทรกลับ)

     

                “โอเค”

     

    ...

     

    ...

     

    10.00 น. 

     

    Rrr!!

     

                “โทษที...เพิ่งว่าง”

     

                (ไม่เป็นไร  แล้วที่ร้านเป็นไงบ้าง...มึงเหนื่อยหรือเปล่า?)

     

                “ไม่เหนื่อย  มึงไม่ต้องเป็นห่วงนะ...แล้วโฮยอนตื่นยัง?”

     

                (ตื่นแล้วหลับแล้ว  พยาบาลบอกว่าถ้าน้ำเกลือขวดนี้หมดก็น่าจะเอาออกได้เลยเพราะโฮยอนยังกินข้าวได้ปกติ  แล้วก็เป็นไข้หวัดธรรมดา...ไม่กลายพันธุ์)

     

                “เออดีๆ...แล้วเดี๋ยวช่วงบ่ายกูจะเข้าไปหานะ  กูโทรให้ชานยอลมาช่วยที่ร้าน  มันจะเอาแบคมาช่วยด้วย”

     

                (ฝากขอบใจพวกมันด้วยละกัน...แล้วมึงก็มาเร็วๆนะไค  กูคิดถึง  กูเหงา...ห้องพักแม่งเงียบฉิบหายเลย)

     

                “มึงโดนแน่ๆโอเซฮุน!!...”

     

                (อยากโดนจะแย่...รีบมาเร็วๆเลย!)

     

                “ไอ้นี่!!!

     

    ...

     

    ...

     

                เป็นวัน...ที่ต้องโทรหากันบ่อยขึ้นเพราะอีกคนต้องอยู่โรงพยาบาล  ส่วนอีกคนก็ต้องไปเปิดร้านด้วยตัวเองทั้งๆที่ไม่เคยทำ  แล้วสาเหตุหลักๆที่ต้องแบ่งหน้าที่กันเช่นนี้เพราะโฮยอนไม่เอาใครทั้งนั้นนอกจากงุนงุน  เห็นหน้าพยาบาลทีไรร้องไห้  เข้ามาป้อนยาก็ร้อง  เช็ดตัวก็ร้อง...พยาบาลจะเข้ามาทำอะไรก็ร้องไปหมด  เซฮุนแทบไม่นอนหรือได้พักสายตาเลยสักนาที  ห่วงหลานก็ห่วง  ห่วงร้านก็ห่วง  คิมไคก็ห่วง...ห่วงไปหมดทุกอย่าง  หน้าที่ภายในร้านเคยทำเช่นไรก็ไม่ได้ทำ  ลูกค้าจะเยอะหรือไม่?  เครื่องดื่มแบบใหม่จะมีใครทำเป็นหรือเปล่า??  แล้วลำพังแค่พนักงานรอบเช้ากับแฟนของเขาจะขายของทันไหม???

     

    ฮือออออออออ....โอเซฮุนเป็นเครียด!!!

     

                แต่ก็มีแค่อาการป่วยของหลานเท่านั้นที่ทำให้เบาใจ...เพราะไข้เริ่มลด  โฮยอนไม่งอแงเหมือนช่วงเช้าและไข้หวัดก็ไม่ได้กลายพันธุ์จนน่าวิตก  โฮยอนยังทานอาหารได้เป็นปกติซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดี  เจ้าตัวยังกินนมได้  แถมยังได้ทานผลไม้สุดโปรดอีกด้วย...รี่รี่หรือสตรอว์เบอร์รี่คือสิ่งที่หลานสาวทานเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ  แล้วถ้าพยาบาลเข้ามาวัดไข้อีกครั้งและผลที่ได้คือไข้ลดลงมาตามลำดับ  น้ำเกลือก็ไม่ใช่สิ่งจำเป็นอีกต่อไป  มือน้อยๆที่ถูกเข็มเจาะไว้พร้อมสายระโยงระยาง***อยู่เหนือศีรษะมันพาลให้เด็กรู้สึกไม่สบายตัว  หยิบจับอะไรก็ไม่ถนัด  เวลานอนก็ต้องคอยระวังด้วยเกรงว่าความซุกซนจะทำให้เกิดอันตราย  ทุกๆอย่างที่เป็นโฮยอนอยู่ตอนนี้ช่างน่าสงสาร

     

     

                ส่วนคิมไคก็คิดไม่ต่างไปจากเซฮุน...เขากังวลไปหมดไม่ว่าจะเป็นการเปิดร้านหรือผู้ที่ป่วย  แต่เคยเห็นเซฮุนทำเช่นไรก็ทำตาม  ไขกุญแจเข้ามาในร้าน  วอร์มเครื่องชงกาแฟ  จัดเรียงขนมพร้อมแยกชนิดเหมือนที่เคยถูกสอน  แซนด์วิชไม่สามารถวางคู่กับขนมเค้กได้เพราะของคาวอย่างแฮมและเนื้อไก่อาจปะปนไปครีมเนื้อนุ่มจากเค้ก  คิมไคยอมรับ...ว่าไม่ค่อยมีมั่นใจในเรื่องของการขายของ  เขาจึงจำเป็นต้องหาตัวช่วยอย่างชานยอลเพราะมันก็เคยมาช่วยเซฮุนที่ร้านบ่อยๆ

     

    แล้วความที่ไม่มีเซฮุนอยู่ในร้าน  ไม่เสียงโฮยอนคอยเรียกว่าปะป๊า...ผู้ชายอย่างคิมไคก็รู้สึกเหงาเหมือนกัน

     

    ก๊อก ๆ ๆ!!

     

                “ขออนุญาตค่ะ!!!

     

                “สวัสดีครับคุณลุง”

     

                วางสายจากคิมไคได้ไม่นาน...เสียงเคาะประตูที่มาพร้อมกับพยาบาลสาวและเจ้าของโรงพยาบาลแห่งนี้ก็ทำให้เซฮุนต้องเลิกจ้องแต่โทรศัพท์และหันมาโค้งกายให้ผู้ใหญ่ด้วยความสุภาพอ่อนน้อม  ไม่คิดว่าคุณลุงมาเยี่ยมพวกเขาถึงห้องพัก  มันจึงรู้สึกเกรงใจและเกรงใจมากขึ้นเมื่อท่านเข้ามาตรวจอาการป่วยของโฮยอนด้วยตัวเอง

     

                “ทำตัวตามสบายนะเซฮุน”

     

                “ครับ...”

     

                “ได้ข่าวว่าร้องไห้น่าดู  โฮยอนไม่ชอบพยาบาลเลยใช่ไหม?”

     

                “ครับคุณลุง”

     

                “ไหนดูซิว่าจะชอบคุณลุงหรือเปล่า?”

     

                (งุนนน!!...)

     

                แค่เพียงสเตโทสโคป*** (Stethoscope) แตะโดนแผ่นหลัง...เจ้าตัวน้อยก็ตื่นขึ้นพร้อมการร้องเรียกคุณน้าด้วยความเคยชิน  เซฮุนรีบเข้าไปประคองกายของหลานเอาไว้ก่อนที่สายน้ำเกลือจะขาดและเพื่ออำนวยความสะดวกให้คุณลุงในการตรวจรักษา

     

                “ว่ายังไงโฮยอน  ใกล้หายแล้วนะคนเก่งของลุง”

     

                หัวใจเต้นเป็นจังหวะที่ปกติ  ตัวร้อนไม่มาก  ไข้เริ่มลดลงอยู่ในระดับที่น่าพอใจ...แต่ยังต้องให้ยาไปตามอาการและต้องรอดูว่าถ้าภายใน  24  ชั่วโมงไข้ไม่กลับมาอีก  น้ำเกลือขวดนี้ก็น่าจะเป็นขวดสุดท้าย  มือป้อมๆกอดคุณน้าเอาไว้แน่น  โฮยอนไม่อยากเห็นพี่พยาบาล  ไม่อยากเช็ดตัว  ไม่อยากกินยาเพราะยาไม่อร่อยเท่ารี่รี่  แต่....

     

                “ลุงมีสติ๊กเกอร์มาให้คนเก่งด้วยน้าาา...ไหนใครเป็นคนเก่ง?”

     

                “โฮยอนนน...คุณลุงเอาสติ๊กเกอร์มาให้ค่ะ  เป็นเด็กดีนะคะ  ไม่งอแงนะ  สติ๊กเกอร์มีคุณกระต่ายด้วย  โฮยอนดูสิ!

     

                (ต่าย...ต่ายเยอะ!!)

     

                ละจากอ้อมอกของคุณน้า...ก่อนเงยหน้ามองชายสูงวัยที่ถือของเล่นใหม่ไว้ในมือ  หูยยยย...คุณกระต่ายเยอะมากเลย!!!  คุณลุงใจดีเหมือนปะป๊า  แต่ตอนนี้ปะป๊าหาย?!!  แล้วก็มีแต่พี่พยาบาลน่าจัว!!!  มือหยาบกร้านไปตามวัย...ค่อยๆแกะสติ๊กเกอร์มาแปะไว้ที่เสื้อของเด็กน้อย  และการกระทำเช่นนั้นก็พาให้รอยยิ้มกว้างเกิดขึ้นบนใบหน้าโฮยอนจนแก้มอ้วน

     

                “ขอบคุณนะครับคุณลุง”

     

                “ไม่ต้องเกรงใจ...ลูกเจ้าไคก็หลานลุงเหมือนกัน  เซฮุนไม่ต้องคิดมากนะ  อาการของโฮยอนก็ดีขึ้นเรื่อยๆ...แล้วถ้าคืนนี้ไข้ไม่ขึ้นก็ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้ว”

     

                “ครับคุณลุง...”

     

                “หายไวไวนะครับคนเก่ง  //  ลุงไปก่อนนะเซฮุน...แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ลุงจะเข้ามาตรวจใหม่”

     

                “ขอบคุณมากนะครับคุณลุง”

     

                ปากบอกว่าไม่ต้องเกรงใจ...แต่การที่เจ้าของโรงพยาบาลเข้ามาดูแลโฮยอนด้วยตัวเองมันก็ยิ่งกว่าคำว่าเกรงใจเสียอีก  แล้วไหนจะผลไม้ที่ซื้อมาให้โฮยอน  ของเล่นที่นำมาให้และอีกหลากหลายน้ำใจที่ได้รับจากชายสูงวัยคนนี้  ทุกๆอย่างมันพาให้เขารู้สึกเกรงใจไปหมด  ถ้าไม่ใช่คนเป็นปะป๊าที่โทรสั่งให้ทางโรงพยาบาลซื้อสตรอว์เบอร์รี่มาให้ลูกสาว...มันก็คงเป็นคนอื่นไปไม่ได้เพราะเจ้าหน้าที่ก็คงไม่มีผลไม้แบบนี้ไว้บริการคนป่วยแน่นอน

     

    แล้วววว...คนที่รู้ว่าโฮยอนชอบกินรี่รี่ก็มีแค่เขากับคิมไคเท่านั้น!!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     


     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    โรงพยาบาล  XXX

    14.00 น.

     

    แกร๊กกก!!!

     

     

                “โอ้โห!!!...แม่ลูกเล่นอะไรกันครับเนี่ย?”

     

                “ปะป๊าาาาา  ^-^) ”

     

                รอ...จนกว่าชานยอลกับแบคฮยอนจะมาที่ร้านและรอจนกว่าพนักงานรอบบ่ายจะเดินทางมาทำงาน  ไคจึงหมดห่วงเรื่องภายในร้านก่อนขับรถมาที่โรงพยาบาลด้วยความเร่งรีบ  แต่ถึงจะรีบมากแค่ไหนก็ไม่ลืมซื้ออาหารกลางวันรวมถึงอาหารเย็นมาให้เซฮุน  แล้วพอมาถึง...ก็เห็นสองแม่ลูกมีสติ๊กเกอร์ติดอยู่เต็มเสื้อไปหมด  ที่เตียงก็มี  ที่ใบหน้าก็มี  ที่แขนก็มี...สนุกกันใหญ่เลยนะครับโฮยอนนน!!!? 

     

    ฟอดดดดด!!!

     

                “ปะป๊าเล่นด้วยคนได้ไหมครับ?”

     

                “ต่ายเยอะ....!

     

                เหมือนจะเป็นความเคยชินและทำไปเพราะความรัก...ไคต้องหอมแก้มทั้งแม่ทั้งลูกก่อนนำอาหารมากมายไปวางไว้บนโต๊ะ  แล้วกลับมานั่งลงบนเตียงที่เต็มไปด้วยสติ๊กเกอร์รูปกระต่ายสีหวาน  มือน้อยๆที่ถือผลไม้สุดโปรดไว้ข้างหนึ่งและอีกข้างก็ค่อยๆเอาสติ๊กเกอร์ติดที่แขนให้ปะป๊าก็พาให้คิมไคอดไม่ได้ที่จะฟัดแก้มอ้วนอีกรอบ

     

                “คุณลุงเอามาให้...โฮยอนชอบมากเลย  เล่นไม่เลิกสักทีเนี่ย”

     

                “ก็ปล่อยให้เล่นดีกว่านอนซมไม่ใช่เหรอ?  แล้วตัวลูกไม่ค่อยร้อนแล้วหนิ”

     

                “ใกล้หายแล้ว...คุณลุงมาตรวจเองเลยนะ  กูโคตรเกรงใจเลย”

     

                “ก็แกรักของแก...ลูกหลานโตกันหมดแล้ว  พอมาเจอโฮยอนก็เลยดีใจ”

     

                “แล้วมึงเป็นไง...เหนื่อยหรือเปล่า  ที่ร้านยุ่งมากไหม??”

     

                “กูไม่เหนื่อยหรอก  ที่ร้านมีคนช่วยเยอะแยะ  มึงนั่นแหละ...ได้นอนบ้างหรือเปล่า?”

     

                อย่าว่าแต่นอนเลย...น้ำก็ยังไม่ได้อาบตั้งแต่เดินทางมาที่โรงพยาบาล  โฮยอนร้องไห้บ่อย  ยิ่งช่วงไข้ขึ้นเมื่อเช้าก็เอาแต่ร้องไห้  เวลาจะเข้าห้องน้ำแต่ละทีก็ต้องวานให้พยาบาลมาคอยเฝ้าเด็กเอาไว้  แต่เวลาที่เด็กเห็นพี่พยาบาล...เจ้าตัวก็ร้องไห้อีก  เซฮุนจึงไม่ค่อยพักผ่อนหรือแม้แต่จะเข้าห้องน้ำก็ต้องอดทนไว้  ดีที่ตอนนี้ไข้ไม่ขึ้นแล้ว  โฮยอนไม่ร้องไห้แล้ว  และนั่งเล่นกับเขาได้โดยไม่งอแง

     

                “กูอยากอาบน้ำ...มึงเล่นกับโฮยอนไปก่อนนะ”

     

                “ให้โฮยอนหลับก่อนแล้วค่อยอาบไม่ได้เหรอวะ...เดี๋ยวกูอาบให้?!

     

                “ไม่ต้องมาทำหน้าลามก...”

     

                “มันเขี้ยวว่ะ”

     

                “อ๊ะ!!...เจ็บนะไค”

     

    ฟอดดดดด!!

     

                จะหาผัวใหม่ตอนนี้คงไม่ทัน...และก็คงไม่มีใครดีเท่าคิมไคอีกแล้ว  ถึงแม้จะบ้ากามไปบ้างแต่ก็ช่างมันเถอะ!!!!  เซฮุนทำได้เพียงเบ้หน้าด้วยความเจ็บเพราะการถูกแรงบีบที่สะโพกก่อนตีจนเกิดเสียงน่าอายมันพาลให้เจ็บไปหมด  ไหนจะถูกหอมไปทั่วตัวทั้งๆที่เขาก็ยังไม่ได้อาบน้ำ  ถ้าไม่เหม็น...จมูกของมึงก็ต้องมีปัญหาในเรื่องของการรับกลิ่นแน่ๆ?  แล้วมึงก็ช่วยปล่อยกูสักทีได้ไหม??  เดี๋ยวพยาบาลก็เข้ามาเห็น???

     

                “กูกำลังจะตายแล้วเซฮุน”

     

                “กูนี่แหละจะตาย...มึงปล่อยกูได้แล้ว  กูจะไปอาบน้ำ  เดี๋ยวจะได้ออกมากินข้าวด้วยกัน”

     

                “ขอกอดอีกแป๊บนึง”

     

                “พอเลย...ไปเล่นกับลูกนู้น”

     

                ใช่แล้ว...คิมไคเหมือนจะตายจริงๆ  ตายเพราะรักมากเกินไป  ตายเพราะมีเมียสวย  ตายเพราะมีลูกน่ารัก  ใจมันเหมือนจะขาดให้ได้  อยู่ไกลกันเพียงไม่กี่ชั่วโมง...ความคิดถึงก็พาลให้อยากกอดอยู่อย่างนี้ไปจนกว่าจะถูกด่า  และเมื่อถูกด่า...อ้อมแขนแข็งแรงก็จำเป็นต้องปล่อยเซฮุนให้เข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ  ฮ่าหหหห์....รสสัมผัสยังติดอยู่ที่ปลายลิ้น  ความนุ่มลื่นยังติดอยู่ที่มือทั้งสองข้าง  แล้วความสวยงามก็ยังติดอยู่ในความทรงจำ  ทุกๆอย่างที่เป็นโอเซฮุนมันทำให้คิมไคกลายเป็นคนไม่รู้จักพอ

     

                “ปะป๊า...แปะ!!

     

                “มาๆ ๆ...ให้ปะป๊าแปะมั่ง”

     

                “งุน...ไหน??”

     

                “งุนไปเป็ดๆครับ...โฮยอนเล่นกับปะป๊าไปก่อนนะ”

     

                “งุน  ป๊า...เป็ด!

     

                ไม่ใช่แค่หนูคนเดียวที่อยากเป็ดเป็ดกับงุนงุน  เพราะปะป๊าคนนี้ก็อยากอาบน้ำพร้อมเซฮุนเหมือนกัน  แล้วการที่โฮยอนยังป่วย...เจ้าตัวจึงเป็ดๆไม่ได้จนกว่าหายดี  คิมไคอุ้มลูกสาวเข้าสู่อ้อมอกก่อนโยกตัวไปมาเพื่อเป็นการปลอบใจ  สายตาคมมองไปยังขวดน้ำเกลือที่ใกล้จะหมดและหวังว่าจะไม่มีสิ่งใดมาทำให้โฮยอนรู้สึกรำคาญได้อีกแล้ว  ทนเจ็บอีกนิดนึงนะครับ?!  หนูใกล้จะหายแล้ว...ปะป๊าเป็นห่วงหนูที่สุดเลย

     

                “ที่โรงพยาบาลไม่มีน้ำพุนะครับ...กลับบ้านเมื่อไหร่ค่อยไปเป็ดๆด้วยกัน  โอเคไหม?”

     

                ไม่รู้จะสื่อสารด้วยท่าทางเช่นไรให้เด็กเข้าใจ...ไคจึงพูดในสิ่งที่โฮยอนพอจะจำได้หรือเอ่ยบางอย่างเพื่อให้รับรู้ว่าตอนนี้เราอยู่กันที่ไหน  เจ้าตัวน้อยยิ้มจนแก้มอ้วนอวดปะป๊า  มือป้อมๆที่เปื้อนไปด้วยผลไม้สุดโปรดก็ถูกเช็ดออกด้วยทิชชู่เปียกและสองพ่อลูกก็เริ่มเล่นสติ๊กเกอร์สีหวานด้วยกันอีกครั้ง  กระต่ายสีชมพู...ถูกติดไปที่ใบหน้าคมเข้ม  ส่วนกระต่ายสีส้ม...ก็ถูกติดลงไปที่ขวดนมของเด็กหนึ่งขวบ

     

                “ต่าย...นมนม!!

     

                “ช่ายยย...กระต่ายกินนมนมหมดแล้ว!!

     

                “ปะป๊าา....!

     

                โดนแกล้ง...จนต้องรีบคว้าของโปรดอีกอย่างมาเข้าปากก่อนที่กระต่ายจะกินหมด  ปะป๊าชอบแกล้งหนู  ทีหลังจะไม่ให้เป็ดเป็ดด้วยแล้ว!!!  ถ้าพูดได้  สื่อสารเป็นหรือแสดงอารมณ์ได้มากกว่านี้  โฮยอนคงทำให้ไคยิ้มได้กว้างกว่าแค่การเรียกว่าปะป๊าและการคว้านมนมไปดูดอย่างหิวโหย 

     

    แกร๊กกก!!

     

                “อ้าว...ลูกหลับแล้วเหรอ  เมื่อกี๊ยังได้ยินเสียงอยู่เลย”

     

                “กูแกล้งลูกเองแหละ...ตลกฉิบหาย”

     

                “มึงก็โรคจิต...ทำไมชอบทำให้ลูกอารมณ์เสียวะ”

     

                “ถ้าโรคจิตจริงๆมันต้องแบบนี้...”

     

                “อ๊ะ!  ไอ้บ้า...ปล่อยเลย”

     

                “ชู่ววว...เบาๆสิ  เดี๋ยวลูกตื่น”

     

                “ไค!!  ไม่...อื้มมม”

     

                ชอบแกล้งลูก...แล้วก็ชอบแกล้งเมียด้วย  ยิ่งผิวขาวๆที่ส่งกลิ่นหอมๆจากการเพิ่งอาบน้ำมาใหม่ๆมันก็น่าแกล้งยิ่งกว่าสิ่งใด  มือหนารีบคว้าคนตัวหอมมากอดเอาไว้ก่อนกอบโกยความหวานจากริมฝีปากบางด้วยความคิดถึง  ส่วนผู้ที่ถูกจู่โจมจากคนโรคจิตก็ไม่สามารถต่อต้านการกระทำเช่นนี้ได้เลยเพราะร้องไปก็อาจทำให้เด็กตกใจตื่นหรือยิ่งขัดขืน...ก็ยิ่งถูกฟอนเฟ้นจนกายสั่นสะท้าน

     

    และถ้าที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาล...เซฮุนก็คงปล่อยให้ทุกความต้องการมันเป็นไปอย่างที่ใจปรารถนา

     

                “พอได้แล้วไค  หยะ...หยุด  อื้มมม!!  บอกให้หยุดไง”

     

                “ขออีกนิดนึง”

     

    จุ๊บบ!!   

     

                “ให้แค่นี้”

     

                สัมผัสปากหยักเพียงแผ่วเบา...ก่อนรีบเดินไปที่เตียงคนป่วยเพื่อตรวจดูว่าโฮยอนไข้ขึ้นอีกหรือไม่  และเมื่อไม่ได้รับความร้อนที่หลังมือ  ความสบายใจก็เริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ  ไคเดินตามไปกอดเซฮุนจากทางด้านหลังแล้วได้แต่ยืนมองลูกสาวตัวน้อยที่นอนหลับพริ้มอยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่ยากเกินจะเอ่ย

     

                “กูรักมึงนะเซฮุน...รักมากๆ  รักลูกด้วย”

     

                “เป็นอะไรหรือเปล่าไค...”

     

                “กูสบายดี...แล้วก็สบายมากๆด้วยที่ได้กลับมาอยู่กับมึง”

     

                “กูก็ดีใจที่มึงกลับมา...ถ้าตอนนี้ไม่มีมึง  กูก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน  กูบอกตรงๆว่าคงรับมือไม่ไหว”

     

                อ้อมกอดถูกกระชับให้แน่นขึ้น  ความในใจถูกระบายออกมาจนหมดสิ้นและมันก็คือความรักที่ต่างฝ่ายต่างมีให้กันมากมายเหลือเกิน  ทั้งไคทั้งเซฮุน...อยากขอบคุณผู้ใหญ่ทุกคนที่เข้าใจในความรักของพวกเรา  ขอบคุณที่ไม่กีดกัน  ขอบคุณที่ช่วยสนับสนุนและขอบคุณที่ช่วยดูแลไปถึงเด็กที่ไร้พ่อขาดแม่อย่างโอโฮยอน  ถ้าไม่มีครอบครัวของคิมไค...หลานของเขาก็อาจไม่ได้รับการรักษาที่รวดเร็ว  ไม่ได้นอนพักอยู่ในห้องวีไอพีหรืออาจต้องเสียค่าใช้จ่ายที่ต้องดึงออกมาจากบัญชีของการขายกาแฟ

     

     

                เซฮุนยอมรับ..ว่าเขาไม่มีเงินมากพอที่จะรักษาหรือดูแลโฮยอนได้ดีเท่านี้  เงินที่ขายกาแฟได้ในแต่ละวันก็ต้องหมุนเวียนเพื่อซื้อสิ่งๆต่างเข้ามาในร้าน  ทั้งเมล็ดกาแฟ  แก้วกาแฟ  นม  ค่าน้ำค่าไฟ  แล้วไหนจะค่าใช้จ่ายของเด็กอีก  แพมเพิสก็ไม่ใช่ถูกๆ  อาหารก็ต้องทำเอง  เสื้อผ้า  ครีมอาบน้ำ  ค่าหมอค่ายา  ทุกๆอย่างมันเป็นตัวเลขที่มากเกินจะบรรยาย  แต่พอมีคิมไคเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต...สิ่งที่เหนื่อยก็ถูกแบ่งเบา  สิ่งที่ต้องจ่ายก็จ่ายน้อยลงและสิ่งที่ต้องทำก็ได้รับความช่วยเหลือโดยต้องไม่เอ่ยปาก

     

    ถ้ามีสิ่งใดที่มากกคำว่ารัก...โอเซฮุนคนนี้ก็อยากจะพูดมันออกไป

     

                “กูสัญญา...ว่ากูจะมีวันทิ้งมึงกับลูกเด็ดขาด”

     

                คิมไคก็ขอยอมรับ...ว่าตัวเองยังเป็นแฟนที่ไม่ดีสักเท่าไหร่  ทำนั่นก็ไม่เป็น  ไอ้นู่นก็กินไม่ได้หรือจะอีกสารพัดที่คนอื่นมองว่าเรื่องมาก  แต่ความเรื่องมากทั้งหมดก็มีแค่คนในอ้อมกอดคนนี้คนเดียวเท่านั้นที่เข้าใจ  เซฮุนไม่เคยว่า  ไม่เคยบ่นและไม่เคยเอาความเรื่องมากของเขามาเป็นอุปสรรคต่อความรักระหว่างเรา  มึงทำไม่ได้ใช่ไหม...กูทำให้?!!  มึงไม่กินอันนี้ใช่ไหม...กูกินให้เอง!!  เซฮุนเป็นทุกอย่างให้คิมไคเสมอ...และคอยช่วยเหลือในสิ่งที่เขาทำไม่ได้มาโดยตลอด  ลูกชายคนเดียวของตระกูลคิมขอสัญญาว่าจะพยายามปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น  จะรักมึงกับลูกให้มากขึ้น...และจะดูแลกันไปจนกว่าจะมาสิ่งใดมาพรากจาก

     

                “รักมึงนะเซฮุน”

     

                “กูก็รักมึงเหมือนกัน...รักมากๆ  มากที่สุด”

     

                มันไม่ใช่จุดเริ่มต้นที่สวยหรู...และมันก็ไม่ได้แฮปปี้เอนดิ้งเหมือนอย่างที่ฝัน  เพราะการนอนกอดกันบนเตียงคนป่วยหรือการมีเด็กน้อยที่กำลังหลับใหลอยู่ในอ้อมแขนพร้อมกับสายน้ำเกลือมันก็เป็นภาพที่ไม่ได้น่าดูเลยสักนิด  แต่ความสุขที่ได้รับ...มันกลับเพิ่มขึ้นมากมายในความรู้สึกของพ่อแม่มือใหม่  หลังจากนี้ไม่ว่าจะสุขจะทุกข์...ก็คงต้องเดินไปด้วยกัน  จะเจ็บจะป่วย...ก็คงต้องช่วยกันดูแล  และไม่ว่าโอเซฮุนกันคิมไคจะเจอบททดสอบที่ยากเพียงใด...พวกเราก็จะกอดกันไว้แบบนี้  พูดคุยกันแบบนี้แล้วก็จะรักกันแบบนี้ตลอดไป

     

     

    ขอบคุณ...ความต่างที่ลงตัว

    ขอบคุณ...ความรักที่มั่นคงแม้เคยห่างหาย

    ขอบคุณ...ความเกลียดที่แปรเปลี่ยนมาเป็นความเข้าใจ

    และขอบคุณ...สำหรับทุกๆอย่างที่มอบแก่ให้กัน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    -END-

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    100%

    Cr. ภาพในตอนจบ : SSS  Australia  และ  Stutterstock.com

    ***หนูติดจั่น  หมายถึง...อาการที่เดินไปเดินมาอย่างว้าวุ่นเพราะวิตกกังวล

    ***ระโยงระยาง  หมายถึง...สายที่โยงหรือผูกไว้ระเกะระกะ

    ***Stethoscope



     

    Talk.

    จบแล้วค้าบบบบบบ  \ (^-^) /

    ไม่คิดว่าจะแต่งได้จบเพราะสมองดับบ่อยมาก+ไม่หายป่วยสักที

    ขอบคุณนักอ่านทุกคนที่ยังให้โอกาสเราเสมอนะคะ  ขอบคุณนักอ่านที่ติดตามและคอมเม้นกันมาตั้งแต่ฟิคเรื่องแรกจนถึงเรื่องนี้  ขอบคุณจากใจจริงๆค่ะ

     

    ขอชี้แจงอีกนิดนะคะ....

    เรื่องอาการป่วยของโฮยอนเราอ้างอิงมาจากเรื่องจริงนะคะ  คำพูดของแพทย์คือสิ่งที่เราได้ยินและประสบพบเจอมากับตัวเอง  แล้วฟิคเรื่องนี้(บางส่วน)ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงจากตัวของผู้แต่ง  ปัจจุบันเราก็ยังต้องเลี้ยงบ้างในบางเวลา  ยอมรับว่าเหนื่อยค่ะ...เลี้ยงเด็กคนหนึ่งไม่ง่ายเลย  แต่ก็ต้องขอบคุณความเหนื่อยที่ทำให้เกิดฟิคเรื่องนี้และต้องขอบคุณนักอ่านทุกคนอีกครั้งด้วยนะคะ   ^-^) 

    แล้วพบกันใหม่ในตอนพิเศษค่ะ

    รัก

    #ฝากเลี้ยงKH

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×