ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จบแล้ว (EXO) น้องปลา (Kaihun Ft.Chanbaek,Krislay)

    ลำดับตอนที่ #7 : ปลาตัวที่ 6.1

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.42K
      30
      18 เม.ย. 64


    ปลาตัวที่ 6.1



     



    บริษัท  บ้านปลา

    21.40 น.


     

                “น้องปลาเป็นแฟนกับพี่จงอินนะครับ”



    ...



    ...



    ...



    ...



    ...



                เด็กน้อยที่เพิ่งเคยโดนจูบเป็นครั้งแรกในชีวิต...ไม่รู้จะตอบเช่นไรกับคำถามแบบนั้น  มันไม่ได้ตกใจเรื่องที่ถูกผู้ชายตรงหน้าขอเป็นแฟนเพราะเด็กอย่างเขาไม่รู้จริงๆว่าการเป็นแฟนกันต้องทำตัวอย่างไร  ต้องทำเหมือนที่พี่อี้ทำให้กับพี่คริสจ๋าใช่ไหม?  หรือ...ต้องนอนด้วยกันทุกค่ำคืน  ทานข้าวด้วยกันและอยู่ด้วยกันตลอดเวลาอะไรทำนองนั้นหรือเปล่า?

     


                แล้วสิ่งที่ทำให้เขาตกใจมากที่สุดในตอนนี้ก็คือ...การโดนจูบ  เพราะรสสัมผัสมันทำให้หัวใจเต้นแรงเกินไปและใบหน้าก็รู้สึกร้อนวูบวาบจนไม่สามารถมองคนที่ปล้นจูบเขาได้อีกแล้ว  น้องปลาหันหลังให้กับจงอินพร้อมยืนเกาะลูกกรงเพื่อแอบซ่อนความเขินอายที่มันมีมากเสียจนไม่กล้าสบตาคมของชายหนุ่มผิวเข้ม


                “น้องปลาโกรธเหรอครับ  พี่ขอโทษ  น้องปลาอย่าโกรธพี่เลยนะครับ”  ถามเสียงอ่อนเมื่อเห็นปฏิกิริยาที่น้องปลายืนหันหลังให้  และไม่ตอบคำถามใดๆทั้งสิ้น  คนใจเสียรู้สึกร้อนรนไปหมดเพราะคิดว่าตัวเองคงถูกปลาตัวน้อยโกรธจริงๆ


                จงอินรู้ตัวดี...ว่าสิ่งที่เขาทำลงไปเมื่อครู่มันอาจทำให้น้องปลาตกใจ  แต่เขาก็ไม่สามารถห้ามความรู้สึกของตัวเองได้อีกแล้วเมื่อเห็นความน่ารักของน้องในคืนนี้  จงอินไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะต้องมาพ่ายแพ้ให้กับความน่ารักเอาตอนที่อายุใกล้เฉียดเลขสาม  แถมความน่ารักที่ว่า...ก็ยังอายุเพียงแค่ 16 ปีเท่านั้น

     


                จงอินไม่เคยชอบเด็ก...เพราะเด็กมักเอาแต่ใจและน่ารำคาญ  วันวันเอาแต่เล่นสนุกในแบบที่เขาไม่ได้รู้สึกสนุกด้วยเลยสักนิด  แต่พอได้มาเจอกับน้องปลา  ซึ่งอายุก็ห่างกันถึง 10 ปีและเด็กคนนี้ก็ไม่เหมือนเด็กคนอื่นๆทั่วไปเนื่องจากน้องไม่มีเพื่อน  ไม่มีสังคม  ไม่ได้ไปโรงเรียนแล้วก็กลัวคนแปลกหน้า  หรือบางครั้งก็ปิดกั้นตัวเองจนเหมือนจะไม่เปิดใจยอมรับใครทั้งนั้น  แถมสิ่งที่ทำให้เด็กคนนี้มีความสุขมากที่สุดก็คือ...เจ้าพวกหางสวยในบ่อปลาหลังบ้าน


    แต่แล้ว...สิ่งที่แตกต่างจากเด็กทั่วไปกลับทำให้เขารู้สึกชอบจนไม่อาจปล่อยให้น้องหลุดมือไปเป็นของคนอื่น 

     

               “น้องปลาครับ...หันหน้ามาคุยกับพี่หน่อยได้ไหม  น้องปลาโกรธพี่จริงๆเหรอครับ”  ค่อยๆเอื่อมมือแล้วโอบกอดเอวบางจากทางด้านหลัง  พร้อมเกยคางไว้บนไหล่ของน้องเพื่อเป็นการง้อ


                “มะ...ไม่ได้โกรธฮะ  แต่พี่จงอินทำให้หัวใจของหนูเต้นแรง  พอหัวใจมันเต้นแรงๆแล้วหนูก็เหนื่อย”  คนถูกกอดกลับมาใจเต้นไม่เป็นจังหวะอีกครั้งเพราะทั้งความอบอุ่น  และลมหายใจที่เป่ารดอยู่ตรงพวงแก้มมันพาให้หัวใจดวงน้อยๆที่กำลังจะสงบนิ่งหลังการถูกจูบกลับมาเต้นแรงอีกรอบ


     

                เป็นวันที่ไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าทำไมถึงต้องรู้สึกเขินอายเมื่อถูกจงอินสวมกอด  เพราะที่ผ่านมาก็เคยกอดกันตั้งหลายครั้งแต่ทำไมครั้งนี้มันถึงรู้เขินมากเป็นพิเศษ  และเวลาที่ถูกพี่เขยกอดหรือหอมแก้มทำไมมันถึงไม่รู้สึกเขินเหมือนที่กำลังเขินอยู่ในตอนนี้  น้องปลารู้สึกสับสนไปหมดและเริ่มทำตัวไม่ถูก


                “ไม่โกรธ...ก็หันหน้ามาคุยกับพี่หน่อย  แล้วเรื่องที่พี่ขอน้องปลาเป็นแฟนล่ะครับ  พี่รอคำตอบอยู่นะ”  อ้อมกอดเริ่มกระชับแน่นขึ้นเหมือนจะเร่งเอาคำตอบ  ใช่ว่าอยากกดดันเด็กน้อย  แต่จงอินเป็นคนใจร้อนและถ้าน้องปฏิเสธ  เขาก็คงต้องทำมากกว่าแค่การกอด


    แต่.....


                “กะ...ก็หนู เอ่ออ หนูถูกพี่จงอินจูบแล้วหนิฮะ  หนูก็ต้องเป็นแฟนกับพี่จงอินสิ  คุณครูดีโอคยองบอกว่าคนที่จะจูบกันได้ก็ต้องเป็นแฟนกันเท่านั้น  คนที่ไม่ใช่แฟน...เค้าไม่จูบกันหรอกฮะ  พี่จงอินจูบหนูเหมือนที่พี่คริสจ๋าจูบพี่อะ...อี้  อุ๊บบ!!!”  มือบางยกขึ้นปิดปากตัวเองทันทีเพราะคิดว่าจะเก็บเรื่องของพี่ๆทั้งสองคนเอาไว้เป็นความลับ  แต่...มันคงไม่ทันเสียแล้ว  และนิสัยที่ชอบพูดเจื้อยแจ้วไม่หยุดมันก็ทำให้ความลับที่คิดจะเก็บไว้ถูกเปิดเผยออกมา


                “หื้มม..? น้องปลาไปแอบดูพี่คริสกับพี่อี้มาเหรอครับ??”  ประคองตัวเด็กน้อยให้หันมามองหน้ากันเพื่อสอบถามในสิ่งที่เจ้าตัวหลุดปากพูดออกมาเมื่อครู่  แต่น้องปลาก็ยังคงเอามือปิดปากของตัวเองเอาไว้พร้อมส่ายหัวไปมาและซบหน้าลงบนแผ่นอกกว้างเพื่อหลีกเลี่ยงการตอบคำถาม  


                จงอินอยากฟัดคนในอ้อมกอดให้หายมันเขี้ยว...โทษฐานทำตัวน่ารักไม่หยุดหย่อน  แต่ตอนนี้คงต้องข่มอารมณ์ของตัวเองเอาไว้และเริ่มสอบสวนถึงเรื่องที่น้องปลาแอบไปเห็นพี่ๆจูบกัน  ส่วนเรื่องคุณครูชื่อแปลกที่น้องเอ่ยมาเมื่อครู่ก็ต้องไถ่ถามให้มันรู้เรื่องก่อนที่ความหมายของคำว่าจูบในแบบที่น้องเข้าใจจะส่งผลเสียต่อเด็กที่ไร้เดียงสา


     

                และเมื่อการสอบสวนเริ่มต้นขึ้น...ผู้เห็นเหตุการณ์ในห้องครัวเมื่อเช้าก็รีบอธิบายทุกอย่างโดยที่ใบหน้าจิ้มลิ้มก็ยังคงซบแผ่นอกกว้างอยู่อย่างนั้น  เพราะต่อให้เล่าเรื่องนี้อีกสักสิบครั้งมันก็ยังเขินอยู่ดี  แถมวันนี้ยังถูกจูบจนแทบหมดแรงยืน  ซึ่งมันก็ยิ่งทำให้ความเขินอายเพิ่มระดับมากขึ้นไปอีก  

     


                ส่วนเจ้าของแผ่นอกกว้าง...ก็ไม่ได้เสียใจที่น้องปลายอมตอบตกลงเป็นแฟนกับเขาเพียงเพราะถูกจูบหรือถูกคุณครูสอนมาแบบนั้น  จงอินเข้าใจดีว่าน้องยังเด็กและถูกเลี้ยงดูมาแบบไหน  แล้วคนที่สมควรถูกตำหนิมากกว่าใครก็คงเป็นพี่ๆทั้งสองคนที่ทำตัวประเจิดประเจ้อ  แถมยังไม่เคยสอนในสิ่งที่วัยอย่างน้องปลาควรรู้  


                “งั้นก็แสดงว่าาาา...น้องปลาเป็นแฟนกับพี่แล้วนะครับ”  ไม่ได้อยากฉวยโอกาส  แต่เมื่อน้องปลาเข้าใจแบบนั้นก็คงต้องปล่อยเลยตามเลย  ส่วนเมื่อเป็นแฟนกันแล้วต้องทำตัวเช่นไร  จงอินจะเป็นคนทำให้น้องปลาเห็นเองเพราะต่อให้อธิบายจนถึงเช้า  เด็กคนนี้ก็คงไม่เข้าใจอยู่ดี  แล้วเรื่องความรักมันก็คงไม่มีใครสอนกันได้


                “ฮะ...หนูกับพี่จงอินเป็นแฟนกัน  ตะ...แต่ไม่จูบแล้วได้ไหมฮะ  หนูเหนื่อย  แล้วก็หายใจไม่ทันด้วยฮะ”  รู้สึกเหนื่อยจริงๆ...เหนื่อยยิ่งกว่าการที่ต้องทำงานอยู่ที่ร้านทุกวันบวกกับการไปวิ่งเล่นอยู่ในบ่อปลาหลังบ้านเสียอีก  น้องปลาไม่เข้าใจว่าทำไมจูบกันเพียงแค่ไม่กี่นาทีมันกลับส่งผลให้เขารู้สึกเหนื่อยได้ถึงขนาดนี้


                “ครับ...ไม่จูบก็ไม่จูบ  งั้นเราลงไปข้างล่างกันดีกว่า  เดี๋ยวพี่จะได้โทรบอกให้พี่คริสมารับ”  อุ้มคนหมดแรงเดินลงมาจนถึงห้องนอนของตัวเอง  พร้อมบอกให้ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อรอพี่เขยมารับกลับบ้าน


                เจ้าของห้อง...เดินมานั่งรอเด็กน้อยอยู่บนโซฟาและความเงียบก็เริ่มทำให้เขาคิดหนัก  จงอินกำลังคิดถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับน้องปลาที่มันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่นาทีก่อน  เขาไม่รู้ว่าจะบอกเรื่องนี้กับคริสเช่นไรเพราะทุกคำอธิบายที่เกิดจากความกล้า  แต่ปราศจากเหตุผลที่เหมาะสมหรือน่าเชื่อถือ  มันอาจนำมาซึ่งความตายได้โดยไม่รู้ตัว

     


                จงอินมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนัง...และมันก็บอกเวลาว่าตอนนี้ใกล้จะสี่ทุ่ม  ซึ่งมันเลยเวลาที่น้องปลาควรจะเข้านอนมาหลายชั่วโมง  สมองของช่างทำตู้ปลา...ลองคำนวณเวลาที่คริสจะเดินทางมาที่นี่บวกกับเวลาที่ต้องเดินทางกลับบ้าน  และเมื่อลองนับชั่วโมงดูแล้วเขาก็ตัดสินใจว่าไม่ควรให้ใครต้องมารับ  หรือเดินทางไปไหนทั้งนั้น  ระยะทางจากบ้านของเขากับบ้านของน้องปลามันไกลเกินกว่าจะให้คริสต้องมาเสี่ยงกับความมืดในยามค่ำคืน


    และเมื่อคิดได้แบบนั้น...จงอินจึงรีบต่อสายโทรหารุ่นพี่คนสนิททันที  



    Rrrrrrrrr!!!!!



                “เฮียยยย...ไม่ต้องมารับน้องปลาแล้วนะ  มันดึกแล้ว  เฮียย...ได้ยินหรือเปล่า??  ผมบอกว่าพรุ่งนี้ค่อยมารับน้องปลา”








     


     








                หลังจากเคลียร์สายกับคริสเรียบร้อย...จงอินก็รีบออกมาจากห้องก่อนที่น้องปลาจะอาบน้ำเสร็จ  และเดินตรงไปยังห้องของพี่ชายเพื่อไปยืมชุดนอนมาให้น้องใส่เพราะคนอย่างคิมจงอินไม่เคยมีชุดนอน  และเสื้อยืดเก่าๆหรือกางเกงบอลก็คือสิ่งที่ใส่นอนวนเวียนซ้ำๆจนเคยชิน  เวลาทำงานก็ใส่แต่ชุดช่างเพื่อกันฝุ่นและอันตราย  กางเกงยีนส์เสื้อเชิ้ตก็มี  แต่ถ้าไม่ได้ออกไปธุระข้างนอก  ชุดช่างก็ถือว่าเป็นชุดประจำตัว



                 ขายาวสมส่วน...ก้าวฉับๆตรงไปที่ห้องของแบคฮยอนอย่างเร่งรีบ  เพราะไม่อยากทิ้งน้องปลาให้อยู่เดียวเมื่อน้องอาบน้ำเสร็จและยังไม่ได้บอกเจ้าตัวเลยว่าคืนนี้พี่เขยจะไม่มารับ  มือหนาจับไปที่ลูกบิดประตูเมื่อเดินมาถึงหน้าห้อง  แต่...ยังไม่ทันได้เปิดเข้าไปด้านในหรือทำสิ่งใดทั้งนั้น  เสียงโวยวายจากชั้นหนึ่งของบ้านก็ดังขึ้นเพร้อมกับคนเป็นเจ้าห้องที่วิ่งขึ้นบันไดมาอย่างรวดเร็ว


                “ทำไมกลับมาวันนี้วะเจ๊  ไหนบอกกลับพรุ่งนี้เช้าไง?”


                “ก็งานมันเสร็จไว...เลยรีบกลับ  แล้วกูก็ไม่อยากนอนค้างที่โรงแรมด้วย  กูกลัวผี”


                “กลัวผี  หรือ กลัวผัว หนีเที่ยว”


                “อย่ามากวนตีน  กูยิ่งเหนื่อยๆอยู่  แล้วมายืนทำอะไรอยู่หน้าห้องกูมิทราบ  ถอยดิ่...จะไปอาบน้ำ!!”


                “จะมายืมชุดนอนหน่อย  พอดีคืนนี้น้องปลามาค้าง”


                “เฮ้ยย!! จริงดิ...งั้นกูไปหาน้องปลาดีกว่า  กูเบื่อหน้ามึง”


                “หยุดดดดเลยเจ๊  น้องมันก็เหนื่อยเหมือนกัน  แล้วนี่ก็ดึกมากแล้วด้วย  เดี๋ยวเช้าก็ได้เจอ”


                คนเป็นพี่...ไม่อยากต่อปากต่อคำกับน้องชายเพราะรู้สึกเหนื่อย  เจ้าตัวจึงยอมเดินเข้าห้องไปพร้อมกับเปิดตู้เสื้อผ้าและหยิบชุดนอนออกมาให้เลือก  แต่...คนที่มีชุดนอนเยอะกว่าเสื้อผ้าปกติทั่วไปกลับลังเลใจว่าจะให้น้องปลาใส่ชุดไหนดี  ซึ่งนั่น...ก็ทำให้คนรออย่างจงอินรู้สึกหงุดหงิดและคิดว่าถ้าออกไปซื้อชุดนอนให้น้องที่ห้างสรรพสินค้าป่านนี้คงได้พักผ่อนไปนานแล้ว  จงอินรู้ดีว่าพี่ชายต่างแม่มีชุดนอนเยอะมากแค่ไหนเพราะไม่ว่าจะทำกับข้าว  ทำบัญชีหรือเดินสำรวจทรัพย์สินอยู่ในโรงงาน  พี่ของเขาก็จะใส่แต่ชุดนอนเสมอ

     


                จงอินอยู่กับแบคฮยอนมาตั้งแต่เด็กๆ...จนตอนนี้คนเป็นพี่ก็อายุยี่สิบแปด  แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมถึงชอบใส่แต่ชุดนอนและอย่าถามว่ามีลายการ์ตูนอะไรบ้างเพราะแบคฮยอนมีหมดทุกลาย  ทุกแบบ  ทุกยี่ห้อ  ไม่ว่าจะเป็นตระกูล Sanrio (ซานริโอ) ทั้งเซ็ท  รวมถึงดิสนีย์  คิตตี้  คุมะ สนูปี้และอื่นๆอีกสารพัด


                “มึงเอาตัวนี้ไหม??...เผื่อคืนนี้จะคึก”  หยิบชุดนอนเนื้อบางเบาที่ทำจากผ้าลูกไม้สีชมพูอ่อนทั้งตัว  พร้อมกับหูกระต่ายขนฟูฝ่องและแซ่ที่ถักด้วยเชือกหนังสีดำยื่นใส่หน้าคนเป็นน้องชาย


                “เก็บไว้ใส่อ่อยผัวตัวเองเถอะ  ใส่แล้วจะยั่วขึ้นหรือเปล่าก็ไม่รู้  เจ๊ใส่ตัวนี้เหรอ??  ชานยอลมันถึงได้หนีออกไปนอนกับหมาหน้าโรงงานบ่อยๆ”  รีบแซวพี่ต่างแม่ทันที  เพราะไม่คิดว่าคู่รักที่ชอบตีกันเกือบทุกวันอย่างเจ๊แบคกับพี่เขยจะมีชุดนอนวาบหวิวไว้เป็นตัวช่วยเพื่อเพิ่มอรรถรสในเรื่องอย่างว่า


                “ขอให้น้องปลาไม่เอามึงเป็นแฟน...เพี้ยงงง!!!”  คิดอยู่ในใจว่ามันคงเป็นคำสาปแช่งที่สายเกินไปเสียแล้ว  เพราะเขากับน้องปลาเพิ่งตกลงเป็นแฟนกันไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้


                “เออเจ๊...พรุ่งนี้ทำอาหารเช้าเผื่อน้องปลาด้วยดิ”  เมื่อได้สิ่งที่ต้องการจงอินก็รีบเดินกลับไปที่ห้องนอนของตัวเองทันทีเพราะป่านนี้น้องปลาคงอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว  


    แกร๊กก!!!


                และสิ่งที่คิดไว้ก็เป็นจริง...เพราะเมื่อจงอินเปิดประตูห้องและเดินเข้ามาด้านใน  ภาพที่เห็นก็คือเด็กน้อยที่ตอนนี้ใบหน้าจิ้มลิ้มเต็มไปด้วยแป้งฝุ่นกำลังนั่งอยู่บนโซฟาและสวมเสื้อผ้าตัวเดิมเรียบร้อยพร้อมสะพายกระเป๋าเป้รูปปลาดาวไว้บนบ่าเพื่อเตรียมรอพี่เขยมารับกลับบ้าน  จงอินก้าวขาเดินไปหาน้องช้าๆแล้วย่อตัวลงก่อนวางชุดนอนลายคิตตี้สีหวานเอาไว้บนตักนุ่ม


                “คืนนี้น้องปลาต้องนอนที่นี่นะครับ  พรุ่งนี้พี่คริสจะมารับตอนเย็น”


                “ทำไมพี่คริสจ๋าไม่มารับหนูตามสัญญาล่ะฮะ”


                “น้องปลาฟังพี่นะครับ...ตอนนี้มันดึกมากแล้วใช่ไหม?  กว่าพี่คริสจะขับรถมาที่นี่แล้วก็ขับรถกลับไปที่บ้าน  พี่คริสก็เหนื่อยแย่เลย  แล้วถ้าตอนเช้าพี่คริสตื่นมาเปิดร้านไม่ทัน  พี่คริสก็จะโดนลูกค้าว่าเอานะครับ  น้องปลาไม่สงสารพี่คริสเหรอ หื้มม??”


                “สงสารฮะ  ตะ...แต่หนูอยากกกลับบ้าน  หนูคิดถึงพี่อี้กับพี่คริสจ๋า”


                “เป็นแฟนกันต้องไม่ดื้อนะครับ  น้องปลาเคยเห็นพี่อี้ดื้อกับพี่คริสหรือเปล่า”


                “ไม่เคยเห็นฮะ”


                “งั้นก็ไปเปลี่ยนชุดนะครับคนเก่ง  เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่แบคฮยอนจะทำอาหารเช้าอร่อยๆให้ทาน  พี่แบคฮยอนของน้องปลากลับมาแล้วนะครับ”


                “จริงเหรอฮะ!! พี่จงอินอย่าโกหกหนูนะ”


                “คนเป็นแฟนกัน...ห้ามโกหกเด็ดขาด”


                “เป็นแฟนกันแล้ว...ทำไมถึงมีข้อห้ามเยอะจังเลยล่ะฮะ  หนูไม่เข้าใจ???”


                “ตอนนี้...น้องปลาต้องไปเปลี่ยนชุดแล้วเตรียมตัวเข้านอนนะครับ เดี๋ยวพี่จะมาอธิบายให้ฟังทีหลัง”



    ...



    ...



    ...



                กว่าน้องปลาจะได้นอนก็เกือบตี 1...เพราะเอาแต่ถามนั่นถามนี่ในสิ่งที่ตัวเองสงสัยและไม่เข้าใจ  ซึ่งส่วนใหญ่เรื่องที่ถามก็มักจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคำว่า "แฟน"  จงอินพยายามอธิบายทุกอย่างให้มันฟังดูแล้วเข้าใจง่าย  ไม่ซับซ้อน  ไม่มีข้อจำกัดที่ยุ่งยากจนอาจทำให้เด็กขี้สงสัยเป็นกังวล  มือหนา...ลูบหลังคนที่หลับไปด้วยความเพลียเพราะมันเลยเวลาที่เจ้าตัวเคยพักผ่อนอยู่เป็นประจำ  แถมการไปเที่ยวในงานประจำปีของหมู่บ้านคนญี่ปุ่นก็สูบพลังงานของเด็กคนนี้ไปมากอยู่พอสมควร


    รู้สึกดีใจ...ที่จูบแรกของน้องปลาคือเขาเพราะถ้าไม่ใช่  คนอื่นคงได้เป็นแฟนกับน้องโดยที่ใครคนนั้นอาจไม่ได้อธิบาย  ไม่ได้ใส่ใจ  ไม่ได้ชอบหรือแค่อยากได้บางสิ่งแล้วจากไป  

     


                เป็นค่ำคืนที่เจ้าของห้องไม่ต้องไปนอนที่โซฟาอีกแล้ว  เพราะหนึ่งในข้อตกลงของการเป็นแฟนก็คือ...ต้องนอนด้วยกัน  เด็กน้อยที่เอาความรักของคริสกับอี้ชิงมาเป็นบรรทัดฐาน  สั่งห้ามจงอินไปนอนที่โซฟาเพราะเจ้าตัวไม่เคยเห็นพี่ๆทั้งสองคนนอนแยกห้องกันเลยสักครั้ง  และข้อตกลงแบบนั้น...ก็กลายเป็นความโชคดีของหนุ่มผิวเข้มไปในทันที  มันเหมือนจะเป็นการฉวยโอกาสอีกครั้ง  แต่ใครจะยอมปล่อยข้อตกลงดีๆอย่างนี้ให้หลุดลอยไป  ความหอม  ความนุ่ม  ความใกล้ชิดมันช่างเย้ายวนเกินจะปฏิเสธ  และหวังว่าพรุ่งนี้เช้า...รุ่นพี่คนสนิทคงจะไม่มารับน้องเมียก่อนเวลาเพราะจงอินยังไม่อยากตายตอนที่ได้เป็นแฟนกับน้องปลาเพียงแค่คืนเดียว  





     










     








    บริษัท  บ้านปลา

    07.32 น. 


    ก๊อกๆ ๆ!!

    แกร๊กก!!!

               

                “น้องปลาตื่นยังวะจงอิน?”


                “โถ่เจ๊...ยังไม่มีใครตื่นทั้งนั้นแหละ  แล้วเจ๊มาปลุกทำไมแต่เช้าวะ”


                “อ้าวว...ก็เมื่อคืนมึงเป็นคนบอกให้กูทำอาหารเช้าเผื่อน้องปลา  กูก็ทำเสร็จแล้วนี่ไง  มึงรีบตื่นเลยนะ  กับข้าวกูจะบูดหมดแล้วเนี่ยย!!  แล้วก็อย่าให้กูขึ้นมาปลุกเป็นรอบที่สอง  ไม่งั้น...หมาหน้าโรงงานมีอิ่มแน่ๆ”


                อยู่บ้านเดียวกันมาเกือบ 30 ปี  นี่เป็นครั้งแรก...ที่แบคฮยอนเดินมาปลุกจงอินแต่เช้าเพื่อชวนไปทานอาหารด้วยกัน  และถึงแม้จะเป็นการชวนเพื่อหวังจะได้เจอกับเด็กน้อยของเขา  แต่มันก็เป็นครั้งแรกจริงๆที่พี่ชายต่างแม่ยอมลงทุนเดินมาปลุกกันถึงห้องนอน  และป่านนี้คนโรงงานก็คงรู้กันหมดแล้วว่าน้องปลาคนโปรดของทุกคนๆนอนอยู่ในบ้าน

     


                เจ้าของห้อง...เดินมาปลุกน้องปลาต่อทันที  และอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อจะได้ลงไปทานอาหารเช้าพร้อมกันก่อนที่แบคฮยอนจะเทอาหารทั้งหมดให้เจ้าช็อคโก้  จงอินแอบเสียดายอยู่ไม่ใช่น้อยเพราะเขาอยากนอนกอดแฟนเด็กให้เต็มอิ่มมากกว่านี้  มันเป็นเช้าที่ไม่มีใครจิกหัวแล้วเหวี่ยงไปนอนกองอยู่หน้าห้องน้ำ  แต่ก็ยังมีพี่ชายต่างแม่ที่ทำให้รุ่งอรุณอันแสนสดใสแปรเปลี่ยนไปเป็นความหม่นหมอง


    (ชีวิตแค่โดนทำ...วร้ายยยยยยยยยย  T^T)



    ...



    ...



    ...

     



                เหมือนเป็นความแปลกใหม่ของบริษัทบ้านปลา...เพราะตอนนี้มีคนใส่ชุดนอนลงมานั่งทานอาหารเช้าด้วยกันถึงสองคน  คนแรกคือน้องปลาที่อยู่ในชุดนอนคิตตี้สีชมพู  ส่วนคนที่สองก็คือ...แบคฮยอนที่อยู่ในชุดนอนหมีพูห์สีเหลือง  มันเป็นเรื่องปกติสำหรับพี่ชายต่างแม่ในเรื่องของการใส่ชุดนอนและคนเป็นน้องอย่างจงอินรวมถึงทุกคนในบ้านก็เห็นจนชินตาโดยไม่รู้สึกอะไร  แต่สำหรับผู้ที่เป็นสมาชิกใหม่อย่างน้องปลากลับสร้างรอยยิ้มให้คนในครอบครัวของเขาได้อย่างง่ายดาย  เด็กตัวขาวๆในชุดนอนสีชมพูประแป้งหอมฟุ้งนั่งเคี้ยวข้าวแก้มตุ่ย






                “วันนี้พี่จงอินไม่ไปติดตั้งบ้านปลาที่ไหนเหรอฮะ?”  นั่งแกว่งขาไปมาพร้อมถามในเรื่องที่สงสัยและตักอาหารเข้าปากคำโต  น้องปลาอยากเห็นว่าวันนี้บ้านปลาจะเป็นรูปอะไร  ใหญ่แค่ไหนหรือจะมีปลาอยู่ในนั้นกี่ตัว?


                “ไม่ไปครับ...แต่วันนี้พี่ต้องเข้าโรงงาน  พี่ยังทำบ้านปลาไม่เสร็จเลย”  มือหนา...หยิบเม็ดข้าวที่ติดอยู่ตรงมุมปากเด็กน้อยใส่ปากตัวเอง  พร้อมใช้ทิชชู่ซับเบาๆไปยังส่วนที่เลอะอยู่อีกเล็กน้อยก่อนตอบคำถามคนขี้สงสัย


                “หนูไปด้วยได้ไหมฮะ  หนูสัญญาว่าหนูจะไม่ดื้อ”  ดื่มน้ำจนหมดแก้ว...แล้วรีบลุกไปนั่งที่ตักของจงอินทันทีเพื่อเป็นการอ้อน  แถมยังสัญญาเสร็จสรรพว่าจะไม่ดื้อ  เด็กน้อยอยากเห็นว่าบ้านปลาทำมาจากอะไรเพราะยังเคยไปที่โรงงานเลยสักครั้ง


                “ไม่ดื้ออย่างเดียวไม่ได้นะครับ  แต่ต้องไม่ซนด้วยเพราะในโรงงานมันอันตราย  แล้วก็เหม็นสี  พี่ให้น้องปลาตัดสินใจอีกทีว่ายังอยากไปอยู่ไหม?”  ใช่ว่าอยากห้าม...แต่ในโรงงานมันอันตรายเกินไปเพราะมีแต่ความร้อนของเครื่องหลอมกระจกอะคริลิก ห้องทำปะการังเทียมก็เหม็นสี  การเชื่อมโครงเหล็กก็มีแต่ประกายไฟในแบบที่น้องปลาไม่ชอบและหวาดกลัว


    แต่.....


                “ไปฮะ...หนูอยากเห็นบ้านปลาหลังใหญ่ๆ  พี่จงอินให้หนูไปด้วยน้าาา นะ นะ นะ”  แค่น้องมานั่งบนตัก  จงอินก็แทบจะแข็งไปทุกสัดส่วน  แล้วนี่มันอะไร??  มาอ้อนเขาด้วยการนั่งตักยังไม่พอ  แถมยังมากอดเอวและเอาจมูกโด่งรั้นถูไปถูมาที่ซอกคอของเขาอีก  


    (คิมจงอินยอมแพ้....แพ้ทุกทาง  แพ้ทุกอย่าง  แพ้ความน่ารักกกกกกก)


                หลังจากทานอาหารเช้าเรียบร้อย...ทุกคนก็แยกย้ายกันไปทำงานตามหน้าที่ที่ตัวเองต้องรับผิดชอบ  แบคฮยอนนั่งเคลียร์บัญชีทั้งหมดอยู่ในออฟฟิศ  ชานยอลเช็คยอดปลาตามออร์เดอร์ของลูกค้า  ส่วนจงอินก็พาแฟนเด็กเดินชมโรงงานตามคำออดอ้อน  เจ้าของบริษัทบ้านปลา...ขับรถกอล์ฟสีขาวพาน้องปลามาถึงที่หน้าโรงงานพร้อมกางร่มให้เมื่อถึงช่วงที่ต้องเดินตากแดด

     

                เมื่อเข้ามาด้านใน...สิ่งแรกที่ต้องรับมือก็คือการถูกลูกน้องในโรงงานเอ่ยแซว  ฝ่ายทำพร้อบ  ฝ่ายทำตู้ปลา  ฝ่ายช่างเชื่อมเหล็กหรือฝ่ายทำทอระบายน้ำ  ไม่ว่าจงอินจะเดินไปแผนกใด  เขาก็ต้องโดนแซวทั้งนั้น  ทั้งสายตา  ทั้งคำพูด  ทุกๆอย่างที่ออกมาจากปากของพวกลูกน้องมันเป็นเรื่องเกินจะคาดเดาไปหมด  ส่วนแฟนเด็ก...ก็เอาแต่แจกยิ้มไปทั่วทั้งโรงงานจนเขาอยากจะพากลับบ้าน  ลูกน้องทุกคนต่างพากันดีใจเมื่อเห็นเด็กน้อยคนโปรดใส่ชุดนอนลายคิตตี้สีชมพูเดินแจกยิ้มพร้อมกับพูดคุยเจื้อยแจ้วไม่หยุด

     


                รู้สึกดี...ที่น้องปลายอมไว้ใจและให้ความเป็นกันเองกับคนในครอบครัวของเขารวมไปถึงลูกน้องทุกคนภายในโรงงาน  แต่จงอินก็ยังมีความกังวลอยู่เล็กน้อยเพราะลูกน้องบางคนก็ชอบแซวเรื่องไม่เป็นเรื่องหรือพูดในสิ่งที่เด็กอายุสิบหกปีก็ไม่ควรฟังอย่างเช่น  เมื่อคืนกี่ยกลูกพี่?  ถุงยางพอไหม??  อะไรประมาณนั้น 

     


                ไม่อยากถือสา...และเข้าใจความปากหมาของพวกลูกน้อง  ตราบใดที่ยังไม่ล้ำเส้นเข้ามาในเรื่องส่วนตัวมากจนเกินไป  ลูกพี่อย่างเขาก็แทบจะไม่ต้องตักเตือนหรือเรียกมาคุยให้มากความเพราะโตเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้วและบางคนก็มีลูกที่อยู่ในวัยเดียวกับน้องปลา  ใจหนึ่งก็ห่วง  ใจหนึ่งรู้สึกดีที่ทุกคนเอ็นดูแฟนเด็กของเขาเหมือนญาติสนิท  แต่...ถ้าน้องปลาจะเข้ามาที่นี่บ่อยๆ  จงอินคงต้องคอยเดินคุมไปตลอดทาง


                “พี่จงอิน...หนูขอไประบายสีปะการังกับพี่แทมินได้ไหมฮะ?”


                “ไม่อนุญาตครับเพราะว่ามันอันตราย  ถ้าเกิดน้องปลาได้รับบาดเจ็บ  พี่ต้องโดนพี่คริสเตะแน่ๆ  น้องปลาอย่าดื้อนะครับ...เดี๋ยวเจ็บตัวขึ้นมาก็ต้องไปหาหมออีก”


                “โอเค...เป็นแฟนกันต้องไม่ดื้อ  หนูเข้าใจฮะ”


                “งั้นพี่พาน้องปลาไปเยี่ยมเพื่อนดีกว่า  เพื่อนที่พี่ซื้อมาจากร้านของหนูไง  อีก 2 วันมันจะมีบ้านหลังใหญ่ๆแล้วนะ  คราวนี้พวกมันจะไปอยู่กันที่ห้องสมุด”


                “ว้าววว...ดีจังเลยฮะ!  เพื่อนของหนูจะมีคนอ่านหนังสือให้ฟังเยอะๆ ๆ ๆ”


                อีก วันข้างหน้า...จงอินกับลูกน้องต้องไปทำการติดตั้งตู้ปลาให้กับทางมหาวิทยาลัยในตัวเมือง  และตอนนี้ลูกน้องในโรงงานต่างก็ตั้งหน้าตั้งตาเร่งมือทำงานชิ้นนี้ให้เสร็จตามสัญญาที่ได้ทำไว้กับลูกค้า  จงอินพาน้องปลาเดินมายังห้องปลอดเชื้อที่อยู่ทางด้านหลังของโรงงาน  และเมื่อเปิดประตูเข้าไปด้านใน  เด็กน้อยก็รีบวิ่งไปเกาะที่ตู้กระจกทันทีก่อนยืนคุยอยู่กับเพื่อนสีน้ำเงินหางเหลือง...ทำเหมือนมันจะเข้าใจในสิ่งที่เจ้าตัวสื่อสาร


                “คุณ Blue Tang*** อีกสองวันก็จะมีบ้านหลังใหญ่ๆแล้วนะ  แล้วก็จะมีคนอ่านหนังสือให้ฟังเยอะแยะเลย  คุณ Blue Tang อดทนเหงาอีกนิดนึงนะ  เดี๋ยวก็ได้เจอเพื่อนๆแล้ว  อย่าร้องไห้ล่ะ  อดทนไว้”




    ***Blue Tang 



                จงอินไม่รู้...ว่าจะบอกความรู้สึกในสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ว่าอย่างไร  เด็กน้อยของเขาจะเหงาบ้างไหมที่ไม่มีเพื่อน?  น้องปลาต้องอดทนเพื่อรออะไรในชีวิตเหมือนกับที่ได้บอกเจ้าเพื่อนหางสวยตัวนั้นหรือไม่?? จงอินไม่รู้ว่าตัวเองคิดถูกหรือคิดผิดที่พาน้องปลาเดินเข้ามาในห้องปลอดเชื้อแห่งนี้??? 

     


                ปลาทุกตัวจะถูกแยกใส่ตู้  ตู้ละหนึ่งตัวเท่านั้นเพื่อเป็นการฆ่าเชื้อจนกว่าจะถึงวันที่ต้องปล่อยลงสู่บ้านปลาที่ติดตั้งเรียบร้อย  ปลาแต่ละตัวจะมีเชื้อโรคติดมาด้วยเสมอเพราะพวกมันมาจากต่างถิ่น  ต่างที่อาศัย  ต่างสภาพแวดล้อมและกว่าจะถูกขนส่งมาถึงร้านของเด็กน้อยก็ใช่ว่าจะไม่เกิดความเสียหายหรือบอบช้ำ  จงอินจึงต้องนำพวกมันมาดูแลเพื่อปรับสภาพรวมถึงฆ่าเชื้อก่อนนำมาใส่ในตู้  ไม่อย่างนั้นพวกมันอาจตายในภายหลัง  


                “น้องปลาครับ...น้องปลาเหงาหรือเปล่า  น้องปลาอยากมีเพื่อนเยอะๆเหมือนกับเจ้า Blue Tang ไหมครับ?”


                “ไม่เหงาฮะ...แล้วหนูก็ไม่อยากมีเพื่อนด้วย  หนูมีพ่อ พี่อี้ พี่คริสจ๋าแล้วก็มีพี่จงอินที่เป็น แฟน ของหนู  แค่นี้ก็เยอะมากพอแล้วฮะ  หนูไม่เห็นจะเหงาเลย”


                ยิ้มจนปากแทบฉีกไปถึงใบหูเมื่อได้ยินสิ่งที่เด็กตรงหน้าพูดไปเมื่อครู่...และน้องปลาก็พูดโดยที่ไม่ได้มีอาการเศร้าเลยสักนิดแถมยังยิ้มร่าเริงเหมือนเดิม  จงอินรู้สึกใจชื้นขึ้นมาหน่อยที่น้องปลาไม่ได้เศร้าหรือเป็นทุกข์ในเรื่องของความเหงาทั้งๆที่เจ้าตัวก็ไม่เคยมีเพื่อนเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ

     


                คงโทษใครไม่ได้...ในเมื่ออดีตของน้องมันยากเกินที่จะลืม  การถูกเพื่อนแกล้งที่โรงเรียนคงเป็นเรื่องฝังใจจนไม่ต้องการใครอีกแล้วนอกจากคนในครอบครัว  ใครปกป้องได้...น้องจะก็รัก  ใครตามใจมากกว่า...น้องก็จะอ้อนเป็นพิเศษ  ใครพูดดีด้วย...น้องก็จะเจื้อยแจ้วไม่หยุด  น่ารักกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว  แถมยังไม่ดื้อไม่ซนและเชื่อฟังเขาเป็นอย่างดี  แฟนใครน้าาาาาา...น่ารักที่สุด



    (แฟนจงอินครับ...ผมมมมมม!!)

     








     







    บริษัท  บ้านปลา

    17.42 น.


    VROOMMMM!!!!



              “พี่คริสจ๋ามารับหนูแล้วววววววว”  วิ่งแจ่นไปกอดพี่เขยทันทีเมื่อเห็นคริสลงมาจากรถพร้อมกับอี้ชิงที่เดินตามหลังมาติดๆ


    ฟอดดดดด!!!


                “ไงตัวแสบ  อยู่ที่นี่ดื้อหรือเปล่า...แล้วทำไมถึงใส่ชุดนี้  หื้ม?”  อุ้มน้องเมียเข้าสู้อ้อมอกและหอมแก้มอีกฟอดใหญ่ด้วยความคิดถึง


                “ชุดของ บยอนนี่  ฮะ  พี่จงอินไปยืมชุดของบยอนนี่มาให้หนูใส่นอน”  พี่ชายคนโปรดอย่างแบคฮยอนได้ชื่อใหม่ไปตามระเบียบเพราะเมื่อน้องปลาเริ่มไว้ใจและให้ความสนิทสนม  เจ้าตัวก็มักจะเปลี่ยนชื่อหรือเติมคำเฉพาะให้คนคนนั้นเสมอ  เหมือนอย่าง...พี่คริสจ๋าและคุณครูคยองซูดีโอ


                น้องปลา...พาคริสและอี้ชิงเดินเข้ามาในบ้านเหมือนเป็นเจ้าของ  ส่วนเจ้าของบ้านตัวจริงก็ได้แต่เดินตามหลังไปอย่างเงียบๆ  และห้องโถงที่แบคฮยอนกับสามีชอบมานอนดูหนังด้วยกันก็คือที่ที่เด็กน้อยพาพี่ๆทั้งสองคนมานั่งรอเพราะเจ้าตัวต้องไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกครั้ง  การวิ่งเล่นอยู่ในโรงงานมาทั้งวัน  ทำให้น้องปลามอมแมมไปทั้งตัวและดีที่ไม่ซนจนเกิดอุบัติเหตุ  


                “หนูไปอาบน้ำก่อนนะฮะ”


                พูดจบก็รีบวิ่งขึ้นบันไดไปบนชั้นสองของบ้านทันที...และการกระทำแบบนั้นก็พาให้คริสเป็นห่วงจนต้องลุกออกจากที่นั่งเพื่อหวังจะตามน้องไปให้ถึงห้องของจงอิน  แต่!!!ยังไม่ทันได้ก้าวขาออกไปไหน  เขาก็ถูกมือเรียวสวยของภรรยาจับเสื้อเอาไว้พร้อมส่ายหน้าเบาๆเป็นเชิงห้าม  อี้ชิงทราบดีว่าคริสเป็นห่วงน้อง  แต่ที่นี่ไม่ใช่บ้านของเรา  คริสไม่ควรเดินไปไหนมาไหนอย่างถือวิสาสะ  ส่วนหนุ่มผิวเข้มที่เดินตามหลังมาเมื่อครู่ก็รีบโค้งตัวเหมือนเป็นการขออนุญาตพี่ๆทั้งสองคนพร้อมกับนำเสื้อผ้าที่เขาซักไว้เมื่อเช้าขึ้นไปให้น้องเปลี่ยน

      


                เมื่อเดินเข้ามาด้านในและปิดประตู...คนเป็นเจ้าของห้องก็วางเสื้อผ้าของน้องปลาไว้บนเตียงแล้วทิ้งตัวลงบนความนุ่มขนาดคิงไซส์เพื่อรอน้องออกมาจากห้องน้ำ  จงอินนอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย  ทั้งเรื่องงาน  เรื่องส่วนตัว  รวมไปถึงเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเด็กน้อย  มันคิดไม่ออกว่าจะบอกเรื่องสำคัญแบบนี้ให้พี่ๆทั้งสองคนฟังเช่นไร  คนหนึ่งก็ตีนหนัก  อีกคนก็น่าจะโหดพอตัว  และใช่ว่าไม่กล้า...แต่ความกล้าที่ขาดความรอบคอบมันย่อมมีผลต่อชีวิตและทรัพย์สิน 

     


                 จะทำอย่างไร  จะพูดแบบไหนหรือต้องพิสูจน์ตัวเองนานเท่าไหร่...คริสกับอี้ชิงถึงจะยอมรับในตัวเขา  และความเงียบภายในห้องนอนรวมถึงความคิดที่ยุ่งเหยิงในสมองมันก็ทำให้จงอินไม่ทันได้ยินหรือสังเกตว่าคนในห้องน้ำออกมายืนอยู่ตรงปลายเตียงได้สักพัก  มือบางสัมผัสเบาๆไปบนท่อนแขนสีน้ำผึ้งพร้อมเรียกชื่อด้วยความเป็นห่วง  


                “พี่จงอิน  พี่จงอินเป็นอะไรเหรอฮะ  ไม่สบายหรือเปล่า??”


                “ปะ...เปล่าครับ  พี่สบายดี  แค่คิดอะไรเพลินไปหน่อย”


                “หนูไม่เชื่อ...เป็นแฟนกันห้ามโกหกนะฮะ!!


                ยืนเท้าเอวพูดเสียงเจื้อยแจ้วอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำ ...และน้องปลาก็ไม่มีทางเชื่อคำพูดของจงอินเด็ดขาดเพราะความเคร่งเครียดที่ฉายชัดบนใบหน้าหล่อเหลามันเป็นหลักฐานมัดตัวคนโกหกได้เป็นอย่างดี  เด็กน้อยปีนขึ้นไปนั่งบนเตียงแล้วยกศีรษะของจงอินให้มานอนบนตักของเขาแทนการหนุนแขนตัวเอง...จากนั้นก็ค่อยๆกดนิ้วลงไปที่ขมับทั้งสองข้างอย่างเบามือ


                “เวลาพ่อของหนูเครียด  หนูก็นวดให้พ่อแบบนี้เหมือนกัน  แล้วพ่อก็พูดว่า สบายจังเลยน้า  แล้ววว...พี่จงอินล่ะฮะ  สบายไหม?”


                “สบายครับ  สบายสุดๆไปเลย  แฟนใครน้าาา....นวดเก่งจริงๆ”


                “แฟนพี่จงอินไงฮะ”


                ไม่รู้ว่าวันนี้ยิ้มให้กับคำว่า “แฟนพี่จงอิน” ไปแล้วกี่ครั้ง...และสิ่งที่น้องปลาทำอยู่ตอนนี้ก็ยิ่งทำให้เขายิ้มไม่หุบ  จงอินลุกออกจากตักนุ่มและนั่งหันหน้าเข้าหาคนน่ารักพร้อมยกแขนน้อยๆคล้องคอตัวเองเอาไว้  จากนั้นก็โน้มกายส่งปากหยักจูบแผ่วเบาเพียงหนึ่งครั้งและหอมแก้มใสอีกหนึ่งที  ใจจริงก็อยากจูบให้นานกว่านี้...โทษฐานที่น้องทำตัวน่ารักทุกนาทีจนอดใจไม่ไหว  แต่!!ก็ไม่อาจทำได้เพราะถ้าน้องปลาต้องกลับลงไปข้างล่างพร้อมปากที่บวมแดง  เขาคงถูกเฮียคริสกระทืบตายคาบ้าน  


                “ทำไมพี่จงอินชอบทำให้หัวใจของหนูเต้นแรงตลอดเลย  หนูเหนื่อยนะฮะ  หนูไปเปลี่ยนชุดดีกว่าาาา!!”


                คนถูกจูบ...รู้สึกเขินจนหน้าแดงไปหมด  และรีบลุกออกจากเตียงกว้างพร้อมคว้าเสื้อผ้าของตัวเองติดมือไปด้วยแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำทันที  น้องปลาไม่เข้าใจว่าทำไมก้อนเนื้อข้างซ้ายต้องเต้นแรงถึงเพียงนี้  และไม่ว่าจะถูกจูบแบบไหนหรือโดนผู้ชายคนนี้สัมผัสมากน้อยเท่าใด  หัวใจของเขามันก็เต้นผิดจังหวะไปหมด  

     


                แต่งตัวเสร็จสักพัก...แต่ทำใจอยู่นานกว่าจะออกมาพบกับคนที่ทำให้เขินซ้ำแล้วซ้ำเล่าทั้งๆที่ก็ทราบอยู่แก่ใจว่ามีพี่ๆรออยู่ข้างล่าง  น้องปลาเอาแต่ก้มหน้าเมื่อเดินมาถึงปลายเตียง  ซึ่งจงอินก็เข้าใจว่าสิ่งที่ตัวเองทำไปเมื่อครู่มันคงทำให้น้องไม่กล้าแม้แต่จะสบตาหรือพูดคุยและต้องปล่อยให้ความเงียบทำหน้าที่  เผื่อจะลดความเขินอายลงไปได้บ้าง  มือหนาจูงเด็กน้อยมาส่งให้คนที่รออยู่ในห้องโถงเพื่อเดินทางกลับบ้าน


     


                



     



     







                คนที่อยู่บนชั้นสองของบ้าน...กำลังเขินอายและหน้าแดงเพราะถูกปล้นจูบ  แต่!!คนที่อยู่ด้านล่างกลับทำหน้าเซ็งแบบสุดๆเพราะเมื่อแบคฮยอนนำของว่างออกมาต้อนรับคริสกับอี้ชิง  เจ้าตัวก็นั่งคุยต่อจนตอนนี้ผู้เป็นสามีแทบเหมือนคนเป็นใบ้  เพิ่งรู้จักกันได้ไม่ถึงชั่วโมงและเคยเจอกันแค่ไม่กี่ครั้ง  แต่ภรรยาของเขาและภรรยาของรุ่นน้องกลับคุยกันถูกคอเหมือนรู้จักกันมานาน  ส่วนชานยอลที่เพิ่งเดินกลับเข้ามาในบ้านได้สักพักและเห็นเมียนั่งคุยอยู่กับพี่ๆของน้องปลา  เจ้าตัวจึงไม่อยากขัดคอ



                เสียงปิดประตูจากบนชั้นสอง...เหมือนเป็นสัญญาณบอกคริสว่าเขาคงได้กลับบ้านเสียทีและอี้ชิงก็จะได้เลิกสนทนากับคนตัวเล็ก  คริสรู้สึกว่าตัวเองเริ่มไม่มีความปลอดภัยทั้งในชีวิตและทรัพย์สินเพราะน้องเมียก็มาสนิทกับจงอิน  ส่วนอี้ชิงก็ยังมาสนิทกับแบคฮยอนอีก  และตอนนี้แทนที่เขาจะได้กลับบ้านอย่างที่ใจหวังกลับกลายเป็นต้องมานั่งฟัง  อี้ชิง  น้องปลารวมถึงแบคฮยอนคุยกันต่อ

     


                งานประจำปีของหมู่บ้านคนญี่ปุ่น...ถูกเล่าจากคนที่ไปเที่ยวด้วยความสนุกสนาน  โดยมีพี่ๆนั่งฟังและถามนั่นถามนี่จนท้องฟ้าเริ่มมืดเข้าไปทุกที  เสียงหัวเราะ  รอยยิ้ม  การชี้ไม้ชี้มือทำท่าทางตอนไปเดินเล่นอยู่ในงาน  ทุกๆการกระทำของน้องปลามันพาให้ความสุขเกิดขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ  บรรยากาศในห้องโถงตอนนี้แทบไม่เหลือพื้นที่ของคำว่าคนอื่นคนไกล  ถึงแม้จะไม่ได้สนิทสนมกันมากนักและยังดูเหมือนเป็นคนนอกในบางที...แต่ก็ไม่ห่างเหินแบบที่ผ่านๆมา


                “ชานยอล! เมียมึงไม่ได้พูดมากี่วันแล้ววะ...แม่งพูดไม่มีเว้นวรรคเลย  กูเห็นแล้วเจ็บคอแทน”


                “ผมชินแล้วเฮีย  แล้วก็อย่าว่าแต่เมียผมเลย...ดูพี่อี้ชิงซะก่อนเถอะ  หัวเราะจนหน้ายับไปหมดแล้ว”


                เวลาผ่านไปนานกว่าสองชั่วโมง...การเชื่อมความสัมพันธ์ของทั้งสองครอบครัวก็จำเป็นต้องยุติลงเพราะอีก 15 นาทีจงอินต้องออกไปปิดโรงงานพร้อมกับเช็คของว่าต้องสั่งซื้ออะไรเพิ่มอีกหรือไม่  ส่วนแบคฮยอนกับสามีต่างก็ต้องทำหน้าที่พาลูกน้องไปเลี้ยงมื้อค่ำเพราะทุกๆคนได้ช่วยกันทำงานจนดึกมาหลายคืนเนื่องจากลูกค้าต้องการตู้ปลาหลายแบบหลายขนาด  แถมงานแต่ละชิ้นก็ต้องใช้ความพิถีพิถันเป็นอย่างมาก


     

                จงอินเดินมาส่งทุกคนที่รถ...แต่ยังไม่ทันที่ใครจะได้สตาร์ทเครื่องยนต์หรือเลือกที่นั่ง  เจ้าตัวก็เพิ่งนึกได้ว่าลืมอะไรบางอย่างไว้ในห้องนอนและต้องมอบให้กับเด็กน้อยก่อนที่จะไม่ได้เจอกันอีกหลายวัน  จงอินบอกให้รุ่นพี่คนสนิทรอสักครู่ เพราะสิ่งที่เขาลืมไว้มันต้องใช้ความระมัดระวังในการขนย้าย



    ...



    ...



    ...



    แกร็กก!!!



                “พี่จงอินนนน...หนูลืมอะไรไว้เหรอฮะ?”  อดใจรออยู่ที่รถไม่ไหว  น้องปลาจึงรีบวิ่งตามขึ้นมาบนห้องก่อนที่จงอินจะเข้ามาได้สักพักใหญ่


                เสียงปิดประตูห้องที่มาพร้อมกับเสียงหวานที่เอ่ยถาม...มันทำให้จงอินต้องยื่นของสำคัญบางอย่างให้กับน้องปลาและเกือบลืมไปเลยว่าตัวเองได้เอาของชิ้นนี้ไปซ่อนไว้ที่ไหน  กลัวน้องเห็นก็เลยต้องซ่อนไว้  จะเอาไปเก็บไว้ในโรงงานก็รำคาญลูกน้องพูดแซว  และบ้านปลาหลังใหม่ขนาดกำลังพอดีที่ทำจากกระจกอะคริลิกรูปทรงหัวใจพร้อมสาหร่าย  หินสีรวมถึงของตกแต่งสวยงามมากมาย...ก็คือของขวัญสำหรับ(แฟน)เด็กที่ชอบปลามากที่สุดในชีวิต  

     


                น้ำที่ใสสะอาด...กับปลาทองสีดำและหินก้อนเล็กก้อนน้อยสีชมพู  มันพาให้หัวใจของคนที่ได้รับของขวัญชิ้นโปรดเต้นตึกตักด้วยความดีใจ  น้องปลาลืมไปเลยว่าตัวเองเพิ่งได้เพื่อนใหม่มาจากการไปเที่ยวกับผู้ชายตรงหน้า  มันเป็นการไปเที่ยวที่ทำให้เขามีความสุขมากวันหนึ่งและมันก็เป็นการไปเที่ยว...ที่ทำให้เด็กอย่างเขามีแฟนเป็นครั้งแรกรวมถึงมีจูบแรกในชีวิต  อ้อมกอดน้อยๆพยายามโอบอุ้มบ้านปลาหลังใหม่อย่างระมัดระวังพร้อมส่งยิ้มให้จงอินอย่างมีความหมาย  ขอบคุณ  ปลื้มใจ  มีความสุขและอีกหลากหลายความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในอก


                “ชอบไหมครับน้องปลา?”


                “ชอบฮะ...ชอบมากๆ  แฟนของหนูใจดีที่สุด”


                “แฟนใครน้าาา...ใจดีที่สุด”


                “แฟนหนูเอง  พี่จงอินเป็นแฟนของหนู  พี่จงอินใจดีที่หนึ่ง”


                “น้องปลามีแฟนแล้ว  คุณส้มแป้นก็ต้องมีแฟนเหมือนกันนะครับ  แล้วก็...พี่ฝากตั้งชื่อให้เจ้าตัวนี้ด้วยก็แล้วกัน”


                “งั้นชื่ออออ....คุณ มืดตื๋อ ดีกว่าเพราะว่ามันเป็นสีดำ”


                ตั้งใจตักปลาตัวนี้ขึ้นมา...เพราะอยากให้เจ้ามืดตื๋อเปรียบเสมือนตัวแทนของเขาและคุณส้มแป้นก็คือตัวแทนของน้องปลา  ปลาคนละสี...ที่แยกกันอยู่คนละโหลมันก็คงไม่ต่างจากชีวิตของเขาในตอนนี้  ความสัมพันธ์ที่เด็กน้อยขอร้องว่าเพิ่งไปบอกใครเพราะเจ้าตัวกลัวถูกตำหนิมันทำให้จงอินพูดไม่ออก  แต่ก็ยอมทำตามที่น้องร้องขอ  ใช่ว่าอยากปิดบังพี่ๆทั้งสองคน...แต่ในเมื่อน้องปลายังไม่พร้อมเขาก็จะไม่ฝืน

     


                ไม่ได้โกรธ...ที่น้องปลาบอกให้เก็บเรื่องความสัมพันธ์ของเราไว้เป็นความลับ  และเข้าใจดีว่าความสัมพันธ์ครั้งนี้ก็อาจจะเร็วเกินไปจริงๆ  แถมเหตุผลในการตกลงเป็นแฟนกันก็ไม่ได้น่าเชื่อถือสำหรับคนเป็นผู้ใหญ่อย่างคริสและอี้ชิง  แต่เขาก็ไม่เคยคิดที่จะคบกับน้องปลาเล่นๆหรือเห็นเป็นเรื่องสนุกเพียงชั่วคราว  ใช่ว่าจีบติดแล้วจะไม่ใส่ใจ  ใช่ว่าได้จูบได้กอดแล้วจะทำอะไรก็ได้  เมื่อไหร่ที่น้องปลาพร้อมเขาก็จะบอกกับทุกคนว่าความสัมพันธ์ในครั้งนี้มันจริงจังเกินกว่าปล่อยมือ   



                จงอินเดินมาส่งน้องปลาที่รถเช่นเดิม...และเมื่อพาหนะราคาแพงค่อยๆเคลื่อนออกจากบ้านโดยมีเด็กน้อยโบกมือไปมาเพื่อเป็นการกล่าวลา  ความเหงาก็เริ่มเข้ามาแทนที  คิดถึงอ้อมกอด  เสียงออดอ้อน  ความหอมความนุ่มที่ยิ่งสัมผัสก็ยิ่งโหยหา  เหมือนคนกำลังจะเป็นบ้าเมื่อเริ่มมีแฟนตอนอายุยี่สิบหกและจงอินก็หวังว่า...น้องปลาก็จะคิดถึงเขาเช่นกัน  ดวงตาแสนเศร้ามองรถหรูไปจนสุดสายทางแล้วค่อยๆปิดประตูรั้วบ้านอย่างคนหมดแรง



    (คิดถึงแฟนเด็กกกกกกกกกกก!!!!!!)


     








     







    และสาเหตุ....ที่คริสไม่ได้ไปรับน้องปลาเมื่อคืนก่อน??!



    Rrrrrrrrrrrrr!!!!!!!


             

                (เฮีย...คืนนี้ไม่ต้องมารับน้องปลาแล้วนะ  เฮียยย...ได้ยินผมไหม??  น้องปลาหลับไปแล้ววว!!)


                “อื้มมมม...ซี้ดดดดด  ถือสายรอแป้บนึง”


                [อ๊ะ อ๊ะ]


                [น้องอี้ใจเย็นก่อนนะคะ ช้าๆหน่อย  ซี้ดดดดด....พี่คริสยังไม่อยากเสร็จตอน  อื้มมม...นี้]


                [อ๊ะ  อ๊ะ!!!]


                “เออ....ได้ยิน  เดี๋ยวพรุ่งนี้ปิดร้านเสร็จแล้วจะรีบไปรับ”



    ติ๊ดด!!

     




                [อ๊ะ  อ๊ะ]

     




                [น้องอี้ชะ....ชิง  อ่าห์]

     








     







    100%

    รักน้องปลากันเยอะๆนะคะ  แล้วก็เป็นกำลังใจให้กับพี่จงอินด้วยน้าาา

    ขอบคุณนักอ่านทุกคนและทุกๆคอมเม้นท์ด้วยนะคะ

    #ฟิคน้องปลา 

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×