ตอนที่ 33 : ❀ 33
ดอกไม้ดอกที่ 33
หมู่บ้านชิซะกะ
07.15 น.
สองสัปดาห์ต่อมา.........
Rrrrr!!!
Rrrrr!!!
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณพ่อ ตื่นเช้าจังเลยนะครับ กำลังจะไปทำงานแล้วเหรอ??”
(พ่อโทรมาปลุกหรือเปล่า หื้มม?)
“เปล่าครับ...เซฮุนตื่นตั้งแต่หกโมงแล้วก็กำลังจะออกไปตัดดอกไม้ในสวนครับ”
(ยังปวดขาอยู่ไหมลูก? เซฮุนต้องเดินระวังๆหน่อยน้าา....ในสวนมันลื่น แล้วก็อย่าลืมกินยาตามที่หมอสั่งด้วยล่ะ)
“คร้าบบบ...คุณพ่อ เซฮุนจะดูแลตัวเองดีๆแล้วก็จะทำตามที่คุณพ่อบอก ถู้กกก..อย่างเลยครับ ว่าแต่...แบคตื่นหรือยังครับ เซฮุนขอคุยกับแบคหน่อย”
(ปลุกสามรอบก็ยังไม่ตื่นสักที พ่อกำลังจะไปทำงานสายแล้วเนี่ย!!!)
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า...คุณพ่ออย่าคิดมากสิ แล้วก็ดูแลตัวเองด้วยนะครับ เซฮุนเป็นห่วงคุณพ่อเหมือนกัน”
(งั้นพ่อไปทำงานก่อนนะ เดี๋ยวว่างๆพ่อจะโทรไปหาใหม่ แต่ถ้าว่างหลายวัน...พ่อจะบินไปค้างด้วย)
“บินมารอบนี้ก็พาแบคมาด้วยนะครับ เซฮุนคิดถึง”
(เจ้าตัวแสบไม่พลาดแน่นอน...พ่อไปก่อนนะเซฮุน แล้วอย่าลืมกินยาด้วยล่ะ)
“รับทราบครับผม...!!”
เสียงโทรศัพท์ที่ดังปลุกในเวลาเช้าแบบนี้ ทำให้เซฮุนคิดว่าผู้ที่โทรเข้ามาคือเจ้าของโรงแรม แต่...พอเห็นเบอร์ที่ปรากฏอยู่บนเครื่องมือสื่อสาร กลับเป็นชื่อของคนที่ดูแลเขาตลอดหลายวันที่ผ่านมาและเพิ่งเดินทางกลับเกาหลีไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ถ้าไม่ติดงานสำคัญ...คุณพ่อคงต้องอยู่กับเขานานกว่านี้แน่นอน มือบางวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะทานข้าวเพราะก่อนที่จีซบจะโทรเข้ามา เจ้าตัวเพิ่งทานอาหารเช้าอิ่มไปได้สักพักและกำลังนั่งทานนมร้อนเพื่อเพิ่มพลัง เนื่องจากวันนี้ต้องออกไปตัดดอกกุหลาบในสวนพร้อมห่อให้เรียบร้อยแล้วเดินทางไปส่งของทั้งหมดกับเจ้าของสวนผักในช่วงบ่าย
แต่...นั่งกินนมจนหมดแก้วก็รู้สึกว่าตัวเองยังไม่มีแรงอยู่ดี เพราะในทุกๆเช้าเขาจะได้รับรอยจูบจากเจ้าของโรงแรมผ่านทางโทรศัพท์ และส่วนมาก...เซฮุนก็มักจะตื่นมาก่อนเวลาเพื่อรอรับความคิดถึง แต่เช้านี้...มันไม่มีแม้แต่ข้อความ ดวงตาคู่สวยจ้องมองเครื่องมือสื่อสารที่วางอยู่บนโต๊ะทานข้าวเหมือนกับจะส่งกระแสจิตให้จงอินรับรู้แล้วโทรกลับมา แต่รออยู่สักพักก็ไม่มีวี่แววว่าโทรศัพท์จะมีเสียงเรียกเข้า เซฮุนจึงละความสนใจและเก็บจานชามรวมถึงแก้วนมที่ทานหมดแล้วไปล้างเพื่อจะได้ออกไปตัดดอกกุหลาบในสวนให้เสร็จก่อนแดดจะออก
สวมถุงมือ ใส่หมวกและรองเท้าบูทพร้อมทั้งเตรียมอุปกรณ์ในการตัดดอกไม้ครบแล้ว เซฮุนจึงเดินออกไปทางประตูหลังบ้านและเริ่มตัดดอกไม้ที่แปลงของกุหลาบสีแดงก่อนเป็นอันดับแรก เดินโดยไร้ไม้เท้าไปอย่างระมัดระวังก่อนตัดดอกไม้วางใส่รถเข็นจนสุดแปลง และเดินไปตัดดอกไม้ในแปลงของดอกกุหลาบสีขาวต่อทันที ทุกขั้นตอน...ดำเนินไปอย่างเชื่องช้า เพราะไม่อยากให้อาการปวดขากำเริบในเวลาแห่งความสุขแบบนี้ เสียงตัดกิ่งไม้ดังกรอบแกรบอยู่เป็นเวลานาน จนตอนนี้ในรถเข็นคันเดิมก็เต็มไปด้วยดอกกุหลาบหลากสีโดยที่สภาพเจ้าของสวนมีเหงื่อท่วมตัวไปหมด
ขาเรียวในกางเกงผ้าเนื้อหนา...เดินเข็นรถเข้ามาในบ้านขนาดเล็กที่มินโฮเป็นคนลงมือสร้างไว้ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านหลังของสวนดอกไม้ และสิ่งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เซฮุนรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของพี่ชายข้างบ้าน เพราะสิ่งปลูกสร้างขนาดเล็กที่เขากำลังนั่งอยู่ตอนนี้...มันกลายเป็นที่เอาไว้ใช้จัดการกับดอกไม้ที่เพิ่งตัดมาจากสวน เซฮุนไม่อยากให้เศษดินจากรถเข็นหรือเศษใบต่างๆหล่นเปื้อนอยู่ในบ้านหลังใหญ่ เจ้าตัวจึงขอใช้บ้านท้ายสวนเป็นที่นั่งห่อดอกไม้เพื่อเอาไปส่งขายในตัวเมือง
บรรยากาศที่สดชื่น ความเงียบสงบ สายลมที่พัดเอื่อยๆ มันช่วยทำให้เจ้าของสวนลืมเรื่องของคนที่อยู่ห่างไกลได้บ้าง แต่....ความเงียบของเครื่องมือสื่อสารที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อ มันกำลังทำให้การห่อดอกไม้เป็นอันต้องล่าช้าลงไปเพราะดวงตาคู่สวยเอาแต่เหม่อลอยโดยที่มือข้างหนึ่งก็ยังคงกำดอกกุหลาบสีขาวค้างไว้อย่างนั้น
“น้องเซฮุนนนนนน...ทำอะไรอยู่!!!?? เก็บดอกไม้เสร็จหรือยังงงงง!!”
“เสร็จแล้วครับบบ...เซฮุนกำลังห่ออยู่ครับ พี่มินโฮจะไปตลาดแล้วเหรอออ??”
เสียงเรียกจากทางหลังบ้าน...ดังขึ้นฉุดคนคิดมากให้หลุดออกจากภวังค์และต้องรีบห่อดอกไม้ต่อทันที พร้อมทั้งตะโกนตอบกลับไปโดยที่เจ้าของเสียงทุ้มใหญ่ยังเดินมาไม่ถึงท้ายสวน เสียงเดินฉับฉับเหยียบใบไม้ใบหญ้าดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆจนถึงบ้านหลังเล็ก ซึ่งเจ้าของสวนก็ทราบดีว่าเป็นใครจึงไม่ได้หันไปทักทาย เพราะต้องรีบห่อดอกไม้ให้เสร็จก่อนเที่ยง ดอกกุหลาบสีแดง 15 ห่อ สีขาว 7 ห่อและสีโอรสอีก 12 ห่อ คือดอกไม้ทั้งหมดที่เซฮุนต้องเอาไปส่งให้กับลูกค้า ส่วนดอกกุหลาบสีชมพูยังไม่โตพอที่จะตัดขาย...แต่ก็มีลูกค้าจองเอาไว้แล้ว
“มาๆ ๆ...เดี๋ยวพี่ช่วย!!!”
“พี่มินโฮเก็บผักเสร็จแล้วเหรอครับ??”
“วันนี้เก็บแต่แครอทอย่างเดียวก็เลยเสร็จไว แล้วยูมิ...ก็อยากให้น้องเซฮุนไปชิมขนมให้หน่อย ทำทิ้งมาหลายถาดแล้ว พี่บอกว่าอร่อยก็ไม่เชื่อ แล้วก็โดนไล่ให้มาช่วยน้องเซฮุนห่อดอกไม้นี่แหละ!!”
“งั้นก็ช่วยกันห่อเถอะครับ...เซฮุนเกรงใจ เสร็จแล้วค่อยไปชิมขนมพร้อมกัน”
ยิ่งกว่าคำว่าเกรงใจ...ก็ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาพูด เพราะทุกวันนี้ครอบครัวของมินโฮก็ช่วยกันดูแลเซฮุนมาเป็นอย่างดี ทั้งข้าวปลาอาหาร ของสดของแห้ง รวมถึงขนมต่างๆภรรยาของพี่ชายข้างบ้านก็จะทำมาให้ทานแทบทุกมื้อ ส่วนเรื่องการสื่อสารก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเพราะภาษาของผู้คนที่นี่ เซฮุนก็สามารถพูดคุยได้โดยไม่ติดขัด และพี่ยูมิ...ก็มักจะพูดภาษาญี่ปุ่นปนกับภาษาเกาหลีบ้างในบางประโยค แต่เวลาที่เจ้าของสวนดอกไม้คุยกับมินโฮ เขาก็มักจะใช้ภาษาบ้านเกิดคุยกันตามปกติ
“ปวดขาเหรอครับน้องเซฮุน??” เห็นสีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีของคนที่นั่งห่อดอกไม้อยู่ด้วยกัน และบางครั้งก็เหม่อลอยแถมยังขมวดคิ้วตลอดเวลา มินโฮจึงอดถามออกไปไม่ได้เพราะถ้าสิ่งที่เขาเห็นมันเกิดจากอาการบาดเจ็บของเจ้าตัว มินโฮก็จะได้พาเซฮุนไปหาหมอ
“เปล่าครับ เซฮุนสบายดี” ปากบางสีหวาน...ยิ้มกลบเกลื่อนความคิดมากของตัวเองเมื่อถูกถามแบบนั้น เพราะไม่อยากให้พี่ชายข้างบ้านเป็นห่วงและที่ปฏิเสธออกไปก็คือความจริง เขาไม่ได้ปวดขา ไม่ได้รู้สึกเจ็บและทุกอย่างก็เป็นปกติดี ยกเว้น...เรื่องส่วนตัวบางอย่าง?
“น้องเซฮุน...รู้ตัวบ้างไหมครับว่าโกหกไม่เก่ง!!?” ถึงจะเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน แต่ดวงตาคู่สวยของเด็กตรงหน้าที่ดูเศร้าหมองมันไม่สามารถหลอกมินโฮได้ด้วยรอยยิ้มหวานๆ
“ขอโทษครับพี่มินโฮ เซฮุนแค่คิดอะไรไปเรื่อยปื่อย” รู้ตัวว่าโดนจับได้ เซฮุนจึงเอาแต่ก้มหน้างุดด้วยความเขินอายและรู้สึกผิด พร้อมกับรีบห่อดอกไม้ในมือแทนการสบตาคนเป็นผู้ใหญ่อย่างมินโฮ
“ถ้า...แค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย คิ้วมันคงไม่ผูกโบว์แบบนี้หรอกม้างงงง??!!!!” ใช้นิ้วโป้งทั้งสองมือเกลี่ยลงบนหน้าผากของคนคิดมากเบาๆ และต่อให้เซฮุนโกหกเขาอีกสักกี่ครั้งมันก็ไม่สำเร็จ เพราะกิริยาท่าทางของความเคร่งเครียดมันฉายชัดอยู่บนใบหน้าเรียวสวยทั้งหมด
“คือว่า.......” ใช่ว่าอยากเอาเรื่องส่วนตัวมาพูดให้คนอื่นฟัง แต่มันกลุ้มใจจนเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่ และการได้ระบายความรู้สึกออกไปบ้างมันก็คงดี
ห่อดอกไม้ไปด้วย...และอธิบายสิ่งที่ค้างอยู่ในใจให้พี่ชายข้างบ้านฟังด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย มันสงสัย เป็นห่วง กังวลและอีกสารพัดความรู้สึกที่ตีรวนกันอยู่ในอก อยากโทรไปหาเจ้าของโรงแรมแต่ก็เกรงว่าคนงานยุ่งจะติดประชุม หรือไม่ก็มีธุระเร่งด่วนจนไม่สามารถรับสายได้ ตอนนี้มันสายมากแล้ว...และก็ใกล้จะถึงเวลาที่จงอินต้องโทรมาเป็นรอบที่สองของวัน แต่เสียงโทรศัพท์ก็ไม่มีทีท่าว่าจะดังให้ได้ยินเลยสักนิด แรงสั่นเตือนของข้อความก็ไม่มี
วันนี้คงเป็นวันแรก...ที่บรรยากาศอันแสนสดชื่นของที่นี่มันไม่ได้ช่วยทำให้เซฮุนรู้สึกดีและทำให้ลืมความเหงาเหมือนอย่างหลายๆวันที่ผ่านมา
ส่วนคนที่ทำหน้าที่รับฟังอย่างมินโฮ...ก็เข้าใจความรู้สึกของเด็กตรงหน้าเป็นอย่างดี เพราะกว่าตัวเองจะได้ย้ายมาอยู่กับภรรยาที่ญี่ปุ่นมันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย และความห่างไกลมันก็ทำให้ใครหลายๆคนเปลี่ยนไปได้เสมอ ตอนแรกที่ทราบว่าคนรักของเซฮุนเป็นใคร เขาก็รู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่ใช่น้อย ผู้ชายที่ชื่อคิมจงอินเป็นถึงเจ้าของโรงแรมชื่อดังที่ใครๆต่างก็รู้จัก และความรักแบบที่คนทั้งคู่เป็นอยู่มันก็ไม่ค่อยยั่งยืนเท่าไหร่ถ้าให้เปรียบเทียบกับคู่รักทั่วไป แต่...เท่าที่รับรู้เรื่องราวความรักระหว่างคนสองคนมาจากจีซบ มินโฮก็มั่นใจได้เลยว่าเจ้าของโรงแรมอย่างจงอินคงไม่มีทางทอดทิ้งเซฮุนแน่นอน ขนาดถูกยิงจนเดินไม่ได้ก็ยังอยู่ดูแลกันมาจนถึงวันทุกนี้ และการไม่โทรมาหาเจ้าของสวนดอกไม้เพียงแค่วันเดียว มันคงไม่ได้หมายความว่าใครสักคนกำลังจะเปลี่ยนไป
“เซฮุนคิดมากเกินไปใช่ไหมครับ??”
“คิดมากก็ดีกว่าไม่คิดอะไรเลย แต่ก็ควรคิดอะไรในแง่ดีบ้าง แค่แฟนไม่โทรหาวันเดียวทำเป็นคิดนั่นคิดนี่ไปใหญ่โต”
“ก็คนมันเป็นห่วงหนิครับ เซฮุนกลัวว่าพี่จงอินจะไม่สบาย แล้วไม่มีใครดูแล”
“เป็นห่วงตัวเองก่อนเถอะ ไปๆ ๆ...เก็บของขึ้นรถ ป่านนี้พี่ยูมิถามหาแย่แล้ว”
เบะปากใส่เจ้าของสวนผักอย่างความลืมตัวเพราะติดเป็นนิสัยเมื่อถูกขัดใจ และทยอยเก็บดอกไม้ที่ห่อเรียบร้อยแล้วใส่รถเข็นโดยมีมินโฮช่วยนำของไปใส่ไว้ในท้ายรถ ช่วงบ่าย...ทั้งผักรวมถึงดอกไม้ทั้งหมดต้องถูกส่งให้ถึงมือผู้ซื้อก่อนค่ำ แครอท 10 ลังกับดอกกุหลาบสีต่างๆอีก 34 ห่อ ถูกเจ้าของรถลำเลียงใส่ท้ายกระบะอย่างคล่องแคล่ว ส่วนเซฮุนก็ขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกรอบก่อนที่จะมานั่งทานขนมและอาหารเที่ยงตามคำชวนของยูมิ
เมื่อเดินกลับเข้ามาในบ้าน...เจ้าของสวนดอกไม้ก็ถอดถุงมือ หมวก รองเท้าบูทและเก็บอุปกรณ์ทำสวนต่างๆให้เข้าที่ แล้วเดินตรงไปที่ห้องนอนเพื่ออาบน้ำ มือบางหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าเสื้อและตัดสินใจโทรหาเจ้าของโรงแรม แต่ปลายสาย...ก็ไม่มีใครรับเหมือนอย่างที่คิดเอาไว้ ใช่ว่าอยากจะโทรไปรบกวน แต่ความเป็นห่วงมันทำให้เซฮุนกลายเป็นคนงี่เง่าและกดโทรออกซ้ำๆเบอร์เดิมทำเหมือนไม่ไว้ใจคนรัก พยายามไม่คิดมากหรือคิดเล็กคิดน้อยจนเป็นเรื่องใหญ่โต แต่โทรไปกี่ครั้งกี่ครั้งก็ยังไม่มีคนรับสายอยู่ดี
ถอดใจ...พร้อมกับถอดเสื้อผ้าเดินเข้าไปในห้องน้ำด้วยความหงุดหงิด รู้อยู่เต็มอกว่างานของผู้บริหารและเป็นถึงระดับเจ้าของโรงแรมก็มักจะมีงานยุ่งอยู่เสมอ แถมโปรเจคการสร้างโรงแรมใหม่ในฝรั่งเศสก็ยังไม่เรียบร้อย แต่...จะส่งข้อความกลับมาบอกกันสักประโยคสองประโยคมันจะไม่ว่างเลยหรืออย่างไร หึ!!.... คุณคิมจงอินนนนนนนนนนนน!!!!
ถ้าเปรียบอารมณ์ของเซฮุนตอนนี้...ก็คงเปรียบได้กับผู้หญิงที่กำลังมีประจำเดือน เพราะในขณะที่สระผม...ก็เอาแต่กระชากหัวของตัวเองด้วยความรู้สึกหงุดหงิดที่ก่อกวนอยู่ในจิตใจ สายน้ำเย็นฉ่ำ...ที่ไหลลงมาจากฝักบัวมันไม่ได้ช่วยดับความร้อนรุ้มที่อยู่ในอกของคนคิดมากได้เลย แถมความเงียบของเครื่องมือสารก็ยิ่งทำให้เซฮุนหงุดหงิดมากขึ้นกว่าเดิม เพราะตอนนี้...มันเลยเวลาที่จงอินจะต้องโทรมาเป็นรอบที่สามของวันแล้ว และถ้าถึงรอบที่สี่ก็ยังไม่โทรเข้ามาอีก เจ้าของเครื่องคงต้องนอนคิดมากไปทั้งคืนแน่นอน ศีรษะที่เปียกชื้นจากการสระผมรีบสะบัดความฟุ่งซ้านออกไปจากหัวเมื่ออาบเสร็จ และรีบแต่งตัวเตรียมออกไปทานอาหารเที่ยงกับครอบครัวของมินโฮโดยที่ไม่ลืมหยิบโทรศัพท์ติดตัวไปด้วย
❀
โรงแรม เชจู
16.49 น.
ก๊อก ๆ ๆ
“สวัสดีครับคุณอา”
“สวัสดีคุณชานยอล มารับเจ้าแบคไปทานข้าวเหรอ?”
“ครับ...คุณอาไปทานด้วยกันไหมครับ”
“ตามสบายเถอะ พอดีอามีนัดกับลูกค้าแล้ว”
“เอ่อออ...คุณอาครับ วันนี้ผมขอไปส่งน้องแบคดึกหน่อยได้ไหมครับ ผมจะพาน้องไปดูหนัง”
“ดึกมากก็ค้างกับคุณชานยอลไปเลยสิ คืนนี้อาคงกลับดึกเหมือนกัน แล้วอาก็ไม่อยากให้แบคอยู่บ้านคนเดียว”
“ครับๆ...ผมจะดูแลน้องแบคเอง แล้วพรุ่งนี้ผมจะพาไปส่งที่บ้านนะครับ”
“งั้นอาไปก่อนนะคุณชานยอล แล้วก็อย่าตามใจกันให้มากนัก เดี๋ยวเจ้าแบคจะเคยตัว”
“ครับ...ขอบคุณนะครับคุณอา”
วิศวกรหนุ่ม...เกือบแหกปากร้องออกมาด้วยความดีใจเมื่อได้ยินเจ้าของห้องทำงานอนุญาตให้ลูกชายไปค้างด้วยกันได้ เพราะตั้งแต่จีซบเดินทางกลับมาจากญี่ปุ่น เขาก็ไม่เคยได้กอดแฟนตัวเล็กมาเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ ส่วนแบคฮยอน...เมื่อได้ยินคุณพ่อพูดแบบนั้นก็ยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจเช่นกัน เนื่องจากหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาเขามักจะมาทำงานพร้อมกับจีซบและกลับบ้านด้วยกันเกือบทุกวัน
ใจหนึ่งก็อยากอยู่กับแฟน...แต่อีกใจก็อยากอยู่กับคุณพ่อ ช่วงนี้แบคฮยอนจึงทำตัวไม่ค่อยถูกและเลือกที่จะให้ความสำคัญกับผู้มีพระคุณอย่างจีซบมากกว่าชานยอล แต่ก็ไม่ได้ละเลยหน้าที่ของการเป็นคนรัก เพราะยังดูแลกันดีตามปกติเหมือนอย่างที่เคย แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่ไม่เหมือนเดิมก็คือ...เขาไม่ได้ไปค้างที่คอนโดฯของวิศวกรหนุ่มอีกเลยนับตั้งแต่วันที่คุณมาพ่อกลับมาจากต่างประเทศ
เมื่อได้รับอนุญาตจากจีซบ...มือบางก็รีบจัดเก็บเอกสารในการทำงานลงแฟ้มเรียบร้อย และออกไปทานอาหารเย็นพร้อมกับแฟนทันทีเมื่อเลิกงาน แบคฮยอนดีใจที่คุณพ่อกลับมาอยู่ด้วยกันรวมถึงโล่งใจที่ชีวิตของคนที่ย้ายไปอยู่ญี่ปุ่นก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ยอมรับว่าตอนแรกยังทำใจไม่ได้กับการย้ายที่อยู่ของเซฮุน แต่พอมาคิดดูอีกที...เขากลับต้องขอบคุณเรื่องวุ่นวายทั้งหมดของเพื่อนรักเพราะถ้าไม่มีปัญหาต่างๆเกิดขึ้น คุณพ่อก็ยังคงอยู่ที่เชจูและต้องมารับรู้เรื่องราวที่ลูกคนนี้ถูกชายแปลกหน้าทำร้ายร่างกาย
แบคฮยอน...ไม่อยากทำให้จีซบเสียใจหรือต้องมาคอยเป็นกังวลกับเรื่องของเขา เพราะลำพังแค่เรื่องของเซฮุนคนเดียวมันก็น่าเป็นห่วงมากพออยู่แล้ว ใช่ว่าอยากปิดบังและมีความลับกับผู้เป็นพ่อ แต่ปัญหาของเขามันได้ถูกคลี่คลาย ถูกจัดการ ถูกรักษาให้หายดีทั้งกายทั้งใจ เรื่องร้ายที่เกิดขึ้นในช่วงที่คุณพ่อไม่อยู่ ลูกชายตัวแสบคนนี้ได้ถูกดูแลมาเป็นอย่างดีจากผู้ชายที่ชื่อปาร์คชานยอล และยังคงดูแลกันมาโดยตลอด จะกิน จะนอน จะไปเที่ยวที่ไหน ทุกอย่างๆต้องอยู่ในสายตาวิศวกรประจำโรงแรมเสมอ
เหมือนกับ...ตอนนี้
“ตกลงเราจะดูหนังเรื่องอะไรกันดีครับ...น้องแบค?” ขับรถพาแบคฮยอนมาถึงห้างสรรพสินค้าได้สักพัก แต่พอเดินมาถึงหน้าโรงหนัง เจ้าตัวกลับเลือกไม่ถูกว่าจะดูเรื่องอะไร ชานยอลโอบเอวของคนที่กำลังมองหนังสองเรื่องสลับกันไปมาโดยไม่คิดที่ปล่อยและจะทำไปจนกว่าจะกลับคอนโดฯ
“งือออ...น้องแบคอยากดูสองเรื่องเลยฮะ” เลือกไม่ถูกและต่างคนต่างก็ถามกันไปมาว่าใครอยากดูเรื่องไหนจะได้สรุปว่าดูเรื่องนั้น แต่...เหมือนจะตกลงกันไม่ได้
“งั้นก็ดูสองเรื่องไปเลย เดี๋ยวพี่ดูรอบให้ ถ้ากลับดึกแล้วงอแงง่วงนอน น้องแบคจะโดนพี่ทำโทษ” ละมือจากเอวบาง...แล้วเลื่อนลงไปหยิกสะโพกอวบด้วยความมันเขี้ยว พร้อมกับยืนดูโปรแกรมหนังและเดินไปซื้อตั๋วทันทีเมื่อได้รอบที่ต้องการ
Jumanji กับ Star Wars คือหนังที่คนตัวเล็กอยากดูและเมื่อได้ตั๋วมาอยู่ในมือ วิศวกรหนุ่มก็พาคนรักมาทานมื้อเย็น เพราะยังเหลือเวลาอีกสองชั่วโมงกว่าหนังเรื่องแรกที่จองไว้จะเริ่มฉาย มือหนาโอบเอวบางไว้เหมือนดิมและมักจะทำแบบนี้ทุกครั้งเมื่อต้องไปไหนมาไหนด้วยกัน แล้วตั้งแต่ที่มีเรื่องแย่ๆเกิดขึ้น...ชานยอลแทบไม่อยากให้คนตัวเล็กคลาดสายตาแม้แต่เสียวนาที
ยอมรับว่าหวงมากขึ้น...และไม่เคยปล่อยให้แบคฮยอนไปไหนคนเดียวอีกเลยนับตั้งแต่วันนั้น ใครจะมองหรือคิดเช่นไรเขาก็ไม่สน แถมยังคอยตามใจทุกอย่างไม่ว่าคนตัวเล็กอยากได้อะไร อยากไปที่ไหน อยากทำสิ่งใด...ชานยอลก็ตามใจได้ทุกเรื่อง
“พี่ชานยอลอยากกินอะไรฮะ น้องแบคให้พี่ชานยอลเลือก” เงยหน้าถามพร้อมกระพริบตาปริบๆเหมือนเป็นเชิงอ้อน และที่ทำแบบนี้...ก็เป็นเพราะอยากเอาใจแฟนของตัวเองบ้าง รวมถึงทราบดีว่าหลังจากที่เกิดเรื่องร้ายๆขึ้น เจ้าของมือใหญ่ๆที่โอบเอวเขาไว้ไม่ยอมปล่อยก็มักจะตามใจเขาเสมอและตามใจจนบางทีก็เผลอเอาแต่ใจตัวเอง
“อยากกินนน...(น้องแบค)ครับ” ก้มตัวลงมากระซิบคำว่า น้องแบค และแอบขบกัดใบหูของคนตัวเล็กอย่างหยอกล้อเพราะทนกับเสียงออดอ้อนและดวงตาเรียวเล็กคู่นี้ไม่ได้
“......!!!!!” ส่วนคนถูกแกล้ง...ก็ไร้เสียงตอบรับใดใดเพราะตอนนี้กำลังก้มหน้างุดด้วยความเขินอายและไม่รู้ว่าจะตอบโต้ด้วยวิธีไหน แล้วถ้าวิศวกรหนุ่มทำแบบนี้ตอนอยู่ที่คอนโดฯ เขาก็คงไม่เหลือเสื้อผ้าติดกายเลยสักชิ้น
ชานยอล...เดินโอบเอวคนแก้มแดงเข้ามาในร้านอาหารเมื่อเจอของโปรดของแบคฮยอน แล้วเริ่มสั่งอาหารก่อนที่หนังเรื่องแรกจะเริ่มฉาย หยอกล้อกันจนเหลือเวลาไม่มาและดีที่...แฟนตัวเล็กไม่ถูกอุ้มมานั่งบนตักแล้วป้อนข้าวให้เหมือนเด็กสองขวบ ไม่อย่างนั้น...ใบหน้าจิ้มลิ้มก็ยังคงแดงอยู่อย่างนี้ไปจนกว่าจะทานอาหารเสร็จ แต่!!...การถูกโอบเอวไว้ตลอดเวลาก็ใช่ว่าจะไม่เขิน (>//<)
...
...
...
Rrrrr!!!
Rrrrr!!!
Rrrrr!!!
“เออ...มีอะไร!! แล้วมึงโทรมาจากไหนวะ?” เดินออกมาจากร้านอาหารได้สักพักและกำลังพาแฟนตัวเล็กไปดูหนัง แต่เสียงของโทรศัพท์ที่อยู่กระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้นเสียก่อน แล้วคนที่โทรเข้ามา...ก็คือเพื่อนผิวเข้มที่ทำชีวิตเหมือนไร้ตัวตนมาร่วมอาทิตย์ แถมหมายเลขทางไกลที่ปรากฏอยู่บนเครื่องมือสื่อสารก็ทำให้ชานยอลรู้สึกสงสัย
(มีเรื่องให้ช่วยหน่อย...ตอนนี้กูอยู่ญี่ปุ่น กำลังจะแวะไปหาเซฮุน) เอ่ยด้วยความรีบร้อนเพราะกำลังตื่นเต้นเรื่องที่ตัวเองจะได้ไปเจอกับคนรัก และตอนนี้...ก็เพิ่งนั่งเครื่องจากโตเกียวมาลงที่สนามบินในจังหวัดมิยะซะกิ
“เหี้ยย!!...มึงจะไปทำไมวะ? แล้วคุณอารู้เรื่องนี้หรือเปล่า? ไอ้จงอิน...มึงหาเรื่องใส่ตัว!!” เรื่องเอาแต่ใจต้องยกให้เพื่อนคนนี้ เพราะขนาดถูกจีซบสั่งห้ามเอาไว้แต่ยังไปถึงที่นั้นจนได้ และดูเหมือนว่าตัวเองกำลังมีส่วนรู้เห็น
(อย่าโวยวายได้ไหมวะ!! กูแค่อยากมาเห็นว่าเมียกูสบายดีไหม แล้วกูก็มาเพราะเรื่องงานด้วย พอดีลูกค้าคนสำคัญแต่งงาน แต่พี่จงแดติดธุระด่วน กูเลยต้องมาแทน) รู้ดีว่าเพื่อนเป็นห่วงและความจริงก็ไม่ต้องการบอกให้ใครรู้ถึงสิ่งที่กำลังทำ แต่...การที่เขาตั้งใจไม่รับสายของเซฮุนในวันนี้มันเริ่มทำให้ตัวเองกลายเป็นคนบ้า
“แล้วมึงจะให้กูช่วยอะไรก็รีบพูดมาเลย กูจะพาน้องแบคเข้าไปดูหนังแล้ว” ควักกระเป๋าเงินส่งให้คนตัวเล็กเพื่อจ่ายเป็นค่าป๊อบคอร์นกับน้ำดื่ม และเอามือโอบเอวบางไว้เหมือมเดิม
(ให้น้องแบคโทรหาเซฮุนหน่อย กูเป็นห่วง กูอยากรู้ว่าเมียกูสบายดีไหม...แล้วถ้าเซฮุนถามเรื่องกู มึงช่วยโกหกอะไรไปก็ได้แล้วโทรกลับมาบอกกูด้วย) กลัวแผนที่คิดไว้จะไม่สำเร็จ จงอินจึงพยายามหาทางออกให้กับปัญหาที่ตัวเองเป็นคนสร้างขึ้น และทางออกที่ดีก็คงหนีไม่พ้นเพื่อนตัวโย่ง
“เออ ๆ ๆ...เดี๋ยวโทรให้ มึงแม่งงง...ชอบสร้างแต่ปัญหา!!!”
วางสายด้วยความหงุดหงิด...แต่ก็ต้องทำตามคำสั่งเพราะไม่อยากนั้นเจ้าของโรงแรมอาจทำสิ่งที่คนเอาแต่ใจชอบทำอยู่บ่อยๆ ซึ่งมันก็ไม่เป็นผลดีกับใครทั้งนั้น และเขาก็ไม่อยากถูกคุณพ่อของคนที่กำลังเคี้ยวขนมจนแก้มตุ่ยทำโทษเหมือนอย่างที่เพื่อนเป็นอยู่ตอนนี้ ชานยอลรีบอธิบายสิ่งที่ถูกสั่งมาจากคนปลายสายให้แบคฮยอนฟังก่อนที่หนังจะเริ่มฉายในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า และแทนที่จะได้เติมความหวานให้กับความรักของตัวเองอย่างเต็มที่...ก็กลับต้องมาช่วยจงอินแก้ปัญหาในเรื่องส่วนตัว
...
...
...
Rrr!!
(เออ...เมียกูว่าไงบ้างวะ!! แล้วเป็นอะไรหรือเปล่า?) เครื่องมือสื่อสารดังไม่ถึงเสี้ยววินาที เจ้าของโรงแรมก็รีบกดรับเพราะรอฟังข่าวจากเพื่อนมาได้สักพัก
“น้องแบคเองฮะ” คนรับคำสั่ง...ส่งสายให้คนตัวเล็กเป็นผู้บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมด เพราะเขาไม่ได้เป็นคนที่คุยกับเซฮุนและไม่อยากได้ยินเสียงของเจ้าของโรงแรมในตอนนี้ เพราะมันยังหงุดหงิดไม่หาย
(อ้าวว..น้องแบคเหรอครับ พี่นึกว่าไอ้ชานยอล พี่ขอโทษด้วยนะที่รบกวน) คิดว่าปลายสายเป็นเพื่อนของตัวเอง จงอินจึงพูดด้วยน้ำเสียงที่กึ่งตะคอก แต่พอรู้ว่าเป็นใคร...ก็รีบเปลี่ยนน้ำเสียงให้ฟังดูนุ่มนวลขึ้นพร้อมกล่าวขอโทษขอโพยที่ทำให้คนตัวเล็กเสียเวลาความเป็นส่วนตัว
“ไม่รบกวนหรอกฮะ...แล้วเซฮุนก็สบายดี เซฮุนเป็นห่วงพี่จงอินมากเลยนะฮะ แล้วตอนนี้เซฮุนก็ไม่ได้อยู่บ้านด้วย เห็นบอกว่าออกไปส่งดอกไม้ในตลาด” เป็นครั้งแรกที่แบคฮยอนได้ยินเพื่อนรักโวยวายเรื่องแฟนให้ฟัง แถมน้ำเสียงยังดูกระวนกระวายปนไม่พอใจและหงุดหงิดจนดูไม่เหมือนเซฮุนคนก่อนที่เขาเคยรู้จัก
(พี่ก็อยากโทรหาเซฮุนนะครับ...แต่พี่ทำไม่ได้ น้องแบครู้ใช่ไหม?) เคยโทรหาคนรักทุกวัน ทั้งตอนตื่น ตอนนอนหรือทุกๆเวลาที่ว่างก็จะโทรคุยกันตลอด แต่วันนี้มันทำไม่ได้เพราะไม่อยากให้เซฮุนทราบว่าเขากำลังทำอะไร อยู่ที่ไหนและสิ่งที่ทำได้อย่างเดียวในตอนนี้ก็คือ...อดทน
“น้องแบคเข้าใจฮะ...แต่พี่จงอินก็อย่าทำอะไรประเจิดประเจ้อนะฮะ เดี๋ยวพ่อน้องแบครู้จะกลายเป็นเรื่องใหญ่” ทราบดีว่าจีซบไม่ใช่คนใจร้ายขนาดนั้น แต่ถ้าเห็นสิ่งใดไม่ถูกต้อง คำว่าใจร้าย...ก็คงน้อยเกินไป
กว่าจะคุยกันรู้เรื่อง...หนังก็เริ่มฉายไปหลายนาทีแต่ก็ไม่ถึงกับเดาเรื่องราวไม่ถูก ดวงตาเรียวเล็กที่จับจ้องอยู่บนจอภาพขนาดใหญ่และพยายามสนใจสิ่งที่อยู่หน้า แต่เรื่องของเพื่อนรัก...กลับเข้ามาแทนที่เรื่องราวในภาพยนตร์ แบคฮยอนเข้าใจทุกฝ่ายว่ากำลังรู้สึกเช่นไรเพราะเขาคิดถึงเซฮุนมากแค่ไหน เจ้าของโรงแรมก็คงคิดถึงยิ่งกว่าหลายเท่า ความห่างไกลที่ส่งความห่วงใยได้เพียงผ่านทางโทรศัพท์มันคงสื่อถึงกันได้ไม่มากเท่าการเดินทางไปเห็นด้วยตาของตัวเอง
อุปสรรคความรักของคนทั้งคู่...มันมากมายจนแบคฮยอนคิดว่าปัญหาที่ตัวเองเคยเจอมาทั้งหมดมันยังเทียบไม่ได้กับสิ่งที่จงอินและเซฮุนได้เจอ เจ้าของโรงแรมมีงานล้นมือ มีชื่อเสียง มีคู่แข่ง มีครอบครัวที่เพื่อนของเขาต้องเผชิญ และกว่าจะผ่านพ้นทุกอย่างไปได้ก็เกือบต้องแลกมาด้วยชีวิต การถูกยิงจนไม่สามารถกลับมาเดินได้เป็นปกติคือสิ่งที่ดูจะสาหัสมากที่สุด ถึงแม้ตอนนี้...จะเดินได้คล่องกว่าเมื่อก่อน แต่ก็ใช่ว่ามันจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ยายังต้องกิน ขายังมีอาการปวดและต้องทำกายภาพด้วยตัวเองอยู่ทุกวัน ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เพื่อนรักอย่างเซฮุนต้องอดทนและจะต้องผ่านพ้นไปให้ได้เหมือนอย่างหลายๆเรื่องที่ผ่านเข้ามา
แบคฮยอนภาวนาอยู่ในใจทุกวัน...ว่าอย่าให้เรื่องร้ายใดใดเกิดขึ้นกับครอบครัวของเขาอีกเลย U_U
❀
หมู่บ้านชิซะกะ
19.30 น.
VROOMMMM!!
ครืนนนนนนน!!!!
“น้องเซฮุนอย่าเพิ่งลงจากรถนะครับ! ฝนมันตกเดี๋ยวไม่สบาย รอพี่ขนของเข้าบ้านให้เสร็จก่อนเดี๋ยวพี่เอาร่มออกมารับ!!!” รถกระบะจอดลงที่หน้าบ้านของเซฮุนพร้อมกับเสียงฟ้าร้อง เพราะตอนนี้ฝนกำลังตกหนักมากๆ
เจ้าของสวนดอกไม้...พยักหน้าเป็นคำตอบและรู้สึกผิดที่มัวแต่เดินเล่นจนลืมดูเวลา กว่าจะส่งผักหรือดอกไม้รวมถึงหาซื้อของใช้ส่วนตัวเรียบร้อยก็กินเวลาไปครึ่งค่อนวัน แถมความแปลกใหม่ในตัวจังหวัดก็ดูตื่นตาตื่นใจไปหมด ไม่ว่าจะเป็นของกิน ของใช้หรือแม้กระทั่งพ่อค้าแม่ขายในตลาด ทุกคนต่างดูน่ารักเป็นมิตรและยิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลา ความเพลิดเพลินกับสิ่งรอบตัว...ทำให้เซฮุนต้องมานั่งสำนึกผิดอยู่ในรถตอนนี้ จากความเกรงใจที่มีมากอยู่แล้ว กลับมีมากขึ้นไปอีกเมื่อตาเรียวคู่สวยเห็นมินโฮถือของที่เขาซื้อมาทั้งหมดเดินตากฝนเข้าไปเก็บในบ้านแบบเรียกได้ว่า...พะรุงพะรังเต็มทั้งสองมือและเปียกปอนไปทั้งตัว
“พี่มินโฮเอาร่มมาเถอะครับ...เดี๋ยวเซฮุนเดินเข้าบ้านเอง พี่มินโฮรีบกลับไปอาบน้ำเถอะครับ เดี๋ยวไม่สบาย” เห็นพี่ชายใจดีเดินถือร่มออกมาจากบ้าน และเปิดประตูรถฝั่งคนขับเพื่อดับเครื่องยนต์ เซฮุนจึงยื่นมือไปขอร่มเพราะอยากเดินเข้าบ้านเอง มันรู้สึกเกรงใจถ้าจะให้มินโฮเดินเข้าไปส่งอีกรอบทั้งๆที่เพิ่งขนของให้จนเสร็จสรรพ
“พี่ขออุ้มน้องเซฮุนไปส่งที่บ้านก็แล้วกัน ฝนตกหนัก...พื้นก็ลื่น ถ้าน้องเซฮุนล้มขึ้นมา คุณลุงต้องเสียใจมากแน่ๆ” ไม่รอฟังคำตอบของเด็กตรงหน้าว่าจะให้อุ้มหรือไม่...เจ้าของสวนผักก็ส่งร่มให้เซฮุนเป็นคนถือและรีบอุ้มร่างบอบบางในท่าเจ้าสาวทันที
มือขวาถือร่ม...มือซ้ายกอดคอมินโฮไว้แน่นเพราะกลัวตก แถมลมก็พัดค่อนข้างแรงจนเกือบจับร่มเอาไว้ไม่อยู่ ตอนออกไปส่งผักและดอกไม้ในช่วงบ่ายอากาศก็ยังเป็นปกติและไม่มีทีท่าว่าฝนจะตกเลยสักนิด แต่พอพระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้าและเลี้ยวรถเข้ามาในหมู่บ้านได้ไม่กี่นาที ฝนกลับตกหนักเหมือนฤดูที่ต้องเจอกับมรสุม มือบางสะบัดร่มเล็กน้อยแล้วใส่ไว้ในตะกร้าเมื่อถูกอุ้มมาส่งถึงหน้าบ้าน เซฮุนรีบเดินเข้าไปในห้องนอนและหยิบผ้าขนหนูออกมาหนึ่งผืนเพื่อให้พี่ชายใจดีเช็ดตัว เพราะร่างกายของมินโฮมันเปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝนจนยืนสั่นด้วยความหนาวเย็น
“พรุ่งนี้พี่จะซักมาคืนให้นะ...น้องเซฮุนก็อย่าลืมกินยาด้วยล่ะ วันนี้เดินเยอะมาก เดี๋ยวปวดขาแล้วนอนไม่หลับ” ยืนเช็ดผมเช็ดตัวอยู่หน้าประตู เพราะไม่อยากให้บ้านของเซฮุนเปียกจนอาจทำให้เจ้าของบ้านลื่นล้ม
“ขอบคุณพี่มินโฮมากนะครับ แล้วพรุ่งนี้เซฮุนจะไปช่วยพี่ยูมิทำขนม” โค้งตัวเพื่อเป็นการขอบคุณพร้อมกับโบกมือลาเจ้าของสวนผักแล้วรีบปิดประตูบ้านทันที เซฮุนนั่งรื้อของที่ตัวเองเพิ่งซื้อมาจากตลาดด้วยความตื่นเต้นเหมือนกับเด็กที่ได้ของเล่นชิ้นใหม่ทั้งๆที่ร่างกายบางส่วนก็ยังเปียกชื้นจากน้ำฝน
แต่พอรื้อไปรื้อมา...กลับเจอของอยู่ชิ้นหนึ่งที่ไม่ใช่ของของตัวเองปะปนอยู่ด้วย นั่นก็คือตุ๊กตาขนาดเล็กที่มินโฮซื้อมาให้ภรรยาแต่ฝากใส่ถุงรวมไว้กับชุดชงชาดินเผาของเขา ขาเรียวรีบลุกออกจากที่นั่งแล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไปนอกบ้าน พร้อมตะโกนเรียกชื่อเจ้าของสวนผักแข่งกับเสียงฟ้าเสียงฝน ดี...ที่มินโฮยังไปไหนไม่ไกล แต่ก็กำลังจะสตาร์ทเครื่องยนต์เพื่อขับรถกลับบ้าน มือบางรีบเคาะกระจกรถแล้วยื่นถุงที่มีแมวตัวน้อยสีเหลืองที่ทำจากเซรามิคส่งคืนให้กับเจ้าของเมื่อกระจกเลื่อนลงพอให้สอดมือเข้าไปด้านใน
“ของแค่นี่เอง พรุ่งนี้ค่อยเอามาให้พี่ก็ได้”
“ก็พี่มินโฮตั้งใจซื้อมาให้พี่ยูมิไม่ใช่เหรอครับ เซฮุนก็เลยคิดว่ามันต้องสำคัญมากแน่ๆ”
“ดื้อแบบนี้นี่เอง...คุณลุงถึงฝากให้พี่ดูแลน้องเซฮุนให้ดี”
“เซฮุนเดินเก่งแล้วนะครับ พี่มินโฮไม่ต้องเป็นห่วงนะ เซฮุนจะระวังตัว”
“ไปๆ...เข้าบ้านได้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ทำอาหารเช้ามาให้ แล้วก็อย่าลืมกินยาด้วยนะ”
“รับทราบครับ...!!! ^_^) ”
มือหนา...ยีผมสีเข้มของเด็กดื้อตรงหน้าด้วยความเอ็นดู แล้วเคลื่อนรถออกไปอย่างช้าๆเพื่อดูว่าเซฮุนเดินเข้าไปในบ้านหรือยัง และเมื่อเห็นว่าร่างบอบบางเดินเข้าบ้านไปแล้ว มินโฮก็เลี้ยวรถเข้าไปเก็บในโรงจอดทันที โดยที่ทั้งสองคนไม่รู้เลยว่าทุกๆการกระทำ ไม่ว่าจะเป็นการอุ้ม การกอดและรอยยิ้มที่ดูมีความสุขหรือแม้กระทั่งการแตะต้องเส้นผมที่เจ้าของสายตาคมเคยสัมผัส มันได้ถูกคนที่แอบเดินทางมาที่นี่ด้วยความคิดถึงเห็นมาตั้งแต่ต้น!!
เดินทางมาไกล...อดทนกับความคิดถึงและความเป็นห่วงมาสองอาทิตย์ แล้วผลที่ได้รับกลับกลายเป็นความเจ็บปวด
...
...
...
ร่างสมส่วนในเสื้อเชิ้ตสีเข้มและกางเกงยีนส์ที่เปียกชื่นไปด้วยน้ำฝน...กำลังพยายามข่มอารมณ์ให้เป็นปกติเพราะไม่อยากทำตัวมีปัญหาเหมือนอย่างที่เพื่อนได้กล่าวเอาไว้ แต่ความใจร้อนที่รวมกับความหึงหวงมันผลักดันให้คนอย่างเขาต้องทำบางอย่างมากกว่าแค่การแอบมอง
เจ้าของกายสีน้ำผึ้ง...เดินทางมาถึงญี่ปุ่นเมื่อช่วงสายและพรุ่งนี้ก็ต้องอยู่ร่วมยินดีในงานแต่งงานของลูกค้าคนสำคัญ เมื่อมาถึงโรงแรมในสาขาโตเกียวโดยรถที่ลูกพี่ลูกน้องสั่งให้มารับ เขาจึงจำเป็นต้องเข้าไปพบจงแดและอยู่พูดคุยกันถึงเรื่องงานรวมถึงโครงการใหญ่ที่ฝรั่งเศส ต่างคนต่างรีบไถ่ถามถึงเรื่องต่างๆเพราะพวกเขาต้องเดินทางไปทำธุระส่วนตัวที่ต้องรีบจัดการให้เรียบร้อย และเมื่อร่ำลาผู้บริหารโรงแรมในสาขาโตเกียว...เขาจึงรีบไปที่สนามบินอีกครั้งเพื่อเดินทางมาหาคนรัก
ใช้เวลาอยู่นานในความรู้สึกของคนที่เต็มไปด้วยความคิดถึง ทั้งๆที่ระยะทางจากโตเกียวถึงจังหวัดมิยะซะกิมันใช้เวลาไม่ถึงสองชั่วโมง และเมื่อมาถึง...ก็รีบขับมาตามเส้นทางที่คนรักได้บอกเอาไว้ก่อนหน้านั้น เจ้าของโรงแรมไม่อยากใช้รถยนต์ส่วนตัวเพราะมันเป็นจุดสนใจมากเกินไป เขาจึงให้เลขาของพี่จงแดช่วยหารถเช่าแบบธรรมดาสีดำไว้ให้
ขับรถออกมาจากตัวจังหวัดได้สักพัก...สองข้างทางที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันสวยงามก็ทำให้นึกถึงคำพูดของคนที่ย้ายมาอยู่ที่นี่ และมักจะเล่าผ่านทางโทรศัพท์ให้ฟังอยู่บ่อยครั้งว่าสถานที่แห่งนี้มันถูกโอบล้อมไปด้วยภูเขาพร้อมต้นไม้น้อยใหญ่เต็มไปหมด ซึ่งทุกๆอย่างมันเหมือนที่คนรักกล่าวไว้ไม่มีผิด แต่...สิ่งที่ไม่เคยเล่าให้ฟังเลยสักครั้งก็คือเรื่องของผู้ชายคนนั้น เจ้าของรถกระบะสีแดงที่มาส่งเซฮุนถึงหน้าบ้าน แถมยังได้อุ้ม ได้กอดและได้สัมผัสร่างสวยที่เขาหวงแหนมาตลอด ไม่เคยให้ใครแตะต้อง ไม่เคยให้ใครเข้าใกล้เพราะไม่เคยห่างกันแม้แต่วันเดียว
จนในวันนี้...ความห่างไกลที่ถูกพรากก็ทำให้คนอื่นมีสิทธิ์ได้เป็นผู้ดูแล
พอขับรถเข้ามาในหมู่บ้าน...จงอินก็ได้เห็นความฝันของเซฮุนที่อยู่ไม่ไกลจากสายตามาก เขาจึงวนรถกลับไปจอดไว้ที่ปากทางและเดินกลับมาเพื่อชมบรรยากาศที่อยู่รอบตัว จงอินเข้าใจแล้วว่าทำไมเซฮุนถึงเลือกซื้อบ้านอยู่ที่นี่ เพราะเท่าที่เดินสำรวจธรรมชาติและได้เห็นผู้คนภายในหมู่บ้าน มันก็ทำให้เขารู้สึกได้ทันทีว่าความฝันของคนรักมันน่าอยู่มากกว่าในเมืองเสียอีก
หมู่บ้านเล็กๆ...มีภูเขารายล้อมอยู่ทุกด้าน ต้นไม้น้อยใหญ่สีเขียวสดดูสบายตา รอยยิ้มที่เป็นมิตรของผู้คนที่เดินผ่าน ทุกๆอย่างมันดูสดชื่นเหมาะแก่การพักผ่อนและทิ้งเรื่องวุ่นวายเอาไว้ข้างหลัง จงอินเดินทางมาถึงที่นี่ในช่วงเย็น สายลมที่พัดเอื่อยๆกับแสงของพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้ามันทำให้เขารู้สึกเพลิดเพลินกับการเดินชมบ้านใหม่ของคนรักอยู่นอกรั้ว
เจ้าของโรงแรมทราบดี...ว่าเซฮุนไม่อยู่บ้านเพราะแบคฮยอนบอกว่าออกไปส่งดอกไม้ที่ตลาด แต่เขาก็จำได้ดี...ว่าบ้านชั้นเดียวที่มีรั้วไม้แบบนี้ก็คือบ้านใหม่ของคนรัก เพราะรูปที่เจ้าตัวเคยส่งมาให้ดูในครั้งแรกมันทำให้เขาจำได้ติดตา ขายาวสมส่วนเดินวนไปวนมาอยู่นอกรั้วเพื่อชื่นชมกับความฝันของคนรักอยู่นานสองนาน และเมื่อเวลาล่วงไปจนพระจันทร์เกือบขึ้นมาแทนที่ดวงอาทิตย์ ฟ้ากลับมืดพร้อมส่งเสียงร้องคล้ายฝนจะตก จงอินจึงรีบเดินกลับไปที่รถและขับเข้ามาจอดแอบไว้ที่หลังต้นไม้ใหญ่ อยากอยู่รอจนกว่าคนที่ตัวเองอยากเจอจะกลับมา และขอแอบดูต่ออีกสักพักก็จะกลับไปพักที่โรงแรมแล้วพรุ่งนี้จะมาแอบดูใหม่อีกครั้ง
จอดรถรอ...อยู่ใต้ต้นไม้อยู่เกือบครึ่งชั่วโมง เขาก็เห็นกระบะสีแดงขับเข้ามาในหมู่บ้านและคนที่นั่งอยู่ฝั่งของผู้โดยสารก็คือเซฮุน แม้ฝนที่กำลังตกหนักจะทำให้การมองเห็นพร่าเลือน แต่จงอินก็มั่นใจว่าคนที่นั่งอยู่ในรถกระบะคันนั้นคือคนรักของตัวเอง ที่ปัดน้ำฝนกลายเป็นสิ่งที่น่ารำคาญในความรู้สึกของคนที่กำลังดีใจเมื่อเห็นว่าคนที่รอคอยมานานนั่งอยู่ในรถที่เพิ่งขับผ่านไปเมื่อครู่ จงอินจัดการดับเครื่องยนต์และเปิดประตูรถลงไปยืนมองเซฮุนอยู่ใต้หลังคาบ้านหลังเล็กที่อาจสร้างไว้เก็บผลผลิตในสวนในไร่โดยไม่ได้ขออนุญาตผู้เป็นเจ้าของ
จงอินไม่ได้เตรียมตัวว่าจะต้องมาเจอกับสภาพอากาศแบบบนี้ เพราะตั้งแต่เดินทางออกมาจากโตเกียว ฟ้าก็ยังดูสดใสและมีแสงแดดตลอดเวลา ช่วงที่แอบมองคนรักมันคล้ายกับว่าตัวเองกำลังเป็นพระเอกเอ็มวีเพลงอกหัก เพราะเขากำลังยืนมองพฤติกรรมอันแสนหวานของเซฮุนกับเจ้าของรถกระบะสีแดงที่ดูเป็นห่วงเป็นใยและเอาใจใส่กันเป็นอย่างดี ความผิดหวัง ความหึงหวง ความโมโห ตีรวนกันอยู่ภายในใจและพยายามอดทนรอให้เจ้าของรถขับออกไปที่อื่น เพราะเขาจะได้เข้าไปคุยกับเจ้าของบ้านให้รู้เรื่องว่าที่เห็นมาทั้งหมดมันหมายความว่าอะไร
แต่...ความใจร้อนบวกกับอารมณ์ต่างๆที่ปะทุอยู่ในอกมันเริ่มทำให้ความอดทนเริ่มเหลือน้อยลงไปทุกที และต้องรีบก้าวขาออกจากที่ซ่อนเพื่อเดินไปหาเซฮุนที่บ้าน แต่...พอเห็นร่างสวยที่เดินด้วยความเร่งรีบพร้อมกางร่มออกมาจากบ้านแล้วยืนคุยหยอกล้ออยู่กับเจ้าของรถกระบะอีกครั้ง มันก็ทำให้จงอินถึงกับก้าวขาไม่ออก และภาพบาดตาภาพสุดท้ายก็ทำให้ความขุ่นมัวในใจทวีความรุนแรงมากขึ้น ร่างกายที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝนพยายามข่มอารมณ์อย่างที่ไม่เคยคิดจะทำมาก่อน แต่มันเป็นเพราะไม่อยากทำให้เรื่องราวมันแย่ไปมากกว่านี้ ความผิดพลาดในชีวิตที่ผ่านมาด้วยเหตุแห่งความใจร้อนของตัวเองมันกำลังสอนคนอย่างคิมจงอินว่าไม่ควรคิดอะไรไปเองจนอาจทำให้คนรักต้องเจ็บปวดอีกครั้ง
ภาพความทรงจำ...เรื่องของความเข้าใจผิดระหว่างเซฮุนกับอี้ฟานยังคงติดอยู่ในมโนสำนึก ภาพที่ตัวเองขืนใจพนักงานจัดดอกไม้เพราะคิดไปเองว่าเป็นเด็กขายตัวที่เพื่อนหามาให้หรือภาพที่คนรักถูกยิง ทุกๆความเข้าใจผิด ทุกๆความใจร้อน ทุกๆเรื่องที่เกิดจากนิสัยเอาแต่ใจของตัวเองมันทำให้คนแอบมองก้าวขาเดินกลับไปนั่งในรถเพื่อรอให้คนรักและเจ้าของรถกระบะสีแดงกลับเข้าบ้านไปก่อน รวมถึงรอให้ตัวเอง...ใจเย็นลงกว่านี้เพื่อทบทวนบางสิ่ง
ฝนเริ่มซา...แต่ก็ยังโปรยปรายและเมื่อปรับอารมณ์ปรับความรู้สึกนึกคิดของตัวเองได้ จงอินก็ออกมาจากรถอีกครั้งแล้วเดินตรงไปที่บ้านของเซฮุนทันที
มือหนาเปิดประตูรั้วที่ทำจากไม้...แล้วเดินไปตามทางที่ปูด้วยอิฐบล็อกอย่างเชื่องช้า เพราะต่อให้ในใจยังมีคำถาม แต่อีกใจก็ยังรู้สึกตื่นเต้นไม่หายที่จะได้เจอกับคนรักเสียทีหลังจากที่รอคอยมานาน และตอนนี้จงอินก็ได้กลายเป็นคนที่ทำผิดสัญญาไปโดยสมบูรณ์แบบ จากที่คิดว่าจะมาแอบดูและกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองตามเดิมอย่างที่ตั้งใจ รวมถึงรับปากกับจีซบเอาไว้เป็นอย่างดีว่าจะไม่เดินทางมาหาเซฮุนเด็ดขาด แต่เหตุการณ์ที่เห็นเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา...มันทำให้อดใจรอไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
เจ้าของกายสีน้ำผึ้ง...ที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝนเดินมาจนถึงประตูบ้าน แล้วเคาะเบาๆลงบนแผ่นไม้บานใหญ่ด้วยหัวใจที่เต้นแรง และเมื่อมันถูกเปิดออก
แกร๊กก!!
“สวัสดีครับ...ที่นี่มีดอกทิวลิปสีแดงขายไหมครับ?”
“พะ...พี่จงอิน!!!!”
❀
100%
แก้ไขเมื่อ 10/02/61
ขออนุญาตชี้แจงอีกครั้งนะคะ
เรื่องการซื้อขายที่ดินในต่างประเทศ...เราขอให้มันเป็นเพียงแค่จินตนาการเท่านั้น ทั้งที่ดินในญี่ปุ่น บ้านของเซฮุน และที่ดินของจงอินที่ใช้สร้างโรงแรมในฝรั่งเศส และเราต้องขออภัยผู้ที่มีความรู้เรื่องกฎหมายในด้านนี้ด้วยนะคะ ถ้าอ่านฟิคเรื่องนี้ของเราแล้วทำให้รู้สึกขัดใจ ขัดกับความน่าจะเป็น เราต้องขออภัยด้วยค่ะ เราก็ไม่ทราบเรื่องกฎหมายการครอบครองที่ดินในต่างประเทศจริงๆว่าคนต่างชาติสามารถถือสิทธิ์เป็นเจ้าของได้หรือไม่ รวมถึงยอมรับผิด...ที่ไม่ได้หาข้อมูลในเรื่องนี้เพื่ออ้างอิงให้ตรงกับความเป็นจริง
Cr. ภาพบ้านท้านสวน : BaanFinder.com
ใกล้จบแล้วค้าาาา ^3^) ฮึบ...ฮึบ
ขอบคุณทุกการติดตามนะคะ ขอบคุณคอมเม้นท์ ขอบคุณนักอ่านทุกคนมากๆค่ะ
แล้วจะเข้ามาตรวจคำผิดเรื่อยๆนะคะ
รัก ♥
#ดอกไม้ของเจ้านาย
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

712 ความคิดเห็น
-
#581 /tl26&? (จากตอนที่ 33)วันที่ 28 กรกฎาคม 2561 / 11:33ฮื่อ ในที่สุดจงอินก็มีสติมากขึ้นแล้วใช่มั้ย5555555 เราชอบการเดินเรื่องของไรท์นะคะ มันไม่ได้มีแต่มุมหวานๆ ตลอดเวลา เลยทำให้รู้สึกว่ามันได้มุมมองที่หลากหลายดี แห่ะ#5810
-
#505 Jammie-Lee (จากตอนที่ 33)วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2561 / 02:50มาหาแล้วนะ~#5050
-
#430 Padcha.a (จากตอนที่ 33)วันที่ 14 มิถุนายน 2560 / 12:00จงอินใจเย็นขึ้นแล้ว~#4300
-
#412 อัญมณีสีสวย (จากตอนที่ 33)วันที่ 2 มิถุนายน 2560 / 11:02คุณจงอินนนน ดีงามมากเลย ลงโทษน้องทั้งวันทั้งคืนเลยนะคะ แฃงง แล้วตอนเช้าก็ตื่นมาทำหน้าที่พ่อบ้านอีก น่ารักฝุดๆ ตลกคุณหญิงด้วย โทรมาโวยวายเพราะลูกสะใภ้หาย ฮือออ น่ารักจริงๆ#4120
-
#411 TDNND (จากตอนที่ 33)วันที่ 2 มิถุนายน 2560 / 05:52ดีต่อใจ#4110
-
#410 Pinkdao (จากตอนที่ 33)วันที่ 2 มิถุนายน 2560 / 01:36คือดีอ่ะ จงอินใจเย็นแล้ว#4100
-
#409 KaiHun940105 (จากตอนที่ 33)วันที่ 1 มิถุนายน 2560 / 23:58งื้อออ หวานมากกกก คุณแม่ของจงอินนี่แสบจริงๆ 5555 โว้ยวายเสร็จก็วางสายหนี 5555 งื้อตอนหน้าจบแล้ว ไม่อยากให้จบเลย#4090
-
#408 ME3 KAEKY (จากตอนที่ 33)วันที่ 1 มิถุนายน 2560 / 23:55โอเค นายมีเหตุผลขึ้นมากเลยจงอินน เราดีใจด้วย#4080
-
#407 Ohsejan (จากตอนที่ 33)วันที่ 1 มิถุนายน 2560 / 23:09โง้ยยย หวานมาก ตอนแรกนึกว่าจงอินจะเข้ามาโวยวายน้อง แบบหึงไรงี้ ส่วนยัยน้องชั้นนึกออกเลยสเวตเตอร์ คราบนมติดปาก แงงงงงงงง โดนจัดเลย คืดถึงม้ากกกกกกกก#4070
-
#406 nnanwrsrr (จากตอนที่ 33)วันที่ 1 มิถุนายน 2560 / 23:02แง้งงง นึกว่าคุณพ่อจะลงโทษซะแล้วววว#4060
-
#405 0412BD (จากตอนที่ 33)วันที่ 1 มิถุนายน 2560 / 22:285555 ชอบแม่จงอินมากค่ะไรท์ ฮรึกไม่อยากให้จบเลยค่ะ#4050