ตอนที่ 27 : ❀ 27
ดอกไม้ดอกที่ 27
SM Hospital
12.40 น.
คนที่กำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมตัวเป็นเจ้าบ่าว เดินทางมาถึงโซลตั้งแต่เมื่อวานพร้อมกับคนที่ใกล้จะได้เป็นเจ้าสาวแต่ยังชอบทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวเหมือนเดิม แถมยังไม่ยอมย้ายมาอยู่ด้วยกันทั้งๆที่ใครต่อใครก็อยากจะทำแบบนั้นถ้าได้แต่งงานกับเขา ใครจะไปเชื่อ...ว่าคนที่เป็นทั้งเจ้าของโรงแรม เป็นทั้งนายแบบที่ไม่เคยมีใครกล้าปฏิเสธ และบางคนก็ยอมพลีกายถวายชีวิตให้จะต้องมาคอยง้อว่าที่เจ้าสาว
พอนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทีไร...ก็พาลให้รู้สึกหงิดขึ้นมาทุกครั้ง
อี้ฟานกลับมาโซลคราวนี้ เพราะมีงานด่วนในโรงแรมให้ต้องจัดการ และก่อนหน้านั้นหลายวันเขาก็ต้องเดินทางบ่อย ทั้งจีน ทั้งแคนนาดารวมถึงเกาหลี สลับกันไปมาจนเบื่อการนั่งเครื่องบิน แต่พอมีโอกาสได้กลับมาที่โซลอีกครั้งและยังพอมีเวลาเหลือ เขาจึงรีบมาที่โรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมคนป่วยก่อนที่เขาและว่าที่เจ้าสาวจะต้องเดินทางกลับจีนในช่วงค่ำของวันนี้
เรื่องคนรัก...ของผู้ที่เป็นเจ้าของโรงแรมชื่อดังถูกยิง มันไม่ได้กลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์ก็จริง แต่ข่าววงในของคนที่ทำธุรกิจอย่างเขาก็ใช่ว่าจะปกปิดกันได้ ยิ่งข่าวที่จงอินขอถอนตัวออกจากงานประมูลที่ดินครั้งล่าสุดก็ยิ่งทำให้อี้ฟานมั่นใจได้ว่าเรื่องที่ตัวเองได้ยินได้ฟังมาทั้งหมดคงเกิดขึ้นจริง และเมื่อได้มาเห็นเซฮุนด้วยตาของตัวเองในตอนนี้ มันก็พาให้หัวใจห่อเหี่ยวขึ้นมาทันที ถ้าย้อนเวลากลับไปในวันเกิดเหตุอีกครั้ง เขาคงไม่ปล่อยให้คนป่วยเดินกลับไปที่ร้านอาหารคนเดียวอย่างแน่นอน
อี้ฟานจำได้...ว่าวันนั้นเขาบังเอิญเจอกับคนป่วยที่หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งเขากำลังรออี้ชิง และเซฮุนมีนัดทานอาหารเย็นกับครอบครัวของจงอิน แต่แล้ว...การร่ำลาและการปล่อยให้เซฮุนเดินกลับไปที่ร้านอาหารเพียงลำพังก็ทำให้เกิดเรื่องแย่ๆขึ้น ถ้าวันนั้นเขาไม่หยุดทักทายเพื่อบอกเล่าเรื่องส่วนตัว ถ้าวันนั้นเขาเดินไปส่งและถ้าวันนั้นเขาสามารถปกป้องเซฮุนได้ เรื่องเลวร้ายทั้งหมดมันคงไม่ลงเอยแบบนี้
สภาพของคนป่วยทำให้อี้ฟานอดนึกโทษตัวเองไม่ได้...ร่างสวยที่เขาเคยสัมผัส ดูผอมไปมากแม้ใบหน้าจะดูสดใส ผมสีดำสนิทยาวจนต้องทัดหูเอาไว้ และสิ่งที่ทำให้เขาปวดใจมากที่สุดก็คือ การเห็นเซฮุนนั่งอยู่บนรถเข็น โดยมีผู้ชายตัวเล็กคอยให้ความช่วยเหลือ
“สวัสดีครับคุณเซฮุน เป็นยังไงบ้างครับ?”
“เอ่ออ...ก็ดีขึ้นแล้วครับ”
แบคฮยอนฟังการสนทนาของคนทั้งคู่อย่างนึกสงสัย แต่ก็ยังทำหน้าที่ช่วยพาคนป่วยกลับขึ้นไปนอนบนเตียงตามเดิม แล้วเดินไปยกเก้าอี้ที่โต๊ะด้านข้างโซฟามาให้อี้ฟานนั่ง เพราะเห็นว่าเซฮุนไม่ได้เอ่ยปากไล่หรือทำท่าทีไม่ยากคุยด้วย แต่ก็ใช่ว่าจะปล่อยให้คุยกันสองต่อสอง แบคฮยอนจัดการหาน้ำดื่มมาให้อี้ฟานแล้วลากเก้าอี้อีกตัวมานั่งใกล้ๆกับคนป่วย ปากหยักยิ้มรับ...พร้อมก้มกายเล็กน้อยเป็นเชิงขอบคุณผู้ชายตัวเล็กที่ต้อนรับเขาเป็นอย่างดี
“เลย์ก็มาด้วนะครับ...แต่ลืมของไว้ในรถ ก็เลยยังไม่ขึ้นมา”
“ระวังจะหลงทางอีกนะครับ”
“เห็นคุณเซฮุนยิ้มได้ ผมก็ดีใจนะครับ แล้วคุณหมอจะให้กลับบ้านได้เมื่อไหร่ครับ?”
“ไม่ทราบเหมือนกันครับ เอ่ออ...ก็อย่างที่คุณคริสเห็นนั้นแหละครับ”
คนป่วยกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบากเมื่อต้องมาพบหน้าอี้ฟานอีกครั้งโดยที่ตัวเองมีสภาพไม่น่าดูเท่าไหร่นัก เซฮุนลูบขาข้างที่ถูกผ่าตัดไปมาและพูดอะไรไม่ออก เพราะแค่คิดจะเล่าอาการบาดเจ็บให้คนตรงหน้ารับรู้ น้ำตาก็พาลจะไหลออกมาทุกที มือบางกำแน่นอยู่บนต้นขาจนเพื่อนรักตัวเล็กต้องคอยจับไว้เบาๆเพื่อเป็นสัญญาณบอกว่าทุกอย่างกำลังจะดีขึ้นในไม่ช้า
“ผมต้องขอโทษจริงๆนะครับ...ถ้าคำถามของผมทำให้คุณเซฮุนรู้สึกอึดอัด”
“ไม่เป็นไรครับคุณคริส ผมเข้าใจ...ว่าคุณคริสเป็นห่วง”
“หายเร็วๆนะครับ แล้วถ้ามีอะไรที่ผมพอจะช่วยได้ก็ไม่ต้องเกรงใจนะครับ ผมยินดีช่วยเต็มที่”
“ขอบคุณมากนะครับคุณคริส”
“ถ้าหายดีแล้ว...ก็อย่าลืมไปงานแต่งของผมด้วยนะครับ งานแต่งของผมคงออกมาไม่สวยแน่ๆถ้าขาดช่างดอกไม้ฝีมือดีอย่างคุณเซฮุน”
“จริงด้วยสิ...ผมลืมไปเลย แล้วงานคืบหน้าไปถึงไหนแล้วครับ แล้วจะแต่งเมื่อไหร่”
“เรื่องอื่นไม่มีปัญหาอะไรเลยครับ แต่ที่มีปัญหาคือตัวเจ้าสาวต่างหาก”
“อ้าวว...”
“คุณเซฮุนช่วยพูดให้เลย์ย้ายมาอยู่กับผมที่นี่หน่อยสิครับ”
“ขนาดคุณคริสเป็นเจ้าบ่าวยังทำไม่สำเร็จ แล้วผมจะทำอะไรได้ล่ะครับ ): ”
“เดี๋ยวก็ไม่แต่งซะเลย ดีไหมครับคุณเซฮุน?!!”
อี้ฟานแสร้งพูดเรื่องอื่นเพื่อให้คนป่วยลืมสิ่งที่รบกวนจิตใจโดยการหยิบยกประเด็นงานแต่งงานขึ้นมาเป็นบทสนทนา ซึ่งมันก็ได้ผล...เพราะดวงตาคู่สวยของคนป่วยไม่ได้ฉายแววเศร้าหมองเหมือนตอนที่เขาถามถึงเรื่องที่กระทบต่อความรู้สึก แถมยังทำท่าทีตื่นเต้นเมื่อรู้ว่าคนอย่างเขายอมตกลงปลงใจกับใครสักคน
“มัวแต่คุยกันเพลิน...ผมเลยลืมแนะนำเพื่อนให้คุณคริสรู้จัก นี่เพื่อนสนิทของผมเองครับ...บยอนแบคฮยอน”
“สวัสดีครับคุณแบคฮยอน ผมอู๋อี้ฟาน หรือจะเรียกผมว่าคริสเหมือนคุณเซฮุนก็ได้นะครับ ยินดีที่ได้รู้จัก”
ต่างคนต่างโค้งกายและกล่าวคำทักทายกันตามมารยาทด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แต่ชื่อที่อีกฝ่ายแนะนำตัวไปเมื่อครู่ มันทำให้คนตัวเล็กถึงกับต้องขมวดคิ้วเพราะมันฟังดูคุ้นหู แต่นึกเท่าไหร่ก็ยังนึกไม่ออก แถมยังคุ้นหน้าคุ้นตาแต่ก็จำไม่ได้ว่าเคยเห็นที่ไหน และอาการคิ้วขมวดพร้อมกับปากบางๆที่บ่นอะไรมุบมิบไปตามนิสัยก็ทำให้อี้ฟานอดที่จะหัวเราะไม่ได้เพราะมันดูน่ารักน่าหยิกไม่ใช่น้อย
“คุณแบคฮยอนเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ทำไมถึงทำหน้ายุ่งขนาดนั้น ผมมารบกวน?? หรือผมทำอะไรให้คุณแบคฮยอนไม่สบายใจหรือเปล่าครับ?” ทราบดีว่าเพื่อนของคนป่วยคงไม่ได้คิดอะไรกับตัวเองในแง่ลบ แต่ที่ต้องถามเพราะมันอดสงสัยไม่ได้ และไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองว่าการกระทำที่แบคฮยอนแสดงออกมาบางอย่างมันเหมือนกับหญิงสาวที่กำลังเขินอายเมื่อเจอคนที่ถูกใจ
“เอ่อออ คะ...คือคุณคริสหน้าตาคุ้นมากเลยครับ แต่ผมจำไม่ได้ว่าเคยเจอคุณคริสที่ไหน?” อยากถาม...แต่ใจมันไม่กล้า และดีที่คนตรงหน้าเป็นฝ่ายถามขึ้นมาเสียเอง
“ผมเป็นเจ้าของโรงแรมจูรี่ครับ แล้วก็มีถ่ายแบบบ้าง เดินแบบบ้าง...นิดหน่อย” ยื่นนามบัตรให้คนขี้สงสัย พร้อมพูดถ่อมตัวเล็กน้อยและถ้าให้พูดถึงเรื่องการถ่ายแบบ อี้ฟานก็ถือว่าเป็นนักธุรกิจหนุ่มเพียงคนเดียวที่ถ่ายแบบขึ้นปกนิตยสารชื่อดังมาแล้วเกือบทุกฉบับ
“ใช่ๆ ๆ ๆ ผมนึกออกแล้ว ผมยังเคยอ่านบทสัมภาษณ์ของคุณคริสในนิตยสารอยู่เล่มนึง ในนั้นเขียนว่าคุณคริสเริ่มบริหารโรงแรมมาตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 25...คุณคริสเก่งมากๆเลยนะครับ แล้วผมก็เคยไปที่โรงแรมของคุณคริสด้วยครั้งนึงตอนเด็กๆ มันสวยมากเลยนะครับ” พอนึกออก...ก็พูดน้ำไหลไฟดับจนคนถูกชมนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้
แบคฮยอนจำได้ดี...ว่าคุณพ่อเคยไปประชุมที่โรงแรมของนายแบบหนุ่มสุดฮอตที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ ซึ่งในวันนั้น...เขาก็ไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว ท่านจึงต้องพาไปด้วยและค้างอยู่ที่โรงแรมเป็นเวลาหนึ่งคืน คนตัวเล็กนั่งนึกภาพที่เหมือนจะเลือนหายไปบ้างบางส่วน แต่ก็ยังเหลือสิ่งที่พอจำได้นั่นก็คือ...อาหารรสเลิศที่อร่อยไม่แพ้โรงแรมของหนุ่มผิวเข้มเลยแม้แต่น้อย
“ว่างๆก็มาเที่ยวที่โรงแรมของผมได้นะครับ July...ยินดีต้อนรับเสมอ”
ทั้งสามคน...นั่งคุยกันอย่างออกรสจนใกล้จะถึงเวลาที่คนป่วยต้องลงไปทำกายภาพบำบัด แต่ตอนนี้...คนที่ขี้ลืมอย่างอี้ชิงก็ยังไม่ขึ้นมาที่ห้อง และคนที่สัญญาไว้ว่าจะกลับมาให้ทันเพื่อพาคนป่วยไปทำกายภาพบำบัดก็ยังไม่มาเช่นกัน เซฮุนรู้สึกเป็นกังวลเพราะถ้าลงไปทำกายภาพบำบัดเพียงคนเดียวโดยไม่รอคนรักเขาคงต้องโดนทำโทษแน่นอน และจะปล่อยคนที่ตั้งใจมาเยี่ยมให้นั่งรอว่าที่เจ้าสาวอยู่ในห้องเพียงลำพังก็คงจะเสียมารยาทอยู่ไม่ใช่น้อย
ความกังวลของเซฮุน...มันได้มีแค่สองเรื่องนี้เท่านั้น เพราะสิ่งที่น่ากังวลมากที่สุดคือการพบหน้ากันของคู่แข่งทางธุรกิจ ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับอี้ฟานมันเป็นได้แค่เพื่อน...ซึ่งเรื่องนี้ทั้งเขาทั้งคนรักรวมถึงแฟนของคนตัวเล็กก็ทราบดีอยู่แก่ใจ และตั้งแต่มีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้น เซฮุนก็ไม่เคยคิดที่จะปิดบังหรือมีความลับต่อจงอินอีกเลย แต่...ที่ยังต้องกังวลอยู่แบบนี้ก็เพราะสิ่งที่เขาไม่เคยเดาออกและไม่เคยตามทันเลยสักครั้งก็คืออารมณ์ของแฟนตัวเองที่เปลี่ยนแปลงเร็วยิ่งกว่าสิ่งใดในโลก
และก็ได้แต่หวังว่าวันนี้...จงอินจะอารมณ์ดี
“เอ่อออ...คุณคริสครับ!!? ถ้าสิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้มันทำให้คุณคริสรู้สึกแย่ ผมต้องขอโทษไว้ล่วงหน้าเลยนะครับ คะ...คือ”
“พูดมาเถอะครับ ปกติคุณเซฮุนก็ชอบพูดอะไรตรงๆกับผมอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
“ผมไม่อยากเสียมารยาทนะครับ แต่ผมจำเป็นต้องพูดจริงๆ”
“ถ้าคุณเซฮุนยังเห็นผมเป็นเพื่อนอยู่เหมือนเดิม ก็พูดมาเถอะครับไม่ต้องเกรงใจ”
ตอนแรกอี้ฟานก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเมื่อเห็นสีหน้าของคนป่วยดูเครียดกับสิ่งที่อยากจะเอ่ย แต่พอได้ฟังเรื่องทั้งหมด...เขากลับรู้สึกอิจฉาจงอินมากกว่าเพราะเซฮุนดูจะเป็นห่วงคนรักมากกว่าห่วงตัวเองเสียอีก อี้ฟานทราบดีและเตรียมใจมาบ้างแล้วว่าการมาเยี่ยมคนป่วยในวันนี้เขาอาจได้พบกับจงอินอีกครั้ง แต่ไม่ว่าจะได้เจอหรือไม่ เขาก็รู้ว่าตัวเองต้องทำเช่นไรและไม่คิดจะสร้างปัญหาให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องลำบากใจอย่างแน่นอน
“คุณคริส...ผมต้องไปทำกายภาพบำบัดแล้วนะครับ ผมคงรอพี่จงอินไม่ได้แล้ว...เพราะเดี๋ยวจะกินเวลาคนป่วยที่ต้องทำกายภาพต่อจากผม”
“งั้นผมขออนุญาตไปส่งคุณเซฮุนที่ห้องบำบัดได้ไหมครับ เดี๋ยวผมโทรบอกเลย์ให้ตามไปที่นั่น”
“เอาแบบนั้นก็ได้ครับ แต่...คุณเลย์จะไม่งอนใช่ไหม?”
“ผมนี่แหละจะงอนเขา...ไม่รู้หายตัวไปไหน?? สงสัยจะหลงทางอย่างที่คุณเซฮุนบอกมั้งครับ!!”
“ยิ่งใกล้วันแต่ง ยิ่งขี้งอนนะครับคุณคริส”
กว่าจะถึงวันแต่งงานของอี้ฟานก็อีกหลายเดือน ซึ่งพอถึงวันนั้น...ตัวเขาคงหายดีและพร้อมที่จะกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ คนป่วยอยากกลับมาเดินได้เหมือนเดิมภายในวันนี้พรุ่งนี้ด้วยซ้ำ ยิ่งรู้กำหนดวันที่แน่นอนของงานแต่งงานก็ยิ่งอยากหายเร็วๆ แล้วช่วยคู่รักคู่นี้เนรมิตความงามในแบบที่ตัวเองถนัดให้สมกับความไว้วางใจที่อี้ฟานยกให้เขาเป็นแม่งานในเรื่องของการจัดดอกไม้
คนที่อาสาจะพาคนป่วยไปที่ห้องกายภาพบำบัด...รีบลุกขึ้นยืนเต็มความสูงและจัดแจงย้ายรถเข็นมาไว้ใกล้ๆเตียง จากนั้นก็เดินกลับมาอุ้มคนป่วยแทนแยคฮยอนที่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำเพราะต้องเตรียมร่างกายให้พร้อมเพื่อจะได้อยู่ดูแลเซฮุนได้อย่างเต็มที่ แต่กว่าอี้ฟานจะอุ้มคนป่วยเข้าสู่อ้อมแขนก็ต้องถามแล้วถามอีกว่าควรทำอย่างไร เนื่องจากไม่ทราบถึงอาการบาดเจ็บของคนป่วยและเกรงว่าการทำนั่นทำนี่ไปตามแรงของตัวเองจะทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี
คนถูกอุ้ม...อดหัวเราะไปกับกิริยาท่าทางเก้ๆกังๆของผู้มาเยี่ยมไม่ได้ เพราะปกติอี้ฟานจะเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงมาก แต่การหมุนซ้ายหมุนขวาหาวิธีอุ้มคนป่วยอย่างเขามันช่างไม่เหมาะกับคนที่อาจจะอุ้มสาวๆมานับครั้งไม่ถ้วน ระยะทางจากเตียงถึงรถเข็นที่วางอยู่ด้านหน้ามันไกลเหลือเกินในความรู้สึกของอี้ฟานเพราะคนป่วยในอ้อมแขนดูผอมบางจนกลัวจะช้ำคาอก แถมยังมีอาการบาดเจ็บที่เขาควรระวังมากเป็นพิเศษ ขายาวสมส่วนในกางเกงสีเข้มก้าวไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้าด้วยเกรงว่าจะกระทบต่ออาการบาดเจ็บ แต่......
แกร๊กก!!
“พี่จงอิน!!!!”
“ปล่อยเมียกูเดี๋ยวนี้!!”
ยังไม่ทันได้วางคนป่วยลงบนรถเข็น...เสียงประตูห้องที่มาพร้อมกับเจ้าของเสียงทุ้มหนักก็ทำให้เซฮุนตกใจและสะดุ้งจนสุดตัว
❀
14.09 น.
รีบปิดการประชุมเมื่อสัญญาต่างๆของการสร้างโรงแรมใหม่มันเป็นไปอย่างที่ต้องการ และดูเหมือนจะมาทันเวลาที่ให้สัญญากับคนป่วยเอาไว้ แต่พอมาถึง...กลับต้องมาเห็นสิ่งที่ทำให้ใจมันร้อนเหมือนถูกไฟสุม ไม่อยากมองคนที่อุ้มเซฮุนเอาไว้จนแทบจมหายเข้าไปอ้อมอกว่าเป็นคู่อริ แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นมิตรที่ดีต่อกัน และการต้องมาเห็นคนรักถูกคนที่เหมือนเป็นศัตรูกันมานานอุ้มอยู่แบบนั้น แถมตัวคนป่วยยังเอามือไปคล้องคอมันไว้อีก แล้วใครมันจะไปทนได้
“กูบอกให้ปล่อยเมียกูเดี๋ยวนี้!!” ดึงตัวของคนรักออกจากอ้อมอกของอี้ฟานด้วยความโหโหจนเซฮุนต้องรีบคว้าคอของจงอินเอาไว้เพราะกลัวตัวเองจะร่วงลงไปบนพื้น
“ซี๊ดด...ดดด!” แรงกระชากของคนเจ้าอารมณ์ส่งผลทำให้คนป่วยรู้สึกเจ็บตรงส่วนที่ถูกผ่าตัดจนถึงกับต้องส่งร้องออกมาเบาๆและเบ้หน้าเล็กน้อย รวมถึงเริ่มกอดคอของจงอินแน่นกว่าเดิมเพราะมันรู้สึกเกร็งไปทั้งร่างกาย
แล้วสิ่งที่กังวลก็เกิดขึ้นจริง...เพราะอารมณ์ของจงอินเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเดาออกได้เลยสักครั้ง และอีกไม่นานโรงพยาบาลก็คงกลายเป็นสนามรบ มันเหมือนจะชินกับอารมณ์ที่ไม่คงที่ของคนรัก แต่ด้วยสภาพร่างกายที่ไม่เหมือนเดิม เซฮุนจึงไม่มีแรงที่จะตอบโต้หรือทำให้จงอินใจเย็นลงได้เหมือนอย่างที่เคย ความเจ็บ...แล่นจากต้นขาลงไปจนถึงปลายเท้า ร่างกายทุกส่วนเกร็งไปหมด เม็ดเหงื่อเริ่มผุดบนหน้าผากจนผมที่ปรกใบหน้าเรียวสวยเปียกชื้น
“เฮ้ยย...จงอิน!! มึงไปวางเซฮุนลงบนเตียงก่อน สงสัยอาการจะไม่ค่อยดี” คนที่เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับเจ้าของโรงแรม...และเห็นเหตุการณ์มาตั้งแต่ต้นรีบเดินไปกดปุ่มฉุกเฉินบนหัวเตียง เพราะสีหน้าของคนป่วยเริ่มไม่ค่อยสู้ดีนัก
เสียงเตือนจากวิศวกรหนุ่ม...สามารถดับอารมณ์ของคนใจร้อนลงได้ และรีบนำร่างของคนป่วยไปวางลงบนเตียงอย่างเบามือ ส่วนคนที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำและกำลังเตรียมตัวพาคนป่วยไปทำกายภาพบำบัดก็รีบวิ่งเข้าไปกอดชานยอลทันที เพราะรู้สึกตกใจเสียงที่จงอินตะคอกใส่คนที่มาเยี่ยมเพื่อนรักและเกรงว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น
“พี่ชานยอล...ทำไมพี่จงอินต้องโกรธแบบนั้นด้วยละฮะ” เงยหน้าถามวิศวกรหนุ่มด้วยความสงสัยเพราะทั้งสายตา ทั้งน้ำเสียงและทุกๆอย่างที่จงอินแสดงออกมามันกำลังทำให้แบคฮยอนรู้สึกกลัว
“เดี๋ยวพี่เล่าให้ฟังทีหลังนะครับ ตอนนี้เราออกไปข้างนอกกันก่อนดีกว่า” พาแฟนตัวเล็กออกมาด้านนอก เพราะหมอและพยาบาลเริ่มเดินเข้ามาทีละคนเพื่อตรวจร่างกายของคนป่วย
อี้ฟานเดินตามออกมาด้วยอีกคน...เพราะไม่อยากทำให้คนป่วยรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้ ใช่ว่าไม่รู้สึกผิด แต่ก็ไม่ใช่ต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดเช่นกัน แผ่นหลังกว้างยืนพิงกำแพงและล้วงเครื่องมือสื่อสารในกระเป๋ากางเกงออกมาโทรหาคนรักที่ยังไม่มีวี่แววว่าจะขึ้นมาที่นี่เสียที และเมื่อรู้ว่าคนที่หายไปนานกำลังทำอะไรอยู่ที่ไหนอี้ฟานก็หายห่วง เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่มันทำให้รู้สึกเหนื่อยจนอยากกลับไปพักผ่อนที่โรงแรม แต่ก็ยังกลับไม่ได้เพราะถูกคนปลายสายสั่งห้ามเอาไว้เนื่องจากเจ้าตัวยังไม่ได้พบหน้าคนป่วย
กลับจีนคราวนี้...ก็คงอีกนานกว่าจะได้เจอกัน
...
...
...
“หมอสั่งให้พยาบาลจัดยาไว้แล้วนะครับ นอนพักสักครู่ก็จะดีขึ้น ส่วนอาการเจ็บก็ไม่น่าเป็นห่วง แต่พยายามอย่าให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกนะครับ เพราะเส้นเอ็นที่ถูกผ่าตัดยังยืดได้ไม่เหมือนเดิม และที่สำคัญ...ห้ามคนป่วยหกล้มเด็ดขาด”
“ขอบคุณมากนะครับคุณหมอ”
“งั้นวันนี้หมอสั่งงดการทำกายภาพบำบัดไปก่อนนะครับ แล้วพรุ่งนี้เช้าหมอจะมาตรวจอีกครั้งแล้วดูว่าคุณเซฮุนจะเริ่มทำกายภาพได้เมื่อไหร่”
เหมือนถอยหลังกลับไปที่จุดเริ่มต้นและรู้สึกผิดขึ้นมาทันที...เพราะความโมโหของตัวเองมันทำให้คนรักต้องหยุดทำกายภาพบำบัดไว้ชั่วคราว ซึ่งนั่นก็หมายความว่าสิ่งที่ทุ่มเท ลงมือ ลงแรงทำไปทั้งหมดมันกลายเป็นศูนย์ จงอินไม่ได้ห่วงเรื่องที่ต้องเหนื่อยกับการดูแลคนป่วย แต่โกรธ...ที่ทำให้อะไรๆมันแย่ลงไปกว่าเดิม เจ้าของโรงแรมไม่เคยเกลียดตัวเองเท่านี้มาก่อน เพราะเขาได้กลายเป็นคนที่ทำลายความหวังของคนป่วยไปโดยไม่ได้ตั้งใจ จากที่เซฮุนจะหายเร็วขึ้นกลับต้องมานอนเจ็บอีกครั้ง จากที่เริ่มเดินได้ก็ต้องนิ่งๆอยู่บนเตียงเหมือนอย่างวันแรก
แต่....
คงสำนึกผิดได้ไม่ได้นาน...เพราะเมื่อเดินออกมาส่งคุณหมอถึงหน้าห้องและได้ไถ่ถามอาการต่างของคนป่วยจนทราบถึงวิธีการรักษา แต่พอจะก้าวขากลับเข้าไปด้านใน สายตากลับเหลือบไปเห็นคนต้นเหตุของความโมโหที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากห้องของคนป่วย จงอินจึงรีบเปลี่ยนเป้าหมายจากการดูแลคนรักแล้วเดินเข้าไปกระชากคอเสื้อของอี้ฟานทันที
“มึงมาที่นี่ทำไม!!!? มึงต้องการอะไร!?”
“หยุดนะ หยุดเดี๋ยวนี้!!!!”
พลั่กก!!!
ยังไม่ทันที่ใครสักคนจะได้เอ่ยปากพูดหรือได้รับคำตอบที่น่าพอใจ จงอินก็ถูกมือเรียวสวยของผู้ที่หายตัวไปนานกระชากคอเสื้อจากทางด้านหลัง แล้วใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักจนล้มลงไปกับพื้น คนขี้โมโหรีบลุกขึ้นมาอีกครั้งและเริ่มโกรธมากขึ้นกว่าเดิม แต่ดี...ที่ไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นเพราะคนที่เข้ามาห้ามศึกใหญ่ครั้งนี้ไว้ได้ทันก็คือคนที่พาแฟนตัวเล็กไปซื้อของหวานสุดโปรด
“คุณเป็นใคร!!!? บ้าหรือเปล่า? แล้วมาทำร้ายร่างกายแฟนของผมทำไม?!” เจ้าของแรงผลักที่ทำให้จงอินล้มลงไปกองอยู่กับพื้น ถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่จริงจังด้วยภาษาสากลเพราะเจ้าตัวยังพูดภาษาเกาหลีไม่ค่อยได้ พร้อมกอดคนรักของตัวเองไว้แน่นด้วยความเป็นห่วง
ใช่ว่าอี้ชิงจะหลงทางเหมือนอย่างที่คนป่วยคิด แต่เป็นเพราะหลังจากหยิบของที่ลืมไว้ออกมาจากรถได้แล้ว คุณแม่ก็โทรมาถามเรื่องสำคัญจนต้องเสียเวลาคุยกันอยู่นาน พอคุยธุระเรียบร้อยก็รีบขึ้นมาที่นี่ทันที แต่เมื่อถึง...กลับเห็นอี้ฟานถูกผู้ชายผิวเข้มกระชากคอเสื้อต่อหน้าต่อตาโดยไม่คิดจะตอบโต้อะไรกลับไปสักอย่าง
“เป็นสามีของคนที่พวกคุณมาเยี่ยมโดยไม่ได้รับอนุญาตไง!!! กลับไปให้หมดเลยนะ แล้วไม่ต้องมาที่นี่อีก!!”
“เราเป็นเพื่อนของคุณเซฮุน แล้วผมก็ไม่คิดว่าคุณเซฮุนจะมีสามีที่แย่แบบนี้!!...แค่มาไปเยี่ยมคนป่วย ทำไมต้องขออนุญาต คุณมันคนบ้าชัดๆ!!!!!!”
ต่างคนต่างอารมณ์ร้อนและไม่มีใครยอมใคร...เพราะจงอินเคยสั่งพยาบาลทุกคนเอาไว้ว่าอย่าให้ใครเข้ามาเยี่ยมคนป่วยห้องนี้โดยเด็ดขาดถ้าไม่ใช่คนในครอบครัว แถมเรื่องบาดหมางระหว่างเขากับอี้ฟานก็ใช่ว่าจะดีกันได้ง่ายๆเหมือนอย่างที่เซฮุนอยากให้เป็น ส่วนอี้ชิง...ก็ยังโกรธคนตรงหน้าไม่หายและการสั่งห้ามนั่นห้ามนี่ในสิ่งที่ไม่ควรก็ยิ่งทำให้หงุดหงิดมากขึ้นไปอีก มาโรงพยาบาลก็ต้องได้เยี่ยมคนป่วย และการที่แฟนถูกทำร้ายก็ไม่ควรเกิดขึ้นในที่แบบนี้
“มึงปล่อยให้พวกเขาไปเยี่ยมเซฮุนเถอะ กูเคยบอกมึงแล้วไง...ว่าเรื่องระหว่างเซฮุนกับอี้ฟานมันไม่มีอะไรแล้วจริงๆ มึงอยากเห็นเซฮุนอาการทรุดเหรอวะ!!?”
เหมือนเป็นวัน...ที่ต้องมาไกล่เกลี่ยความขัดแย้งหรือคอยดึงสติให้เพื่อนกลับมาเป็นผู้เป็นคนก่อนที่เรื่องราวจะบานปลายไปมากกว่านี้ แค่เห็นสภาพคนป่วยก่อนที่หมอจะเข้ามาตรวจร่างกาย ชานยอลก็พอจะเดาออกว่าแรงดึงของเพื่อนขี้โมโหมันอาจทำให้เซฮุนเกิดอาการบาดเจ็บ แล้ว....มันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ความวัวยังไม่ทันหายความควายที่แรงเยอะจนทำให้คนป่วยต้องหยุดการทำกายภาพบำบัดไปชั่วคราวก็ทำให้เพื่อนผิวเข้มต้องมานั่งคอตกอยู่ในตอนนี้
วิศวกรหนุ่มเป็นผู้รับฟังที่ดี...แต่คงช่วยพูดให้คนตัวเล็กหายโกรธเจ้าของโรงแรมอีกครั้งเห็นจะเป็นเรื่องยาก?!!
...
...
...
แกร๊กก!!!
“น้องแบคครับ...กลับไปพักเถอะ เดี๋ยวพี่ดูแลเซฮุนต่อเอง”
เสียงเปิดประตู...ที่มาพร้อมกับเสียงคนเจ้าอารมณ์ที่ตอนนี้ดูจะใจเย็นลงแล้ว มันทำให้คนตัวเล็กถึงกับออกอาการไม่พอใจ และต้องหันไปมองด้วยหางตาก่อนจำเป็นต้องละจากการทำหน้าที่ดูแลคนป่วยในวันนี้ ถ้ารู้ว่าจงอินเป็นคนใจร้อนและมีนิสัยที่ขัดกับน้ำเสียงทุ้มนุ่มที่เพิ่งได้ยินไปเมื่อครู่ แบคฮยอนคงไม่มีทางหายโกรธผู้ชายคนนี้ง่ายๆแน่นอน เพราะทำเพื่อนรักของเขาเจ็บตัวซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไม่น่าอภัย มือบางถูกกุมไว้ด้วยมือของคนตัวใหญ่ ส่วนอีกมือก็รีบโบกไปมาเพื่อร่ำลาคนป่วยแล้วเดินทางกลับไปพักที่คอนโดฯพร้อมวิศวกรหนุ่มทันที
หลังจากปล่อยให้คนป่วยอยู่กับผู้ที่อยากมาเยี่ยมจนพอใจ และตอนนี้ทุกคนก็กลับกันไปหมดแล้ว จงอินจึงเข็นรถของคนป่วยเข้ามาในห้องน้ำ เพราะมันถึงเวลาที่เขาก็ทราบดีว่าจะต้องทำอะไรบ้าง เวลาที่คนป่วยต้องทานยา เวลาที่คนป่วยต้องขับถ่าย เวลาที่คนป่วยแอบนอนร้องไห้ตอนกลางคืนบ่อยๆเพราะปวดขา ทุกๆความเคลื่อนไหว ทุกๆสิ่งที่เกี่ยวกับโอเซฮุนเขารู้...และเห็นมาตั้งแต่วันแรกที่คนรักต้องมานอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล
จงอินรู้ดีทุกอย่าง...และตอนนี้มันก็ถึงเวลาที่คนป่วยต้องอาบน้ำ
แต่...แทนที่จะถอนเสื้อผ้าให้เซฮุน เขากลับถอดเสื้อผ้าของตัวเองจนทำให้คนที่นั่งอยู่บนรถเข็นถึงกับต้องเบือนหน้าหนีด้วยความเขินอาย และคิดว่า...เจ้าของกายสีน้ำผึ้งกำลังจะทำอะไรกันแน่?? คนป่วยทิ้งสายตาไว้บนตักของตัวเองอยู่ได้ไม่นานก็ถูกคนที่ไร้อาภรณ์ไปก่อนหน้านั้นจับเปลื้องผ้าออกจนหมดและอุ้มเข้ามาในห้องน้ำอาบน้ำทันที
“พี่จงอินจะทำอะไรคะ...ครับ อ๊ะ!!!” ร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อร่างสวยเปลือยเปล่าสัมผัสกับสายน้ำจากฝักบัวที่ถูกเปิดด้วยมือของร่างเปลือยเปล่าอีกคนที่หุ่นดีจนน่าอิจฉา เป็นผู้ชายเหมือนกันแต่ตัวเขากลับผอมบางและดูไม่แข็งแรงเท่าคนที่อยู่ตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย
“พี่ขออาบน้ำด้วยคนได้ไหมครับ” เทครีมอาบน้ำ...แล้วลูบลงบนผิวกายของคนป่วยเหมือนอยากจะลบรอยอ้อมกอดของหนุ่มลูกครึ่งออกให้หมด และพูดเหมือนเป็นการขออนุญาตทั้งๆที่ยังไม่มีใครรับปากหรือยอมตกลงด้วยเลยสักคำ
ปกติจงอินจะอาบน้ำให้เซฮุนโดยที่เจ้าตัวไม่เคยอาบด้วยเลยสักครั้ง เพราะกลัวจะอดทนต่อความเย้ายวนของร่างสวยไม่ไหวจนเผลอทำอะไรเกินเลยมากกว่าแค่การอาบน้ำ แต่วันนี้มันต้องแหกกฎและจะพยายามควบคุมอารมณ์เท่าที่จะทำได้ เอาแต่ใจ ขี้โมโห หงุดหงิดง่าย...มันเป็นนิสัยที่แก้อย่างไรก็แก้ไม่หาย ยิ่งความหึงหวง...ก็ยิ่งเป็นนิสัยที่ไม่มีวันน้อยลงและไม่มีวันที่จะแก้ไขได้แน่นอน
“เฮ้อออ...ยังไม่หายโกรธอีกเหรอครับ พี่จงอินอาบน้ำให้เซฮุนจนครีมในขวดมันจะหมดมั้ง...จะขัดอะไรเยอะแยะครับ เซฮุนสกปรกขนาดนั้นเหรอ” อาบนานเท่าไหร่ก็อายมากขึ้นเท่านั้น และเซฮุนก็รู้ดีว่าคนรักกำลังอยู่ในอารมณ์โมโหปนสำนึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ แต่...การเปลือยเปล่าด้วยกันทั้งคู่มันค่อนข้างเป็นสถานการณ์ที่หน้าหนักใจไม่ต่างกัน
จุ๊บบ!!
จุ๊บบ!!
“ถอนหายใจใส่พี่แบบนี้...แสดงว่าเซฮุนเบื่อพี่แล้วใช่ไหมครับ” ละมือจากการลูบครีมอาบน้ำให้ร่างสวย แล้วนั่งคุกเข่าลงแทรกหว่างขาของคนรักที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ พร้อมสอดแขนทั้งสองข้างโอบกอดเอวบางเอาไว้ ปากหยักจูบซ้ำๆลงบนสะโพกกลมกลึงด้วยความห่วงความหวง และรู้ตัวดีว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดมันคือความผิดของตัวเอง แต่มันก็ควบคุมอารมณ์ไม่ได้เมื่อเห็นคนรักอยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายคนอื่น
“ใครจะกล้าเบื่อสามีของตัวเองล่ะครับ...เซฮุนรักพี่จงอินนะครับ เซฮุนรู้ว่าพี่จงอินเป็นห่วง แต่คราวหน้าอย่าทำแบบนี้อีกนะครับ มันเหมือนพี่จงอินไม่ไว้ใจเซฮุน” ไม่เคยตามอารมณ์ของผู้ชายคนนี้ได้ทัน แต่ก็ใช่ว่าไม่เข้าใจ ยอมรับว่าโกรธ...เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นมันทำให้การหัดเดินของเขาต้องถูกเลื่อนออกไป แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว โกรธไปก็พาลแต่จะทำให้ทุกอย่างมันแย่ลง
“พี่ก็รักเซฮุนนะครับ รักมากๆ” โอบกอดคนที่ไม่เคยโกรธกันเลยสักครั้ง ไม่ว่าเขาจะนิสัยเสียแค่ไหน โกรธมากเท่าใดหรือเอาแต่ใจด้วยเรื่องอะไร แล้วก็รักมากจนไม่สามารถหาคำมาบอกถึงปริมาณของคำว่ารักได้ เพราะเขารักเซฮุนมากจริงๆ...มันมากจนทำให้จงอินใกล้จะเป็นบ้าเข้าไปทุกที
มือสองข้าง...ที่เต็มไปด้วยฟองของครีมอาบน้ำ แนบลงไปบนแก้มนุ่มของคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้แล้วค่อยๆโน้มลงมาเพื่อรับจูบอันแสนอ่อนโยน ลิ้นอุ่นชื้นกวาดชิมความหวานที่หวานมากขึ้นทุกวัน หวงมากขึ้นทุกวันและรักมากขึ้นทุกวัน ปากหยักบดเบียนป้อนรสสัมผัสที่เริ่มร้อนแรงขึ้น และจากมือที่จับแก้มนุ่มเอาไว้ก็เลื่อนลงมาลูบไปตามเอวคอดก่อนเน้นหนักขึ้นเมื่อลากมือผ่านสะโพกกลมกลึง
มือบางจิกลงบนไหล่ของคนมากประสบการณ์เหมือนที่เป็นระบายความอึดอัด และดี...ที่ฟองของครีมอาบน้ำมันช่วยบดบังบางอย่างที่เริ่มตื่นตัวจนน่าอาย อ่อนระทวยจนร่างแทบหลอมละลายหายไปกับเก้าอี้เมื่อถูกมือหนาปัดป่ายและจงใจเค้นคลึงยอดอกจนสะท้านไปทั่วทั้งเรือนกาย
แต่แล้ว....
“อื้มมมม” ต้องส่งเสียงร้องเพื่อขออากาศหายใจจากคนที่นั่งคุกเข่าอยู่ด้านล่าง เพราะมันเริ่มหายใจไม่ทัน
“พี่ขอโทษนะครับ เดี๋ยวพี่ล้างตัวให้ เซฮุนจะได้นอนพัก” พูดตัดบทเพราะกลัวใจตัวเองจะเตลิดไปมากกว่านี้ จงอินลุกขึ้นเต็มความสูงและรีบหันหน้าเข้ากำแพงก่อนที่คนป่วยจะเห็นสิ่งที่เขาอาจต้องเข้ามาปลดปล่อยด้วยตัวเองในภายหลัง
“พี่จงอิน เอ่ออ...ให้เซฮุนช่วยนะครับ” ใช่ว่าจะหลบพ้นสายตาของเซฮุนไปได้ และเข้าใจความรู้สึกของคนที่หันหลังให้เพราะปกติคนอย่างคิมจงอินไม่เคยต้องมาอดทนกับเรื่องแบบนี้ เหมือนเป็นความผิดของตัวเองที่สภาพร่างกายมันไม่สามารถตอบสนองในสิ่งที่จงอินต้องการได้ แต่ก็ยังอยากช่วย...ถึงแม้จะทำได้ไม่เหมือนเดิมก็ตามที
“ช่างมันเถอะครับคนเก่ง...เดี๋ยวมันก็หาย” คว้ามือบางไว้ได้ทันก่อนที่คนป่วยจะจับโดนส่วนที่ไม่สมควรสัมผัส เพราะถ้าได้เริ่มเมื่อไหร่ มันคงไม่หยุดอยู่แค่นั้น
ผลัดกันอาบน้ำจนพอใจและแต่งตัวเสร็จกันเสร็จสรรพ...จงอินก็อุ้มคนป่วยออกมาจากห้องน้ำและวางลงบนเตียงอย่างเบามือ นอนดูทีวีไปสักพัก...พยาบาลก็เดินเข้ามาในห้องเพื่อวัดไข้ วัดความดันตามหน้าที่เป็นรอบสุดท้ายของวัน พร้อมจัดยาก่อนนอนให้ตามปกติ คนป่วยนอนตัวหอมฟุ้งอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาและกำลังเอื้อมมือไปหยิบรีโมตเพื่อเปลี่ยนจากการดูฟุตบอลทีมโปรดของคนรักไปเป็นรายการทำอาหาร แต่...เสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างตัวกลับเบนความสนใจไปเสียก่อน
และชื่อ...ที่ปรากฏอยู่บนเครื่องมือสื่อสารก็ทำให้คนป่วยยิ้มจนแก้มแทบปริแล้วรีบกดรับทันที
Rrrrr!!!
“สวัสดีครับคุณพ่อ”
(วันนี้เซฮุนคนเก่งของพ่อเป็นยังไงบ้าง หื้ม?)
“สบายดีครับ...แล้วคุณพ่อล่ะครับสบายดีไหม?? งานที่ญี่ปุ่นราบรื่นดีหรือเปล่า?”
(ราบรื่นดี...เหลือเคลียร์เอกสารอีกนิดหน่อยก็เรียบร้อยแล้ว)
“จริงเหรอครับ!!? งั้น...เซฮุนจะรีบหายไวๆ แล้ววว...คุณพ่อจะกลับมาวันไหน?”
(เซฮุนใจเย็นๆก่อนลูก...ทุกอย่างต้องใช้เวลา อย่าทำอะไรหักโหม เซฮุนเข้าใจที่พ่อพูดใช่ไหม??)
“เข้าใจครับ ผมรักพ่อนะครับ...รักที่สุด”
(พ่อก็รักเซฮุนนะลูก อดทนอีกหน่อยนะ...แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง)
“ขอบคุณมากนะครับคุณพ่อ”
ทำเอาคนที่ยืนฟังการสนทนาอยู่ใกล้ๆ...อดนึกสงสัยไม่ได้ว่าคนป่วยกำลังยิ้มหรือมีความสุขอยู่กับพ่อบุญธรรมด้วยเรื่องอะไร เพราะทั้งตอนรับสายและตอนวางสายเซฮุนก็ยังคงยิ้มไม่หุบ จงอินหยิบยาก่อนนอนที่พยาบาลเตรียมไว้ให้ป้อนใส่ปากคนที่คุยเจื้อยแจ้วอยู่เมื่อครู่แล้วตามด้วยน้ำ คนป่วยนอนหลับตานึกถึงสิ่งที่ฝันมานานและถ้าทุกอย่างเป็นความจริงเมื่อไหร่ เขาก็พร้อมที่เล่าทุกอย่างให้คนรักฟังทั้งหมดและหวังเพียงว่า......
คนที่เข้าใจ...คนที่รู้ว่าเขาชอบอะไรมากที่สุดและคนที่ดูแลเขาเป็นอย่างดีอยู่ในตอนนี้จะยอมรับในความฝันของเขา
❀
Agapanthus Condominium โซล
19.48 น.
“น้องแบค...หยิบขวดซอสตรงนั้นให้พี่หน่อย” เดินทางกลับมาถึงคอนโดฯของแฟนตัวเล็กได้สักพัก ชานยอลก็มาทำหน้าที่เป็นพ่อครัวต่อทันที และลงมือปรุงของทานเล่นระหว่างนั่งดูหนังเรื่องใหม่ที่เพิ่งแวะซื้อก่อนกลับเข้ามาที่ห้อง
“วันนี้น้องแบคขอกินเบียร์ด้วยได้ไหมฮะ” ยื่นขวดซอสให้พ่อครัวตามคำบอกและเอ่ยปากขออนุญาตกินเครื่องดื่มสีเหลืองที่มีฟองนุ่มๆด้วยคน เพราะเห็นเนื้อชิ้นใหญ่และผักสีต่างๆที่กำลังถูกมือหนาคนไปคนมาอยู่ในกระทะมันช่างน่าทาน แถมยังส่งกลิ่นหอมจนเริ่มอดใจรอไม่ไหว
“กินได้ครับ...แต่ให้กินได้แค่กระป๋องเดียว ตกลงไหม? เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าน้องแบคตื่นไปเยี่ยมเซฮุนไม่ไหว” เทอาหารที่ทำเสร็จแล้วใส่จานยื่นให้คนที่ร้องขอกินเบียร์เมื่อครู่นำไปวางบนโต๊ะหน้าทีวี แล้วถอดผ้ากันเปื้อนวางไว้บนเคาน์เตอร์ห้องครัวตามเดิม
ไม่รับปาก...แถมยังฮัมเพลงอยู่ในลำคอ แล้วเดินถือจานที่มีเนื้อผัดซอสเป็นของทานเล่นวางไว้บนโต๊ะ คนตัวเล็กเดินกลับไปหยิบขนมขบเคี้ยวในครัวอีกรอบ พร้อมเปิดตู้เย็นก่อนคว้าเบียร์ออกมาหนึ่งแพ็ค มือบางแกะขนมเทใส่ชามแก้วใบโตจนเกือบล้น และเริ่มเปิดหนังดูเมื่อวิศวกรหนุ่มทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา
แต่....
“ตกลงคุณคริสมีปัญหาอะไรกับพี่จงอินเหรอฮะ แล้วววว...วันนี้พี่จงอินก็น่ากลัวมากเลย น้องแบคเพิ่งเคยเห็น” กด Pause หนังเอาไว้ เพราะมีเรื่องบางอย่างที่ยังไม่รับคำตอบและคนถูกถามก็ไม่ยอมเล่าเสียที แบคฮยอนอดใจรอมาตั้งแต่ตอนอยู่ที่โรงพยาบาล รอจนกลับมาถึงคอนโดฯ รอจนพ่อครัวทำอาหารเสร็จ รอ รอ รอ รอจนรอไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
“น้องแบคจำตอนที่แอบหนีไปเที่ยวกับเซฮุนได้ไหม” ดื่มเบียร์ไปด้วยคุยไปด้วย เพราะสิ่งที่ตัวเองกำลังจะเล่ามันเป็นเรื่องที่ผ่านไปนานมากแล้ว และไม่มีสิ่งใดให้ต้องกังวลหรือปิดบังกันอีก
“จำได้สิฮะ วันนั้นน้องแบคเกือบโดนพี่ชานยอลบอกเลิกด้วย!!! แต่...มันเกี่ยวอะไรกับคุณคริสเหรอฮะ” ใครจะกล้าลืมเพราะการตักเตือนด้วยท่าที่เย็นชา การใช้น้ำเสียงดุดันแต่ไม่แสดงอารมณ์โกรธหรือคำพูดที่เหมือนเป็นการบอกเลิกทางอ้อม ทุกๆอย่างมันทำให้เขาร้องไห้ไม่หยุด
วิศวกรหนุ่ม...ถึงกับต้องวางกระป๋องเครื่องดื่มลงบนโต๊ะหน้าทีวี และเริ่มเล่าเรื่องของผู้ชายที่ชื่ออู๋อี้ฟานให้คนขี้สงสัยฟังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ใช่ว่าอยากรื้อฟื้นเรื่องเก่าๆขึ้นมาพูด แต่ตอนนี้มันถึงคราวจำเป็นที่จะต้องอธิบายให้เข้าใจ เพราะหนึ่งในคนต้นเรื่องก็ถือว่าเป็นเพื่อนรักของแฟนตัวเล็ก คนทำหน้าที่เล่าเรื่อง...คิดว่าเซฮุนคงไม่ได้บอกหรือคุยปัญหาที่สะสมมานานให้แบคฮยอนฟังสักเท่าไหร่ เนื่องจากต่างคนต่างก็ทำงานกันคนละที่และนิสัยความเกรงใจของเซฮุนก็มีมากเกินจะเอ่ยปัญหาของตัวเองให้ใครได้รับรู้
“ที่นี่เข้าใจแล้วใช่ไหม ว่าทำไมวันนี้จงอินถึงต้องโมโหขนานนั้น” คว้าเบียร์บนโต๊ะมาดื่มหลังจากที่เล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้จนจบ และเอนกายหนุนตักของแฟนตัวเล็กที่นั่งอยู่บนโซฟาด้วยกันอย่างสบายใจ เพราะมันความรู้สึกเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก
“หูยยยย!!!!...คุณคริสไม่น่าเป็นคนแบบนั้นเลยนะฮะ น้องแบคอุตส่าห์ปลื้ม แล้วเนี่ยๆ...คุณคริสยังให้นามบัตรมาด้วยนะฮะ บอกให้ไปเที่ยวที่โรงแรมได้ตามสบาย เฮ้อออ...เสียดายคนหล่อ รู้งี้น้องแบคไม่ให้เข้ามาเยี่ยมเซฮุนหรอก เชอะ!!!” ชูนามบัตรที่หยิบออกมาจากกะเป๋าเสื้อเชิ้ตขึ้นมาโชว์ และเบะปากทันทีเพราะไม่คิดว่าเจ้าของโรงแรมคนเก่งที่ตัวเองอ่านมาจากนิตสารฉบับหนึ่งจะมีนิสัยติดลบและขัดแย้งกับหน้าตาจนเหมือนไม่ใช่คนคนเดียวกัน
แควกกกก!!!
รีบลุกขึ้นนั่งหลังตรง...และคว้านามบัตรที่คนตัวเล็กเอามาอวดฉีกทิ้งต่อหน้าแบบไม่ใยดี คำก็หล่อ สองคำก็ปลื้ม ชานยอลอดเคืองแฟนของตัวเองไม่ได้ที่เอาแต่พูดชมคนในนามบัตรไม่หยุดปาก แถมยังทำหน้าเหมือนเสียดายคนแบบอี้ฟานจนนึกหงุดหงิดใจ มือหนาปาเศษกระดาษลงบนพื้น แล้วเปิดเครื่องดื่มกระป๋องใหม่ขึ้นมาทานเพื่อดับอารมณ์ของความหงุดหงิด
“น้องแบครู้จักกับอี้ฟานด้วยเหรอ แล้วไปรู้จักมันตอนไหน แล้วเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า” ถามด้วยความสงสัยปนหงุดหงิด แต่ก็พยายามระงับอารมณ์เอาไว้เพราะไม่อยากเป็นบ้าเหมือนเพื่อนผิวเข้ม
“ไม่เคยเจอครับ ไม่รู้จักด้วย เพิ่งเคยเห็นตัวจริงวันนี้ครั้งแรก แต่น้องแบคเคยไปที่โรงแรมของคุณคริสตอนเด็กๆนะครับ คุณพ่อพาไป เฮ้อออ...พูดแล้วก็เสียดาย คุณคริสเก่งมากเลยนะฮะ เป็นเจ้าของโรงแรม เป็นนายแบบ เป็นนู้นเป็นนี้ แต่นิสัยแย่จัง” พูดจบก็ใช้ส้อมจิ้มเนื้อชิ้นโตเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆโดยไม่ได้สังเกตเลยว่าคนรับฟังกำลังอยู่ในอารมณ์ไหนหรือมีสีหน้าอย่างไร
“ปลื้มมากขนาดนั้น...ก็ไปอยู่กับมันเลยดีไหม!? พี่มันไม่หล่อ ไม่เก่ง ไม่น่าปลื้มเหมือนมันหรอกนะ!!” กระดกน้ำเมาเข้าปากจนหมด แล้วกระแทกกระป๋องเปล่าลงกับโต๊ะ จากนั้นก็คว้ารีโมตที่วางอยู่ตรงหน้ามากด Play เพื่อจะได้เริ่มดูหนังสักทีหลังจากที่ Pause ไว้นานแล้ว
“ฮึกก!!...พี่ชานยอลไล่น้องแบคทำไม ฮึก! น้องแบคทำอะไรผิดเหรอฮะ” กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่เมื่อได้ยินน้ำเสียงราบเรียบที่เอ่ยแฝงไปด้วยถ้อยคำที่เจ็บปวด และทำท่าทีเหมือนไม่พอใจโดยการวางสิ่งของต่างๆกระทบกระทั่งกันไป
เสียงร้องไห้ที่ดังกลบเสียงภาพยนตร์ในโทรทัศน์...ทำให้ชานยอลต้องรีบหยิบรีโมตมากด Pause อีกครั้งด้วยความร้อนรน ไม่คิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำไปเมื่อครู่จะเป็นเหตุให้คนตัวเล็กถึงกับร้องไห้ แต่...มันก็อดน้อยใจไม่ได้เพราะเสียงชื่นชมด้วยความปลาบปลื้ม สีหน้าที่แสดงออกถึงความหลงใหล ร้อยยิ้มจากปากบางสีหวาน ทุกๆอย่างมันคือของเขาคนเดียวเท่านั้น เพิ่งเข้าใจความรู้สึกของเพื่อนผิวเข้มก็ตอนนี้และชานยอลก็ใกล้จะเป็นบ้าเหมือนอย่างที่เคยว่ากล่าวจงอินเอาไว้
วิศวกรหนุ่ม...ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะคบกับใครได้นาน แถมคนที่คบอยู่ตอนนี้ก็อายุห่างกันค่อนข้างมาก และการตกลงเป็นแฟนกันก็ยังเป็นเพียงแค่เรื่องเข้าใจผิด ทุกๆอย่างของการเริ่มต้นความรักในครั้งนี้มันแทบไม่ได้เกิดจากความรัก แต่มันเกิดจากความสงสารและความเห็นใจกันมากกว่าถ้าให้นึกถึงความรู้สึกในตอนนั้น แต่พอคบกันมาเรื่อยๆ...จากวันกลายเป็นสัปดาห์ จากสัปดาห์กลายเป็นเดือนจนมาถึงตอนนี้ แบคฮยอนก็ทำให้ตัวเขารู้ว่าคนที่ถูกรักด้วยหัวใจจริงๆมันเป็นเช่นไร มันไม่ใช่แค่การนอนกอดกันเพียงแค่คืนเดียวแล้วก็จากไป มันไม่ใช่สิ่งชั่วคราว ไม่ใช่รักปลอมๆเหมือนที่เคยเจอ
“ไม่ร้องไห้นะครับน้องแบค พี่ชานยอลขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ คราวหลังพี่จะไม่พูดแบบนั้นอีกแล้ว ดีกันนะครับ” ดึงเด็กขี้แยเข้ามากอดเอาไว้จนเต็มอ้อมอก และหอมกลุ่มผมนิ่มด้วยความรัก
“น้องแบครักชานยอลคนเดียว ฮึกก!! ไม่มีใครเก่งเท่าพี่ชานยอลของน้องแบคอีกแล้ว” ซบหน้าที่เปื้อนน้ำตาแห่งความเสียใจลงบนอกกว้าง แล้ววาดมือกอดตอบวิศวกรหนุ่มไว้แน่น
“พี่รักน้องแบคนะครับ รักมากๆ พี่ขอโทษนะครับ” รั้งเอวบางและดึงความกลมกลึงให้ขึ้นมานั่งบนตักกว้าง แล้วก้มกายป้อนจูบอันแสนอ่อนโยนให้ทันทีเมื่อปรับความเข้าใจกันได้สำเร็จ
จากรสสัมผัสที่อ่อนโยนเริ่มเปลี่ยนเป็นร้อนแรงขึ้น...เมื่อความต้องการภายในใจมันสั่งให้ทำมากกว่าแค่การจูบ อาภรณ์ของคนบนตัก...ถูกปลดเปลื้องไว้แบบหมิ่นเหม่ แต่กลับทำให้คนตัวใหญ่กว่ารู้สึกว่ามันน่ามองและทำให้ก้อนเนื้อด้านซ้ายเต้นผิดจังหวะได้อย่างไม่น่าเชื่อ กางเกงถูกถอดกองไว้บนหน้าขา ร่างกายขยับไปตามแรงอารมณ์พร้อมส่งเสียงร้องน่าอายดังก้องไปทั่วทั้งห้องนั่งเล่น
มือหนา...ฟอนเฟ้นลูบไล้คนที่อยู่นั่งบนตัก และจับความกลมกลึงไว้แน่นก่อนส่งความวาบหวาบให้จนแผ่นหลังขาวเนียนแอ่นโค้ง ปากหยักกดจูบไปตามร่างกายของคนที่ทำให้เขาแทบคลั่ง และเริ่มคลั่งมากยิ่งขึ้นเมื่อเจ้าของสะโพกที่เขาเป็นคนควบคุมอยู่เมื่อครู่ ขยับบดเบียดสร้างความสุขให้จนแทบไม่อยากให้บทรักมันจบลงในเวลานี้ ผิวเนื้อแดงระเรื่อ กลุ่มผมนิ่มสะบัดไปมาเพื่อระบายความรู้สึก และ.....
“พะ...พี่ชานยอลล!!!”
“อื้มมม....เด็กดี!”
เจ้าของชื่อ...รีบอุ้มคนบนตักไปเติมเต็มความต้องการในห้องนอนทันที เพราะบทรักมันไม่มีทางจบเพียงแค่ครั้งเดียวอย่างแน่นอน และต่อให้คนที่หมดแรงจนต้องซบหน้าลงบนไหล่ของเขาจะไม่ยินยอม แต่ใครจะสน?? เสียงจูบ เสียงร้องแสนหวาน การเคลื่อนกายไปตามแรงอารมณ์ก็ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งบนเตียงกว้าง
ตอนนี้...คู่รักที่เพิ่งปรับความเข้าใจกันได้ไม่นาน ไร้ซึ่งอาภรณ์ ไม่รู้เวลา ไม่รู้แม้กระทั่งการสิ้นสุดของเพลงรักในค่ำคืนนี้ ♡....♪♫♪..♫.....♡...♪♫♪......♡..♪♫♪♫.....♡
...
...
...
“นะ...น้องแบคค!!! อ่าห์”
❀
100%
แก้ไขเมื่อ 10/02/61
ขอบคุณที่ยังคงติดตามกันอยู่นะคะ ขอบคุณมากๆ ขอบคุณจากใจจริง
แล้วจะเข้ามาแก้คำผิดเรื่อยๆค่ะ
รัก ♥
#ดอกไม้ของเจ้านาย
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

712 ความคิดเห็น
-
#575 /tl26&? (จากตอนที่ 27)วันที่ 27 กรกฎาคม 2561 / 19:38คิมจงอินไม่น่าใจร้อนเลย ทำให้เซฮุนต้องเจ็บอีกแล้ว จนเริ่มรู้สึกกลัวว่าถ้าวันนึงเซฮุนทนไม่ไหวขึ้นมาล่ะ ... แล้วเรื่องความฝันของเซฮุนอีก จงอินจะเข้าใจใช่มั้ย ยังนึกไม่ออกเลยว่าเรื่องจะจบยังไง เหมือนเราคิดว่ามันควรจะเป็นแบบนี้แต่ก็ออกมาเป็นอีกแบบ ทำให้รู้สึกว่ามีอะไรให้ติดตามตลอดเลย55555 ส่วนชานแบคนี่ไม่ห่วงเลยค่ะ น้องแบคขี้อ้อนขนาดนี้พี่ชานจะไปไหนรอด ชอบความสัมพันธ์ของสองคนนี้มากเลย เอ็นดูมากๆ55555#5750
-
#498 Jammie-Lee (จากตอนที่ 27)วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2561 / 01:05อ่า ต้องได้พักการรักษาเลย แต่เดี๋ยวก็หายแล้วๆๆ#4980
-
#333 อัญมณีสีสวย (จากตอนที่ 27)วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2560 / 14:57โอยย สงสารเซฮุนมากเลย เป็นใครก็น้อยใจแหละ พี่จงอินควรคิดตรงนี้ให้มากๆนะ เข้าใจว่างานยุ่งและเป็นห่วง แต่ไม่ควรให้คนอื่นมาทำแทนเลย โอยยยย เดี๋ยวยุให้ห้องหนีเลยนี่#3330
-
#332 Miki Pattarika (จากตอนที่ 27)วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2560 / 22:39สงสารเซฮุนเวลาแอบน้อยใจจัง ฮืออออออออ#3320
-
#324 ME3 KAEKY (จากตอนที่ 27)วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2560 / 08:14ไรท์กลับมาพร้อมต้มน้ำร้อนนน#3240
-
#323 Action!! (จากตอนที่ 27)วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2560 / 00:41ไรท์กลับมาพร้อมกับมาม่าหม้ใหญ่ ฮึก เร่ไม่หิว เราไม่กิน#3230
-
#322 Tippawan Srisuk (จากตอนที่ 27)วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2560 / 22:46หวานม่ายทันไรกลิ่นมาม่ามาอีกล่ะเห้อออออออออออออ#3220
-
#321 kan96 (จากตอนที่ 27)วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2560 / 22:16รอนะคะ#3210
-
#320 Pinkdao (จากตอนที่ 27)วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2560 / 21:14สงสารเซฮุนจังอึดอัดแย่เลย ใครมาช่วยแบคอ่ะ#3200
-
#319 chanbaekKaihun (จากตอนที่ 27)วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2560 / 20:35สงสารยุนอานะเเต่ถ้าเป็นเซฮุนเราก็อึดอัดอ่ะมันไม่มีใครสบายใจหรอกนะเรื่องแบบนี้อ่ะ#3190