ตอนที่ 24 : ❀ 24
ดอกไม้ดอกที่ 24
โรงแรม เชจู
10.45 น.
2 สัปดาห์ต่อมา...
Rrrrr!!
Rrrrr!!
“(พี่ชานยอลทำอะไรอยู่เนี้ยย...ทำไมไม่รับโทรศัพท์สักที!!???)”
มันเป็นเสียงบ่นของคนที่ตั้งตารอแฟนกลับมากจากโซล และตัวเอง..ก็เพิ่งเดินทางออกมาจากสนามบินเพราะต้องไปส่งลูกค้าคนสำคัญของคุณพ่อตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย มือเรียวสวย...กดวางสายแล้วเก็บเครื่องมือสื่อสารใส่กระเป๋ากางเกงไว้เหมือนเดิมเมื่อกล่องโดยสารสี่เหลี่ยมมันพร้อมที่จะพาไปส่งยังห้องทำงานเพื่อเคลียร์เอกสารต่างๆที่ทำค้างไว้ ขาเรียวในกางเกงสแล็คสีดำก้าวเท้าเข้ามาในลิฟท์ด้วยความรู้สึกหงุดหงิดใจเรื่องที่แฟนไม่ยอมรับโทรศัพท์ทั้งๆที่บอกเอาไว้ว่าจะกลับโซลวันนี้
หลังจากทราบข่าวร้ายเรื่องของเพื่อนรัก คนตัวเล็กก็ต้องทำงานอยู่คนเดียวและวิ่งวุ่นไปนั่นมานี้ทำหน้าที่แทนคุณพ่อทุกอย่าง แถมตอนนี้วิศวกรประจำโรงแรมก็ยังหายเงียบ งานก็เยอะ ปัญหาส่วนตัวก็เยอะ แบคฮยอนจึงรู้สึกหงุดหงิดไปหมดเพราะเรื่องทุกๆอย่างมันทำให้เขาไม่ค่อยมีสมาธิในการทำงานเลยแม้แต่นาทีเดียว มันเป็นห่วง มันกังวล และอีกสารพัดความรู้สึกที่เป็นมาตลอดระยะเวลาของการเกิดเหตุ
แกร็กก!!
“พี่ชานยอล!!!...มาถึงนานหรือยังฮะ น้องแบคเป็นห่วงแทบแย่ แล้วมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วทำไมยอมรับสายละฮะ???” เมื่อลิฟท์พามาส่งถึงห้องทำงานและเห็นคนที่ตัวเองเฝ้ารอนั่งอยู่ในห้องผ่านกระจกใสบานใหญ่ แบคฮยอนจึงรีบผลักประตูแล้วเดินเข้ามาด้านในด้วยความดีใจพร้อมกับถามนั่นถามนี่อย่างนึกสงสัย
“มาถึงได้สักพักแล้วครับ...แล้วน้องแบคไปไหนมา พี่คิดถึงจะแย่” กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ยังวางอยู่ข้างโต๊ะทำงาน เพราะเพิ่งเดินทางกลับมาจากโซลได้ไม่กี่ชั่วโมงและตรงเข้ามาที่โรงแรมทันทีเนื่องจากเป็นห่วงแฟนตัวเล็กที่ต้องทำงานอยู่คนเดียว แถมยังไม่มีคนคอยไปรับไปส่งเมื่อถึงเวลาเลิกงาน
ชานยอล...กลับมาที่เชจูเมื่อเรื่องทุกอย่างที่โซลเริ่มเข้าที่เข้าทาง และคนป่วยก็มีจีซบคอยดูแลอยู่ตลอดเวลา ส่วนคนต้นเหตุอย่างจงอินก็ถูกสั่งห้ามไปที่โรงพยาบาลจนกว่าจะได้อนุญาตจากท่านอีกครั้ง วิศวกรที่ทำหน้าที่เกินอาชีพและยังต้องทำไปจนกว่าเรื่องทุกอย่างจะจบลงตามที่คนเป็นเจ้าของโรงแรมต้องการรีบดึงร่างเล็กเข้ามากอดไว้ด้วยความคิดถึง เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องรวมถึงบทลงโทษที่คนเป็นลูกโดนคุณพ่อสั่งกักบริเวณมันทำให้เขาต้องอยู่ห่างจากแฟนนานเกินกว่าที่กำหนด
“พี่ชานยอลเหนื่อยไหมฮะ...แล้วบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?? ไหน...น้องแบคขอตรวจหน่อยซิ!!?” ขืนตัวเองให้หลุดออกจากอ้อมกอดอุ่นๆ แล้วดึงวิศวกรประจำโรงแรมให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ พร้อมกับเดินสำรวจร่างกายอันใหญ่โตโดยการจับนั่นจับนี้เพื่อตรวจหารอยแผลหรืออาการบาดเจ็บว่ามีความผิดปกติหรือไม่ มือเรียวสวยจับเอวหนาแล้วลูบไปเรื่อยๆ และจับไปทุกสัดส่วนทำเหมือนตัวเองเป็นตำรวจที่กำลังค้นตัวผู้ต้องสงสัย
“โอ๊ยย ๆ ๆ....เจ็บ ๆ ๆ!!!” แกล้งส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เพราะรู้สึกมันเขี้ยวแฟนตัวเล็กที่เอาแต่ทำหน้าเครียดอยู่ตลอดเวลาและสัมผัสร่างกายของเขาไปทั่ว
“ไหนๆ ๆ...พี่ชานยอลเจ็บตรงไหนฮะ!!!? น้องแบคจะพาพี่ชานยอลไปหาหมอ!!” ตกใจเมื่อได้ยินเสียงร้องของแฟนตัวโต เพราะแบคฮยอนทราบดีว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดรวมถึงเรื่องที่วิศวกรประจำโรงแรมทำงานเกินหน้าที่มันค่อนข้างเสี่ยงอันตราย เจ้าตัวจึงรู้สึกเสียขวัญและไม่อยากให้ใครต้องมาบาดเจ็บหรือถ้าเป็นไปได้...ก็ไม่อยากให้แฟนของตัวเองต้องออกไปทำงานแบบนั้นอีกเป็นครั้งที่สอง
ฟอดดดดดดด!!!
“พี่ล้อเล่นครับ...พี่ไม่เจ็บตรงไหนเลย แต่พี่คิดถึงน้องแบคมากกว่า เรา...ไม่ได้นอนกอดกันมาหลายอาทิตย์แล้วน้าาาาา” หอมแก้มนิ่มจนมันยุบไปตามแรงกด แล้วดึงแฟนตัวเล็กเข้ามากอดเอาไว้อีกครั้งเพื่อเป็นการปลอบใจ แต่...ความเปียกชื้นบนเสื้อเชิ้ตและความสั่นไหวของคนที่อยู่ในอ้อมอกมันทำให้ชานยอลจำเป็นต้องคลายแรงกอดออกอย่างช้าๆ แล้วยกมือข้างหนึ่งเชยคางมนขึ้นเพราะอยากรู้ว่าแบคฮยอนเป็นอะไร
“ฮึกก!! ฮึกก!! พี่ชานยอลล้อเล่นจริงๆใช่ไหมฮะ พี่ชานยอลอย่าเป็นอะไรนะ ถ้าพี่ชานยอลเป็นอะไรไปอีกคน ฮึก! แล้วน้องแบคจะอยู่กับใคร ฮึกกก!!!” รู้ดีว่าแฟนของตัวเองชอบแกล้งอำแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง แต่สถานการณ์ตอนนี้มันทำให้แบคฮยอนเครียดไปหมดและไม่รู้สึกสนุกด้วยเลยสักนิด มันเครียดจนแยกไม่ออกแล้วว่าอันไหนคือเรื่องล้อเล่น แล้วอันไหนคือเรื่องที่เกิดขึ้นจริง
และเขา...ก็อยากให้เรื่องของเซฮุนมันเป็นเพียงแค่เรื่องล้อเล่นเหมือนกับตอนนี้
“ชู่ววววว....ไม่ร้องนะครับคนดี พี่ไม่เป็นอะไรเลยครับ พี่กลับมาหาน้องแบคตามสัญญาแล้วไง น้องแบคอย่าร้องไห้นะครับ” รู้สึกผิดขึ้นมาทันทีเพราะไม่คิดว่าแฟนตัวเล็กจะคิดมากถึงเพียงนี้ และจากเรื่องล้อเล่นก็กลับกลายเป็นสิ่งที่ชานยอลต้องมานั่งเครียดเสียเอง มือหนาใช้นิ้วโป้งเกลี่ยน้ำตาคนถูกแกล้งเบาๆและพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้แบคฮยอนรู้สึกดีขึ้น
คนตัวเล็ก...ไม่ได้อยากดูอ่อนแอ ขี้แย หรืออ่อนไหวอะไรขนาดนั้น แต่ความเครียดบวกกับความเป็นห่วงที่ถูกเก็บสะสมมานานมันทำให้ไม่สามารถกลั้นน้ำตาของตัวเองเอาไว้ได้อีกแล้ว ข่าว...เรื่องที่เพื่อนรักถูกยิงจนต้องเข้ารับการผ่าตัดและยังเดินไม่ได้ รวมถึงการไม่ได้เจอแฟนมาหลายอาทิตย์ มันเป็นปัญหาที่ถาโถมเข้ามาจนแบคฮยอนตั้งรับไม่ทัน แถมยังต้องทำงานแทนคุณพ่อและต้องอยู่ที่เชจูเพียงลำพัง ทุกๆอย่างมันทำให้เขารู้สึกเครียดไปหมด
“พี่ชานยอลลล...น้องแบคอยากไปเยี่ยมเซฮุนจังเลยฮะ”
“ได้ไปแน่ครับ..แต่ต้องรอให้คุณพ่อกลับมาก่อน น้องแบคลืมที่ท่านสั่งไว้แล้วเหรอ??”
“ไม่ลืมฮะ...แต่น้องแบคอยากไปหาเซฮุน น้องแบคอยากเห็น...ว่าเซฮุนเป็นยังบ้าง”
“เซฮุนสบายดีครับ...มีคุณพ่อคอยดูแลอยู่ทั้งคน แล้วจงอะ...อิน”
“อย่าพูดชื่อคนคนนั้นนะฮะ...น้องแบคไม่อยากได้ยิน น้องแบคโกรธธธ...โกรธมากๆ!!!”
คราบน้ำตายังไม่ทันแห้ง...และยังไม่ทันที่วิศวกรประจำโรงแรมจะได้พูดอะไรต่อ คนตัวเล็กก็เอาแต่แสดงท่าทีหงุดหงิด พร้อมกับทำหน้าบึ้งทันทีเมื่อได้ยินชื่อของหนุ่มผิวเข้ม แบคฮยอน...รู้สึกไม่พอใจคนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดและเรื่องแย่ๆที่เกิดขึ้นมันก็ร้ายแรงจนเกือบทำให้เพื่อนของเขาต้องเสียชีวิต ถึงแม้จะทราบดี...ว่าเรื่องแบบนี้มันไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นหรือไม่มีใครสมควรถูกยิง แต่ความเครียด ความวิตกกังวลและความเหงาที่เขาเป็นอยู่ตอนนี้มันก็เกิดจากคนเป็นเจ้าของโรงแรมทั้งนั้น
...
...
...
SM Hospital
09.20 น.
ส่วนคนที่ถูกแฟนของเพื่อนไม่พอใจโดยไม่รู้ตัว...ก็กำลังขับรถออกจากคอนโดฯด้วยความดีใจเพราะวันนี้เขาจะได้พบหน้าคนป่วยอีกครั้งหลังจากถูกผู้ใหญ่ที่นับถือสั่งห้ามเอาไว้เมื่อหลายวันก่อน ตอนแรก...ก็รู้สึกหงุดหงิดใจอยู่ไม่ใช่น้อยที่ถูกสั่งห้ามมาเยี่ยมคนรักจนกว่าจะได้รับอนุญาต แต่ตอนนี้...เขาอยากขอบคุณคนที่ออกคำสั่งแบบนั้นมากที่สุด เพราะท่านไม่ได้เพียงแค่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ แต่ยังช่วยให้ความเข้าใจผิดต่างๆมันถูกคลี่คลายไปทางที่ดีและคนป่วยก็เริ่มเข้าใจตัวเขามากขึ้น
คนเป็นเจ้าของโรงแรม...จอดรถเมื่อขับมาถึงที่โรงพยาบาลพร้อมเอื้อมมือไปหยิบดอกทิวลิปสีแดงช่อใหญ่ที่วางไว้ตรงเบาะด้านหน้าแล้วรีบลงจากรถเดินตรงไปที่หน้าลิฟท์ทันที จงอินแวะซื้อดอกไม้มาจากร้านที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลมากนัก และดอกไม้ที่ถืออยู่ในมือตอนนี้...มันก็อาจช่วยให้คนป่วยรู้สึกดีขึ้น เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่เซฮุนชอบมากที่สุด ริมฝีปากหยักบนใบหน้าคมเข้มยิ้มไม่หุบตั้งแต่ขับรถออกมาจากคอนโดฯจนถึงโรงพยาบาล และเมื่อลิฟท์พามาส่งถึงชั้นที่คนป่วยนอนพักรักษาตัว ขายาวสมส่วนในกางเกงสีเข้มที่เข้ากันดีกับเสื้อสูทก็รีบเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องของคนรัก พร้อมกับยืนเรียกความมั่นใจให้กับตัวเอง
แต่...พอเปิดประตูเข้ามาด้านใน และเห็นผ้าม่านผืนใหญ่ถูกรูดปิดเอาไว้จนบดบังคนที่อยากเห็น มือหนาจึงจำเป็นต้องวางดอกไม้ช่อใหญ่ไว้บนโซฟาแล้วรีบเปิดผ้าม่านออกทันที เพราะคิดว่าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับคนรัก แถมคำพูดต่างๆที่เตรียมมาเพื่อขอโทษและสารภาพความผิดกับสิ่งที่ตัวเองเป็นคนก่อไว้ก็ถูกกลืนไปหมด
“ทำอะไรกัน!!!!!!” ร้อยยิ้มมากสเน่ห์...หายไปจากเจ้าของใบหน้าคมเข้มเหมือนกับชีวิตนี้ไม่เคยยิ้มมาก่อน และเปลี่ยนอารมณ์จากความเป็นห่วงกลายเป็นความโกรธเมื่อเห็นภาพของคนรักที่เกือบเปลือยเปล่าทั้งตัวกำลังถูกพยาบาลทั้งหญิงและชายรุมล้อมอยู่บริเวณรอบๆเตียงของผู้ป่วย
“เอ่อออ!! กะ...กำลังเช็ดตัวให้คนไข้ค่ะ!” ตอบคำถามด้วยความรู้สึกกล้าๆกลัวๆ เพราะชายตรงหน้าใช้น้ำเสียงที่ค่อนข้างดังพร้อมทั้งแสดงท่าทีที่บ่งบอกได้ถึงความไม่พอใจ
“ไม่ต้องเช็ด!!!...ออกไปจากห้องนี้ให้หมด!! แล้วทีหลังก็ไม่ต้องเข้ามาอีก ถ้าผมไม่ได้สั่ง!!!!” ไม่ใช่แค่น้ำเสียงและสีหน้าของจงอินเท่านั้นที่น่ากลัว เพราะตอนนี้...เจ้าของเสียงทรงอำนาจที่กำลังแสดงออกถึงความโกรธได้เดินแทรกกายเข้ามายืนขวางการทำหน้าที่ของพยาบาล พร้อมถอดเสื้อสูทสีเข้มแล้วรีบคลุมร่างคนรักที่แทบจะเปลือยเปล่าอยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกหวง
เซฮุน...อยู่ในสภาพเปลือยท่อนบน และท่อนล่างก็มีเพียงผ้าขนหนูสีขาวคลุมเอาไว้ นั่นจึงทำให้จงอินรู้สึกโกรธเนื่องจากมันทนไม่ได้ที่จะให้คนอื่นมาเห็นร่างกายของคนรักในสภาพแบบนั้น แถมพยาบาลทั้งหญิงทั้งชายต่างก็เอาแต่จับตรงนั้น สัมผัสตรงนี้ และยืนรายล้อมเตียงของคนป่วยเต็มไปหมด คนเป็นเจ้าของโรงแรม...โมโหมากจนอยากสั่งย้ายพยาบาลชุดนี้ออกให้หมด แต่ก็ทำไม่ได้เหมือนใจคิด
คนป่วย..สามารถถอดเครื่องช่วยหายใจ สายน้ำเกลือ รวมถึงสายต่อท่อทางเดินปัสสาวะออกได้ เพราะอาการบาดเจ็บโดยรวมเริ่มฟื้นตัวได้ดีขึ้น ทานอาหารได้เป็นปกติ และแผลภายนอกอย่างรอยฟกช้ำหรือแผลแตกบนหน้าผากด้านซ้ายก็สามารถตัดใหมออกได้เรียบร้อย แต่ก็ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เนื่องจากแขนยังใส่เฝือก ส่วนขาข้างที่ถูกผ่าตัดก็ยังใช้งานไม่ได้ในตอนนี้
ทุกๆตอนเช้าและตอนเย็น...บุรุษพยาบาลต้องเข้ามาช่วยประคองร่างของเซฮุนเพื่อให้พยาบาลอีกคนทำหน้าที่เช็ดตัวหรือทำความสะอาดร่างกาย และต้องทำแบบนี้ทุกวันเพราะลำพังแค่พยาบาลผู้หญิง 1-2 คน มันไม่สามารถเช็ดตัวคนป่วยได้ง่ายเหมือนกับผู้ป่วยรายอื่นที่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ แต่สำหรับตอนนี้...พยาบาลทั้งหญิงและชายที่คอยทำหน้าที่ดูแลเซฮุนอยู่ก่อนหน้านั้น ต่างคนต่างเดินหนีออกไปจากห้องเมื่อเจอกับพายุอารมณ์ของญาติคนไข้พร้อมกับถูกออกปากไล่ด้วยความโกรธ
“เลิกหงุดหงิดได้แล้วครับ...คุณพยาบาลก็แค่มาทำตามหน้าที่ พี่จงอินอย่าไปโกรธพวกเค้าเลยนะครับ” กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงของตัวเอง และพยายามพูดให้เจ้าของโรงแรมเลิกเอาแต่ใจ พร้อมใช้แขนที่สามารถใช้งานได้อยู่ข้างเดียวกอดตอบคนตรงหน้าเพื่อให้พายุอารมณ์ที่กำลังโหมอยู่เมื่อครู่สงบลง
เซฮุนไม่ได้ตกใจหรือหวาดกลัวกับน้ำเสียงที่จงอินพาลใส่พยาบาล แต่รู้สึกอุ่นใจมากกว่าที่ได้พบหน้าคนรักอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้เจอกันอีกเลยเมื่อเรื่องแย่ๆทั้งหมดได้ผ่านพ้นไป และไม่ใช่แค่ความอุ่นใจอย่างเดียวเท่านั้นที่รู้สึกได้ เพราะมันยังมีอีกหลายๆความรู้สึกที่เกิดขึ้นอยู่ภายในใจ ปากบางสีหวานยกยิ้มอย่างมีความสุข แต่ก็รู้สึกขำที่คนรักของตัวเองยังขี้โมโหเหมือนเดิมทั้งๆที่ความเป็นจริง....พยาบาลก็เข้ามาทำหน้าที่ไปตามปกติและต้องทำแบบนี้เป็นประจำทุกวันทั้งเช้าทั้งเย็น
เซฮุนยอมรับ...ว่าตอนแรกก็รู้สึกอายมากอยู่พอสมควรที่ต้องมานอนให้คนอื่นเช็ดตัวหรือสัมผัสร่างกาย แต่พอวันเวลาผ่านไปเรื่อยๆมันก็เริ่มชินและสภาพของตัวเองก็ยังไม่สามารถขยับหรือเคลื่อนไหวอะไรได้มากเหมือนผู้ป่วยคนอื่นๆ แต่...คนที่ยังไม่ชินเพราะเพิ่งได้รับอนุญาตจากผู้ใหญ่ที่นับถือให้เข้ามาดูแลคนป่วยได้เป็นวันแรก และต้องมาเห็นภาพคนรักนอนกึ่งเปลือยให้เจ้าหน้าที่จับตรงนั้นแตะตรงนี้อยู่บนเตียงก็คงเป็น...หนุ่มผิวเข้มที่ยังคงหงุดหงิดอยู่เหมือนเดิม
ฟอดดดด!!!
“หน้าที่บ้าบออะไร...มาจับเมียคนอื่นเค้าแก้ผ้า!!!!” กอดคนรักเอาไว้...พร้อมหอมกลุ่มผมสีเข้มด้วยความคิดถึง และใช่ว่าอยากหงุดหงิด โมโห หรือระเบิดอารมณ์ต่อหน้าคนป่วย แต่...ใครมันจะไปทนได้เมื่อต้องมาเห็นแฟนของตัวเองถูกคนอื่นจับแก้ผ้าออกจนเกือบหมด และตอนนี้จงอินไม่สนแล้วว่าใครจะเข้ามาทำตามหน้าที่หรือเข้ามาดูแลคนป่วย เพราะนับตั้งแต่วันนี้...เขาจะเป็นคนทำหน้าที่ทุกอย่างด้วยตัวเอง
“ถ้าคุณพยาบาลไม่มาเช็ดตัวให้...เซฮุนก็เหม็นแย่สิครับ” พูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน พร้อมเงยหน้ามองเจ้าของโรงแรมจอมดุที่เอาแต่ขมวดคิ้วจนใบหน้าคมเข้มมันยุ่งไปหมด แถมยังกอดเขาไว้ไม่ยอมปล่อย
“ไม่เหม็นหรอกครับ เซฮุนของพี่หอมจะตาย ตรงนี้ก็หอม...ตรงนั้นก็หอม หอมไปหมดนั้นแหละ” พรมจูบไปทั่วใบหน้าเรียวสวยเพื่อพิสูจน์ว่าคนป่วยหอมที่สุดแม้จะไม่ได้อาบน้ำ และในเสี้ยวความคิดของส่วนที่ปัญญาอ่อนที่สุดในหัวสมองก็ว่าเขาไม่อยากให้เซฮุนอาบน้ำเลยสักวันเดียว เพราะคนอื่นจะได้ไม่อยากเข้าใกล้
“พอก่อนครับพี่จงอิน...เซฮุนช้ำหมดแล้ว เดี๋ยวคุณหมอก็จะเข้ามาตรวจอีก เซฮุนยังไม่เช็ดตัวเลยนะครับ” ร้องประท้วงคนเอาแต่ใจที่ยังไม่หยุดหอมแก้มเขาเสียที แถมสภาพร่างกายของตัวเองก็ไม่อำนวยต่อการหลบหลีกรอยจูบ เซฮุนย่นจมูกใส่คนรักและชี้นิ้วไปที่อุปกรณ์ในการเช็ดตัวอย่าง...กะละมังน้ำอุ่นและผ้าขนหนูผืนเล็กๆสีขาวที่พยาบาลวางทิ้งไว้หลังจากโดนระเบิดอารมณ์ใส่เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา
คนถูกชี้นิ้วสั่ง...ก้มตัวลงจูบปากบางสีหวานของคนป่วยก่อนที่จะเริ่มเช็ดตัวให้ และรอยฟกช้ำ รอยกระสุนปืน รวมถึงบาดแผลอื่นๆที่อยู่บนร่างสวยมันก็ทำให้จงอินรู้สึกสะเทือนใจทุกครั้งเมื่อลูบผ้าชื้นน้ำผ่านร่องรอยความเจ็บปวดพวกนั้น คนเป็นเจ้าของโรงแรมทราบดี...ว่าสักวันรอยแผลทุกอย่างจะหายเป็นปกติ แต่มันก็ได้ทิ้งความทรงจำแย่ๆเอาไว้ให้นึกถึงเหตุการณ์อันเลวร้ายอยู่เสมอ
“คนเก่ง...พี่ขอโทษนะครับ ขอโทษทุกอย่าง ขอโทษที่ทำให้ต้องเจ็บตัวแบบนี้”
“เจ็บตัวมันไม่เท่ากับเจ็บใจหรอกนะครับพี่จงอิน...คุณพ่อเล่าทุกอย่างให้เซฮุนฟังหมดแล้วว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง แต่พี่จงอินก็ไม่ควรเอาปมในอดีตของตัวเองมาทำร้ายเซฮุนแบบนี้ พี่จงอินโมโหใส่เซฮุนเหมือนเราไม่เคยรู้จักนิสัยกันมาก่อน แต่เซฮุนก็มีส่วนผิดอยู่เหมือนกันนะครับที่ไม่ยอมบอกเรื่องของคุณคริสให้พี่จงอินรู้ เซฮุนขอโทษนะครับ พี่จงอินอย่า กะ...โกรธ อื้มมมม”
ระบายความรู้สึกต่างๆที่เก็บไว้มานานยังไม่ทันจบประโยค...คนป่วยก็ถูกคนเอาแต่ใจก้มตัวส่งปากหยักบดจูบปิดกันความในใจไปเสียก่อน และจูบนี้...มันก็เหมือนเป็นคำตอบของทุกอย่างจากคนที่สำนึกผิดเพราะมันอ่อนโยน นุ่มนวล และเป็นสัมผัสที่คนป่วยคิดถึงมากที่สุด ลิ้นอุ่นชื้นกวาดต้อนกอบโกยความหวานจากคนรักอยู่นานโดยไม่ได้คิดเลยว่า...อาจมีพยาบาลหรือแพทย์เดินเข้ามาตรวจอาการของคนป่วย
“พี่รักเซฮุนมากครับ พี่ขอโทษ...ขอโทษสำหรับทุกอย่าง พี่สัญญานะครับ...ว่าพี่จะไม่ทำให้เซฮุนเสียใจอีก”
คนป่วย...กอดบุรุษพยาบาลจำเป็นเอาไว้แน่นเหมือนเป็นการตอบรับว่าเขาพร้อมที่จะให้อภัยคนตรงหน้าได้เสมอ และความรักความเป็นห่วงที่ปะปนมากับความขี้โมโหแบบที่เจ้าของโรงแรมเป็นอยู่ทุกวันนี้มันก็มีแต่เขาคนเดียวเท่านั้นที่เข้าใจ เซฮุนรู้ดี...ว่าที่จงอินทำไปทั้งหมดก็เป็นเพราะความหึงหวง ความเข้าใจผิด รวมถึงปมในอดีตที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก แต่เมื่อได้พูดความรู้สึกออกไปหมดแล้ว มันก็ทำให้โล่งใจมากขึ้นและหวังอยู่ในใจลึกๆว่าฟ้าหลังฝนมันคงจะสดใสเหมือนอย่างที่ใครๆบอกไว้
“พี่จงอิน...พอแล้วครับ เดี๋ยวคุณหมอจะเข้ามาตรวจแล้วนะครับหยะ...หยุด!! อ๊ะ!”
โดนมือหนา...ฉวยโอกาสจากการทำหน้าที่เช็ดตัวให้คนป่วย โดยการลูบผ้าชื้นน้ำผ่านสะโพกกลมกลึงไปมาแถมยังถูกหอมแก้มซ้ำๆไม่หยุด เซฮุนจึงจำเป็นต้องส่งเสียงร้องประท้วงอีกครั้งเพราะสภาพร่างกายของตัวเองก็ยังเปลือยเปล่า และการถูกสายตาคนเจ้าเล่ห์จับจ้องนานๆมันก็ทำให้รู้สึกอายอยู่ไม่ใช่น้อย
“เขินเหรอครับคนเก่ง...พี่เห็นมาหมดแล้ว เซฮุนไม่ต้องอายหรอกครับ”
“พี่จงอินอย่าพูดแบบนี้ได้ไหมครับ แล้วก็แต่งตัวให้เซฮุนได้แล้ว”
“คร้าบบบบ...”
“แล้วงานที่โรงแรมเป็นยังไงบ้างครับ...ยุ่งมากไหม?? พี่จงอินไม่ต้องมาเฝ้าเซฮุนก็ได้นะครับ พยาบาลที่นี่ก็มีอยู่เยอะแยะ”
“ไม่ต้องเลย...เมียพี่ทั้งคน พี่ดูแลเองได้ พี่ไม่ยอมให้ใครมาจับเมียของพี่แก้ผ้าอีกเด็ดขาด!!!”
“พยาบาลก็แค่มาทำตามหน้าที่นะครับ พี่จงอินนั้นแหละคิดมาก ไม่มีใครมาทำอะไรเซฮุนหรอกครับ ”
“ก็ลองมาทำสิ!!!... พี่จะฆ่ามันให้หมด!”
“เฮ้ออออ....ไม่คุยด้วยแล้วครับ! เซฮุนนอนดีกว่า”
หลับตา...ทั้งๆที่ไม่ได้รู้สึกง่วง แต่ทำไปเพราะขี้เกียจต่อปากต่อคำกับผู้ใหญ่ที่กำลังทำตัวเหมือนเด็กห้าขวบ ความเป็นห่วงกับความเอาแต่ใจมันคาบเกี่ยวกันอยู่นิดเดียวในความรู้สึกลึกๆของคนป่วย และเมื่อขยับกายหนีไม่ได้มันก็ต้องใช้วิธีนี้ แล้วอีกเหตุผลหนึ่งที่ต้องปิดเปลือกตาลงก็เป็นเพราะ...อยากหลบสายตาคมของบุรุษพยาบาลจำเป็นที่เอาแต่จับจ้องร่างเปลือยเปล่าของเขาและกำลังถูกสวมเสื้อผ้าให้อย่างเบามือ
“เซฮุนนน...ไม่ต้องแกล้งหลับเลยครับ ตื่นมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน...จะตื่นดีๆ หรืออยากโดนพี่ทำโทษ หื้มม?”
“จะลงโทษคนป่วยจริงๆเหรอครับ ทำไมเจ้านายคนนี้ใจร้ายจังเลย (:”
“กำลังท้าทายใครอยู่ครับ...พนักงานจัดดอกไม้คนเก่ง”
“อย่านะครับพี่จงอิน....อื้อออ”
ก๊อกกก ๆ ๆ
แกร๊กก!!
การหยอกล้อ...ของคู่รักที่เพิ่งคืนดีกันได้ไม่นานจำเป็นต้องหยุดลงเมื่อประตูห้องถูกเปิดออกพร้อมกับคุณหมอประจำตัวของคนไข้และพยาบาลที่เดินเข้ามาด้านใน จงอินโค้งรีบตัวให้อย่างสุภาพแล้วเดินออกมาจากเตียงผู้ป่วยเพื่อให้หมอสามารถเข้ามาตรวจร่างกายของคนรักได้ถนัดมากขึ้น เจ้าของโรงแรมยืนฟังสิ่งที่หมอคุยกับคนไข้อยู่ที่โซฟาด้านข้างด้วยความตั้งใจ เพราะอยากรู้ว่าอาการของเซฮุนจะดีขึ้นมากน้อยแค่ไหนหรือจะออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อไหร่
“แผลทุกอย่างดีขึ้นมากแล้วนะครับคุณเซฮุน คราวนี้ก็เหลือแค่อาการบาดเจ็บที่ขาเท่านั้น คุณเซฮุนพร้อมที่จะทำกายภาพบำบัดหรือยังครับ?”
“ผมจะกลับมาเดินได้จริงๆใช่ไหมครับคุณหมอ?”
“ได้แน่นอนครับ...หมอรับรอง แต่ทุกอย่างมันต้องใช้เวลานะครับ หมออยากให้คุณเซฮุนอดทน แล้วก็หมั่นทำกายภาพบ่อยๆ”
“ผมจะทำตามที่คุณหมอบอกทุกอย่างครับ แต่...ผมไม่แน่ใจว่าจะเดินไหวหรือเปล่า คะ..คือผมนอนเฉยๆแบบนี้มาหลายวัน แล้วผม...เอ่ออ แค่จะขยับขาแต่ละที ผมยังใช้เวลาอยู่ตั้งนาน”
“คุณเซฮุนต้องใจเย็นๆนะครับ หมอยังขอยืนยันคำเดิม...ว่าคุณเซฮุนจะกลับมาเดินได้แน่นอน แล้วเย็นนี้...คุณเซฮุนต้องเอาเฝือกที่แขนออกด้วยนะครับ ส่วนพรุ่งนี้หมอจะเอาตารางการทำกายภาพบำบัดมาให้ดู”
“ขอบคุณมากครับคุณหมอ”
เป็นคำวินิจฉัยของแพทย์...ที่ทำให้เจ้าของโรงแรมยิ้มได้เพราะถึงแม้คนป่วยจะยังไม่สามารถออกจากโรงพยาบาลได้ในเร็วๆนี้ แต่การนัดเวลาเพื่อนำเฝือกออกจากแขน การเริ่มนัดทำกายภาพบำบัดและคำยืนยันของหมอที่บอกว่าคนรักจะกลับมาเดินได้เหมือนเดิม ทุกๆอย่างมันคือสัญญาณที่ดีและเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ป่วยมีความมั่นใจมากขึ้นหลังจากที่ผ่านเรื่องร้ายๆมาหลายวัน
❀
Rrrrr!!!!
Rrrrr!!!!
Rrrrr!!!!
“พี่ออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอกแป๊บนึงนะครับ...เดี๋ยวพี่กลับมา” จำเป็นต้องรับสายนี้และไม่สามารถคุยต่อหน้าคนรักได้เหมือนอย่างที่เคยเพราะมันเป็นเรื่องที่เซฮุนไม่ควรรับรู้ จงอินทราบอยู่แก่ใจ...ว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังทำมันเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง แต่เรื่องร้ายๆที่เกิดขึ้นกับคนป่วยมันต้องมีคนชดใช้
“ใครโทรมาเหรอครับ?!! ใช่คุณชานยอลหรือเปล่า??...เซฮุนอยากคุยกับแบค” คนป่วยออกอาการงอแงทันทีเนื่องจากคิดถึงเพื่อนรักตัวเล็กมากที่สุดเพราะตั้งแต่เกิดเรื่อง เขาก็ยังไม่ได้คุยกับใครเลยนอกจากคุณพ่อบุญธรรม
จีซบสั่งห้ามคนป่วยไม่ให้คุยกับใครจนกว่าจะขยับร่างกายได้มากกว่านี้ เพราะตอนแรกสภาพของเซฮุนมีแต่สายน้ำเกลือกับสายออกซิเจน รวมถึงสายต่อท่อทางเดินปัสสาวะ ซึ่งทุกๆอย่างมันไม่เหมาะกับการที่จะขยับร่างกายเลยสักนิด แต่ตอนนี้เมื่ออาการบาดเจ็บต่างๆมันเริ่มดีขึ้น เซฮุนจึงอยากคุยกับเพื่อนรักเพราะรู้สึกคิดถึงและอยากให้มาอยู่ด้วยกันที่นี่
จุ๊บบ!!!
“พี่เลขาโทรมาครับ...พี่ออกไปคุยธุระแป๊บเดียว เดี๋ยวพี่จะรีบกลับมา”
ละมือจากการป้อนมื้อเที่ยงให้คนป่วย แล้วก้มกายจุมพิตแก้มเนียนด้วยความทะนุถนอมและรีบเดินออกไปจากห้องทันที หน้าที่ของพยาบาล...ถูกคนเป็นเจ้าของโรงแรมทำหน้าที่แทนทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการเช็ดตัวให้คนป่วย การพาคนป่วยเข้าห้องน้ำเมื่อถึงเวลาที่ต้องขับถ่าย การป้อนยาและอีกหลายๆอย่างที่ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถทำให้เซฮุนได้นอกจากตัวเขา จงอินเต็มใจที่จะดูแลคนรักและจะทำหน้าที่ทุกอย่างให้ดีที่สุด
แต่...การเดินออกไปคุยโทรศัพท์ด้านนอกโดยอ้างคนเป็นเลขา มันไม่สามารถหลอกคนป่วยได้เหมือนอย่างที่เจ้าของโรงแรมคิด
เซฮุนรู้ดี...ว่าสิ่งที่จงอินพูดออกมาเมื่อครู่มันเป็นเรื่องโกหกเพราะทั้งสายตา ทั้งคิ้วที่ขมวดกันจนยุ่งและสีหน้าที่ดูเคร่งเครียด ทุกๆกิริยาที่เจ้าของใบหน้าคนเข้มแสดงออกมามันเป็นตัวฟ้องทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว แต่ที่ไม่รู้...ก็คือสิ่งที่คนรักกำลังมีเรื่องปกปิดหรือมีความลับอะไรซ่อนเอาไว้เพราะถ้าเป็นพี่เลขาโทรมาจริงๆ จงอินก็ไม่เคยขอตัวออกไปคุยโทรศัพท์ที่อื่นเลยสักครั้งหรือทำตัวผิดปกติแบบนี้
...
...
...
Rrrrr!!
Rrrrr!!
“ว่าไงซึงกิ!!!”
(กว่าจะรับสาย...ทำอะไรอยู่วะ?? กะ...กู)
“มึงรีบๆพูดมาเลย เวลากูมีน้อย เดี๋ยวเมียกูสงสัย!!”
(โอ้โห...คุณจงอินผู้ยิ่งใหญ่แห่งตระกูลคิมมมม!!! ถุยย!!!ไอ้ดำ!!...ไอ้คนกลัวเมีย!!!)
“มึงอย่ามากวนตีน เมียกูกำลังกินข้าว ตกลงโทรมามีอะไร!!”
(เอาแบบซีเรียสเลยนะ...กูถามมึงตรงๆ คนร้ายมึงสั่งให้กูจับขังเอาไว้ในโกดัง มึงจะเอายังไงต่อวะ??! คนของกูโทรมารายงาน...บอกว่าพวกมันเริ่มไม่ค่อยไหวกันแล้วนะเว้ย!!! เดี๋ยวแม่งก็ตายห่าก่อนที่มึงจะได้ล้างแค้น!)
“ถ้าใครตายไปก่อน...กูฝากมึงเอาศพไปทิ้งให้ด้วยก็แล้วกัน กูขอเวลาอีกแค่ 2 วัน รอให้เซฮุนอาการดีขึ้นกว่านี้อีกหน่อย แล้วเดี๋ยวกูจะเข้าไปจัดการกับพวกมันเอง”
(เออ ๆ ๆ...จะมาเมื่อไหร่ก็โทรบอกกูก่อน กูจะได้เคลียร์ทางไว้ให้)
“ขอบใจ...แค่นี้ก่อนนะ”
อี ซึงกิ เป็นตำรวจที่ดีเมื่ออยู่ในหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ แต่เมื่ออยู่นอกเครื่องแบบหรือนอกเวลางาน เขาก็กลายเป็นคนธรรมดาที่ต้องคอยรับคำสั่งของเพื่อนอย่างหาทางหลีกเลี่ยงไม่ได้ และคำสั่งของจงอินเป็นสิ่งที่ทำให้คนตำรวจอย่างเขารู้สึกอึดอัดใจมากอยู่พอสมควร เพราะโกดังขนาดใหญ่...ในแทบชานเมืองที่เพื่อนผิวเข้มใช้เก็บเฟอร์นิเจอร์เก่าๆภายในโรงแรม มันต้องกลายมาเป็นสถานที่ที่ใช้ขังคนร้ายทั้งห้าคน
และบทลงโทษ...ที่ถูกเพื่อนสั่งให้ทำก็ไม่มีข้อยกเว้นให้ใครทั้งนั้น แม้หนึ่งในคนร้ายจะเป็นผู้หญิง
ทุกๆคน...ถูกจับถอดกางเกงและมัดติดอยู่กับเก้าอี้ที่ถูกเจาะรูไว้เพื่อให้ขับถ่าย และถ้าหิวข้าวหรือหิวน้ำก็จะมีคนคอยป้อนให้เท่าที่อยากจะให้กิน มันเป็นคำสั่งที่ดูโหดร้ายเพราะคนเป็นเจ้าของโรงแรมอยากให้คนร้ายทุกคนได้รับความรู้สึกเดียวกับคนที่ถูกยิงว่าความเจ็บปวด ความทรมานจากการขยับร่างกายไม่ได้มันเป็นเช่นไร และบทลงโทษเพียงแค่นี้มันก็ยังน้อยเกินไปด้วยซ้ำถ้าให้เทียบกับสิ่งที่จงอินได้รับ เพราะเขาเกือบเสียคนรักไปจากเหตุที่คนร้ายร่วมกันก่อขึ้น และยังเสียสิทธิ์ในการประมูลที่ดิน
แกร๊กก!!!
“อ้าวว...แม่ น้องเยริ!!??” คุยธุระสำคัญกับเพื่อนเรียบร้อย จงอินก็รีบเดินกลับมาที่ห้องพักของคนป่วยทันที แต่พอเปิดประตูเข้ามาด้านในก็พบกับคุณแม่และน้องสาวจอมแก่นที่กำลังนั่งป้อนข้าวเซฮุนอยู่บนเตียง
“ไปไหนมาจงอิน!!...ทำไมทิ้งหนูเซฮุนไว้คนเดียวแบบนี้ ข้าวก็ยังไม่ได้กิน มือก็หยิบจับอะไรไม่ได้ ถ้าแม่ไม่มา...สงสัยหนูเซฮุนหิวข้าวตายแน่ๆ” ป้อนข้าวคนป่วยไปด้วย และบ่นลูกชายของตัวเองไปด้วยเพราะรู้สึกไม่พอใจที่จงอินดูแลสะใภ้คนโปรดไม่ดีเหมือนอย่างที่ต้องการ
หงุดหงิดทุกอย่างตั้งแต่เดินทางมาถึงที่โรงพยาบาล เพราะเมื่อเข้ามาในห้องพักและเห็นคนป่วยอยู่คนเดียวบนเตียงในสภาพกึ่งนั่งกึ่งนอน และอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะก็ดูจืดชืดไร้รสชาติไม่น่ารับประทาน ซองรยองกับเยริจึงเทอาหารทุกอย่างทิ้งลงถังขยะ แล้วนำของคาวของหวานที่ตัวเองเตรียมมาจากโรงแรมป้อนให้คนป่วยแทนอาหารของทางโรงพยาบาลทันที แถมลูกชายของเธอก็ไม่รู้หายตัวไปไหน คนเป็นแม่จึงรู้สึกไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้
“เอ่อออ คุณแม่ครับ คะ...คือพี่จงอินออกไปคุยโทรศัพท์มาครับ พอดีพี่เลขามีธุระด่วน” รีบออกรับแทนเจ้าของโรงแรมทันที เพราะตั้งแต่ซองรยองเดินทางมาถึงที่นี่ และเห็นเขาอยู่คนเดียวในห้องพักด้วยสภาพที่ไม่ค่อยน่าดูนัก ท่านก็เอาแต่บ่นลูกชายของตัวเองไม่หยุดและไม่ปล่อยช่องว่างให้เซฮุนได้อธิบายอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว
“ธุระอะไรนักหนา...มันสำคัญมากจนต้องทิ้งเมียให้อยู่คนเดียวแบบนี้เลยเหรอ!!!? หนูเซฮุนก็อีกคน...เลิกตามใจลูกชายแม่ได้แล้ว” ป้อนของคาวเสร็จก็ต่อด้วยของหวาน และยังบ่นไม่หยุดเพราะรู้สึกสงสารคนป่วยที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และต้องถูกทิ้งให้อยู่ในห้องพักเพียงลำพัง
คนเป็นน้องสาวอย่างเยริ...ได้แต่ยิ้มและแอบขำอยู่ในลำคอ พร้อมกับมองหน้าทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องพักของคนป่วยด้วยความรู้สึกดีใจเพราะเสียงบ่น เสียงต่อว่าต่อขาน และคำแก้ตัวต่างๆที่เซฮุนพยายามอธิบายให้แม่เจ้าของโรงแรมฟังมันเหมือนเป็นสิ่งที่บอกให้เธอรับรู้ได้ว่า สถานการณ์ที่เลวร้ายมันได้จบสิ้นลงแล้ว และอาจเหลือเศษเสี้ยวของความเจ็บปวดไว้เพียงเล็กน้อยเพื่อเป็นเครื่องเตือนสติ
“แม่ครับบบบ...เลิกหงุดหงิดได้แล้ว เดี๋ยวลูกสะใภ้อาการทรุด”
“จะทรุดเพราะแกนั่นแหละ!!! ทำไมถึงทิ้งหนูเซฮุนไว้คนเดียวแบบนี้ หึ!!”
“พี่เลขามีงานด่วนครับ ผมก็เลยเลี่ยงไม่ได้”
“ทำงานไม่เป็นก็ไล่ออกไปเลย ไม่เห็นจะยาก!!”
“โธ่!! คุณนายคิมมม...เลิกอามณ์เสียเถอะครับ จงอินขอโทษ”
“ถ้าคนที่เข้ามาเจอหนูเซฮุนไม่ใช่แม่...แต่เป็นคุณจีซบ! แกคงไม่ได้มานั่งอ้อนแม่อยู่ตรงนี้แน่ๆ!!!”
หน้าซีด...เหมือนไก่ตุ๋นโสมที่วางอยู่บนโต๊ะอาหารของคนป่วยเมื่อได้ยินชื่อพ่อบุญธรรมของคนรัก เพราะถ้าสิ่งที่คนเป็นแม่พูดเมื่อครู่มันเกิดขึ้นจริงๆเขาคงถูกทำโทษซ้ำอีกรอบ ส่วนคนที่นอนอยู่บนเตียง...และกำลังทานของหวานที่ซองรยองป้อนให้ก็เข้าใจได้ในทันทีว่าการที่คุณพ่อขอตัวกลับไปพักผ่อนเมื่อเช้ามันคือแผนที่ทำเพื่อเปิดทางให้เจ้าของโรงแรมได้เข้ามาปรับความเข้าใจกับเขา
มันเป็นแผน...ที่ลูกบุญธรรมคาดไม่ถึง เพราะอาการอ่อนเพลียและความเหน็ดเหนื่อยที่จีซบแสดงออกมาเมื่อเช้ามันทำให้เซฮุนมองไปเป็นอื่นไม่ได้จริงๆ การดูแลคนป่วย...มาตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับการรักษาจนถึงวันนี้มันอาจทำให้คุณพ่อล้มป่วยไปด้วยอีกคน เซฮุนจึงอยากให้ท่านพักผ่อนให้เต็มที่และไม่ต้องอยู่ดูแลเขาตลอดเวลาเนื่องจากที่นี่ก็มีทั้งแพทย์ทั้งพยาบาลคอยดูแลหรือให้ความช่วยเหลือเขาอยู่เช่นกัน
คนป่วย...ไม่รู้จะตอบแทนบุญคุณจีซบด้วยวิธีไหนให้สมกับสิ่งที่ตัวเองได้รับ เพราะสิ่งที่ท่านทำให้มันมากมายเกินกว่าคนอย่างเขาจะตอบแทนได้หมด เซฮุนยอมรับว่าวันแรกๆที่ฟื้นขึ้นมาจากการผ่าตัด สภาพร่างกาย สภาพจิตใจมันบอบช้ำจนเกินรับไหว ขาใช้งานไม่ได้ สายน้ำเกลือ สายออกซิเจน ทุกๆอย่างที่อยู่บนร่างกายมันทำให้รู้สึกเจ็บไปหมด แต่ในตอนที่ทุกๆความรู้สึกของตัวเองกำลังจะพังทลาย คุณพ่อกลับเป็นคนที่เข้ามาแบกรับทุกความรู้สึกเอาไว้ทั้งหมดโดยไม่เคยสนเลยว่าลูกคนนี้จะไม่ใช่ลูกแท้ๆ
เซฮุนไม่เคยคิดเลยว่า...ในวันที่ตัวเองต้องมาพบเจอกับเรื่องเลวร้าย มันจะมีสิ่งดีๆซ่อนอยู่มากมาย
“แม่ครับบบ...ผมฝากลูกสะใภ้แป๊บนึงนะครับ ผะ..ผม”
“จะไปไหนอีกล่ะ!!!”
“จะลงไปหาหมอครับ...เย็นนี้เซฮุนต้องเอาเฝือกออก แล้วผมก็จะไปคุยเรื่องการทำกายภาพบำบัดด้วยครับ”
“งั้นรีบไปเลย...แม่จะรอฟังข่าวอยู่ที่นี่”
โบกมือไปมา...เป็นเชิงไล่ลูกชายให้ออกไปพบหมอเร็วๆ เพราะเธอก็อยากทราบว่าคนป่วยจะหายเป็นปกติเมื่อไหร่? หรือกลับมาเดินได้อีกครั้งตอนไหน? ซองรยองเริ่มรู้สึกสบายใจมากขึ้นเมื่อเห็นลูกสะใภ้ทานข้าวได้เป็นปกติ ขยับร่างกายได้มากขึ้น รอยแผลต่างๆก็ลดน้อยลงไปตามกาลเวลา คนเป็นแม่...หวังว่าเรื่องร้ายๆมันจะผ่านพ้นไปเสียทีและทุกคนขอให้มีความสุขมากกว่าที่เป็นอยู่
...
...
...
16.09 น.
ได้รับคำแนะนำจากหมอ...เรื่องการทำกายภาพบำบัดรวมถึงทราบวิธีการเอาเฝือกออกจากแขนของคนป่วยเรียบร้อย จงอินก็รีบกลับขึ้นมาที่ห้องพักคนป่วยก่อนที่คุณแม่จะอารมณ์เสียขึ้นมาอีกรอบ เป็นห่วงสุขภาพของคนรักจนต้องขอพบแพทย์เป็นการส่วนตัว เพราะอยากทราบว่าสิ่งที่เซฮุนจะได้รับการรักษาในครั้งต่อไปมันจะน่ากลัวหรือจะมีผลต่อสภาพจิตใจของคนป่วยมากน้อยแค่ไหน จงอินค่อนข้างเป็นกังวลกับทุกๆเรื่องที่เกี่ยวกับคนรัก เพราะเหตการณ์ร้ายๆที่เพิ่งผ่านพ้นไปมันสร้างความหวาดระแวงไว้มากอยู่พอสมควร
ส่วนการทำกายภาพบำบัด...ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าวิตกอะไรเพราะจากที่ฟังคุณหมออธิบายมาทั้งหมด คนป่วยจะได้รับการบำบัดอาทิตย์ละ 4 วัน วันละ 2 เวลานั่นก็คือช่วงเช้ากับช่วงบ่าย และแต่ละช่วงเวลาก็จะทำการกายภาพไม่เกิน 20 นาที การบำบัดจะมีทั้งการเดินบนเครื่องออกกำลังกายแบบลู่วิ่งไฟฟ้า การปั่นจักรยานอยู่กับที่และการฝึกเดินในน้ำเพื่อทดสอบกำลังของกล้ามเนื้อ ทุกๆการบำบัดจะถูกหมุนเวียนไปเรื่อยๆจากเบาไปหาหนักและทำไปจนกว่าคนป่วยจะสามารถเดินได้ด้วยตนเอง
“อ้าว...เซฮุนหลับแล้วเหรอแม่?”
“กินยาไปสักพักก็หลับ...สงสัยยาคงแรงน่าดู แล้วหมอว่าไงบ้าง?? หนูเซฮุนจะออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อไหร่?”
“คงอีกนานเลยครับแม่ เซฮุนต้องอยู่ทำกายภาพบำบัดที่นี่จนกว่าร่างกายจะแข็งแรง ส่วนอาการบาดเจ็บอย่างอื่นก็ไม่น่าเป็นห่วงอะไรแล้วครับ”
“ดูแลหนูเซฮุนให้ดีนะลูก...พรุ่งนี้แม่ต้องกลับจีนแล้ว จงอินอย่าทำให้น้องเสียใจอีกได้ไหม แม่ขอร้อง?”
“ผมสัญญาครับแม่ แล้วแม่จะกลับกี่โมงครับ...เดี๋ยวผมจะไปส่งที่สนามบิน”
“ไม่ต้องไปส่งแม่หรอกลูก...แม่ไปกับหนูเยริ แล้วคุณจีซบก็อาสาไปส่งแม่แล้วด้วย”
“งั้นแม่กลับไปพักผ่อนดีกว่าครับ... เดี๋ยวพรุ่งเดินทางไม่ไหว”
“ดูแลตัวเองด้วยนะลูก แม่เป็นห่วง”
“ขอบคุณมากนะครับแม่ ขอบคุณทุกอย่าง ผมรักแม่นะครับ”
“แม่ก็รักจงอิน...รักมากๆ แม่เสียน้องเล็กไปแล้วคนนึง แม่ไม่อยากเสียเราไปอีกคน จะทำอะไรก็คิดหน้าคิดหลังให้มันดีๆ อย่าใจร้อน จงอินเข้าใจที่แม่พูดใช่ไหม”
“เข้าใจครับแม่...ผมรักแม่นะครับ”
เป็นการกล่าวลา...ที่อบอุ่นใจมากที่สุดและคนเป็นลูกก็ส่งคุณแม่กับน้องสาวจอมแก่นได้เพียงแค่หน้าประตูห้องเท่านั้น เพราะซองรยองไม่อยากให้ลูกชายของตัวเองทิ้งคนป่วยให้นอนอยู่คนเดียวในห้องพัก คนเป็นเจ้าของโรงแรม...อยากทำทุกอย่างให้สมกับความรักที่คุณแม่มอบให้ แต่ภาระหน้าที่ต่างๆ และการอยู่ห่างกันคนละประเทศเพื่อบริหารธุรกิจของครอบครัวให้มีความมั่นคงมันทำให้จงอินไม่สามารถดูแลซองรยองได้เหมือนอย่างที่คนเป็นลูกควรจะทำ
ส่วนเรื่องความสนิทสนมระหว่างคุณแม่กับพนักงานในโรงแรมอย่างคุณอาจีซบ...จงอินก็ไม่เคยเข้าไปก้าวก่ายหรือห้ามปราม เพราะทราบดีว่าความสนิทสนมของคนทั้งคู่มันไม่มีทางเป็นไปในเชิงชู้สาวแน่นอน มันมีแต่มิตรภาพที่ดี มีความไว้วางใจและรู้ใจกันในแบบเพื่อนมากกว่า
“อะ...โอ๊ย ซี๊ดด!!!”
เสียงร้องด้วยความเจ็บปวด...ฉุดคนคิดมากที่กำลังเอนกายอยู่บนโซฟาให้หลุดออกจากภวังค์ แล้วรีบเดินมาที่เตียงคนป่วยทันที มือหนาเกลี่ยแก้มนิ่มเบาๆเพื่อเรียกสติเพราะใบหน้าเรียวสวยที่ตัวเองหลงใหลนักหนากำลังแสดงอาการที่ไม่ค่อยสู้ดี
“ไงครับคนเก่ง... เจ็บตรงไหนหรือเปล่า หื้ม?”
“เจ็บขานิดหน่อยครับ”
หลับไปด้วยฤทธิ์ของยาหลังอาหาร แต่เมื่อรู้สึกตัวตื่นกลับเผลอขยับกายแรงเกินไปจนทำให้แผลผ่าตัดที่ขาด้านซ้ายเกิดอาการตึงและเจ็บร้าวไปทั่วทั้งสะโพก เหมือนจะชินกับการเป็นคนป่วยที่นอนติดเตียงมาเป็นเวลานาน แต่บางที...ร่างกายมันก็เคลื่อนไหวไปโดยอัตโนมัติ
“พี่จะไปตามหมอนะครับ เซฮุนรอพี่หยะ..อยู่”
“ไม่ต้องตามหรอกครับ เซฮุนไม่เป็นอะไรแล้ว แค่เจ็บแผลนิดเดียวเอง”
“ทำไมคนป่วยดื้อจังเลยครับ พี่เป็นห่วงรู้ไหม แล้วหายเจ็บขาหรือยัง?”
“ดีขึ้นแล้วครับ...แล้วคุณแม่กับเยริละครับ?? ทุกคนหายไปไหนกันหมด?”
“กลับไปพักผ่อนแล้วครับ...เพราะพรุ่งนี้คุณแม่กับน้องเยริก็ต้องเดินทางไปจีนแต่เช้า”
“เซฮุนยังไม่ได้ลาคุณแม่เลยครับ!!”
“ไม่ต้องคิดมากนะครับคนป่วย คนอย่างคุณนายคิม...ไม่มีวันโกรธลูกสะใภ้คนนี้แน่นอน พี่รับรอง”
“พี่จงอินอย่าพูดแบบนี้ได้ไหมครับ!!”
ดีใจที่คุณแม่เจ้าของโรงแรมยอมรับให้เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของตระกูลคิม แต่การถูกเปรียบเปรยว่าตัวเองเป็นลูกสะใภ้มันก็ทำให้รู้สึกอายอยู่ไม่ใช่น้อย คนป่วยทำได้แค่มองค้อนเจ้าของคำพูดที่น่าอายและการถูกงอนง้อ...ก็ต้องหยุดไว้ที่รอยจูบอันแสนอ่อนโยน เพราะมันถึงเวลาที่เซฮุนต้องลงไปพบคุณหมอที่ห้องทางด้านล่างเพื่อนำเฝือกออกจากแขน
แผลจากการถูกยิงที่แขนข้างขวา...เริ่มหายเป็นปกติ และแขนอีกข้างที่หมอเอาเฝือกออกให้เรียบร้อยก็สามารถสร้างความดีใจให้คนป่วยได้มากจริงๆ ตาเรียวคู่สวย...ดูผลจากฟิล์มเอ็กซ์เรย์ที่อยู่ในหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างตั้งใจ พร้อมฟังคำอธิบายจากแพทย์ผู้ทำการรักษา โดยมีคนรักคอยเฝ้าอยู่ไม่ห่าง เซฮุนลองขยับแขนและมือเพื่อทดสอบความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อตามคำสั่งของคุณหมอ และการเคลื่อนไหวได้เพียงเล็กน้อยก็ทำให้คนป่วยยิ้มออกมาได้ไม่ยาก
เซฮุนรู้สึกมีกำลังใจเพิ่มมากขึ้นเมื่อรู้ว่าทุกๆอย่างในร่างกายของตัวเองกำลังกลับสู่สภาวะปกติ จากที่ตอนแรกมีความกังวลอยู่มากและรู้สึกหดหู่ทุกครั้งเมื่อมองเห็นสภาพร่างกายที่เต็มไปด้วยรอยแผล แต่ตอนนี้...ทุกๆอย่างมันเริ่มจางหายไปพร้อมกับแขนที่สามารถกลับมาขยับได้อีกครั้ง เขาจึงมีกำลังใจที่จะสู้ต่อและพร้อมที่จะเข้ารับการทำกายภาพบำบัดในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า
รอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของคนป่วย...มันก็ทำให้เจ้าของโรงแรมรู้สึกสบายใจมากขึ้นเช่นกัน ความเป็นห่วง ความเครียด และความกดดันต่างๆที่ถาโถมเข้าใส่ในตอนแรกมันถูกปัดเป่าออกไปจนหมดเมื่อได้เห็นรอยยิ้มของคนรักที่ดูมีความสุขอีกครั้ง จงอินเข็นรถของคนป่วยกลับมาถึงห้องพักพร้อมกับจิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังว่าเรื่องร้ายๆ...มันคงจบลงเพียงแค่นี้
แกร๊กก!!!
เมื่อเข้ามาในห้องพัก...ร่างของคนป่วยก็ถูกอุ้มขึ้นจากรถเข็น แล้ววางลงบนเตียงด้วยความทะนุถนอม อุปกรณ์ในการเช็ดตัวถูกพยาบาลจัดเตรียมไว้ให้ตามคำสั่งของญาติคนไข้ขี้หวง และไม่ใช่แค่อุปกรณ์ในการเช็ดตัวเท่านั้นที่ต้องเตรียมเพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่พยาบาลเคยทำให้คนป่วยก็ถูกสั่งห้ามทั้งหมด และทำได้เพียงวัดความดัน วัดไข้ รวมถึงจ่ายยาไปตามอาการของคนป่วยเท่านั้น จงอินเริ่มถอดเสื้อผ้าให้กับคนรักแล้วใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นลูบไปตามผิวเนื้อเนียนขาวอย่างเบามือ
แต่...
“พี่จงอินรีบเช็ดตัวเร็วๆหน่อยได้ไหมครับ เซฮุนหนาว” ใบหน้ามันร้อนจนเกือบไหม้และไม่ได้รู้สึกหนาวอย่างที่พูด แต่การถูกสายตาคมจับจ้องทุกครั้งเวลาที่ถูกเช็ดตัวมันทำให้หัวใจของคนป่วยเต้นแรงผิดปกติ
“ใกล้เสร็จแล้วครับคุณผู้หญิง ทนหนาวอีกแป๊บนึงนะครับ” ยิ่งได้เห็นใบหน้าเรียวสวยขึ้นสีแดงระเรื่อก็ยิ่งพูดยั่วให้คนป่วยเขินมากขึ้นกว่าเดิม ยิ่งปากบางสีหวานขยับบ่นมุบมิบก็ยิ่งอยากแกล้งเช็ดตัวให้นานกว่านี้
เมื่อถูกคนเจ้าเล่ห์...ทำความสะอาดร่างกายและแต่งตัวให้เรียบร้อย คนป่วยก็รีบดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดใบหน้าทันทีเพราะรู้สึกอายกับสิ่งที่ถูกกระทำ เห็นกันมามากกว่านี้ก็เคยมาแล้ว แต่ในเวลาแบบนั้นมันเป็นไปตามอารมณ์ที่เกิดจากความต้องการของมนุษย์ทั่วไป ไม่ใช่เกิดจากสิ่งที่เขาเป็นอยู่ในตอนนี้ ส่วนคนขี้แกล้ง...ก็รู้สึกขำกับท่าทีที่คนรักแสดงออกมาพร้อมก้มตัวส่งปากหยักจูบคนขี้อายเบาๆ ผ่านผ้าห่มที่ถูกกั้นไว้แล้วเดินไปเข้าห้องน้ำทันที
“(คนบ้า!!)”
บ่นได้แค่ในความคิด...และเปิดผ้าผืนหนาออกจากใบหน้าเมื่อได้ยินเสียงประตูห้องน้ำถูกปิดลง หัวใจมันเต้นแรงเกินควบคุมและคิดว่าถ้าถูกเช็ดตัวให้แบบนี้ทุกวัน เขาคงป่วยเป็นโรคหัวใจเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งอย่าง เซฮุนนอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ทั้งเรื่องอาการบาดเจ็บ เรื่องการทำกายภาพบำบัดรวมถึงเรื่องของงานในโรงแรมอย่างเช่นการจัดดอกไม้ คนป่วยคิดถึงพี่ๆทุกคนในแผนกและนึกถึงการจัดดอกไม้มากที่สุดเพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้สึกสบายใจ แถมยังช่วยผ่อนคลายจากความเครียดได้ทุกครั้ง
!!!!!!!
นอนคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้...จนไม่ได้สังเกตว่าคนที่ขอตัวไปอาบน้ำเมื่อครู่ออกมานั่งอยู่ตรงปลายเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่ และขาข้างที่ไม่รับบาดเจ็บก็ถูกยกขึ้นแล้ววางลงบนตักของคนนั่งอยู่ปลายเตียง เซฮุนพยายามขยับขาออกจากฝ่ามือที่กำลังบีบนวดปลายเท้าของเขา เพราะรู้สึกเกรงใจและไม่คิดว่าคนรักจะทำแบบนี้
“พี่จงอินปล่อยขาเซฮุนลงเถอะครับ!!”
“เจ็บเหรอครับเซฮุน?”
“มะ...ไม่เจ็บครับแต่เซฮุนเกรงใจ พี่จงอินเหนื่อยมาทั้งวันแล้วนะครับ”
“พี่ก็นึกว่าเจ็บ...งั้นเซฮุนนอนนิ่งๆนะครับ พี่ถามหมอมาแล้ว หมอบอกว่านวดได้นิดหน่อย”
“ตะ...แต่ว่า”
“ไม่มีแต่ครับ นอนเฉยๆ....แล้วถ้าห้ามอีกคำเดียว เซฮุนจะโดนทำอย่างอื่น”
“ (>///<) “
ยอมนอนนิ่งๆ...แล้วปล่อยให้คนรักทำในสิ่งที่อยากทำ เพราะการนอนอยู่บนเตียงเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บโดยไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกายมานานมันก็ทำให้เซฮุนรู้สึกไม่สบายตัวอยู่บ่อยครั้ง แต่ตอนนี้...ความผ่อนคลายที่ได้รับจากการบีบนวดก็สามารถลดความเมื่อยล้าได้ในทันที และลมหายใจ...ที่ผ่อนเข้าออกอย่างสม่ำเสมอของคนที่นอนอยู่บนเตียงมันก็ทำให้หมอนวดจำเป็นรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองตั้งใจทำมันส่งผลให้คนป่วยหลับสบายมากขึ้น
จงอิน...ขยับกายลุกออกจากเตียงคนป่วยช้าๆแล้ววางขาของเซฮุนลงอย่างเบามือพร้อมห่มผ้าให้เสร็จสรรพ เป็นวันที่เหนื่อยมากสำหรับการดูแลคนป่วยเพราะมีเรื่องที่เขาต้องคอยระวัง ต้องเรียนรู้ และต้องให้ความใส่ใจมากกว่าปกติ แต่ไม่ว่าจะเหนื่อยมากแค่ไหน...คนเป็นเจ้าของโรงแรมก็เต็มใจทำและจะทำทุกอย่างเพื่อให้คนรักมีความสุข
จุ๊บบ!!
ก้มกาย...ส่งปากหยักจูบลงบนหน้าผากของคนป่วยด้วยความรักและยืนมองใบหน้าเรียวสวยที่เริ่มมีเลือดฝาดมากขึ้นหลังจากซูบซีดมาตั้งแต่เข้ารับการรักษา จงอิน...อยากให้คนที่นอนอยู่บนเตียงหายเป็นปกติโดยเร็วเพราะรู้สึกสงสารและอยากเจ็บแทนทุกครั้งที่เห็นบาดแผลบนร่างกายของเซฮุน
จุ๊บบ!!
เจ้าของโรงแรมจุมพิตหน้าผากของคนรักอีกครั้งก่อนเอนกายลงบนที่นอนสำหรับญาติคนป่วยเพื่อเก็บแรงเอาไว้สู้กับวันใหม่ และ....
“ฝันดีนะครับ...ดอกไม้ของเจ้านาย”
❀
100%
แก้ไขเมื่อ 02/01/61
ขออนุญาตย้ำอีกครั้งนะคะ..ว่าผลการรักษา อาการบาดเจ็บ คำพูดต่างๆของคุณหมอในฟิคเรื่องนี้ เป็นเพียงสิ่งที่เราคิดขึ้นมาเอง และถ้าผู้อ่านคนใดที่มีความรู้ในด้านนี้อ่านแล้วรู้สึกขัดหูขัดตา เราต้องขออภัยด้วยจริงๆค่ะ (ไหว้ย่อ)
ขอบคุณทุกการติดตาม ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ ขอบคุณนักอ่านทุกคนมากๆนะคะ
แล้วจะเข้ามาตรวจคำผิดเรื่อยๆค่ะ
รัก ♥
#ดอกไม้ของเจ้านาย
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ไปคะซิสไปจัดการคนร้ายกัน