ตอนที่ 23 : ❀ 23
ดอกไม้ดอกที่ 23
SM Hospital
19.43 น.
VROOMMMMMM!!!!!!
พาหนะสีดำ...จอดสนิทลงตรงหน้าประตูที่เขียนข้อความไว้บนผนังว่า “ทางเข้าห้องฉุกเฉิน” และตอนนี้เจ้าของรถก็ได้แต่โทษตัวเองว่าทุกอย่างอาจเป็นความผิดของเขา เพราะการทำงานที่เป็นมากกว่าอาชีพวิศวกรมันส่งผลให้ชีวิตของใครคนหนึ่งต้องตกอยู่ในอันตราย แต่สิ่งที่เกิดขึ้น...เขาก็ไม่คิดว่ามันจะร้ายแรงได้ถึงเพียงนี้
ขับรถมาที่ร้านอาหารตามคำสั่งของเพื่อนผิวเข้ม...แต่เหตุการณ์ที่ทำให้ต้องเปลี่ยนเส้นทางจากร้านอาหารมาเป็นโรงพยาบาลก็คือ...เสียงปืนและคนเจ็บที่นอนร้องครวญครางอยู่บนพื้นถนน เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เพราะในขณะที่วิศวกรหนุ่มกำลังเลี้ยวรถเพื่อเอาหลักฐานบางอย่างไปให้เพื่อนผิวเข้มดูที่ร้านอาหาร แต่เมื่อใกล้จะถึงที่หมาย...เสียงปืนที่ดังขึ้นสามครั้งก็สามารถหยุดทุกอย่างได้ทันที
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า...มันใกล้และชัดเจนมากจนอยากให้มันเป็นเพียงแค่ในภาพยนตร์ เพราะคนที่นอนจมกองเลือดอยู่ริมถนนมันคือชีวิตของคนที่เพื่อนรักมากที่สุด เสียงปืนหยุดลงพร้อมกับสติของวิศวกรหนุ่มที่หายไปชั่วขณะ แต่ก็ยังมีเหลือพอให้รีบพาตัวคนเจ็บมาส่งที่โรงพยาบาลและคนที่คิดว่าไม่น่าจะมีสติเหลืออยู่เลยก็คือ....เจ้าของโรงแรม
เซฮุน...ถูกนำตัวเข้าห้องผ่าตัดทันที เพราะการถูกยิงตามร่างกายถึงสามนัดมันอาจพรากชีวิตคนรักของเพื่อนผิวเข้มไปตลอดกาล คราบเลือด เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดและใบหน้าซีดเซียวของผู้เคราะห์ร้ายมันเป็นภาพที่ไม่น่าจดจำเท่าไหร่นัก แต่ก็ลบออกไปจากหัวสมองไม่ได้สักที ประตูห้องที่อาจช่วยชีวิตผู้บาดเจ็บให้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้งถูกปิดลงทันทีเมื่อหมอและพยาบาลต่างเข้ามาทำหน้าที่ของตัวเอง
และตอนนี้...ก็คงทำได้แค่รอพร้อมกับภาวนาอยู่ในใจขอให้คนที่อยู่ในห้องห้องนั้นปลอดภัย
“กูไปเอาของที่รถแป๊บนึง เดี๋ยวมา” ตบบ่าเพื่อนเบาๆเหมือนเป็นการปลอบใจ แล้วรีบเดินกลับไปที่รถเพื่อหยิบเอกสารบางอย่างออกมายืนยันความบริสุทธิ์ของผู้บาดเจ็บ
ทราบดี...ว่าคนเป็นเจ้าของโรงแรมกำลังเข้าใจผิดในเรื่องใด เพราะรูปถ่ายที่หล่นอยู่ข้างกายคนเจ็บก่อนนำตัวมาส่งที่โรงพยาบาลมันฟ้องทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว และหลักฐานที่ชานยอลอยากให้เพื่อนได้เห็นก็คือคำตอบของเรื่องนี้ มันอาจดูเหมือนสายเกินไปสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้ความเข้าใจผิดมันบั่นทอนความรู้สึกไปเรื่อยๆ และหลักฐานที่เจ้าของรถถืออยู่ในมือ...มันก็เป็นยิ่งกว่าการแก้ต่างให้ผู้บาดเจ็บ
คิดไม่ผิด...ว่าสักวันหนึ่งเพื่อนต้องได้รับรูปถ่ายที่ทำให้เกิคความหมางใจกับคนรัก เพราะทุกครั้งที่มีงานประมูลที่ดินก็มักจะมีคนเล่นนอกเกมอยู่เสมอ และสิ่งที่ชานยอลคิด...มันก็เกิดขึ้นจริงๆ แต่สิ่งที่คาดไม่ถึง...ก็คือเรื่องที่แฟนเพื่อนถูกยิง งานประมูลที่ดินมักมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง แต่ครั้งนี้ถือว่ารุนแรงที่สุดเนื่องจากมีผู้บาดเจ็บหรือถ้าโชคร้ายก็อาจเสียชีวิต และสิ่งที่ชานยอลนึกโทษตัวเองอยู่ตลอดเวลาก็คือการยกเลิกคำสั่งที่ให้นักสืบคอยติดตามดูแลเซฮุนไว้จนกว่างานประมูลจะเริ่มขึ้น
คนที่ทำงานเกินอาชีพวิศวกร...สั่งให้นักสืบหยุดการติดตาม รวมถึงยุติการสืบเรื่องทุกอย่างเพราะอีกสองวัน...งานประมูลที่ดินก็จะเริ่มต้นขึ้นและเอกสารที่เจ้าของโรงแรมเตรียมไว้ก็เพียงพอที่จะเอาชนะคู่แข่งได้ทุกราย ส่วนหลักฐานสำคัญของผู้เข้าร่วมงานประมูลคนหนึ่งที่คิดจะเล่นนอกเกม ชานยอลก็มีครบทุกอย่างและพร้อมที่จะมอบให้กับตำรวจทันทีเมื่อจบงานประมูล แต่สุดท้าย...สิ่งที่คิดว่าไม่ต้องสืบ ไม่ต้องติดตาม และไม่มีสิ่งใดให้ต้องกังวลก็กลายเป็นเรื่องที่ทำให้รู้สึกผิดอยู่ในตอนนี้
วิศวกรหนุ่มเดินกลับมาที่หน้าห้องผ่าตัดอีกครั้งพร้อมกับหลักฐานสำคัญในมือ แต่สีหน้าของเพื่อนผิวเข้มที่ไม่แสดงอาการอะไรออกมาทั้งนั้นนอกจากการนิ่งเฉย ก็ทำให้คนมองรู้สึกเครียดไปกับสิ่งที่อยากจะบอก และถ้าเดาไม่ผิด...มันคงเป็นอาการของคนที่กำลังสับสนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันคือเรื่องจริงหรือเป็นเพียงแค่ความฝัน
“จงอิน...กูรู้ว่ามึงยังไม่พร้อม แต่มึงช่วยดูหลักฐานของกูหน่อย มันอาจเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เซฮุนถูกยิง”
“........???!!”
“มึงตั้งสตินะ...มีอะไรสงสัยก็ถามกู”
การฮั้วประมูล...ถือเป็นเรื่องปกติของงานประมูลทุกรูปแบบ แต่การสั่งเก็บใครสักคนมันต้องไม่ใช่เรื่องปกติอย่างแน่นอน และคนที่ยิงเซฮุนก็อาจถูกจ้างมาเพื่อตัดคู่แข่งคนสำคัญอย่างเจ้าของโรงแรมชื่อดังให้ออกจากงานประมูล เพราะจงอินถือเป็นผู้ร่วมประมูลที่น่ากลัวมากที่สุดในงานครั้งนี้และไม่เคยประมูลพลาดเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“มึงได้ภาพพวกนี้มาจากไหน??”
นั่งเงียบมานาน...เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องแย่ๆขึ้น หัวใจมันก็เหมือนหยุดเต้น สมองมันไม่สั่งงาน และแทบไม่รู้สึกอะไรเลยนอกจากความว่างเปล่า เสียงร้องเรียกด้วยความเจ็บปวด เสียงที่พร่ำบอกว่า “ขอโทษ” ซ้ำๆมันยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาท และเสียงปืนที่ได้ยินตอนหันหลังให้กับความหลอกลวง ทุกอย่างๆมันชัดเจนขึ้นทุกครั้งเมื่อนึกถึง
จงอินไม่รู้ด้วยซ้ำ...ว่าตัวเองถูกพาขึ้นรถมาพร้อมกับคนเจ็บตอนไหน? มาที่โรงพยาบาลอะไร? หรือตอนนี้...เขาต้องนั่งอยู่ที่หน้าห้องผ่าตัดอีกนานเท่าไหร่? แต่หลักฐานที่อยู่ในมือมันเหมือนพาตัวเองย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้งพร้อมกับเรียกสติที่หายไปนานให้กลับมาเหมือนเดิม เพราะหลักฐานที่เป็นภาพถ่ายจำนวนมากและมีแต่รูปเซฮุนกับอี้ฟานอยู่ในสถานที่ต่างๆมันไม่เหมือนกับภาพที่เขาเคยได้รับมาก่อนหน้านั้นเลยสักใบ ทุกๆภาพมีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด
“กูจ้างให้นักสืบตามดูเซฮุนไว้ แล้วก็...อย่างที่มึงเห็นนั่นแหละ”
“แล้วคนนี้ใครวะ??”
นิ้วเปื้อนเลือด...ชี้ลงบนภาพที่มีศัตรูหัวใจกับคนรักของตัวเองนั่งทานมื้อเย็นอยู่ด้วยกันในร้านอาหารญี่ปุ่น แต่รูปที่นักสืบของชานยอลถ่ายไว้กลับมีผู้ชายหน้าหวานอีกคนนั่งอยู่ในอ้อมกอดของอี้ฟาน ส่วนเซฮุนนั่งอยู่ฝั่งข้าม...ซึ่งมันไม่เหมือนกับภาพที่เขาได้มาจากเลขาเลยสักนิด
“แฟนอี้ฟาน...ชื่อจางอี้ชิง เป็นเจ้าของร้านเพชรอยู่ที่ฮ่องกง”
“มึงว่าอะไรนะ??”
“เรื่องจริง...ทุกอย่างที่กูสืบมึงมั่นใจได้เลย”
แค่ได้ข่าว...ว่าคู่แข่งคนสำคัญขอถอนตัวออกจากงานประมูลที่ดินไปแบบกะทันหัน มันก็สร้างความประหลาดใจให้เจ้าของโรงแรมมากพออยู่แล้ว ยิ่งมาได้ยินคำบอกเล่าของเพื่อนว่าคนอย่างอู๋อี้ฟานมีแฟนเป็นตัวเป็นตน มันก็ยิ่งสร้างความประหลาดใจมากขึ้นไปอีก มือหนาหยิบภาพอีกหลายใบออกมาจากซองเอกสารเพื่อเปรียบเทียบกับรูปในความทรงจำที่ทำให้ตัวเองผิดใจกับคนรักออกมาดูทีละใบ ทีละใบอย่างมีสติ
“มึงช่วยอธิบาย 2 รูปนี้ให้กูฟังหน่อย”
ภาพในผับที่เชจู...ถูกวางลงบนมือของวิศวกรประจำโรงแรม เพราะมันมีทั้งภาพที่คนรักกำลังจูบอยู่กับอี้ฟานในห้องน้ำ และภาพที่ชานยอลกำลังประคองเซฮุนออกมาจากผับ ซึ่งทุกๆภาพมันเป็นวันเดียวกันกับที่เขาและเพื่อนเดินทางไปขอลูกๆทั้งสองคนของผู้ใหญ่ที่นับถือ และยังให้คำสัญญาไว้ว่าจะดูแลลูกของท่านให้ดีที่สุด
แต่...มันคงยังดีไม่พอ
“วันนั้นน้องแบคกับเซฮุนหนีไปเที่ยวกันสองคน แล้วเซฮุนไปเจออี้ฟานในห้องน้ำ เรื่องโดนจูบ...กูช่วยไว้ไม่ทันจริงๆ แต่กูยืนยันได้เลยว่าเซฮุนไม่ได้ยินยอม พอกูเคลียร์เรื่องเสร็จ กูก็พาเซฮุนกับน้องแบคไปส่งที่บ้าน” ชานยอลจำได้ดีว่าวันเกิดเหตุ...เซฮุนมีปากเสียงกับอี้ฟานแล้วก็มีการพูดท้าทายกันจนเกิดเรื่องเกินเลยขึ้น และดีที่ทุกอย่างมันไม่ได้แย่ไปกว่าการถูกจูบ
“ซอลฮยอน!!!!!!??” รูปใบใหม่...ที่หยิบออกมาจากซองเอกสาร มันทำให้เจ้าของโรงแรมแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเพราะเจ้าของชื่อ...ที่เอ่ยออกมาด้วยความตกใจ ได้หายไปจากชีวิตของเขามานานหลายปีและไม่เคยได้ข่าวอะไรอีกเลยจนกระทั่งตอนนี้
จงอิน...เทรูปทั้งหมดออกมาจากซองเอกสารและภาพเดี่ยว ภาพคู่ รวมถึงภาพที่มีคนเคยรักอยู่ในสถานที่ต่างๆมันกำลังถูกมือเปื้อนเลือดที่เริ่มแห้งเลือกดูภาพแต่ละใบอย่างนึกสงสัย และหนึ่งในภาพที่ทำให้เจ้าของโรงแรมรู้สึกเสียใจมากที่สุดก็คือภาพที่เซฮุนกำลังโอบกอดอี้ฟานที่สนามบินเชจู แต่!!!...มันมีความแตกไปจากภาพที่เขาเคยได้รับเพราะในภาพใบนี้...มันมีหญิงสาวที่เขาเพิ่งเอ่ยชื่อขึ้นเมื่อครู่ปรากฏอยู่ด้วย และเธอก็กำลังยืนมองบางอย่างด้วยสายตาที่ยากเกินคาดเดาพร้อมกับสะพายกล้องไว้บนไหล่
“จงอิน...มึงช่วยตั้งสติอีกรอบนะ แล้วฟังเรื่องที่กูจะบอก”
หลังจากที่ทราบว่าจะมีงานประมูลที่ดินเกิดขึ้น รวมถึงการที่เซฮุนมีเรื่องกับอี้ฟานที่ผับในเชจู ทุกๆเรื่องจึงเป็นเหตุให้ชานยอลต้องรีบสั่งให้นักสืบคอยติดตาม คอยดูแลรวมถึงเก็บภาพทุกอย่างเอาไว้เป็นหลักฐาน และวันนี้...ภาพถ่ายหลายสิบใบที่มีรูปคนรักของเพื่อนกับหนุ่มลูกครึ่งที่เป็นทั้งนายแบบสุดฮอตและเจ้าของโรงแรมจูรี่ก็สามารถพิสูจน์ความจริง แก้ต่างหรือช่วยยืนยันความบริสุทธิ์ให้เซฮุนได้เป็นอย่างดี
ส่วนเรื่องหญิงสาวที่ชื่อซอลฮยอน...ก็ใช่ว่าคนที่ได้หลักฐานพวกนี้มาก่อนใครอย่างชานยอลจะไม่รู้ และตอนที่เห็นรูปของเธอครั้งแรกก็รู้สึกตกใจไม่แพ้จงอินเช่นกัน แต่ที่ไม่พูดหรือไม่เล่าทุกอย่างให้เพื่อนฟังก็เพราะไม่อยากให้เรื่องของแฟนเก่ามาทำให้เกิดผลกระทบต่องานประมูลที่ใกล้จะมาถึงในอีกสองวันข้างหน้า และหญิงสาวคนนี้ก็เป็นแฟนใหม่ของผู้เข้าร่วมประมูลคนหนึ่งที่คิดจะล้มเจ้าของโรงแรมชื่อดังของตระกูลคิมโดยใช้ภาพของความสัมพันธ์ต่างๆระหว่างอี้ฟานกับเซฮุนมาเป็นเหยื่อล่อ
และถ้าไม่ผิด...แผนที่คนพวกนี้คิดไว้มันอาจใช้ไม่ได้ผล แล้วเปลี่ยนแผนใหม่เป็นการทำลายใครสักเพื่อหยุดคู่แข่งที่น่ากลัวอย่างคิมจงอินก่อนที่งานประมูลจะเริ่มขึ้น และคนคนนั้นก็คือ...เซฮุน
“ต่อให้กูไม่มีสติ มึงก็ต้องเล่า เล่ามาให้หมด!!!”
“เออ...มึงตั้งใจฟังดีๆละกัน!! ซอลฮยอนเป็นแฟนของผู้ร่วมประมูลคนนึง แล้วรูปเซฮุนกับอี้ฟานที่มึงได้มาก็คงเป็นแผนของพวกมัน แต่กูสงสัยว่าพวกมันอาจเปลี่ยนแผนหรือไม่ก็คิดมาแล้วว่าจะทำอะไร”
“มึงจะบอกอะไรกู???!!”
“กูคิดว่า...ซอลฮยอนกับแฟนใหม่เป็นคนสั่งยิงเซฮุน!”
“.......!!!!!!!!!”
“กูขอโทษนะเว้ย...จริงๆกูรู้เรื่องซอลฮยอนมาสักพักแล้ว แต่กูไม่อยากบอกมึงเพราะกลัวมึงคิดมาก แล้วกูก็ไม่คิดด้วยว่าเรื่องมันกลายเป็นแบบนี้”
“โธ่...เว้ยยยยยยย!!!!!!!”
โครมมมมมมม!!!
เก้าอี้หน้าห้องผ้าตัด...ถูกเจ้าของโรงแรมใช้เป็นที่ระบายอารมณ์ เพราะสาเหตุที่แท้จริงของเรื่องทั้งหมดมันก็เกิดจากตัวของเขาเอง ความเข้าใจผิด คำดูถูก เสียงปืน กองเลือด ทุกๆอย่างมันวนเวียนอยู่ในหัวสมองเหมือนการ rewind เพลงกลับไปกลับมาซ้ำๆ จงอินทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างคนหมดแรงและได้แต่ภาวนาอยู่ในใจ...ขอให้คนเจ็บที่นอนอยู่ในห้องตรงหน้า ช่วยตื่นขึ้นมาฟังคำขอโทษจากคนที่สำนึกผิดคนนี้ด้วยเถิด
❀
21.02 น.
เมื่อทราบข่าวร้ายจากเพื่อนของลูกชาย...ซองรยองก็รีบเคลียร์ค่าใช้จ่ายต่างๆในร้านอาหารแล้วเดินทางมาที่โรงพยาบาลทันที และก่อนเกิดเหตุก็รู้สึกหงุดหงิดใจอยู่ไม่ใช่น้อยเพราะถูกทิ้งให้นั่งอยู่ที่ร้านอาหารมาหลายชั่งโมง คนเป็นแม่...โทรหาใครก็ไม่มีใครรับสายสักคน แต่พอมีสายเข้าก็กลับกลายเป็นเรื่องที่ไม่น่าฟังและไม่อยากให้เกิดขึ้นกับใครทั้งนั้น
ซองรยอง...โอบกอดลูกชายของตัวเองเอาไว้ด้วยความรัก ความเป็นห่วงและความเข้าใจ เพราะมันไม่มีใครอยากให้เรื่องร้ายๆแบบนี้เกิดขึ้น และถึงแม้ความจริงที่ฟังมาจากชานยอลจะทำให้รู้สึกตกใจหรือโกรธใครบางคนจนอยากจะฆ่าให้ตายก็ตามที แต่คนเป็นแม่ก็ต้องพยายามเก็บอารมณ์ต่างๆเอาไว้เนื่องจากสิ่งที่ทำได้ในตอนนี้ก็คือการปลอบใจคนในอ้อมกอดให้คลายกังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“หนูเซฮุนต้องปลอดภัย จงอินเชื่อแม่นะลูก”
“ผมผิดเองแม่...ผมทำร้ายเซฮุน”
“ถ้าเรื่องนี้จงอินเป็นคนผิด แม่ก็คงผิดด้วยเหมือนกัน”
“........??!!!!”
ถ้าจงอินผิด...เรื่องที่ทำร้ายจิตใจของคนรัก หรือถ้าชานยอลผิด...ที่ยกเลิกคำสั่งการดูแลเซฮุน คนเป็นแม่...ก็ต้องขอยอมรับผิดเหมือนกันเพราะถ้าตัวเธอจัดการแฟนเก่าของลูกชายให้เด็ดขาดมากกว่านี้ ผู้หญิงที่ชื่อซอลฮยอนก็คงไม่มีวันได้กลับมาทำร้ายใครอีกแน่นอน ซองรยองไม่เคยรังเกียจ กีดกันและห้ามจงอินคบกับคนที่ดูต่ำต้อยกว่า แต่การที่ผู้หญิงคนนี้เลิกกับลูกชายของเธอแล้วหันไปคบกับคนที่เป็นคู่แข่ง และพอไปไม่รอดก็จะกลับมาคบกับจงอินอีกครั้งมันจึงเป็นเรื่องที่ซองรยองรับไม่ได้
คนเป็นแม่...รู้ทันหญิงสาวที่ชื่อซอลฮยอนเสมอ และลองให้โอกาสโดยการยื่นข้อเสนอเป็นเงินจำนวนถึงห้าสิบล้านวอน** เพื่อแลกกับการออกไปจากชีวิตของทายาทตระกูลคิม แต่การให้โอกาส...มันก็คือการลองใจคนที่ซองรยองคิดไว้ตั้งแต่แรก เพราะถ้าซอลฮยอนไม่รับเงินก้อนนี้ไป เธอก็จะยอมให้ผู้หญิงคนนี้กลับมาคบกับจงอินได้เหมือนเดิม แต่แล้ว...คนที่ไม่มีศักดิ์ศรี ไม่มีเกียรติ และไม่มีอะไรเหลืออย่างซอลฮยอนก็เลือกเงินห้าสิบล้านวอน**แล้วหายตัวไปนับตั้งแต่นั้นโดยให้สัญญาไว้ด้วยว่า...จะไม่กลับมาเกาหลีหรือกลับมายุ่งกับคนในตระกูบคิมอีกเลย
แต่แล้ววันนี้...หญิงสาวคนเดิม คนที่ลูกชายของเธอเคยรักและเคยให้คำสัญญาต่างๆเอาไว้ก็กลับมาทำลายทุกอย่างอีกครั้ง
“จงอิน...แม่ขอโทษนะลูก แม่ผิดเอง แม่ผิดเอง”
“แม่อย่าโทษตัวเองเลยครับ...ผมผิดเองที่เลือกผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในชีวิต ผมผิดเองที่ทำให้เซฮุนถูกยิง”
“เดี๋ยวทุกอย่างก็จะดีขึ้น จงอินเชื่อแม่นะลูก...หนูเซฮุนจะต้องไม่เป็นอะไร”
คนเป็นลูก...กอดผู้มีพระคุณไว้ด้วยความรัก เพราะถ้าคุณแม่ไม่ทำอย่างที่เล่ามาทั้งหมด ตัวเขาก็คงไม่เหลืออะไรในชีวิตและไม่ได้เป็นเจ้าของโรงแรมที่ใครๆต่างก็ยกย่องเหมือนอย่างวันนี้ จงอินเข้าใจดี...ว่าซองรยองรักเขามากแค่ไหน ห่วงเขามากแค่ไหนหรืออยากให้เขารู้สึกเช่นไร เพราะคำพูดเพียงไม่กี่คำและมือที่ลูบศีรษะของเขาด้วยความอ่อนโยนอยู่ในตอนนี้ มันทำให้หัวใจของคนเป็นลูก...กลับมาเต้นเป็นปกติได้อีกครั้ง
...
...
...
เป็นเวลาเกือบห้าชั่วโมง...ที่คนนอกห้องผ่าตัดรอคนที่อยู่ด้านในว่าการรักษาจะเสร็จสิ้นเมื่อไหร่ และมันก็เป็นระยะเวลาที่นานเกิดไปสำหรับหัวใจของคนที่สำนึกผิด จงอินนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้เพราะการผ่าตัดครั้งนี้มันใช้เวลานานมากจริงๆ ไม่มีแพทย์ ไม่มีพยาบาล ไม่มีใครเดินออกมาจากห้องตรงหน้าเลยสักคน จนกระทั่ง...ระยะเวลาของการผ่าตัดเริ่มเข้าสู่ชั่วโมงที่หก ประตูห้องที่มีคนรักนอนอยู่ด้านในก็ถูกเปิดออกพร้อมกับผู้ที่สวมชุดสีเขียวเดินออกมาด้วยสีหน้าที่ดูเหนื่อยล้า
“เมียผมเป็นยังไงบ้างหมอ? เขาเป็นอะไรมากหรือเปล่า? แล้วฟื้นหรือยัง?”
“ใจเย็นๆก่อนนะครับ...คุณเป็นญาติกับคนไข้ใช่ไหมครับ”
“ใช่ครับ...เมียผมเป็นไงบ้างครับ เขาปลอดภัยใช่ไหม? หมอบอกผมเร็วๆสิ!!”
“การผ่าตัดทุกอย่างเรียบร้อยดีครับ แต่หมอขอดูอาการของคนไข้ให้ครบ 24 ชั่วโมงก่อนนะครับ ถ้าระหว่างนั้นคนไข้ไม่มีโรคอะไรแทรกซ้อนก็สามารถออกจากห้อง ICU ได้ครับ แต่ตอนนี้...หมอของดเยี่ยมก่อนนะครับ เพราะคนไข้เสียเลือดค่อนข้างมาก หมออยากให้คนไข้ได้พักผ่อน”
“แล้วเมื่อไหร่เมียผมจะฟื้นล่ะหมอ...แล้วจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน??”
“ต้องขอโทษด้วยนะครับ หมอระบุไม่ได้จริงๆว่าคนไข้จะฟื้นตอนไหน คนไข้เสียเลือดมากนะครับ มีอาการอ่อนเพลีย แล้วแผลถูกยิงก็มีหลายแห่ง ยังไง...หมอขอดูอาการคนไข้ให้ครบ 24 ชั่วโมงก่อนนะครับ แล้วหมอจะแจ้งให้พวกคุณทราบทันที”
“..........”
“ส่วนเรื่องจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน หมอขออนุญาตบอกตรงๆเลยนะครับว่าคงอีกนาน เอ่ออ...เชิญญาติคนไข้ที่ห้องXXดีกว่าครับ หมอจะได้แจ้งอาการบาดเจ็บของคนไข้ให้ทราบ”
เรื่องการผ่าตัด...ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีเป็น แต่การที่หมอไม่สามารถระบุวันเวลาที่คนรักจะออกจากโรงพยาบาลและยังแสดงสีหน้าที่เคร่งเครียด มันทำให้จงอินเริ่มใจเสียพร้อมกับคิดไปต่างๆนานาว่าการผ่าตัดอาจไม่ราบรื่นเหมือนอย่างที่รับรู้ หรือตัวคุณหมออาจมีเรื่องบางอย่างแจ้งให้ทราบมากกว่าแค่การอธิบายอาการบาดเจ็บของคนไข้ ซองรยอง...จับมือจงอินไว้ตลอดเวลาแล้วบีบเบาๆเพื่อปลอบใจเพราะทราบดีว่าสถานการณ์ตอนนี้มันกำลังสร้างความกังวลใจให้มากขนาดไหน
“คุณหมอมีอะไรจะบอกผมก็รีบๆพูดมาเถอะครับ...ผมร้อนใจ!!”
“จงอินนน...ใจเย็นๆสิลูก”
จากการปลอบใจ...ต้องเปลี่ยนเป็นการห้ามปรามทั้งๆที่คนเป็นแม่ก็ร้อนใจไม่ต่างไปจากลูกชาย แต่เธอ...ก็จำเป็นต้องเก็บอารมณ์เอาไว้ เพราะถ้าพูดกดดันคุณหมอด้วยอีกคน มันก็คงไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก แพทย์ผู้ทำการรักษา...เปิดภาพผลเอ็กซ์เรย์ร่างกายของเซฮุนให้ญาติคนไข้ดูในหน้าจอคอมพิวเตอร์และเริ่มอธิบายเหตุผลว่าทำไมถึงไม่สามารถระบุวันให้คนไข้ออกจากโรงพยาบาลได้
“คนไข้ถูกยิง 2 นัดที่สะโพกกับโคนขาด้านซ้ายนะครับ บาดแผลจากการถูกยิงค่อนข้างบอบช้ำ แล้วเส้นเอ็นบริเวณโคนขาก็ถูกทำลายไปมาก บาดแผลส่วนนี้ทั้งหมดสาหัสที่สุดครับเพราะกระสุนปืนไม่ทะลุออก หมอต้องผ่าตัดอยู่นานกว่าจะเอากระสุนปืนออกมาได้ แล้วมันมีผลทำให้คนไข้เดินไม่ได้ไปสักยะระหนึ่งนะครับ”
“..........???!!?!!!”
“ส่วนคนไข้จะกลับมาเดินเป็นปกติได้เมื่อไหร่ เรื่องนี้ต้องขึ้นอยู่กับตัวของคนไข้เองนะครับว่าหลังจากการผ่าตัดแล้วจะยอมเข้ารับการบำบัดหรือเปล่า เพราะคนไข้บางราย...ก็รับสภาพตัวเองไม่ได้และไม่พยายามหัดเดินอีกเลย อุบัติเหตุบางอย่าง...มันมีผลกระทบต่อจิตใจของคนไข้นะครับ ไม่ใช่แค่ร่างกายเพียงอย่างเดียว”
“.........??!!!!!”
“ส่วนแผลถูกยิงที่แขนขวา 1 นัด...อันนี้กระสุนปืนแค่ถากๆไปนะครับ หมอทำแผลให้เรียบร้อยแล้ว แต่แขนอีกข้าง...ต้องใส่เฝือกไว้ประมาณ 1-2 สัปดาห์ เพราะกระดูกมีรอยแตกร้าวที่อาจเกิดจากการหกล้ม แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไรมากนะครับ และอาจมีผลค้างเคียงไปตามอาการอย่างเช่นตึงแขนตึงมือเวลาเอาเฝือกออก”
“.............”
“แล้วแผลแตกที่ศีรษะ...ก็ไม่น่าเป็นห่วงนะครับ หมอทำการเย็บแผลให้เรียบร้อยแล้ว”
“..........”
“ญาติคนไข้...มีข้อสงสัยหรืออยากถามอะไรเพิ่มเติมไหมครับ??”
“...........”
“ถ้าไม่มี...หมอขอตัวก่อนนะครับ แล้วถ้าคนไข้ฟื้นเมื่อไหร่หมอจะรีบแจ้งให้พวกคุณทราบทันที”
สิ้นคำอธิบายจากแพทย์ผู้ทำการรักษา...สมองของจงอินก็เหมือนหยุดจะทำงานไปชั่วขณะ ความรู้สึกผิดถาโถมเข้าหาไม่หยุดหย่อนและอยากเจ็บแทนคนรักมากที่สุด มือของคนเป็นแม่...ถูกบีบไว้แน่นด้วยมือของลูกชายที่กำลังรู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะทุกๆอย่างเขาคือต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดและคนรักต้องมารับเคราะห์แทน
อยากย้อนเวลากลับไปที่จุดเริ่มต้น อยากให้ทุกอย่างเป็นแค่ความฝันและอยากให้คนเจ็บ...ให้อภัย
“แม่ครับ...กลับไปพักผ่อนก่อนนะครับ ผมเรียกคนขับรถมาให้แล้วครับ” อีกไม่กี่นาทีก็จะสู่เข้าวันใหม่...วิศวกรประจำโรงแรมจึงจำเป็นต้องเรียกคนขับรถให้พาคุณแม่เจ้าของโรงแรมกลับไปพักผ่อน เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นมันกินระยะเวลานานจนอาจทำให้สุขภาพร่างกายของคนเป็นผู้ใหญ่รับไม่ไหว และอาการบาดเจ็บของเซฮุนก็อาจส่งผลให้ซองรยองเกิดความเครียด
“แม่ฝากดูแลจงอินด้วยนะชานยอล” อดเป็นห่วงลูกชายไม่ได้...แต่เวลานี้ตัวเธอก็เริ่มไม่ไหวแล้วเหมือนกัน และต่อให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันจะไม่มีความสูญเสียหรือไม่ได้ทำให้พิการไปตลอดชีวิต แต่อาการบาดเจ็บโดยรวมก็ถือว่าสาหัสมากจริงๆ
วิศวกรหนุ่ม...เดินมาส่งซองรยองที่รถและรีบเดินกลับเข้ามาในโรงพยาบาลต่อทันทีเนื่องจากมีข่าวใหม่ที่ต้องรีบแจ้งให้เพื่อนผิวเข้มทราบ เพราะสิ่งที่คาดเดาไว้มันเป็นเรื่องจริงทั้งหมด และใช่ว่าอยากให้มันเป็นแบบนั้น แต่เมื่อมันเมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ต้องรีบจัดการให้ทันก่อนที่คนร้ายจะลอยนวล การถูกยิงในที่สาธารณะ...มันย่อมมีข่าวตามมาเป็นเรื่องปกติและคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็เป็นคนที่มีชื่อเสียง
แต่ทุกอย่าง...มันก็ถูกจัดการได้อย่างรวดเร็วและปิดข่าวได้ไว เพราะใช้เส้นสายที่พอจะช่วยให้เรื่องใหญ่ๆมันเงียบลงได้เหมือนไม่เคยมีเรื่องใดใดเกิดขึ้น
ระหว่างรอคนเจ็บรักษาตัวอยู่ในห้องผ่าตัด และหลังจากอธิบายเรื่องราวต่างๆให้เจ้าของโรงแรมฟังจนเข้าใจ คนที่ทำงานเกินอาชีพวิศวกรก็รีบโทรสั่งเพื่อนสนิทที่เป็นตำรวจให้ช่วยติดตามคนร้าย และช่วยทำอย่างไรก็ได้ให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้มันไม่กลายเป็นข่าวลงหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์ รวมถึงปิดเรื่องทุกอย่างเอาไว้เป็นลับ และสิ่งที่สั่งเพื่อนไว้ทั้งหมดก็สมดั่งหวังเหมือนเสกได้หรือใช้เวทมนต์เพราะคนร้าย ผู้จ้างวาน คนก่อเหตุ ทุกๆคนถูกเพื่อนของชายอลจับไว้หมดแล้ว
“จงอิน...มึงหยุดคิดเรื่องของเซฮุนก่อนนะ แล้วก็ช่วยตั้งสติให้กูอีกรอบนึง กูมีเรื่องสำคัญต้องบอก”
“เฮ้อออ...ว่ามา?!!!”
“ไอ้ซึงกิมันจับคนที่ยิงเซฮุนได้แล้วนะ แล้วคนจ้างวานก็คือ...นั่นแหละ สองคนนั้น”
“มึงบอกซึงกิตั้งแต่เมื่อไหร่วะ?”
“จะบอกตอนไหนก็ช่างกูเถอะ แล้วมึงก็ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องข่าวด้วย ไอ้ซึงกิมันเก่ง...มันจัดการให้หมดทุกอย่างแล้ว”
“มึงรีบโทรกลับไปบอกซึงกิเดี๋ยวนี้เลย...ว่าเรื่องอื่นให้มันจัดการไปตามที่ถนัด ส่วนเรื่องคนร้ายกับคนจ้างวานกูก็จะทำแบบที่กูถนัดเหมือนกัน!!!!!”
“(เหี้ยย!!...แล้วไง!!)”
ทำได้แค่สบถในใจ...แล้วรีบทำตามคำสั่งทันทีเพราะคำว่า “ทำแบบที่กูถนัด” ที่เจ้าของโรงแรมเอ่ยขึ้นเมื่อครู่มันทำให้วิศวกรหนุ่มถึงกับเสียวสันหลังเนื่องจากเข้าใจความหมายของมันดี ว่าใคร...จะต้องเจอกับอะไร? แบบไหน? หรือจะมีคุณภาพชีวิตเป็นเช่นไร??? เพราะการทำให้คนอย่างคิมจงอินโกรธแค้น เจ็บปวด เสียใจ มันไม่เคยมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นสำหรับผู้กระทำ
คนอื่น...อาจเห็นเจ้าของโรงแรมชื่อดังในแบบที่เป็นนักธุรกิจหนุ่ม เป็นเจ้านายที่แสนใจดีหรือเป็นลูกชายขี้อ้อนของคุณแม่ แต่ในสายตาของเพื่อนอย่างเขา...จงอินเป็นยิ่งกว่านั้นและร้ายในแบบที่ใครๆก็คาดไม่ถึง
“ซึงกิมันว่าไงบ้าง...เรียบร้อยไหม?”
“ก็ตามที่มึงสั่งนั่นแหละ...แล้วคืนนี้มึงจะเอายังไง นี่มันก็ดึกมากแล้วนะเว้ย?”
“กูจะอยู่กับเซฮุนที่นี่”
“อยู่เหี้ยอะไรล่ะ...เสื้อผ้ามึงมีแต่เลือด!!! อยู่ไปก็ช่วยอะไรไม่ได้ มึงกลับไปพักผ่อนเหอะ...เชื่อกู เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่”
ยอมรับว่าหมดสภาพ....และต้องให้เพื่อนขับรถมาส่งคอนโดฯเพราะทั้งจิตใจ ทั้งร่างกายรวมถึงสติหรือสมองมันไม่มีอะไรสมบูรณ์เลยสักอย่าง ในหัวมีแต่เรื่องนั้นเรื่องนี้ให้คิดเต็มไปหมด คนรักจะฟื้นเมื่อไหร่? เจ็บมากไหม? และจะให้อภัยคนอย่างเขาหรือเปล่า? มันเป็นสิ่งที่คนสำนึกผิดคิดวนไปวนมาซ้ำๆอยู่ตลอดเวลา การไม่ได้พบหน้ากันเพราะงานยุ่งมันก็น่าหงุดหงิดใจมากพออยู่แล้ว แต่การไม่ได้พบหน้ากันด้วยความอาการบาดเจ็บ ด้วยเรื่องแย่ๆที่ตัวเองเป็นคนก่อขึ้นหรือด้วยความเข้าใจผิดมันทำให้หัวใจของจงอินเจ็บปวดมากมากกว่าสิ่งอื่นใด
แต่...ก็มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ไม่ต้องคิดอะไรให้มันยุ่งยากเพราะทุกอย่างจะเป็นไปตามอารมณ์ที่อยู่ภายในจิตใต้สำนึก และคนอย่างคิมจงอินก็ขอสัญญากับตัวเองไว้เลยว่าคนร้ายทุกคนจะต้องได้รับความทรมานมากกว่าเซฮุนหลายร้อยเท่าโดยไม่มีข้อยกเว้นใดใดทั้งสิ้น แม้หนึ่งในคนร้ายจะเป็นผู้หญิงที่เขา...เคยรัก
❀
SM Hospital
16.00 น.
เป็นเวลาหนึ่งวันกับอีก 10 ชั่วโมง...ที่ผู้บาดเจ็บสามารถย้ายออกจากห้องไอซียูแล้วมาพักฟื้นร่างกายอยู่ที่ห้องพิเศษโดยมีเจ้าของโรงแรมคอยเฝ้าอยู่ไม่ห่าง แต่มันก็เป็นเวลาทั้งหมดที่คนป่วยไม่อาจรับรู้ได้เลยเพราะตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงตอนนี้ก็ยังคงหลับสนิทและไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาง่ายๆ สายตาคมทอดมองร่างของคนรักที่เต็มไปด้วยบาดแผลจากการผ่าตัดรวมถึงรอยฟกช้ำต่างๆอย่างรู้สึกเวทนา มือหนาสัมผัสแก้มนิ่มเบาๆเหมือนอยากให้คนที่ยังหลับใหลรู้ว่าเขาอยู่ตรงนี้ และจะไม่มีวันปล่อยให้ใครมาทำร้ายได้อีก
คนเจ็บแค่เพลียใช่ไหม? มันเป็นผลจากยาหรือการผ่าตัดใช่หรือเปล่า? แล้วเมื่อไหร่จะฟื้นเสียที? นั่นคือคำถาม...ของคนที่รอคอยการกลับมาของคนรัก
ตั้งแต่เซฮุนออกจาห้องผ่าตัดและย้ายมาพักฟื้นอยู่ที่ห้องพิเศษ จงอินก็คอยดูแลอยู่ใกล้ๆรวมถึงไม่ให้ใครเข้าเยี่ยมทั้งนั้นยกเว้นคนในครอบครัว ใช่ว่าอยากทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่หรือทำอะไรเคร่งครัดจนเกิดเหตุ แต่ที่ทำไปทั้งหมดก็เพื่อความปลอดภัยของคนป่วย ส่วนงานประมูลที่ดินในวันพรุ่งนี้ จงอินก็จำเป็นต้องถอนตัวออกจากผู้เข้าร่วมประมูลเพราะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นและเซฮุนก็สำคัญยิ่งกว่าที่ดินผืนใดในโลก
เจ้าของกายสีน้ำผึ้ง...ผุดลุกผุดนั่งเดินไปเดินมาระหว่างโซฟาตัวใหญ่กับเตียงของคนป่วยมาตั้งแต่เช้า เนื่องจากคนรักยังไม่ฟื้นเสียทีและเวลาก็ผ่านเรื่อยๆจนเริ่มรู้สึกเป็นกังวล ทุกอย่างในห้องพักยังคงเงียบสงบโดยไร้ความเคลื่อนไหวใดใดของคนป่วย จงอินจึงเดินกลับไปนั่งที่โซฟาตามเดิมพร้อมกับตรวจงานในสมาร์ทโฟนไปด้วยเพื่อลดความฟุ้งซ่านของตัวเองและพยายามรอต่อไปอย่างมีความหวัง
แต่แล้ว...ความเพลีย ความเหนื่อยล้า รวมถึงการเป็นห่วงเรื่องนั้นเรื่องนี้จนนอนไม่หลับมาหนึ่งคืนเต็มๆก็ทำให้เจ้าของโรงแรมเข้าสู่ห้วงนิทราไปในทันทีและพลาดสิ่งที่รอคอยมานาน เพราะแรงขยับนิ้วมือ...ของร่างซูบซีดที่นอนอยู่บนเตียงสีขาวสะอาดมันไม่สามารถทำให้คนที่เผลอหลับอยู่ตรงโซฟาจับสังเกตหรือเห็นความเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย และการเคลื่อนไหวร่างกายได้เพียงแค่นั้นมันก็สร้างความเจ็บปวดให้คนป่วยได้ไม่น้อย
เซฮุนเริ่มรู้สึกตัว...แต่อาการปวดศีรษะที่มาพร้อมกับความเจ็บระบมตามร่างกายมันทำให้การเปิดเปลือกตาเพื่อมองสิ่งรอบตัวกลายเป็นเรื่องยาก เพราะทุกๆส่วนในร่างกายมันหนักอึ้งไปหมด ดวงตาคู่สวยปิดเน้นและพยายามตั้งสติอีกครั้ง แต่สมอง...กลับพาตัวเองย้อนคิดไปถึงเหตุการณ์อันเลวร้ายที่เพิ่งเกิดขึ้นรวมถึงเหตุการณ์...ที่เขาไม่มีสิทธิ์ได้อธิบาย
เรื่องของความเข้าใจผิด...เซฮุนทราบใจดีว่ามันสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกๆคน แต่ใช่ว่าทุกคนจะได้รับสิทธิ์ในการอธิบายเหตุผลและเขาก็คือหนึ่งในนั้น คนป่วย...ไม่รู้ว่าตัวเองต้องตื่นขึ้นมาพร้อมกับความเจ็บปวดในเรื่องไหนก่อนดี เจ็บ...กับบาดแผลที่โดนยิง?? หรือเจ็บ...กับคำพูดของคนรัก??เพราะเสียงจากการโดนดูถูกต่างๆนานามันยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาท และมันก็ดังยิ่งกว่าเสียงปืนที่ยิงใส่ร่างของเขาเสียอีก
ชีวิตตอนนี้...เหมือนต้องตื่นมาพร้อมกับความสับสน เนื่องจากเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดมันเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ยาก ทุกอย่างมันเกิดขึ้นตอนไหน? ใครเป็นคนยิง? แล้วเรื่องรูปถ่ายที่ทำให้คนรักเข้าใจผิด...ใครเป็นคนทำ?? เรื่องต่างๆมันตีรวนกันอยู่ในหัวสมองจนเริ่มปวดศีรษะมากขึ้นกว่าเดิม ดวงตาทั้งสองข้างก็ยังลืมไม่ขึ้น แถมร่างกายที่ไม่รู้ว่าตัวเองถูกผ่าตัดอยู่นานหลายชั่วโมงก็ขยับไม่ได้อย่างใจนึก
แกร๊กก!!!
ประตูห้องพักของคนป่วย...ถูกเปิดออกด้วยมือของชายสูงอายุที่ทราบข่าวเรื่องลูกบุญธรรมถูกยิง และต้องรีบเดินทางกลับมาที่โซลทันทีทั้งๆที่เพิ่งกลับเชจูไปได้เพียงแค่วันเดียว คนเป็นพ่อยอมรับว่าตอนที่เจ้าของโรงแรมโทรไปแจ้งข่าว รวมถึงเล่าความจริงทั้งหมดให้ฟังมันรู้สึกตกใจและโกรธมากจริงๆ เพราะการดูถูกคนเจ็บด้วยถ้อยคำพวกนั้นมันก็เหมือนเป็นการดูถูกเขาด้วยเช่นกัน แต่ด้วยความที่เป็นผู้ใหญ่และรู้จักนิสัยใจคอของเด็กทั้งคู่อยู่พอสมควร เขาจึงไม่อยากตีโพยตีพายหรือถือสาหาความเนื่องจากโวยวายไปก็ไม่เป็นผลดีกับใคร
คนหนึ่งก็โมโหร้าย เอาแต่ใจ และไม่ฟังเหตุผลของคนอื่น ส่วนอีกคนก็ขี้เกรงใจ ไม่ชอบความสร้างความเดือนร้อนให้ใคร จนเรื่องที่แอบปิดบังคนรักเอาไว้ก็ย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง คนเป็นพ่อทราบดี...ว่าลูกบุญธรรมไม่มีทางหาเงินโดยการเอาตัวเข้าแลกหรือหาใครเลี้ยงเพื่อเอาชีวิตรอดไปวันวัน เพราะถ้าลูกของเขาทำแบบนั้นจริงๆก็คงไม่ต้องหางานพิเศษทำให้เหนื่อยและเขา...ก็คงไม่มีทางรับเด็กที่ชื่อโอเซฮุนให้เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ในครอบครัวแน่นอน
ส่วนเรื่องที่เด็กทั้งสองคนเข้าใจผิดกัน มีปากเสียงกัน มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรมากนัก เพราะการใช้ชีวิตคู่มันก็มักจะมีเรื่องนั้นเรื่องนี้เข้ามาทดสอบหัวใจอยู่เสมอ แต่...ถ้าถึงขั้นลงไม้ลงมือจนทำให้ลูกชายของเขาหัวแตกก็เห็นจะเป็นเรื่องใหญ่สำหรับคนเป็นพ่อ แต่การสารภาพผิด...ของคนที่นอนหลับอยู่บนโซฟามันก็สามารถผ่อนโทษจากหนักให้กลายเป็นเบาได้เช่นกัน และการสำนึกผิดก็อาจช่วยให้โทษมันลดลงได้อีก
แต่ถ้าจะให้ดีกว่านี้...ก็อย่าทำผิดซ้ำเป็นครั้งที่สองหรือไม่มีอีกเลยก็ยิ่งดีเพราะไม่อย่างนั้นโอกาสในการดูแลลูกบุญธรรมของเขาอาจไม่ใช่ของคิมจงอินอีกต่อไป
จีซบเดินทางมาถึงโซลตั้งแต่เช้า แล้วเข้าพักที่โรงแรมโดยมีซองรยองคอยต้อนรับเป็นอย่างดี แต่กว่าจะได้มาหาลูกชายที่โรงพยาบาล เขาก็ต้องอยู่รับฟังคำขอโทษและคำอธิบายต่างๆจากคุณแม่เจ้าของโรงแรมจนถึงช่วงสาย จีซบไม่ได้ถือสาหาความหรือโกรธเคืองใครทั้งนั้น เนื่องจากเข้าใจดีว่าเรื่องแบบนี้มันคงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ทุกๆอย่างมันเหตุสุดวิสัยและการทำธุรกิจก็ย่อมมีคู่แข่งอยู่เสมอ แต่...สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงก็คือ เรื่องของเด็กสาวที่เคยแสนดี น่ารัก อ่อนโยนเมื่อในอดีตจะกลับกลายมาเป็นคนร้ายที่คิดแผนทั้งหมดเพื่อเล่นงานคนรักเก่าและผู้รับเคราะห์ก็เป็นลูกบุญธรมของเขา
แต่ตอนนี้...ไม่ว่าเรื่องไหนมันเกินคาดเดา ใครจะเป็นผู้ร้ายหรือใครจะทำอะไรก็คงไม่ใช่เรื่องที่คนเป็นพ่ออย่างเขาต้องคิด เพราะสิ่งที่ควรให้ความสนใจมากกว่าเรื่องไหนๆก็คือเรื่องของสภาพจิตใจและสภาพร่างกายของผู้บาดเจ็บ
“อื้อออ อะ...โอ๊ยย!!!”
เสียงร้องของคนป่วย... ฉุดความสนใจของทุกคนในห้องพักให้หันไปมองที่ต้นเสียง และก็เป็นคนที่เผลอหลับอยู่บนโซฟาที่ต้องตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ แล้วรีบเดินไปกดปุ่มฉุกเฉินเพื่อเรียกหมอให้เข้ามาตรวจร่างกายของคนป่วย เจ้าของโรงแรมใช้มือข้างหนึ่งสัมผัสแก้มนิ่มไร้สีเบาๆเหมือนอยากบอกให้รู้ว่าเขาอยู่ตรงนี้ ส่วนมืออีกข้าง...ก็ยังกดปุ่มฉุกเฉินซ้ำๆอย่างรู้สึกหงุดหงิดเพราะยังไม่มีหมอหรือพยาบาลเข้ามาตรวจร่างกายของคนรักเสียที
...
...
...
“เอ่ออ...ญาติคนไข้ครับ หมอขอตรวจร่างกายคุณเซฮุนหน่อยครับ” ร้อนใจและอยากให้หมอเข้ามาตรวจร่างกายของคนรักเร็วๆ แต่เจ้าของโรงแรมกลับยืนขวางทางการทำงานของทั้งแพทย์ทั้งพยาบาลจนจีซบต้องเข้ามาดึงตัวให้ออกห่างจากเตียงคนไข้เพื่อให้ลูกบุญธรรมได้รับการตรวจ
เซฮุนออกจากห้องไอซียูได้เนื่องจากไม่พบความผิดปกติอะไรเพิ่มเติม รวมถึงไม่มีโรคแทรกซ้อนเกิดขึ้นในระหว่างการพักฟื้น หมอเริ่มตรวจร่างกายของคนป่วยไปเรื่อยๆ และจำเป็นต้องแจ้งอาการบาดเจ็บต่างๆให้ทราบ เพราะคนป่วยจะได้รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร? ต้องทำตัวเช่นไร? หรือยังไม่ควรทำอะไรในช่วงนี้? ถึงแม้อาการบาดเจ็บบางอย่าง...อาจมีผลกระทบต่อจิตใจของคนป่วยก็ตามที แต่หมอก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือปกปิดเอาไว้ได้ และเมื่ออาการบาดเจ็บทุกอย่างดีขึ้นเมื่อไหร่ คนป่วยก็ต้องเข้ารับการทำกายภาพบำบัดทันที
“อย่าคิดมากนะครับคุณเซฮุน หมอรับรอง...ว่าคุณเซฮุนจะกลับมาเดินได้อีกครั้งแน่ๆ แต่คุณเซฮุนต้องให้ความร่วมมือกับหมอด้วยนะครับ ทานยาให้ครบ แล้วอีกสามสัปดาห์เรามาเริ่มทำกายภาพบำบัดกัน...คุณเซฮุนต้องสู้นะครับ”
“ผมจะสู้ครับ แล้วก็จะทำตามที่หมอบอกทุกอย่าง...ขอบคุณคุณหมอมากนะครับ”
“พักผ่อนเยอะๆนะครับ...แล้วพรุ่งนี้หมอจะเข้าตรวจใหม่”
ปากบอกว่าจะสู้...แต่ใจมันกลับไม่ค่อยให้ความร่วมมือสักเท่าไหร่ เพราะตอนนี้แค่ลำพังจะลุกขึ้นนั่งก็ยังไม่มีแรง แล้วนับประสาอะไรกับการเดินที่ต้องเริ่มฝึกในอีก 3 สัปดาห์ข้างหน้า เซฮุนรู้สึกกังวลและยังไม่มั่นในตัวเองว่าจะสู้ไหวเหมือนอย่างที่พูดกับหมอหรือไม่ เนื่องจากสภาพร่างกายมันแย่เกินกว่าจะทำสิ่งใดได้นอกจากนอน แถมแขนก็ยังมีเฝือกติดอยู่...จะขยับแต่ละทีก็เจ็บไปหมด แล้วแบบนี้จะเอาแรงที่ไหนมาหัดเดิน
ความเจ็บปวด ความสับสน และบาดแผลต่างๆตามร่างกายมันพาให้น้ำตาของคนป่วยไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว เพราะกำลังคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดมันทำให้ความฝันที่รอคอยมานานแสนนานต้องล่าช้าไปมากกว่าเดิม และอาการบาดเจ็บที่ทำให้ต้องเริ่มหัดเดินใหม่ก็ใช่ว่าจะหายหรือกลับมาเป็นปกติได้ภายในวันสองวัน ชีวิตมันแย่ยิ่งกว่าตอนที่พ่อกับแม่เสียชีวิตไปพร้อมๆกัน เนื่องจากตอนนั้นมันยังมีแรงมีแขนมีขาเพื่อทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเองได้ แต่ตอนนี้...แค่หายใจยังรู้สึกเจ็บ
เป็นทั้งคนป่วย...และเป็นคนคิดมากที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ของความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจจนไม่รับรู้ว่าใครกำลังเฝ้ารอให้คนรักของตัวเองฟื้นและกำลังยืนอยู่ตรงหน้า
“คนเก่ง...ร้องไห้ทำไมครับ? เจ็บตรงไหนหรือเปล่า? ให้พี่ตามหมอให้ไหม?” เจ้าของโรงแรมออกอาการร้อนรนเมื่อเห็นคนรักนอนน้ำตาไหลอยู่บนเตียงโดยไม่ทราบสาเหตุและไม่รู้ว่าเป็นอะไรหรือเจ็บตรงไหน เพราะแค่สภาพภายนอกของคนป่วยก็น่าสงสารมากพออยู่แล้ว ทั้งสายน้ำเกลือ สายออกซิเจน สายต่อท่อทางเดินปัสสาวะ ทุกๆอย่างที่อยู่ในตัวของเซฮุนมันดูเยอะแยะยุ่งเหยิงไปหมด มันเยอะ...จนอดคิดไม่ได้ว่าคนรักของตัวเองอาการดีขึ้นแล้วจริงๆใช่ไหม?? แล้วสายบ้าๆที่ติดอยู่ตามอยู่ร่างกายพวกนี้มันทำให้เจ็บอยู่หรือเปล่า?
“ไม่เจ็บครับ...เซฮุนอยากนอน เซฮุนเหนื่อย พี่จงอินไม่ต้องตามหมอหรอกครับ” ตอบด้วยสายตาที่ว่างเปล่าพร้อมกับเบือนหน้าหลบมือหนาที่กำลังยกขึ้นเพื่อเช็ดน้ำตาให้ และความจริงแล้ว...มันก็ไม่มีส่วนไหนเลยที่ไม่เจ็บ ยิ่งตรงก้อนเนื้อเล็กๆตรงหน้าอกด้านซ้าย มันยิ่งเจ็บมากกว่าส่วนไหนๆในร่างกาย
ใจลึกๆก็อยากใช้คำพูดให้ดีกว่านี้ แต่พอเห็นหน้าเจ้าของคำพูดร้ายๆที่เคยดูถูกกันไว้ต่างๆนานามันกลับทำให้ความรู้สึกดีๆ ความรักและความไว้ใจที่เคยมีให้กันมันเริ่มลดน้อยถอยลงไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ ภาพทุกภาพเมื่อวันเกิดเหตุ...มันวนเวียนอยู่ในหัวสมองและฉายให้เห็นเป็นฉากๆซ้ำแล้วซ้ำเล่า การถูกบีบปลายคางจนเจ็บเหมือนมันจะแตกร้าว การถูกผลักไส การเดินจากไป ทุกๆความเจ็บปวดมันยังฝังอยู่ภายจิตใจ
และตอนนี้...คนป่วยก็เริ่มแยกไม่ออกแล้วว่าตัวเองควรให้ความสำคัญกับเรื่องไหนก่อนดี ระหว่างเรื่องสุขภาพทางกายหรือเรื่องสุขภาพทางใจ??
“แน่ใจนะครับว่าไม่เจ็บตรงไหน พี่เป็นห่วงเซฮุนนะครับ ให้พี่ตามหมอดีกะ...กว่า”
“เซฮุนบอกว่าเหนื่อยไง! เหนื่อย...เข้าใจไหมครับว่าเหนื่อยยย!!”
“แต่ว่า ซะ...เซ”
“พี่จงอินอย่าถามอีกได้ไหมครับ รำคาญ!!”
จีซบเห็นท่าไม่ดี...จึงรีบเดินเข้าไปตบบ่าคนถูกตะคอกเบาๆ พร้อมกับส่ายหน้าเป็นเชิงบอกว่าให้เจ้าของโรงแรมพอแค่นี้ และสั่งให้กลับไปก่อนเพราะเขาจะดูแลคนป่วยต่อให้เอง การที่ลูกบุญธรรมเพิ่งฟื้นจากอาการบาดเจ็บได้เพียงไม่กี่ชั่วโมงมันคงทำให้รู้สึกเหนื่อยอย่างที่พูดจริงๆ และคนเป็นพ่อก็มองออกว่าคนป่วยเหนื่อยจากสาเหตุใดบ้าง ส่วนคนถูกสั่งให้กลับไปพักผ่อนก็ต้องทำตามสิ่งที่ผู้ใหญ่บอกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และต้องเดินคอตกออกไปจากห้องพัก
แต่.....
“คุณจงอิน...ไม่ต้องกลับมาที่โรงพยาบาลจนกว่าอาจะอนุญาตนะ”
“อะไรนะครับคุณอา?!!!”
“อาคิดว่าคุณจงอินได้ยินชัดแล้ว...อาขอเวลาคุณจงอินไม่นาน อาสัญญา”
“เฮ้ออออ!!”
ทำได้แค่ถอนหายใจ....แล้วเดินออกไปจากห้องคนป่วยด้วยความหงุดหงิด เพราะจากที่คิดไว้ว่าคืนนี้จะอยู่ดูแลคนรักที่โรงพยาบาลและหาทางง้อรวมถึงสารภาพผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่แผนทุกอย่างที่คิดไว้ก็ต้องมาพังลงเมื่อถูกผู้ใหญ่ที่นับถือสั่งให้กลับไปพักและไม่ต้องมาที่นี่จนกว่าจะได้รับอนุญาต มันเป็นคำสั่งที่ทำให้จงอินหมดหนทางในการปรับความเข้าใจกับเซฮุน และไม่รู้ว่าตัวเองจะได้กลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้งเมื่อไหร่?
แกร๊กกก!!
เสียงประตูห้อง...ถูกปิดลงพร้อมกับการจากไปของเด็กหนุ่มที่ทำให้ลูกบุญธรรมของตัวเองต้องเจ็บทั้งกายและเจ็บทั้งใจ มือของคนเป็นพ่อยกขึ้นลูบกลุ่มผมสีเข้มของคนป่วยผ่านบาดแผลที่ศีรษะแล้วหยุดมือค้างไว้อย่างนั้น พร้อมกับเบือนหน้าหนีเพื่อแอบซ่อนน้ำตาแห่งความสงสารเอาไว้ รอยฟกช้ำตามร่างกาย บาดแผลจาการผ่าตัด แขนที่ถูกใส่เฝือก ทุกๆอย่างที่อยู่บนตัวของเซฮุนมันทำให้จีซบรู้สึกเจ็บทุกครั้งที่ต้องเห็นบาดแผลพวกนี้
“ไงลูกพ่อ...เจ็บตรงไหนหรือเปล่า หื้มม?
“เจ็บครับ...เจ็บไปหมด เซฮุนเจ็บมากๆเลยครับคุณพ่อ”
“โดยเฉพาะตรงนี้หรือเปล่าลูก?”
วางมือลงบนหน้าอกด้านซ้ายของคนป่วย แล้วลูบเบาๆเหมือนเป็นการปลอบใจเพราะความหมายที่คนเป็นลูกเอ่ยขึ้นเมื่อครู่ก็ใช่ว่าผู้เป็นพ่อจะรู้ไม่ทัน น้ำตาที่ไหลออกมาไม่ขาดสาย...มันฟ้องและเป็นหลักฐานของความเจ็บปวดได้ดี แถมน้ำเสียงที่สั่นเครือของเซฮุนมันก็สามารถสื่อให้จีซบรู้ได้ว่ากำลังถึงพูดเรื่องอะไร? หมายถึงใคร? หรือเจ็บตรงส่วนไหนมากกว่ากัน?
“ฮึกก!! คุณพ่อครับ...เซฮุนจะหายจริงๆใช่ไหม ฮึก!! เซฮุนจะไม่พิการใช่ไหม”
“ลูกของพ่อจะต้องหายดี...เซฮุนเชื่อพ่อนะ เซฮุนจะต้องไม่เป็นอะไร”
“ละ...แล้วพี่จงอินจะโกรธเซฮุนไหมครับ ฮึกก!! เซฮุนไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้น! เซฮุนคะ...แค่”
“แล้วเซฮุนล่ะลูก? โกรธคุณจงอินไหม!!? โกรธที่พี่เค้าทำให้เราเป็นแบบนี้หรือเปล่า?”
“..........”
จีซบรู้ดี...ว่าลูกบุญธรรมเป็นเด็กที่ไม่มีคำว่า “ตรงกลางหรือความพอดี” ในเรื่องของความรู้สึก เซฮุนจะมีความรู้สึกแค่ “มากกับน้อย” เท่านั้น บางเรื่องก็ซื่อจนเกือบจะเรียกว่าโง่ แต่บางเรื่อง...กลับเข้าใจโดยที่ไม่สอนอะไรเลยสักอย่าง เวลาใจอ่อนก็อ่อนเสียจนโดยเอาเปรียบอยู่บ่อยๆ และบทจะใจแข็งก็กลายเป็นคนที่ไม่สนอะไรทั้งนั้นนอกจากตัวเอง และด้วยเหตุนี้...คนเป็นพ่อจำเป็นต้องเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ลูกบุญธรรมฟัง เพราะขืนปล่อยให้คนป่วยนอนคิดมากอยู่แบบนี้มันอาจส่งผลเสียต่อสภาพจิตใจจนลามไปถึงเรื่องของสุขภาพร่างกายที่มันบอบช้ำพอๆกันอยู่ในตอนนี้
ปกติก็ไม่ใช่คนที่ชอบเอาเรื่องต่างๆของเจ้านายมาเล่าให้ใครฟัง แต่อดีต...ของผู้ที่เป็นเจ้าของโรงแรมมันกำลังทำให้ลูกบุญธรรมของเขาเสียใจและเกือบทำให้เสียชีวิต จีซบจึงจำเป็นต้องเล่าความจริงทุกอย่างให้เซฮุนฟังก่อนที่ความเข้าใจผิด ความคิดมาก และความสับสนมันจะกัดกินใจจนไม่เหลือความรู้สึกดีๆไว้ให้จดจำ คนหนึ่ง...เข้าใจผิดและคิดว่าคนรักนอกใจเพราะเห็นรูปต่างๆที่แฟนเก่าส่งมาดู ส่วนอีกคน...ก็เสียใจเรื่องที่ตัวเองโดนดูถูกจากคนที่มอบทั้งหัวใจและชีวิตให้ดูแล
คนเป็นพ่อ...ยังคงวางมือไว้ที่หน้าอกด้านซ้ายของลูกบุญธรรมด้วยความรู้สึกห่วงใย พร้อมกับเล่าเรื่องคนรักเก่าของผู้ที่เป็นเจ้าของโรงแรมให้ฟังอย่างละเอียด
เด็กสาวที่ใสซื่อ น่ารัก และอ่อนหวานที่จีซบเห็นมาตั้งแต่จงอินยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีหนึ่ง แล้วก็คบกันเรื่อยมาจนกระทั่งเรียนจบและมีแผนว่าจะสร้างครอบครัวด้วยกัน แต่ทุกอย่าง...มันก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปเมื่อเด็กสาวคนนั้นได้เลิกรากับเจ้าของโรงแรมคนหนึ่งเพื่อไปคบกับเจ้าของโรงแรมอีกคน และวันนี้...หญิงสาวคนเดิม คนที่เคยน่ารัก ใสซื่อ อ่อนโยนในสายตาของจีซบเมื่อหลายปีก่อนก็กลับกลายมาเป็นคนร้ายที่หวังจะทำลายทุกอย่างให้ย่อยยับ
“ที่พ่อเล่ามาทั้งหมด เพราะไม่อยากให้เซฮุนคิดมากนะลูก ทุกคนเคยมีอดีต มีปมความเจ็บช้ำในใจ แล้วตอนนี้....เรื่องของสุขภาพก็สำคัญที่สุดนะลูก”
“ฮึกก!!...เข้าใจแล้วครับคุณพ่อ เซฮุนขอโทษ ฮึก!!! ขอโทษที่พูดจาไม่ดี”
“ขอโทษผิดคนหรือเปล่า หื้มม”
เมื่อฟังสิ่งที่พ่อบุญธรรมเล่ามาทั้งหมด...น้ำตามันก็ยิ่งไหลมากขึ้นกว่าเดิม เพราะคนป่วยไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเจ้าของโรงแรมจะมีอดีตที่ไม่ค่อยสู้ดีเกี่ยวกับเรื่องของความรัก และที่ไม่รู้...ก็คงต้องโทษตัวเองที่ไม่เคยถามหรือไม่เคยสนใจชีวิตของคนรักให้ดีกว่านี้ เซฮุนเข้าใจแล้วว่าทำไมวันเกิดเหตุจงอินต้องโกรธมากมายถึงเพียงนั้น โกรธ...จนทำร้ายจิตใจกันด้วยถ้อยคำที่รุนแรง โกรธ...จนต้องผลักไสไปให้พ้นๆหน้าและมีอีกหนึ่งเรื่องที่คนป่วยไม่เคยรู้นั่นก็คือ...เรื่องของธุรกิจการโรงแรม
วันวันเอาแต่จัดดอกไม้ ทำความสะอาดคอนโดฯ และทำนั่นทำนี้ไปตามแบบที่ตัวเองถนัด เซฮุนจึงไม่เคยรู้ว่าการจะสร้างโรงแรมขึ้นมาสักหนึ่งแห่งมันต้องฝ่าฟันหรือต้องแลกและต้องเสี่ยงกับอะไรมาบ้างเพื่อจะมีธุรกิจที่มั่นคง บางทีมันก็เป็นเรื่องยากที่จะทำความเข้าใจ แต่เซฮุนก็รับรู้ได้เสมอว่าคนรักเหนื่อยมากแค่ไหนกับการที่ต้องดูแลโรงแรมแต่ละสาขา คนคนเดียว...ต้องบริหารธุรกิจหลายแห่งและความรับผิดชอบก็ยิ่งใหญ่มากจนคิดว่ามันหนักเกินไปหรือไม่สำหรับคนอย่างคิมจงอิน
และสำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้...ที่ดินผืนใหม่ที่เจ้าของโรงแรมอยากได้มันก็เกือบต้องแลกมาด้วยชีวิตของพนักงานจัดดอกไม้อย่างเขา
“ขอบคุณนะครับคุณพ่อ เซฮุนจะเข้มแข็ง เซฮุนอยากกลับมาเดินได้เหมือนเดิม”
“งั้นก็นอนพักผ่อนเยอะๆ...อย่าคิดมาก แล้วก็ห้ามท้อเด็ดขาด”
“ไม่ท้อแล้วครับ เซฮุนจะสู้!! เซฮุนจะรีบหายไวๆ”
เหมือนยกภูเขาออกจากอกทั้งคนเป็นพ่อและลูกบุญธรรม เพราะจีซบก็รู้สึกโล่งใจที่สามารถพูดให้คนป่วยกลับมามีแรงสู้ได้อีกครั้ง รวมถึงอธิบายเหตุผลให้ลูกเข้าใจได้ว่าเรื่องทั้งหมดมันไม่มีใครอยากเกิดขึ้นและทุกอย่างๆมันก็เป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิด ส่วนคนป่วย...ก็เริ่มเข้าใจเนื้องานของคนเป็นเจ้าของโรงแรมมากขึ้นกว่าเดิม และเข้าใจว่าทุกๆคนต่างก็มีเคยมีอดีตที่เจ็บปวดหรือมีปมในใจที่ยากเกินจะลืม มันเป็นการตื่นจากฝันร้ายที่จบลงด้วยความจริงที่ต้องสู้ต่อและไม่ว่าพรุ่งนี้มันจะยากสักแค่ไหน...เซฮุนก็พร้อมที่เผชิญกับมัน
❀
100%
แก้ไขเมื่อ 02/01/61
ห้าล้านวอน**
ซอลฮยอน**
อาการบาดเจ็บ การรักษา รวมถึงผลวิเคราะห์ทางการแพทย์ต่างๆที่เราเขียนขึ้น มันเป็นเพียงจินตนาการเท่านั้นนะคะ และถ้าตอนนี้มีความผิดพลาดประการใด เราต้องขออภัยด้วยค่ะ
หลังจากตอนนี้เป็นต้นไป...เราจำเป็นต้องรวบระยะเวลาต่างๆให้เร็วขึ้นนะคะ อย่างเช่นการรักษาตัวของเซฮุน และบทลงโทษของคนร้าย เพราะถ้าไม่ทำแบบนั้น ฟิคเรื่องนี้จะยืดเยื้อเกิดไปและไม่สมเหตุสมผล
ขอบคุณนักอ่านทุกคน ขอบคุณคอมเม้นท์ ขอบคุณที่ยังคงติดตามกันเสมอ ขอบคุณจากใจจริงๆค่ะ
และ...สวัสดีปีใหม่ทุกคนด้วยนะคะ รวยๆ เฮงๆ สุขภาพแข็งแรงค่ะ ^-^)
รัก ♥
#ดอกไม้ของเจ้านาย
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

และขอบคุณกำลังใจดีๆ ที่มีให้กันเสมอค่ะ (:
รัก<3
Love.♡
เราจะพยายามแก้ไขส่วนที่ปิดไว้ให้เสร็จโดยเร็วนะคะ แต่อาจมีล่าช้าบ้างเพราะไรท์ยังไม่เก่งเท่าไหร่ ต้องขอโทษด้วยจริงๆค่ะ
อ้อน(บ้าง) >//<)