ตอนที่ 21 : ❀ 21
ดอกไม้ดอกที่ 21
โรงแรม โซล
10.00 น.
เมื่อคืน...จงอินไม่ได้กลับมานอนที่คอนโดฯ และซองรยองก็คิดว่าลูกชายของเธอต้องไปนอนค้างที่ห้องของคนรักแน่นอน และการรอทานมื้อค่ำกับลูกชายโดยไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้า(อีกครั้ง)ของคนเป็นแม่ ก็ทำให้ได้เห็นอะไรบ้างอย่างที่อาจทำให้เธอต้องคิดทบทวนเรื่องของเด็กที่ชื่อโอเซฮุนใหม่อีกครั้ง และเป็นในทางที่ดีกว่าที่เคยคิดหรืออย่ามองใครแค่เพียงเปลือกนอก
หลังจากปล่อยให้จงอินและว่าที่คู่หมั้นได้มีเวลาอยู่ด้วยกันแบบสองต่อสองเมื่อวาน ซองรยองก็ออกไปพบปะเพื่อนฝูงที่ไม่ได้พบหน้ากันมานานหลายปี แต่พอกลับมาที่คอนโดฯของลูกชายเพื่อหวังจะได้ทานมื้อค่ำด้วยกัน เจ้าของห้องกลับไม่อยู่...และเมื่อติดต่อลูกชายไม่ได้ ซองรยองจึงถือวิสาสะเข้ามาสำรวจห้องของจงอินอย่างไม่เคยคิดที่จะทำมาก่อน เพราะรู้ดีว่าลูกชายหวงความเป็นส่วนตัวมากแค่ไหน
แต่เมื่อเธอคือแม่...และคนเป็นลูกก็กำลังคบหาอยู่กับใครบางคนที่ดูอย่างไรก็ไม่เหมาะสม นั่นจึงทำให้ซองรยองต้องเข้ามาเดินสำรวจความเป็นส่วนตัวของจงอิน แล้วสิ่งที่ทำลงไปทั้หมด...ก็อาจเป็นสิ่งที่ช่วยตัดสินนิสัยใจคอของใครคนนั้นได้ไม่มากก็น้อย
ห้องแรก....ที่เดินเข้ามาสำรวจก็คือห้องนอน และเตียง ตู้เสื้อผ้า ห้องน้ำ ทุกๆอย่างถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ซึ่งมันไม่คุ้นตาคนเป็นแม่เลยสักนิด เพราะลูกชายคนเดียวของตระกูลคิมคงไม่มีทางทำอะไรแบบด้วยตัวเองแน่นอน แถมเสื้อผ้าที่อยู่ในตู้ก็ยังถูกจัดไว้เป็นสัดเป็นส่วนดูหยิบง่าย เสื้อยืดจัดแยกไว้กับเสื้อเชิ้ต และกางเกงยีนส์จัดแยกไว้กับกางเกงแสล็ค ส่วนห้องน้ำ...ก็ไร้คราบสบู่ที่เกาะอยู่ตามกำแพง รวมถึงไม่มีกองผ้าขนหนูวางไว้เกลื่อนพื้นเหมือนอย่างที่เธอเคยเตือนลูกชายอยู่บ่อยๆ และสิ่งที่ดูแปลกตามากที่สุดก็เห็นจะเป็นเทียนหอมที่ถูกวางไว้ตามจุดต่างๆ
และห้องต่อไปที่คนเป็นแม่เดินสำรวจก็คือห้องทำงาน...มันดูเป็นระเบียบไม่ต่างจากห้องนอนเลยแม้แต่น้อย เอกสารต่างๆถูกเรียงให้เข้าที่ แฟ้มงาน หนังสือ ถูกเก็บไว้ในตู้ไว้เป็นอย่างดี และห้องสุดท้ายที่ซองรยองเดินสำรวจก็คือห้องครัว ผ้ากันเปื้อนลายดอกไม้ จานชามใบใหม่ รวมถึงเครื่องครัวที่ไม่คิดว่าลูกชายจะทำอาหารทานเองก็มีอยู่ในห้องครัวของชายโสดที่แทบไม่เวลาทำอะไรกินทั้งนั้นนอกจากอุ่นอาหารแช่แข็งกินไปวันวัน
และลายมือ...บนกระดาษโน้ตสีหวานที่อยู่ติดอยู่ข้างขวดวิตามินหลากหลายยี่ห้อในตู้เย็น ก็ทำให้คนเป็นแม่ต้องเริ่มเปลี่ยนความคิดและมองพนักงานทำความสะอาดประจำคอนโดฯแห่งนี้ในอีกแง่มุมหนึ่ง
“กินตอนเช้า 2 เม็ด...จะได้หอมแก้มสองครั้ง”
“กินก่อนนอน 3 เม็ด...จะยอมตามใจไปสามวัน”
“และถ้าพี่จงอินลืมกิน...เซฮุนจะแก้ผ้าเดินรอบคอนโดฯ!!!”
ข้อต่อรอง คำสั่งหรือคำขู่ต่างๆที่แปะอยู่บนขวดวิตามินหลากสี มันทำให้ซองรยองไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าการเดินสำรวจห้องของลูกชายมาตั้งแต่ห้องแรกจนถึงห้องครัว...เธอยิ้มไปแล้วกี่ครั้ง?? และยิ่งได้อ่านข้อความประหลาดๆบนกระดาษโน๊ตแผ่นเล็กประมาณ 2-3 แผ่น เธอก็ยังคงยิ้มอยู่เหมือนเดิม
ใคร...จะยอมทำตามข้อความบ้าๆบอๆบนขวดวิตามินถ้าไม่รักกันจริง? ใคร...ที่กลัวคำขู่ของเมียจนยาในขวดเหลือจำนวนน้อยไปตามปริมาณที่ควรกินถ้าไม่ใช่ลูกชายของเธอ?? ใคร...ที่กล้าทำให้ทายาทของตระกูลคิมกลายเป็นคนที่ใส่ใจตัวเองมากขึ้นถ้าไม่ใช่พนักงานดอกไม้ พนักงานทำความสะอาดคอนโดฯและอาจเป็นทุกๆอย่างให้ลูกชายของเธอ???
ซองรยองคิดไม่ถึง...ว่าเด็กธรรมดาๆเพียงคนเดียวจะทำให้ลูกชายของเธอเปลี่ยนไปได้มากถึงขนาดนี้ จากที่เอาแต่ทำงานหามรุ่งหามค่ำและไม่เคยสนใจเรื่องสุขภาพของตัวเองเพราะต้องบริหารโรงแรมต่อจากสามีของเธอที่เสียชีวิตไปแบบกะทันหัน กลับต้องมาทานวิตามินตามคำขู่ที่แสนจะน่าอาย แล้วไหนจะครีมทาผิว ครีมบำรุงหน้าที่วางเกลื่อนอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งโดยการแบ่งแยกไว้อย่างชัดเจนว่าของใครเป็นของใครในห้องนอนนั่นอีก ทุกๆอย่างมันทำให้คนเป็นแม่แปลกใจมากจนแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
และเช้าวันนี้...ซองรยองก็เดินทางมาที่โรงแรมอีกครั้งเพื่อทำสิ่งที่ค้างอยู่ในใจให้กระจ่างยิ่งขึ้นก่อนตัดสินคนรักของลูกชายด้วยหัวใจของความเป็นแม่
ซองรยองเดินเข้ามาในโรงแรมเพียงคนเดียว เพราะคนที่หวังจะให้หมั้นหมายกับลูกชายไม่ยอมเดินทางมาด้วยเหมือนอย่างเมื่อวานโดยอ้างเหตุผลว่าท้องเสีย และผู้ใหญ่ที่อาบน้ำร้อนมาก่อน...ก็ใช่ว่าจะรู้ไม่ทันเด็กสาวจอมแก่น!! ซองรยองพอรู้มาบ้าง...ว่าเด็กทั้งคู่ไม่ได้รักกันในแบบที่เธออยากให้เป็น และเยริก็มีคนรักอยู่แล้ว แต่เธอก็ยังหวังว่าสักวันหนึ่งคนทั้งคู่อาจจะรักกันจริงๆเนื่องจากสนิทสนมกันมาตั้งแต่ยังเด็กและมักจะไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ แต่...แผนทุกอย่างที่วางไว้ก็ต้องมาสะดุดลงเพราะพนักงานจัดดอกไม้เพียงคนเดียว
แกร๊กก!!!
“สวัสดีจ้ะ...ที่นี่แผนกจัดดอกไม้ใช่ไหม” คนที่เป็นยิ่งกว่าเจ้าของโรงแรม ยอมลงทุนเดินเข้ามาถามหาคนที่ยากเจอถึงแผนกจัดดอกไม้และเริ่มถามในที่ต้องการคำตอบทันที
“ครับ !!!! ใช่ครับ สวัสดีครับคุณผู้หญิง ขอโทษด้วยนะครับที่เสียมารยาท” หัวหน้าแผนกอย่างฮีชอล ตกใจจนเกือบหงายหลังลงมาจากบันไดเพราะกำลังปีนขึ้นไปหยิบกล่องโอเอซิสลงมาใช้ในการจัดดอกไม้ และเมื่อรู้ว่าคนที่มายืนทักทายอยู่ทางด้านหลังเป็นใคร เจ้าตัวก็รีบกระโดนลงมาจากบันได แล้วโค้งตัวให้อย่างสุภาพเพื่อเป็นการขอโทษ
ไม่ใช่แค่คนเป็นหัวหน้าเท่านั้นที่ตกใจ เพราะลูกน้องที่มีหน้าที่ในการทำงานรอบเช้าก็แทบยืนนิ่งเป็นหุ่นขี้ผึ้งเมื่อเห็นคุณแม่ของเจ้านายเดินเข้ามาในห้อง ปกติ...คนที่เป็นถึงระดับผู้บริหารจะไม่เคยเข้ามาที่นี่ถ้าไม่ใช่เรื่องคอคาดบาดตาย และทุกครั้งที่ต้องการอะไรจากแผนกไหนก็มักจะสั่งผ่านทางเลขาทุกครั้ง
“ไม่เป็นไร...ฉันมากะทันหันเอง เธอชื่ออะไรเหรอ? แล้วเด็กที่ชื่อโอเซฮุนอยู่ไหม? ฉันขอพบเขาหน่อยสิ”
“ผมชื่อฮีชอลครับ...เป็นหัวหน้าแผนก ส่วนพนักงานที่ชื่อโอเซฮุนยังไม่มาทำงานครับ เพราะวันนี้เข้างานรอบบ่าย เอ่ออ...ถ้าคุณผู้หญิงมีธุระด่วนก็ให้พวกผมทำแทนก่อนได้นะครับ”
“ก็ไม่ได้ด่วนมากขนาดนั้น...แต่ฉันจะมาขอยืมตัวเซฮุนออกไปทำธุระข้างนอกเป็นเพื่อนหน่อย ถ้าเขามาแล้ว ให้ไปพบฉันที่หน้าล๊อบบี้ด้วยก็แล้วกัน ฉันจะรออยู่ที่นั่น”
“ครับคุณผู้หญิง...ถ้าเซฮุนมาทำงานเมื่อไหร่ ผมจะรีบให้ไปพบคุณผู้หญิงทันทีเลยครับ!!”
“ขอบใจมากนะฮีชอล”
พนักงานทุกคนในห้องดอกไม้...เริ่มหายใจเป็นปกติเมื่อแม่ของเจ้านายเดินออกไปจากห้องทำงาน แต่...คนที่จะหายใจติดขัดเมื่อเดินทางมาทำงานในรอบบ่ายก็คงเป็นคนที่ถูกภรรยาเจ้าของโรงแรมคนเก่าถามหาเมื่อครู่ ฮีชอลเริ่มรู้สึกเป็นห่วงลูกน้องของตัวเองมากขึ้นเพราะไม่รู้ว่าซองรยองต้องการพบตัวเซฮุนด้วยเรื่องอะไร และแอบภาวนาอยู่ในใจ.ว่าอย่าให้อะไรๆมันดูยากเกินว่าสิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้
แต่...คนเป็นหัวหน้าก็ทราบดีว่าอุปสรรคในความรักของลูกน้อง มันคงไม่ได้ผ่านไปได้ง่ายๆถ้าจะคบกับผู้ชายที่ชื่อคิมจงอิน!!
...
...
...
11.00 น.
มาทำงานตามเวลาที่หัวหน้าแผนกจัดให้แบบพอดีไม่ขาดไม่เกิน แต่มันผิดวิสัยของคนที่ชอบมาทำงานก่อนเวลา และสาเหตุก็มาจากการโดนคนรักทำโทษเพราะเมื่อเช้า...คนที่ต้องมาทำงานในรอบบ่าย ถูกคนเอาแต่ใจลงโทษเรื่องที่เขาปิดเครื่องมือสื่อสารจนขาดการติดต่อไปเป็นเวลานาน แต่การถูกลงโทษในครั้งนี้ มันก็ไม่ถึงขั้นที่ทำให้เขาต้องหยุดงานหรือปวดร้าวไปทั้งร่างเหมือนอย่างที่เคยโดน และดีที่ได้เจ้าของบทลงโทษขับมาส่งถึงโรงแรมโดยที่พนักงานอย่างเขาไม่ต้องเสียประวัติในเรื่องของการมาทำงานสาย
“สวัสดีครับพี่ฮีชอล พี่ซูโฮ พะ...พี่ เอ่ออ...มีอะไรกันหรือเปล่าครับ ทำไมทุกคนมองหน้าผมแบบนั้นล่ะครับ??” ทักทายพี่ๆในแผนกยังไม่ทันครบทุกคน เซฮุนก็ต้องหยุดไว้แค่ชื่อของคนที่เป็นรองหัวหน้าเพราะทุกสายตาที่จ้องมาที่ตัวเองมันเหมือนโลกกำลังจะแตก และมันทำให้คนถูกมองสงสัยจนอดที่จะถามกลับไปไม่ได้
“ลงไปพบคุณแม่สามีที่หน้าล๊อบบี้...ด่วนเลย เดี๋ยวนี้!!” และก็เป็นเสียงของคยองซูที่ทำลายความเงียบในห้องทำงาน เพราะทุกคน...ต่างจ้องไปที่แหวนบนนิ้วนางข้างซ้ายของพนักงานรอบบ่ายกันหมด และคิดไปต่างๆนานาว่าการที่คุณแม่ของเจ้านายเดินเข้ามาถึงแผนกจัดดอกไม้ด้วยตัวเองเมื่อเช้าก็คงเป็นเพราะแหวนวงนั้น
“แล้วพี่คยองซูรู้ไหมครับว่าคุณผู้หญิงอยากพบผมทำไม?” ไม่โดนเรียกพบวันนี้...วันอื่นก็คงต้องโดนอยู่ดี แต่ก่อนไปก็อยากทราบเหตุผลและคำตอบที่กำลังรอฟังจากพนักงานรุ่นพี่ตาโต มันก็อาจทำให้ตัวเองกล้าที่จะเผชิญกับความเป็นจริงหรืออาจช่วยให้มีกำลังใจเพิ่มมากขึ้น
แต่......
“ถ้ารู้...พี่คงไปเป็นเมียคุณจงอินแทนเซฮุนแล้วมั้ง!! ไปเลย...รีบไป เดี๋ยวคุณผู้หญิงจะรอนาน มันเสียมารยาท ไปๆ ๆ ๆ!!!!!” กำลังจัดดอกไม้อยู่บนโต๊ะทำงาน กรรไกรที่ถืออยู่ในมือจึงถูกโบกไปโบกมาเหมือนเป็นการเชิญให้คนถูกเรียกตัวรีบลงไปพบคุณแม่ของเจ้านายตามก่อนที่แผนกของตัวเองจะถูกปิด และเริ่มทำงานต่อโดยไม่สนว่าตอนจบของเรื่องที่เกิดขึ้นมันจะเป็นเช่นไร
มือบาง...รีบกดลิฟท์ลงมาที่ชั้นล่างทันทีเพราะไม่อยากทำให้พี่ๆในแผนกลำบากใจมากไปกว่านี้ และเดินตรงไปที่หน้าล๊อบบี้ด้วยหัวใจที่ยังไม่พร้อมจะเผชิญกับความเป็นจริง พนักงานจัดดอกไม้ในชุดยูนิฟอร์มสีเขียวก้าวขาเข้าไปหาบุคคลที่ต้องการพบตัวพร้อมกับโค้งกายให้อย่างสุภาพอ่อนน้อมเพื่อเป็นการกล่าวทักทายผู้ใหญ่ไปตามมารยาทที่ควรทำ
“สวัสดีครับคุณผู้หญิง”
“ฉันจะชวนเธอออกไปทานมื้อเที่ยงด้วยกัน ฉันไม่ได้มาเกาหลีนานแล้ว จะไปไหนมาไหนมันก็ไม่ค่อยคุ้น แล้ววันนี้ลูกชายก็ไม่วางซะด้วย เมื่อคืนก็ไม่ได้กลับมานอนที่คอนโดฯ...ไม่รู้ว่าไปนอนค้างอ้างแรมอยู่ที่ไหน แล้วที่นี่...ฉันก็รู้จักเธอแค่คนเดียว เธอพาฉันไปทานอะไรอร่อยๆข้างนอกหน่อยสิ”
และความรู้สึกแรก...ของการเผชิญหน้ากับความเป็นจริงก็คือความรู้สึกผิด เพราะคิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้จงอินไม่ได้กลับมาเจอหน้าคนในครอบครัวให้สมกับที่คนเป็นแม่...ต้องบินข้ามน้ำข้ามประเทศมาหาลูกชายด้วยความคิดถึง และตอนนี้...เซฮุนก็จำเป็นต้องถอนแหวนออกจากนิ้วนางข้างซ้ายและกำไว้จนเจ็บมือก่อนที่ความรู้สึกผิดจะกัดกินใจมากไปกว่าเดิม
“ได้ครับคุณผู้หญิง...แต่ผมขออนุญาตไปเปลี่ยนชุดก่อนได้ไหมครับ เพราะถ้าให้ไปทั้งชุดทำงานแบบนี้ ผมเกรงว่ามันอาจดูไม่เหมาะสม”
“ฉันไม่ถือหรอก....แต่ถ้าเธออายกับการที่ต้องใส่ชุดพนักงานโรงแรมของฉันออกไปเดินข้างนอก ก็ไปเปลี่ยนก็ได้นะ...ฉันจะรออยู่ตรงนี้”
“ไม่เคยอายเลยครับ ผมแค่ไม่อยากทำผิดกฎของโรงแรม”
“งั้นก็ไปกันได้แล้ว”
เซฮุน..เปิดประตูรถให้ซองรยองเข้าไปนั่งในห้องโดยสารที่อยู่ทางด้านหลัง และตัวเองก็มานั่งด้านหน้าคู่กับคนขับ พนักงานจัดดอกไม้อาสาบอกทางไปร้านอาหารที่คิดว่าน่าจะถูกปากคุณแม่เจ้าของโรงแรม เพราะคนรักชอบพามาทานมื้อค่ำที่นี่ แต่...ก็มาได้ไม่บ่อยมากนักเนื่องจากงานของผู้บริหารมันยุ่งเกินกว่าจะออกไปไหนมาไหนได้บ่อยๆ และเมนูที่คนรักชอบทานมากที่สุดก็คือเสต็กเนื้อชิ้นโตกับไวน์รสเลิศที่ดื่มเมื่อไหร่ก็ต้องซื้อกลับไปดื่มต่อที่ห้องเกือบทุกครั้ง
❀
ห้างสรรพสินค้า XXX
13.27 น.
ร้านอาหาร...ที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้ามันน่าจะถูกใจคุณแม่เจ้าของโรงแรมเพราะอากาศไม่ร้อน มีของให้ช้อปปิ้งและเป็นมอลล์ที่คนอย่างพนักงานจัดดอกไม้ไม่มีทางเข้ามาเดินเล่นแน่นอน เนื่องจากราคาสินค้าต่างๆมันแพงเกินกว่าฐานเงินเดือนของตัวเองเสียอีก ร้านขายกระเป๋า เสื้อผ้า ของใช้ทั้งหลายมันมีแต่ของแบรนเนมทั้งนั้น และทุกครั้งที่มาที่นี่ก็คือการมาพร้อมกับคนรัก
“ฉันเบื่อการเดินห้างมากเลย ฉันนึกว่าเธอจะพาไปในที่ที่แปลกหูแปลกตามากกว่านี้ซะอีก!!”
“ขอโทษจริงๆครับคุณผู้หญิง ปกติ...ผมก็ไม่ค่อยได้ออกไปไหน ผมชอบอยู่แต่ในห้อง อ่านหนัง แล้วก็...จัดดอกไม้มากกว่า”
“แล้วลูกชายของฉัน...ไม่เคยพาเธอออกไปไหนบ้างเลยเหรอไง?”
“งานยุ่งแบบนั้น แค่พาออกมาทานมื้อค่ำยังไม่ค่อยมีเวลาเลยครับ แล้วผมก็ไม่อยากออกไปไหนกับคุณจงอินด้วยครับ...มีแต่คนมอง ผมไม่ชอบ”
“........????!!”
คนเป็นแม่...ปรายตามองพนักงานจัดดอกไม้ที่กล้าพูดคำคำนั้นออกมาทั้งๆที่ใครต่อใครต่างก็อยากเดินควงลูกชายของเธอออกไปไหนมาไหนทั่วทั้งโซล แต่เด็กตรงหน้ากลับไม่ชอบเสียอย่างนั้น เจ้าของริมฝีปากอิ่มที่วันนี้ทาลิปสติกสีแดงเข้มยิ้มเยาะอย่างรู้สึกขำ เพราะถ้าลูกชายของเธอมาได้ยินคำพูดแบบนี้ด้วยตัวเองก็คงต้องรู้สึกขายหน้าบ้างไม่มากก็น้อย
ร่างสวยในชุดพนักงานโรงแรมสีเขียว...เดินเข้ามาในอาหารโดยมีคุณแม่ของคนรักเดินนำ และเซฮุน...ก็ค่อยๆเลื่อนเก้าอี้ที่ทำจากไม้ออกมาจากโต๊ะอาหารเพื่อให้คนเป็นผู้ใหญ่ได้นั่งก่อน แล้วตัวเองก็เดินไปนั่งที่ฝั่งตรงข้ามทันที แต่......
“สวัสดีจ้ะ...คุณนายคิม!!”
“อ้าวว...ยัยริเอะ?!!”
กำลังก้มหน้าก้มตาเลือกเมนูอาหาร....แต่เสียงของหญิงสูงอายุที่เอ่ยทักทายคุณแม่เจ้าของโรงแรม มันทำให้เซฮุนต้องละความสนใจจากแผ่นกระดาษที่อยู่ตรงหน้า แล้วเงยมองคนทั้งคู่ด้วยความประหลาดใจเพราะภาษที่ใช้ในการสื่อสารมันฟังดูแปลกหูจนต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“กลับมาเกาหลีตั้งแต่เมื่อไหร่จ๊ะ? แล้วมาทำธุระหรือว่ามาจับผิดลูกชายสุดหล่อ”
“ใครกันแน่....ที่เดินทางมาจับผิดลูกชาย? แล้วริเอะกลับมาจากญี่ปุ่นนานหรือยัง? อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนสิ”
“มาจนจะกลับแล้วค่ะคุณนาย พอดีแวะมาดูเจ้าตัวแสบที่ร้าน แล้ววว...คุณนายพาใครมาด้วยเนี่ย?”
“พนักงานที่โรงแรมน่ะ...พอดีลูกชายไม่ว่าง ก็เลยหาเด็กมานั่งกินข้าวเป็นเพื่อน”
“โอ้โห...เดี๋ยวนี้เธอกล้าพาเด็กผู้ชายมากินข้าวด้วยเลยเหรอ?! ป่านนี้...ผัวนอนร้องไห้อยู่ในหลุมแล้วมั้ง!!”
“ยัยริเอะ!!! กลับญี่ปุ่นไปเลยไป...ปากไม่ดี!”
“ล้อเล่นแค่นี้ทำเครียด งั้น...มื้อนี้ฉันเลี้ยงข้าวคุณนายเอง”
ภาษาญี่ปุ่นสามประโยค ต่อด้วยภาษาเกาหลีอีกสี่ประโยค คือบทสนทนาของผู้ใหญ่ทั้งสองคนที่พนักงานจัดดอกไม้ฟังออกหมดทุกคำ และพยายามปั้นสีหน้าให้นิ่งที่สุดเพราะการพูดคุยของเพื่อนที่ไม่ได้พบหน้ากันมานานมันเกือบทำให้เซฮุนหลุดหัวเราะออกมาอยู่หลายต่อหลายครั้ง มันเป็นการทานอาหารร่วมกับคนแปลกหน้าถึงสองคน แต่กลับไม่รู้สึกอึดอัดใจเหมือนอย่างที่คิด เนื่องจากแม่เจ้าของโรงแรมกับเพื่อนผู้หญิงชาวญี่ปุ่นแทบไม่ได้สนใจคนในชุดพนักงานสีเขียวคนนี้เลยสักนิด และเอาแต่คุยเรื่องของลูกชายรวมถึงเรื่องของธุรกิจที่ต่างฝ่ายต่างดูแลอยู่
อาหารมื้อพิเศษ...จบลงด้วยเสียงหัวเราะของผู้ใหญ่ทั้งสองคน และรอยยิ้มเล็กๆบนใบหน้าเรียวสวยของพนักงานจัดดอกไม้ ซองรยองร่ำลาเพื่อนรักสมัยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนแล้วเดินช้อปปิ้งต่อทันที เคาน์เตอร์เครื่องสำอางค์...คือสถานที่แรกของคนเป็นแม่ที่เลือกเดินเข้ามาซื้อของ และเซฮุนก็ไม่ได้รู้สึกเบื่อกับการที่ต้องเดินตามซองรยองไปนู้นมานี่ เพราะเข้าใจดีว่าท่านคงเหงาหรืออยากหาอะไรทำระหว่างรอลูกชายกลับจากทำงาน
แต่...คนสูงอายุที่ใส่ร้องเท้าส้นสูงประมาณห้านิ้ว และกำลังยืนเลือกลิปสติกอยู่หน้าเคาน์เตอร์เครื่องสำอางมันทำให้พนักงานโรงแรมอย่างโอเซฮุนเกรงว่าท่านจะเมื่อยขาไปเสียก่อน
“เซฮุน...มานี่หน่อยสิ มาช่วยฉันเลือกลิปสติกหน่อย”
“ผมเลือกไปเป็นหรอกครับคุณผู้หญิง”
“เอาน่ะ...ลองดู เธอว่าสองสีนี้อันไหนเหมาะกับฉันที่สุด? เลือก!!”
และวันนี้...มันก็ทำให้คนถูกออกคำสั่งรู้แล้วว่า คนรักผิวเข้มมากเสน่ห์ได้นิสัยเอาแต่ใจตัวเองมาจากใคร เพราะการให้เลือกสิ่งของที่คนเป็นผู้ชายอย่างเขาไม่เคยใช้ก็ทำให้เกิดความลังเลใจอยู่ไม่ใช่น้อย แต่...จากที่เคยถูกเพื่อนผู้หญิงในมหาวิทยาลัยจับแต่งตัว แต่งหน้า ลองเครื่องสำอางค์อยู่บ่อยๆ มันก็พอทำให้เซฮุนจำได้บ้างว่าลิปสติกสีใด แบบไหน มันเหมาะกับผิวพรรณหรือบุคคลิกของคุณแม่เจ้าของโรงแรม
“สีนี้ครับ...สีนั้นมันทำให้คุณผู้หญิงดูแก่เกินไป”
“เธอเห็นฉันเป็นสาวๆหรือไงเซฮุน...อีกไม่กี่ปี อายุฉันก็จะเข้าเลขห้าแล้วนะ”
“ลิปสติกแท่งนี้คงใช้หมดก่อนที่คุณหญิงจะอายุห้าสิบแน่นนอนครับ”
“งั้นก็เอามาสองแท่ง...แล้วถือของมาให้ฉันด้วยล่ะ”
“ครับคุณผู้หญิง”
ปรายตามองคนรักของลูกชายด้วยความหมั่นไส้...แล้วเดินออกไปจากเคาน์เตอร์เครื่องสำอางค์ทันทีเมื่อซื้อของเรียบร้อย และวันนี้...เซฮุนคงไม่ได้กลับไปทำงานอีกแล้วเพราะคุณแม่เจ้าของโรงแรมเอาแต่เดินเข้าร้านนั่น เดินออกร้านนี้เป็นว่าเล่น ซึ่งมันทำให้พนักงานจัดดอกไม้เริ่มคิดมากเนื่องจากคนที่ต้องทำงานรอบบ่ายมันขาดไปหนึ่งคนนั่นก็คือตัวเขาเอง และงานในโรงแรมก็เยอะเกินกว่าพนักงานรอบบ่ายที่เหลืออยู่จะทำงานให้เสร็จได้ตามเวลาที่กำหนด
“มาเดินเล่นกับฉันแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็เบื่อแล้วเหรอ? กลับไปก่อนก็ได้นะ ฉันอยู่คนเดียวได้ เชิญ!!”
“ไม่ได้เบื่อครับคุณผู้หญิง แต่ผมเป็นห่วงงาน”
“ขาดเธอไปคนนึง....คนอื่นเค้าก็ทำงานกันได้ เธอจะเป็นห่วงอะไรนักหนา”
“ห่วงสิครับ ขาดงานมาแบบนี้ ผมก็ต้องโดนหักเงิน แล้วพี่ๆในแผนกก็ต้องทำงานหนักขึ้น”
“เธอมากับใคร...ไหนบอกฉันซิ!!? ใครจะกล้าหักเงินเธอมิทราบ”
“ขอโทษครับคุณผู้หญิง”
“เลิกขอโทษได้แล้ว ฉันกลับก็ได้...น่ารำคาญจริงๆ!!”
ปึ่กกก!!
“คุณผู้หญิงงงง!!!!”
“โอ้ยยยย...ซี้ดด!!!”
งอนคนรักของลูกชายเพราะถูกขัดใจ...แล้วก้าวขาออกไปจากร้านขายเสื้อผ้าแบรนหรูด้วยความฉุนเฉียวจนไม่ทันได้ระวังคนที่เดินสวนเข้ามาในร้าน ซองรยองจึงถูกชายชาวต่างชาติร่างใหญ่เดินชนจนล้มลงไปนั่งอยู่กับพื้น เซฮุนรีบวิ่งเข้ามาประคองคนเจ็บอย่างนึกไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น และเสียงร้องโอดโอยพร้อมกับเอามือกุมไว้ที่ข้อเท้าข้างซ้าย มันก็ทำให้พนักงานจัดดอกไม้รู้ได้ทันทีว่าคุณแม่เจ้าของโรงแรมต้องมีอาการบาดเจ็บแน่นอน
“คุณผู้หญิงอย่าดิ้นสิครับ ผมจะพาไปหาหมอ”
“ไปหาทำไม ขาฉันไม่ได้หักซะหน่อย แล้วก็ปล่อยฉันลงได้แล้ว”
“ปล่อยไม่ได้ครับ คุณผู้หญิงเจ็บขา...คุณผู้หญิงเดินไม่ไหวหรอกครับ”
“งั้นก็เรียกคนขับรถมารับสิ!! ฉันจะกลับไปที่คอนโดฯลูกชาย”
“ไปหาหมอก่อนเถอะครับ เผื่อกระดูกมันร้าว”
“อย่ามาแช่งฉันนะ...ไปส่งฉันที่คอนโดฯจงอินเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นฉันจะไล่เธอออก!!!”
“ครับ ๆ ๆ ...”
ถูกคนเจ็บเอ่ยคำขู่ว่าจะไล่ออก...พนักงานจัดดอกไม้จึงไม่กล้าขัดใจ ขัดคำสั่งหรือขัดความต้องการของแม่เจ้าของโรงแรมอีกแล้ว และรีบตามคนขับรถให้พาทั้งเขาทั้งคุณผู้หญิงกลับไปที่คอนโดฯของจงอินทันที เซฮุนนั่งคู่มากับซองรยองที่ห้องโดยสารทางด้านหลัง เพราะต้องคอยดูอาการบาดเจ็บให้แน่ใจว่ามันจะไม่ร้ายแรงขึ้นในภายหลัง และถ้าระหว่างทางกลับคอนโดฯ แม่ของคนรักดูอาการแย่ลงเขาจะได้บอกคนขับรถให้เปลี่ยนเส้นทางไปที่โรงพยาบาล
❀
Gazania Condominium
16.42 น.
แกร๊กก!!
เซฮุน...ประคองคนเจ็บเข้ามาในห้องเมื่อคนขับรถพามาส่งถึงคอนโดฯ และจำเป็นต้องทำเรื่องเสียมารยาทเนื่องจากต้องใช้เท้าถีบประตูเพื่อปิด เพราะมือทั้งสองข้างยังต้องโอบร่างของแม่คนรักเอาไว้เพื่อไม่ให้ล้มลงไปอีกรอบ ซองรยองถูกพาเข้ามาพักในห้องนั่งเล่นและถูกยกขาข้างที่ได้รับบาดเจ็บพาดไว้บนโต๊ะกระจกเล็กๆหน้าทีวีโดยมีหมอนใบขนาดย่อมรองขาเอาไว้แล้วเอนกายพิงไปกับโซฟาตัวใหญ่
คนที่ยังอยู่ในชุดพนักงานโรงแรม...ช่วยถอดส้นสูงปลายแหลมสีดำออกจากเท้าของคนเจ็บอย่างระมัดระวัง แล้วขออนุญาตออกไปชงเครื่องดื่มมาให้แม่เจ้าของโรงแรม แต่ก่อนจะเริ่มทำเครื่องดื่ม...เซฮุนก็ได้นำถุงเจลสีฟ้าในตู้เย็นออกมาประคบไว้ตรงบริเวณที่เกิดอาการบวม เพราะมันสามารถบรรเทาความเจ็บของซองรยองได้
และสิ่งที่คนเจ็บได้รับการปฏิบัติ...มันก็ทำให้เธอรู้สึกว่า ลูกชายคงเลือกคนไม่ผิดจริงๆ รวมถึงสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดในวันนี้ มันก็สามารถพิสูจน์ตัวตนของคนคนหนึ่งได้เช่นกัน การอ่อนน้อมถ่อมตน การไม่โอ้อวด การเป็นห่วงเป็นใยในงานที่ต้องรับผิดชอบและสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ...การเปลี่ยนทายาทตระกูลคิมจากคนบ้างานให้กลายมาเป็นคนที่เริ่มหันมาใส่ใจสุขภาพตัวเองมากขึ้น ซองรยองจำได้ดี...ว่าทั้งวิตามินต่างๆในตู้เย็น ทั้งครีมบำรุงผิวกายผิวหน้าในห้องนอนมันเยอะมากขนาดไหน และถ้าลูกชายของเธอไม่ได้กินไม่ได้ใช้ของพวกนั้น...จำนวนยาต่างๆหรือปริมาณครีมในขวดแก้วทรงสูงสีแดงก็คงไม่มีทางลดลงได้อย่างรวดเร็วขนาดนั้นถ้าไม่มีใครใช้
และ...ก่อนที่ซองรยองจะต้องเดินทางกลับประเทศจีนในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า เธอก็ขอดูพฤติกรรมของพนักงานจัดดอกไม้ให้แน่ใจกว่านี้ว่าจะมีคุณสมบัติพร้อมที่ยืนเคียงข้างลูกชายของเธอหรือไม่
“ชาร้อนมาแล้วครับคุณผู้หญิง” ถาดไม้สี่เหลี่ยม...ที่มีเครื่องดื่มร้อนกับคุกกี้เนยสดวางอยู่ในนั้น ถูกเสิร์ฟไว้บนโซฟาตัวใหญ่ข้างๆกายของคนเจ็บ เนื่องจากไม่สามารถวางลงบนโต๊ะหน้าทีวีได้เพราะมีขาของซองรยองขวางอยู่ รวมถึงไม่อยากให้คนเจ็บต้องขยับกายมากเกินไปจนอาจทำให้อาการบาดเจ็บมันแย่ลงไปกว่าเดิม
“ขอบใจนะเซฮุน” เป็นความใส่ใจ...ที่คนเป็นแม่ก็รับรู้ได้เพราะถ้าไม่เสิร์ฟของว่างไว้ที่ด้านซ้ายของโซฟา ซองรยองก็คงยกเครื่องดื่มแสนอร่อยขึ้นมาดื่มไม่ได้ เนื่องจากขาก็ถูกจับให้วางอยู่บนโต๊ะและเธอก็ไม่ได้ถนัดขวา
“ยังเจ็บขาอยู่ไหมครับคุณผู้หญิง?” เปิดแผ่นเจลสีฟ้าบนขาของคนเจ็บเพื่อดูอาการบวมที่ตอนนี้เริ่มลดลงแล้ว และดี...ที่ไม่มีรอยช้ำ
คนถูกดูแล...ลองขยับข้อเท้าขึ้นลงช้าๆเพราะอยากรู้ว่าตัวเองจะต้องไปหาหมอหรือไม่ ซึ่งมันเป็นสถานที่ที่เธอไม่อยากไป เซฮุนประคองขาคนเจ็บลงจากโต๊ะกระจกหน้าทีวีอย่างเบามือ แล้วเดินไปหยิบยาจากห้องทำงานของคนรักมาทาให้ซองรยอง มือบาง...ป้ายครีมลงบนส่วนที่มีอาการบวมและค่อยๆนวดคลึงเบาๆโดยที่ไม่รู้เลยว่า...เจ้าของขาที่ตัวเองกำลังนวดอยู่นั้น กำลังยิ้มและจิบชาที่ถืออยู่ในมืออย่างนึกขอบคุณ
“เซฮุน...เธอเรียนจบหรือยัง? แล้วตอนนี้เธออายุเท่าไหร่”
“อายุ 22 ปีครับ...เรียนจบมหาวิทยาลัยแล้วครับ”
“เรียนจบด้านการจัดดอกไม้เหรอ? แล้วจบจากที่ไหนล่ะ?”
“เปล่าครับ...ผมเรียนจบมาทางด้านภาษา จากมหาวิทยาลัยXXXครับ”
“อ้าว...จบมาทางด้านภาษา? แล้วทำไมไม่ไปทำงานเป็นรีเซฟชั่นล่ะ!!? ได้เงินเดือนเยอะกว่าอีก”
“ผมชอบจัดดอกไม้มากกว่าครับ แต่ก็ชอบเรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมของชาติอื่นๆด้วย ผมว่ามันสนุกดี ผมก็เลยเลือกเรียนทางด้านนี้ ส่วนเรื่องจัดดอกไม้...ผมเรียนเสริมจากการหารายได้พิเศษครับ”
“เรียนมาทางด้านภาษาแต่ไม่ได้ใช้...เดี๋ยวก็ลืมหมด!!!”
“ใครจะลืมสิ่งที่ตัวเองชอบได้ล่ะครับ ถึงผมจะไม่ค่อยได้ใช้ภาษาในการทำงาน แต่เวลาเจอลูกค้าในโรงแรมมาถามหาแหล่งท่องเที่ยว ผมก็สื่อสารรู้เรื่องนะครับคุณผู้หญิง”
เป็นคนแปลกๆในสายตาของแม่เจ้าของโรงแรม เพราะดูเหมือนชีวิตของเซฮุนมันจะย้อยแย้งไปหมดทุกอย่าง เรียนจบทางด้านภาษา...แต่ชอบจัดดอกไม้ คบกับลูกชายของเธอ...แต่ไม่ชอบออกไปเที่ยวกับคนรัก เป็นผู้ชาย...แต่กลับเลือกสีของลิปสติกได้ถูกใจเธอมากที่สุด
“ทำงานอยู่แผนกจัดดอกไม้ไม่ใช่เหรอ??!!...แล้วเอาเวลาที่ไหนไปคุยกับลูกค้าในโรงแรม??”
“ตอนลงมาจัดดอกไม้หน้าโรงแรมไงครับ ลูกค้าชอบเดินมาดูดอกไม้ แล้วก็ถามนั่นถามนี่ไปเรื่อย ถามชื่อดอกไม้บ้าง ถามหาที่เที่ยวบ้าง เยอะแยะไปหมดเลยครับ”
“งั้นก็แสดงว่า...ตอนที่ฉันคุยกับเพื่อนในร้านอาหาร เธอก็เข้าใจหมดเลยสิ!!!?”
เป็นเรื่องน่าอาย...ที่บทสนทนาของเธอกับเพื่อนสาวชาวญี่ปุ่นมันได้ถูกคนที่จบมาทางด้านภาษาฟังออกหมดแล้ว และคำเอ่ยหยอก คำล้อเลียนรวมถึงเรื่องของธุรกิจต่างๆ...ที่เธอคิดว่ามีแค่ตัวเองกับเพื่อนเท่านั้นที่เข้าใจกันอยู่สองคนก็กลับกลายเป็นว่า มีบุคคลสาม...รู้เรื่องทุกอย่างมาตั้งแต่ต้น
“เรื่องส่วนตัวของคนอื่น...ผมไม่เอาไปพูดที่ไหนหรอกครับ ส่วนเรื่องงานที่คุณผู้หญิงคุยกับเพื่อนก็ไม่ต้องห่วงว่าผมจะเอาไปขายให้คู่แข่งฟังหรอกนะครับ ผมไม่มีทางหักหลังคนที่ให้เงินเดือนผมแน่นอน”
“แล้วเธอฟัง เอ่ออ...พูดภาษาอะไรได้เป็นบ้างล่ะ?”
“อังกฤษ ญี่ปุ่น จีน แล้วก็ฝรั่งเศสครับ แต่ภาษาฝรั่งเศส...ยังพูดไม่ค่อยคล่องเท่าไหร่”
“โอ้ยยย...เซฮุน!!! ฉันอยากจะตีเธอให้ตาย เธอไปลาออกจากการแผนกจัดดอกไม้แล้วไปเป็นเลขาส่วนตัวของฉันดีกว่า!!”
“ตีให้ตาย...ผมก็ไม่มีทางลาออกหรอกครับ ผมบอกคุณหญิงไปแล้ว...ว่าผมชอบจัดดอกไม้มากกว่า”
“แล้วถ้าให้เลือก...ระหว่าง ดอกไม้ กับ ลูกชาย ของฉัน เธอจะเลือกอะไร? ตอบ!!!”
“เลือกคุณจงอินครับ เพราะยังไงคุณจงอินก็ต้องให้ผมกลับไปจัดดอกไม้ที่โรงแรมเหมือนเดิม คุณจงอินไม่ยอมให้ผมไปไหนหรอกครับ แล้วผมก็ไม่อยากโดนขังด้วย”
“เธอจะบ้าเหรอ?...ใครจะขังเธอ!! นี่มันยุคไหนกันแล้ว ใครจะไปทำแบบนั้น?”
“ก็ลูกชายของคุณผู้หญิงนั้นแหละครับ ขนาดผมยิ้มให้ลูกค้าในโรงแรม ผมยังโดนทำโทษเลยครับ แล้วถ้าคุณหญิงไม่เชื่อก็ลองถามคุณจงอินได้เลยครับ”
“ฉันจะนอนพักแล้ว!!...เธอจะไปปัดกวาดเช็ดถูห้องไหนก็ไป แล้ววว...แหวนที่แอบถอดออกก็ช่วยสวมกลับไปที่เดิมด้วยล่ะ เกิดมันหายขึ้นมา...เสียดายแย่!!!!”
“.......?!!!!”
ยกแก้วชาร้อนดื่มจนหมด...และวางลงบนจานรองด้วยอารมณ์หงุดหงิด เพราะไม่คิดว่าลูกชายของตัวเองจะทำอะไรแบบนั้นได้ แล้วถ้าคนตรงหน้าไม่ใช่เซฮุน คนเป็นแม่ก็คงไม่เชื่อ ซองรยองเอนกายนอนพักที่โซฟาตัวใหญ่เนื่องจากปวดหัวกับการกระทำที่เหมือนคนยุคหิน ป่าเถื่อนและไร้ความอ่อนโยนของคนเป็นลูก ส่วนคนถูกเตือนเรื่องของมีค่า...ก็รีบหยิบแหวนที่คนรักมอบให้เมื่อคืนสวมไว้ที่นิ้วนางข้างซ้ายเหมือนแล้วรีบเดินเข้าไปในห้องนอนเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที แต่สักพัก........
ปังงงงง!!!!!!
“แม่!!!!....ขาเป็นยังไงบ้าง ไปหาหมอไหมครับ ผมพาไป!!???”
เสียงปิดประตู...ที่ดังพอๆกับเสียงตะโกนด้วยความเป็นห่วง มันทำให้คนที่ยังไม่ทันได้หลับตาเพื่อผ่อนคลายอาการบาดเจ็บ รวมถึงเรื่องที่ทำให้ปวดหัวเมื่อครู่อย่างซองรยองต้องรีบลุกขึ้นนั่งเพราะรู้สึกตกใจ และไม่ใช่แค่คนเป็นแม่เท่านั้นที่ได้ยินเสียงทุ้มต่ำดังก้องอยู่ทางด้านนอก เพราะเซฮุนที่เพิ่งขออนุญาตไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องนอนก็ได้ยินเช่นกัน
เจ้าของโรงแรม...ทราบข่าวอาการบาดเจ็บของคุณแม่จากคนขับรถที่ตัวเองให้ความไว้วางใจ และจ้าง...เพื่อให้ขับรถพาท่านไปหาเพื่อนๆที่ไม่ได้พบหน้ากันมานาน และตัวเขาก็งานยุ่งเกินกว่าจะดูแลท่านได้ด้วยตัวเอง เพราะส่วนต่อเติมห้องพักที่โรงแรมสาขาเชจูมันสร้างเสร็จหมดแล้ว และจะเปิดให้ใช้บริการในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า แถมงานประมูลที่ดินก็เหลือเวลาให้เตรียมการอีกไม่กี่เดือน
“พูดเบาๆก็ได้จงอิน...ทำแม่ตกอกตกใจหมด!!”
“ไปโรง ‘บาลดีกว่าแม่ เกิดเป็นอะไรขึ้นมาจะได้รักษาทัน”
“ตื่นตูมพอกันทั้ง ผัว ทั้ง เมีย...แม่แค่หกล้ม ไม่ได้ถูกรถชนสักหน่อย เลิกโวยวายสักทีได้ไหม...หนวกหู!!!”
“(ผัว?...เมีย?...ตื่นตูม?)”
เป็นห่วงแทบตาย...แถมยังทิ้งงานเพื่อกลับมาดูอาการบาดเจ็บของแม่ด้วยความเร่งรีบ แต่สุดท้าย...คนเป็นลูกก็ได้รับคำบ่นและถูกชักสีหน้าใส่เป็นรางวัลตอบแทน และคำว่า “ผัว” “เมีย” ในประโยคที่ถูกบ่นเมื่อครู่ก็ทำให้จงอินรู้สึกงงอยู่พอสมควร พร้อมกับพยายามตั้งสติที่เหมือนจะขาดๆหายๆเพราะยังไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ตัวเองได้ยินมันอาจเป็นเพียงแค่การหูฝาด!!???
“แม่หายดีแล้ว...จงอินไม่ต้องพาแม่ไปหาหมอเลยนะ! แม่ไม่อยากไป!!”
“แน่ใจนะครับแม่ แล้วเจ็บตรงไหนบ้างครับ...ไหนผมขอดูหน่อย?”
“เอ๊ะ...จงอิน!!! ก็แม่บอกว่าหายแล้ว หายแล้ว พูดไม่รู้เรื่องหรือไง”
“หงุดหงิดอะไรครับ...คุณนายคิม จงอินขอโทษ จงอินรักคุณนายนะครับ”
“ไม่ต้องมาอ้อน...ฉันมีลูกใหม่แล้ว!!!? แกเตรียมตัวเป็นหมาหัวเน่าได้เลย”
“อ้าวแม่...ทำไมพูดแบบนั้นล่ะครับ แล้วลูกคนใหม่มันเป็นใคร? ชื่ออะไร?”
“ก็หนูเซฮุนไง...ลูกคนใหม่!! กลับจีนคราวนี้...แม่จะเอาหนูเซฮุนกลับไปอยู่ด้วย แกอยู่บ้างานไปเดียวก็แล้วกัน”
“ไม่ได้นะแม่ แม่จะเอาเซฮุนไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น ผมไม่ยอม!!!!”
“หนูเซฮุนนนนน...ไปเลือกลิปสติกกับแม่ที่จีนหน่อยยยยยย!!!”
“โถ่...แม่!!!!!!!!!”
ไม่ฟังเสียงห้ามของลูกชายยังไม่พอ...ซองรยองยังทำเป็นเมินคำขอร้องกึ่งคำสั่งของจงอินโดยการตะโกนเรียกชื่อลูกคนใหม่อย่างนึกอยากแกล้งคนที่กำลังหน้าหงิกอยู่ในตอนนี้ แล้วเอนกายนอนลงบนโซฟาตามเดิมโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น แม้กระทั่งการง้อทายาทที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของตระกูลคิม ส่วนคนที่รีบกลับมาดูอาการบาดเจ็บของแม่ด้วยความเป็นห่วง ก็ได้ไม่ได้รู้สึกโกรธไปกับสิ่งที่ผู้ปกครองพูดเลยสักนิดเพราะในชีวิตของเขา...ก็เหลือผู้หญิงคนนี้อยู่เพียงคนเดียวเช่นกัน
ต่างคน...ต่างสูญเสียคนที่ตัวเองรักไปแบบไม่มีวันกลับ และการเหลือกันอยู่แค่สองคนแม่ลูก มันก็ทำให้คนเป็นเจ้าของโรงแรม รักหญิงเหล็กที่เป็นผู้บริหารธุรกิจของครอบครัวในสาขาจีนมากกว่าสิ่งใดในโลก
คนเป็นลูก...สูญเสียบิดาไปแบบกะทันหัน และต้องเข้ารับตำแหน่งเจ้าของโรงแรมแทนผู้ที่เสียชีวิตเพื่อสานต่อสิ่งที่ครอบครัวสร้างขึ้น รวมถึงสูญเสียน้องสาวที่จากไปด้วยโรคประจำตัว ส่วนคนเป็นแม่...ก็ต้องเสียสามีและเสียลูกสาวคนเล็กไปแบบไม่ทันได้ดูใจ ทุกๆการสูญเสียมันนำมาซึ่งความโศกเศร้าจนซองรยองแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่ แต่...สิ่งที่ทำให้เธอกลับมาเข้มแข็งได้เหมือนเดิมก็คือลูกชายคนเดียวที่ช่วยกอบกู้ทั้งสภาพจิตใจและธุรกิจที่สามีเป็นคนสร้างขึ้นมาด้วยความรัก
จงอินดีใจ...ที่แม่ยอมรับคนที่เขาเลือกให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเสียที และคิดว่าอุปสรรคในความรักมันควรจะจบลงแค่นี้ เพราะคนอย่างเจ้าของโรงแรมจะไม่มีทางเปิดใจให้ใครอีกแล้วถ้าต้องผิดหวังในเรื่องเดิมซ้ำอีกเป็นครั้งที่สอง การได้คนรักดีๆมาเป็นคู่ครองมันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขา และคนที่ไม่สนเงินทองชื่อเสียง คนที่กล้าเถียงเขาเมื่อทำผิด คนที่ทนกับนิสัยเอาแต่ใจ เจ้าอารมณ์ ขี้โมโหของคิมจงอินได้ก็คงมีแค่พนักงานจัดดอกไม้ชื่อโอเซฮุนเพียงคนเดียวเท่านั้น
และเจ้าของโรงแรม...ก็ไม่มีสิ่งใดตอบแทนความอดทนต่อนิสัยแย่ๆของตัวเองได้เท่ากับการมอบความรักที่มันจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงให้กับคนที่เขาเลือกแล้วว่าจะรักตลอดไป ♥
❀
100%
แก้ไขเมื่อ 24/12/60
ขอบคุณทุกการติดตามนะคะ ขอบคุณคอมเม้นท์ ขอบคุณนักอ่านทุกคนมากๆค่ะ
แล้วจะเข้ามาแก้คำผิดเรื่อยๆนะคะ
รัก ♥
#ดอกไม้ของเจ้านาย
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

มาต่อไวๆน้ะ ติดตามอยุ่ สู้ๆ