ตอนที่ 19 : ❀ 19 (+Talk)
ดอกไม้ดอกที่ 19
Gazania Condominium โซล
06.26 น.
กลับมาถึงโซลในช่วงสายของเมื่อวานก็ต้องรีบเข้าไปเคลียร์งานกับเลขาที่โรงแรมต่อทันที และเช้านี้...ก็ต้องตื่นเช้ากว่าปกติเพราะยังมีงานอยู่อีกมากรอให้คนเป็นเจ้าของโรงแรมเข้าไปตรวจสอบ เปลือกตาของคนที่นั่งทำงานจนดึกเปิดขึ้นอย่างอยากลำบากเพราะกว่าจะได้นอนก็เกือบเป็นเวลาของวันใหม่ ร่างเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์และไร้ซึ่งสิ่งปกปิดส่วนน่าอายค่อยๆลุกขึ้นนั่งบนเตียงกว้างเพื่อเรียกสติ
แต่...แรงขยับจากอีกฟากฝั่งของที่นอนกลับดึงสติของเขาได้มากกว่าการนั่งยีหัวตัวเอง
ร่างสวย...ที่ไม่มีเสื้อผ้าติดกายและมีเพียงผ้าห่มผืนโตปกปิดสะโพกกลมกลึงไว้แบบหมิ่นเหม่ มันไม่ได้ทำให้แค่สติของคนมองเท่านั้นที่ตื่น แต่มันทำให้บางอย่าง...ที่เพิ่งใช้งานไปไม่กี่ชั่วโมงตื่นพร้อมที่จะใช้งานอีกครั้ง เจ้าของกายสีน้ำผึ้งขยับตัวกลับขึ้นไปนอนบนเตียวกว้างและกอดคนช่างยั่วโดยได้ไม่ตั้งใจจากทางด้านหลัง ปากหยักจูบซับไปตามแก้มนุ่ม ลำคอ หัวไหล่ไล่วนไปซ้ำๆอย่างนึกไม่ว่าตัวเองจะรักหรือเสพติดเจ้าของผิวเนียนนุ่มได้ถึงเพียงนี้
“อืออออ...พี่จงอิน”
“ครับบบ...เด็กขี้เซา”
จุ๊บบ!!
จุ๊บบ!!
ทั้งเสียงจูบทั้งสัมผัส...ที่ถูกรบกวนจากคนที่นอนกอดอยู่ทางด้านหลัง มันทำให้เซฮุนต้องพลิกกายเบี่ยงให้พ้นริมฝีปากคมพร้อมทั้งเอ่ยชื่อคนเอาแต่ใจเหมือนเป็นการปราม และถ้าให้เปรียบร่างกายของตัวเองเป็นตุ๊กตายาง เซฮุนก็คิดว่ามันน่าจะเสื่อมสภาพไปตั้งนานแล้วเพราะมันถูกใช้งานแทบทุกวันและระยะเวลาของการใช้งานในแต่ละครั้งก็นานจนสลบคาอกอยู่หลายครั้งหลายครา
“อ๊ะ!! พอแล้วครับพี่จงอิน...อย่าบีบ!! เซฮุน...อื้มมม!!” โดนมือหนาเค้นแรงลงบนความกลมกลึงจนต้องรีบส่งเสียงร้องห้ามและพยายามขยับกายหนี แต่เหมือนทุกอย่างจะไม่เป็นผลเมื่อถูกปากคมหยักบดจูบพร้อมส่งลิ้นอุ้นชื้นกอบโกยความหวานโดยไม่ทันตั้งตัว
“วันนี้เข้างานกี่โมงครับ?....ออกไปพร้อมพี่เลยไหม พี่มีประชุมตอนแปดโมง!” ถอนรอยจูบอย่างนึกเสียดาย แต่มันก็จำเป็นเพราะถ้ายังนอนกอดนอนจูบคนน่าฟัดอยู่แบบนี้ มีหวังการประชุมคงต้องเลื่อนออกไปอีกสามหรือสี่ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย
“วันนี้เซฮุนหยุดครับ...พี่ฮีชอลให้หยุดเพิ่มอีกหนึ่งวัน” กอดเจ้าของกายสีน้ำผึ้งน่าหลงใหลไว้แน่น และตอบคำถามไปตามความจริง แต่เหตุผลที่หัวหน้าแผนกสั่งให้หยุดมันคงพูดออกไปไม่ได้ เพราะเซฮุนไม่อยากทำให้คนรักรู้สึกลำบากใจเหมือนอย่างที่เขาเป็นอยู่
“ลาออกเลยดีไหมครับ เซฮุนจะได้ไม่ต้องคิดมาก เมียคนเดียว...พี่เลี้ยงได้” ไม่ต้องพูดอะไรมากไปกว่านี้ จงอินก็ทราบดีว่าคนในอ้อมอกกำลังรู้สึก คิด หรือกำลังกังวลกับเรื่องใด และใช่ว่าไม่สนใจความรู้สึกของคนรัก แต่ที่พาเซฮุนไปไหนมาไหนได้อย่างเปิดเผย ไม่ว่าจะเป็นที่โรงแรมสาขาเชจู ที่สนามบินและตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ จงอินก็ทำไปเพราะอยากให้เกียรติคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนกัน
คำนินทามากมาย...ที่ได้ยินมากับหู เห็นกับตาหรือคำซุบซิบนินทาที่คนเป็นเลขาคอยตักเตือนด้วยความเป็นห่วง มันทำให้จงอินอยากพาคนรักออกไปไหนมาไหนมากขึ้นเพื่อลบคำดูถูกของใครต่อใคร แต่...นิสัยของเซฮุนมันก็ไม่ต่างจากเขาสักเท่าไหร่ การชอบความเป็นส่วนตัว การทำอาหารเองและนั่งทานอยู่ด้วยกันในคอนโดฯ รวมถึงการไม่ออกงานสังคมถ้าไม่จำเป็น ทุกๆอย่างคือสิ่งที่ทั้งเขาทั้งคนรักชอบมากที่สุด
ยิ่งเซฮุน...ก็ยิ่งเป็นคนที่ไม่ชอบออกไปไหนมาไหนและถูกจับไม้จับมือเดินควงแขนกันในที่สาธารณะ
จงอินไม่เคยอาย...ที่คนรักของตัวเองเป็นแค่เด็กธรรมดาๆที่ไม่ได้มีหน้ามีตาในสังคม หรือร่ำรวยเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่โต และสิ่งที่เขาพยายามทำให้เซฮุนรู้สึกสบายใจมากขึ้นโดยการพาออกไปข้างนอกด้วยกันอย่างเปิดเผย ก็เป็นสิ่งที่เจ้าของโรงแรมเต็มใจทำด้วยความรัก แต่ดูเหมือนว่า...สิ่งที่ทำไปทั้งหมดมันจะไม่ได้ทำให้คนในอ้อมกอดตอนนี้รู้สึกคลายกังวลได้เลยสักนิด เพราะน้ำเสียงที่เปล่งออกมาว่าหัวหน้าให้หยุดงานเพิ่ม มันทำให้จงอินรู้ได้ทันทีว่าคนรักยังคงคิดมากอยู่เหมือนเดิม
“ลาออกได้ยังไงครับ...เซฮุนชอบงานที่นี่ ชอบจัดดอกไม้ เซฮุนไม่มีทางลาออกแน่นอน”
“ชอบดอกไม้มากกว่า “ผัว” ตัวเองอีกเหรอครับ!!?”
เพี๊ยะ!!!!
อดไม่ได้...ที่จะฟาดมือลงบนแผ่นอกกว้างของคนที่พูดจาน่าอาย เพราะคำบางคำมันก็ไม่สมควรเอ่ยกับผู้ชายอย่างเขา ถึงแม้สิ่งที่พูดจะเป็นเรื่องจริง แต่การใช้คำคำนั้นเปรียบเปรยกับสถานะที่เขาเป็นอยู่ มันก็ทำให้ทนฟังไม่ค่อยได้ และดี...ที่เจ้าของโรงแรมไม่เคยพูดแบบนี้ที่ไหนนอกจากเวลาที่อยู่ด้วยกันสองคน
“พี่จงอินพูดไม่เพราะเลยนะครับ”
“ทำไมเวลาเขินแล้วชอบทำร้ายร่างกายพี่ หื้มม!”
“พอได้แล้วครับ...ห้ามจูบเลยยยย เดี๋ยวพี่จงอินก็ไปประชุมไม่ทัน”
“งั้นตอบมาก่อน....ว่าระหว่างดอกไม้กับผะ..ผัว เอ๊ย!! พี่...เซฮุนชอบอะไรมากกว่ากัน”
“เซฮุนชอบดอกไม้ครับ อ๊ะ!! อย่าเพิ่งบีบสิครับพี่จงอิน ฟังเซฮุนพูดให้จบก่อน”
“รีบๆพูดมาเลยยย...ก่อนจะโดนมากกว่าบีบ”
“เซฮุนชอบดอกไม้ครับ แต่...รักพี่จงอิน รัก รัก รัก รักมากกกกก...ที่สุด”
ฟอดดดดด!!
“พี่ก็รักเซฮุนนะครับ...รักมากๆ หวงมากๆ”
“ครับ...เซฮุนรู้ แล้วพี่จงอินก็ไม่ต้องคิดมากเรื่องอะไรทั้งนั้นนะครับ เซฮุนทนได้ แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”
ตอบไม่ถูกใจ...ก็โดนมือหนาเค้นแรงใส่สะโพกอวบจนต้องเอ่ยปากห้าม ตอบถูกใจก็โดนหอมจนแก้มยุบไปตามแรงกด และเซฮุนก็ทำได้แค่ขยับกายหนีมือคนเจ้าเล่ห์ทั้งๆที่ไม่เคยชนะได้เลยสักครั้ง ปากบางสีหวาน...จูบลงบนสันกรามคมของผู้ชายที่ตัวเองรักมากที่สุด และทราบอยู่แก่ใจ รู้อยู่เต็มอกว่าทุกๆการกระทำที่คนเป็นเจ้าของโรงแรมมอบให้มันเกิดจากความเป็นห่วง ความรักและความหวังดี
เซฮุน...ไม่รู้จะตอบแทนสิ่งที่คนเอาแต่ใจคนนี้ทำให้ด้วยวิธีไหนถึงจะตอบแทนได้หมด เพราะไม่ว่าเขาจะคิด จะรู้สึก หรือตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายมากแค่ไหนก็ตาม ผู้ชายที่ชื่อคิมจงอินก็คอยอยู่เคียงข้างเขาเสมอ และสิ่งที่เซฮุนสามารถจะตอบแทนได้ดีที่สุดก็คงเป็น รัก...รักผู้ชายคนนนี่ให้มากขึ้นทุกวัน
...
...
...
กว่าจะได้อาบน้ำ...ก็เสียเวลาไปกับการกลั่นแกล้งร่างสวยอยู่นาน แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรมากเกินไปกว่าการหอมแก้ม การจูบและสัมผัส เพราะสงสารคนรักที่ตอนนี้ตามเนื้อตามตัวมีแต่รอยช้ำสีแดงจากการถูกเขาประทับความมันเขี้ยวไว้ให้เต็มไปหมด มือหนาคว้าเสื้อสูทมาพาดไว้ที่แขนเมื่อแต่งตัวเรียบร้อย แล้วก้าวขาออกไปจากห้องนอนเพื่อตรงไปที่ห้องครัว
เสื้อสูทสีเข้ม...ถูกพาดต่อไว้ที่เก้าอี้เมื่อคนเป็นเจ้าของหย่อนกายลงนั่งเพื่อทานอาหารเช้าที่คนรักกำลังเตรียมให้ ร่างสวยในผ้ากันเปื้อนลายดอกไม้และในมือก็ถือจานกระเบื้องเคลือบเอาไว้ มันเป็นภาพที่เขาเห็นจนชินตาเพราะถ้าแม่ครัวประจำคอนโดฯไม่ได้เข้างานรอบเช้า เจ้าตัวก็มักจะตื่นมาทำอาหารให้ทานเสมอ แต่วันนี้มันมีภาพแปลกตาให้เห็นอยู่หนึ่งอย่างคือ...บนศีรษะของแม่ครัวมีเน็กไทสีแดงของเขาผูกเป็นโบว์เอาไว้ และมันก็เป็นภาพที่สามารถสร้างรอยยิ้มให้เกิดขึ้นบนหน้าคนเข้มได้อีกครั้ง
“แต่งงานกันนะครับ...คุณแม่ครัว??”
“อย่ามาพูดเล่นนะครับพี่จงอิน...เซฮุนไม่ขำ”
“........????!!”
ไม่มีความโรแมนติก ไม่มีช่อดอกไม้ ไม่มีการคุกเข่า ไม่มีการจุดพลุ แต่...มันทำให้คนที่ยังอยู่ในสภาพสวมชุดนอน ใส่ผ้ากันเปื้อน ผูกเน็กไทสีแดงไว้บนหัวและยังไม่ได้อาบน้ำ ต้องพยักหน้ารับเมื่อเห็นสายตาคมสบมองเหมือนเป็นการบอกว่า...สิ่งพูดออกไปเมื่อครู่มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
“yes,I will. ♥”
มันเป็นคำตอบ...ที่คนธรรมดาๆอย่างโอเซฮุนไม่เคยคิดมาก่อนเลยในชีวิตว่าจะได้พูดคำคำนี้กับใคร!!
มือบาง...วางจานกระเบื้องสีขาวที่มีอาหารเช้าง่ายๆอย่างเช่นแฮม ไข่ดาว ไส้กรอกลงบนโต๊ะ แล้วกอดเจ้าของคำขอแต่งงานไว้แน่นโดยลืมไปเลยว่าสภาพของตัวเองมันไม่ควรเดินเข้าไปหาใครทั้งนั้นนอกจากห้องน้ำ แต่ใช่ว่า...เจ้าของอ้อมกอดจะรังเกียจเพราะต่อให้คนรักไม่อาบน้ำหรือมีแต่กลิ่นอาหารติดตามร่างกายอยู่แบบนี้ จงอินก็อยากกอดเสมอ กอดไม่ปล่อย และจะกอดไปตลอดชีวิต
“พี่สัญญา...ว่าพี่จะดูแลเซฮุนเป็นอย่างดี”
“ขอบคุณนะครับ...ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ”
นึกคำไหนไม่ออกอีกแล้วนอกจากคำว่าขอบคุณ...มันคาดไม่ถึง ตื้นตัน มีความสุขและอีกหลายๆความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในหัวใจ คนที่แทบไม่เหลือใครในชีวิตและมีเพียงเพื่อนรักตัวเล็กกับผู้มีพระคุณอย่างคุณลุงจีซบคอยช่วยเหลือ กำลังกลายเป็นคนที่ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว...นอกจากผู้ชายคนนี้คนเดียวเท่านั้น
ไม่รู้ว่าการประชุมของคนเป็นเจ้าของโรงแรม...จะต้องถูกเลื่อนออกไปเหมือนอย่างที่คิดเอาไว้หรือเปล่า เพราะตอนนี้...สูทสีเข้มที่ถูกพาดไว้บนเก้าอี้ก่อนจะหย่อนกายนั่งทานมื้อเช้า มันได้ร่วงลงไปกองอยู่กับพื้น พร้อมผ้ากันเปื้อนลายดอกไม้ที่ถูกถอดออกด้วยมือของหนุ่มผิวเข้ม เสียงจูบ...ดังก้องไปทั่วห้องครัว และมันก็เนิ้นนานจนทำให้ควันจางๆที่ลอยออกมาจากแก้วของเครื่องดื่มรสขมเริ่มหายไปกับบรรยากาศที่แสนหวาน แต่........
Rrrr!!
Rrrr!!
Rrrr!!
“อื้มมม...พี่จงอิน รับโทรศัพท์ อ๊ะ!! หยุดก่อนครับ”
“เฮ้อออออ...!!”
มือหนา...จำเป็นต้องละจากความกลมกลึงที่เค้นคลึงด้วยแรงอารมณ์ พร้อมถอนรอยจูบออกจากริมฝีปากบางอย่างนึกหงุดหงิดใจก่อนล้วงเครื่องมือสื่อสารออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วกดรับสาย ส่วนแม่ครัวประจำคอนโดฯ...ก็รีบลุกออกจากการนั่งคร่อมอยู่บนตักของคนรัก แล้วคว้าผ้ากันเปื้อนที่ตกอยู่บนพื้นวิ่งเข้าไปในครัวเพื่อเก็บล้างภาชนะต่างๆที่วางทิ้งไว้ในอ่าง
(คุณจงอินคะ!! อีกครึ่งชั่วโมงการประชุมจะเริ่มแล้วค่ะ!! ตอนนี้คุณจงอินอยู่ที่ไหนคะเนี่ยยย?)
“อยู่คอนโดฯครับพี่เลขา...กำลังจะออกไปแล้วครับ”
(ให้เร็ว...เลยค่ะ!!!!)
ไม่ได้กินทั้งมื้อเช้าทั้งคนทำอาหาร...เพราะถูกเวลาการประชุมเร่งให้ต้องรีบออกไปทำงานก่อนที่เลขาจะโทรมาตามอีกรอบ คนเป็นเจ้าของโรงแรม...ยกกาแฟที่แสนจะเย็นชืดดื่มไปไม่กี่อึกก็ต้องรีบคว้าเสื้อสูทที่กองอยู่บนพื้น แล้วเดินไปร่ำลาคนรักที่ยังวุ่นวายอยู่กับการเก็บล้างจานชามในครัว ปากหยักพรมจูบไปทั่วใบหน้าเรียวสวยด้วยความรัก เพราะตั้งแต่มีเซฮุนเข้ามาอยู่ในชีวิต อะไรๆที่ดูหม่นหมองก็สดใสขึ้นและจากที่ไม่เคยเลิกงานเร็วก็แทบไม่อยากออกไปทำงาน
“เย็นนี้อยู่รอพี่กลับมาทำมื้อค่ำด้วยกันนะครับ”
“พี่จงอินอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมครับ เซฮุนจะได้ออกไปซื้อมาเตรียมไว้ให้”
“ไม่เป็นไรครับ...เดี๋ยวพี่ซื้อมาให้เอง”
“อย่าลืมทานข้าวด้วยนะครับ ทานกาแฟอย่างเดียวมันไม่อิ่มหรอก”
“ครับบบบ...คุณภรรยา”
“ (>///<) “
เป็นห่วงคนเอาแต่ใจ...ที่เช้านี้ไม่ได้ทานอะไรเลยสักคำนอกจากการดื่มกาแฟไปเพียงครึ่งแก้ว เพราะมัวแต่ทำอย่างอื่นจนเกือบไปทำงานสาย ปกติ...เซฮุนจะทำอาหารเช้าให้จงอินทานเสมอถ้าวันนั้นต้องทำงานรอบบ่าย แต่ถ้าตารางงานที่หัวหน้าแผนกจัดให้มันกลายเป็นรอบเช้า คนรักก็ต้องฝากท้องไว้กับอาหารแช่แข็งไปก่อนหรือไม่ก็ทานขนมปังทาแยม และไม่มีวันไหน...ที่จงอินไม่ทานอาหารที่เขาทำให้หรือต้องท้องว่างแล้วรีบออกไปทำงานเหมือนอย่างเช้านี้
แต่...ถ้าคุณเลขาไม่โทรเข้ามาขัดจังหวะ คนที่จะถูกกินก็คงเป็นตัวเขา ซึ่งก็ไม่ใช่อาหารเช้าอยู่ดี ^-^)
❀
14.01 น.
วืดดดดดด!!!
นอนหลับเอาแรงไปหลายชั่วโมง...ก็ลุกขึ้นมาทำความสะอาดห้องทำงานที่เจ้าของโรงแรมทำรกไว้เมื่อคืน มือบางถือเครื่องดูดฝุ่นและเปิดๆปิดๆเครื่องอยู่หลายครั้ง เพราะไม่ว่าจะมองไปตรงส่วนไหนของห้องก็มีแต่ฝุ่นเต็มไปหมด หนังสือ เอกสาร แฟ้มงาน ถูกวางไว้เกลื่อนทั้งบนโต๊ะและพื้นพรม เซฮุนไม่อยากจะเชื่อ...ว่าการเดินทางไปเชจูเพียงไม่กี่วันมันจะทำให้ห้องรกได้ถึงขนาดนี้ และคนบ้างานเมื่อคืนก็เป็นต้นเหตุของความสกปรกทั้งหมด
เมื่อเช้าเพิ่งเป็นแม่ครัว...แต่ตอนนี้ก็ต้องกลายมาเป็นพนักงานทำความสะอาด และคิดว่าคงต้องอาบน้ำใหม่อีกรอบเพราะตามเนื้อตามตัวมันมีแต่ฝุ่น เหงื่อยก็ออกเต็มแผ่นหลัง แล้วก็เริ่มเหม็นน้ำเน่าที่กำลังจะเดินเอามาทิ้งในห้องครัวและคงต้องออกไปซื้อดอกกุหลาบสีขาวที่ร้านข้างๆคอนโดฯมาแทนของเก่าที่เริ่มร่วงโรย เซฮุนใช้มือข้างหนึ่งกำดอกไม้ที่แทบไม่เหลือกลีบดอกอยู่บนก้านใส่ถุงขยะ ส่วนอีกมือ...ก็จับแจกันแก้วทรงสูงเอาไว้ด้วยความระมัดระวัง
♪♫...♪..♫ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง♪...♫♪...♫
เสียงกริ่งหน้าประตูห้องชุดสุดหรูในยามบ่าย...ทำให้คนที่กำลังล้างแจกันแก้วด้วยความระมัดระวังต้องรีบละมือจากสิ่งที่ทำอยู่และเดินไปที่ต้นเสียง เพราะคิดว่า...คนเป็นเจ้าของห้องคงต้องหาเรื่องมาแกล้งกันอีกแน่ๆ ประชุมเสร็จก็รีบกลับมาที่นี่อย่างนั้นใช่ไหม? คีย์การ์ดก็มีทำไมไม่เปิดประตูเข้ามาเหมือนอย่างที่เคย? หรือว่า...จะทำการ์ดหาย??!
คิดไปต่างๆนานาเหมือนจะเข้าข้างตัวเอง แต่...คนที่จะขึ้นมาที่นี่ได้ก็คงมีแต่เขาและคนเป็นเจ้าของคอนโดฯเท่านั้น รวมถึง...วิศวกรประจำโรงแรมอีกคน มือบางคว้าสิ่งที่พอจะมัดผมที่ตอนนี้เริ่มยาวจนหน้ารำคาญ และเมื่อเช้าก็ต้องเอาเน็กไทของคนรักมาคาดศีรษะเอาไว้เพราะทำอาหารไม่ถนัด เซฮุนรวบผมด้านหน้าขึ้นเหมือนน้ำพุ แล้วมัดด้วยเชือกที่แกะออกมาจากถุงขนมหวานบนเคาน์เตอร์ในห้องครัวและรีบเดินมาเปิดประตูห้องทันที
แกร๊กกก!!
และสิ่งที่คิด...ก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับภาพที่จินตนาการเอาไว้ในหัว เพราะคนที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องทั้งสองคนกลับเป็นหญิงสูงอายุที่แต่งตัวดูภูมิฐานและสง่างาม ส่วนอีกคนยังเป็นเด็กสาวที่มีใบหน้าน่ารัก ผมของเธอยาวตรงและส่งยิ้มที่แสนจะขี้เล่นมาให้อย่างเป็นมิตร
“สวัสดีครับ...มาหาใครเหรอครับ” ถ้าผู้หญิงสองคนตรงหน้าเป็นโจร เซฮุนคงถูกฆ่าตายไปแล้ว เพราะไม่ทันได้ส่องตาแมวก่อนที่จะเปิดประตู แต่ไหนๆก็ทำไปแล้ว เจ้าตัวจึงต้องกล่าวทักทายและโค้งตัวให้อย่างสุภาพก่อนเอ่ยถามในสิ่งที่สงสัย
“ฉันมาหาลูกชาย...ตอนนี้เขาอยู่ในห้องหรือเปล่า หรือว่าออกไปทำงาน??” ตอบด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ...แต่สายตากลับมองคนที่มาเปิดประตูให้ด้วยความประหลาดใจ เพราะทั้งการแต่งตัว ทั้งทรงผม และตามเนื้อตัวก็มีแต่เหงื่อชุมไปทั้งร่าง มันกำลังทำให้คนที่เดินทางมาหาลูกชายเป็นครั้งแรกในรอบหกเดือน...รู้สึกไม่อยากเข้าใกล้
คิม ซองรยอง เป็นผู้บริหารโรงแรมของตระกูลคิมในสาขาจีน และวันนี้ก็เดินทางมาที่โซลเพื่อเซอร์ไพรส์ลูกชายที่ไม่ได้พบหน้ากันมานานหลายเดือน แต่เมื่อมาถึง...กลับพบคนที่เธอคิดว่าน่าจะเป็นพนักงานทำความสะอาดเป็นคนมาเปิดประตูให้เพราะดูจากการแต่งตัว รวมถึงสภาพที่ดูมอมแมมมีเหงื่อท่วมกาย มันก็คงเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากคนที่ลูกชายจ้างให้มาทำหน้าที่เก็บความเรียบร้อยที่ห้องพักของคอนโดฯแห่งนี้
แต่...เมื่อมองไปบนลำคอของเด็กหนุ่มที่ตอนนี้ยืนนิ่งเหมือนสมองไม่สั่งงาน มันเริ่มทำให้คนเป็นแม่ต้องคิดทบทวนสิ่งที่มั่นใจเมื่อครู่อีกครั้ง เพราะสร้อย...ที่ทำจากทองคำขาวและมีจี้รูปดอกทิวลิปฝังเพชรเม็ดเล็กๆสีแดงเส้นนั้น มันดูแพงเกินกว่าค่าจ้างของพนักงานทำความสะอาดจะซื้อใส่เองได้
สายตาคมไม่แพ้คนเป็นลูกชาย...จ้องสิ่งที่ไม่คิดว่าคนอย่างเด็กหนุ่มคนนี้จะซื้อได้ สลับกับมองใบหน้าเจ้าของสร้อยคอเส้นสวยอย่างนึกจับผิด ซองรยองคิดทบทวนสิ่งที่เห็นซ้ำๆ และมันก็คิดไปเป็นอื่นไม่ได้จริงๆนอกจากการเป็นเด็กใหม่...ที่ลูกชายของเธอคงถูกใจแค่ชั่วครั้งชั่วคราว แล้วอาจอ้อนให้ซื้อของขวัญราคาแพงๆเพื่อแลกกับความสุขทางกาย
ซองรยองไม่เคยห้าม...เรื่องที่ลูกชายชอบหาความสุขใส่ตัวไปตามประสาคนโสด เธอเข้าใจดีว่าลูกชายของเธอโตพอที่จะคบหาใครก็ได้ และคงไม่โดนหลอกเหมือนที่ผ่านๆมา แต่ด้วยความเป็นแม่...มันก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี เพราะถ้าจงอินไปคว้าคนที่หวังแต่ชื่อเสียง หวังความสบาย หวังหน้าตาทางสังคมมายืนอยู่ข้างกาย ซองรยองก็คงต้องหาวิธีปราบเหมือนอย่างที่เคย และจะไม่มีวันให้ใครมาทำร้ายความรู้สึกของลูกได้อีกเด็ดขาด
ส่วนเรื่องสำคัญ...ที่คนเป็นแม่ต้องรีบเดินทางมาที่นี่แบบกะทันหัน ก็เป็นเพราะอยากเห็นหน้าพนักงานจัดดอกไม้ที่มีข่าวหนาหูว่ากำลังคบอยู่กับลูกชายของเธออย่างออกหน้าออกตา และดี...ที่ข่าวที่ซองรยองได้ยินข้ามน้ำข้ามประเทศมาทั้งหมด มันยังไม่ลงหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์หรือมีภาพออกมายืนยันให้เป็นที่ซุบซิบนินทามากกว่าแค่ในโรงแรม และคนเป็นแม่...ที่มีผู้สืบสกุลเหลืออยู่เพียงคนเดียวก็ยังไม่เห็นประวัติ รวมถึงข้อมูลของพนักงานจัดดอกไม้ในโรงแรมสาขาโซล เพราะเธออยากมาเห็นด้วยตาตัวเองโดยไม่ให้ใครได้ทันตั้งตัวทั้งนั้นแม้แต่ลูกชายของเธอเอง และสิ่งที่รู้มาเพียงอย่างเดียวก็คือ...ชื่อ
ซองรยองยอมรับ...ว่าเธอห่วงเรื่องหน้าตาทางสังคมมากอยู่พอสมควร แต่ก็ใช่ว่าจะดูถูกคนที่มีฐานะด้อยกว่า เพราะถ้าคนคนนั้นเป็นคนดี รักลูกชายของเธอด้วยใจจริง และพร้อมที่จะร่วมทุกข์ร่วมสุขไปกับความสำเร็จหรือความล้มเหลวของตระกูลคิม ซองรยองก็ยินดีที่จะรับใครคนนั้นเข้ามาเป็นสะใภ้และจะพาไปเปิดตัวให้คนในสังคมได้ชื่นชมอย่างสมเกียรติ
และ...พนักงานจัดดอกไม้ที่ชื่อเซฮุน จะมีเกียรติพอที่จะยืนเคียงข้างลูกชายของเธอหรือเปล่า?
“ชะ...เชิญเข้ามาข้างในก่อนครับ” พยายามตั้งสติอยู่นาน และเมื่อยอมรับความจริงกับสิ่งที่ได้ยินจนแน่แก่ใจ เซฮุนก็รีบโค้งตัวให้แขกคนสำคัญอย่างสุภาพอีกครั้ง พร้อมผายมือเพื่อเชิญให้คนทั้งคู่เข้ามาในห้อง
“เธอเป็นพนักงานทำความสะอาดห้องของลูกชายฉันใช่ไหม? หรือว่า...ทำหน้าที่อื่นด้วย?” เดินเข้ามาที่ห้องนั่งเล่น และหย่อนกายลงบนโซฟาตัวใหญ่ พร้อมเอ่ยคำถามที่ทำให้เด็กผู้ชายตรงหน้าถึงกับไม่กล้าสบตา
“เป็นคนทำความสะอาดอย่างเดียวครับ พะ...พี่!!! คุณจงอินจ้างให้มาทำงานอาทิตย์ละสองวันครับ” รีบคุกเข่าลงกับพื้น แล้วตอบคำถามที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันคือการโกหก เพราะถ้าให้พูดความจริงออกไปว่าตัวเองเป็นอะไรหรือทำหน้าที่อะไรบ้างในห้องนี้ ก็คงเป็นการเสียมารยาทมากที่สุด และเซฮุนก็จะไม่มีวันทำแบบนั้นเด็ดขาด
“อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ...แต่ฉันขอถามอะไรหน่อยเถอะ สร้อยที่อยู่บนคอของเธอน่ะ...ใครซื้อให้?? หรือว่าาา...ซื้อเอง?” ไม่อยากตัดสินใคร...จากการคาดเดาของตัวเองหรือจากความมีเสน่ห์ของลูกชาย ซองรยองจึงถามออกไปโดยไม่ได้นึกว่ามันอาจเป็นเรื่องส่วนตัวที่เซฮุนไม่จำเป็นต้องตอบ
“คุณแม่กับคุณพ่อให้ผมไว้ก่อนที่ท่านจะเสียชีวิตครับ” โกหกหน้าตายเพื่อหาทางรอดให้ชีวิต เพราะถ้าบอกว่าซื้อเอง...คนอย่างคุณแม่เจ้าของโรงแรมก็คงมองออกว่าพนักงานทำความสะอาดอย่างเขาคงไม่มีปัญญาซื้อ
“แล้วมาทำงานที่นี่นานแล้วเหรอ? ลูกชายของฉันถึงไว้ใจทิ้งห้องให้เธอทำนั่นทำนี่อยู่คนเดียวแบบนี้?” ซองรยองทราบดี...ว่าปกติลูกชายของเธอจะต้องอยู่ในห้องด้วยเสมอถ้าวันไหนมีคนเข้ามาทำความสะอาดที่คอนโดฯ เพราะจงอิน...ไม่เคยไว้ใจคนอื่นนอกจากเพื่อนที่เป็นวิศวกรประจำโรงแรม
“ก็หลายเดือนแล้วครับ...แล้วที่คุณจงอินไว้ใจก็คงเป็นเพราะผมทำงานอยู่ที่โรงแรมด้วยครับ แล้วถ้าผมโกงหรือขโมยของในห้องนี้ไปขาย ประวัติในใบสมัครที่โรงแรมก็คงทำให้คุณจงอินหาตัวผมได้ไม่ยาก” ตอบคำถามไปตามความจริง และเข้าใจในสิ่งที่ซองรยองสงสัยเพราะเซฮุนก็เคยทำงานแบบนี้มาแล้วหลายครั้ง และทุกครั้ง...คนว่าจ้างก็ต้องอยู่ในห้องหรือในบ้านด้วยเสมอเพื่อความปลอดภัยของทรัพย์สิน
แต่...มันก็เป็นเรื่องโกหกอีกหนึ่งเรื่องหรือในอีกหลายๆเรื่องของวันนี้ที่ต้องพูดให้แม่เจ้าของโรงแรมได้รับทราบ เพราะความจริงบางอย่างมันมีผลต่อความรู้สึกของคนฟังและของตัวเขาเอง
“อะไรนะ??!...เธอทำงานในโรงแรมของลูกชายฉันด้วยเหรอ? ขยันจัง?”
“ครับ...ผมทำงานที่โรงแรมทุกวัน แล้วถ้าวันไหนเลิกงานเร็วหรือเป็นวันหยุด ผมก็จะเข้ามาทำความสะอาดที่คอนโดฯของคุณจงอินครับ”
“แล้วทำงานอยู่แผนกอะไรล่ะ...เผื่อฉันอาจจะพิจารณาเลื่อนตำแหน่งให้ ไหนเธอลองแนะนำตัวให้ฉันฟังหน่อยซิ?!”
“ครับ...ผมชื่อ โอ ซะ...เซ”
เพล้งงงงงงง!!!!!
ยังไม่ทันได้แนะนำตัว...เสียงบางอย่างที่ดังออกมาจากห้องครัวก็ทำให้ทั้งซองรยองทั้งเซฮุนต้องหันไปมองที่ต้นเสียงทันทีด้วยความตกใจ และก็มีหญิงสาว...ที่แม่เจ้าของโรงแรมพามาด้วยวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในห้องนั่งเล่น เพราะก่อนหน้านั้นเธอเอาแต่เดินไปเดินมาชมความงามของห้องชุดสุดหรูอย่างเพลิดเพลินตาจนไม่ได้สนใจผู้ใหญ่ที่มาด้วยกัน
“คุณน้าาาา!!!...เยริ ทำแก้วในห้องครัวแตกค่ะ พี่จงอินจะว่าเยริไหมคะ?”
“กล้าว่า คู่หมั้น ก็ลองดูสิ!!”
(..........!!!!!!!!!!!!!)
เป็นเสียงพูดคุย...ที่ทำให้คนนอกอย่างเซฮุนหูดับไปในทันที เพราะไม่คิดว่าเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารัก ดูแสนซน ทะเล้น และเอาแต่วิ่งเล่นไปทั่วห้องจะเป็นคู่หมั้นที่คนเป็นแม่พามาหาลูกชายถึงที่นี่ เซฮุนพยายามตั้งสติอีกครั้งและขอตัวไปเก็บกวาดของที่แตกในห้องครัว รวมถึงขอนุญาตผู้ใหญ่ไปล้างเนื้อล้างตัวก่อนที่ความสับสน ความอึดอัด ความเสียใจจะไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง
❀
16.02 น.
คู่หมั้น คู่หมั้น คู่หมั้น คำคำนี้วนเวียนอยู่ในหัวของคนคิดมากมาตั้งแต่ขออนุญาตกลับเข้ามาล้างเนื้อล้างตัวในห้องน้ำ แล้วตอนนี้...เซฮุนควรทำอะไรระหว่างการต้องอยู่รับแขกคนสำคัญทั้งสองคนหรือต้องกลับอพาร์ทเม้นของตัวเองเหมือนอย่างที่พนักงานทำความสะอาดควรทำเมื่อเสร็จงานของตนเอง ร่างสวยในเสื้อผ้าชุดใหม่...ยืนกระสับกระส่ายอยู่หน้ากระจกเพราะคิดไม่ออกว่าตัวเองควรทำเช่นไรในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดแบบนี้
จะให้กลับอพาร์ทเม้น...แล้วทิ้งแขกทั้งสองคนไว้เพียงลำพังก็ดูเป็นการเสียมารยาท จะให้เชิญแขกคนสำคัญไปรอลูกชายที่โรงแรมก็ยิ่งเสียมารยาทไปกันใหญ่ แถมยังต้องรอคนที่ออกคำสั่งไว้ว่าจะกลับมาทำมื้อค่ำด้วยกันอีก คนคิดไม่ตก...ยืนทำใจ ตั้งสติ และพยายามหาทางออกให้ชีวิตจนสุดท้ายก็ตัดสินใจออกไปเผชิญความจริงที่หาทางเลี่ยงเช่นไรต้องเจอ
ขาเรียวยาวในกางเกงทรงสุภาพสีเข้ม...ก้าวออกมาจากห้องนอนอีกครั้ง แล้วเดินตรงไปที่ห้องนั่งเล่นด้วยหัวใจที่ยังไม่เต็มร้อย และสิ่งแรกที่เซฮุนคิดว่าตัวเองได้ทำเรื่องเสียมารยาทไปแล้วนั่นก็คือ เขายังไม่ได้หาของว่างหรือชากาแฟให้แขกคนสำคัญทานเลยสักอย่าง และเป็นเพราะตั้งแต่เชิญคนทั้งคู่ให้เข้ามารอเจ้าของโรงแรมในห้อง เขาก็ถูกซองรยองซักถามถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้จนถึงเรื่องที่คนเป็นคู่หมั้นทำแจกันแตกในห้องครัว
“ขอโทษนะครับ! เอ่ออ...คุณผู้หญิงกับคุณเยริจะรับเครื่องดื่มอะไรดีครับ”
“เยริหิวค่ะคุณน้า เราออกไปหาอะไรทานข้างนอกกันเถอะค่ะ? หรือจะไปทานที่โรงแรมพี่จงอิน??”
ไม่ได้รับคำตอบอะไรกลับมาสักอย่าง...เพราะคนเป็นคู่หมั้นเอาแต่บ่นว่าหิว ๆ ๆ พร้อมกดรีโมททีวีเปลี่ยนดูช่องนั้นช่องนี้เหมือนไม่ถูกใจรายการที่กำลังออกอากาศอยู่เลยสักช่อง เซฮุนกล้าไม่ถามหรือพูดแทรกบทสนทนาระหว่างแขกคนสำคัญทั้งสองคน และก้าวขาออกไปจากห้องนั่งเล่นเพื่อไปทำเครื่องดื่มรวมถึงหาของว่างมาต้อนรับ
แต่...ยังไม่ทันได้เดินออกไปไหนก็ถูกเสียงของคนเป็นแม่เอ่ยทักจนต้องเดินกลับเข้ามานั่งคุกเข่าลงที่พื้นเพื่อรับคำสั่ง
“เธอทำอาหารเป็นไหม? ทำอะไรก็ได้ง่ายๆ ให้ฉันกับหนูเยริทานหน่อยสิ?”
“ทำเป็นครับ แต่เกรงว่าจะไม่ถูกปากคุณผู้หญิง”
“ฉันไม่ใช่คนเรื่องมากขนาดนั้น จะอะไรก็ทานได้หมดนั้นแหละ แต่ขอเป็นอาหารเกาหลีนะ ฉันเบื่ออาหารจีนจะแย่อยู่แล้ว”
“ครับๆ...ได้ครับ รอสักครู่นะครับ แล้ว...เอ่อออ”
“มีอะไรก็พูดมา...อ้ำๆอึ้งๆอยู่ได้!!”
“คือ...คุณผู้หญิงกับคุณเยริแพ้อาหารอะไรบ้างหรือเปล่าครับ??”
เรื่องทำอาหาร...ไม่ใช่สิ่งที่เซฮุนกังวลเพราะทำบ่อยจนชำนาญ แต่จะถูกปากคนอย่างคุณแม่เจ้าของโรงแรมหรือไม่...แม่ครัวประจำคอนโดฯก็ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่นัก และเมื่อได้คำตอบของเรื่องที่ถามออกไปเมื่อครู่ เซฮุนก็รีบเดินไปที่ห้แงครัว แล้วรื้อวัตถุดิบต่างๆที่มีอยู่ในตู้เย็นออกมาดูว่ามันจะกลายเป็นเมนูอะไรได้บ้างสำหรับอาหารมื้อนี้
(รอบคอบดีเหมือนกันหนิ!!)
เป็นสิ่งที่คนเดินทางเซอร์ไพร์สลูกชายคิดอยู่ในใจ...เพราะตัวเธอไม่แพ้อะไรทั้งนั้น แต่เด็กสาวที่พามาด้วยแพ้อาหารทะเลอย่างเช่นกุ้งและปลาหมึก ใจหนึ่งของซองรยองก็ยังไม่ค่อยเชื่อว่าเด็กหนุ่มที่ตอนนี้กำลังทำหน้าที่เป็นพ่อครัว เป็นแค่พนักงานทำความสะอาดธรรมดาๆที่ลูกชายของเธอจ้างเอาไว้ เพราะถึงจงอินจะไว้ใจให้คนแปลกหน้าเข้ามาทำความสะอาดในคอนโดฯโดยไม่ต้องอยู่เฝ้าเหมือนกับพนักงานคนเก่า แต่...การให้สิทธิ์พนักงานใหม่ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างไม่ถือสาหาความ ก็คงเป็นเรื่องที่ดูจะใจดีมากเกินไปแถมเสื้อผ้าที่เด็กหนุ่มคนนี้ใส่อยู่ก็ราคามไม่ใช่น้อยๆ
...
...
...
“โอ้โหหหหห...น่าทานมากเลยค่ะคุณน้า!!”
“ลองทานดูก่อน ไม่รู้ว่าจะอร่อยเหมือนที่เห็นหรือเปล่า??”
“อร่อยยยย...ค่ะ!!!!”
คนเป็นคู่หมั้น...ยังคงยิ้มแย้มเหมือนอย่างที่เห็นครั้งแรกที่หน้าประตูห้อง และออกปากชมว่าอาหารมื้อนี้อร่อยที่สุด แก้มสีแดงระเรื่อ...บวมขึ้นจากการตักเนื้อเข้าปากคำใหญ่ แล้วตามซุปกิมจิที่มีทั้งเต้าหู้และผักต่างๆเป็นส่วนผสม แต่คนที่นั่งทานไปอย่างเงียบๆและยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัวก็คือเจ้าของคำสั่งที่บอกว่าอยากทานอาหารเกาหลีเพราะเบื่ออาหารจีน
แม่ครัวประจำคอนโดฯ...เดินไปที่ตู้เย็นอีกครั้งเพื่อหยิบผลไม้ขึ้นมาจัดใส่จาน เพราะจะเสิร์ฟเป็นเมนูถัดไปเมื่อแขกคนสำคัญทานของคาวเรียบร้อย เสียงทีวี...ที่ตอนนี้มันดังออกมาจนคนที่อยู่ในครัวได้ยินและรู้ว่ามันคือรายการอะไร เพราะทั้งเสียงพิธีกร ทั้งเสียงของผู้ร่วมรายการ มันทำให้เซฮุนเดาได้ไม่ยากว่านั่นคือรายการเกมโชว์ มือบางเรียงลูกแพรที่ปอกเสร็จแล้วใส่ในภาชนะที่ทำจากเซรามิกเนื้อดีแล้วเดินถือออกมาจากห้องครัวทันที แต่........
แกร๊กกก!!!
“เซฮุนนนนนนน...พี่กลับมาแล้วววว!!! เซฮุนทำอะไรอยู่ครับบบบบ!!!!”
เพล้งงงงงง!!
เหมือนเป็นวันที่มีแต่ความเสียหาย เพราะเสียงทุ้ม...ที่ตะโกนเหมือนกำลังดีใจอะไรสักอย่างดังอยู่หน้าห้อง มันทำให้เจ้าของชื่อตกใจจนทำจานเซรามิกที่มีผลไม้วางอยู่ในนั้นหล่นลงมากแตก และ...ไม่ได้มีแค่เซฮุนเท่านั้นที่ตกใจ เพราะตอนนี้...แขกคนสำคัญที่นั่งรอลูกชายอยู่นานสองนานก็รีบวิ่งออกมาดูที่ต้นเสียงเช่นกัน ทั้งเสียงปิดประตู ทั้งเสียงเรียกชื่อ ทั้งเสียงของแตก มันทำให้คนเป็นแม่ต้องรีบลุกออกมาจากห้องนั่งเล่นเพื่อให้เห็นกับตาว่าสิ่งที่ได้ยินมันไม่ใช่แค่อาการหูฝาด!!
“คุณจงอินปล่อยผมก่อนครับ เดี๋ยวเศษแก้วบาดเท้า”
“เซฮุนเป็นอะไรครับ โกรธอะไรพี่หรือเปล่า!!???”
“ปล่อยผมเถอะครับ ผมขอร้อง!!”
การแสดงท่าทางเหมือนรังเกียจ และเรียกคนที่รีบกลับมาจากทำงานด้วยคำว่า “คุณ” มันทำให้เจ้าของโรงแรมอดสงสัยและเป็นห่วงไม่ได้ รวมถึงไม่ชอบสิ่งที่คนในอ้อมกอดทำเลยสักนิด ร่างกายที่แข็งแรงกว่า...พยายามเบี่ยงตัวหลบเศษแก้วที่แตกอยู่บนพื้น เพราะเกรงว่าจะบาดเท้าคนที่ยังดิ้นไปดิ้นมาเพื่อให้หลุดออกจากอ้อมแขนและยังเรียกเขาด้วยคำว่าคุณ คุณ คุณ...ไม่หยุดปาก
และภาพ...ที่คนเป็นแม่เห็นอยู่ตรงหน้าก็เป็นตัวตัดสินความไม่แน่ใจที่เธอคิดมาทั้งหมดได้ในทันทีว่าเด็กผู้ชายคนนี้ไม่ใช่แค่พนักงานทำความสะอาด ไม่ใช่พ่อครัวและไม่ใช่พนักงานในโรงแรมทั่วไป แต่เป็นคนที่ทำให้เธอต้องรีบเดินทางมาที่เกาหลีแบบกะทันหันเพราะอยากเห็นหน้าพนักงานจัดดอกไม้ที่ชื่อเซฮุน!!
“จงอิน!!!....ปล่อยเด็กคนนั้นเดี๋ยวนี้ แม่บอกให้ปล่อย!!!”
“แม่!!! แม่มาได้ยังไงครับ!? แล้วทำไมไม่โทรมาบอกผมก่อน”
“ถ้าโทรมาบอก...แม่ก็คงไม่ได้เห็นอะไรแบบนี้น่ะสิ!!!”
คน...ที่รีบเดินทางกลับมาที่คอนโดฯเมื่อการประชุมสิ้นสุดลง และหวังจะได้ดินเนอร์ใต้แสงเทียนพร้อมสวมแหวนหมั้นเพื่อจองคนรักเอาไว้ก่อนจะถึงวันแต่งงาน มองหน้าผู้เป็นแม่ในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง เพราะมันทำให้เซอร์ไพร์สที่เขาคิดไว้ทั้งหมดพังครืนลงมาเหมือนโรงแรมราคาถูกที่สร้างไม่ได้มาตรฐาน
มันคือความคิด...ที่คิมจงอินเพิ่งนึกออกเพราะหลังจากขอเซฮุนแต่งงานเมื่อเช้า เขาก็รีบสั่งให้คนเป็นเลขาหาแบบแหวนจากร้านขายจิวเวอร์รี่มาให้เลือก พร้อมสั่งซื้อทันทีเมื่อได้แบบที่ถูกใจ แต่พอเดินทางมาถึงห้อง...กลับเจอสิ่งที่เซอร์ไพร์สกว่ายืนทำหน้าตึงเหมือนโกรธลูกชายมาเป็นร้อยร้อยชาติ
“แล้วแม่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ ใครมาส่ง?”
“ไปคุยกับแม่ที่ห้อง แล้วก็ปล่อยตัวพนักงานทำความสะอาดได้แล้ว แก้วแตกเกลื่อนพื้นขนาดนี้เดี๋ยวก็บาดเท้าจนได้”
“อะไรนะแม่??...พนักงานทำความสะอาด??!”
“ก็เด็กนั่น...เป็นพนักงานทำความสะอาดไม่ใช่เหรอ!!? เค้าบอกแม่เองว่าลูกเป็นคนจ้างให้มาทำงานที่นี่อาทิตย์ละสองวัน แต่ถ้าไม่ใช่...แล้วจะเป็นอะไรล่ะ? เพื่อน? หรือวะ...ว่า”
“เมียครับแม่....เซฮุนเป็นเมียผม”
ไม่แปลกใจเลย...ที่ได้ยินลูกชายของตัวเองพูดออกมาแบบนั้น เพราะสิ่งที่คนเป็นแม่คิดไว้มันไม่ได้ต่างไปจากครั้งแรกเลยแม้แต่น้อย ทั้งสร้อยคอ ทั้งการแต่งการ ทั้งความไว้ใจที่สามารถทำความสะอาดคอนโดฯราคาแพงห้องนี้ได้โดยไม่ต้องมีใครเฝ้า ทุกๆอย่างมันขัดแย้งกับสิ่งที่คนในอ้อมกอดของลูกชายตอนนี้บอกมาทั้งหมด
แต่...สิ่งที่ทำให้คนเป็นแม่คาดไม่ถึงก็คือ การที่จงอินกล้าพูดออกมาตรงๆว่าเด็กหนุ่มคนนี้เป็นใครหรือมีความสัมพันธ์กันไปถึงขั้นที่เรียกว่าเมียออกมาจากปากได้ง่ายๆ
แล้วก็เป็นคนถูกกอดต่างหาก...ที่ตกใจกับสิ่งที่ได้ยินเพราะไม่คิดว่าจงอินจะกล้าพูดคำคำนี้ออกมาต่อหน้าคนเป็นแม่ ความอึดอัดและความกระอักกระอ่วนใจเกิดขึ้นทันทีเมื่อรู้ว่าตัวเองโดนจับได้ในเรื่องที่โกหก แถมคำว่าเมีย...ที่เจ้าของโรงแรมพูดขึ้นเมื่อครู่ก็ยังทำให้คนเป็นคู่หมั้นถึงกับยกมือขึ้นมาปิดปาก ทำตาโตและมองหน้าคมเข้มของว่าที่สามีในอนาตคสลับกับมองภรรยาที่ยังไม่ได้รับการยอมรับอย่างเขาด้วยท่าทีตื่นตระหนก
“พี่จงอินตามคุณแม่ไปที่ห้องเถอะครับ อย่าทำให้ท่านโกรธเลย ท่านเดินทางมาไกลเพราะคิดถึงลูกชายคนนี้จะแย่แล้ว พี่จงอินเชื่อเซฮุนนะครับ”
“แต่เซฮุนต้องไปกับพี่...ไปบอกคุณแม่ด้วยกันนะครับว่าเราจะแต่งงานกัน”
“ยังครับ...ยังแต่งไม่ได้ แล้วเซฮุนก็จะไม่เข้าไปคุยอะไรทั้งนั้นด้วย พี่จงอินรีบไปหาท่านเถอะครับ แล้ววันนี้เซฮุนขออนุญาตกลับไปนอนที่อพาร์ทเมนท์นะครับ”
“ไม่!!..เซฮุนต้องนอนกับพี่ที่นี่!!”
“วันเดียวครับ วันเดียวจริงๆ...พี่จงอินเชื่อใจเซฮุนสักครั้งนะครับ แล้วก็รีบไปดูแลคุณแม่ได้แล้ว”
กว่าเจ้าของโรงแรมจะเข้าใจ...รวมถึงยอมทำตามในสิ่งที่คนนอกอย่างโอเซฮุนขอร้อง ก็เกือบทำให้ต้องทะเลาะกันจนกลายเป็นเรื่องใหญ่ และดีที่ตกลงกันได้โดยไม่มีใครต้องหงุดหงิด โมโหหรือเสียน้ำตา พนักงานทำความสะอาดจอมโกหก...เดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นอีกครั้งเพื่อกล่าวลาคนเป็นผู้ใหญ่ไปตามมารยาทที่ควรทำ และเก็บของที่จำเป็นบางส่วนกลับไปใช้ที่อพาร์ทเมนท์รายเดือนราคาถูกที่ไม่ได้กลับไปนานจนเกือบลืมไปเลยว่า...สถานที่แห่งไหนมันเหมาะกับตัวเองมากที่สุด
...
...
...
นั่งรถไฟฟ้า...แล้วต่อด้วยการเดินไปเรื่อยๆ เพราะไม่อยากกลับไปคิดอะไรฟุ้งซ่านอยู่คนเดียวที่ห้องพัก และเสียงรถที่วิ่งผ่านไปมากับผู้คนที่เดินอยู่ตามท้องถนนก็ช่วยเบี่ยงความรู้สึกสับสนออกไปจากใจของคนคิดมากได้พอสมควร มือบางกระชับเป้ที่สะพายอยู่บนหลังและพยามยามปรับอารมณ์ให้ตรงกับความรู้สึก จะว่าน้อยใจก็ใช่ จะรู้สึกผิดหวังก็ไม่เชิง แต่ความจริงที่รู้อยู่เต็มอกก็คือ...ตัวเองไม่มีอะไรเหมาะสมกับผู้ที่เป็นเจ้าของโรงแรมเลยสักอย่าง
และต่อให้มีความมั่นใจว่าคนอย่างคิมจงอินจะรักเขาจริงๆ แต่คนเป็นแม่...ก็ย่อมหาสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกเสมอ
เซฮุนเข้าใจซองรยองดี...เพราะถ้าคุณพ่อคุณแม่ของเขายังมีชีวิตอยู่ ท่านก็มักจะหาสิ่งที่ดีที่สุดมาให้ ไม่ว่าจะเป็นของกิน ของใช้ ของเล่น การศึกษา ท่านให้ทุกอย่างในแบบที่คนเป็นลูกก็รับรู้ได้ว่ามันมาจากความรักที่ไม่ได้หวังสิ่งตอบแทน และผู้หญิง...ที่หน้าตาน่ารัก มีฐานะชาติตระกูลดีเพียบพร้อมแบบคุณหนูเยริมันก็เหมาะสมกับคนเป็นเจ้าของโรงแรมชื่อดังมากกกว่าพนักงานทำความสะอาด พนักงานจัดดอกไม้หรือคนธรรมดาๆอย่างเขา
“คุณครับ คุณ คุณ คุณครับบบ!!!”
เสียง...ที่เอ่ยด้วยภาษาสากลดังขึ้นท่ามกลางเสียงของรถยนต์ ผู้คน และร้านขายของข้างทางมันไม่ได้เป็นสิ่งที่ทำให้เซฮุนต้องหันไปสนใจ เพราะกำลังตกอยู่ในภวังค์ของความคิดมากจนแทบไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น นอกจากเสียงของหัวใจตัวเองที่เหมือนจะเต้นช้าลงไปเรื่อยๆ แต่ถ้าเจ้าของเสียง...ถึงกับเดินเข้ามาสัมผัสที่แขนคล้ายเป็นเชิงบอกให้หยุด เซฮุนก็คงต้องหันกลับไปมองและถามออกไปด้วยความสงสัย
“ครับ...มีอะไรเหรอครับ”
ไม่มีการตอบรับกลับมา...แต่เป็นการดึงแผนที่ออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วชี้ไปยังโรงแรมแห่งหนึ่งที่เหมือนคนหลงทางคนนี้อยากจะไป ตาเรียวคู่สวยมองทิศทางจากจุดที่ตัวเองยืนอยู่กับปลายทางที่ชายหนุ่มหน้าตาดีและน่าจะเป็นคนต่างชาติอยากจะไปด้วยความรู้สึกไม่เข้าใจ เพราะระยะทางมันไกลกันมาก แล้วถ้าหลงทางจริงๆก็น่าจะเรียกแท็กซี่หรือไม่ก็โทรบอกให้เซอร์วิสของทางโรงแรมขับรถออกมารับ?
“คุณจะไปโรงแรมจูรี่ใช่ไหม?”
“ใช่ครับ...แต่ผมกลับไม่ถูก เอ่อออ...ผมเพิ่งเคยมาเที่ยวที่นี่เป็นครั้งแรกครับ ก็เลยไม่เข้าใจเส้นทาง”
“แล้วทำไมไม่นั่งแท็กซี่กลับล่ะครับ เซอร์วิสของทางโรงแรมก็มี?”
“คะ...คือว่าผมมาเที่ยวกับแฟนครับ แล้วเราทะเลาะกันกลางทาง ผมโดนไล่ลงมาจากรถ กระเป๋าเงิน โทรศัพท์อะไรก็อยู่บนรถหมดเลยครับ ผมก็เลยยย...ไม่รู้จะทำยังไง”
“อ้าววว...”
ภาษาสากล...ถูกใช้ในการสื่อสารระหว่างคนหลงทางกับคนที่ถูกขอความช่วยเหลือ และจากตอนแรกที่สงสัยก็กลับแปรเปลี่ยนไปเป็นความสงสาร เพราะถ้าให้เซฮุนเจอเรื่องแบบเดียวกับผู้ชายคนนี้ เขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน แถมสถานที่ที่ยืนอยู่ตอนนี้ก็ไกลจากโรงแรมที่คนทะเลาะกับแฟนอยากจะไปอีกด้วย
“ผมจะทำยังไงดีครับ?!!”
“งั้นเอาแบบนี้นะครับ...คุณเอาเงินผมไปเลย ผมให้ คุณจะได้กลับไปพักผ่อน”
“ไม่ดีมั้งครับ...ให้ยืมดีกว่า ผมขอเบอร์ติดต่อคุณไว้ได้ไหม ถ้าผมถึงโรงแรมเมื่อไหร่ ผมจะรีบเอาเงินมาใช้คืนให้ทันทีเลยครับ”
“เราคงไม่เจอกันอีกแล้วล่ะครับ คุณรับเงินผมไปเถอะ ผมเต็มใจช่วย แล้วเงินก็ไม่ได้มากมายอะไร”
“คุณใจดีจัง....ขอบคุณมากนะครับ ขอบคุณจริงๆ ขอบคุณครับ”
“ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไร...ผมไปก่อนนะครับ พอดีต้องรีบกลับไปทำธุระ โชคดีนะครับ”
คนใจดี...เดินจากผู้ชายหลงทางไปโดยทิ้งคำโกหกเอาไว้เบื้องหลัง เพราะความจริงแล้วเขาไม่ได้มีธุระอะไรให้ต้องรีบกลับไปทำ ไม่ต้องรอใครกลับมาที่ห้อง ไม่ต้องเตรียมน้ำไว้ให้ใครอาบ ไม่ต้องเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้ใครเปลี่ยนและต้องกลับไปนอนที่ห้องๆเดิม ห้องที่เหมาะกับคนธรรมดาๆอย่างโอเซฮุน
❀
100%
แก้ไขเมื่อ 10/12/60
มีทอล์คและชี้แจ้งอยู่ด้านล่างด้วยนะคะ...เป็นทอล์คที่ยาวพอสมควร รีดเดอร์จะอ่านก็ได้ ไม่อ่านก็ได้ค่ะ (ตามสบายเลย ^-^)
ฟิคเรื่องนี้...ได้ทำการรีไรท์+ปรับเปลี่ยนบทในบางส่วน แต่ก็ยังคงเค้าโครงเดิมเอาไว้และจะเป็นการแก้ไขครั้งสุดท้าย
ขอบคุณนักอ่านทุกคนที่ยังคงติดตามกันเสมอ ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์ ขอบคุณทุกๆกำลังใจ ขอบคุณจริงๆค่ะ
แล้วจะเข้ามาแก้คำผิดเรื่อยๆนะคะ
รัก ♥
#ดอกไม้ของเจ้านาย
❀
-พูดคุยและชี้แจง-
***เป็นคำชี้แจงเดิม...ก่อนจะรีไรท์นะคะ ขออนุญาตไม่ลบและถ้ารีดเดอร์จะไม่อ่านก็ไม่เป็นไรค่ะ มองข้ามไปได้เลย เราเข้าใจ (: มันคือความความรู้สึกของเราตอนที่เริ่มแต่งฟิคเรื่องนี้ใหม่ๆ และโดนตำหนิจากรีดฯบางคนค่อนข้างหนัก แต่ไม่โกรธนะคะ เพราะมันทำให้เราอยากพัฒนาการเขียนให้ดีขึ้น
1. กราบขออภัยเป็นอย่างมากที่หายไปนานและต้องขอขอบคุณผู้อ่านมากๆที่ยังคงคิดถึงฟิคเรื่องนี้
2. ฟิคไม่ได้มีการรีไรท์หรือมีการเปลี่ยนแปลงบทอะไรทั้งสิ้น และที่เห็นว่ามันอัพเดตใหม่หมดทุกตอนก็เป็นเพราะเราพยายามที่จะแก้ไขคำผิดและปรังปรุงภาษาการเขียนให้อ่านแล้วไม่รู้สึกสับสนในพาร์ทต่างๆ เพราะฟิคเรื่องนี้มีทั้งการถูกติและให้คำแนะนำมาว่าอ่านแล้ว งงบ้าง มึนบ้าง แบ่งพาร์ทได้สับสนมากอ่านแล้วไม่เข้า บลา บลา ไป เราไม่โกรธเลยค่ะ และเราก็พร้อมที่จะปรับปรุงให้ฟิคมันดีขึ้นอยู่เสมอ แต่ถ้าคอมเม้นท์ที่บอกว่า ฟิคอะไรไม่เห็นจะสนุกเลยน่าเบื่อจะตาย อันนี้เราไม่สามารถแก้ไขให้ได้จริงๆ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
3. ทำไมแก้ฟิคบ่อยจัง ??? ตอบ...ไม่อยากแก้บ่อยเหมือนกันค่ะ เพราะเรารู้ดีว่าไม่มีใครอยากอ่านอะไรซ้ำๆซากๆ และถ้าถามว่าควรอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นหรือไม่ ตอบได้เลยว่า ยังไงก็ได้ค่ะเอาที่ผู้อ่านสบายใจ เพราะเราไม่ได้เปลี่ยนแปลงบท เราแค่เข้ามาแก้ไขภาษาและทวนคำผิด พร้อมแบ่งพาร์ทใหม่เพื่อให้มันอ่านได้สะดวกขึ้นเฉยๆ แต่ถ้านักอ่านท่านใดอยากลองอ่านใหม่ก็เชิญอ่านได้เลยนะคะ เพราะเราก็อยากทราบเหมือนกันว่า...แก้ไขแล้วมันดูดีขึ้นบ้างไหม? หรือว่า...ก็แย่เหมือนเดิม?
4. ถ้าการแก้ไขฟิคครั้งนี้มันแจ้งเตือนจนทำให้คนกด เฟบฯ รู้สึกรำคาญ อันนี้เราก็ต้องขอโทษทุกคนอีกครั้งนะคะ เราก็ไม่ได้อยากทำให้ผู้อ่านรู้สึกรำคาญเลยค่ะ แต่มันจำเป็นต้องทำจริงๆ
5. ส่วนคอมเม้นท์ที่ให้กำลังใจและบอกว่าฟิคของเราสนุก อันนี้เราต้องขอบคุณเป็นอย่างมากจากใจจริง เพราะบางคอมเม้นท์มันทำให้เรารู้สึกมีกำลังใจที่จะทำต่อ และบางคอมเม้นท์ก็เหมือนเป็นสิ่งที่คอยอยู่เคียงข้างเรามาเสมอ เราอ่านทุกคอมเม้นท์นะคะ แต่อาจตอบกลับไปไม่ครบและต้องขอโทษด้วยจริงๆ ส่วนคอมเม้นท์ที่ติติงหรือมีข้อแนะนำ อันนี้เราก็อ่านและไม่ได้โกรธอะไรเลย เพราะมันทำให้เราอยากปรับปรุงฟิคเรื่องอื่นๆให้ดีมากขึ้นไปอีก
6. ส่วนคอมเม้นท์ที่ด่ากันตรงๆ เช่น น่าเบื่อ น่ารำคาญ บายๆนะคะไปอ่านเรื่องดีกว่า บอกตรงๆเหมือนกันค่ะ...ว่าเสียใจ แต่ก็แก้ไขอะไรให้ไม่ได้จริงๆ เพราะความชอบของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน และเราก็ไม่เข้าใจว่าจะคอมเม้นท์ให้คนอื่นเสียความตั้งใจทำไม แล้วก็อยากให้ลองคิดกลับกันดูบ้าง ว่าถ้าวันหนึ่งคุณตั้งใจทำอะไรขึ้นมาสักอย่างแล้วมีคนมาด่าคุณแบบนี้บ้างคุณจะรู้สึกยังไง อ่านแล้วไม่ชอบหรือเห็นอะไรไม่เหมาะสมก็สามารถตักเตือนกันได้ค่ะ แต่ไม่ใช่การคอมเม้นท์หักหารความตั้งใจกันแบบนั้น เพราะไรท์(หน้าใหม่)ก็ยังไม่เก่ง และไม่รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่เราทำพลาด แล้วความชื่นชอบในเนื้อเรื่องหรือบทบาทที่เราคิดขึ้นก็คงทำให้ถูกใจใครทุกคนไม่ได้เช่นกัน ใครชอบฟิคแนวไหนก็ไปหาอ่านตามที่ชอบเถอะค่ะ แต่ถ้าฟิคของเรา...เป็นเรื่องที่นักอ่านชื่นชอบหรือรู้สึกมีความสุขถ้าได้อ่าน อันนั้นก็ถือว่าเป็นความสุขของเราเช่นกันค่ะ
7. บ่นความในใจจบแล้ว....ขอบคุณค่ะ (สวัสดี... ^-^)
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

_
สำหรับเรา ฟิคเรื่องนี้ไม่ได้น่าเบื่อหรือไม่ดีเลยนะคะ เราชอบมากๆ เพิ่งได้มาอ่านแล้วก็ทำเรานอนดึกทุกวันเลย555555 ถึงจะมีดราม่ามีปัญหาเข้ามามากมาย แต่เราก็รู้สึกว่ามันเป็นสีสันอย่างหนึ่งที่ทำให้เนื้อเรื่องดำเนินต่อไป สู้ๆ นะคะ เป็นกำลังใจให้น้า