ตอนที่ 10 : ❀ 10
ดอกไม้ดอกที่ 10
ห้างสรรพสินค้า XXX
17.42น.
หนุ่มลูกครึ่งหน้าตาดี รูปร่างสูง สมกับเป็นนายแบบมากกว่าการเป็นเจ้าของโรงแรมที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งในเกาหลี เขาเดินทางมาที่ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้เพื่อมารับสินค้าบางอย่างแต่กลับไม่ได้ของตามที่สั่งสักที และการทานอาหารเย็นสักมื้อ...มันก็น่าจะช่วยให้เจ้าของร้านมีเวลามากพอจะเร่งมือทำของสำคัญให้เขาได้ แถมงานในโรงแรมที่ยุ่งทั้งวันก็ทำให้เขาแทบไม่มีเวลาได้หาอะไรใส่ท้องนอกจากกาแฟและขนมปังเพียงไม่กี่ชิ้น
อู๋ อี้ฟาน เป็นเจ้าของโรงแรมชื่อดังอีกแห่งหนึ่งในเกาหลี แต่ถ้าให้จัดลำดับความนิยม ความพึงพอใจและรายได้ในการทำธุรกิจด้านนี้ เขาก็ยังเป็นรองคู่แข่งอย่างคิมจงอินเสมอ แต่การเป็นหนุ่มลูกครึ่ง...และมีรูปร่างหน้าตาดีมันก็ทำให้อี้ฟานต้องเป็นมากกว่าเจ้าของโรงแรมเพราะบางวันเขาต้องไปเดินแบบ ถ่ายโฆษณาหรือมีงานทางด้านวงการบันเทิงเข้ามาให้ทำอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งจะแต่งต่างไปจากจงอินโดยสิ้นเชิง และการทำงานทั้งด้านการโรงแรมหรือด้านการบันเทิงก็มักจะทำให้เขาเป็นที่หมายตาของผู้คนเกือบทุกวงการ
และเมื่ออี้ฟาน...เดินเข้ามาในร้านอาหารเขาก็ได้พบกับใครคนหนึ่ง ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นคู่แข่งกันในทุกเรื่อง ถึงแม้ตัวเขาจะเก่ง มีความสามารถในหลายๆด้านหรือเป็นเจ้าของโรงแรมที่มีชื่อเสียงไม่ต่างไปจากชายคนนั้น แต่โรงแรมของเขา...ก็ยังเทียบกับของตระกูลคิมไม่ได้ และพอคิดเรื่องนี้ทีไรก็พาลให้อารมณ์เสียทุกที แต่...!!!จากที่อารมณ์เสียก็กลับรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาเมื่อเห็นผู้ชายอีกคนที่น่าสนใจเพราะใบหน้าที่เรียวสวย ผมสีดำสนิท รอยยิ้มหวานและมือบางที่ถูกกุมไว้ลอดเวลา
ไม่รู้ว่าจงอินพาใครมาด้วย...แต่ดูจากสายตาก็น่าจะเดาได้ไม่อยากว่าเป็นคนสำคัญเพราะการจับมือกันไว้ รอยยิ้มที่มอบให้หรือแม้กระทั้งการสัมผัสแก้มกันเบาๆ ทุกอย่างมันชัดเจนโดยไม่ต้องให้ใครไปสืบทั้งนั้น อี้ฟานแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าคนอย่างคิมจงอินจะกล้าพาใครออกมาในที่แบบนี้ แถมผู้ชายหน้าสวยคนนั้นก็ยังช่วยจัดการปัญหาที่ลูกค้าคนอื่นได้ก่อเอาไว้จนทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ
อี้ฟาน...มองทุกการกระทำของเซฮุนแบบไม่วางตาเพราะกิริยาท่าทางในการทานอาหารมันดูเป็นธรรมชาติมากๆทั้งที่บนโต๊ะมีการจัดวางทั้งช้อน ทั้งส้อม ทั้งแก้วน้ำเรียงกันอยู่มากมาย มีดทาเนย มีดสำหรับทานปลาหรือจะเป็นช้อนที่ใช้ทานซุปก็สามารถหยิบจับขึ้นมาใช้ได้อย่างคล่องแคล่ว ยิ้มร้ายปรากฏขึ้นมาบนหน้าหล่อทันทีเพราะคนที่แต่งตัวดูธรรมดาๆราคาถูกกลับรู้จักมารยาทในการทานอาหารแบบตะวันตกได้เป็นอย่างดี และไม่มีอาการประหม่าให้เห็นเลยสักนิด
และรอยยิ้มหวานๆ...ที่มีให้กับคนข้างกายพร้อมการจับมือกันเดินออกไปจากร้านก็ทำให้คนที่เพิ่งตักสเต็กเข้าปากไปได้ไม่กี่คำต้องรีบจ่ายเงินค่าอาหารมื้อนี้แล้วเดินตามคนทั้งคู่ไปทันที อี้ฟานเว้นระห่างในการติดตามเพราะเกรงว่าจงอินจะรู้ตัว และทุกอย่างที่เฝ้ามองอยู่นานก็ทำให้ไม่ต้องเดาอะไรอีกแล้วว่าเจ้าของหน้าเรียวสวยคนั้นสำคัญกับจงอินมากแค่ไหน การเดินจับมือ โอบเอวหรือไม่ปล่อยให้กายสักเสี่ยวนาทีก็คือสิ่งที่บ่งบอกสถานะเอาไว้หมดแล้ว และเมื่ออี้ฟานเห็นเซฮุนเดินแยกตัวออกไปที่ร้านหนังสือ...เขาจึงรีบเดินตามไปทันที
ขายาวสมส่วนในกางเกงยีนส์ยี่ห้อดัง...รีบเดินตามคนที่ตัวเองอยากรู้จักเข้ามาถึงโซนขายหนังสือประเภทการจัดสวน และเมื่อได้เห็นใบหน้าเรียวสวยใกล้ๆก็ยิ่งทำให้อยากรู้จักมากขึ้นไปอีก แถมปากบางสีหวานที่กำลังบ่นถึงสิ่งที่หาไม่เจออยู่คนเดียวพร้อมแสดงสีหน้าเคร่งเครียดก็ทำให้คนแอบมองคิดว่าน่ารักอย่างบอกไม่ถูก แล้วริมฝีปากสีหวานโดยธรรมชาติแบบนั้นก็น่าสัมผัสไม่ใช่น้อย แต่!!...ความคิดต่างๆที่กำลังเตลิดไปไกลก็จำเป็นต้องหยุดไว้แค่นั้นเมื่ออี้ฟานเห็นคนที่ยืนเลือกหนังสืออยู่นานเสียการทรงตัวจากการถูกชายวัยรุ่นเดินเข้ามาชนเต็มแรง และกำลังจะล้มลงมาพร้อมกับหนังสือเล่มใหญ่ เขาจึงรีบดึงให้เข้ามาอยู่ในอ้อมอกแล้วใช้ท่อนแขนข้างหนึ่งบังหนังสือเล่นนั้นเอาเพื่อไม่ให้มันหล่นลงมาใส่หัวคนที่อยู่ในอ้อมกอด
และจากการช่วยเหลือในครั้งนี้...ก็ทำให้อี้ฟานได้คำตอบที่แน่ชัดว่าผู้ชายหน้าสวยคนนี้เป็นคนรักใหม่ของคิมจงอิน เพราะเมื่อถูกแรงดึงให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอด กระดุมของเสื้อเชิ้ตราคาถูกๆก็หลุดจนเผยให้เห็นรอยแดงบนแผ่นอกขาวเนียน แถมกลิ่นหอมอ่อนๆที่สัมผัสได้อยู่แถมซอกคอก็พลอยทำให้เกิดความติดใจ แต่เมื่อต่างคนต่างได้สติ...อี้ฟานก็เริ่มจะแนะนำตัวรวมถึงเริ่มจะทำความรู้จักกับคนตัวหอมให้มากกว่านี้ และจากกิริยาท่าทางในร้านอาหาร การช่วยจัดการปัญหากับลูกค้าต่างชาติหรือแม้กระทั้งการเดินเลือกซื้อหนังสือจัดดอกไม้ ทุกๆอย่างมันดูขัดแย้งจนทำให้กลายเป็นคนที่น่าค้นหา
แต่สิ่งที่คิดไว้!!!...ก็คงเป็นได้แค่ในความคิด เพราะคนที่น่าค้นหาได้ถูกเจ้าของตัวจริงมากระชากกลับไปด้วยความหึงหวง
อี้ฟาน...รู้จักนิสัยของฝ่ายตรงข้ามดีว่าเป็นเช่นไร ใจร้อน เจ้าอารมณ์ โมโหร้ายหรือขี้หวงแค่ไหนก็ทราบทุกอย่าง แต่จะให้มีปากเสียงกันในที่สาธารณะก็คงไม่ใช่เรื่องที่ดีนักเพราะเขาและจงอินต่างก็เป็นที่รู้จักในสังคม ถ้าบังเอิญมีนักข่าวมาเห็นเหตุการณ์ในวันนี้...มีหวังได้ขึ้นหน้าหนึ่งจนต้องออกมาแก้ข่าวกจนวุ่นวายและอาจส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของโรงแรม อี้ฟานจึงพยายามไม่ตอบโต้กับคนที่กำลังอารมณ์ร้อน แต่ก็ไม่ได้ละความสนใจไปจากเซฮุนเช่นกัน
อี้ฟาน...มองตามคนที่ตัวเองสนใจถูกลากออกไปจากร้านหนังสือ และคิดว่าไม่ได้เห็นอะไรแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วเพราะตั้งแต่จงอินเลิกกับแฟนเก่าไปเมื่อหลายปีก่อน เขาก็ไม่เคยเห็นเจ้าของโรงแรมคนนี้พาใครออกมาเปิดตัว พามาทานข้าวหรือพามาเดินเล่นแบบนี้อีกเลย และทุกๆอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้มันก็ทำให้อู๋อี้ฟานไมรู้สึกเบื่ออีกต่อไป ของที่สั่งแต่ยังไม่ได้ก็ช่างหัวมัน ทานเสต็กยังไม่อิ่มก็ไม่เป็นไรและการประชุมในช่วงเย็นก็ยกเลิกไปได้เลยเพราะแฟนใหม่ของจงอินมันน่าสนใจกว่าอะไรทั้งหมด
“หึ!!...เด็กมึงต้องเป็นของกู”
❀
ห้างสรรพสินค้า เชจู
18.47 น.
หลังจากรับปาก...เรื่องการเป็นแฟนกับคนตัวเล็ก ทุกอย่างในชีวิตก็ค่อยๆเปลี่ยนไปและต้องเริ่มปรับตัวเข้าหากันมากขึ้น ตอนแรกก็คิดว่าอิสระที่เคยมีจะหายไปหมด ต้องโทรหา ต้องซื้อของให้หรือต้องคอยเอาอกเอาใจเหมือนอย่างที่เคยถูกสาวหลายๆคนร้องขอ แต่สิ่งที่เคยคิด...กลับไม่ได้เป็นแบบนั้นเลยสักนิด ทุกๆอย่างยังคงเป็นเหมือนเดิม อยากทำอะไรก็ทำ อยากไปไหนก็ไป ทำงานดึกแค่ไหนก็ไม่มีใครโทรตามและสิ่งที่เปลี่ยนไปเพียงอย่างเดียวก็คือ...ถูกเอาใจใส่จากคนที่ไม่เคยชอบหน้ากัน
ชานยอลรู้สึกแปลกใจ...ที่ชีวิตของตัวเองตอนนี้มันไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยสักอย่าง เขายังมีอิสระเหมือนเดิม แต่ที่มีเพิ่มเติมก็คือมีคนคอยดูแล คอยเป็นห่วง คอยถามไถ่ว่าวันนี้เป็นอย่างไร? เหนื่อยไหม?? อยากกินอะไรหรือเปล่า??? หรือแม้กระทั่งการส่งข้อความมาบอกฝันดี ชานยอลไม่เคยคิดว่าคนตัวเล็กจะใส่ใจเขามากถึงเพียงนี้ และถึงจะไม่ได้มาดูแลเหมือนอย่างที่คู่รักคนอื่นๆเช่น ต้องกินข้าวด้วยกัน นอนด้วยกันหรือมีกิจกรรมที่ต้องทำร่วมกันบ้างในบางครั้ง แต่การเอาถูกเอาใจใส่จากคนที่ไม่ชอบหน้ากันมาก่อนมันก็ทำให้รู้สึกดีอยู่ไม่ใช่น้อย
ทุกๆวันที่มาทำงาน...บนโต๊ะของเขาก็จะเต็มไปด้วยของบำรุงร่างกาย กล่องข้าวที่บรรจุแต่ของมีประโยชน์เอาไว้มากมาย และยังมีเครื่องดื่มอย่างเกลือแร่และเยลลี่อีกแพ็ค ปกติชานยอลจะไม่ค่อยชอบทานขนมหวาน แต่เยลลี่รสองุ่น...มันก็อร่อยดีเหมือนกัน ของพวกนี้มักจะวางอยู่ในห้องทำงานโดยที่คนให้ไม่เคยอยู่รอฟังคำขอบคุณจากเขาเลยสักครั้ง และเป็นเขาเสียมากกว่าที่ต้องเข้าไปป่วยคนตัวเล็กที่ห้องทำงาน แต่ก็จะกวนได้เฉพาะตอนที่คุณอาจีซบไม่อยู่เท่านั้น แล้วตอนนี้...จากความคิดที่อยากจะมีอิสระไปตลอดชีวิตก็ค่อยๆจางหายไปจากจิตใจของวิศวกรหนุ่มทีละน้อย ทีละน้อย
และจากที่ถูกเอาใจใส่อยู่ฝ่ายเดียว...ก็ทำให้เขาอยากพาแบคฮยอนมาเที่ยวบ้างเพราะตั้งแต่ตกลงเป็นแฟนกัน เขากับคนตัวเล็กก็ไม่ค่อยได้ออกไปไหนด้วยเหตุผลของงานที่เยอะจนแทบไม่มีเวลา
วิศวกรหนุ่ม...เดินตามแฟนใหม่ที่กำลังเลือกซื้อของโดยไม่รู้สึกเบื่อ เพราะปกติเขาก็ไม่ค่อยได้ออกมาเดินห้างบ่อยนัก แถมของใช้ส่วนตัวที่คอนโดก็เหลือน้อยลงไปทุกที เบียร์ น้ำเปล่า ยาสระผม ครีมอาบน้ำ ทุกอย่างมันต้องซื้อติดไว้ก่อนที่จะหมด และเมื่อได้ของที่ต้องการครบแล้ว...ชานยอลก็เข็นรถออกมายืนรอคนตัวเล็กที่ขอแวะซื้อขนมก่อนกลับบ้าน แล้วที่ตามเข้าไปไม่ได้ก็เพราะต้องเฝ้าของที่อยู่ในรถเข็น แถมร้านขายเครื่องดื่มร้านนี้ก็สีหวานแหว๋วจนไม่กล้าตามเข้าไปด้านใน
“พี่ชานยอลจะกินน้ำอะไรดีฮะ เดี๋ยวน้องแบคไปซื้อมาให้”
“น้องแบคกินอะไร พี่ก็กินแบบนั้นแหละ แต่อย่าซื้อเยอะนะครับ เดี๋ยวกินไม่หมด”
“โอเค...งั้นพี่ชานยอลรอแป๊บนึงนะฮะ เดี๋ยวน้องแบคไปซื้อกาแฟมาให้”
และคำว่า “แป๊บเดียว” มันก็ฟังดูไม่น่าเชื่อถือสักเท่าไหร่เพราะเมื่อมองตามแฟนใหม่เข้าไปด้านในก็พบกับลูกค้ามากมายที่ต่อคิวกันซื้อของจนแน่นร้านไปหมด ชานยอลพยายามมองหาคนที่เดินหายเข้าในร้านขายเครื่องดื่มด้วยความรู้สึกเป็นห่วง เนื่องจากแบคฮยอนตัวเล็กมากจนถูกคนนั้นคนนี้เบียดแล้วก็หายไปจากสายตาของเขาทั้งๆที่คอยมองอยู่ตลอดเวลา และ.......
“ชานยอลลล...”
จุ๊บบ!!
ความเป็นห่วง...ทำให้จำเป็นต้องทิ้งรถเข็นเอาไว้หน้าร้านและเดินเข้าไปหาแบคฮยอนด้านใน แต่ก็ยังไม่ทันได้ทำอะไรเลยสักอย่าง ขาทั้งสองข้างก็ต้องหยุดค้างไว้เพียงก้าวแรกเมื่อได้ยินเสียงเรียกที่มาพร้อมกับการถูกดึงตัวมาหอมแก้ม??
“นานะ!!”
“คิดถึงจังเลยค่ะ ชานยอลไม่ค่อยไปหานานะที่ห้องเลย นานะน้อยใจนะ”
“ปล่อยผมก่อนครับ ตอนนี้ผมไม่สะดวกคุย เดี๋ยววันหลังผมโทรจะหาแล้วกัน...ตกลงไหม?”
“ไม่เอาค่ะ...อุตส่าห์ได้เจอชานยอลทั้งที วันนี้ชานยอลไปกับนานะ นะคะ นะคะ”
ไม่คิด...ว่าจะได้เจอเธอที่นี่และไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีกแล้วเพราะระหว่างเราทั้งคู่มันเป็นอะไรไปไม่ได้นอกคู่นอน มันอาจฟังดูเห็นแก่ตัวหรือไม่ให้เกียรติผู้หญิงคนนี้ แต่ผู้หญิงดีๆที่ไหนจะดึงผู้ชายมาหอมแก้มในที่สาธารณะ?? และการเจอกันครั้งก็เป็นที่ผับแห่งหนึ่งพร้อมการให้เบอร์ติดต่อไว้กับพนักงงานในร้าน เสนอตัวมาขนาดนี้...มันเลยต้องสนอง แล้วก็ไม่ได้คิดจะจริงจังซึ่งเธอก็เข้าใจดี แต่เวลานี้เหมือนเธอจะไม่เข้าใจอะไรเลย
ชานยอลเริ่มรู้สึกอึดอัดเพราะวันนี้เขาไม่ได้มาคนเดียว...และถึงแม้จะไม่ได้โกรธหรือเกลียดในสิ่งที่เธอกระทำแต่มันก็เริ่มรู้สึกไม่พอใจ ยิ่งพยายามพูด พยายามอธิบาย พยายามบอกเหตุผลด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล แต่ยิ่งพูดก็ยิ่งทำให้เธอกอดแขนเขาแน่นขึ้นกว่าเดิมแถมยังเอียงศีรษะมาซบไว้บนไหล่ ชานยอลเพิ่งรู้...ว่าร้องเท้าส้นสูงของผู้หญิงมันมีประโยชน์ไว้เพื่ออะไรก็ตอนนี้ ขนาดตัวเขาสูงเกือบจะสองเมตร...นานะยังเอนกายมาซบที่ไหล่ได้อย่างง่ายดาย
และภาพ...ที่หญิงสาวคนหนึ่งยืนเกาะแขนพร้อมกับการหอมแก้มวิศวกระประจำโรงแรมก็ถูกเจ้าของดวงตาเรียวเล็เห็นมาตั้งแต่แรก
ใช่ว่าไม่อยากรู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร...แต่มันก็คงไม่ต้องถามเพราะถ้าไม่ใช่แฟนกันจริงๆก็คงไม่กล้าทำแบบนี้ในที่สาธารณะ อยากขอบคุณที่อุตสาห์พาเขามาซื้อของ อยากตอบแทนที่ช่วยจ่ายค่าของใช้มากมายให้...ทั้งครีมอาบน้ำ ครีมทาผิวหรือของใช้ส่วนตวอีกมากมาย และกาแฟแก้วนี้ก็ซื้อให้เพราะทราบดีว่าคนที่ยืนอยู่หน้าร้านพร้อมหญิงสาวชอบทานมากกว่าเครื่องดื่มหวานๆอย่างน้ำผลไม้ปั่น และเย็นนี้ที่นัดกันไว้ว่าจะไปทานมื้อค่ำที่บ้านพร้อมกับคุณพ่อของเขาก็คง...จบกัน
มันไม่ได้หึง ไม่ได้โกรธ แล้วก็...ไม่ได้หงุดหงิด แต่มันทำตัวไม่ถูกและรู้สึกสับสนมากกว่า มือบางที่ถือแก้วเครื่องดื่มแบบปั่นเอาไว้ข้างหนึ่งมันเริ่มรู้สึกชา เพราะขาทั้งสองมันก้าวไม่ออกเมื่อเจอกับสถานการณ์ที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น ส่วนอีกมือ...ที่ถือแก้วเครื่องดื่มร้อนมันก็คงไม่ร้อนเท่าใจของเขาในตอนนี้ ใจมันร้อนเหมือนถูกไฟสุมเพราะคิดว่าการตกลงเป็นแฟนกับชานยอลหรือการบังคับให้ใครสักคนมาคบกันอาจเป็นเรื่องที่ตัวเองทำเกินกว่าเหตุ? ชานยอลอาจมีแฟนอยู่แล้ว?? อาจแค่อยากรับผิดชอบ???
หรือแค่......
คนคิดมาก...พยายามตั้งสติและปัดความสับสนในใจออกไปก่อน แล้วก้าวขาเดินออกมานอกร้านเมื่อได้เครื่องดื่มและขนมต่างๆมาครบแล้ว แบคฮยอนเดินไปด้วยความระมัดระวังเพราะมือมันสั่นจนเกินควบคุม ขาทั้งสองข้างก็คล้ายว่าจะไม่มีแรงแถมในหัวก็ยังมีเรื่องนั้นเรื่องนี้เข้ามากวนใจ
“ลาเต้ร้อนหวานน้อยฮะ”
“แล้ววว...นี่ใครคะชานยอล??!”
หญิงสาว...ในชุดเดรสสั้นสีดำถามออกไปด้วยความสงสัยเพราะเธอก็รู้จักเพื่อนๆของชานยอลทุกคน แต่เธอ...ไม่เคยเห็นหน้าผู้ชายตัวเล็กที่นี้เลยสักครั้ง ส่วนแบคฮยอนก็รีบส่งเครื่องดื่มให้คนตรงหน้าและการที่ชานยอลไม่มีทีท่าที่ผลักไสหรือปัดป้องมือเรียวที่ยังคงคล้องแขนตัวเองเอาไว้ก็ยิ่งพาลให้ความสับสนมันมีมากขึ้นจนเริ่มทนไม่ไหว มันอึดอัด มันสับสนและไม่อยากยืนอยู่ตรงนี้อีกต่อไปแล้ว
“เอ่อออ คือคนนี้ปะ...เป็น”
และ...การตอบข้อสงสัยของหญิงสาวด้วยความลังเล พูดจาติดขัดหรือแนะนำตัวเขาได้เต็มปากก็ยิ่งพาลให้ความสับสนแปรเปลี่ยนไปเป็นความสมเพช แบคฮยอนไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับตัวเองมาก่อน การบังคับให้ชานยอลมาเป็นแฟนและให้รับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยวิธีเช่นนนี้มันคงทำให้การตอบคำถามในเรื่องความสัมมพันธ์ระหว่างเรากลายเป็นเรื่องยาก และผู้หญิงคนนี้ก็คงเป็น “แฟนตัวจริง” ที่กำลังคบหากันอยู่....ซึ่งไม่ใช่แฟนที่เป็นโดยการถูกบังคับเหมือนอย่างตัวเขา
“สงสัยพี่ชานยอลคงไม่ว่างไปกินข้าวกับ ผม แล้วล่ะ งั้น...ผม กลับบ้านก่อนนะ”
พยายาม...จะกลั้นน้ำตาเอาไว้แต่ก็เหมือนมันจะไหลออกมาจนได้ มันรู้สึกเจ็บ สับสนและเสียใจเกินกว่าจะควบคุมตัวเอง แบคฮยอนรีบเอ่ยลาก่อนหยิบของในรถเข็นออกมาถือไว้ด้วยท่าทางร้อนรนเพราะไม่สามารถยืนอยู่ตรงนี้ได้อีกแล้ว และยิ่งร้องไห้มากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกสมเพชตัวเองมากขึ้นเท่านั้น มือทั้งสองข้างถือของมากมาย ขาทั้งสองข้างวิ่งตรงไปอย่างไร้จุดหมาย และเรื่องที่เกิดขึ้นก็พาลให้คิดไปไกลว่าการที่ชานยอลยอมตกลงเป็นแฟนกับเขาก็เพราะ...อยากแกล้งกันอีกตามเคย
ใคร...จะยอมทำตามข้อตกลงแบบนี้ง่ายๆถ้าไม่ใช่เพื่อการเอาคืน
Rrrrr!!
Rrrrr!!
Rrrrr!!
(ว่าไง...เจ้าลูกชายตัวแสบ)
“ฮึกก! พ่ออยู่ไหน ฮึกก!! มารับแบคที่ห้างXXXหน่อย แบคจะรออยู่ที่XXนะฮะ ฮึกก!! แบคอยากให้พ่อมารับ”
(แบค...ใจเย็นๆก่อนนะลูก ตอนนี้พ่อเพิ่งออกมาจากสนามบิน แบครอพ่อก่อนนะ พ่อจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย)
“พ่อรีบมาเลยนะ...ฮึกก!!”
และ...ผู้เป็นที่พึ่ง ผู้เป็นทุกอย่าง ผู้ที่รักเขามากที่สุดก็คือคุณพ่อ แบคฮยอนวิ่งหนีจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัดมาจนถึงร้านขายอัญมณีร้านหนึ่งและรีบโทรหาจีซบทันทีเพราะตอนนี้มันไม่มีแรงจะเดินไปไหนอีกแล้ว แถมในใจก็ยังมีแต่คำถามมากมายที่พาให้สับสน ชานยอลมีแฟนแล้ว? และเรื่องที่ตกลงกันไว้ล่ะ?? เราคงไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วสินะ?? สมองเหมือนจะทำงานหนัก...มันคิดนั่นคิดนี่วนไปวนมาอยู่อย่างนั้น
ส่วนคน...ที่ถูกปล่อยให้ยืนอยู่กับหญิงสาวและกาแฟหนึ่งแก้วก็ไม่รู้จะจัดการกับสถานการณ์แบบนี้เช่นไร แต่เขาอยากให้คนตัวเล็กโวยวายออกมาเหมือนที่เคยทำตอนพบกันครั้งแรกมากกว่าการยื่นเครื่องดื่มมาให้และจากไปด้วยคำพูดที่เรียบเฉย แถมใบหน้าที่แสนเศร้าและน้ำตาไหลลงมาอาบแก้มเนียนก็คือสิ่งสุดท้ายที่ทำให้เขาเริ่มรู้สึกผิด รอยยิ้มที่แสนน่ารักมันหายไปหมด เสียงบ่นที่เคยได้ยินจนรำคาญหูก็ไม่มีและตอนนี้ก็ไม่รู้จะปรับความเข้าใจกันเช่นไรในเมื่อแบคฮยอนวิ่งหนีเขาไปแล้วทันได้ปรับ
คน...ที่เคยเป็นโสดมานานรู้สึกวูบโหวงในใจอย่างบอกไม่ถูก มันทั้งรู้สึกผิด เสียใจและอีกสารพัดที่ยังหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้ ชานยอลยอมรับว่าเขายังไม่ชินกับการที่ต้องแนะนำใครสักคนในฐานะแฟน แถมการมีแฟนในครั้งนี้มันก็เกิดจากเรื่องที่สร้างขึ้นเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของคนที่ถูกทำร้ายในผับเมื่อหลายคืนก่อน และข้อเสนอหรือข้อตกลงเรื่องการเป็นแฟนก็ทำให้เกิดความไม่แน่ใจว่าแบคฮยอนจะจริงจังกับเรื่องนี้มากแค่ไหน? มันจะเป็นเพียงแค่อยากจะหาคนมารับชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้นเท่านั้นหรือไม่?? และความสัมพันธ์ของเรามันจะดีกว่าที่เป็นอยู่ไหม??? ทุกๆอย่างคือสิ่งที่ทำให้ชานยอลเกิดความไม่แน่ใจ
แต่.....
ถึงจะไม่แน่ใจ...ชานยอลก็ต้องรีบหยิบของในรถเข็นหลังจากที่จัดการกับนานะเรียบร้อย และเดินตามหาคนตัวเล็กอย่างไม่ลดละ แววตาเศร้าหมองของคนที่เดินจากไปยังคงเป็นภาพที่ฝังอยู่ในใจ แล้วน้ำตาหรือแม้กระทั้งการเอ่ยลาด้วยถ้อยคำที่ไร้ซึ่งการตำหนิก็ยิ่งพาให้อยากปรับความเข้าใจ แถมสรรพนานที่เคยเรียกเขาว่า “พี่” แต่แทนตัวเองว่า “ผม” ก็เป็นสิ่งสร้างความไม่พอใจให้มากที่สุด จากเด็กที่เป็นตัวแสบของคุณพ่อ จากที่ชอบแผลงฤทธิ์ใส่กันและจากที่เคยใส่ใจเขาในทุกๆเรื่องก็กลับกลายเป็นการเฉยชา
...
...
...
ปึ่กก!!
“ขอโทษครับ พอดีผมไม่ทันมะ...มอง อ้าววว!!!...คุณอา?”
เดินตามหา...คนตัวเล็กอยู่นานจนไม่ทันได้ดูหน้าดูหลังให้ดีว่ากำลังมีใครเดินเลี้ยวเข้ามาในห้าง และเป็นเพราะกำลังกดโทรศัพท์ในมือไปด้วยเพื่อส่งข้อความจึงทำให้ไม่ได้ระวังตัว อยากปรับความเข้าใจแต่โทรไปไม่รับ อยากอธิบายแต่ข้อความไปหาเท่าไหร่ก็ไม่ตอบจนกระทั่ง...มาพบกับจีซบโดยบังเอิญ
“หาเจ้าแบคอยู่เหรอ...คุณชานยอล?!!”
“คะ...ครับ พอดีมีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย น้องก็เลยหนีผมไป ผมโทรหาก็ไม่ยอมรับสาย คุณอาช่วยโทรหาน้องให้ผมหน่อยนะครับ”
“ไม่ต้องโทรหรอกคุณชานยอล นั่นไง!!...น้องเดินมานู้นแล้ว”
เมื่อหันกลับไปมองทางด้านหลัง...ก็เห็นดวงตาคู่สวยแดงก่ำจนดูน่าสงสาร และยิ่งได้เห็นแบบนั้นก็ยิ่งทำให้ชานยอลรู้สึกผิด ขายาวในกางเกงยีนส์สีเข้มรีบเดินเข้าไปหาเพื่อหวังจะปรับความเข้าใจพร้อมช่วยถือของ แต่...คนตัวเล็กกลับเบี่ยงกายก่อนวิ่งไปยืนด้านหลังของคุณพ่อด้วยความรวดเร็ว จีซบทำได้เพียงส่ายหน้าให้กับสิ่งที่เห็นและพอจะเดาเหตุการณ์ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้มันยังไม่ใช่เวลาที่ต้องมาสอบถามหรือเค้นเอาคำตอบจากใคร และอยากให้เด็กทั้งสองคนยอมรับสารภาพความจริงบางอย่างกับเขามากกว่า
แอบคบกันแต่ไม่ยอมบอก...และพอมีเรื่องก็หนีไม่พ้นพ่อคนนี้
“น้องแบคครับ...คุยกับพี่ชานยอลก่อนได้ไหม?”
“...............”
บรรยากาศตอนนี้มันช่างน่าอึดอัดและคนที่รู้สึกอึดอัดมากที่สุดก็คือ...ปาร์คชานยอล เพราะการทำให้คนตัวเล็กเสียใจ ปัญหาที่เกิดขึ้นและเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเราที่ยังไม่ได้บอกให้ผู้ใหญ่รับทราบ ทุกๆอย่างมันทำให้การปรับความเข้าใจกลายเป็นเรื่องยาก มันรู้สึกผิดที่ทำให้คนเป็นลูกเสียใจและรู้สึกผิดต่อคนเป็นพ่อที่ปิดบังเรื่องต่างๆเอาไว้มากมาย
“คุณชานยอล...อาว่าเอาไว้คุยกันวันหลังก็แล้วกันนะ อาขอล่ะ”
“ครับคุณอา...ผมขอโทษด้วยนะครับที่ดูแลน้องไม่ดี”
“ไม่เป็นไร งั้นอาขอตัวกลับก่อนนะ”
“ครับ...สวัสดีครับคุณอา”
แรงกระตุกเสื้อจากทางด้านหลังของผู้เป็นพ่อ...ทำให้จีซบต้องรีบตัดบทเพื่อความสบายใจของลูกชาย แถมการร้องไห้จนตาแดงไปหมดแบบนั้นก็ทำให้ใจของพ่อคนนี้เจ็บไม่ใช่น้อย ชานยอลอาสาเดินมาส่งผู้ใหญ่ถึงลานจอดรถ มือหนาเปิดประตูฝั่งผู้โดยสารเพื่อให้ลูกชายของท่านเข้าไปนั่ง แล้วลูบกลุ่มผมสีอ่อนที่ตัวเองก็ทราบดีว่ามันทั้งนุ่มและหอมมากแค่ไหนด้วยความเป็นห่วง พร้อมกับมองรถที่ค่อยๆเคลื่อนตัวออกไปอย่างช้าๆ และความอบอุ่นที่ผู้ถูกสัมผัสได้รับก็พาให้น้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง แบคฮยอนรีบปิดเปลือกตาลงทันทีเพราะไม่อยากให้คุณพ่อรู้ว่าเขากำลังอ่อนแอ
❀
เชจู
06.00น.
หลังจากเกิดปัญหาขึ้นเมื่อหลายวันที่ก่อน...แบคฮยอนก็พยายามหลบหน้าคนที่ทำให้ตัวเองร้องไห้มาตลอด เพราะไม่อยากรับความรู้สึกอะไรเข้ามาในจิตใจอีกแล้ว และไม่อยากให้คุณพ่อรู้สึกแย่ตามไปด้วย สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น...เขาก็คิดว่าตัวเองไม่ได้รู้สึกหึงหวงเหมือนอย่างที่คนมีแฟนทั่วไปต้องรู้สึก แต่มันแค่รู้สึกเสียใจ อาย และสมเพชตัวเองมากกว่าเพราะถึงแม้ข้อตกลงเรื่องการเป็นแฟนจะเกิดขึ้นจากความเมา ความผิดพลาดหรือจะอะไรก็ตาม แต่เขาก็พยายามทำหน้าที่ของแฟนด้วยความเต็มใจมาตลอด
ทุกๆวัน...คนที่ไม่เคยมีแฟนมาก่อนพยายามปรับตัวและยอมเรียกชานยอลว่าพี่ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นต่างคนต่างก็ไม่ชอบหน้ากัน เจอทีไรก็ทะเลาะกันทุกที มีปากเสียงกันทุกครั้ง แต่พอหลังจากเกิดเรื่องในคืนวันนั้นเขาก็ค่อยๆเรียนรู้ที่จะใส่ใจคนอื่น ไม่โวยวาย ไม่เถียงฉอดๆ พูดเพราะและเข้าใจในเนื้องานของอีกฝ่ายเป็นอย่างดีว่าไม่ค่อยมีเวลา ขนาดพ่อของเขาที่เป็นเพียงลูกจ้างยังเดินทางบ่อยขนาดนี้ แล้ววิศวกรประจำโรงแรมจะบ่อยแค่ไหน แล้วโรงแรมในเครือตระกูลคิมก็ไม่ได้มีเพียงสาขาเดียวให้ปรับปรุง ส่วนเรื่องเวลาก็ไม่ต้องพูดถึง...มีให้มากหรือน้อยก็ไม่ใช่ปัญหา แต่ที่เป็นปัญหาก็คือการไปบังคับคนที่มีแฟนแล้วให้มารับข้อเสนอของตัวเอง
ขอโทษ...ที่คิดน้อยเกินไป ขอโทษ...ที่เอาแต่ใจตัวเอง และขอโทษ...ที่ไปแย้งแฟนของคนอื่น
เช้านี้...แบคฮยอนตื่นมาอาบน้ำเตรียมตัวไปทำงานตามปกติ และมีคุณพ่อนั่รออยู่ที่โต๊ะอาหารเหมือนเช่นทุกวัน คนเป็นลูกนั่งทานข้าวโดยไม่พูดไม่จา ไม่ยิ้มและไม่เหมือนแบคฮยอนคนเดิม จีซบเริ่มรู้สึกเป็นห่วงเพราะปกติลูกชายจะต้องหอมแก้มเขาทุกเช้าและก่อนเข้านอนทุกคืน แต่หลายวันมานี้หรือตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นที่ห้างสรรพสินค้า...เจ้าตัวก็เอาแต่เงียบมาตลอด
“แบคคค...มีอะไรอยากจะเล่าให้พ่อฟังหรือเปล่า? แบคกำลังทำให้พ่อเป็นห่วง รู้ตัวใช่ไหม?”
“รู้ฮะ แบคขอโทษ...แต่แบคไม่เป็นไรฮะคุณพ่อ”
“แล้ววันก่อนมีปัญหาอะไรกับคุณชานยอลถึงขั้นต้องร้องห่มร้องไห้...แล้วแบคก็รู้ใช่ไหมว่าแบคโกหกพ่อไม่เก่ง??!!”
“ขอโทษฮะ...งั้นแบคขอถามอะไรคุณพ่อหน่อยได้ไหม คือสมมุติว่า...แบคกับเซฮุนเป็นแฟนกัน แล้วแบคเห็นเซฮุนจูบกับผู้หญิงคนอื่น พ่อคิดว่าเซฮุนทำผิดหรือเปล่าฮะ”
“อย่าเพิ่งตัดสิน...ว่าใครผิดใครถูกถ้ายังไม่รู้ความจริง แล้วแบคได้ฟังเหตุผลของเซฮุนก่อนหรือเปล่า สิ่งที่เห็นอาจไม่ได้เป็นแบบที่เราคิดก็ได้ ถ้าแบคฟังเหตุผลของอีกฝ่ายแล้วมันเป็นเรื่องที่ไม่น่าให้อภัย แบคก็สามารถโกรธเซฮุนได้ แต่ถ้าสิ่งที่เห็นกับเหตุผลของเซฮุนมันเป็นคนละเรื่องกัน แบคต้องเปิดใจหน่อย...แล้วก็ให้อภัยกันนะลูก คนเป็นแฟนกันมีเรื่องทะเลาะกันบ้างมันก็เป็นเรื่องปกติ เราควรหันหน้ามาคุยกันนะลูก ไม่อย่างนั้นเราก็จะคิดไปเองอยู่แบบเนี้ย แล้วก็ไม่เข้าใจสักที พ่อกับแม่ก็เคยทะเลาะกันบ่อย แต่เราก็ให้อภัยกันเสมอ ทุกคนทำผิดพลาดกันได้ และแบคก็โตแล้วนะลูก หัดเปิดใจให้มันกว้างๆและอย่ามองอะไรเพียงแค่ด้านเดียว”
“แล้ววว...ถ้าแบคเป็นแฟนกับเซฮุน แต่มารู้ทีหลังว่าเซฮุนมีแฟนอยู่แล้ว งั้นก็แสดงว่าแบคผิดใช่ไหม?”
“คำตอบเดิม...เปิดใจคุยกัน อย่าคิดอะไรไปเอง แล้วแบคจะได้คำตอบ”
“แบคเข้าใจแล้วฮะ...ขอบคุณนะฮะคุณพ่อ”
ใช่ว่าไม่รู้...ว่าสิ่งที่ลูกกำลังสมมุตินั้นหมายถึงใคร แต่ก็อย่างที่บอก...จีซบต้องการให้เด็กทั้งสองคนมาสารภาพความจริงกับเขาเอง และการที่ลูกโตแล้วพ่ออย่างเขาจึงไม่อยากไปกีดกันหรือห้ามปรามจนเรื่องมันบานปลาย ส่วนแบคฮยอนก็ใช่ว่าจะไม่อึดอัดเพราะเขาไม่เคยมีความลับกับคุณพ่อเลยสักเรื่อง แต่เรื่องนี้มันยากเกินจะอธิบาย มันซับซ้อนและต้นเหตุก็มาจากการหนีเที่ยวของลูกคนนี้ ถ้าไม่หนีเที่ยว ถ้าไม่เมา ถ้าไม่ไปจูบชานยอลในคืนนั้น ข้อตกลงของการเป็นแฟนกันก็คงไม่เกิดขึ้น
...
...
...
โรงแรม เชจู
10.00 น.
รู้สึกสบายใจมากขึ้นหลังจากที่ได้พูดคุยกับคุณพ่อเมื่อเช้า แต่ตอนนี้...มันต้องตั้งสติกับงานให้ดีเพราะเป็นวันที่จะมีลูกค้าคนสำคัญเข้ามาใช้บริการในโรงแรม เป็นลูกค้าที่สนิทกับคุณพ่อมากๆ ทุกครั้งที่มาพักที่นี่ก็จะขอพบคุณพ่อเพียงคนเดียวเท่านั้น เอกสารกองโตถูกเก็บใส่ตู้อย่างเป็นระเบียบ คอมพิวเตอร์ที่ใช้งานมานานหลายชั่วโมงก็ถูกปิด และต้องเตรียมตัวลงไปพบลูกค้าคนสำคัญกับคุณพ่อเมื่อถึงเวลา
จีซบและแบคฮยอนคอยยืนรอต้อนรับอยู่ที่หน้าล๊อบบี้...พร้อมกล่าวทักทายลูกค้าด้วยความสนิทสนม แถมการสื่อสารก็พาให้คนเป็นลูกต้องงัดความรู้ที่เรียนมาใช้ให้เกิดประโยชน์เพราะลูกค้าคนี้เป็นคนจีน แบคฮยอนไม่ได้มีปัญหาให้การสื่อสารแต่การที่ต้องลงมาพบลูกค้ากับคุณพ่อคือสิ่งที่เจ้าตัวเพิ่งเริ่มเรียนรู้เป็นวันแรก ปกติจะทำเพียงช่วยแปลเอกสารและจัดเรียงแฟ้มงานต่างๆไว้ให้คุณพ่อ แต่วันนี้ต้องมาเรียนรู้งานใหม่เพิ่มเติมเพราะอาจต้องทำงานแทนท่านในอนาคตมีบางวัน
“สวัสดีครับคุณหวัง สบายดีไหมครับ...ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ”
“ปีนี้ผมยุ่งมากเลยคุณจีซบ เดินทางมารอบนี้ผมก็มาทำงานนะครับ ไม่ได้มาเที่ยวพักผ่อนเหมือนครั้งที่แล้ว ส่วนนี่ลูกชายของผมเองครับ...แจ็คสัน มันขอตามมาเที่ยวด้วย พอดีเพิ่งเรียนจบ ผมเลยไม่อยากขัดใจ”
และนี่...ก็คือเหตุผลที่จีซบอยากให้แบคฮยอนมาคอยต้อนรับลูกค้าด้วยกันเพราะวัยรุ่นก็น่าจะคุยกับคนวัยเดียวกันถูกคอ แต่...การทำงานของพ่อลูกทั้งสองก็ไม่ได้มีเพียงพนักงานในส่วนนี้เท่านั้นที่เห็นเพราะกำลังมีใครบางคนยืนดูสถาการณ์ต่างๆอยู่อย่สงตั้งใจ และคนถูกมองก็ใช่ว่าจะไม่รู้ตัวในเมื่อใครคนนั้นไม่ปิดบังหรือแอบซ้อนการกระทำของตัวเองเลยสักนิด แถมยังมองโดยไม่ละสายอีกต่างหาก
“ส่วนนี่...แบคฮยอนครับ ลูกชายของผมเอง เพิ่งเรียนจบเหมือนกัน ผมก็เลยให้มาช่วยทำงานที่นี่”
“ดีเลยครับ...ลูกชายผมจะได้มีเพื่อนคุยเพราะผมต้องออกไปคุยงานกับเพื่อนที่XXต่อ ยังไงก็ฝากลูกชายผมด้วยนะครับคุณจีซบ”
“ยินดีครับ...เชิญทางนี้เลยครับเดี๋ยวผมไปส่งคุณหวังที่ห้องพัก”
จีซบพาลูกค้าคนสำคัญขึ้นไปพักผ่อนยังห้องที่จองเอาไว้ แล้วตอนนี้ก็เหลือแบคฮยอนกับลูกชายของลูกค้าที่ยังยืนอยู่ที่เดิม คนตัวเล็กเริ่มแนะนำตัวเป็นภาษาจีนเพื่อสร้างความคุ้นเคยและความเป็นกันเองให้กับลูกค้า แบคฮยอนกับคุณพ่อใช้ภาษาจีนคุยกับลูกค้ามาตั้งแต่ต้น แต่พอตัวเองได้คุยกับคุณแจ็คสันแบบสองต่อสอง ลูกค้ากลับมีหลุดพูดภาษาอังกฤษปนมากับภาษาจีนบ้างในบางประโยค ซึ่งนั่นก็ทำให้คนที่จบมาทาด้านภาษาอย่างแบคฮยอนรู้สึกสับสนปนตลกอยู่ไม่ใช่น้อย แต่มันก็ไม่ได้เป็นปัญหาและยังคงพูดคุยกันต่อได้อย่างไม่รู้เบื่อ
“สวัสดีครับคุณแจ็คสัน...ผมบยอนแบคฮยอนครับ”
“เรียกผมแจ็คสันเฉยๆดีกว่า ผมว่าเราน่าจะอายุเท่าๆกัน เราไม่ต้องจำเป็นต้องพูดคงพูดคุณกันหรอกครับ ปล่อยให้คนแก่ๆเขาพูดไปกันเถอะ”
“คะ...ครับ แล้ววันนี้แจ็คสันอยากไปไหนไหมครับ ผมจะพาไป หรือถ้าเดินทางมาเหนื่อยๆแล้วอยากพักผ่อนผมจะได้พาขึ้นไปพักที่ห้อง”
“ผมขอเดินชมโรงแรมหน่อยได้ไหมครับ ผมเคยมาที่นี่แล้วครั้งนึง แต่ตอนนั้นยังเด็กมาก ผมจำไม่ค่อยได้แล้วสิ”
“ได้เลยครับ เชิญทางนี้เลยครับ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น...คนทำหน้าที่แทนคุณพ่อก็รีบพาลูกชายของลูกค้าคนสำคัญเดินชมโรงแรมทันที คุณแจ็คสันเป็นคนอารมณ์ดีมากๆจนสามารถสร้างรอยยิ้ม สร้างเสียงหัวเราะและสร้างคงามสนุกให้กับแบคฮยอนได้เป็นอย่างดี คนตัวเล็กพาลูกชายของคุณหวังมานั่งดื่มน้ำอัดลมที่เคาน์เตอร์บาร์ริมสระน้ำชั้นบนสุดของโรงแรม เพราะที่นี้มันเหมาะแก่การให้ลูกค้าได้นั่งพักผ่อน แถมยังมีห้องสปา ห้องนวดตัว ห้องซาวน์หน้าและบ่อน้ำร้อนส่วนตัวไว้รองรับลูกค้าทุกท่านที่มาเข้าพักในโรงแรมแห่งนี้ ส่วนด้านนอกก็เป็นสระน้ำที่สร้างให้ใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุด ทั้งดอกไม้ พรรณไม้หรือแม้แต่ของตกแต่งอย่างก้อนหินและสนามหญ้าก็ล้วนแต่เป็นของจริงทั้งนั้น
แจ็คสัน...เดินชมสระน้ำและธรรมชาติด้านนอกไปเรื่อยๆพร้อมพูดคุยกับแบคฮยอนอย่างสนุกสนาน และวันนี้ก็มีลูกค้ามาใช้บริการที่ชั้นบนของโรงแรมมากอยู่พอสมควร ซึ่งส่วนใหญ่ก็มีแต่เด็กวัยรุ่นและเด็กตัวเล็กตัวน้อยวิ่งวนไปมาอยู่รอบสระ เด็กคนนั้นกระโดดลงน้ำ เด็กคนนู้นก็กระโดดตามลงไปจนน้ำในสระกระเด็นออกมาด้านนอกเลอะเทอะเต็มพื้นไปหมด แต่สักพัก...เด็กที่เล่นน้ำกันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยก็รีบขึ้นมาจากสระก่อนวิ่งไล่จับกันจนหกล้ม และคนที่เห็นภาพแบบนั้นก็รีบเข้าไปประคองกายเด็กน้อยให้ลุกขึ้น แต่.....
ปึ่กกกก!!!
“โอ๊ยยย!!!”
การวิ่ง...เข้าไปรับตัวเด็กเอาไว้ด้วยเกรงว่าเด็กจะได้รับบาดเจ็บก็ทำให้แบคฮยอนเกือบตกน้ำ และดีที่ลูกชายของลูกค้าคนสำคัญดึงตัวไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นเขาคงตกน้ำไปแล้ว แต่ในความโชคดีก็...ทำให้เจ็บตัวจนได้เพราะแรงกระชากจากแจ็คสันมันเป็นเหตุให้ขาของเขาไปกระแทกเข้ากับเก้าอี้ที่วางอยู่ตรงหน้า
แบคฮยอนก้มตัวลงไปจับขาของตัวเองทันที...และส่วนที่กระแทกกับเก้าอี้ก็เปลี่ยนผิวขาวๆให้กลายเป็นสีแดงจนดูน่ากลัว แจ็คสันเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กเป็นเช่นนั้นก็ต้องยุติการเดินชมโรงแรมไว้เพียงเท่านี้ แบคฮยอนเริ่มรู้สึกเจ็บขามากขึ้นเรื่อยๆและตอนนี้...มันก็ต้องฝืนความเจ็บเอาไว้เพราะอยากทำหน้าที่ที่คุณพ่อสั่งไว้ให้ดีที่สุด และเมื่อส่งคุณแจ็คสันถึงห้องพักเรียบร้อยเจ้าตัวก็กดลิฟท์กลับมาที่ห้องทำงานทันที แต่....
“อื้มมม....!!?”
เมื่อก้าวขอออกมาจากลิฟท์...เขาก็ถูกมือของใครบางคนปิดปากเอาไว้ก่อนถูกอุ้มเข้ามาในห้องน้ำ
...
...
...
“พี่ชานยอล!!!”
พยายามหาทางเอาตัวรอดอยู่นาน...และเมื่อรู้ว่าเจ้าของมือหรือเจ้าของแรงที่ออกกำลังอุ้มเขาเข้ามาในห้องน้ำคือใครก็รู้สึกโกรธอยู่ไม่ใช่น้อย ส่วนผู้ที่กล้าทำเช่นนี้กับลูกชายคุณจีซบก็ทราบดีว่าแบคฮยอนบาดเจ็บตรงไหน เพราะเหตุใดหรือเมื่อไหร่ก็ทราบดีทั้งหมดเพราะเฝ้าดูมาตั้งแต่ต้น กี่โมง...ลงมาพบลูกค้า พาลูกค้าไปเดินส่วนไหนในโรงแรมและเกือบตกน้ำรวมถึงขาไปกระแทกกับเก้าอี้ท่าไหนก็รู้หมด ชานยอลหาเวลาเพื่อจจะปรับความเข้าใจกันอยู่หลายวันแต่ก็ไม่มีโอกาสเลยสักครั้ง แต่เมื่อได้โอกาสก็ไม่คิดจะปล่อยให้หลุดมือไปแน่นอน
“อย่ายุกยิกสิ...เดี๋ยวก็ตกลงมาหรอก” อุ้มคนบาดเจ็บมานั่งบนเคาน์เตอร์อ่างล้าง แต่เจ้าตัวกลับกลับพยายามที่กระโดดลงมา
“พี่ชานยอลปล่อยนะ เดี๋ยวมีคนมาเห็น” ขาก็เจ็บ แรงก็ไม่ค่อยมี...แต่การที่ต้องมาพบกับคนคนนี้ เขาขอยอมเจ็บดีกว่าต้องมาเห็นหน้ากัน
“น้องแบคครับบบบ...อย่าเพิ่งดิ้นได้ไหม อยู่เฉยๆก่อน เดี๋ยวตกลงมาเจ็บขาอีกรอบไม่รู้ด้วยนะ!! ไหนขอพี่ดูแผลหน่อย??” พูดพร้อมกับก้มตัวลงและค่อยๆดึงขากางเกงของคนตัวเล็กขึ้นเพื่อดูบาดแผลที่เกิดแรงกระแทก และตอนนี้ผิวที่เขาเคยเห็นว่ามันขาวแค่ไหนก็เริ่มเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีเขียวแถมยังบวมเล็กน้อย
“โอ๊ยยยย!!!! เจ็บนะ!!” ถูกมือ...ของวิศวกรประจำโรงแรมลูบไปตรงส่วนที่บวมจนต้องส่งเสียงร้องเพราะมันรู้สึกเจ็บมากกว่าจริงๆ
“รู้ว่าเจ็บครับ แต่ช่วยอดทนหน่อยได้ไหม พี่จะทายาให้” หยิบหลอดยากออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วทาลงบนบริเวณที่เกิดอาการบวมอย่างเบามือ แต่มันคงแรงไปสำหรับคนตัวเล็กที่ตอนนี้นั่งหน้าเบ้อยู่บนเคาน์เตอร์อ่างล่างหน้า
“เสร็จแล้วใช่ไหม งั้นผมขอตัวกลับไปทำงานก่อนนะครับ แล้วก็...ขอบคุณมากที่หายามาทาให้” เห็นชานยอลเก็บยาใส่กระเป๋าเสื้อไว้เหมือนเดิม แบคฮยอนจึงรีบกล่าวขอบคุณพร้อมทำท่าจะลงจากแผ่นหินอ่อนที่ตัวเองนั่งอยู่เพื่อกลับไปที่ห้องทำงาน
แต่สิ่งที่คิด...ก็ไม่ได้เป็นอย่างใจหวังเมื่อถูกเจ้าของมือที่บรรจงทายาให้เมื่อครู่กอดเอาไว้ในอ้อมอก
“ยังไม่หายงอนพี่อีกเหรอครับ น้องแบค?”
“ไม่ได้งอนครับ แต่ผมจะไม่สนใจพี่ชานยอลอีกแล้ว เราเลิกกันเถอะครับ พี่ชานยอลมีแฟนอยู่แล้วผมก็จะเลิกให้ อยู่กันฝืนๆแบบนี้มันไม่มีความสุขหรอกครับ แล้วก็เอ่ออ...ผมโทษด้วยนะครับที่ไม่เคยถามเลยว่าพี่ชานยอลมีแฟนอยู่แล้วหรือเปล่า พี่ชานยอลกลับไปหาเธอเถอะครับ ผะ...ผม อื้มมมมม!!!!”
คำตัดพ้อ...และคำที่แทนตัวเองว่า “ผม” ครั้งแล้วครั้งเล่า ถูกกลืนหายไปเมื่อปากหยักจัดการป้อนจูบเพื่อปิดประโยคที่ไม่น่าฟังแถมยังทำให้รู้สึกไม่พอใจ ส่วนคนแบคฮยอนก็ไม่คิดว่าจะถูกทำเช่นนี้และการที่ตัวเองยังพูดความในใจไม่จบประโยคก็ทำให้ลิ้นร้อนสามารถเข้ามากวาดต้อนความหวานได้อย่างง่ายดาย มันไม่เหมือนกับตอนถูกจูบที่คอนโดฯเพราะวันนี้มันไม่เพียงแค่ใจสั่นเท่านั้นแต่ยังทำให้ร่างกายของเขาอ่อนระทวยไปหมด
มือบาง...กำเสื้อเชิ้ตเจ้าของคนตรงหน้าจนมันยับยู่ยี่ด้วยความรู้สึกหวาบหวาม และยิ่งชานยอล...เอียงใบหน้าเพื่อปรับให้ถนัดต่อการกระทำมากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้แบคฮยอนหลงเคลิบเคลิ้มไปกับรสสัมผัสนี้มากขึ้นเท่านั้น แล้วการที่คนตัวเล็กจูบตอบกลับมาอย่างคนไม่ประสาก็ทำให้คนมากประสบการณ์อย่างชานยอลทราบได้ทันทีว่านี่คือจูบแรกของแบคฮยอน เจ้าตัวคงไม่เคยจูบกับใครและก็ไม่เคยถูกใครจูบมาก่อน ไม่อย่างนั้นเขาก็คงยอมไม่ปล่อยสัมผัสที่แสนหวานแบบนี้ง่ายๆแน่นอน
”อื้มม...!!”
“...........”
เสียงอู้อี้...ที่ร้องประท้วงเพื่อขออากาศหายใจทำให้ชานยอลจำเป็นต้องละออกจากริมฝีปากนุ่มอย่างนึกเสียดาย
“พี่ชานยอลทำแบบนี้ทำไม มีแฟนอยู่แล้วยังมาจูบคนอื่นอีก”
“คนอื่นที่ไหนกันครับ น้องแบคเป็นแฟนพี่ชานยอลนะครับ ลืมแล้วเหรอ?? แล้วเมื่อกี๊...ก็เรียกว่าจูบของจริง!! ส่วนแบบที่ห้างวันนั้น...เขาไม่เรียกว่าจูบด้วยซ้ำ จำไว้!!! แล้วก็เรียกตัวเองว่าน้องแบคเหมือนเดิมด้วยนะครับ และถ้าน้องแบคไม่เชื่อฟังในเรื่องที่พี่กำลังจะพูด น้องแบคก็อย่าหวัง...ว่าจะได้ออกไปจากห้องน้ำ!!”
พยายามจะปรับความเข้าใจ...แม้คนตรงหน้าจะยังเขินอยู่ก็ตามที และหลังจากที่ไม่ได้เจอกันอีกเลยนับตั้งแต่เดินเรื่อง...มันก็ทำให้ชานยอลมีเวลามากพอที่จะคิดหาทางออกให้กับเรื่องนี้ ปาร์คชานยอลเริ่มรู้ตัวว่าต้องปรับนิสัยบางอย่างให้เข้ากับคนตัวเล็ก เพราะการถูกเอาใจใส่อยู่ฝ่ายเดียวโดยที่ตัวเองไม่เคยเปลี่ยนแปลงอะไรมันก็ดูจะเห็นแก่ตัวมากไปหน่อย และการยอมตกลงเป็นแฟนกัน...มันก็เกิดจากการโกหกของเขา ไม่ใช่เกิดจากการถูกบังคับ
ถ้าไม่ปั้นเรื่องโกหก ถ้ายอมบอกความจริงและถ้าเขามีความกล้าที่จะพูดทุกอย่างให้แบคฮยอนฟังว่าเรื่องที่ผับในคืนนั้นมันเกิดอะไรขึ้น เรื่องก็มันคงไม่บานปลายจนเกือบจะมองหน้ากันไม่ติด แต่ไหนไหนเรื่องมันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว...ชานยอลก็ขอเก็บความจริงทุกอย่างไว้กับตัวเองจะดีกว่าเพราะพูดไปก็มีแต่จะเสียกับเสียและคนที่จะเสียมากที่สุดก็คือแบคฮยอน ตอนนี้เขาควรแก้ไขตัวเอง เปลี่ยนแปลงตัวเองและเริ่มต้นที่จะยอมรับว่าตัวเองมีแฟนแล้ว
แถมแฟนที่ว่า...ก็ยังปากหวานจนอยากจะลิ้มรสดูอีกสักครั้ง
และการปรับความเข้าใจ...ก็ยังไม่จบเพียงเท่านีเพราะยังมีอีกเรื่อง...ที่อาจทำให้ความรักครั้งใหม่ของคนที่กำลังจะมีแฟนแบบจริงๆจังๆไม่ราบรื่น การที่แบคฮยอนคุยโทรศัพท์กับใครสักคนที่ร้านอาหารญี่ปุ่นเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน และคำพูดที่แสนหวานอย่างเช่นคำว่า คิดถึง รักมาก อยากกลับไปนอนกอดด้วยหรืออีกสารพัดคำหวานที่ได้ยินได้ฟัง ทุกๆอย่างมันอาจส่งผลกระทบกับความสัมพันธ์ครั้งใหม่ของเรา
“น้องแบคครับ พี่ขอถามอะไรหน่อยได้ไหมเพราะว่ามันสำคัญต่อหัวใจของพี่”
“แหวะ!!...พี่ชานยอลพูดแบบนี้ออกมาได้ไง ตะ...แต่จะถามอะไรก็ถามมาเถอะฮะ ถ้าน้องแบคตอบได้ก็จะตอบ”
“ตอนอยู่ที่ร้านอาหารญี่ปุ่น...พี่ได้ยินน้องแบคคุยโทรศัพท์ แล้วพูดกับคนในสายว่ารัก คิดถึง อยากไปนอนกอด น้องแบคช่วยบอกพี่หน่อยได้ไหมว่าเขาเป็นใคร? แล้วเป็นอะไรกับน้องแบคของพี่ชานยอล??”
“ใครอยากเป็นของพี่ชานยอลกันล่ะ...อย่ามาพูดแบบนี้ได้ไหมฮะ“
ฟอดดดดด!!!!!!
“อนุญาตให้เขินครับ แต่ต้องตอบคำถามด้วย...เพราะพี่อยากรู้”
“งื้อออ...เขาเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของน้องแบคเองฮะ เราเรียนมาด้วยกัน แล้วก็นอนด้วยกันบ่อยเพราะต้องทำงานส่งอาจารย์ เพื่อนของน้องแบคคนนี้เขาน่าสงสารมากเลยนะฮะ พ่อแม่เขาเสียชีวิตไปตั้งแต่ยังเด็ก...แล้วน้องแบคก็เป็นห่วงเพื่อนคนนี้มากๆเลยฮะ”
คนถูกหอมแก้ม...จำเป็นต้องเล่าเรื่องราวต่างๆในชีวิตให้คนตรงหน้าได้ทราบ และเมื่อรู้ว่าสิ่งที่คิดเองเออเองอยู่คนเดียวคือเรื่องที่เข้าใจผิด มันก็ทำให้แบคฮยอนต้องลองเปิดใจ ให้อภัยหรือรับฟังเหตุผลของคนอื่นอย่างที่คุณพ่อได้สอนเอาไว้ และเมื่อเริ่มเปิดใจกันมากขึ้น ความเข้าใจผิดของแต่ละคนก็ถูกคลี่คลายไปในทางที่ดี ส่วนอดีตที่แสนเจ้าชู้ของแฟนใหม่(อีกครั้ง)อย่างชานยอล เขาก็ไม่อยากเก็บเอามาคิดให้รกสมอง อดีตก็คืออดีตและอนาคตจะเป็นเช่นไรก็ยังไม่ต้องไปคิดเพราะตอนนี้ทุกๆอย่างมันกำลังไปได้ด้วยดี
แบคฮยอนไม่รู้ว่าความรักครั้งนี้จะดีหรือร้ายสักแค่ไหน...แต่สัญญาว่าจะดูแล เอาใจใส่และทำหน้าที่ของแฟนให้ดีที่สุด
แกร๊กก!!!
“อ้าว...คุณชานยอล มาทำอะไรที่ห้องทำงานของอา หรือว่าาาา...มาง้อเจ้าแบค แล้วนั่น!! ขาไปโดนอะไรมาลูก ทำไมถึงเขียวแบบนั้น?”
“แบคหกล้มนิดหน่อยฮะ แต่ไม่เป็นอะไรมาก แล้วคุณพ่อคุยกับลูกค้าเสร็จแล้วเหรอครับ”
“เสร็จแล้ว....งั้นวันนี้พ่อพาแบคกลับบ้านเลยดีกว่า หรือจะแวะไปให้หมอดูอาการหน่อยก็ดีนะ มานี่เลย...เดี๋ยวพ่ออุ้ม ขาเขียวขนาดนี้พรุ่งนี้จะมาทำงานไหวหรือเปล่า หื้มม?”
หลังจากปรับความเข้าใจกันเรียบร้อย...ชานยอลก็อุ้มคนตัวเล็กกลับมาที่ห้องทำงาน แต่ยังไม่ทันจะได้ทำความคุ้นเคยกันต่อ เสียงประตูที่ถูกเปิดออกพร้อมการทักทายจากเจ้าของห้องก็ทำให้ต้องหยุดทุกการกระทำเอาไว้ทันที จากที่จับมือกันไว้ก็ต้องรีบปล่อย จากที่นั่งใกล้กันก็ต้องถอยห่างออกไปเป็นเมตร และการที่คุณพ่อเป็นห่วงลูกชายมากขนาดนี้ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกผิด ถ้าชานยอลมีความกล้ามากกว่านีอีกนิดหรือมีจังหวะที่ดีกว่านี้อีกหน่อย เขาก็จะบอกกับคุณอาตรงๆว่ากำลังคบกับลูกชายของท่าน แต่สำหรับตอนนี้มันคงไม่ใช่เวลาที่สมควร
แต่.....
“เอ่ออ...คุณอาครับ เดี๋ยวผมอุ้มน้องไปส่งที่รถให้ดีกว่าครับ คุณอาจะได้ถือเอกสารได้สะดวก”
“หายงอนแล้วเหรอ?? ถึงยอมให้พี่ชานยอลอุ้มแบบนี้???”
“หายแล้วครับคุณอา ผมง้อตั้งนานกว่ายอมคุยด้วย”
“เฮ้อออ...ไม่รู้จักโตสักทีเจ้าลูกคนนี้ ไปๆ ๆ...กลับบ้าน”
ได้อุ้มไปส่งที่รถก็ยังดี...และถึงแม้จะยังไม่กล้าบอกความจริงกับจีซบตอนนี้ แต่สัญญาว่าเมื่อถึงเวลานั้นเมื่อไหร่ เขาจะทำให้ทุกอย่างให้สมกับที่ท่านไว้เนื้อเชื่อใจ ชานยอลรู้สึกดีที่วันนี้เรื่องราวต่างๆระหว่างเขากับแบคฮยอนมันไม่บานปลาย และตอนแรกก็ต้องขอยอมรับกว่ากลัวคนตัวเล็กจะไม่เข้าใจ เพราะด้วยความต่างของอายุ อาชีพการงานหรือแม้กระทั้งอุปนิสัยก็แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่พอได้เปิดใจคุยกัน ได้ถามในสิ่งที่สงสัย ได้มีเวลาพูดคุยถึงเรื่องส่วนตัว มันก็ทำให้เขาทราบว่า...คนในอ้อมกอดตอนนี้ใจกว้างและมีเหตุมากแค่ไหน
“ขอบคุณมากนะคุณชานยอล”
“ยินดีครับคุณอา”
และเมื่อเดินมาถึงที่จอดรถ...จีซบก็รับปลดล็อคพาหนะสีเข้มก่อนวางเอกสารมากมายไว้ที่ด้านหลัง ส่วนชานยอลก็ค่อยๆวางคนตัวเล็กไว้ที่เบาะด้านหน้าอย่างเบามือพร้อมคาดเข็มขัดนิรภัยให้เสร็จสรรพ แต่ก่อนจะปิดประตูรถหรือกล่าวลาคนเป็นผู้ใหญ่...ก็ขอแกล้งลูกชายของท่านสักหน่อย ร่างสูงใหญ่...ก้มกายลงเล็กน้อยก่อนกระซิบบางประโยคที่พาให้คนฟังต้องก้มหน้าเพื่อแอบซ่อนความเขินอาย และไม่อยากให้คุณพ่อทราบถึงความมีพิรุธ??
...
...
“จูบกับพี่...อร่อยกว่ากินเยลลี่ตั้งเยอะ!!”
❀
100%
แก้ไขเมื่อ 09/09/60
ตอนนี้ยกให้คู่ของชานแบคไปก่อนนะคะ ตอนหน้าเป็นคู่ของไคฮุนบ้างแล้วววว
ขอบคุณสำหรับการติดตาม ขอบคุณนักอ่านทั้งเก่าและใหม่ทุกคน ขอบคุณทุกเม้นท์ด้วยนะคะ
แล้วจะเข้ามาตรวจคำผิดเรื่อยๆค่ะ
รัก ♥
#ดอกไม้ของเจ้านาย
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

712 ความคิดเห็น
-
#709 pppseen (จากตอนที่ 10)วันที่ 14 เมษายน 2563 / 23:27พี่ชานย๊อลลลลลลลลลลลล /กี้ดๆๆ#7090
-
#557 /tl26&? (จากตอนที่ 10)วันที่ 22 กรกฎาคม 2561 / 21:48อย่ามาแย่งเซฮุนไปนะ!! ส่วนชานแบคนี่หวานชื่นใจมาก5555555 น้องแบคก็ใจดีกับพี่เค้าละเกิน#5570
-
#460 Jammie-Lee (จากตอนที่ 10)วันที่ 9 กันยายน 2560 / 20:11อู๋อี้ฝานนี่เอง // แหมๆๆๆ ชานยอลลลลล#4600
-
#400 TDNND (จากตอนที่ 10)วันที่ 29 พฤษภาคม 2560 / 20:03ฮุนฮุนผิดทุกข้อกล่าวหาที่พี่จงอินกล่าวหา เพราะหาเรื่องหื่น 5556+#4000
-
#360 NookNH94 (จากตอนที่ 10)วันที่ 26 มีนาคม 2560 / 09:28ตลอดอ่ะจงอิน ไม่ต้องอ้างลงโทษก็ได้อ่ะ หลงน้องมากอ่ะ คนแก่หื่นนนน#3600
-
#330 FranceTuan (จากตอนที่ 10)วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2560 / 00:59ทุกที่ทุกเวลาเลยนะคะบอส!!!#3300
-
#191 มักเน่ไลน์94 (จากตอนที่ 10)วันที่ 20 กรกฎาคม 2559 / 18:06โว๊ยยยคนเราาาใจร้อนอะไรเบอร์นี้คะฮือออออออออ พี่จงอินต้องหัดหักห้ามใจตัวเองบ้างนะคะเข้าใจมั้ยฮือออออ#1910
-
#161 ทับบี้คัสตาร์ด (จากตอนที่ 10)วันที่ 3 กรกฎาคม 2559 / 23:14พี่จงอินต้องทำใจนะก็คนมันน่ารักง่ะ#1610
-
#144 itsmaname (จากตอนที่ 10)วันที่ 16 มิถุนายน 2559 / 19:44สงสารเซฮุน โดนทุกตอนเลยยย#1440
-
#143 itsmaname (จากตอนที่ 10)วันที่ 16 มิถุนายน 2559 / 19:44สงสารเซฮุน โดนทุกตอนเลยยย#1430
-
#142 itsmaname (จากตอนที่ 10)วันที่ 16 มิถุนายน 2559 / 19:44สงสารเซฮุน โดนทุกตอนเลยยย#1420
-
#141 Action!! (จากตอนที่ 10)วันที่ 16 มิถุนายน 2559 / 03:43ก็ฮุนมันน่ารักอะนะ เราเข้าใจ#1410
-
#127 Kannika Tankam (จากตอนที่ 10)วันที่ 14 มิถุนายน 2559 / 21:34โอยยยเจ้านายค่ะ เอะอะหึงเอะอะหวง นี่น้องฮุนช้ำไปหมดละเนี้ย#1270
-
#102 ME3 KAEKY (จากตอนที่ 10)วันที่ 6 มิถุนายน 2559 / 17:30พี่จงอินหื่นนน#1020
-
#50 Mind (จากตอนที่ 10)วันที่ 27 เมษายน 2559 / 15:36ตายค่ะ ตายคาอกเจ้านายโทษฐานทำให้หึง#500
-
#49 Nook_wari (จากตอนที่ 10)วันที่ 27 เมษายน 2559 / 12:16จงอินคงจะไม่ทำอะไรเซฮุนหรอกนะ#490
-
#48 june2546 (จากตอนที่ 10)วันที่ 27 เมษายน 2559 / 11:11จงอินหึงน้องงงงงงง#480