ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จบแล้ว (EXO) SF ออกเรือ (Kaihun Ft.Chanbaek)

    ลำดับตอนที่ #8 : ❧ Special

    • อัปเดตล่าสุด 13 พ.ค. 65




    ออกเรืออีกครั้ง ( :

     

     

    ครืดดดดดด!!!

     

         เสียงลากกระเป๋า...พร้อมการควงแขนกันมาที่สนามบิน  เริ่มกลายเป็นจุดสนใจของผู้ที่เดินผ่านไปผ่านมา  แต่ใครจะสน??ในเมื่อสิ่งที่น่าสนใจมากกว่าก็คือทริปของการเดินทางกลับไปที่บ้านเกิด  และถึงแม้มันจะเป็นประเทศเล็กๆหรือเป็นเมืองที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก  แต่...เมืองเล็กๆแบบนั้นก็ทำให้เราสองคนได้มาพบกัน


         “คุณไค...ขึ้นเครื่องแล้วเราขอนั่งริมหน้าต่างนะ”


         “อื้ม...”


         ส่วนเขา...จะนั่งตรงไหนมันก็เหมือนกันหมด  ริมหน้าต่าง  ริมทางเดิน  ท้ายเครื่องหัวเครื่อง  จะนั่งตรงไหนก็ถึงที่หมายเหมือนกันทั้งนั้น


         “แบคน่าจะมาด้วยกัน...เสียดายเนอะ”


         “ก็ไอ้ชานมันไม่ยอมให้มา”


         นั่นคือเหตุผลหลัก...แต่เหตุผลรองลงมาก็คือแบคฮยอนกำลังเริ่มงานใหม่  แถมยังเป็นงานที่ไม่ได้สร้างความลำบากใจให้เหมือนคราวก่อน  แล้วอีกเหตุผลหลักก็คงเพราะเป็นห่วง  ไปออกเรือเมื่อครั้งที่แล้วก็โดนโจรป่าลากไปทำมิดีมิร้าย  แล้วแบบนี้คุณชานจะปล่อยไปได้อย่างไร


         “แล้วคุณไคยอมให้เราไปได้ไง...ไม่เป็นห่วงเราบ้างเหรอ?”


         แสร้งทำเป็นน้อย-อกน้อยใจ...ดวงตาคู่สวยที่สบอีกดวงตาที่ดุดันก็แสร้งทำเป็นเศร้าสร้อยก่อนเอนศีรษะทุยซบลงไปบนไหล่หนา  และแต่ละอย่างที่เซฮุนแสดงออกมาก็อยากให้ลองทายกันดูว่าคุณไคจะทำเช่นไร?


         1.ปลอบขวัญด้วยการโอบเอวบางเอาไว้

         2.ประคองกอดด้วยสัมผัสที่ทำให้รู้ว่าเป็นห่วง

         3.จูบหน้าผากมนเพื่อให้คลายกังวล

     

    และ.........


         4. “ไปแค่สองวัน...แล้วคุณจะขนอะไรไปเยอะแยะเนี่ย?”


         ข้อหนึ่งถึงสาม...อาจเป็นการละเมอเพ้อพกของคนที่อยากอ้อน  แต่ข้อสี่มันคือความจริงที่เห็นอยู่ตรงหน้า  เคาน์เตอร์เช็กอินเป็นเป้าหมายถัดไปเมื่อเดินเข้ามาในสนามบินและต้องทำธุระต่างๆให้เสร็จก่อนขึ้นเครื่อง  แต่มันคงเสร็จช้าเพราะคุณหนูตัวป่วนเอาของไปเยอะจนเหมือนจะไปอยู่ที่นั่นเป็นเดือน


         “แค่นี้ก็ต้องบ่นด้วย...พ่อบ่นคนเดียวเราก็เบื่อจะแย่แล้วนะ  คุณไคเริ่มจะเหมือนคุณพ่อเข้าไปทุกวัน”


          “ไม่ได้เป็นพ่อ...เป็นผัววว!!

     

    เพี๊ยะ!!

     

           “คุณไค!...อย่าพูดเสียงดังสิ  น่าเกลียด”


         เหมือนคำว่า  “หวง”  จะพูดยากกว่าคำว่า  “ผัว”  แล้วการถูกตีที่หัวไหล่ก็ใช่ว่าจะเจ็บอะไรมากมาย  แต่มันเจ็บใจมากกว่าที่ใครๆต่างก็มองมาที่เซฮุนกันหมด  ผมสีบลอนด์ที่รับกับใบหน้านวล  การสวมแว่นกันแดด  ใส่เสื้อเชิ้ตลายจุดพร้อมสูทเข้ารูปและสกินนี่อวดเรียวขา  แต่ละอย่างที่คุณหนูโอเซฮุนสวมใส่มันทำให้กลายเป็นจุดเด่นโดยไม่รู้ตัว...แล้วน้ำหอมก็ไม่รู้ว่าฉีดหรืออาบ  มันถึงได้หอมฟุ้งขนาดนี้


         “กลับบ้านไหมเซฮุน?...ไม่ได้ต้องไปมันแล้ว  ออกลงออกเรือ!


          “ไม่ไปได้ไง...เตรียมตัวมาขนาดนี้  เราพร้อมมากเลยนะคุณไค”


           ทั้งเสื้อผ้า  ร้องเท้า...จะบูทยาวครึ่งแข้ง  ยากันยุง  ยาแก้แพ้หรือจะอีกสารพัดของอำนวยความสะดวกก็ขนมาหมด  เตรียมมาครบขนาดนี้แล้วจะให้กลับบ้านได้อย่างไร  เช็กอินก็ใกล้จะเสร็จ  กระเป๋าก็เอาไปโหลดเรียบร้อย...ทุกๆอย่างพร้อมขนาดนี้มันต้องเดินหน้าอย่างเดียวนะครับคุณไค!


         “ไปถึงนู้นก็อย่าป่วนแล้วกัน...เดี๋ยวก็เป็นเรื่องอีก”


         “เราไม่ได้ป่วนขนาดนั้นสักหน่อย”


         “เหรออออออ....”


         “ขี้บ่นจริงๆ”


         “ไปกินอะไรแปลกๆมาอีกจะให้นอนแก้ผ้าแล้วเรียกจระเข้มางาบไปเลย”


         “ทำกันลงเหรอ...คุณไคไม่รักเราแล้วเหรอ?”


         “ไปเลย...อย่ามาแกล้งบีบน้ำตา  ไปเตรียมตัวขึ้นเครื่องได้แล้ว”


         บ่นไปอย่างนั้น...ว่าไปอย่างนั้น  แต่สองมือก็รีบโอบเอวบางเอาไว้ก่อนพากันเดินออกไปจากจุดเช็กอินเพื่อเตรียมตัวเดินทาง  เซฮุนชินแล้วกับนิสัยแบบนี้ของคุณไค  แรกๆอาจคิดว่าใจร้าย  ปากร้ายหรือเป็นคนร้ายๆ  แต่แท้ที่จริงมันคือความตรงไปตรงมามากกว่า  ส่วนเขาที่แสร้งทำเป็นจะร้องไห้  ส่งสายตาดูน่าสงสารและอีกหลากหลายมารยาที่งัดมาแกล้งคุณไคก็เพื่อจะเย้าหยอกไปตามประสา  ซึ่งงงง...มันก็ไม่เคยได้ผลเลยสักครั้ง  แถมยังถูกบ่นกลับมาตลอด

     

     

    แต่...เวลาเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจริงๆ  คนแรกที่อยู่เคียงข้างคุณหนูโอเซฮุนก็คือผู้ชายปากร้ายอย่างคุณไคนี่แหละ ( :

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    แกร๊กกกก!!

     

         “จะไปไหน?”

     

         “เราอยากเข้าห้องน้ำ”

     

         “ไม่สบายหรือเปล่า?”


         “เปล่า...เราแค่ปวดท้องเฉยๆ”

     

         “เดี๋ยวไปด้วย”

     

         “เราไปคนเดียวได้...”

     

         “เซฮุน”

     

         “โอเคๆ...ไม่ต้องดุก็ได้”

     

         เครื่องออกมาได้หลายชั่วโมง...ท้องไส้มันก็เริ่มปั่นป่วนไปตามกลไกลของร่างกาย  และเสียงปลดเบลท์พร้อมร่างของคนสองคนที่ยืนคุยกันอยู่เมื่อครู่ก็พาให้เป็นที่สนใจอีกครั้ง  ไครู้กฎเป็นอย่างดีว่าไม่สามารถเข้าห้องน้ำพร้อมกันได้สองคน  และเขาก็ไม่ได้อยากเข้าไปดูใครปลดทุกข์  แต่การได้ไปยืนเฝ้าหน้าประตูมันทำให้อุ่นใจได้มากกว่า  ไคยอมรับว่าเป็นห่วง...แล้วก็หวงเกินกว่าจะปล่อยให้เซฮุนไปไหนมาไหนเพียงลำพัง

     

         “ผู้โดยสารเป็นอะไรหรือเปล่าครับ...?”

     

         “ไม่ครับ...ผมมายืนเฝ้าแฟนทำธุระ  ขอบคุณครับ”

     

         ถ้าจะให้พูด...แบบไม่ต้องกลั่นกรองความสวยหรูหรือความเหมาะสม  คุณไคคงตอบพนักงานไปแล้วว่าไม่ได้ป่วย  กูสบายดี  กูแค่มายืนรอเมียขี้เฉยๆ  และถ้าอนุญาตให้กูเข้าไปรอข้างในก็จะดีมาก  แต่!!ความจริงกับสิ่งที่ควร...พาให้เอ่ยเช่นนั้นออกไปไม่ได้  ไคพยายามเรียบเรียงทั้งความคิด  สิ่งที่ควรพูดและหลายๆอย่างที่คุณหนูตัวป่วนเคยสอนเอาไว้

     

     

         เขา...เหมือนมาจากบ้านป่าเมืองเถื่อน  ส่วนประเทศของเซฮุนก็เจริญเกินกว่าจะทำในแบบที่เขาเคยทำได้  ใครบุกรุกยิงทิ้ง  ใครข้ามถิ่นก็ต้องฆ่าให้ตาย  ไคเกิดและเติบโตมาแบบนั้น  ซึ่งบางครั้งคำพูดคำจาก็มักจะไม่ค่อยเขาหู...และพอได้ย้ายมาอยู่กับเซฮุน  นิสัยต่างๆที่ใช้ตอนอยู่ที่นู้นก็ต้องเริ่มปรับปรุงเสียใหม่  แรกๆยอมรับว่าอึดอัดมาก  แต่ตอนนี้...มันกลับไม่อยากห่างจากเซฮุนไปไหนเลย

     

    ก๊อกก ๆ ๆ !!

     

         “เซฮุน...เป็นอะไรหรือเปล่า เข้าห้องน้ำนานไปแล้วนะ”

     

         คนข้างใน...เหมือนจะเข้ามาทำธุระได้เพียงห้านาที  แต่คนด้านนอกกลับรู้สึกว่ามันนานจนเริ่มเป็นห่วง  มือหนาเคาะลงบนประตูแคบๆก่อนเอ่ยเสียงที่อาจพาให้พนักงานต้องเดินกลับมาดูอีกครั้ง  แต่.....


         “เสร็จแล้วๆ ๆ...เราล้างมือแป๊บนึง”

     

         รีบตอบ...รีบใส่กางเกง  รีบล้างมือและต้องรีบเปิดประตูก่อนที่มันจะพังเพราะแรงถีบของใครบางคน  คุณไคใจร้อน  ข้อนี้เซฮุนทราบดี  ยิ่งเป็นเรื่องของเขา  หนุ่มผิวเข้มที่ยืนทำหน้าเหมือนโลกจะแตกอยู่ตอนนี้ก็ยิ่งใจร้อนกว่าเรื่องไหนๆ

     

         “ปวดท้องหรือเปล่า?”

     

         “ไม่ปวดๆ...คุณไคสบายใจได้  เราโอเค”

     

         รีบคว้ามือบางมากุมเอาไว้...ก่อนพากันเดินกลับไปยังที่นั่ง  ผ้าห่มที่เอาติดตัวมาด้วยถูกคลุมให้เซฮุนเป็นอย่างถัดไปเมื่อนั่งเรียบร้อย  และสองมือที่มีขนาดกันก็เริ่มสอดประสานเหมือนครั้งแรกที่เครื่องบินค่อยๆทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า

     

         “เมื่อยขาไหม...อีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึง?”

     

         “ก็เมื่อยนะ...แต่เราทนได้”

     

         “ขอโทษ...”


         “ไม่เป็นไร...แต่ขากลับเราขอเปลี่ยนเป็นเฟิสคลาสได้ไหม U_U

     

    จุ๊บบ!

     

         “ทีหลังจะไม่ห้ามแล้ว...คุณไคขอโทษ  ขอโทษจริงๆ”

     

    ฟอดด!

     

         “เราโอเค...คุณไคอย่าคิดมาก”

     

         คนหนึ่ง...ได้มอบรอยจูบแทนคำขอโทษ  อีกคน...ก็ได้มอบแรงสัมผัสเพียงแผ่วเบาเพื่อเป็นการให้อภัย  ริมฝีปากบางถูกจูบ สันกรามคมถูกหอม  เพียงแค่นี้เรื่องใหญ่ก็กลายเป็นเรื่องเล็ก  คุณไคแค่ไม่อยากกลับบ้านเกิดด้วยการซื้อตั๋วเครื่องบินในราคาที่แพงขนาดนั้น  จะชั้นเฟิสคลาส  บิสเนสคลาสก็ล้วนแต่ราคาสูงทั้งสิ้น  ซึ่งเขาเกรงใจครอบครัวของเซฮุนมากๆ

     

    แต่!!...คุณไคลืมไปหรือเปล่าว่าตัวเองต้องเอาคุณหนูมาด้วย?? 


         แล้วท่านั่ง...ที่หัวเข่าแทบชิดไปกับพนักพิงของคนด้านหน้ามันก็เริ่มทำให้เซฮุนปวดขา  และที่กล้าตอบไปตรงๆแบบนั้นก็ไม่ได้อยากทำให้ไครู้สึกผิด  แต่ถ้าบอกว่าสบายดี  แล้วตอนเครื่องลงมาร้องโอดโอยทีหลังว่าปวดเข่าปวดข้อ...มีหวังได้โดยบ่นชุดใหญ่แน่ๆ  แล้วคุณไคก็จะยิ่งโทษตัวเองไปมากกว่านี้

     

     

         เซฮุนรู้ดี...ว่าคนต่างเมืองเกรงใจครอบครัวของเขามากขนาดไหน  มากินฟรีอยู่ฟรี  น้ำไฟไม่ต้องจ่าย  งานการก็ไม่ได้ทำเท่ากับคนงานในบ้าน  แถมยังได้อาศัยอยู่ในตึกใหญ่และบางคืนก็ยังได้มานอนกับลูกเจ้าของบ้านอีกด้วย  เซฮุนจึงไม่แปลกใจเลยที่คุณไคจะรู้สึกเกรงใจเช่นนั้น 

     

         “แล้วถ้าไปถึงท่าเรือจะกลัวไหม?”

     

         “ก็นิดนึง...เรากับคุณไคไม่ได้ไปท่าเรือนานแล้วด้วย  ไม่รู้ที่นั่นจะเป็นไงบ้าง”


         “ถ้าพวกมันทำเละเทะ...โดนดีทั้งหมดแน่ๆ”

     

         “เราจะกลัวคุณไคก่อนนี่แหละ”

     

         ท่าเรือคิมไม่ได้ถูกขาย...แต่ถูกเปลี่ยนมือให้พวกลูกน้องที่ไม่มีที่ไปและอยากมีอาชีพหรือมีรายได้เหมือนตอนที่เขายังอยู่  ไคไม่กล้าทิ้งสิ่งที่คุณพ่อของแบคฮยอนเคยลงทุนลงแรงช่วยเหลือเอาไว้  และยังคงสานต่อความช่วยเหลือไปจนถึงพวกลูกน้องที่ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง 

     

         “เคยกลัวด้วยเหรอ?”

     

         “เคยสิ...คุณไคน่ากลัวจะตาย  คุณชานก็ตัวใหญ่ยังกับเสือ”

     

         “ขนาดนั้นเลย?”

     

         “ยังไม่รู้ตัวอีก...”

     

         และมือก็หนักยังกับค้อน...จับทีกอดทีร่างแทบแหลกเป็นผุยผง  ตอนถูกพวกโจรป่าจับไปแล้วเพื่อนตัวเล็กกลับมาเล่าให้ฟังว่าคุณชานหักคอคนร้ายได้เหมือนที่พวกเราตบยุง  แค่นี้มันน่ากลัวไหมล่ะ...คิดดู  แล้วไหนจะบ้านป่าเมืองเถื่อนที่เขากำลังกลับไปหานี่อีก  ไม่รู้ว่าตอนนี้มันจะเปลี่ยนไปถึงไหนแล้ว  จะทางดีทางร้าย  จะเถื่อนกว่าเดิมหรือน้อยกว่าเดิมก็ไม่อาจทราบได้

     

     

    แต่?!จะไปกลัวทำไม...ในเมื่อความเถื่อนกับความน่ากลัวของจริงมันก็อยู่ใกล้ๆตัวเขานี่แหละ ToT)

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     


     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    VROOMMMM!!!
    VROOMMMM!!!


        “มองเมียกูอีกที...มึงโดนควักลูกตาแน่!

       

        “โหหห...ลูกพี่  นานๆจะมีของสวยๆงามๆมาให้มอง”


         “มึงรีบๆออกรถได้แล้ว...เมียกูร้อน!


         ไม่ใช่แค่ร้อนเท่านั้น...แต่มันยังรู้สึกเพลียและอยากพักผ่อนเต็มที  การเดินทางมายังประเทศที่ห่างไกลมันใช้เวลาอยู่หลายชั่วโมงกว่าจะถึงปลายทาง  เขาตื่นบนเครื่องบินสิบรอบ  ทานของว่างไปหลายอย่างก็ยังไม่ถึงสักที  แล้วพอมาถึงก็ยังต้องมาเจอสายตาของคนขับรถหรือลูกน้องของคุณไคมองอย่างกับจะกลืนกินอีก...แบบนี้มันน่าหงุดหงิดชะมัด!! 

     

         “ขับรถก็มองทางสิ  ถ้านายมองเราอีกทีนะ...เราจะให้คุณไคยิงทิ้งเลย!

     

         “โหดทั้งผัวทั้งเมียเลยนะคร้าบบบ!

     

         “คุณไค...”


         เมื่อคำขู่ไม่ได้ผล...มันก็ต้องฟ้องคนข้างกาย  สายตาเรียวสวยที่ส่งมาเหมือนคนพ่ายแพ้  ทำให้ไคต้องยกมือขึ้นมาลูบศีรษะทุยเป็นการปลอบขวัญ  ก่อนโอบกายบางเข้ามาแนบชิดและให้นอนซบไหล่เอาไว้จนกว่าจะถึงที่หมาย  เขารู้ดีว่าพวกลูกน้องมันกำลังคิดอะไร  มีของสวยงามมานั่งล่อตาล่อใจกันขนาดนี้...ใครบ้างที่จะไม่มอง  แต่ไคก็ทราบดีอีกเช่นกันว่าไอ้พวกลูกน้องมันก็รู้จักขอบเขต

     

    ของลูกพี่ก็คือของลูกพี่...และถ้ายังอยากอยู่ดีกินดีก็อย่าหาเรื่องใส่ตัว!!

     

         “พวกมึงเตรียมเรือหรือยัง?”

     

         “เตรียมแล้วพี่...น้ำมันก็เติมเรียบร้อยแล้ว”

     

          “ดี...”

     

         ออกเดินทางจากประเทศXXในช่วงค่ำ...มาถึงที่นี่ก็ใกล้เที่ยงพอดี  และถ้าได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือกินอะไรสักมื้อก่อนออกเรือมันก็น่าจะทันเวลาที่พระอาทิตย์ตก  ในฤดูกาลที่อากาศร้อนในตอนกลางวัน  แต่พอถึงช่วงพลบค่ำ...อากาศกลับเย็นสบายพร้อมการนอนดูพระอาทิตย์ตกมันคงทำให้คนที่เขานั่งกอดอยู่ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง

     

     

         เซฮุน...คงไม่ยอมนอนอยู่ในท่าเรือแน่ๆเพราะด้วยสภาพของสิ่งปลูกสร้างที่มีแต่สังกะสี  ไม้เก่าๆผุๆพังๆ  แถมยังไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรเลย  คุณหนูอย่างโอเซฮุนจึงไม่มีทางนอนพักผ่อนอยู่ที่ท่าเรือแน่ๆ  ไคจึงบอกให้ลูกน้องเตรียมเรือเอาไว้และต้องล่องไปยังแม่น้ำในส่วนที่ไม่อันตราย  แต่?มันจะถูกใจคุณหนูตัวป่วนหรือไม่ก็คงต้องไปลุ้นเอา

     

         “เออพี่...ผมรับลูกน้องมาใหม่คนนึง  ผมบอกไว้ก่อนนะพี่  เพื่อพี่ไม่ชอบขี้หน้ามัน”

     

         “แล้วทำไมกูต้องไม่ชอบ?”


         “ผมก็เดาๆเอา...ลูกพี่ไปเห็นเองละกัน  ผมแค่บอกไว้ก่อน”

     

          ใช่ว่ายกท่าเรือคิมให้ดูแล...แล้วเขาจะทำอะไรก็ได้  ไคยังเป็นลูกพี่ของพวกเขาเสมอ  ที่มีกินมีใช้  มีงานทำมีเงินอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะท่าเรือคิมทั้งนั้น  เขาจึงอยากแจ้งให้ไคทราบทุกเรื่องก่อนที่จะไปเห็นเองกับตา  พวกลูกน้องรู้ดีว่าไคเก่งมากแค่ไหนหรือลูกพี่ชานมีความสามารถอะไรก็รู้ทั้งหมด  พี่ชานดูเหมือนจะเป็นคนตลก  พูดคุยง่าย  ไม่เรื่องมาก  แต่?!ถ้าได้ลงมือก็คือตายสถานเดียวจริงๆ  ด้วยรูปร่างที่ใหญ่  กำลังมือบีบเพียงเล็กน้อย..ก็สามารถทำให้กระดูกแตกได้เลย

     

    ส่วนเจ้าของท่าเรือคิม...ถ้าได้จับปืนหรือยิงใครสักคนก็อย่าหวังว่าจะรอดชีวิต

     

         “แล้วของที่กูสั่ง...มึงเอามาด้วยหรือเปล่า?”

     

         “อยู่นี่ลูกพี่...กระสุนเต็ม  ของสำรองอยู่กระเป๋า”

     

    คลิ๊กกก!!

     

         เมื่อขับเข้ามาในพื้นที่ที่ไร้การควบคุม...อาวุธประจำกายก็ต้องถูกไถ่ถามและต้องตรวจเช็กให้ละเอียดแม้ลูกน้องจะทำตามที่สั่งเอาไว้ก็ตาม  ไคเริ่มเอานิสัยการเชื่อใจตัวเองมากกว่าคนอื่นมาใช้ทันทีเมื่ออยู่ในที่ที่ไร้ซึ่งการปกครอง  เขตของพวกเขาไม่ค่อยมีเจ้าหน้าที่เข้ามายุ่มย่ามเนื่องจากไม่สามารถทำเงินหรือเอาเกียรติมาเชิดหน้าชูตาได้  และที่เป็นแบบนี้...มันจึงทำให้พวกเขากลายเป็นคนบ้านป่าเมืองเถื่อน

     

         “คุณไค...เราขอลองทำแบบนั้นบ้างได้ไหม?”


         “ไม่ใช่ของเล่นนะคุณ...”

     

         “โอเค...เราไม่ลองก็ได้”

     

           เสียงการตรวจเช็กสภาพปืนกระบอกโตที่ดัง “คลิ๊กๆ ๆ” อยู่ข้างหู  ทำให้เซฮุนอยากเรียนรู้เมื่อต้องเข้ามาอยู่ในบ้านป่าเมืองเถื่อน  แต่!เสียงเข้มๆพร้อมสีหน้าที่ดูจริงจังของคุณไคก็พาให้ไม่อยากรู้จะดีกว่า  และคำเตือนของเจ้าถิ่นก็คือสิ่งที่เซฮุนไม่อาจโต้เถียง  เขาจำได้ว่าการต่อปากต่อคำหรือการไม่เชื่อคำเตือนของคุณไคมันเคยส่งผลต่อตัวเองเช่นไร

     


             “ถ้าถึงแล้วก็อยู่ใกล้ๆผมไว้ตลอด...เข้าใจไหม?”  ตรวจสอบปืนว่าพร้อมใช้งานเรียบร้อยก็วางไว้ข้างกายพร้อมกับเอ่ยเตือนคนต่างถิ่นที่อาจไม่ทันระวังตัว  แต่.....??


              “ใกล้แค่นี้...หรือใกล้แค่นี้ล่ะคุณไค?”  แกล้งขยับเข้าไปใกล้ๆและขยับเข้าไปอีกจนแถบจะนั่งลงไปบนตักกว้างก่อนมอบรอยยิ้มพาให้ใครบางคนรู้สึก....


              “เดี๋ยวจะโดนนะคุณ”  ทำเสียงเข้มไปอย่างนั้น...ทั้งๆที่ในใจก็อยากจะบีบริมฝีปากที่ช่างเจื้อยแจ้วด้วยความมันเขี้ยว


              “ฮ่า  ฮ่า...รู้แล้วน่าาา”  ทำหน้าทะเล้น...ก่อนเอนกายซบไหล่หนาพร้อมเสียงหัวเราะที่ทำให้ทั้งลูกพี่ลูกน้องมีรอยยิ้ม

     

     

    รู้...แต่ก็ยังทำเป็นเล่น  มันน่าจับตีก้นจริงๆ!!

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    แกร๊กกก!!

     

         “เอาของทั้งหมดไปไว้บนเรือ...เดี๋ยวกูกับเซฮุนทำธุระส่วนตัวเสร็จก็จะออกเรือเลย”

     

          “ครับลูกพี่  //  เฮ้ยยยย!!...พวกมึงมาขนของไปไว้บนเรือ”

     

         เมื่อเดินทางมาถึงที่หมาย...อาวุธประจำกายก็ถูกวางลงบนเก้าอี้ไม้เก่าๆก่อนว่างสัมภาระสำคัญไว้บนโต๊ะตัวใหญ่  และห้องนอนของไคยังคงสภาพเดิมไม่เปลี่ยนแปลง  ขอบคุณพวกลูกน้องที่ไม่ถือวิสาสะเข้ามาใช้ประโยชน์ในพื้นที่ส่วนตัว  อาจมีบ้างที่ของถูกย้ายหรือวางไม่เป็นระเบียบ  แล้วทุกๆอย่างก็เหมือนจะถูกทำความสะอาดอยู่เป็นประจำ

     

         “อยากอาบน้ำก่อนออกเรือไหม...เดินทางมาทั้งวันเหนียวตัวแย่?”

     

         “อยากอาบในแม่น้ำตอนออกเรือไปแล้วมากกว่า...ที่นี่มีแต่คนมอง  เราไม่ชอบเลย”

     

         “งั้นก็เช็ดตัวแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า...ชุดนี้ไม่เหมาะจะออกเรือ”

     

         “โอเค...”

     

         ไม่อยากถาม...ไม่กล้าเถียง  สั่งให้เช็ดตัวก็ทำ  บอกให้เปลี่ยนเสื้อผ้าก็รีบเปลี่ยน  กระเป๋าสัมภาระถูกรื้อหาชุดที่เหมาะกับการออกเรือ  ทั้งเสื้อเชิ้ต  กางเกงยีนส์  รองเท้าบูทและห้ามฉีดน้ำหอมโดยเด็ดขาด  เซฮุนถอดชุดเก่าออกจากร่างกาย  ทิชชู่เปียกที่เอาไว้ใช้สำหรับการเช็ดตัวแบบฉุกเฉินก็ถูกดึงออกมาทีละแผ่น  ทีละแผ่นก่อนลูบไปตามผิวเนื้ออย่างแผ่วเบา 

     

    แต่....?

     

             “เซฮุน...”

     

             “อะไรอี......ก!!

     

             “ชู่ววววว!!


             “..............??”

     

              “เอามือปิดหูไว้  เดี๋ยวนี้!

     

              เหมือนเล่นทายคำหรือการบอกใบ้...เพราะทุกประโยคที่คุณไคเอ่ยออกมาคือการพูดโดยไม่มีเสียง  แถมยังให้อ่านปากเอาเองเท่านั้น  และเมื่อสิ้นการเรียกชื่อพร้อมส่งสัญญาณให้เขาเงียบเสียงหรือหยุดการไถ่ถาม  สองมือเรียวก็รีบยกขึ้นมาปิดหูทันที  แล้วต่อด้วย.........

     

    ปังงงงงงง!!!!

     

              “คุณไค!!

     

    คลิ๊กกกก!!!

     

              “อย่าหันมามอง!!

     

    ปังงงงงงง!!!

     

               (ลูกพี่!!)


         2 นัด...ตายคาที่และไม่จำเป็นต้องมีนัดที่สาม  ในระยะไม่ถึงสองฟุต  เจ้าของสายตาที่มองผ่านเข้ามาทางช่องไม้ที่แตกเพื่อแอบดูคนของเขาเปลี่ยนเสื้อผ้า  ก็ถูกกระสุนปืนลูกซองเจาะกะโหลกจนเละอยู่ข้างผนัง  ไคเห็นความผิดปกติตั้งแต่เดินเข้ามาในห้องจนถึงช่วงที่เซฮุนเริ่มถอดเสื้อผ้า  และเจ้าของสายตาคู่นั้นก็ยังไม่ยอมถอยออกไป...เขาจึงจำเป็นที่ต้องทำเช่นนี้เพราะไม่อยากให้เซฮุนตกอยู่ในอันตราย

     

         “เอาศพมันไปทิ้งนอกเขตกู...”

     

         “ต้องยิงเลยเหรอลูกพี่?”

     

          “มันเป็นคนของเขตXX...มึงรับมันเข้ามาทำงานแต่เสือกไม่ตรวจสอบให้ดี”

     

         คนของใคร...เขตของใคร  เจ้าของท่าเรือจำได้หมด  ถึงแม้จะไม่ได้กลับมาที่นี่หลายเดือนก็ใช่ว่าจะจำไม่ได้  แล้วไอ้คนที่เพิ่งถูกยิงตายก็เป็นคนของเขตอื่นที่เข้ามาแฝงตัวเพื่อรอวันที่ท่าเรือคิมจะไร้เจ้าของ  ยิ่งเห็นเขาพาเซฮุนเข้ามาที่นี่ก็คงหวังว่าจะไปบอกคนในถิ่นของตัวเองและแอบติดตามไปตอนออกเรือจนอาจเกิดอันตราย...ซึ่งไคยอมให้มันเป็นแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด

     

    และการมาแอบดูเซฮุนเปลี่ยนเสื้อผ้าแบบนี้...ก็อย่าหวังว่าจะมีชีวิตรอดไปบอกคนอื่นต่อได้อีกเลย!!

     

          เจ้าของท่าเรือ...กวาดตามองพื้นที่ของตัวเองเพียงครู่เดียวก็รู้ว่าใครเป็นใคร  เขามาที่นี่ก็เพื่อตรวจสอบบางอย่างเท่านั้น  ทั้งลูกน้อง  ความเปลี่ยนแปลงของสถานที่  เรือมีเท่าไหร่  จำนวนคนของเขามีมากน้อยแค่ไหนหรือมีสิ่งใดที่ยังขาดตกบกพร่อง...ไคก็พร้อมที่จะแจ้งลูกน้องให้นำปรับปรุงเสมอ  แต่?!ทุกๆอย่างก็ไม่ได้มีความผิดปกติอะไรจนกระทั่งเขาพาเซฮุนเข้ามาพักที่ห้องนอน

     

          “คุณไค...ฮึกก!


          “หลับตาซะ...ไม่ต้องร้อง  คุณกอดผมไว้นะ  ผมจะอุ้มไปที่เรือ”

          

          “โอเค...”


           ไม่ได้อยากมีเรื่อง...หรือมีเหตุที่ทำให้คนในอ้อมกอดต้องเสียขวัญ  แต่ในเขตที่ไม่มีการควบคุมแบบนี้มันก็ต้องใช้วิธีแบบนี้เท่านั้น  เขารู้ว่าเซฮุนไม่มีทางชินชากับเรื่องที่ดูโหดร้ายเช่นเมื่อครู่  สองแขนจึงต้องรีบโอบกอด  สองมือจึงต้องรีบเข้าไปประคองและต้องเอ่ยคำที่ทำให้คนต่างถิ่นรู้สึกสบายใจ

     

         “พรุ่งนี้สายๆกูจะกลับมาที่นี่...แล้วอย่าให้มีเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก”

     

         “ขอโทษครับลูกพี่...คราวหน้าคราวหลังผมจะระวังให้มากกว่านี้ครับ”

     

          “ถ้ามึงยังอยากมีเงินใช้มีที่ทางทำมาหากิน...มึงต้องรอบคอบให้มากกว่านี้  เพราะถ้าที่ของกูตกไปเป็นของเขตนั้นเมื่อไหร่  มึงก็ต้องตายเหมือนไอ้เชี่ยนั่น  จำไว้!

     

          “ครับ ๆ ๆ ๆ...”

     

          หน้าซีด...ยิ่งกว่าเนื้อไก่ดิบกับของสดที่เตรียมไว้ให้ลูกพี่ออกเรือ  และเสียงเข้มๆที่เอ่ยเตือนเช่นนั้นก็ยิ่งทำให้ใบหน้าของลูกน้องเกือบทุกคนซีดลงไปกว่าเดิม  เพราะถ้าไม่กล้าตัดสินใจหรือไม่กล้าทำอย่างที่ไคแสดงให้เห็นเมื่อครู่...ท่าเรือคิมคงไร้ซึ่งเจ้าของที่แท้จริงและถูกเปลี่ยนมือไปเป็นคนของเขตอื่นในสักวัน

     

    ...

     

     

    ...

     

    แกร๊กก!

     

         “คุณไคบาดเจ็บหรือเปล่า?”

     

         “ไม่...แล้วคุณล่ะ ปวดหูไหม  บาดเจ็บตรงไหนไหม??”


          “ไม่...แต่ตกใจมากกว่า  แล้วคุณไคยิงผู้ชายคนนั้นทำไม?”


          ถูกอุ้มขึ้นเรือมานอนพักจนได้สติ...ก็รีบเปิดประตูออกมาตามหาคุณไคด้วยความเป็นห่วง  เสียงปืนยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาท  และดีที่ถูกเตือนให้เอามือปิดหู  ไม่อย่างนั้น...หูได้แตกไปพร้อมๆกับสมองที่กระจายอยู่บนฝาไม้ผุๆข้างผนัง 


         “มันแอบดูคุณเปลี่ยนเสื้อผ้า...แล้วมันก็เป็นคนของเขตอื่นด้วย  ถ้าผมไม่ยิงมัน  มันอาจกลับไปบอกคนอื่นให้มาจับตัวคุณก็ได้”

     

         “ประเทศคุณมันอันตรายจริงๆ...”

     

          “พูดแบบนี้...คงอยากกลับบ้านแล้วสิ  ไหนบอกว่าอยากมาออกเรือ?”

     

          “ก็ออกอยู่นี่ไง...ใครจะอยากจะกลับล่ะ”


          “แล้วอยากอาบน้ำเลยไหม...ผมหยุดเรือไว้พอดี”

     

          “อาบด้วยกันนะ...เรากลัว”

     

          “ได้สิ...”


          บอกเลยว่าไม่ต้องกลัว...ทริปนี้เขาแค่อยากกลับมาดูธุรกิจของตัวเองและพาเซฮุนมาผ่อนคลายตามประสาลูกคุณหนู  แถมเขตนี้ก็เป็นเขตที่มีเจ้าหน้าที่อยู่อย่างแน่นหนาเพราะเป็นเขตที่ทำเงินให้ประเทศได้มากกว่าเขตของเขา  ผู้คนที่สัญจรไปมาก็ไม่ได้โหดร้ายเหมือนอย่างที่เคยเจอ  และสิ่งที่น่ากลัวก็คงจะเป็น....

     

          “อ๊ะ!!...คุณไค  อย่านะ ไม่เอา!

     

    ตู้มมมมมม!!!

     

         “ผมไม่พาคุณไปตายหรอกน่าาา”

     

         “ถ้าจะตายก็ตายพร้อมกันนี่แหละ...กระโดดลงมาได้  ตกใจหมด”

     

         ถูกอุ้ม...ก่อนกระโจนลงน้ำที่แสนเย็นเฉียบ  แถมบรรยากาศโดยรอบที่เงียบสนิทก็ทำให้เสียงโวยวายของคุณหนูตัวป่วนดังก้องไปทั่วทั้งป่า  สองมือเรียวรีบคล้องลำคอหนาเอาไว้ไม่ยอมปล่อย  สองขาก็คอยแต่จะขยับเคลื่อนอยู่ใต้ผิวน้ำ  พระอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำลงมาเรื่อยๆ  แสงสีส้มบนท้องฟ้าก็สะท้อนลงมาบนผืนน้ำจนกลายเป็นสีเดียวกัน  และ...ริมฝีปากสีหวานก็ถูกครอบครองจนไม่อาจต่อต้าน


         “ขึ้นไปบนเรือกันเถอะ...”

     

          ไร้เสียงตอบรับ...และยอมเดินขึ้นเรือตามคำสั่งเจ้าของเสียงเข้ม  เซฮุนนอนทอดกายอยู่บนแผ่นไม้ที่ท้ายเรือ  ร่างที่เปียกชื้นพาให้เสื้อผ้าแนบไปกับลำตัวจนเผยให้เห็นทุกสัดส่วนได้อย่างชัดเจน  ผิวขาวเนียนพร้อมเรียวขายาวมันเหมือนว่าจะล่อตาล่อใจคุณไคเสียจริง  เขาไม่แปลกใจเลยที่ใครๆก็มองเซฮุนแบบไม่ละสายตา  ซึ่งตอนนี้...เขาก็เป็นแบบนั้น

     

    จุ๊บบ!

     

         “คุณไคมีความสุขไหมที่ได้กลับมาที่นี่?”  ไม่ถามอย่างเดียวเพราะขอฝากรอยจูบไว้บนสันกรามคมก่อนเอ่ยความในใจ

     

         “มีความสุขที่มีคุณกลับมาด้วยมากกว่า...”  ตอบตรงๆและเป็นคนตรงๆมาตั้งแต่ไหนแต่ไร  เขามีความสุขจริงๆที่ได้กลับมาที่นี่เพราะเป็นบ้านเกิด  มันเหมือนได้มาปลดปล่อยความอึดอัดในใจออกไป  แต่ถ้ามาคนเดียวก็คงจะมีความสุขไม่มากเท่านี้

     

    ฟอดดด!!

     

          กายหนา...กักกันเจ้าของรอยจูบไว้ด้วยสองแขน  ปากหยักขอฝากแรงสัมผัสไว้ที่แก้มเนียน  ลำคอขาวและไล่เลื่อนลงมาจนถึงหัวไหล่มน  เสื้อผ้าเริ่มอยู่ไม่ครบชิ้น  แล้วววว...ไม่ต้องเอ่ยคำใดก็รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ 

     

         “อื้มม...

     

         แรงสัมผัสเริ่มเปลี่ยนมาเป็นแรงปรารถนา...และกลายมาเป็นความต้องการที่ต้องรีบสานต่อ  จากเสียงโวยวายตอนถูกอุ้มลงไปในน้ำก็เปลี่ยนมาเป็นเสียงร้องน่าอายเมื่อถูกปลุกปั่น

     

          “อ๊ะ!!

     

          กายสวย...ขยับสอดรับเมื่อส่วนเติมเต็มมันพร้อมที่จะให้คุณไคเข้ามาลุกล้ำ  แผ่นหลังกว้างคล้ายว่าจะเป็นรอยข่วนเมื่อการเชื่อมต่อถูกประสานจนเป็นหนึ่งเดียว  การเดินทางที่แสนไกลเหมือนจะไม่ได้ทำให้สองร่างเปลือยเปล่ารู้สึกเหนื่อยล้า  แถมการทำเช่นนี้นอกสถานที่ก็ยิ่งเป็นตัวปลุกเร้าอารมณ์ไปเสียอย่างนั้น 

     

          “ซี้ดดด...เซฮุน!!

     

         เสียงลมที่พัดผ่าน  ใบไม้ที่ไหวเอน  สายน้ำที่ไหลเอื่อยๆ...บรรยากาศรอบๆกายก็เหมือนจะเป็นตัวช่วยให้บทรักดูมีสีสันมากกว่าที่เคยเป็น  จากที่เคยนอนเตียงนุ่มๆก็มานอนทอดกาย  ทอดอารมณ์และขยับความไหวซ่านอย่างไม่นึกว่าตรงนี้คือพื้นไม้บนเรือขนาดย่อม

     

          “คุณคะ...ไค  อ๊ะ!

     

         ถ้างูเลื่อยเข้ามาในเรือตอนนี้ก็คงต้องเลื่อยกลับไป...เพราะงูใหญ่ของคุณไคมันกำลังทำให้เซฮุนกรีดร้องจนเหมือนว่าใจจะขาด  การขยับถี่กระชั้น  การยกความกลมกลึงให้ลอยอยู่เหนือพื้นไม้  การจูบเลียเรียวขาสวยก่อนฝากรอยไว้จนเกิดสีระเรื่อ  แต่ละอย่างที่คุณไคทำอยู่ตอนนี้...มันพาให้รู้สึกปั่นป่วนในช่องท้อง 

     

     

    คุณไค...พาคุณหนูเซฮุนมาออกเรือหรือพามาสวนสนุกกันแน่นะ?

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     


     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    100%

    Cr. ภาพในตอนพิเศษ : Diep An

     

    Talk.

    แต่นแต๊นนนนนนน!!  ตอนพิเศษมาอีกแล้ววววว ^O^)/

    สนุกไหมค่ะ...เราหวังว่านักอ่านจะHappyyyy++

    แล้วเจอกันในตอนพิเศษเรื่องอื่นๆนะคะ 

    รัก

    #ออกเรือKH

               

     

     
    T
    B
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×