ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จบแล้ว(EXO) HIDE (Kaihun)

    ลำดับตอนที่ #6 : หก

    • อัปเดตล่าสุด 1 มิ.ย. 64




    6.

     

     

    ปึ่กกก!!

     

                เสียงปิดตู้เย็น...พร้อมการเก็บของสดของคาวเรียบร้อยคือสิ่งที่เจ้าของปราสาทต้องรีบทำก่อนของพวกนั้นจะเสีย  การทิ้งทุกอย่างไว้ชั้นล่างกลายเป็นสิ่งที่ทำให้ไคต้องเร่งมือเพราะเกรงว่าผักหรือเนื้อสัตว์ต่างๆจะเสียหาย  ส่วนของอย่างอื่นที่จำเป็นต้องซื้อมาเพิ่มก็จะนำไปเก็บไว้ที่ห้องนอน

     

    แต่....!!?

     

                “เดี๋ยวก็หกล้มไปทั้งคู่...”

     

                กว่าจะปลอบขวัญ  กว่าจะได้เก็บของและกว่าจะทำทุกอย่างเสร็จสิ้น  เขาเกือบจะหกล้มหัวทิ่มก็หลายครั้งเพราะเด็กแกล้งใบ้เอาแต่เกาะแข้งเกาะขาหรือคอยตามติดเขาไปทุกที่  ลงไปเก็บของชั้นหนึ่งก็ตาม  ขึ้นมาเก็บของใส่ตู้เย็นที่ชั้นสองก็ยังตาม...แล้วตอนนี้กางเกงยีนส์ตัวเก่งก็คงใกล้จะขาดเนื่องจากมีมือน้อยๆคอยเกี่ยวหูกางเกงของเขาเอาไว้ตลอดเวลา  ขายาวสมส่วนต้องค่อยๆก้าวขึ้นไปที่ชั้นสามพร้อมถือถุงกระดาษติดมือมาด้วย

     

                “ปล่อยก่อน...ฉันมีของจะให้”

     

                “อะไร?”

     

                “อะไรครับ...พูดเพราะๆ  พูดกับผู้ใหญ่ต้องพูดเพราะๆ  เข้าใจไหม?”

     

                “...............”

     

                พนักหน้าเป็นการตอบรับ...เพราะมันเคยชินหรือไม่ได้พูดกับใครมานานหลายปี  และที่ต้องยอมเอ่ยปากพูดในวันนี้ก็ด้วยเหตุแห่งความกลัวทั้งนั้น  เพื่อนช่างไคเป็นตำรวจตัวใหญ่  แถมยังส่งเสียงดัง  แล้วก็จับเขาแน่นจนร่างกายแทบแตกเป็นเศษฝุ่น  ถ้าช่างไคมาช่วยไม่ทัน  ป่านนี้เขาอาจถูกจับกลับไปที่เดิม  น่ากลัวชะมัด!!!

     

                “นี่เสื้อผ้าของเธอ...ฉันซื้อมาให้  จะได้ไม่ต้องเอาเทปมาพันกางเกงเอาไว้”

     

                มือหนา...เทเสื้อผ้าลงไปบนเตียงเพื่อให้คนที่ยอมพูดบ้างพยักหน้าบ้างได้ลองสวมใส่  เขาตั้งใจซื้อตอนที่ไปห้างสรรพสินค้าเพราะเสื้อผ้าของเขามันคนละขนาดกับร่างกายของคนตรงหน้า  และการต้องใช้เทปพันกางเกงเอาไว้ตลอดเวลาก็ใช่ว่าจะดี  แล้วเรื่องกางเกงชั้นในก็สำคัญไม่แพ้ชั้นนอก

     

                “อ้าววว...ร้องไห้อีก  ร้องทำไมเนี่ย?”

     

                พูดได้ก็ไม่พูด...แถมการหยิบเสื้อ  คว้ากางเกงและเอามากอดไว้พร้อมทั้งน้ำตาก็เป็นกิริยาที่พาให้คนซื้อถึงกับทำอะไรไม่ถูก  ไคได้แต่ยืนนิ่งเหมือนถูกสาปเพราะไม่เคยเห็นใครที่ดูน่าหดหู่มากเท่านี้มาก่อน  การหยิบเสื้อยืดมาดูทีละตัว  หยิบกางเกงมาทาบกับร่างกายและเอาทั้งหมดมากอดไว้คือสิ่งที่เด็กแสร้งใบ้ทำไปโดยไม่รู้ตัว  แล้วน้ำตาก็ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัวอีกเช่นกัน  ตั้งแต่จำความได้จนอายุเท่านี้  เขาก็ไม่เคยได้สวมเสื้อผ้าใหม่เลยๆสักครั้ง  เกิดมาจนก็ต้องรอคนบริจาค  ถูกจับไปก็ต้องรอเวลาขายถึงจะได้สวมชุดสวยๆ  แต่ครั้งนี้มันต่างไปจากทุกครั้ง

     

     

                เสื้อสีแดงลายการ์ตูน  เสื้อสีขาวลายท้องฟ้า  เสื้อสีน้ำตาลลายน้องแมวและอีกหนึ่งชุดที่เสื้อกับกางเกงเป็นลายทางสีชมพู  เซฮุนจำได้ว่ามันเรียกว่าชุดนอนเพราะในตลาดก็มีขาย  แต่เด็กบ้านนอกจนๆอย่างเขาจะซื้อชุดนอนไปทำไมในเมื่อแก้ผ้าก็นอนหลับได้  และกางเกงขาสั้น  กางเกงผ้ายืด  กางเกงชั้นใน  ทุกๆอย่างคือสิ่งที่ช่างไคซื้อให้เขา

     

                “ชอบไหมเซฮุน?”

     

                “ฮึกก!...ชอบครับ”

     

                “เก่งมาก...พูดเพราะด้วย  เด็กดี”

     

                “ขอบคุณ  ฮึกก!!...ครับช่างไค”

     

                ตอนนี้...ทั้งเสื้อผ้าทั้งช่างไคก็ถูกกอดรวมกันไปหมด  น้ำตาก็ยังคงไหลอาบแก้มเนียน  ใบหน้าเรียวก็ยังเปื้อนไปด้วยความตื้นตัน  แต่ก็ต้องเอ่ยคำสุภาพอย่างที่คนถูกกอดอยากให้พูด  ปากหยักขอยกยิ้มให้กับการกระทำหรือคำพูดแสนน่ารักเพราะถ้าให้เทียบกับสิ่งที่เห็นเมื่อครู่เขาขอถูกกอดแบบนี้จะดีกว่า  การที่เซฮุนเอาแต่ร้องไห้แล้วหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาเชยชมทีละตัว  ทีละตัว  มันเป็นภาพที่น่าหดหู่จนเขาต้องขอทิ้งสายตาเอาไว้บนพื้น  ความจนมันน่ากลัวจริงๆเพราะของเล็กๆน้อยๆมันก็ดูสำคัญมากสำหรับใครบางคน

     

                “แล้ววันนี้ไปทำอะไรมา...เสื้อผ้าฉันถึงได้เละขนาดนี้”

     

                “ปลูกต้นไม้ครับ...แต่ไม่รู้ว่าต้นอะไร”

     

                “ที่ไหน...เซฮุนออกไปข้างนอกมาเหรอ?!!

     

                เห็นเสื้อที่เซฮุนสวมอยู่เปลี่ยนเป็นสีฝุ่น  ไคจึงอดถามออกไปไม่ได้และคิดว่าเจ้าตัวคงหาที่ซ่อนเมื่อได้ยินเสียงแปลกๆจนเสื้อเปื้อน  แต่!!พอได้ยินคำตอบ...ใจมันก็ตกไปอยู่ที่ตาตุ่มเพราะคิดว่าเซฮุนออกไปปลูกต้นไม้นอกบ้าน  ซึ่งมันอันตรายมาก!!  เกิดพวกคนร้ายมันย้อนกลับมาและเด็กคนนี้ถูกจับตัวไปเขาจะทำอย่างไร?!!

     

                “หึ!...ไม่ได้ออกไป  ต้นไม้อยู่ชั้นสี่ครับ”

     

                โล่งอกโล่งใจ...เมื่อได้ยินคำตอบแบบนั้นและสองมือก็รีบกอดเซฮุนเอาไว้เหมือนกลัวหาย  มันทำไปโดยอัตโนมัติเพราะไคคิดว่าถ้าเด็กคนนี้หายไปจริงๆแล้วเขาจะไปตามได้จากที่ไหน??  ภาพที่เซฮุนถูกขัง  ถูกล่ามโซ่  ถูกจองจำหรือถูกขายเหมือนเป็นสินค้ามันลอยวนเวียนเข้ามาในหัวจนไม่อยากให้เรื่องแบบนั้นมันเกิดขึ้นอีก

     

                “ต้นไม้อะไรจะอยู่ชั้นสี่?”

     

                “ไม่รู้ต้นอะไร...แต่มีต้นไม้เยอะเลยครับ  มีบ่อน้ำด้วย  ห้องเป็นกระจกมองเห็นปราสาทได้ทั่วเลย”

     

                “จริงเหรอ...พาฉันไปดูหน่อยสิ!?”

     

                “ขอซักเสื้อก่อนได้ไหมครับแล้วค่อยไป...เซฮุนอยากใส่ชุดนอนคืนนี้”

     

                “บ้าเห่อจริง...เออๆ ไว้วันหลังก็ได้”

     

                “ช่างไคก็ปล่อยสิครับ...เซฮุนจะไปซักเสื้อแล้ว”

     

                กอดกันอยู่นาน...พูดคุยกันอยู่นานและอยากให้เป็นแบบนี้ไปนานๆ  แต่คนที่เริ่มพูดได้อยากซักชุดนอนไว้ใส่คืนนี้มากกว่า  กายหนาคลายวงแขนที่โอบกระชับร่างน้อยๆเอาไว้  สายตาคมจ้องมองคนที่หายเข้าไปในห้องน้ำพร้อมกับเสื้อผ้าชุดใหม่  และความสุขที่ฉายอยู่ในแววตาคู่นั้นก็พาให้ช่างไคพลอยมีความสุขไปด้วย  แล้วการแทนตัวเองของเด็กแสร้งใบ้ว่าเซฮุนอย่างนั้นเซฮุนอย่างนี้...ก็เป็นอีกหนึ่งความสุขของคนฟัง

     

    ตอนเป็นใบ้ว่าน่ารักแล้ว...ตอนนี้ยิ่งน่ารักขึ้นไปอีก !!!

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    ครืดดด ๆ ๆ!!!

     

                “ปล่อยมือเลยเซฮุนนน!!....”

     

                “ครับบบ!!

     

                “หยิบน็อตมา”

     

                ห้องกระจกที่ชั้นสี่...เป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องขึ้นไปดูในตอนนี้เพราะปราสาทเก่าๆมันต้องเริ่มซ่อมแซมก่อนที่ฤดูฝนจะทำให้งานซ่อมกลายเป็นเรื่องยาก  เสียงของเลื่อยยนต์  เสียงของการออกคำสั่งหรือจะเป็นเสียงของเครื่องมือต่างๆ  ทุกอย่างคือสิ่งที่ช่างไคต้องรีบจัดการ  ของมีพร้อมตั้งแต่เข้ามาสำรวจพื้นที่ไว้เมื่อหลายวันก่อน  ทั้งไม้อัดทั้งเครื่องไม้เครื่องมือหรือจะเป็นลูกมือที่คอยช่วยเขาอยู่ตอนนี้มันก็พร้อมไปหมด

     

                “เซฮุนดูนี่นะ...ฉันจะใส่ตัวล็อคเอาไว้ตรงนี้  มันจะเปิดได้ปิดได้แบบนี้  ถ้าเซฮุนอยู่ในบ้านก็ต้องล็อคเอาไว้ตลอดไม่ต้องเปิด”

     

                “ก็ล็อคให้หมดเลยไม่ได้เหรอครับ?”

     

                “ฉันทำไว้ให้เธอหนี...เผื่อมีคนเข้ามาทำร้ายเธอตอนฉันไม่อยู่  เธอจะได้หนีทัน”

     

                “ละ...แล้วช่างไค  ฮึก!! จะไม่มาช่วยเซฮุนเหรอ?”

     

                “ไม่เอาไม่ร้อง...อย่าเพิ่งร้อง  ฟังฉันพูดให้จบก่อน  ชู่ววว!

     

                “ฮึกก!!....”

     

                จำเป็นต้องละมือจากเลื่อยยนต์...และรีบเข้ามากอดเด็กขี้แยเอาไว้ด้วยความรวดเร็วเพราะสิ่งที่เขาตั้งใจทำให้มันกลับกลายเป็นเรื่องเข้าใจผิด  ช่องประตูที่เซฮุนเคยมุดเข้ามาจนได้แผลกำลังถูกปรับเปลี่ยนให้สามารถเปิดปิดได้เหมือนทางเข้าออกของสัตว์เลี้ยง  ไคเห็นแล้วว่าประตูที่แตกเคยเป็นที่ที่ให้สัตว์บางชนิดใช้เข้าออกได้อย่างสะดวก  และช่องประตูตรงนี้ก็ทำให้เขาทราบว่าเจ้าของปราสาทคนเก่าอาจเคยเลี้ยงสุนัขที่มีขนาดใหญ่มาก

     

                “ฉันทำเผื่อไว้เฉยๆ...เพราะบางวันฉันต้องออกไปทำงาน  แต่ถ้าวันไหนไม่มีงานฉันก็อยู่ที่นี่  อยู่กับเธอทั้งวันไม่ได้ไปไหน”

     

                “ฮึกกก...กกก!!

     

                “อย่างวันนี้...ตอนที่ตำรวจมาเธออาจหนีทันถ้าฉันซ่อมประตูเสร็จตั้งแต่แรก”

     

                “ไม่ทันหรอกครับ...ตำรวจคนนั้นตัวใหญ่เป็นยักษ์เลย  แรงก็เยอะ”

     

                “เอาเป็นว่า...ประตูนี้ฉันทำไว้ให้เธอวิ่งหาที่ซ่อน  ยิ่งมีทางออกเยอะก็ยิ่งดี  เธอจะได้ไม่ถูกจับตัวไปง่ายๆ”

     

                “ถ้าถูกจับ...ช่างไคต้องมาช่วยเซฮุนนะ  มาให้ได้เลยนะ”

     

                “ไม่เอาสิ...ไม่พูดแบบนั้น  ไม่มีใครมาจับตัวเธอได้แน่นอน”

     

                ใครบังอาจมาจับเด็กคนนี้ไปอีกครั้ง...ช่างไคขอสาบานเลยว่าจะฆ่าให้หมด  ยิ่งบริเวณตรงนี้เป็นพื้นที่ของเขา  แถมยังไกลหูไกลตาผู้คน  ทางเข้าทางออกก็มีแค่ทางเดียว  นอกนั้นก็เป็นป่าและมีต้นไม้ขึ้นอยู่โดยรอบ  แล้วการจะฆ่าคนเลวๆฝังไว้ใต้ปราสาทมันก็คงไม่มีใครมาสนใจหรอก...ว่าไหม?  อย่าทำให้เขาไม่มีทางเลือก  อย่าทำให้เขาเหมือนหลังชนฝา  อย่าทำให้ช่างไคคนนี้กลายร่างเป็นสิ่งที่ใครๆก็ไม่อยากเจอ!!

     

                “เซฮุนสบายใจแล้วครับ...เรารีบซ่อมประตูให้เสร็จกันเถอะเพราะใกล้จะค่ำแล้ว  เดี๋ยวเซฮุนจะไปทำกับข้าวให้ช่างไคด้วย”

     

                คราบน้ำตาบนแก้มนุ่มกับรอยยิ้มที่ฟ้องได้ถึงความสบายใจ...ทำให้ช่างไคต้องยอมคลายอ้อมกอดและต้องเริ่มเก็บงานให้เรียบร้อยอีกครั้ง  มือหนาเกลี่ยสิ่งที่เคยเศร้าโศกออกจากใบหน้าขาวพร้อมยิ้มรับให้กับประโยคสุดท้าย  “เซฮุนจะไปทำกับข้าวให้ช่างไค”  มันฟังลื่นหู  มันได้ยินแล้วชื่นใจ  แล้วมันก็ทำให้หายเหนื่อยอย่างบอกไม่ถูก

     

                “เธอทำกับข้าวอะไรเป็นบ้าง?”

     

                “ช่างไคอยากกินอะไรล่ะครับ?”

     

                “วันนี้อยากกินไก่ทอดกับผัดอะไรก็ได้เผ็ดๆ...ของสดมีครบนะ  ฉันซื้อมาแล้ว”

     

                “ได้ครับ....เซฮุนทำได้  ง่ายจะตาย”

     

                “แล้วฉันจะรอกิน...”


                คนหนึ่ง...กำลังทยอยเก็บเครื่องมือต่างๆอย่างไขควง  น็อตและตะปูลงกล่องเหล็กด้วยความตั้งใจ  ส่วนอีกคนก็กำลังยิ้มให้กับความน่ารักของเด็กตัวขาวเพราะเมื่อบอกว่าอยากกินอะไรก็ได้กินตามนั้น  ช่างไครีบประกอบประตูให้เข้ารูปเข้ารอย  บานพับสแตนเลสก็รีบใส่น็อตให้ครบทุกตัวพร้อมทดสอบความแข็งแรงด้วยการทุบและขยับกลอนกับตัวล็อคไปมาอยู่หลายครั้ง 

     

                “ทำแบบนั้นก็พังสิครับ”

     

                “ฉันทุบแรงขนาดนี้ประตูยังไม่เป็นอะไรเลย...เพราะฉะนั้นพวกคนร้ายก็จะเข้ามาจับเซฮุนไม่ได้เหมือนกัน”

     

                “จริงเหรอครับ?”

     

                “จริงสิ...เซฮุนดูนี่นะ  ฉันจะออกไปข้างนอก  แล้วเธอก็ล็อคตรงนี้กับตรงนี้  ลองดู”

     

                การทำหน้าที่เป็นลูกมือ...ต้องหยุดเอาไว้ชั่วคราวเพราะตอนนี้เด็กตัวขาวต้องลองทดสอบบางอย่างเพื่อความแน่ใจ  หนุ่มผิวเข้มรีบออกไปยืนอยู่ด้านนอก  เซฮุนก็ค่อยๆล็อคกลอนทุกตัวจากด้านในรวมถึงช่องประตูขนาดพอดีตัวที่ช่างไคทำไว้ให้เขาโดยเฉพาะ

     

    ปึ่กกก ๆ ๆ!!!

     

                “เข้าไม่ได้...ช่างไคเข้าไม่ได้จริงๆด้วย!!

     

                “เซฮุนนน!!..รอบนี้ไม่ต้องล็อค  ฉันจะลองมุดช่องประตูให้ดู”

     

                “ครับ!!

     

                ต้องใช้การตะโกนเพื่อสื่อสาร...เพราะคนหนึ่งอยู่ด้านในอีกคนอยู่ด้านนอก  และเมื่อเซฮุนได้ยินคำสั่งเช่นนั้น  สองมือจึงรีบเปิดกลอนที่ช่องประตูพิเศษ  แล้วภาพที่เห็นก็คือช่างไคที่พยายามมุดเข้ามาแต่เข้าไม่ได้เนื่องจากขนาดร่างกายที่ใหญ่เกินไป  มันเข้าได้เพียงแค่ศีรษะและตั้งแต่ช่วงไหล่จนถึงปลายเท้ายังอยู่ด้านนอก  ซึ่งถ้าเขาปิดประตูกลับไปเหมือนเดิม...ผลก็คือหัวแตกแน่นอน!!

     

                “เห็นไหมว่าปลอดภัย...ไม่มีใครเข้ามาจับเธอได้หรอก”

     

                “เซฮุนลองบ้างได้ไหมครับ?”

     

                “เอาสิ...ฉันก็อยากเห็นเหมือนกัน”

     

                อยากลอง...แต่ไม่อยากออกไปยืนข้างนอก  เซฮุนจึงกึ่งปิดกึ่งเปิดประตูเอาไว้ก่อนก้มกายมุดช่องด้านล่างเพื่อทดสอบว่าขนาดร่างกายของตัวเองมันจะผ่านไปได้หรือไม่  และ...ตั้งแต่หัวจนถึงปลายเท้ามันก็ลอดผ่านไปมาได้สบาย

     

                “ขอบคุณครับช่างไค”

     

                รีบยกมือพนมก้มกราบ...เพราะสิ่งที่ช่างไคตั้งใจทำให้มันใช้ได้ผล  และถึงแม้มันจะเอาไว้ใช้หลบซ่อน  ใช้เป็นทางหนีหรือจะใช้เพื่อทำอะไรตาม  เซฮุนก็ต้องขอบคุณ  การถูกขังมานานหลายปีมันทำให้เด็กอย่างเขาทราบว่าไม่มีใครคอยช่วยเหลือเราได้ตลอดเวลาหรือสิ่งใดที่พอจะช่วยตัวเองได้ก็ต้องทำเพื่อการอยู่รอด  และถ้าเหตุการณ์ร้ายๆมันกลับมาอีก...ช่องประตูตรงนี้ก็คงทำให้เขาหนีพ้นอีกครั้ง


     

    แต่ถ้าจะให้ดี...ก็ขออย่าให้เรื่องร้ายๆมันเกิดขึ้นอีกเลย U_U )

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     


     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    แกร๊กกก!!

     

                “หึ....!!

     

                เสียงเปิดประตูห้องน้ำ...เสียงวิ่งตึกๆไปตามทางเดินพร้อมการหยิบชุดนอนที่แห้งแล้วมาสวมใส่อยู่หน้ากระจก  ทุกๆอย่างที่ช่างไคเห็นหรือได้ยินอยู่ในตอนนี้มันพาให้ยิ้มออกมาได้ง่ายเหลือเกิน  เรื่องผิวขาวๆ  เรื่องเอวบางๆพร้อมยอดอกสีหวานที่เดินผ่านสายตาไปเมื่อครู่ก็ไม่ได้ทำให้หัวใจจะวายเหมือนที่เคยเห็นครั้งแรกเพราะความใสซื่อของเด็กแสร้งใบ้  ความบ้าเห่อเสื้อผ้าชุดใหม่และการทาแป้งจนแก้มนุ่มๆเปลี่ยนเป็นสีขาว...สิ่งที่เป็นเซฮุนทั้งหมดมันน่ารักเกินจะบรรยาย

     

    แล้วมื้อเย็น...ที่มีเมนูเป็นไก่ทอดพร้อมปลาผัดพริกรสจัดจ้านก็อร่อยจนพุงแทบแตก

     

                “ช่างไคไปอาบน้ำสิครับ...จะได้ใส่ชุดนอนกัน  ช่างไคมีชุดนอนเหมือนเซฮุนไหม?”

     

                “ไม่มีหรอก...ฉันมีแต่แบบนี้”

     

                เสื้อยืดคอกลมกับกางเกงขาสั้น...คือสิ่งที่ทำให้เซฮุนต้องเอียงคอมองด้วยความสงสัยว่าทำไมช่างไคถึงไม่มีชุดนอนเหมือนเขา  ซื้อให้คนอื่นได้  แต่ทำไมไม่ซื้อให้ตัวเอง  ใช่แล้ววว!!...ช่างไคเคยบอกว่าไม่ค่อยมีเงิน  เราต้องประหยัด??!  มือบางรีบปลดกระดุมเสื้ออย่างรวดเร็วและการทำเช่นนั้นของเด็กตัวขาวก็ทำให้เจ้าของสายตาคมถึงกับโฟกัสไม่ถูกจุด  จะมองเตียง  มองหน้าต่างหรือจะมองเพดานก็มองไปก่อนเพราะถ้าให้มองเซฮุนตอนนี้...หัวใจได้หลุดออกมานอก-อกแน่ๆ

     

                “แบ่งกันครับ...ช่างไคเอาเสื้อไปใส่  เซฮุนมีกางเกงแล้ว  ไม่ต้องใช้เทปพันไว้ด้วย”

     

                จากที่หาจุดโฟกัสไม่ได้...ตอนนี้มันต้องโฟกัสไปที่คำพูด  โฟกัสไปที่มือน้อยๆที่ยื่นเสื้อสีหวานมาให้และโฟกัสความน่ารักที่มาพร้อมกับความใส่ซื่อ  ไครีบคว้าเสื้อลายทางสีชมพูมาจากคนตรงหน้าก่อนจะค่อยๆสวมมันกลับคืนให้เจ้าของและติดกระดุมให้ทีละเม็ด  ทีละเม็ด  ทีละเม็ด

     

                “ขอบใจนะ...แต่เธอใส่เถอะ  มันเหมาะกับเธอมากกว่า”

     

    ฟอดดด!!!

     

                อดไม่ได้ที่จะหอมแก้มนุ่ม...แม้แป้งฝุ่นจะติดมาพร้อมกับแรงสัมผัสก็ตามที  ความนุ่ม  ความหอม ความน่ารักที่เป็นเซฮุนมันพาลให้ช่างไคอดใจไม่ไหว  กระดุมเม็ดสุดท้ายถูกติดด้วยมือที่สั่น  สายตาคมก็เอาแต่สบจ้องอีกหนึ่งสายตาอย่างนึกหาคำตอบ  เขากลัวกว่าคนตรงหน้าจะโกรธ  เกรงว่าเด็กตัวขาวจะตกใจและขอโทษจริงๆที่ทำอะไรไปโดยไม่คิดให้ดี

     

                “แป้งติดจมูกเลยครับ...”

     

                “โกรธไหม...ฉันขอโทษ”

     

                “มะ...ไม่โกรธครับ”

     

                ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่โกรธ...แต่ที่รู้ก็คือตอนนี้มันร้อน  มันต้องเดินไปเปิดพัดลมและต้องเดินไปให้พ้นจากสายตาแบบนั้น  เซฮุนรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองร้อนวูบแปลก  มือบางจึงเร่งพัดลมไปที่เบอร์สามก่อนนำใบหน้าไปจ่อความเย็นเอาไว้  ความสับสนเกิดขึ้นในใจคนที่ไร้เดียงสา  แค่ถูกหอมแก้ม  แค่ถูกดูแล  แค่ถูกสายตาช่างไคจ้องมอง....หัวใจของเขาก็พลันเต้นแรงขึ้นมาทันที

     

                “ฉันไปอาบน้ำก่อนนะ...แล้วก็อย่าเปิดพัดลมแรงนัก  เดี๋ยวจะไม่สบาย 

     

                “...............”

     

                แสร้งใบ้ดีกว่า...เพราะไม่รู้ว่าจะตอบโต้อะไรกับคำตักเตือนเช่นนั้น  และได้แต่พยักหน้าซ้ำๆก่อนเปลี่ยนความแรงของพัดลมให้เป็นปกติ  ใบหน้ายังคงรู้สึกร้อนวูบแปลกๆ  หัวใจก็ยังคงเต้นตึกตักไม่ยอมหยุดและดีที่คนเป็นสาเหตุเดินเข้าห้องน้ำไปแล้ว  ไม่อย่างนั้น...พัดลมเบอร์แรงที่สุดก็คงไม่ช่วยให้หายร้อน  ดวงตาเรียวสวยเหล่มองประตูไม้ที่ปิดลง  สองขาก็ค่อยๆเดินกลับมาที่เตียงพร้อมได้ยินเสียงน้ำที่ไหลด้วยฝักบัวและกายบางก็เอนลงไปบนความนุ่มขนาดคิงไซส์

     

     

                รีบนอน...ก่อนที่คนหุ่นดีสมความเป็นชายจะออกมาจากห้องน้ำเพราะเซฮุนจำได้ว่าความกำยำมันต่างกันมากแค่ไหน  ทั้งช่วงไหล่ช่วงเอว  ทั้งหน้าท้องทั้งมัดกล้าม  ทุกๆอย่างที่ช่างไคมี...เขาไม่มีเลยสักอย่าง  มือบางยกขึ้นมาจับแก้มของตัวเองอย่างคนที่กำลังตกอยู่ในภวังค์  แรงสัมผัส  สายตาที่อ่านความหมายไม่ได้หรือจะเป็นรอยยิ้มเพียงมุมปาก...คิดแล้วก็พาให้หัวใจกลับมาเต้นแรงได้อีกครั้ง

     

    และ..........

     

                “เป็นอะไร...นอนไม่หลับเหรอ?”

     

                “.........!!!!

     

                ตกใจ...เมื่อเห็นช่างไคมายืนอยู่ข้างเตียงพร้อมกับเสียงที่เอ่ยถาม  อาบน้ำเสร็จเมื่อไหร่  แต่งตัวเสร็จเมื่อไหร่  แล้วมายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่???  กำลังตกอยู่ในภวังค์ที่หาคำตอบไม่ได้  เซฮุนจึงไม่ทันได้ยินหรือสังเกตว่าหนุ่มผิวเข้มอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว  ส่วนไคก็เห็นเด็กตัวขาวนอนลืมตาและเอามือจับแก้มของตัวเองไม่ปล่อย...เขาจึงอดที่จะถามเช่นนั้นไม่ได้

     

                “ฉันถามว่านอนไม่หลับเหรอ?”

     

                “เซฮุนยังไม่ง่วงครับ”


     

    ถ้ายังไม่ง่วง...ช่างไคก็จะไม่ง่วงเหมือนกัน ^^)

     

    ...

     

     

    ...

     


    พรึ่บบ!!!

     

                “แล้วไงต่อ....”

     

                รีบสะบัดผ้าห่มออกจากร่างกาย...เพราะเมื่อยังไม่นอนมันก็ทำให้เราสองคนมีเรื่องคุยมากกว่าหลายวันที่ผ่านมา และการนอนคุยกัน  การนอนกอดกัน  การใกล้ชิดกันถึงขนาดนี้มันก็เริ่มรู้สึกร้อนจนไม่ต้องการผ้าห่มอีกต่อไป  ตอนแรกก็นอนคุยกันเฉยๆ  เขาเป็นช่างที่ซ่อมได้สารพัด  เซฮุนเป็นเด็กกำพร้าอาศัยอยู่ในจังหวัดXXกับลุงและป้า  ส่วนเขาได้มรดกเป็นปราสาทหลังนี้พร้อมคำกล่าวหาว่าเป็นลูกเมียน้อย...แล้วการใกล้ชิดก็ขยับเข้ามาเรื่อยๆเมื่อเจ้าของแก้มนุ่มเริ่มเล่าถึงสิ่งที่เป็นบาดแผลในใจ

     

                “ตอนนั้นเซฮุนไปตลาด...พอซื้อไข่เสร็จก็ถูกคนใจร้ายจับมาขัง”

     

                “แล้วไม่มีใครเห็นเลยเหรอ?”

     

                “ไม่มีครับ...ทางตรงนั้นไม่ค่อยมีคนเดินผ่าน  มันเป็นทางลัดใช้เดินกลับบ้าน”

     

                “ถ้าไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไรนะ...ฉันเข้าใจ”

     

                “เล่าได้...กอดช่างไคไว้ไม่กลัว  ตอนนี้เซฮุนปลอดภัยแล้ว 

     

                   กระชับความอบอุ่นให้แน่นกว่าเดิม...เพราะสิ่งที่ได้ยินมันพาให้ต้องทำเช่นนั้น  ถ้ากอดแล้วเซฮุนรู้สึกปลอดภัยเขาก็จะกอดไว้จนกว่าเจ้าตัวจะหลับ  ท่อนแขนกำยำถูกใช้แทนหมอน  มือบางก็วางอยู่บนอกกว้างที่แสนอบอุ่น  สองขาก็พันเกี่ยวกับอีกสองขาที่แข็งแรงกว่าและการพูดคุยก็ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง

     

                “แล้วเธอไม่ยอมพูดกับใครเลยเหรอ?”

     

                “พูดไม่ได้...ห้ามพูดเด็ดขาด  ถ้าพูดก็จะถูกขายเร็วมาก  แล้วถ้าลูกค้าไม่ชอบก็จะถูกส่งกลับมาที่เดิม”

     

                “แล้วเธอจำได้ไหมว่าที่นั้นมันคือที่ไหน?”

     

                “ไม่ได้ครับ....มันมืดไปหมดเลย  เห็นอีกทีก็ถูกขังแล้ว  มีห้องเยอะแยะเต็มไปหมด  มีคนถูกขังเป็นสิบๆเยอะๆเลย”

     

                ถูกจับ...ถูกเอาผ้าดำมาคลุมหัว  ถูกทำให้ไร้ซึ่งการมองเห็นและจบที่ถูกทำให้ไม่มีอิสระ  แขนขาถูกมัดด้วยโซ่ตรวจขนาดใหญ่  ประตูก็ถูกคล้องกุญแจอย่างแน่นหนา  จะไปอาบน้ำ  กินข้าว  ขับถ่าย  ก็ไปได้เพียงความยาวของโซ่ที่ถูกกำหนดไว้  ไม่มีสิทธ์เลือก  ไม่มีทางหนี  ไม่มีการร้องขอและการแสร้งเป็นใบ้จึงเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ตัวเองรอดพ้นจากการถูกขายหรือเอาอวัยวะไปอย่างน่าเวทนา  คนแล้วคนเล่าที่ถูกจับถูกขังถูกนำมาขายวนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ...ยกเว้นเบอร์เก้าอย่างเขา

     

    จนกระทั่ง...มีการตายของเบอร์เจ็ด!!!

     

                “งั้นก็แสดงว่าตอนที่เซฮุนหนีมา...คนอื่นที่เหลือก็จะถูกขายเหรอ?”

     

                “ใช่ครับ...แต่จะขายแบบไหนเซฮุนไม่รู้”

     

                “ยังไง...ฉันไม่เข้าใจ?”

     

                “เซฮุนกำลังจะถูกขายให้คนรวยที่ชอบเด็กผู้ชาย  แต่คนอื่นจะถูกเอาไปเฉพาะส่วนอย่างตับไตหัวใจ...จะเอาไปให้คนรวยที่ใกล้ตาย  คนร้ายพูดแบบนั้น”

     

                “พอเถอะ...ฉันไม่อยากฟังแล้วมันน่ากลัว”

     

                ขนาดเป็นแค่คนฟังยังรู้สึกกลัว...แล้วคนที่ถูกจับ  ถูกขังหรือถูกขายอะไรก็ตามมันจะรู้สึกเช่นไร  เขาเข้าใจแล้วว่าทำไม่เซฮุนถึงหวาดกลัวเพียงแค่เสียงเล็กๆน้อยๆหรือต้องหาที่แอบที่ซ่อนอยู่ตลอดเวลา  ไคลูบหลังปลอบขวัญคนที่กล้าพูดเรื่องที่น่ากลัวแบบนี้ให้ทราบและใช่ว่าอยากจะรื้อฟื้นความเจ็บปวดขึ้นมาอีก  แต่ที่ต้องถามก็เพราะอยากให้คนในอ้อมกอดได้ระบายความในใจออกมาบ้าง  กี่ปีที่ไม่ได้พูด  กี่วันที่ไม่ได้สื่อสาร  กี่เดือนที่ไม่ได้เอ่ยความรู้สึก...ไคจึงอยากช่วยบรรเทาความทุกข์แม้มันจะช่วยได้ไม่มากก็ตามที

     

                “เซฮุนอยากปล่อยคนอื่นแต่ปล่อยไม่ได้...ห้องขังมีกุญแจไขไม่ออก”

     

                “ถ้าอยากช่วยคนอื่น...พรุ่งนี้เธอก็ต้องพูดเรื่องนี้ให้เพื่อนฉันฟังอีกรอบเพราะชานยอลจะได้พาเจ้าหน้าที่ไปช่วยทุกคนออกมาจากที่นั่น  เพื่อนฉันเป็นตำรวจดี...เซฮุนเข้าใจใช่ไหม?”

     

                “ตำรวจตัวใหญ่ๆเป็นคนดีจริงๆใช่ไหมครับ...ถ้าดีจริงเซฮุนจะพูด  แต่ถ้าไม่ดีเซฮุนจะไปแอบ  เซฮุนจะไม่พูดอะไรทั้งนั้น”

     

                “...............”

     

                เจ็บจี๊ดเข้าไปถึงส่วนลึก...และพูดอะไรไม่ออกเพราะเขาทราบดีว่าเซฮุนกลัวหรือหวาดระแวงคนที่เป็นเจ้าหน้าที่มากแค่ไหน  ลองคิดดู...แค่เห็นก็ต้องหาที่ซ่อน  แค่รู้ก็ต้องวิ่งหนีให้ทันและแค่ได้ยินชื่อเพื่อนของเขา  ร่างน้อยๆที่สวมกอดกันเอาไว้ก็สั่นเป็นลูกนกตกน้ำ

     

                “เซฮุนไม่อยากเจอเพื่อนของช่างไค...เซฮุนกลัว”

     

                “ฉันจะอยู่ด้วย...เธอไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น”

     

                “ช่างไคช่วยเซฮุนด้วยนะครับ...เซฮุนขอร้อง”

     

                เป็นอีกครั้ง...ที่คำพูดของเด็กคนนี้มันบาดลึกจนเจ็บจุกไปหมด  เสียงอ้อนวอน  การโอบกอด  แรงกระชับท่อนแขนเอาไว้แน่นด้วยความหวาดกลัว  ทุกๆอย่างที่เซฮุนแสดงออกมาทั้งหมดมันทำให้ช่างไคเริ่มคิดแล้วว่าควรให้ชานยอลเข้ามาที่ปราสาทแห่งนี้อีกหรือไม่  มันจะมีทางออกที่ดีกว่านี้ไหมหรือจะให้สอบปากคำกันทางโทรศัพท์???

     

                “ฉันจะช่วยเธอทุกอย่าง...ฉันสัญญา”

     

                “ขอบคุณครับ”

     

                “เปลี่ยนเรื่องดีกว่า...เซฮุนอยากฟังเรื่องอะไร?”

     

                “เรื่องช่างไคครับ...แล้วมรดกแปลว่าอะไร?”

     

                อย่าว่าแต่คำนั้นเลย...เพราะคำว่าครอบครัวเซฮุนก็ยังไม่เข้าใจ  เกิดมากำพร้า  ต้องอยู่กับลุงและป้า  แถมยังถูกกดขี่ให้ทำงานสารพัดมันจะไปรู้อะไรกับคำว่า  “มรดก” หรือคำว่า “ครอบครัว” ใบหน้าจิ้มลิ้มเงยมองเจ้าของสันกรามคมก่อนเอ่ยปากถามพร้อมตั้งใจฟังด้วยความใคร่รู้

     

                “มรดกก็คือ...สิ่งของที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้ก่อนตาย  ท่านจะเขียนไว้ว่าใครจะได้อะไรบ้าง  ซึ่งฉันก็ได้ปราสาทหลังนี้”

     

                “แสดงว่าพ่อแม่ของช่างไคก็รวยมากเลยสิครับ?”

     

                ไม่รวย...แล้วจะมีสิ่งก่อสร้างใหญ่โตเช่นนี้ได้อย่างไร  เด็กบ้านนอกมันก็คิดได้แค่นี้เพราะถ้าจนแบบเขา  บ้านก็ต้องโทรมๆ  หลังคาต้องรั่วจนต้องหาถังมารองน้ำเมื่อถึงฤดูฝน  จักรยานก็ไม่มีให้ขี่เลยสักคัน  เสื้อผ้าก็ต้องรอบริจาค  แต่!!ช่างไคมีปราสาทหลังใหญ่ให้ซุกหัวนอน 

     

                “พ่อแม่ไม่รวย...แต่คุณปู่รวย”

     

                เซฮุนคิดผิด...เพราะคนที่รวยก็คือปู่ของเขา  ลูกชายที่หนีไปอยู่กับหญิงชาวบ้านธรรมดาๆ  ทำให้คนเป็นพ่อรู้สึกเสียหน้าจนไม่อยากให้ใช้นามสกุลร่วมกัน  แต่แล้ว...ความเป็นพ่อลูกก็ตัดไม่ขาด  อยากใช้นามสกุลก็ต้องยอมแต่งงานกับคนที่คู่ควร  กับคนที่พ่อหามาให้และสุดท้าย...แม่ของเขาก็กลายเป็นเมียน้อยอย่างที่คนอื่นกล่าวหา  ไคไม่ชอบเลย  ไม่ชอบการโดนดูถูกแบบนั้น  แต่หลานชายคนแรกของตระกูลก็เกิดจากผู้หญิงที่คุณปู่คิดว่าไม่เหมาะสมหรือที่ใครๆก็เรียกว่าเมียน้อย

     

                “คุณปู่ใจร้ายจังเลยครับ”

     

                “ใช่...ใจร้ายมากๆ  แต่ก็ช่างเถอะ  เรื่องมันผ่านไปแล้ว”

     

                “ช่างไคเสียใจไหมครับ?”

     

                ตอนแรกก็เสียใจ...และโกรธที่พ่อยอมไปแต่งงานกับคนอื่นเพราะคิดว่าไม่รักแม่ของเขา  แต่พอโตขึ้นมันก็เริ่มเข้าใจว่าที่พ่อทำไปก็เพื่อพวกเราทั้งหมด  ต้องทำทั้งๆที่ยังรักและไปเพื่อที่เราแม่ลูกจะได้มีเงินใช้อย่างไม่อดยาก  คุณพ่อแอบส่งเงินให้ลูกคนนี้ได้เรียน  ให้เมียได้อยู่สบายและให้ทุกอย่างจนถึงวันที่ผู้มีพระคุณของเขาทั้งคู่ต้องจากไปอย่างไม่มีวันกลับ  การเสียชีวิต  การไร้ซึ่งเสาหลัก  การต้องอยู่คนเดียวนับตั้งแต่นั้น...มันทำให้ลูกนอกสมรสคนนี้เหมือนตายทั้งเป็น

     

     

                บ้านต้องขาย...เพราะเงินเก็บทั้งหมดรวมถึงเงินที่ขายบ้านได้ต้องเอาไปใช้เรียนหนังสือ  พอเรียนจบก็ต้องหาห้องเช่า  หางานทำ  หาทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองยังอยู่รอด  มีนามสกุลใหญ่โตก็ไม่ได้ช่วยทำให้อะไรดีขึ้นเพราะการเป็นลูกนอกสมรสมันไม่เคยได้อะไรจากใครทั้งนั้น  จนกระทั่งคุณปู่สิ้น...มรดกที่ได้ก็ยังเป็นเพียงแค่ปราสาทเก่าๆหลังนี้

     

                “แต่ก่อนก็เสียใจ...แต่ตอนนี้ไม่แล้ว”

     

                “เซฮุนจะช่วยช่างไคประหยัด...เซฮุนจะกินไม่เยอะ  จะช่วยช่างไคซ่อมปราสาทด้วยครับ”

     

                “กินเยอะๆเถอะเรา...ตัวก็แค่นี้”

     

                “ก็เปลืองแย่เลยสิครับ”

               

                “นอนดีกว่า...ดึกมากแล้ว  พรุ่งนี้ต้องไปซ่อมปราสาทกันอีก” 

     

                “ครับ...เซฮุนจะหลับ  แล้วก็จะช่วยช่างไคซ่อมทุกอย่างเลย”

     

                พูดก็เพราะ  แถมยังเชื่อฟัง...แต่เมื่อสิ้นคำสั่งหรือการพูดคุย  อ้อมกอดที่โอบกันไว้กลับไม่ยอมคลาย  ปากคมยกยิ้มเมื่อเห็นดวงตาคู่สวยหลับพริ้มอยู่ในวงแขน  มือบางก็ยังคงวางไว้บนอกกว้าง  เรียวขาขาวๆก็ยังยกพาดไว้กับต้นขาของเขา  เด็กหนอเด็ก...กินง่ายหลับง่ายเสียจริง  แถมยังทิ้งให้คนอายุ 30...นอนลืมตาปริบๆอยู่อย่างนั้น  ใครจะหลับลงเมื่อมีความนุ่มมาให้กอด  มาให้โอบ  มาให้ใกล้ชิดกันถึงขนาดนี้  และ......

     

    ฟอดดดด!!!

     

                “ขอบคุณเหมือนกันนะครับเด็กดี...”

     

     

    ใครจะอดใจไหว...เมื่อมีความน่ารักมาอยู่ในอ้อมแขน  (:

     

     

     


     

     

     

     

     

     



     

     

     

     

     

     

     

     

     

    100%

    Cr. ภาพในตอนที่หก : Sweet plant @ the_walking_secret

     

    Talk.

    ใครจะอดใจไหวเนอะ!!!?

    ฝากเป็นกำลังใจให้น้องตัวขาวกับช่างไคด้วยนะคะ...แล้วก็อย่าลืมให้กำลังใจเราด้วยน้าาาาา ^-^)

    ขอบคุณนักอ่านทุกคนมากๆเลยค่ะ

    รัก 

    #KHhide

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×