ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จบแล้ว(EXO) Another (Kaihun Ft.Chanbaek)

    ลำดับตอนที่ #6 : ♡6

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 223
      6
      1 มิ.ย. 64



    6…

     

     

    Condominium XXX

    ก๊อกกก ๆ ๆ ๆ!!

     

                “เซฮุน...ตื่นหรือยัง?”

     

                เป็นวันแรก...ที่น้องชายจะได้ไปฝึกงาน  แถมยังได้ฝึกงานในที่ที่ตัวเองฝันเอาไว้  คิมจิวเวลรี่ถือบริษัทที่โด่งดังในแวดวงเครื่องประดับ  สาขาก็มีทั้งในประเทศและนอกประเทศ  การออกแบบสินค้ามากมายก็จะนำเอาดอกไม้ในรูปแบบต่างๆมาประยุกต์ให้เข้ากับแต่ละคอลเล็คชั่น  แล้วเครื่องประดับของคิมจิวเวลรี่...คุณแม่ของพวกเราก็มีเกือบจะทุกแบบ

     

                “ตื่นแล้วฮะ...พี่ชานยอลเข้ามาได้เลย”

     

                มือหนา...รีบเปิดประตูเข้าไปด้านในทันทีเมื่อได้ยินคำอนุญาต  สองขาเร่งฝีเท้าไปที่ห้องแต่งตัวเพื่อดูว่าน้องชายสุดที่รักจะใส่ชุดใดไปฝึกงาน  แต่...!!!!

     

                “เฮ้ยย...!!?”

     

                “ผมโป๊อยู่...อย่าเพิ่งเข้ามาสิฮะ!!

     

                “ก็เราบอกให้พี่เข้ามาเอง!!

     

                “ให้เข้ามาในห้อง...ไม่ใช่ห้องแต่งตัว!

     

                เออ...พี่เข้าใจผิดเอง  เซฮุนไม่ผิดเลยสักนิด  และชานยอลก็ต้องรีบหันหลังเดินกลับไปนั่งที่เตียงทันทีเมื่อได้ยินเสียงแจ๋วๆของน้องบ่นถึงเรื่องความโป๊เปลือย  ถึงแม้จะเป็นผู้ชายเหมือนกัน  แต่เซฮุนก็ถือเป็นขอยกเว้นสำหรับพี่ชายคนนี้เพราะมันเป็นความส่วนตัวที่ไม่ควรไปล่วงล้ำและน้องก็โตเกินกว่าจะจับอาบน้ำหรือทาแป้งได้เหมือนตอนที่เจ้าตัวยังเด็ก

     

    และตอนนี้...น้องก็โตเป็นสาวแล้วด้วย  ^o^)

     

                “เตรียมของครบหรือยัง...?”

     

                “ครบแล้วฮะ...แต่พี่ชานยอลช่วยเช็คให้อีกรอบสิฮะผมไม่แน่ใจ”

     

                ถึงจะโตแล้ว...แต่เซฮุนก็ยังถือว่าเด็กมากๆเมื่อเทียบอายุกับเขา  คนเป็นพี่ในวัยสามสิบกว่าๆกับน้องชายอายุเพียง 22  มันมักจะทำให้ชานยอลต้องคอยถาม  คอยเตือนและคอยดูแลกันอยู่เสมอ  ดวงตากลมโตกวาดมองเพื่อหาเอกสารที่น้องควรนำไปยื่นให้กับทางบริษัท  บนโต๊ะเขียนหนังสือที่มีทั้งแจกันดอกไม้  ตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ  เทียนหอมและแฟ้มสีดำปึกใหญ่ก็คือเป้าหมาย  ชานยอลรีบลุกออกที่นอนก่อนเดินไปคว้าเอกสารทั้งหมดมาเปิดดูเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อย

     

                “ในนี้ไม่มีใบส่งตัวนะ...ใบสีครีมๆที่ทางมหาลัยออกให้อยู่ไหน?”

     

                “ผมไม่รู้...พี่ชานยอลช่วยหาหน่อยสิฮะ  ผมขอแต่งตัวแป๊บนึงมันใกล้จะเสร็จแล้ว”

     

                ใช่...เข้าไม่รู้และก็หาไม่เจอเหมือนกัน  เมื่อวันก่อนหลังจากที่กลับมาจากการทานมื้อเย็น  เซฮุนก็รีบมาเตรียมเอกสาร  เตรียมเสื้อผ้าและเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อจะไปฝึกงาน  แต่แล้ว!!ไอ้ใบสีครีมๆที่ทางมหาวิทยาลัยออกให้เพื่อยืนยันเรื่องการฝึกงานกลับหาไม่เจอ  เขาหาจนท้อ  หาแล้วก็หาอีก  หาจนเอกสารอื่นๆพาลยับไปหมด  แต่สุดท้ายก็ยังหาไม่เจอ

     

                “คุณจุนเก็บไว้แล้วหรือเปล่า...เซฮุนลองไปถามดูไหมเพราะพี่ก็หาไม่เจอ??”

     

                ชานยอลก็หาแล้ว....แต่ไม่เจอเช่นกัน  และห้องนอนที่จัดเป็นสัดเป็นส่วนอย่างดีมันก็ใช่ว่าจะหาของแบบนั้นได้ยาก  เซฮุนมักจะเก็บของเป็นที่เป็นทาง  ห้องก็ไม่เคยรก  เศษขยะสักชิ้นก็ไม่มี  เตียงก็เก็บเรียบร้อย  แล้วอย่างเสื้อผ้าในตู้ก็แทบจะเรียงสีเรียงขนาดพร้อมจัดแยกเสื้อยืด  เสื้อเชิ้ต  กางเกงใน ถุงเท้า  ทุกๆอย่างจะถูกจัดไว้อย่างดีเสมอ

     

                “ฮือออ...แล้วผมจะทำไงดีฮะ  วันนี้ไปฝึกงานวันแรกด้วย”

     

                มือก็ทำหน้าที่ผูกเนคไทด์...ขาก็ทำหน้าที่เดินออกมาจากห้องแต่งตัวและปากก็เริ่มเบะคว่ำพร้อมร้องฮืออย่างนึกเหนื่อยใจเพราะวันแรกของการไปฝึกงานเขาก็ทำเอกสารหายเสียแล้ว  เซฮุนหยุดยืนอยู่ตรงหน้าพี่ชาย  ใบหน้าเรียวสวยก็เศร้าสร้อยจนมือหนาอดที่จะยกขึ้นเพื่อลูบแก้มเนียนไม่ได้  ชานยอลไม่รู้จะปลอบใจน้องเช่นไรกับสถานการณ์แบบนี้  เอกสารสำคัญมาหายในวันสำคัญ...เขาจึงได้แต่ส่งยิ้ม  โอบกอดก่อนลูบหลังน้องเบาๆ  และ.....

     

                “เดี๋ยวพี่โทรไปคุยกับมหาลัยให้เอง...เซฮุนไม่ต้องเป็นห่วงนะ  แล้วคุณจุนก็น่าจะเข้าใจ”

     

                “จริงนะฮะ...พี่ชานยอลต้องช่วยผมจริงๆนะฮะ”

     

                “จริงสิ...”

     

                “รักพี่ชานยอลที่สุดเลยฮะ”

     

    ฟอดดดด!!!

     

                เขารู้...ว่าไม่มีเรื่องไหนที่พี่ชายจัดการไม่ได้  แก้มสากจึงถูกประทับคำขอบคุณแทนการพูด  การอธิบายความในใจหรือการบอกให้รู้ว่าน้องชายคนนี้ซาบซึ้งมากเพียงใด  เซฮุนเคยคิดว่าถ้าในชีวิตของเขาไม่มีพี่ชานยอลแล้วมันจะเป็นเช่นไร  ซึ่งคำตอบที่ได้ก็คือ...การร้องไห้และก็ร้องไปจนกว่าความคิดบ้าๆบอๆนั้นจะหยุดลง

     

                “พร้อมแล้วใช่ไหม?”

     

                “พร้อมฮะ...”

     

                “พร้อมก็ไปกันเลย...เดี๋ยวพี่ไปส่ง”

     

                “ผมขอแวะซื้อกาแฟกับแซนด์วิชที่ร้าน XX ...ด้วยนะฮะ”

     

                “ได้สิ...”

     

                “แล้วตอนเย็นพี่ชานยอลจะไปรับผมไหม?”

     

                “เลิกกี่โมงก็โทรมาบอกแล้วกัน...เดี๋ยวพี่จะรีบไปรับ”

     

                “โอเคฮะ”

     

                ชานยอลก็รู้ว่าน้องรักเขามากแค่ไหน...และมันก็ต้องแก้เขินจากการถูกหอมแก้มด้วยการคว้าเอกสารของน้องมาถือไว้ก่อนพากันเดินออกไปจากห้อง  วันนี้คงเหมือนกับอีกหลายวันหลายปีที่ผ่านมาเพราะถ้าเป็นเมื่อก่อน  เขาต้องตื่นเพื่อส่งน้องไปโรงเรียน  แต่วันนี้มันต้องตื่นเพื่อส่งน้องไปทำงาน  แล้วตอนเด็กๆ...เซฮุนก็ชอบให้เขาแวะซื้อขนม  ซื้อนมหรือไม่ก็ซื้อของเล่นก่อนไปโรงเรียน  แต่เดี๋ยวนี้...ต้องแวะร้านกาแฟเพื่อซื้อเครื่องดื่ม  ซื้อเค้กรวมถึงแซนด์วิชแฮมชีส

     

    พูดไปพูดมาก็ไม่อยากให้น้องโตซะแล้ว...เพราะยิ่งโตมันยิ่งสวย!!

     

                “ถ้ามีคนในบริษัทมาจีบ...รีบโทรบอกพี่เลยนะ”

     

                “ไม่มีใครมาจีบหรอกฮะ...พี่ชานยอลก็คิดมากไปได้”

     

                “ขนาดคุณจงอินยังจีบเลย...?”

     

                “ผมก็แค่สันนิษฐาน***เฉยๆ...เผลอๆคุณจงอินอาจทำแบบนี้กับทุกคนก็ได้  ผมไม่หลงกลหรอกฮะ”

     

                น้องเขาเก่ง...เรื่องนี้ชานยอลต้องยอมรับจริงๆ  เซฮุนมักจะระวังตัวเสมอเมื่อรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยหรือความไม่ชอบมาพากล***ของคนที่คบหา  พวกเขาไม่เคยลืมว่าตัวเองมีพ่อมีแม่เป็นใคร  อยู่ในตำแหน่งใดและอาชีพการงานส่งผลต่ออะไรบ้าง  ชานยอลกับเซฮุนจึงมักจะมองออกว่าใครต้องการอะไรจากพวกเรา

     

                “มื้อเที่ยงก็กินข้าวเยอะๆนะ...อย่าปล่อยให้ท้องว่างเด็ดขาด”

     

                “..................”

     

                “ได้ยินที่พี่พูดไหมเนี่ย?!

     

                “ได้ยินฮะ...ผมฟังอยู่”

     

                ที่ไม่ตอบ...ใช่ว่าไม่ได้ยิน  แถมยังได้ยินมาตั้งแต่เด็กจนตอนนี้อายุ 22  อย่าปล่อยให้ท้องว่าง  กินผักด้วย  อย่ามัวแต่เล่น  ผลไม้ก็กินเยอะๆ  แต่ค่อยๆกินไม่ต้องรีบ  เคี้ยวข้าวให้ละเอียดและอีกสารพัดที่ต้องฟังมาตั้งแต่จำความได้  เซฮุนแค่จะปล่อยให้พี่ชานยอลพูดไปจนกว่าตัวเองจะพอใจแล้วค่อยตอบรับ  แต่มันกลับกลายเป็นว่า...เขาไม่ตั้งใจฟังไปเสียได้?

     

                “พี่ชานยอลอยู่ห้องก็ห้ามลืมเปิดน้ำทิ้งไว้นะฮะ...แล้วก็อย่าลืมเอาขยะในห้องครัวไปทิ้งด้วยเดี๋ยวห้องมีแมลงสาบ  นมในตู้เย็นก็เอามากินให้หมด  อย่าเหลือคาไว้...มันจะบูด  เบียร์ก็ห้ามเอาไปแช่ในช่องฟรีซนะฮะ  ตอนเปิดมันชอบระเบิด  ผมขี้เกียจทำความสะอาด”

     

                “บ่นเป็นแม่...”

     

                “เป็นน้องนี่แหละ...แต่ไม่ได้อยู่กับแม่ไงฮะผมเลยบ่นแทน”

     

                “รู้แล้วค้าบบบบ”

     

                ต่างคน...ต่างก็มีเรื่องต้องคอยเตือนกันอยู่เสมอ  และที่คนเป็นน้องต้องบ่นยาวเหยียดขนาดนี้เพราะพี่ชายชอบทำห้องรก  แถมยังชอบทานอะไรก็มักจะเหลือไว้ครึ่งหนึ่งเสมอ  แล้วพอจะเอามาทานอีกรอบมันก็หมดอายุจนต้องนำไปทิ้ง  ซื้อของมาไม่เคยเช็ควันผลิตวันตาย  เบียร์ก็อยากทานแบบเย็นๆจึงเอาไปเก็บไว้ในช่องแช่แข็ง  แต่พอจะกินก็ระเบิดตูมเบียร์หกเต็มพื้น  แล้วไหนจะเรื่องที่ชอบนอนแช่น้ำอุ่นในอ่างนั่นอีก...เปิดน้ำไว้ก็ลืม  ลืมจนล้นท่วมห้องน้ำ

     

    น้องเหนื่อยยยยยย!!

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    VROOMMMMMM!!!

     

                “ขอบคุณนะฮะพี่ชานยอล”

     

                “โชคดีนะเซฮุน”

     

                “บายฮะ”

     

                “บาย....”

     

                แวะซื้อเครื่องดื่มเรียบร้อย...และทานจนอิ่มท้องมาตั้งแต่ในรถ  พอถึงที่หมายก็รีบบอกลาพี่ชายใจดีก่อนหยิบเอกสารติดมือมาด้วย  เซฮุนขอยืนอยู่หน้าประตูบริษัทสักพัก  แล้วค่อยๆก้าวขาเข้าไปด้านในด้วยความมั่นใจอีกครั้ง  แต่.....!!

     

                “สวัสดีครับน้องเซฮุนนน!

     

                “คุณจงอิน...สวัสดีครับ!!

     

                ยังไม่ทันได้ก้าวขา...หรือเอื้อมมือไปผลักแผ่นกระจกบานใหญ่  เสียงทุ้มพร้อมสรรพนามแสนน่ารักที่ดังมาจากทางด้านหลังก็ทำให้ต้องหันไปทางต้นเสียง  วันนี้คุณจงอินใส่สูทสีควันบุหรี่  เซ็ทผมเปิดหน้าและยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงเอาไว้  ทุกๆอย่างที่เซฮุนเห็นอยู่ตอนนี้มันบอกได้เลยว่า...หล่อจริงๆ  หล่อมากๆ  หล่อจนละสายตาไปไม่ได้

     

     

                เป็นเช้า...ที่ต้องตั้งสติให้ดีเพราะไม่อยากหลงกลใครอย่างที่ตัวเองได้บอกกับพี่ชายเอาไว้  แต่!!ขาทั้งสองข้างมันไม่ยอมทำตามที่สมองคิดเลยสักนิด  เซฮุนเดินไปหาคนมากอายุเหมือนถูกผลัก  สองเท้าไปหยุดยืนอยู่ตรงจุดที่คุณจงอินตะโกนเรียกก่อนจะโค้งกายเล็กน้อยเพื่อเป็นการทักทาย

     

                “น้องเซฮุนมาทำงานแต่เช้าเลยนะครับ?”

     

                “ครับ...แล้วคุณจงอินมาหาคุณจุนมยอนเหรอครับ?”

     

                “ใครบอกว่าผมจะมาหามัน?”

     

                “อ้าว...”

     

                “ผมมาหาน้องเซฮุนต่างหาก”

     

                “..........!!!!

     

                สองมือ...พร้อมแฟ้มปึกใหญ่ถูกยกขึ้นมาแนบอกเพราะเกรงว่าคนตรงหน้าจะได้ยินสิ่งที่เต้นตุบๆอยู่ในอกด้านซ้าย  ทำไมต้องมาหา  รู้ได้ยังไงว่ามาถึงแล้ว  และมาหาเพื่ออะไร???  คำถามมากมายเกิดขึ้นในหัวจนไม่รู้จะบอกจำนวนได้ว่าเท่าไหร่  แถมเสียงทุ้มๆ  การยิ้มมุมปากและการถูกสบจ้องมาอย่างมีความหมาย...ทุกอย่างมันพาลให้ใจเตลิดไปหมด

     

                “เราเข้าไปข้างในกันดีกว่า...น้องเซฮุนจะได้เริ่มงานด้วย”

     

                “แล้วคุณจงอินมาหาผมทำไมเหรอครับ...มีธุระด่วนอะไรหรือเปล่าครับ?”

     

                “ถ้าไม่มีธุระ...แล้วผมจะมาหาน้องเซฮุนได้ไหมครับ?”

     

                ตอบคำถามด้วยคำถาม...แล้วคำถามเช่นนี้ก็พาให้ใบหน้าเรียวสวยต้องก้มต่ำด้วยความเขินอาย  เซฮุนไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง  แต่การที่คุณจงอินพูดแบบนั้นมันก็หมายความว่าอยากมาหา  อยากมาเจอและต่อให้ไม่มีธุระก็อยากจะมาเห็นหน้าเขา???

     

                “คุณจงอินพูดเหมือนกำลังจีบผมอยู่เลยนะครับ?”

     

                “ไม่ได้อยากจีบนะครับ....”

     

                “............!!!?”

     

                ได้ยินเสียงอะไรแตกไหม...เพราะเซฮุนรู้สึกว่าหน้าของตัวเองกำลังแตกเป็นเสี่ยงๆ  เขาแค่อยากรู้ว่าที่คุณจงอินพูดออกมาแบบนั้นมันหมายความว่าอะไร  จะจีบไม่จีบหรือแค่หมาหยอกไก่***อย่างที่คุณจุนมยอนเคยเตือนเอาไว้  แล้วเขาก็ไม่คิดว่าการถามออกไปตรงๆ...ก็จะได้คำตอบแบบตรงๆกลับมาเหมือนกัน

     

    แต่.....!!!!!!!

     

                “ไม่ได้อยากจีบนะครับ...แต่อยากเป็นแฟนเลยต่างหาก”

     

                “คุณจงอิน!!!!

     

                “ก็น้องเซฮุนดูไม่ชอบคนอ้อมค้อม...ผมก็บอกตรงๆเลยไงครับ  แล้วน้องเซฮุนจะเป็นแฟนกับคุณจงอินได้ไหมครับ?”

     

                “คะ...คุณจงอิน!

     

                ทำได้เพียง...พูดชื่อ  “คุณจงอิน”  ซ้ำๆเพราะมันพูดอะไรไม่ออกนอกจากคำคำนั้น  เซฮุนไม่คิดเลยว่าเจ้าของห้างสรพสินค้าชื่อดังจะเป็นคนแบบนี้  ไม่เหย่อหยิ่ง  ไม่มีฟอร์ม  ไม่วางมาด***  แถมยังพูดตรงจนคนฟังก็ไม่ทันได้ตั้งตัว  ใบหน้าเรียวสวยที่ก้มต่ำอยู่แล้วก็ยิ่งก้มต่ำมากขึ้นไปอีกเพราะไม่กล้าสบสายตาคมที่กำลังจ้องมาเพื่อเร่งรัดเอาคำตอบ  และความแดงก่ำบนใบหน้ามันก็คงปกปิดเอาไว้ไม่ได้ในเมื่อสีแดงระเรื่อมันได้ลามไปถึงใบหู

     

                “เขินได้ครับ...แต่คุณจงอินก็อยากได้คำตอบด้วยนะครับ”

     

                “แต่ผมอยากทำงานมากกว่า...เราเข้าไปข้างในกันเถอะครับ  เผื่อคุณจุนมยอนจะรออยู่”

     

                “งั้นขอจับมือนะครับ...น้องเซฮุนเพิ่งมาครั้งแรกยังไม่รู้ทาง  เดี๋ยวคุณจงอินจะพาไปหาไอ้จุน”

     

                “ไม่ให้จับครับ...คุณจงอินเดินนำไปเลย  ผมจะเดินตาม”

     

                “ถ้าไม่ให้จับ...คุณจงอินก็ไม่พาไปนะครับ  ไปทำงานสายไม่รู้ด้วยนะ?!

     

                บอกว่าจะไม่หลงกล...แต่ก็ยอมยื่นมือเพื่อให้อีกมือที่ใหญ่กว่าได้ประสานเอาไว้แน่น  ยิ่งกว่าหน้าแดงก็ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาเปรียบ  ยิ่งกว่าเด็กเส้นก็ไม่รู้ว่าจะหาคำไหนมาเปรียบเช่นกันเพราะการกระทำของคุณจงอิน  คำพูดของคุณจงอิน...การแสดงออกของคุณจงอินมันทำให้พนักงานในคิมจิวเวลรี่มองมาที่เขากันหมด

     

    ฮือออออ...เซฮุนจะทำยังไงดี?!!!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ♡ ♡ ♡ ♡

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

      Kim  Jewelry

    ติ๊งงง!!!

     

                “อ้าววว!!....สวัสดีค่ะคุณจงอิน  แล้ววันนี้พาเด็กที่ไหนมาอีกคะนั้น?”

     

                “เด็กที่ไหนกันครับไอรีน...คนนี้แฟนผม  ชื่อเซฮุน...ไอ้จุนไม่ได้บอกเหรอว่าน้องจะมาฝึกงาน?”

     

                “บอกค่ะ...แต่บอกแค่ว่าจะมีเด็กมาฝึกงานเฉยๆ  ไม่ได้บอกว่าเป็นแฟนของคุณจงอิน”

     

                “งั้นก็รู้ไว้เลยว่าเค้าเป็นแฟนผม”

     

                ขี้ตู่มาก...เพราะเซฮุนยังไม่ได้ตอบตกลงอะไรทั้งนั้น  แถมยังจับมือเอาไว้ไม่ยอมปล่อยและตั้งแต่ลิฟท์เปิดออกจนพบกับคุณเลขาที่โต๊ะทำงาน  มือของเขาก็ยังถูกประสานเอาไว้อย่างนั้น  เด็กฝึกงานคนใหม่ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว  คุณจงอินเอาแต่พูดว่าเราเป็นแฟนกันทั้งๆที่ยังไม่ได้เป็นอะไรกันทั้งนั้น  แต่!!ขนาดยังไม่ได้ตอบรับ  หัวใจของคนถูกกุมมือก็ยังเต้นตึกตักไม่ยอมหยุดสักที  เซฮุนยอมรับว่าคุณจงอินคือชายในฝัน...คนที่มีอายุเยอะหน่อย  ดูใจดีและมีเสน่ห์  คนแบบนี้แหละที่เขาชอบ  แต่มันก็ไม่คิดว่าจะถูกความชอบโจมตีรวดเร็วถึงขนาดนี้

     

                “สวัสดีครับพี่ไอรีน”

     

                “สวัสดีค่ะน้องซ...เซฮุน!!!

     

                (ผมเรียกได้คนเดียวครับ...ไอรีนห้าม  ห้ามเด็ดขาด!)

     

                “คุณจงอินเว่อร์มากไปแล้วนะคะ...ถ้าไม่ให้ไอรีนเรียกน้องแล้วจะให้เรียกว่าอะไรคะ?”

     

                ไม่รู้ว่าวันนี้เขาจะได้ทำงานไหม...เพราะคุณจงอินคอยแต่ห้ามนั่นห้ามนี่  แล้วคุณเลขาก็ดูจะหัวเสียไม่ใช่น้อย  แถมเอกสารมากมายที่กองอยู่บนโต๊ะตรงหน้าก็ทำให้เซฮุนทราบได้ทันทีว่าการฝึกงานของตัวเองคงจะได้เริ่มในอีกไม่ช้า 

     

                “คุณจงอินปล่อยมือผมเถอะครับ...ผมอยากทำงานแล้ว  พี่ไอรีนก็คงอยากจะสอนงานผมแล้วเหมือนกัน”

     

    จุ๊บบบ!!

     

                “ปล่อยก็ได้ครับ...แต่จะไม่ปล่อยให้เป็นแฟนกับคนอื่นเด็ดขาด  น้องเซฮุนต้องเป็นของคุณจงอินคนเดียวเท่านั้น!!  คนอื่นห้ามยุ่ง!!  //  ฝากดูด้วยนะไอรีน”

     

                (โอ้โห!!...ไอรีนไม่คิดว่าจะได้ยินอะไรแบบนี้จากคุณจงอินเลยนะคะ  จะเป็นบุญหูหรือจะอ้วกก่อนดีคะเนี่ย)

     

                “เดี๋ยวตอนเที่ยงคุณจงอินจะมารับไปทานข้าวนะครับ”

     

                เซฮุนก็ไม่คิด...ว่าคุณจงอินจะเป็นได้ถึงขนาดนี้  อะไรทำให้คนที่ดูสุขุม  ดูน่ากลัวหรือน่าเกรงขามกลายเป็นคนที่พูดอะไรเลี่ยนๆและเป็นประโยคที่ชวนให้ขำได้ขนาดนี้  พูดตามหนังเรื่องอะไร  เซฮุนอยากรู้จริงๆ  แล้วการจุมพิตที่หลังมือเบาๆก่อนปล่อยให้เป็นอิสระพร้อมการฝากฝังให้พี่เลขาช่วยดูแลและการจะมารับไปทานมื้อเที่ยงนี่อีก...ทำไมทุกๆอย่างมันดูรวดเร็วไปหมด??

     

                “ขอบคุณมากนะครับคุณจงอิน...ขอบคุณทุกอย่างเลยครับ”

     

                “เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นคำตอบดีกว่า...เพราะผมรอฟังอยู่”

     

                >_<)”

     

                “แล้วมื้อเที่ยงเจอกันนะครับ...ผมจะรีบมารับและจะมาเอาคำตอบด้วย!!

     

                ถึงจะเขินมากแค่ไหน...งงมากแค่ไหนและตามคุณจงอินไม่ทันแค่ไหน  เซฮุนก็ต้องเอ่ยคำขอบคุณออกมาเพราะถ้าไม่ได้คนแก่ขี้ตู่ช่วยเอาไว้  เขาก็คงไม่ได้ฝึกงานที่นี่หรือไม่ได้เข้ามาถึงโต๊ะของเลขาคุณจุนมยอน  เซฮุนพยายามจำทางเข้าทางออกของบริษัทมาตั้งแต่ถูกจูงมือ  ลิฟท์ตัวไหนห้ามขึ้น  ชั้นไหนพาไปแผนกใดหรือทุกตึกมีอะไรบ้าง...ซึ่งทั้งหมดก็คือสิ่งที่คุณจงอินแนะนำให้

     

                “น้องเซฮุนพร้อมทำงานหรือยังคะ?”

     

                “พร้อมแล้วครับพี่ไอรีน”

     

                “งั้นนั่งตรงนี้เลยค่ะ...แล้วก็อ่านเอกสารกองนี้ให้หมด  ไม่เข้าใจตรงไหนถามได้เลยนะคะ  ไม่ต้องเกรงใจ”

     

                “ทั้งหมดนี้เลยเหรอครับ?”

     

                “ค่ะ...ทั้งหมดนี่เลย  แต่ไม่ต้องรีบนะคะ  ค่อยๆอ่านไปเรื่อยๆ”

     

                “ครับ.....”

     

                ไอรีนคงเป็นเลขามือหนึ่งของคุณจุนมยอนจริงๆ...เพราะไม่ว่าจะเป็นเอกสารหรือโต๊ะทำงานชุดใหม่ของเด็กฝึกงาน  ทุกอย่างถูกจัดไว้เป็นอย่างดี  ปากกา  ที่เย็บกระดาษ  โน๊ตบุค  คอมพิวเตอร์หรือแฟ้มงานต่างๆก็ถูกวางไว้อย่างเป็นระเบียบ  เซฮุนนั่งลงบนเก้าอี้ที่ถูกจัดไว้  เอกสารก็ถูกเปิดออกทีละหน้า  ทีละหน้าเพื่อศึกษางานไปตามระบบ  แต่!!ที่ยังไม่เป็นระบบก็คงเป็นหัวใจของเขาเพราะ...คำตอบที่คุณจงอินอยากได้มันยังคงวนเวียนมาให้คิดสลับกับเนื้อหาจากเอกสารตรงหน้า

     

                (ตอบตกลง.....กับจิวเวลรี่คอลเลคชั่น Summer ปี90

                ปฏิเสธ.....กับจิวเวลรี่คอลเลคชั่น Autumn ปี90

                ตกลง.....กับจิวเวลรี่คอลเลคชั่น Spring ปี90

                ปฏิเสธ.....กับจิวเวลรี่คอลเลคชั่น Winter ปี90

                ตกลง.....กับจิวเวลรี่คอลเลคชั่น Rainy  ปี90)

     

                คิดอยู่ในใจ  คิดไปคิดมา  คิดแล้วคิดอีก...คิดสลับกับการจดจำคอลเล็คชั่นต่างๆของปีตามหน้าเอกสาร  และการทำงานวันแรกในฐานะของเด็กฝึกงานก็เหมือนจะมีหลายสิ่งหลายอย่างให้คิดมากมายเหลือเกิน  เซฮุนพยายามปัดเรื่องส่วนตัวออกจากเรื่องงานก่อนที่ตัวเองจะฝึกงานไม่ผ่าน  แต่ยิ่งแยกแยะกลับยิ่งคิดไกล  ยิ่งปัดออกไปก็ยิ่งเข้าตัว แถมรอยจูบที่หลังมือก็ยังตราตรึงจนลบออกไปไม่ได้  ความอบอุ่นยังมี  ความรู้สึกยังอยู่และหัวใจก็เหมือนจะกลับเต้นแรงอีกครั้งเมื่อนึกถึง

     

    หรือว่า...ใจของเราจะไม่เป็นของเราอีกแล้ว?

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    Rrrr!!!!

    Rrrr!!!!

     

                “ว่ายังไง...?”

     

                (พี่ชานยอลทำอะไรอยู่ฮะ...ว่างคุยกับผมไหมฮะ?)

     

                “คุยได้ๆ...พอดีกำลังออกไปซื้อของที่ห้าง XX  ของในตู้เย็นมันใกล้หมด  แล้ววันนี้ฝึกงานเป็นไงมั่ง?”

     

                (เรื่องฝึกงานเอาไว้ก่อนฮะ...ผมมีเรื่องสำคัญกว่านั้นจะเล่าให้ฟัง?)

     

                “เป็นอะไร...มีเรื่องอะไรหรือเปล่า???”

     

                (พี่ชานยอลอย่าทำเสียงเข้มสิฮะ...มันน่ากลัว)

     

                ก็สิ่งที่น้องโทรมาบอกมันน่าคิด...ชานยอลจึงอดที่จะทำเสียงเช่นนั้นไม่ได้  แล้วอะไรที่สำคัญกว่าเรื่องการฝึกงาน  คนเป็นพี่คิดว่าน้องจะโทรมาบอกว่าให้ไปรับตอนไหน  แต่สิ่งที่ได้ฟังกลับเป็นอีกเรื่องที่ชวนให้สงสัย??

     

                “ก็บอกมาสักทีสิ...พี่เป็นห่วงรู้ไหมเนี่ย?!

     

                (เมื่อเช้าผมเจอคุณจงอินที่หน้าบริษัท...แล้วคุณจงอินก็มาขอเป็นแฟนเฉยเลยฮะ)

     

                “จริงดิ...ทำไมคุณจงอินรุกหนักจังวะ!!?”

     

                (ผมก็ไม่รู้...อยู่ดีๆก็โผล่มา  แล้วก็พูดให้คิด  พอผมถามตรงๆว่ากำลังจีบอยู่เหรอ  เค้าก็ตอบว่าไม่ได้อยากจีบ  แต่จะขอเป็นแฟนเลย  คุณจงอินพูดงี้เลยฮะ!!)

     

                “เฮ้ยยย!!?”

     

                (จริงงงง!!  ผมไม่ได้โกหก  คุณจงอินพูดอะไรก็ไม่รู้เยอะแยะ  แล้วก็จูบมือผมด้วย...บอกคนนี้ต้องเป็นของเค้าคนเดียว  คุณจงอินพูดงี้เลยพี่ชานยอล!!  แต่ผมยังไม่ได้ตอบตกลงเป็นแฟนนะฮะ)

     

                ตอกแรกเหมือนจะโทรมาปรึกษา...เพราะตอนนี้มันใกล้จะถึงเวลาที่คุณจงอินจะมาเอาคำตอบ  แต่พอพูดไปพูดมา  เล่าไปเล่ามา  ฟังไปฟังมา  คนเป็นน้องกลับมีทีท่าที่คล้ายว่าจะชอบการกระทำแบบนั้นของคุณจงอิน  และถ้าให้ชานยอลเดา...เซฮุนอาจคุยโทรศัพท์ไปพร้อมๆกับใบหน้าที่แดงก่ำ  แถมน้ำเสียงที่โทรมาบอกเล่าก็เจือไปด้วยความเขินอาย

     

                “ขอบใจที่โทรมาบอก...และพี่ก็จะไม่ห้ามเราด้วย  แต่พี่อยากให้เราคิดให้ดีๆ  พี่ไม่อยากเห็นเราเสียใจ”

     

                (ผมรู้ฮะ...ผมก็ขอบคุณพี่ชานยอลเหมือนกันนะฮะที่คอยอยู่ข้างผม  ผมจะคิดให้รอบคอบ  แล้วตอนเย็นจะกลับไปเล่าให้ฟังอีกนะฮะ)

     

                “พี่ไม่ว่าถ้าเราจะมีแฟน...แต่เค้าต้องรักเราเหมือนที่พี่รัก  เข้าใจไหม?”

     

                (เข้าใจฮะ...รักพี่ชานยอลนะฮะ  เดี๋ยวตอนเย็นเจอกัน)

     

                “โอเค...ระวังตัวด้วยหล่ะ”

     

                (ฮะ...)

     

                วางสาย...ด้วยหัวใจที่อิ่มไปด้วยพลังที่พี่ชายมอบให้  ส่วนเขาจะเลือกทางไหนก็ต้องคิดให้ดีก่อนจะพูดมันออกไป  มือบางเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงตามเดิม  สองขาก็ค่อยๆก้าวออกมาจากห้องน้ำเมื่อจบการสนทนากับพี่ชายและต้องขอบคุณสำหรับสถานที่ฝึกงานเพราะถ้าเป็นในแผนกอื่นๆ  เซฮุนอาจไม่ได้มีพื้นที่ส่วนตัวในการคุยเรื่องสำคัญกับชานยอลเนื่องจากห้องน้ำบนชั้นนี้จะมีเฉพาะคุณจุนมยอน  พี่เลขารวมถึงแขกคนสำคัญเท่านั้นที่จะใช้ได้...ซึ่งในแผนกอื่นมันอาจจะไม่เป็นแบบนั้น

     

                “พี่ไอรีนครับ...ทำไมคอลเลคชั่นปี 92  ถึงมีแค่ซัมเมอร์กับวินเทอร์ล่ะครับ?”

     

                กลับมานั่งทำงานต่อ...และต้องถามเรื่องนี้อย่างห้ามไม่ได้เพราะมันน่าสงสัย  คิมจิวเวลรี่ไม่เคยพลาดแม้แต่ฤดูกาลเดียว  ซึ่งในทุกๆปีจะมีห้าคอลเลคชั่นเสมอ  แต่ปีที่เซฮุนเอ่ยถามมันมีเพียงแค่สองคอลเลคชั่นเท่านั้น...แล้วอีกสามคอเลคชั่นล่ะมันหายไปไหน??

     

                “ปีนั้นคุณจุนมยอนอกหัก...ทุกอย่างก็เลยล้มไปหมด  คุณจุนมยอนเสียใจมากก็เลยหยุดทำไปสามคอลเลคชั่น”

     

                “ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ...พอดีในเอกสารไม่ได้แจ้งอะไรเอาไว้  ผมก็เลยนึกว่ามันหายไป”

     

                “ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ...น้องเซฮุนไม่ผิดสักหน่อย  สงสัยก็ถามมา  แต่ถ้าเรื่องไหนพี่บอกไม่ได้ก็อย่าว่ากันนะคะ”

     

                “ครับ...ขอบคุณนะครับพี่ไอรีน”

     

                เพราะอกหัก...เพราะรักไม่สมหวัง  เพราะเหตุนี้คุณจุนถึงผลิตผลงานดีๆออกมาไม่ได้  ขนาดเป็นถึงเจ้าของบริษัทหรือมีวุฒิภาวะมากพอที่จะเข้าใจโลกกว้าง  แต่ก็ยังต้องมาพ่ายแพ้ให้กับเรื่องนี้  แล้วถ้าเด็กฝึกงานอย่างเขาอกหักบ้างล่ะ...มันจะเป็นอย่างไร???  เซฮุนนึกไม่ออกเลยว่าถ้าวันหนึ่งตัวเองอกหักแล้วมันจะเป็นเช่นไรเพราะเกิดมาจนอายุเท่านี้ก็ยังไม่เคยมีแฟนหรือมีความรักแบบจริงๆจังๆเลยสักครั้ง  คนมาจีบมี  คนมาชอบมี  คนมาแอบรักก็มี...แต่ก็ยังไม่เคยรับรักใครเลยสักคน

     

    ติ๊งงง!!!

     

                เสียงลิฟท์...ที่บ่งบอกได้ว่ามีใครสักคนขึ้นมาที่ชั้นนี้ทำให้เด็กฝึกงานรู้สึกใจเต้นอย่างบอกไม่ถูก  แต่ทำไมต้องใจเต้นด้วยล่ะ??  ในเมื่อใครคนนั้นอาจเป็นพนักงานสักคนหนึ่ง  เป็นลูกค้าหรือเป็นหัวหน้าในแผนกใดแผนกหนึ่งที่มาพบกับพี่เลขาก็ได้...ซึ่งอาจจะไม่ใช่คนที่เขารอคอย

     

    รอคอยอย่างนั้นหรือ!!???

     

                เซฮุน...รีบสะบัดความคิดบ้าๆบอๆออกไปจากหัว  ใครรอคอย  ใครใจเต้น  ใครจะไปอยากเป็นแฟนกับคนอายุมากเช่นนั้น  และ...........

     

                “เช้าก็มา  เที่ยงก็มา...แล้วตอนเย็นจะมาอีกไหมคะคุณจงอิน?”

     

                “ลาออกพรุ่งนี้เลยดีไหมไอรีน?”

     

                “ใจร้ายจังเลยนะคะ...ฟ้องคุณจุนดีไหมเนี่ย?”

     

                และเสียงทักทายของพี่เลขา...กับเจ้าของเสียงทุ้มในชุดสูทสีเทาก็ทำให้หัวใจของเด็กฝึกงานเต้นตึกตักจนเหมือนจะหลุดออกมานอกอก  มือบางเปิดแผ่นกระดาษในแฟ้มด้วยความเลื่อนลอย  สายตาอาจโฟกัสอยู่ที่ตัวหนังสือ  แต่สมองหรือโสตประสาทส่วนอื่นกลับโฟกัสไปที่หนุ่มผิวเข้มมากเสน่ห์

     

                “สวัสดีครับแฟนคุณจงอิน...วันนี้ทำงานเหนื่อยไหมครับ?”

     

                “คะ...คุณจงอินอย่าพูดแบบนี้สิครับ  เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย  แล้วพี่ไอรีนก็อยู่ด้วย  ผมเกรงใจพี่เค้า”

     

                ทั้งเกรงใจ  ทั้งอาย  ทั้งเขิน...และไม่รู้ว่าตอนนี้ใบหน้าของตัวเองนั้นแดงไปถึงไหนเพราะคุณจงอินขี้ตู่อีกแล้ว  ขี้ตู่บ่อยเกินไปจริงๆ  เซฮุนจำเป็นต้องก้มหน้าเอาไว้ด้วยกลัวว่าคนมากอายุจะทราบถึงความในใจ  และไหนจะสายตาของพี่เลขาอีก  ดีที่คุณจุนมยอนออกไปทานกลางวันแล้ว  ไม่อย่างนั้นเด็กฝึกงานอย่างเขาคงถูกทุกสายตากดดันจนเผยความในใจ

     

                “แฟนมารับไปทานมื้อเที่ยงแล้วนะครับ...หวังว่าน้องเซฮุนจะยังไม่ลืม?”

     

                “พูดแบบนี้อีกแล้วนะครับคุณจงอิน ><) ”

     

                “ก็น้องเซฮุนเป็นแฟนกับคุณจงอินจริงๆนี่ครับ”

     

                เอาแต่ใจตัวเองที่สุด...ยิ่งพูด  ยิ่งเตือน  ยิ่งต่อปากต่อคำก็ยิ่งเอาแต่ใจ  เซฮุนไม่อยากคุยด้วยแล้ว  คนอะไรก็ไม่รู้...พูดเข้าข้างตัวเองเก่งเหลือเกิน  แต่!!ถึงจะไม่อยากคุยมากแค่ไหนก็คงจะทำเรื่องที่เสียมารยาทไม่ได้เนื่องจากคุณจงอินเป็นผู้ใหญ่  แถมยังคอยช่วยเหลือเรื่องต่างๆเอาไว้มากมาย  เขาได้มาฝึกงานที่นี่ก็เพราะคุณจงอิน  ได้มาเป็นเลขาก็เพราะคุณจงอิน  ได้มานั่งอยู่ในบริษัทนี้ก็เพราะคุณจงอิน  เพราะคุณจงอินทั้งนั้น...เซฮุนถึงได้มาทำตามความฝัน

     

                “ผมไปทานข้าวกับคุณจงอินได้ไหมครับพี่ไอรีน?”

     

                “ไปเถอะคะ...พี่ไม่อยากลาออกก่อนกำหนด”

     

                “คุณจงอินไม่มีสิทธิ์ไล่พี่ไอรีนสักหน่อย”

     

                (แต่มีสิทธิ์ในตัวน้องเซฮุนนะครับ!!)

     

     

    อีกแล้ว...พูดแบบนี้อีกแล้ว  เข้าข้างตัวเองอีกแล้ว  และใจก็เต้นอีกแล้ว !!!!!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ♡ ♡ ♡ ♡

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    100%

    Cr. ภาพในตอนที่หก : IG>oohsehun

    ***สันนิษฐาน  หมายถึง  ลงความเห็นเป็นเชิงคาดคะเนไว้ก่อน

    ***หมาหยอกไก่ หมายถึง ใช้เรียกอาการที่ผู้ชายล้อเกี้ยวผู้หญิงแบบทีเล่นทีจริง 

    ***ไม่ชอบมาพากล  หมายถึง ไม่น่าไว้วางใจ

    ***วางมาด  หมายถึง แสดงท่าทางให้ผู้อื่นเห็นว่ามีอำนาจหรือใหญ่โต

     

    Talk.

    คุณจงอินเป็นเอามากนะคะ...ทำน้องเซฮุนใจเต้นไปหมด >.<)

    ส่วนไรท์ก็หายไปนานเลยค่ะ  ฮือออออออ...หวังว่าจะไม่ลืมกัน T^T  

    และ...ขออนุญาตใช้พื้นที่ตรงนี้ประกาศว่า

    ในทวิตเตอร์ของเรา  @Mokara16  มีการแจกของขวัญเนื่องในวันเกิดน้องฮุนด้วยนะคะ  มันอาจเร็วไปสักหน่อย  แต่ที่แจกเร็วเพราะไม่อยากให้ติดวันสงกรานต์  เราอยากส่งของให้ถึงผู้โชคดีก่อนที่ ปณ. จะปิดยาววันหยุด  นักอ่านคนใดอยากร่วมสนุกก็ขอเชิญเลยนะคะและรบกวนอ่านกติกาดีๆด้วยเพราะเมื่อสุ่มแล้วเช็คว่าไม่ได้ทำตามกติกาเราจะสุ่มใหม่ทันที

    ขอบคุณนักอ่านทุกคนมากๆเลยนะคะ  ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์และกำลังใจแสนดีด้วยค่ะ

    เลิบบบบบ

    #KHanother

    SNAP
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×