คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ❧ Special
บ้านใหม่
07.10 น.
ก๊อกกก ๆ ๆ!!!!
“คุณหนูคะ...”
“.................”
ตั้งแต่ลูกชายคนเดียวของตระกูลโอถูกตามกลับมาที่บ้าน ทั้งแม่ครัว
สาวใช้หรือแม้กระทั่งคนสวนต่างก็พลอยโล่งอกโล่งใจไปตามๆกัน
ทุกคนเป็นห่วงและรักคนที่กำลังถูกปลุกอยู่ตอนนี้ยิ่งกว่าสิ่งใด ถึงแม้เจ้าตัวจะโตเป็นหนุ่มแล้ว แต่ในสายตาของคนในบ้านก็ยังเห็นคุณหนูเป็นเด็กตัวเล็กๆอยู่เสมอ
และมือเหี่ยวย่นของคนที่กำลังเคาะแผ่นไม้ตรงหน้าพร้อมเสียงเรียกเพียงแผ่วเบาก็ยังเห็นคุณหนูเป็นเด็กเช่นกัน
“คุณหนูคะ...??”
“.................”
เมื่อเรียกแล้วไม่ขาน...หรือเคาะประตูเท่าไหร่ก็ไม่มีการตอบรับก็ทำให้คนเป็นแม่นมต้องถือวิสาสะเข้ามาด้านในโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต ผ้าม่านที่ปิดไว้จนมองไม่เห็นสิ่งใดก็ถูกเปิดออกและเครื่องปรับอากาศก็ถูกปรับระดับให้เป็นความเย็นที่เหมาะสมเพราะอุณหภูมิ19อาศามันอาจทำให้คุณหนูป่วยไข้ แต่...การที่เจ้าของห้องไม่ได้นอนอยู่บนเตียงกว้าง ไม่ได้อยู่ห้องน้ำและไม่ได้อยู่ในห้องแต่งตัวก็ทำให้คนเป็นแม่นมรู้สึกไม่พอใจ
ถ้าไม่ได้อยู่ที่ห้องของตัวเอง...ก็คงอยู่ในห้องฝั่งตรงข้ามสินะ!!
ใช่ว่าไม่พอใจ...ที่แอร์ถูกเปิดไว้แต่เจ้าของห้องไม่อยู่ และการที่คุณหนูพาคนนอกเข้ามาอยู่ในบ้านก็ถือเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่อาจโต้เถียงหรือห้ามปรามอะไรได้เพราะขนาดประมุขตระกูลโอยังไม่กล้าแย้งแล้วแม่นมอย่างเธอจะกล้าเอ่ยสิ่งใด และที่บอกว่าไม่พอใจก็คงเป็นเรื่องที่คุณหนูชอบหนีไปนอนกับหนุ่มผิวเข้มทุกคืน เฮ้ออออ...คุณหนูนะคุณหนู!!? ทำอะไรไม่เกรงใจพ่อแม่บ้างเลย?? อกแม่นมคนนี้คงจะแตกเข้าสักวัน!!???
เหตุผล...ที่ต้องนอนด้วยกันคืนแรกยังพอเข้าใจได้เพราะคุณหนูเกรงว่าผู้ชายคนนั้นจะไม่ชินกับที่อยู่ใหม่
ส่วนคืนที่สอง...เหตุผลมันก็พอฟังขึ้นเนื่องจากอุปกรณ์อย่างเครื่องปรับอากาศ เครื่องทำความร้อนในห้องน้ำหรือสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆยังต้องสอนคนบ้านป่าเมืองเถื่อนให้ใช้ได้อย่างถูกต้อง แต่นี่....มันเป็นคืนที่ห้าแล้วนะคะคุณหนู? ทำไมคุณหนูยังต้องไปนอนกับเขาอีก?? ขืนคุณหนูยังทำแบบนี้ต่อไป...พ่อหนุ่มผิวเข้มคงต้องถูกย้ายไปนอนที่บ้านคนงานแทนบ้านใหญ่แน่ๆ
ก๊อกกก ๆ ๆ!!!
“คุณหนูคะ....”
“.....................”
เป็นอีกครั้งที่ต้องเคาะประตูหรือเรียกคนที่อยู่ในด้านให้ตื่นมาทานมื้อเช้าพร้อมกับครอบครัว และที่ต้องปลุกแบบนี้ทุกวันเพราะตั้งแต่กลับมาจากต่างประเทศ...คุณหนูเซฮุนก็มักจะตื่นสาย อาหารเช้าเริ่มตอนแปดโมง คุณท่านไปทำงานสิบโมงและคุณผู้หญิงก็ต้องไปสอนเด็กๆที่โรงเรียนทำขนมตอนสิบเอ็ดโมง ทุกคนในบ้านเป็นคนตรงต่อเวลา
วันนี้จะทำอะไรจะไปไหนก็มักจะเป็นเช่นนั้นเสมอ คุณท่านไม่เคยผิดนัด ไม่เคยไปสาย
ไม่เคยให้ผู้ใหญ่ต้องรอ
ส่วนคุณผู้หญิง...เมื่อสอนทำขนมเสร็จแล้วก็จะตรงกลับบ้านทันทีและไม่แวะไปไหนทั้งนั้น
“คุณหนะ...หนู!!”
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณป้า”
กำลังจะเคาะประตูเป็นรอบที่สามและถ้าไม่มีการตอบรับก็คงต้องถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปเหมือนเช่นทุกที แต่ยังไม่ทันได้ทำอย่างที่คิด...แผ่นไม้ตรงหน้าก็ถูกเปิดออกพร้อมเสียงทุ้มที่เอ่ยทักทายกันในยามเช้า คนเป็นแม่นมรู้สึกโล่งใจที่ไม่ต้องถือวิสาสะทำแบบนั้นเพราะไม่อยากเข้าไปเห็นในสิ่งที่ไม่น่ามอง เฮ้อออ...เลี้ยงคุณหนูมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม ตีสักแปะก็ไม่เคย แล้วการที่ต้องมาเห็นผิวขาวๆมีแต่รอยช้ำก็เป็นสิ่งที่พาลให้แม่นมอย่างเธออยากจะร้องไห้
“คุณหนูตื่นหรือยังคะ?”
“ตื่นแล้วครับป้า...กำลังแต่งตัวอยู่ครับ”
“แต่งตัวกันเสร็จแล้วก็รีบลงไปทานอาหารเช้านะคะ...อย่าให้คุณท่านต้องรอเหมือนเมื่อวาน”
“ครับคุณป้า”
เรื่องภาษา เรื่องเพศ เรื่องความรักหรือความเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย...มันไม่ใช่สิ่งที่คนแก่อย่างเธอตามไม่ทัน
แต่สิ่งที่เธอตามไม่ทันก็คือความเปลี่ยนแปลงของคุณหนูเซฮุน จากที่ไม่ค่อยยอมใครก็ยอมให้หนุ่มผิวเข้ม
จากที่เคยเรื่องมากก็ไม่ค่อยเรื่องมากเหมือนเมื่อก่อน จากที่รออะไรไม่เป็นก็รอได้เพื่อบางสิ่ง การเปลี่ยนแปลงไปในหลายๆอย่างมันก็ดีอยู่หรอก แต่สิ่งที่อยากให้เปลี่ยนบาง...ก็คือเรื่องความไม่ลงรอยกับคุณท่าน เคยเถียงกันยังไงก็ยังเถียงกันเหมือนเดิม ดื้อกับท่านเช่นไรก็ยังดื้ออยู่แบบนั้น แล้วถ้าวันไหนบ้านมันเงียบผิดปกติก็แสดงว่าทั้งพ่อทั้งลูกไม่ได้อยู่ที่นี่
“แล้วคุณก็ควรจะสวมเสื้อแขนยาว...เพราะคุณท่านไม่ชอบรอยสัก”
“ครับ...”
ไม่อยากคิดว่าคุณหนูจะอยู่ในสภาพไหน
ขนาดคนที่ยืนอยู่ตรงหน้ายังสวมเพียงแค่กางเกงตัวเดียว แล้วววววว....ตอนนี้เซฮุนจะเป็นเช่นไร?? ไหนจะรอยสักบนผิวเนื้อเข้มๆนั่นอีก?!!! คนอะไรทำไมถึงได้สักเยอะขนาดนี้???
แล้วถ้าไม่ท้วงติงให้สวมเสื้อแขนยาวหรือสิ่งที่ดูรัดกุมมากว่านี้ มีหวังคุณท่านคงอารมณ์เสียแต่เช้า ประมุขตระกูลโอเป็นคนเข้มงวดมากๆ
สิ่งใดที่ดูขวางหูขวางตาก็จะพูดตรงๆจนบางครั้งก็แทบไม่รักษาน้ำใจคนฟัง และรอยสัก....ก็คือเป็นสิ่งที่ดูขวางหูขวางตามากที่สุด
ท่านค่อนข้างเป็นคนหัวโบราณ...แต่ก็ไม่โบราณจนไม่เข้าใจความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย
...
...
...
07.35 น.
แกร๊กกกก!!!
“คุณนมมาตามเหรอ?”
“อื้ม....”
“.........??”
“เฮ้อออ!”
เสียงบทสนทนาที่ได้ยินไม่ค่อยชัด
เสียงปิดประตูที่เบาเหมือนกลัวว่ามันจะพังและเสียงถอนหายใจของหนุ่มผิวเข้ม
ทุกๆเสียงมันพาลให้คุณหนูของบ้านหลังนี้รู้สึกเป็นห่วง ห่วงว่าคุณไคจะลำบาก
ห่วงว่าคุณไคจะเบื่อและห่วงว่าคุณไคจะไม่อยากอยู่กับเขา เซฮุนเข้าใจ...ว่าความรู้สึกของคนต่างถิ่นนั้นเป็นเช่นไร มันมีแต่ความอึดอัด ความสงสัย
ความกังวลหรืออีกหลากหลายความรู้สึกที่พาให้อยากกลับบ้าน
ซึ่งเขา...ก็บ่นว่าอยากกลับบ้านบ่อยๆในระหว่างที่ออกเรือ
“คุณไคเป็นอะไร? เบื่อเหรอ?
ไม่ชอบที่นี่เหรอ? ละ...แล้ว!!”
จุ๊บบบ!!
มาจูบทำไมเนี่ย? เป็นอะไรทำไมไม่พูด?? ถามก็ไม่ยอมบอก...แล้วการกอดมันคือคำตอบหรือไง??? เซฮุนทำได้แค่ยืนนิ่งๆอยู่ในอกกว้างเพราะยิ่งถามมันก็คงยิ่งน่ารำคาญ
เฮ้อออ...อุตส่าห์มานอนด้วยทุกวันก็ยังไม่ชอบอีก?! เสื้อผ้าก็ซื้อมาให้ใส่เยอะแยะก็ไม่ยอมใส่!!? และก็คงจะมีแค่บุหรี่เท่านั้นแหละมั้งที่ชอบ??! เซฮุนค้นหาบุหรี่ยี่ห้อXX
ในอินเตอร์เน็ตอยู่สองวันเพราะสิ่งที่หนุ่มผิวเข้มสูบอยู่เป็นประจำมันไม่มีขายที่นี่และกว่าจะหาซื้อมาได้ก็ต้องใช้เวลาอยู่หลายชั่วโมง
แถมการขนส่ง...ก็ต้องใช้เส้นสายของคุณพ่อช่วยอีกแรง แต่เท่าที่พยายามมาทั้งหมดมันก็ยังไม่สามารถทำให้คนที่กอดเขาอยู่ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นมาบ้างเลย
ฮือออออ...โอเซฮุนเป็นท้อ!!!!
“คุณนมบอกให้รีบลงไปกินข้าว”
“ถ้าคุณไคไม่อยากลงไปเราก็ไม่ลง”
“จะทำแบบนั้นได้ไง...”
“ได้สิ...โอเซฮุนทำได้ทุกอย่าง”
“อย่าดื้อ...เดี๋ยวผมใส่เสื้อก่อนแล้วเราค่อยลงไปพร้อมกัน”
คงถูกตามใจจนเคยตัว...และอ้อนจนทุกคนในบ้านใจอ่อนไปหมด
ไคจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคุณหนูโอเซฮุนถึงได้เรื่องมากนัก มีแม่นมคอยโอ๋คอยเอาใจ มีแม่ครัวคอยทำอาหารอร่อยๆให้ทานทุกมื้อแล้วอาหารแต่ละมื้อก็ต้องมีของโปรดของเจ้าตัวอย่างน้อยสองถึงสามอย่าง ความรวย
ความมีฐานะ ความมีลูกเพียงคนเดียวมันคงทำให้พ่อแม่ทุ่มเททุกอย่างเพื่อลูกคนนี้ ท่อนแขนกำยำ...ค่อยๆปล่อยกายบางอย่างนึกเสียดายก่อนก้าวขาไปที่ตู้เสื้อผ้าและหยิบเสื้อแขนยาวออกมาสวมใส่
“.......??”
และการทำเช่นนั้น...ก็พาให้คนที่เลือกซื้อชุดนี้ด้วยตัวเองเกิดความสงสัย? ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ด้วยกันก็ไม่เคยเห็นหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่มาใส่เลยสักครั้ง??
แล้ววันนี้นึกยังไงถึงเลือกใส่เสื้อแขนยาว??? อากาศร้อนจะตาย
นี่มันคือฤดูฝนและกว่าหิมะจะตกก็อีกสามเดือน????
“ใส่ตัวนี้สิ...”
“คุณนมสั่งให้ใส่เสื้อแขนยาว...พ่อคุณไม่ชอบรอยสัก”
และคำตอบของหนุ่มผิวเข้ม...ก็ทำให้มือบางที่กำลังคว้าเสื้อยืดในตู้ต้องค้างอยู่อากาศ ที่เงียบมานาน
ที่ถอนหายใจ ที่แสดงสีหน้าไม่สู้ดีก็เพราะเหตุผลในเรื่องนี้ใช่ไหม??? คุณไคคงอึดอัดสินะ อยู่ที่นู้นจะทำอะไรก็ทำได้ทุกอย่าง
จะไปไหนมาไหนก็ไม่ต้องกลัวว่าจะหลงทางและกฎระเบียบของบ้านนี้ก็คงทำให้ผู้มาใหม่รู้สึกเหมือนขาดอิสระ
“ถ้าคุณไคอึดอัดก็ถอดออกไปเลย...ไม่ต้องใส่!!”
“จะทำแบบนั้นได้ไง...คุณนมสั่งไว้”
“ถ้าคุณพ่อว่าเดี๋ยวเราจัดการให้เอง!!”
“ทำไมชอบดื้อกับคุณพ่อ”
“แต่เราไม่ดื้อกับคุณไคนะ”
“หึ!!...”
ฟอดดด!!!!
คงเป็นเหตุนี้ล่ะมั้ง...ประมุขของตระกูลโอถึงอนุญาตให้เขามานอนที่ตึกใหญ่เพราะไม่ว่าท่านพูดอะไรคนเป็นลูกชายก็เถียงไปหมด แต่พอเขาพูดบ้าง พูดในประโยคเดียวกัน เรื่องเดียวกัน ลูกชายของท่านก็ไม่เคยเถียงเลยสักคำ แก้มนุ่มถูกประทับรอยด้วยความมันเขี้ยว เอวบางถูกสวมกอดด้วยความทะนุถนอมและกลุ่มผมสีอ่อนก็ถูกลูบด้วยความเอ็นดู แล้วววว...ถ้าคุณท่านรู้ว่าลูกชายสุดที่รักมานอนกับเขาทุกคืน...มันจะเป็นยังไงต่อนะ???
ไค...รู้สึกเหนื่อยใจแทนผู้เป็นพ่อ แต่ก็รู้สึกดีที่ได้กอดลูกของท่านไว้ทุกค่ำคืน
08.00 น.
ฟอดดด!!!
“มอร์นิ่งฮะคุณแม่”
“มอร์นิ่งจ้ะ??”
วิ่งปู๊ดดดด...ลงบันไดมาอย่างรวดเร็วและเดินเข้ามาหอมแก้มผู้เป็นแม่อย่างออดอ้อน
ส่วนผู้เป็นพ่อก็ไม่ได้อะไรจากลูกชายเลยแม้แต่คำทักทาย
เซฮุนรีบพาหนุ่มผิวเข้มมานั่งข้างๆตัวเองก่อนมื้อเช้าจะถูกเสิร์ฟด้วยมือของสาวใช้
แก้วน้ำจานชามถูกวางเรียงไว้บนโต๊ะอาหารเหมือนเช่นห้าวันที่ผ่านมา ซึ่งแต่ก่อนมันเคยถูกจัดไว้เพียงสามที่เท่านั้น
แต่ตอนนี้หรือว่าจะเป็นตลอดไป??....มันคงต้องจัดไว้สำหรับสี่คน
“ตักอีก...ตักเยอะๆ แค่นี้คุณไคไม่อิ่มหรอก”
“ไม่อิ่มก็ค่อยตักใหม่”
สาวใช้...ชะงักมือทันทีเมื่อสิ้นเสียงคนที่นั่งหัวโต๊ะ แต่สายตาของคุณหนูเซฮุนคือสิ่งที่ทำให้เธอเกิดความลังเล คุณท่านก็อีกอย่าง
คุณหนูสุดที่รักก็อีกอย่าง...สาวใช้อย่างเธอจึงเริ่มทำตัวไม่ค่อยถูกและตั้งแต่มีหนุ่มสุดหล่อเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลโอ
ทั้งสาวใช้แม่บ้านแม่ครัวต่างก็พากันหลงใหลในความคมเข้ม
“ไม่อิ่มบอกนะไค...ไม่ต้องเกรงใจ”
“ขอบคุณครับคุณผู้หญิง”
“เรียกแม่ได้นะ...เรื่องนี้ก็ไม่ต้องเกรงใจเหมือนกัน”
“ครับคุณมะ...แม่!!”
(อะแฮ่มมมม!!)
ความหมั่นไส้มันติดคอ...คนที่เป็นทั้งพ่อและสามีจึงจำเป็นต้องกระแอมออกมาก่อนที่ทุกคนจะให้ท้ายหนุ่มผิวเข้มไปมากกว่านี้ เรื่องที่ช่วยดูแลลูกชายตอนหนีเที่ยวคงต้องขอบคุณ การที่ช่วยชีวิตทุกคนเอาไว้จากการถูกทำร้ายก็ต้องขอบคุณอีกเช่นกัน แต่การให้ไคเข้ามาอยู่ในบ้าน เข้ามาอยู่ในตึกใหญ่หรือให้บินกลับมาด้วยกันมันก็เป็นสิ่งตอบแทนที่มากพอแล้ว และการจะให้เรียกเมียของเขาว่าแม่...ก็เห็นว่ามันจะมากเกินไปหน่อย
“อะไรติดคอเหรอฮะคุณพ่อ?...ให้หนูตามหมอให้ไหม!!?”
“อย่ามากวนประสาทพ่อแต่เช้านะเซฮุน”
“ป่าวกวนนะฮะ...หนูเป็นห่วงคุณพ่อต่างหาก”
“โอเซฮุน....”
ให้มันได้อย่างนี้สิ...มีลูกอยู่คนเดียว
ถูกเลี้ยงมาแบบตามใจ
จะพูดอะไร จะคิดอะไรก็ถูกขัดคอไปหมด
แล้วการแสดงสีหน้าท่าทางทะเล้นแบบนั้นมันก็น่าจับมาตีให้ก้นลาย คงมีแค่ประมุขของตระกูลโอเท่านั้นที่กล้าตีลูกชายเพราะทุกคนในบ้านต่างก็พากันตามใจ
พากันให้ท้ายและพากันหลงใหลในความขี้อ้อนของเด็กคนนี้ แต่จะว่าไป...นิสัยของโอเซฮุนก็ถอดแบบมาจากผู้เป็นพ่อหลายอย่าง ทั้งความเรื่องมาก ช่างซักช่างถาม ขี้โวยวายรวมถึงความเอาแต่ใจก็ได้มาจากคุณพ่อทั้งนั้น ส่วนความขี้อ้อน ความอ่อนโยน
ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นหรือแม้กระทั่งรูปร่างหน้าตาก็คงได้แม่ไปเต็มๆ
และ.......
“คุณคะ...ไม่ทะเลาะกับลูกค่ะ
ไม่น่ารักเลย”
“ตามใจกันเข้าไป!!”
“คุณคะ....”
เป็นอีกวัน...ที่ผู้มาใหม่ต้องกลั้นยิ้มเพราะการทานมื้อเช้าและมื้อเย็นพร้อมหน้าพร้อมตากับคนในตระกูลโอมันพาลให้ขากรรไกรทำงานหนักเป็นพิเศษ อยากหัวเราะแต่ไม่กล้า อยากยิ้มแต่เกรงว่าจะเสียมารยาทและถ้าถามว่าอึดอัดหรือเปล่า???...ก็ขอตอบได้เลยว่ามีบ้าง?? ไคยอมรับว่าตอนแรกรู้สึกอึดอัดมากๆ แต่ในเมื่อรับปากว่าจะย้ายมาอยู่ที่นี่ เขาจึงเริ่มทำใจมาตั้งแต่ก้าวขาออกมาจากสนามบิน ทุกๆประเทศมีกฎหมาย ทุกๆบ้านมีกฎระเบียบ จะไปที่ไหนก็มีกฎทั้งนั้น ไคจึงต้องปรับชีวิตไปตามสิ่งที่มันควรจะเป็น
อาจมีบ้างที่หงุดหงิดแต่ก็ต้องยอมรับ อาจมีบ้างที่รำคาญเพราะบางทีกฎระเบียบภายในบ้านหลังนี้ก็ตึงเกินไปหน่อย แล้วการที่ไม่ได้ทำงานอะไรเลยและได้แต่นั่งๆนอนๆไปวันวันก็พาลให้รู้สึกเบื่อ แต่การมีคนน่ารักอยู่ใกล้ๆ...ได้กอด ได้หอม
ได้จูบให้ชื่นใจ ทุกๆความหงุดหงิด ความเบื่อหน่ายหรือความน่ารำคาญมันก็กลายเป็นเรื่องเล็กไปในทันที
“คุณแม่...คืนนี้หนูขออนุญาตไปเที่ยวนะฮะ”
“แล้วจะไปที่ไหน ไปกับใคร
แล้วกลับดึกไหม?”
“จะพาคุณไคไปเที่ยวฮะ ไปกับแบคกับคุณชาน กลับไม่ดึกหรอกฮะ”
“ไม่ดึกคือตีอะไรคะ...ไหนบอกแม่หน่อยซิ?”
“ตี
1...”
“แม่ขอต่อรอง”
“งั้นเที่ยงคืนก็ได้ฮะ....นะนะนะคุณแม่”
“แม่ให้ตีหนึ่งก็ได้ค่ะ...แต่ห้ามเมาเด็ดขาด ถ้าหนูเมา...แม่จะไม่ให้ไปไหนอีกเลย”
“โอเค...หนูจะไม่เมา สัญญา”
“อนุญาตค่ะ...”
ฟอดดดด!!!
“หนูรักแม่ที่สุดเลยฮะ”
ถ้าคนที่กำลังอ้อนผู้ปกครองอยู่ตอนนี้ใส่วิกผมยาว...หนุ่มผิวเข้มก็คงแยกไม่ออกว่าใครเป็นแม่ใครเป็นลูก คุณผู้หญิงสวยมากจริงๆ...ทั้งหน้าตา บุคลิก
การแต่งกายหรือแม้กระทั้งการพูดการจาก็ดูสวยดูดีไปหมด ท่านดูอ่อนโยนแต่แฝงไว้ด้วยความขี้เล่น ท่านดูน่าเกรงขามแต่ก็แฝงไว้ด้วยความน่านับถือ
เซฮุนคงรักผู้เป็นแม่มากๆเพราะท่านใจดีและมีเหตุผล
ส่วนคนที่เห็นหน้ากันทีไรก็ต้องมีปากเสียงก็ใช่ว่าลูกชายจะไม่รัก...แต่มันเป็นรักที่เหมือนจะอยู่ลึกจนไม่กล้าแสดงออก
ตลอดห้าวันที่อยู่ด้วยกัน...เซฮุนไม่เคยนอนหลับถ้าคุณพ่อยังไม่กลับบ้าน
ไม่ยอมทานข้าวถ้าคุณพ่อไม่มาทานด้วยและจะคอยถามคุณแม่อยู่เสมอว่าท่านสบายดีหรือไม่
ต่อหน้าอาจมีปากเสียง...แต่ลับหลังก็รักท่านไม่แพ้ใคร แล้วพวกสาวใช้ก็มักจะมาเล่าให้เขาฟังอยู่บ่อยๆว่าเวลาที่เด็กชายโอเซฮุนถูกคุณท่านตี เจ้าตัวก็จะแอบมาร้องให้ในครัวทุกครั้ง ถูกตีก็เพราะดื้อ ถูกบ่นก็เพราะอยากให้เป็นเด็กดี ซึ่งเรื่องนี้คนเป็นลูกก็เข้าใจ แต่บางครั้ง...มันก็เข้มงวดเกินไปหน่อย
...
...
...
XXX PUB
20.00 น.
ปึ่กกก!!!
“เซฮุน...”
“เรียกทำไม!!!”
จะไม่ให้เรียกก็คงไม่ได้...เพราะคนที่กำลังยืนกอดอกพิงประตูรถอยู่ตอนนี้กำลังทำหน้าบอกบุญไม่รับ*** เอ่ยกับคุณแม่ว่าจะพาเขามาเที่ยว พามาเปิดหูเปิดตาและพามาพบปะเพื่อนฝูง
แล้วทำไมคนที่พูดเช่นนั้นถึงต้องแสดงท่าทางเหมือนกำลังโกรธ?? เซฮุนเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ขับรถออกมาจากบ้าน เจ้าตัวดูหงุดหงิด
ดูไม่อยากมาเที่ยวและดูเหมือนจะไม่พอใจอะไรในตัวเขา???
“เป็นอะไรก็พูดออกมา ผมอ่านใจคนไม่ออกหรอกนะ”
“ก็ไม่ได้เป็นอะไรหนิ!!”
“ส่องกระจกดูหน้าตัวเองหน่อยไหม?!”
“โอ๊ยย...เจ็บนะ!!”
“ถ้าไม่อยากเจ็บก็พูดออกมาว่าเป็นอะไร?!!”
“ปล่อยยย...ก็บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรไง!!”
ใครจะกล้าพูด...ว่าคนที่กดคอเขาไว้กับกระจกข้างรถมันหล่อเกินไป หล่อจนน่าหงุดหงิด หล่อจนไม่อยากพาออกไปไหน หล่อจนสาวๆหน้าผับมองตาไม่กระพริบ โว้ยยย...อยากกลับบ้านนนน!!! เซฮุนสะบัดกายให้หลุดออกจากการถูกล็อคต้นคอและรีบเดินเข้าในสถานบันเทิงก่อนที่จะใครบางคนจะจับได้ถึงความมีพิรุธ แล้วเพื่อนๆที่โทรนัดไว้เมื่อตอนบ่ายก็คงเดินทางมาถึงกันหมดแล้ว
!!♪♫!!♪♫♪!!!♫♪!!
!!♪♫!!♪♫♪!!!♫♪!!
เสียงเพลงที่เปิดอยู่ตอนนี้ แสงสีที่อยู่ภายในผับและผู้คนมากมายที่โยกกายไปตามจังหวะของดนตรีมันไม่ได้ดึงดูดสายตาหรือเป็นที่น่าสนใจเท่ากับคุณหนูโอเซฮุนเลยสักอย่าง อยู่ในป่าเคยป่วนยังไง อยู่ที่นี่ก็ป่วนอย่างนั้น
เพราะตั้งแต่เดินเข้ามาในสถานบันเทิงแห่งนี้ เจ้าตัวก็เอาแต่ทักทายเพื่อนๆด้วยการจุ๊บแก้มกันเบาๆและแทบไม่ได้สนใจเขาเลยสักนิด
“โอเซฮุน...มึงพาใครมาด้วยวะ ไม่เห็นแนะนำให้พวกกูรู้จักเลย”
“แล้วแบคยังไม่มาเหรอ?”
ไม่แนะนำเขาให้รู้จักกับเพื่อนๆยังไม่พอ
แถมยังเปลี่ยนไปถามถึงเพื่อนสนิทที่ตอนนี้ไม่รู้ว่ามาถึงหรือยัง และเมื่อถามถึงเพื่อนตัวเล็ก...ไคก็อดไม่ได้ที่จะมองหาเพื่อนของตัวเอง ตอนนี้มึงจะเป็นยังไงบ้างวะ? บ้านคุณแบคของมึงกฎระเบียบเยอะเหมือนบ้านคุณหนูโอเซฮุนไหม??
แล้วต้องตื่นมากินข้าวตอนแปดโมงเหมือนกูหรือเปล่า???
แต่จากที่ได้คุยกันไปเมื่อสองวันที่แล้วก็ทำให้รู้ว่า...บ้านของแบคฮยอนแทบจะไม่มีกฎอะไรเลยเพราะคุณพ่อก็เสียไปแล้วและคุณแม่ก็ทำงานอยู่ที่ต่างประเทศ
เฮ้อออ...ไอ้ชานมันโชคดีจริงๆ!!
“มาแล้ว...แต่มันออกไปเต้น มันพาแฟนมาด้วยนะ...ตัวสูงๆ สูงมากเลย
มึงรู้จักปะ?”
“รู้สิ...”
“รู้แต่เก็บเงียบเลยนะมึง แล้วตกลงคนข้างหลังมึงเป็นใครวะ...หรือว่าพ่อมึงจ้างบอดี้การ์ด??”
“เค้าไม่ใช่บอดี้การ์ด
เค้าชื่อไค...เป็นเพื่อนของแฟนแบค”
“แล้วววว...เป็นแฟนมึงด้วยปะ?”
“จะบ้าเหรอเลย์...ไม่ใช่!”
“อ้าว...ก็เห็นมาด้วยกัน”
อารมณ์ไม่ได้ดีเหมือนหน้าตา...และตอนนี้ก็ยิ่งอารมณ์ไม่ดีมากขึ้นไปอีกเพราะเพื่อนๆเอาแต่อยากรู้ว่าคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาเป็นใครมาจากไหน ชื่ออะไร
ไปเจอกันยังไงแล้วที่สำคัญคือ...คุณไคโสดหรือเปล่า?? โสดแล้วไง
ไม่โสดแล้วไง
อยากได้ก็เอาไปเลย ฮึ่ยย!!! เลย์...คือเพื่อนที่ทำงานและตอนนี้ก็ไม่อยากคบมันเป็นเพื่อนแล้ว ถามนู้นถามนี่อยู่ได้ สนใจกูบ้าง
ไม่ใช่สนใจแต่คนที่กูพามาด้วย
ฮือออ...อยากกลับบ้านโว้ยยยยย!!!
แล้วเพื่อนสนิทอย่างแบคฮยอนก็ไม่รู้ว่าไปตกลงปลงใจเป็นแฟนกับคุณชานตอนไหน?????!!! โอเซฮุนอยากจะบ้าตาย!!!!
“สวัสดีครับคุณไค ผมชื่อเลย์นะ
แล้วนั่นก็จุนมยอน ส่วนคนนั้นชื่อเฉินเป็นแฟนกับคนนี้...ซิ่วหมิน”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับทุกคน”
เพื่อนๆของเซฮุนดูท่าทางเป็นมิตร ไม่มีใครแสดงท่าทีรังเกียจเขาเลยสักคน
แถมผู้ชายที่ชื่อเฉินก็ยังเรียกให้ไปนั่งด้วยกัน
แต่...คนแปลกหน้าอย่างเขาขอเสียมารยาทยืนอยู่ข้างๆคุณหนูตัวป่วนดีกว่าเพราะการมาด้วยกันหรือการถูกพามาเปิดหูเปิดตาก็เป็นความคิดของเซฮุน ไคโค้งตัวลงเล็กน้อยเพื่อเป็นการปฏิเสธคำเชิญชวนและรีบรับเครื่องดื่มที่เลย์ยื่นมาให้
“นั่นไง...แบคเดินมานู้นแล้ว”
แค่ได้ยินชื่อคนตัวเล็ก...ไคก็รีบหันไปมองทันทีเพราะถ้าคนที่พูดถึงกำลังเดินเข้ามา ไอ้ชานมันต้องเดินตามาด้วย แต่...สีหน้าที่ดูไม่สู้ดีของแบคฮยอน ทำไมมันถึงคล้ายกับคนข้างกายของเขาตอนนี้ ไอ้ชานไปทำอะไรให้คุณแบคโกรธอีกล่ะ?
“เซฮุนนนน...”
“เป็นอะไร...ใครแกล้ง?
คุณชานแกล้งเหรอ??”
แรง...ที่โถมกายใส่เพื่อนสนิทและการถูกกอดพร้อมเสียงคนงอแงคือสิ่งที่ทำให้เซฮุนต้องตั้งคำถาม
ส่วนคนต้นเหตุที่ทำให้แบคฮยอนเป็นแบบนี้ก็รู้สึกโล่งใจมากขึ้นเมื่อพบเพื่อนผิวเข้ม
ไครีบพาเพื่อนตัวสูงออกมานอกผับก่อนที่อารมณ์ของสองคนตรงหน้าจะพาลให้ซวยกันหมด และอาจทำให้เพื่อนๆในกลุ่มของเซฮุนพลอยหมดสนุกไปด้วย
แต่.....
“คุณชานจะไปไหน??”
“ไปสูบบุหรี่กับไอ้ไคข้างนอกครับ”
“ห้ามไปนะ...”
โอเค...ไม่ให้ไปก็ไม่ไปก็ได้ครับ คุณชานจะไม่ไปไหนทั้งนั้นถ้าคุณแบคไม่อนุญาต!!! ไคขอเปลี่ยนความคิดที่บอกว่าเพื่อนของตัวเองนั้นโชคดีเพราะต่อให้ที่บ้านของเซฮุนจะมีกฎระเบียบมากมายหรือเคร่งครัดมากแค่ไหน
แต่เจ้าของบ้านหรือแม้กระทั่งเซฮุนเองก็ไม่เคยบังคับและสั่งห้ามนั่นห้ามนี่เหมือนที่ไอ้ชานเป็นอยู่ตอนนี้ หมูในอวยก็ไม่ปาน ลูกไก่ในกำมือก็ไม่เชิง...สาธุบุญที่ไอ้ไคคนนี้ไม่ได้ถูกบังคับเช่นนั้น
“มึงเป็นอะไรแบค...คุณชานแค่ออกไปสูบบุหรี่ มึงก็ให้เค้าไปสิวะ”
“ไม่ให้ไป เดี๋ยวก็มีสาวมาติดอีก!!”
“อ้าว...งั้นคุณไคก็ห้ามไป นั่งอยู่นี่แหละ // เลย์...มึงขยับไปหน่อยดิ๊”
ชิบหาย...หมดบุญแล้วมั้งกู?? อยู่ดีๆก็โดนหางเลขไปด้วย??? ตกลงไอ้ชานมันไปทำอะไรให้คุณแบคโกรธกันแน่วะ??? เรื่องที่เซฮุนหงุดหงิดก็ยังไม่ได้เคลียร์ เรื่องที่ตัวเองถูกสั่งห้ามออกไปสูบบุหรี่ก็ยังสงสัย แล้ววันนี้...เขาจะได้คำตอบจากใครบ้างไหม?????
ส่วนเรื่องที่ไอ้ชานเป็นแฟนกับแบคฮยอนก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องไปยุ่ง ใครจะรักกับใคร ใครจะเป็นแฟนกับใครก็ถือว่ามันคือเรื่องส่วนตัว
“แบค...มึงเลิกทำหน้างอได้ละ อยากมีแฟนหล่อก็ต้องทำใจหน่อย”
“ก็กำลังทำใจอยู่นี่ไง!”
เฮ้ยยย...นี่คุณเลย์กำลังจะบอกว่าคุณแบคหึงคุณชานใช่ไหม?!! เกิดมาจนอายุป่านนี้ก็ไม่เคยมีใครมาหึงเลยสักคนเพราะตอนที่อยู่ประเทศของตัวเอง...เวลาอยากได้ใครก็ซื้อเอาและหลังจากเสร็จภารกิจก็ไล่กลับบ้าน ชีวิตมันไม่เคยอยากให้ใครเข้ามาผูกมัด
แล้วคนที่อยู่ด้วยกันแทบทุกวันก็มีแค่ไอ้ไคคนเดียวเท่านั้น ถ้ามันจะหึงผมหรือผมจะหึงมัน...ฟ้าคงผ่าท่าเรือระเบิดดังตู้มมม!!!! คุณชานดีใจที่เห็นคุณแบคหงุดหงิด
คุณชานกำลังยิ้มกว้างที่เห็นคนเป็นแฟนหน้างอและคุณชานก็มีความสุขที่ได้อยู่กับแบคฮยอนทุกวัน
(มีแฟนหล่อก็ต้องทำใจ???)
คน...ที่บอกว่าหนุ่มผิวเข้มไม่ใช่แฟน กำลังนึกถึงคำพูดของเลย์อยู่ในใจเพราะความหล่อไม่ใช่สิ่งผิด แต่ที่ผิดก็คือตัวเอง แล้ววววว...กูจะไปคิดทำไมวะ? เขากับคุณไคไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย?? งั้นก็...ดื่มมมมมมม!!!
แต่....
“เซฮุน...”
“อะไร?”
“สัญญากับคุณแม่ไว้ว่าอะไร?”
“ไม่กินก็ได้วะ”
ยังไม่ทันได้ยกของมึนเมาเข้าปาก...มือบางก็ถูกคว้าเอาไว้ก่อนที่ใครบางคนจะผิดสัญญากับผู้เป็นแม่ แล้วก็เป็นคนห้ามที่ต้องยกแก้วเหล้าดื่มแทนคุณหนู
เซฮุนได้แต่กินน้ำอัดลมสลับกับน้ำเปล่าจนท้องเริ่มอืดและถึงแม้การได้ออกมาสังสรรค์หรือพบปะเพื่อนฝูงมันจะรู้สึกดี แต่การไม่ได้แตะเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์หรือลุกออกไปเต้นเหมือนอย่างทุกทีก็พาให้เกิดความเบื่อหน่าย
“จะไปไหน?”
“ไปฉี่...”
“ผมไปด้วย”
“......???”
งง...เพราะไม่คิดว่าการลุกไปเข้าห้องน้ำจะทำให้ไคอยากตามมาด้วย หรือว่าคุณไคอยากจะออกมาสูบบุหรี่?? เซฮุนทราบดีว่าหนุ่มผิวเข้มติดบุหรี่มากแค่ไหน วันหนึ่งต้องสูบเท่าไหร่และต้องสั่งเข้ามาอีกเท่าไหร่ถึงจะพอดีก่อนที่มันจะหมด???
เซฮุนไม่อยากให้ไครู้สึกว่าต้องปรับเปลี่ยนชีวิตของตัวเองไปมากกว่านี้
อะไรที่พอช่วยได้ก็จะช่วยเต็มที่และถ้ามีสิ่งใดที่พอจะทำให้คลายความอึดอัดได้บ้างก็จะรีบหามาให้ทันที
แต่เรื่องของบุหรี่ก็อยากให้ลดๆลงบ้างเนื่องจากมันไม่ดีต่อสุขภาพ
“เซฮุนมานี่!!”
“เจ็บนะ...เบาๆหน่อยสิ”
“จะเดินไปไหนก็หัดระวังตัวบ้าง!”
การเดินฝ่าผู้คนที่กำลังโยกกายไปตามเสียงเพลง...มันทำให้คนที่ถูกกระชากแขนรู้สึกเจ็บ
เซฮุนยังไม่ชินกับการทำอะไรรุนแรงแบบนี้เลยสักครั้ง
และถึงแม้จะทราบว่ามันเป็นนิสัยของคนตรงหน้า แต่บางทีมันก็แรงจนพาให้เกิดรอยช้ำ
“ต้องระวังคุณไคมากกว่า...ป่านนี้แขนเราเขียวแล้วมั้ง!!”
“เขียวเพราะมือผมน่ะดีแล้ว”
“ดีที่ไหนกัน...เจ็บจะตาย!”
ถ้าจะห่วงขนาดนี้ก็มาเป็นผัวเลยดีกว่ามั้ง...แล้วแค่การโกนหนวดกับเซ็ทผมอีกนิดหน่อยพร้อมการแต่งกายด้วยเสื้อยีนส์กับกางเกงเดนิมจะทำให้สาวๆมองตาไม่กระพริบขนาดนี้ เขาก็คงไม่พามาด้วยตั้งแต่ทีแรก ยิ่งเห็นยิ่งหงุดหงิด ยิ่งมาเดินใกล้ๆก็ยิ่งเห็นว่าคุณไคหล่อแค่ไหน ไปอัดบุหรี่ให้ชุ่มปอดเลยไป...ชิ้วๆ เซฮุนรีบเข้ามาด้านในทันทีเมื่อเดินมาถึงห้องน้ำและหนุ่มผิวเข้มที่กำลังเป็นตกเป็นเป้าสายตาของสาวๆในผับก็อยากสูบบุหรี่อย่างที่เขาคิดเอาไว้จริงๆ
แต่.....
“โอ้ยยย!!!”
“........?!!!”
ยังไม่ทันได้หยิบสิ่งใดขึ้นมาสูบ...เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดก็พาให้ไคต้องรีบเดินเข้ามาในห้องน้ำและสิ่งที่เห็นก็คือ...คุณหนูตัวป่วนกำลังนอนกองอยู่กับพื้น ภาพเก่าตอนที่อยู่ในป่าถูกฉายซ้ำขึ้นมาอย่างไม่อาจห้ามได้ ถึงแม้สถานการณ์มันจะต่างกัน แต่การที่เซฮุนได้รับบาดเจ็บมันก็พลอยทำให้ไคเจ็บไปด้วย ผู้ชายสองคนตรงหน้าควรไปทะเลาะกันที่อื่นเพราะในนี้มันคือห้องน้ำ แล้วผลของการทำให้คุณหนูของเขาได้รับบาดเจ็บ...พวกมึงก็ต้องเจ็บกว่าหลายเท่า!!!
ผัวะ!!!!!!!!!
ผัวะ!!!!!!!!!
ตอนนี้...เซฮุนไม่รู้แล้วว่าใครมีเรื่องกับใครเพราะหลังจากที่เดินเข้ามาทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ เขาก็ถูกลูกหลงจากชายสองคนที่กำลังต่อยกันอย่างดุเดือดแล้วเสียหลักมาชนจนหกล้ม และดี...ที่ศีรษะไม่ได้กระแทกไปกับพื้น ดีที่ใบหน้าไม่ได้โขกเข้ากับโถฉี่ แต่ที่ไม่ดีก็คือ...คุณไคกำลังจะฆ่าผู้ชายสองคนนี้ตายคาห้องน้ำ!!!??
“คุณไค....พอแล้ว!!”
“คุณไค...หยุด!!”
“คุณไคช่วยเราหน่อย...เราลุกไม่ไหว เราเจ็บ!!”
“เซฮุน!!!”
กว่าจะหาคำพูดมาทำให้แรงกระทืบหยุดชะงัก...ก็เกือบทำเอาผู้ชายทั้งสองคนกระอักเลือดตาย เซฮุนถูกอุ้มเข้าสู่อ้อมอกทันทีเมื่อสิ้นเสียงอ้อนวอน ไคพยายามละจากความโมโหในเรื่องที่เกิดขึ้นและรีบพาตัวคุณหนูออกมาจากสถานบันเทิงโดยที่ไม่คิดจะร่ำลาใครทั้งนั้น ตอนนี้เขาไม่สนเรื่องอะไรอีกแล้ว ทั้งเรื่องมารยาท เรื่องเพื่อนของตัวเองที่ยังนั่งอยู่ในผับหรือแม้กระทั่ง...เรื่องที่เพิ่งกระทืบชายสองคนจนสาหัส
“คุณเจ็บตรงไหนบ้าง?”
“เอ่ออ....”
“ผมถามได้ยินไหมมม!!!!”
“จะ...เจ็บตรงนี้”
ชี้มือไปตามร่างกายแบบมั่วๆเพราะเสียงตะคอกเมื่อครู่มันน่ากลัวยิ่งกว่าเรื่องที่ถูกลูกหลงเสียอีก มือหนารีบล้วงกุญแจรถจากกระเป๋ากางเกงของคนเจ็บออกมาปลดล็อค
ประตูพาหนะยี่ห้อดังถูกเปิดออกด้วยความรีบร้อนและคุณหนูตัวป่วนก็ถูกวางลงบนเบาะด้านหน้า ไครีบเข้ามานั่งตรงที่คนขับแล้วสตาร์ดเครื่องยนต์ก่อนที่เซฮุนจะบ่นว่าร้อน แอร์ถูกเปิดทันที เบาะรถถูกปรับให้เอนลงเล็กน้อยเพื่อความถนัดต่อการดูแลคนเจ็บ และ....
“ถอดเสื้อออก”
“ถอดทำไม?”
“จะถอดเองหรือจะให้ผมถอด!!?”
“ถะ...ถอดเอง”
ทั้งเสียงตะคอกรอบที่สอง ทั้งสายตาคมที่ดุดันและทั้งบรรยากาศภายในรถที่กำลังร้อนระอุคือสิ่งที่พาให้มือบางต้องรีบทำตามคำสั่ง เซฮุนเร่งปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตก่อนถอดมาวางเอาไว้บนตัก
แล้วแอร์ที่เปิดจนเย็นฉ่ำก็ทำให้สองมือต้องโอบรอบกายตัวเองเอาไว้
ดวงตาคู่ขอทิ้งโฟกัสไว้ที่ไหนก็ได้แต่ต้องไม่ใช่คนที่นั่งอยู่ข้างๆเพราะครั้งสุดท้ายที่ต้องเปลือยกายต่อหน้าคุณไคก็คือในป่า ถึงแม้ตอนนี้จะเปลือยแค่ท่อนบนแต่มันก็รู้สึกอายอยู่ดี
แถมการเปลือยอยู่ในรถก็พาลให้รู้สึกอายมากขึ้นไปอีก มันใกล้กันเกินไป มันสัมผัสได้ถึงบางอย่าง
มันนนน...อยากกลับบ้านมากกว่าการนั่งเงียบๆอยู่ในรถคันนี้
และ....
“เฮ้ยย...!!!”
“อยู่เฉยๆ”
“จะทำอะไร...ปล่อยนะ!!”
จะให้อยู่เฉยๆได้ยังไง...เพราะการที่ถูกคว้าตัวมานั่งบนตักกว้างมันเป็นการกระทำที่ไม่อาจอยู่เฉยได้เลยสักนิด
คุณไคทำเหมือนเขาเป็นตุ๊กตาที่ไร้ความรู้สึก จะจับ
จะดึง จะลาก
จะคว้าไปไหนมาไหนก็ทำโดยไม่เคยบอกให้รู้ล่วงหน้า และทุกครั้งที่ทำแบบนี้มันก็เจ็บจนตัวของเขาเขียวช้ำไปหมด เซฮุนดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดของคนที่มาจากบ้านป่าเมืองเถื่อนเพราะไม่รู้ว่าคุณไคกำลังจะทำอะไร แต่ยิ่งดิ้น...แรงโอบรัดก็ยิ่งกระชับมากยิ่งขึ้น ยิ่งขืนกาย...ความใกล้ชิดก็ยิ่งแนบชิดจนรับรู้ได้ถึงลมหายใจ
“เซฮุน...อยู่เฉยๆก่อนได้ไหม?”
“คะ...คุณไคจะทำอะไร”
“จะดูว่าเจ็บตรงไหนบ้าง...จะได้ทายาให้”
“............??!”
เสียงทุ้ม...ที่ปรับระดับให้เบาลง ความใกล้ชิดที่ปรับให้ดูอ่อนโยนและเหตุผลที่ต้องมานั่งอยู่บนตักกว้างก็ทำให้เจ้าของความขาวเนียนเลิกพยศได้ในทันที ถ้าเซฮุนรู้ดีว่าไคติดบุหรี่...ไคก็รู้ดีเช่นกันว่าเซฮุนนั้นบอบบางมากแค่ไหน บีบนิดจับหน่อยก็เป็นริ้วแดง เดินชนนั้นชนนี้ก็ช้ำไปเป็นอาทิตย์ แล้วการถูกลูกหลงจนล้มคว่ำไปพื้นห้องน้ำก็ทำให้ผิวเนื้อขาวๆตรงช่วงหัวไหล่เปลี่ยนเป็นสีม่วง
จากที่เคยพกแต่บุหรี่ติดตัว...ตอนนี้ไคต้องพกยาแก้ฟกช้ำติดกายเพิ่มมาอีกอย่างเพราะคนที่กำลังถูกทายาอยู่ตอนนี้มันบอบบางเหลือเกิน
“ไม่รู้หรือไงว่าเค้ากำลังมีเรื่องกัน”
“นั่นมันในห้องน้ำนะ...ใครจะไปคิดล่ะว่ามีคนต่อยกันอยู่”
“แล้วเจ็บมากหรือเปล่า”
“นิดหน่อย”
“กลับถึงบ้านต้องกินยาด้วยนะ...พรุ่งนี้คุณยกแขนไม่ขึ้นแน่ๆ”
“ไม่ขนาดนั้นมั้ง?”
“คอยดูก็แล้วกัน”
พูดดีๆก็เป็น...แต่ทำไมไม่ค่อยพูด ทำไมชอบตะคอก
ทำไมชอบทำให้เจ็บ
เซฮุนพยายามทำความเข้าใจกับนิสัยของคุณไคอยู่เสมอ แต่บางครั้งก็ยังรู้สึกหงุดหงิดอยู่บ้างเพราะบางเหตุการณ์มันก็ดูใจร้ายไปหน่อย เฮ้อออ...คนที่มาจากบ้านป่าเมืองเถื่อนก็คงเป็นแบบนี้ทุกคนล่ะมั้ง!!?
“คุณจะเข้าไปข้างในอีกไหม?”
“ไม่เข้าแล้ว...กลับบ้านดีกว่า ง่วงนอน”
“งั้นผมขับรถให้เอง”
“โอคะ...เค โอ้ยย!!!?”
ก็ให้ขับแล้วไง...จะเอาอะไรอีก? ถ้าเขายังนั่งอยู่บนตักแล้วคุณไคจะขับรถยังไง?? สรุปแล้วจะกลับบ้านกันไหม???
คนที่กำลังลุกออกจากตักกว้างถูกดึงให้นั่งลงไปที่เดิมและการถูกดึงด้วยแรงขนาดนั้นก็ทำให้เจ็บจนต้องส่งเสียงร้อง เสื้อก็ยังไม่ได้ใส่ นั่งที่เบาะรถก็ไม่ได้ ตกลงคุณไคจะเอายังไงกันแน่เนี่ย???
“นั่งตรงนี้แหละ”
“จะบ้าเหรอ...”
“ผมขับได้”
“บ้าไปคนเดียวถะ...เถอะ อื้มมม!!!”
เรื่องบ่นต้องยกให้คุณหนูเป็นที่หนึ่ง เรื่องพูดมากก็ต้องยกให้คุณหนูเป็นที่หนึ่งอีกเช่นกัน...แต่เรื่องการใช้กำลังก็คงต้องยกให้คุณไคเป็นที่สุด อวัยวะที่ใช้พูดจนเบื่อจะฟัง...ถูกกอบโกยความหวานทันทีเพราะความดื้อรั้นและความใกล้ชิดที่ชิดจนได้ยินเสียงเต้นของก้อนเนื้อด้านซ้าย ก็พาลให้ทุกความต้องการถูกระเบิดออกมาอย่างไม่อาจห้ามใจ จากที่ผลักไส...ก็เปลี่ยนไปเป็นการตอบรับ จากที่ถูกกวาดต้อน...ก็เปลี่ยนเป็นการตอบสนองจนต้องบีบไหล่กว้างเอาไว้เพื่อระบายทุกความรู้สึก
ตอนนี้...หนุ่มผิวเข้มไม่ได้เป็นบ้าคนเดียวอีกแล้วเพราะการตอบโต้รสสัมผัสอย่างไม่มีใครยอมใครมันทำให้เซฮุนพลอยเป็นบ้าไปด้วยและคงบ้ามากกว่านี้แน่ๆถ้ายังไม่หยุดการกระทำที่แสนน่าอายในรถหรู?!!
ละสัมผัสที่ร้อนแรง...ก่อนสบตากันเพียงชั่วครู่และต้องซบกาย ซบความเขินอายพร้อมแอบซ้อนใบหน้าที่แดงระเรื่อเอาไว้บนอกกว้าง เซฮุนไม่รู้จริงๆว่าทำไมตัวเองถึงได้เผลอไผลไปกับการกระทำของคุณไคทุกครั้ง มันไม่ได้อ่อนโยน
มันไม่ได้โรแมนติกและมันก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงใจเต้น แต่ที่รู้ก็คือ...เขาอยากจูบกับคุณไคเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น มือหนาโอบกายคนขี้อายเอาไว้แนบอกและถ้าเซฮุนคิดว่าอยากจูบกับเขาเพียงแค่คนเดียว...งั้นก็แสดงว่าเราคิดเหมือนกัน
ทำไมไคจะไม่รู้ว่าทุกความใส่ใจของคนในอ้อมกอดตอนนี้มันเกิดจากอะไร?
ถ้าไม่ชอบก็คงละเลย
ถ้าไม่รักก็คงไม่สนใจและถ้ารังเกียจ...ก็คงไม่มานอนให้เขากอดทุกค่ำคืน ไครู้มาตลอดว่าเซฮุนเป็นห่วงเขามากแค่ไหน
การเดินทางมาอยู่ที่นี่ถือเป็นสิ่งที่อาจสร้างความอึดอัดให้คนนอกอย่างเขาได้ทุกเมื่อ แต่ที่ไม่ค่อยรู้สึกอึดอัดก็เพราะมีเจ้าของบ้านคอยเอาอกเอาใจ กลัวว่าจะนอนคนเดียวไม่ได้ก็มานอนด้วย รู้ว่าสูบบุหรี่ยี่ห้อไหนก็สรรหาซื้อมาจนได้และทราบว่าเขาเป็นคนพูดไม่ค่อยเพราะแต่ก็ไม่เคยถือสา
บอกแล้ว...ว่าถ้าไม่รักไม่ชอบก็คงไม่ทำให้ถึงเพียงนี้
“กลับบ้านกันเถอะ”
“อืม...”
ระหว่างเรา...มันคงไม่ต้องพูดอะไรกันมาก
แต่ถ้าพูดมาก...ก็อาจโดนจูบอีกรอบและรอบนี้มันก็อาจทำมากกว่าการจูบ เซฮุนไม่ได้ลุกออกจากตักกว้าง มือหนาไม่ได้ละออกเอวบาง แต่ค่อยๆขับรถออกจากสถานบันเทิงด้วยความระมัดระวัง ไอ้ชานเป็นแฟนกับคุณแบคไปแล้ว
ส่วนเขาจะเป็นอะไรสำหรับคุณหนูตัวป่วนก็เป็นได้ทั้งนั้น
แต่ขออย่างเดียว...ขอให้เราได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ไปจนกว่าจะมีสิ่งใดมาพรากจาก
ถ้าเซฮุนกำลังพยายามปรับตัวให้เข้ากับคนเถื่อน...คนเถื่อนก็จะพยายามปรับตัวให้เข้ากับคนน่ารัก
♡
100%
Cr. ภาพในตอนพิเศษ : blackstoneauction.com
***หน้าบอกบุญไม่รับ หมายถึง
บึ้งตึง ไม่สบอารมณ์ ไม่พอใจ
-คุณไคหล่อจนตัวป่วนหงุดหงิด-
Talk.
โปรดเรียกฉันว่าโอเซฮุน55555555555 (อยากเกิดเป็นคุณหนูตัวป่วนนนน)
ขอบคุณนักอ่านทุกคนมากๆนะคะ ขอบคุณที่ให้โอกาสไรท์คนนี้เสมอ ขอบคุณสำหรับกำลังใจในทุกๆช่องทาง
และถ้าฟิคเรื่องนี้มีข้อบกพร่องประการใดเราขออภัยด้วยนะคะ (ไหว้ย่อ)
แล้วพบกันใหม่ใน #ฝากเลี้ยงKH ^^)
รัก ♡
#ออกเรือKH
ความคิดเห็น