คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ♡5
5…
Condominium XXX
ตึก 5...
Rrrrrr!!!
Rrrrrr!!!
(ว่างะ...ไง?!!)
“อยู่หน้าห้อง...เปิดประตูหน่อย”
คนปลายสาย...ยังไม่ทันได้พูดให้จบประโยคและคงต้องขอเวลาสักครู่กว่าจะเดินมาถึงหน้าประตูห้องเพราะตอนรับโทรศัพท์มันเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ผ้าขนหนูสีขาวก็ยังพันอยู่บนศีรษะ เสื้อคลุมก็ต้องรีบหยิบมาใส่ แล้วสลิปเปอร์ก็ถูกสวมก่อนวิ่งไปเปิดประตูห้องอย่างรวดเร็ว
และ.....
“หื้มม...มึงพาใครมาด้วยเนี่ย?? เด็กใหม่เหรอวะ แล้วทำไมไม่พาไปห้องมึง ห้องกูไม่ใช่โรงแรมนะเว้ย!!!...น้องแบคอยู่ห้องล่ะซิถึงได้พาเด็กใหม่มาห้องกู ร้ายนักนะ
เดี๋ยวกูจะฟ้องมะ...แม่ โอ๊ยยย!! ไอ้จงอินกูเจ็บ!!”
ประตูถูกเปิด...ผ้าขนหนูที่พันอยู่บนศีรษะก็ถูกดึงออกมาเช็ดผมพร้อมเสียงบ่นที่แสนยาวเหยียด
และเสียงบ่นนั้นก็พาให้เพื่อนสนิทผิวเข้มและแขกคนสำคัญถึงกับทำหน้าไม่ถูก จงอินรีบก้าวขาเข้าไปในห้องก่อนใช้มือตีปากหมาๆของเพื่อนด้วยความหงุดหงิด ส่วนคนที่ยังอยู่หน้าห้องอย่างเซฮุนก็ได้แต่ยืนอยู่ที่เดิมเพราะไม่กล้าเข้าไปด้านในเนื่องจากยังไม่รับอนุญาต
แล้วหัวใจที่เคยเต้นแรงให้กับความเป็นคุณจงอินก็พาลห่อเหี่ยวไปด้วยเมื่อได้ยินเสียงเจ้าของห้องพูดเช่นนั้น
เป็นถึงเจ้าของห้างสรรพสินค้า...ก็ต้องมีสาวเยอะเป็นธรรมดา ) :
“น้องเซฮุนเข้ามาเลยครับ...ไม่ต้องเกรงใจ”
“ขอบคุณครับ //
เอ่อออ...สวัสดีครับคุณจุนมยอน”
กล่าวขอบคุณ...เจ้าของห้างสรรพสินค้าสุดฮอตเสร็จสรรพก็รีบทักทายพร้อมโค้งกายให้เจ้าของบริษัทจิลเวลรี่ชื่อดังด้วยความสุภาพ
เซฮุนเดินเข้าไปในห้องโดยพยายามไม่นึกถึงสิ่งที่คุณจุนมยอนพูดเมื่อครู่ และห้องพักสุดหรูห้องนี้ก็มีถึงสองชั้น ด้านนอกมีสระว่ายน้ำส่วนตัว
แถมยังมีเคาน์เตอร์บาร์พร้อมเครื่องดื่มอีกมากมาย
“เด็กคนนี้รู้จักฉันด้วยเหรอ...นี่แกไปเล่าอะไรให้เค้าฟังอีกล่ะ?”
“อยากโดนตบปากอีกหรือไง?”
“ตบอีกทีเดียว...กูฟ้องน้องแบคแน่!!”
“เด็กคนนี้เซฮุน...กูจะพามาฝากงานกับมึงหน่อย น้องเค้าใกล้จะเรียนจบแล้ว แต่ต้องฝึกงานให้ครบกำหนดก่อน”
ขี้เกียจจะเถียงต่อ...หนุ่มผิวเข้มจึงรีบบอกความจำเป็นที่ต้องมาที่นี่และเดินไปจูงมือเซฮุนเพื่อแนะนำให้เพื่อนได้รู้จัก จุนมยอนมองการกระทำของจงอินด้วยสายตาที่บอกเลยว่าไม่อยากจะเชื่อเพราะคนอย่างมันไม่เคยใส่ใจใครมากขนาดนี้นอกจากน้องแบค
แล้วรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นแบบนั้นหรือจะเป็นสายตาที่สบจ้องคนผิวขาวแบบนั้นก็ทำให้เพื่อนอย่างจุนมยอนพอจะเดาได้ว่าจงอินกำลังคิดเช่นไร
“งั้นเซฮุนนั่งรอก่อนนะ เดี๋ยวพี่ไปใส่เสื้อผ้าแป๊บบบบ...นึง!”
ถ้าคุณเพื่อนจะเริ่มมีความรัก...จุนมยอนก็จะคอยสนับสนุน ;)
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับน้องเซฮุน?”
“ตื่นเต้นนิดหน่อยครับ”
ขอโทษที่ต้องโกหก...แต่ก็ต้องยอมรับว่ายังคงมีความตื่นเต้นอยู่บ้างแต่ก็ไม่มากเท่ากับตอนแรกเพราะคุณจุนมยอนดูท่าทางใจดีอย่างที่น้องชายของคนตรงหน้าได้รับประกันเอาไว้
ส่วนสาเหตุที่ต้องโกหกก็คงเป็นเรื่องที่คุณจงอินมีแฟนเยอะ แถมยังเคยมาที่ห้องห้องนี้เหมือนกับเขา ถึงการพามาที่นี่จะต่างกัน แต่ห้องพักสุดหรูห้องนี้ก็เคยเป็นที่ที่คุณจงอินกับใครสักคนเคยมา....เอ่อออออ มาทำเรื่องอย่างว่า??!!
“เดี๋ยวผมไปหาเครื่องดื่มเย็นๆมาให้ทานดีกว่า...เพื่อน้องเซฮุนจะหายตื่นเต้น”
“ขอบคุณนะครับคุณจงอิน”
ดีเหมือนกัน...การไม่เห็นหน้าคุณจงอินสักพักมันคงทำให้ลดความคิดบ้าๆบอๆลงไปได้บ้าง
เซฮุนแอบรู้สึกผิดอยู่ในใจที่คิดเช่นนั้นและพยายามจะไม่เอาเรื่องไร้สาระมาใส่สมองเพราะเรื่องของการฝึกงานมันสำคัญกว่าเรื่องของคนมากเสน่ห์ คุณจงอินจะมีแฟนกี่คน จะมีมากน้อยแค่ไหน จะเคยพามาที่ห้องของคุณจุนมยอนกี่ครั้งก็ไม่เห็นจะต้องเก็บมาคิดให้หงุดหงิดใจเลยสักนิด แต่......!!!?
ปึ่กกก!!
เอกสารที่เคยวางอยู่บนตัก...ถูกย้ายไปวางอยู่บนโต๊ะหน้าโซฟาเหมือนเป็นที่ระบายอารมณ์ เซฮุนเอนหลังพิงลงบนความนุ่มลายดอกไม้และทุกๆอย่างที่เป็นลายดอกไม้ก็คล้ายว่าจะทำให้จิตใจที่กำลังว้าวุ่นสงบลงได้
เซฮุนมองไปรอบๆห้องอย่างนึกสำรวจและไม่ได้อยากจะทำการเสียมารยาทโดยการสอดส่งมองไปตรงนั่นตรงนี่จนดูน่าเกลียด แต่การตกแต่งห้องของคุณจุนมยอน...ทั้งโซฟา นาฬิกาบนผนัง
โคมไฟหรือเกือบจะทุกอย่างในห้องห้องนี้มันก็เป็นลายดอกไม้ทั้งหมด
แล้วแจกันแก้วทรงเตี้ยตรงหน้าเขาตอนนี้...ก็มีดอกไม้ดอกเล็กๆสีขาวจัดวางอยู่อย่างน่ารัก
❀
“ชามะนาวมาแล้วครับน้องเซฮุน”
รวมถึงแก้วน้ำ...ที่คุณจงอินนำเครื่องดื่มเย็นๆมาให้ก็เป็นลายของดอกทานตะวันสีเหลือง
มือบางรับแก้วน้ำมาถือไว้ก่อนดื่มรสชาติหวานอมเปรี้ยวลงคอ
ซึ่งมันก็ให้ความรู้สึกสดชื่นและคลายความตื่นเต้น ความหงุดหงิดหรือลดความฟุ้งซ่านได้พอสมควร
“ขอบคุณนะครับคุณจงอิน”
“วันนี้น้องเซฮุนขอบคุณผมกี่ครั้งแล้วครับเนี่ย?”
“จะกี่ครั้งก็ต้องขอบคุณครับ...คุณจงอินอุตส่าห์หาที่ฝึกงานให้ แล้วก็นี่อีก...มันอร่อยมากเลยครับ ทานแล้วหายตื่นเต้นจริงๆด้วย”
สิ้นประโยคที่แสนยาวเหยียด...แก้วน้ำลายดอกทานตะวันก็ถูกยกขึ้นมาเพื่อทานชามะนาวอีกครั้ง
ก่อนรอยยิ้มสวยๆจะถูกส่งมาให้คนทำเครื่องดื่มอย่างนึกขอบคุณ แต่!!ประโยคแบบนั้นหรือรอยยิ้มแบบนั้นมันกลับทำให้คุณจงอินรู้สึกว่ามันไม่เหมือนเดิม มันดูห่างเหิน
ดูระวังตัว
ดูไม่เหมือนเมื่อเช้าที่เรานั่งทานข้าวอยู่ด้วยกันและไม่เหมือนน้องเซฮุนที่เอาแต่แก้มแดงเมื่อคุยกับเขา
“น้องเซฮุนเป็นอะไรหระ...หรือ!?”
“มาแล้ววววววว...ไหน!! ใครจะฝึกงาน เอาเอกสารมาให้ดูหน่อยซิ?”
อยากตบปากเพื่อนอีกสักรอบ...แต่มันคงไม่เหมาะและเรื่องของเซฮุนก็สำคัญกว่าสิ่งที่เขาอยากจะถาม
คุณจงอินจำเป็นต้องเก็บความสงสัยเอาไว้ก่อนคว้าเอกสารบนโต๊ะส่งให้เพื่อนเพื่อพิจารณา จุนมยอนนั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงข้าม มือก็ค่อยๆเปิดแฟ้มสีดำก่อนอ่านประวัติของคนที่เพื่อนพามาพบและสายตาก็คอยมองปฏิกิริยาทั้งของจงอินกับเซฮุนไปพร้อมๆกัน คนใส่สูทมาเป็นอย่างดีดูท่าทางจะตื่นเต้นจนเก็บอาการไม่อยู่
ส่วนเจ้าเพื่อนผิวเข้มก็ดูเหมือนว่ากำลังมีเรื่องให้คิด...แล้วก็คิดมากเสียด้วย?!
“ตกลงมึงจะให้น้องเซฮุนฝึกงานไหม?”
“อย่าใจร้อนสิ...คนกำลังใช้สมาธิ”
“จุน - มยอน...!”
“จง – อิน!!!”
แก้วชามะนาว...ถูกคว้ามาดื่มอีกครั้งเพราะศึกระหว่างเพื่อนสนิทกำลังเกิดขึ้นโดยมีเรื่องการฝึกงานของเขาเป็นสาเหตุ เซฮุนรู้สึกอึดอัดกับความช่วยเหลือในครั้งนี้ เขาไม่น่าตอบรับหรือยินดีกับสิ่งที่คุณจงอินหยิบยื่นมาให้
ถ้าเขาทำทุกอย่างไปตามระบบ...เพื่อนสนิททั้งสองคนก็คงไม่ต้องมาขึ้นเสียง
ส่งสายตาอาฆาตหรือกล่าวชื่อของแต่ละคนออกมาด้วยความหงุดหงิดเช่นนี้
“เอ่ออ...ถ้าคุณจุนมยอนไม่สะดวก เดี๋ยวผมไปยื่นเอกสารเรื่องการฝึกงานที่บริษัทวันอื่นดีกว่าครับ ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ...ขอโทษจริงๆ”
“น้องซะ...เซ!”
(อื้มม!!...อะแฮ่มม!)
เสียงกระแอมของเพื่อนผิวเข้ม...พาลให้จุนมยอนรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอีกรอบและต้องส่งสายอาฆาตให้อีกครั้ง เขาก็แค่อยากจะเรียกคนตรงหน้าว่า “น้องเซฮุน” เพื่อลดความกดดันหรือลดความตึงเครียดระหว่างเจ้าของบริษัทกับเด็กฝึกงานคนใหม่
แต่กลับกลายเป็นว่าคำเรียกแบบนั้น...มันไม่อยากให้หลุดออกมาจากปากของใครนอกจาก...คุณจงอิน?!! เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าเพื่อนผิวเข้ม? น้องเซฮุนไปทำท่าไหนมันถึงได้ออกอาการเหมือนคนขี้หวง?? ตายแล้ววววว...เพื่อนของเขาจริงจังกับเด็กคนนี้ขนาดไหนกัน???
“ความรักติดคอเหรอไง...มึงโตป่านนี้แล้วนะจงอิน ขี้หวงอะไรไม่เข้าเรื่อง! เพ้อเจ้อ!! แล้วก็อย่าพูดอะไรด้วย นั่งเฉยๆเงียบๆ กูกำลังจะสัมภาษณ์เด็กฝึกงาน...เข้าใจที่กูพูดไหม?!”
“....................”
เหมือนศึกระหว่างเพื่อนยกที่สองกำลังจะเริ่มขึ้น...แล้วก็เป็นศึกที่คนฟังอย่างเซฮุนไม่เข้าใจ อะไรคือความรักติดคอ ใครขี้หวงและใครเพ้อเจ้อ??? แต่มันก็เป็นทั้งคำบ่น คำด่า
คำสั่งหรืออีกหลายๆคำที่ทำให้คุณจงอินยอมอยู่เฉยๆ
“เท่าที่พี่อ่านประวัติดู...น้องเซฮุนก็เรียนมาด้านนี้พอดี แล้วเลขาของพี่ก็มาขอลาออกพอดีด้วย
พี่ก็เลยอยากให้น้องเซฮุนมาเป็นเลขาของพี่แทนคนเก่า แต่เราไม่ต้องห่วงเรื่องงานนะเพราะกว่าเลขาจะออกก็อีกตั้งสองเดือน...ตอนนั้นน้องเซฮุนคงเรียนรู้งานได้บ้างแล้ว และพี่ก็หวังว่าน้องเซฮุนจะไม่ปฏิเสธ”
“คุณจุนมยอนพูดจริงใช่ไหมครับ...ผมจะได้จะฝึกงานที่นี่จริงๆใช่ไหมครับ!!!”
ไม่อยากจะเชื่อ...เพราะการเป็นเลขาเจ้าของบริษัทมันใช่เรื่องง่ายเลยสักนิดและถึงผลการเรียนจะเป็นที่น่าพอใจ แต่การได้ฝึกงานในระดับนี้ก็ถือเป็นสิ่งที่ยากจริงๆ เขายังไม่มีประสบการณ์ ไม่มีความรู้และไม่ได้มีความเชี่ยวชาญในสิ่งที่บริษัทผลิตออกมาเลยแม้แต่น้อย เขาแค่ชอบดอกไม้ ชอบเครื่องประดับ ชอบความสวยงามและอยากอยู่ในท่ามกลางสิ่งที่ตัวเองชอบเท่านั้น
“พี่พูดจริงๆ...แล้วผลการเรียนของเราก็ใช้ได้เลยนะ ส่วนเรื่องงานเดี๋ยวเราก็ค่อยๆฝึกกันไป”
“ขอบคุณมากนะครับคุณจุนมยอน...ขอบคุณจริงๆครับ”
“แต่พี่ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม...ถามแบบส่วนตัวนิดนึง”
“ได้ครับ...คุณจุนมยอนถามมาได้เลยครับ”
“คุณแม่ของน้องเซฮุนใช่ท่านทูตที่ประเทศXXไหม?”
“ใช่ครับ...ท่านเป็นแม่ของผมเอง”
“ตายๆๆๆ...นี่ฉันเอาลูกชายของลูกค้าระดับวีไอพีมาเป็นเด็กฝึกงานเหรอเนี่ย ตายๆๆๆ
ฉันตายแน่ๆ!!”
ประวัติทางการศึกษา...ทั้งเรื่องเรียน เรื่องเกรด
เรื่องถิ่นที่อยู่
มันไม่ใช่ปัญหาของจุนมยอนเลยสักอย่างเดียว
แต่ยกเว้น!!ชื่อบิดามารดาของเด็กฝึกงานเพราะชื่อๆนั้นมันทำให้เกิดความสงสัย
คนเป็นเจ้าของบริษัทจำได้ดีว่าลูกค้าระดับวีไอพีมีใครบ้าง แล้วชื่อของท่านทูตก็มาเป็นอันดับต้นๆเสียด้วย ทุกๆคอลเล็คชั่นของคิมจิลเวลรี่ ท่านทูตมักจะจองไว้ล่วงหน้าเสมอ ไม่ว่าจะเป็นแหวน สร้อยคอ
ต่างหู เข็มกลัดหรือเครื่องประดับชนิดอื่นๆ...ท่านทูตถือเป็นลูกค้าเบอร์ต้นๆที่มักจะสั่งจองเอาไว้
“ไม่ตายหรอกครับคุณจุนมยอน...ผมกับคุณแม่ชอบเครื่องประดับของคิมจิลเวลรี่มากๆ ผมอยากทำงานที่นี่จริงๆ...คุณจุนมยอนอย่าคิดมากนะครับ แล้วก็ไม่ต้องเกรงคุณแม่ด้วย”
“พี่ขอตั้งสติแป๊บบบบ...นึงนะครับคุณน้อง”
“โถ่...คุณจุนมยอน เรียกผมว่าเซฮุนเหมือนเดิมดีกว่าครับ”
เอกสารการฝึกงาน...ถูกวางไว้บนโต๊ะหน้าโซฟาเช่นเดิมพร้อมกับเจ้าของบริษัทชื่อดังที่ต้องขอพิงหลังไว้บนความนิ่มลายดอกไม้ แค่เรื่องเลขาคนสนิทจะลาออกมันก็เครียดมากพออยู่แล้วเพราะทำงานด้วยกันมาหลายปี
แล้วเด็กฝึกงานคนใหม่หรือคนที่อยากให้มาลองทำงานร่วมกันก็เป็นถึงบุตรชายของท่านทูต แถมยังเป็นลูกค้าคนสำคัญของคิมจิลเวลรี่อีกด้วย จุนมยอนเหมือนจะเกิดอาการหน้ามืด เวียนศีรษะและคิดไม่ตกในเวลาเดียวกัน
“จะตายไหมเนี่ย...ถ้าจะตายก็รีบบอก กูจะได้เรียกบาทหลวงมาสวดส่งวิญญาณ”
“สวดวิญญาณมึงน่ะสิ!!”
“สัมภาษณ์เสร็จแล้วใช่ไหม...ถ้าเสร็จแล้วจะได้กลับ”
“น้องเซฮุนอย่าไปชอบคนแบบมันนะครับ ภายนอกมันดูดีมีเสน่ห์เป็นเทพบุตร...แต่ข้างในมันคือซาตานครับ น้องเซฮุนอย่าไปหลงกลมันเด็ดขาด ไอ้เพื่อนชั่ว!!”
และศึกยกที่สาม...ก็เกิดขึ้นด้วยเรื่องของเขาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เหมือนจะมีเรื่องส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง
เซฮุนยอมรับว่าคุณจงอินมีเสน่ห์อย่างที่จุนมยอนบอกจริงๆ แม้การพบกันครั้งแรกที่ร้านอาหารจะไม่ค่อยได้สนใจอะไรมากนัก แต่ตอนนี้หรือตอนที่เราได้มาทำความรู้จักกันมากขึ้น...เซฮุนขอยอมรับเลยว่าผู้ชายผิวเข้มอายุ 42 ปีคนนี้มีเสน่ห์มากและมากจนบางครั้งก็ไม่กล้าสบตาเพราะยิ่งมองก็ยิ่งเขิน ยิ่งเห็นหน้าก็ยิ่งแก้มแดง ยิ่งใกล้...หัวใจก็ยิ่งเต้นแรงขึ้น แรงขึ้นแล้วก็แรงขึ้นเรื่อยๆ
แต่!!เซฮุนก็ยังไม่ลืมว่าคุณจงอินมีแฟนแล้ว...และก็มีเยอะซะด้วยสิ ):
“ตกลง ไอรีน
จะลาออกจริงๆเหรอ?”
“จริง...กูถึงได้เครียดอยู่นี่ไง”
“จะเครียดทำไม...ตอนนี้มึงมีน้องเซฮุนแล้ว ให้ไอรีนสอนงานแป๊บเดียวน้องก็ทำได้แล้วมั้ง”
“กูไม่ได้เครียดเรื่องงาน...แต่กูเสียดายเลขาดีๆเก่งๆ”
“ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ...ไอรีนก็คงไม่อยากลาออกหรอก”
“กูจะร้องไห้อะ...”
“เลขาจะลาออกไปดูแลแม่ที่ป่วย...ไม่ได้ไปตายสักหน่อย มึงจะร้องไห้ทำไม?”
“น้องเซฮุนครับ...งานแรกพี่ขอสั่งให้น้องตบปากจงอิน ปฏิบัติเลยครับ!”
(........!!!?)
เป็นงานแรก...ที่เด็กฝึกงานอย่างเซฮุนทำไม่ได้เพราะการทำร้ายร่างกายคนอื่นคือสิ่งที่ไม่สมควร
แล้วศึกครั้งสี่ก็ได้เริ่มต้นอีกครั้งหรือจะเป็นอีกหลายๆครั้งถ้าเขายังไม่ออกไปจากห้องห้องนี้ เซฮุนทำได้เพียงนั่งนิ่งและกุมมือไว้บนตักก่อนส่ายศีรษะเล็กน้อยเหมือนอยากบอกเจ้านายคนใหม่ว่าเขาไม่สามารถทำตามคำสั่งได้ แต่.......!!
เพี๊ยะ!!
“พอใจยัง...”
“มุกนี้กูรู้ทัน...มึงจะหลอกจับมือน้องเค้ามาจูบทางอ้อมล่ะสิ แก่แล้วตัณหากลับหรือไง!”
เจ้าของมือบาง...ที่ถูกคุณจงอินจับขึ้นมาเพื่อตบปากตามคำสั่ง
เกิดอาการทำตัวไม่ถูกเพราะไม่คิดว่าคนมากอายุจะเจ้าเล่ห์ถึงเพียงนี้ และที่จับมือเขาในลิฟท์แล้วให้เหตุผลว่าจะได้หายตื่นเต้นนั้นก็เป็นการหลอกจับมือด้วยหรือเปล่า?? เซฮุนโดนคนแก่ของน้องแบคหลอกเข้าให้แล้ว...มิน่าล่ะ น้องแบคถึงได้ดื้อและไม่ค่อยเชื่อฟังพี่ชายสักเท่าไหร่
แต่ถึงจะโดนหลอก...ใบหน้าเรียวสวยก็แดงระเรื่อด้วยความเขินอายเพราะมือของเขาก็ยังถูกมือใหญ่ๆของคุณจงอินจับไว้ไม่ยอมปล่อย
>//<)
♡ ♡ ♡ ♡
Condominium XXX
แกร๊กกก!!
(คุณแม่ต้องรักน้องแบคเยอะๆนะครับ)
“อย่าไปรักนะครับ...น้องแบคดื้อมากเลยครับแม่”
(คุณแม่อย่าไปเชื่อพี่ชานยอล!!)
กว่าจะสัมภาษณ์งานเรียบร้อย...หรือกว่าจะจบศึกเล็กๆของเพื่อนสนิทก็กินเวลานานอยู่หลายชั่วโมง มื้อเที่ยงยังไม่ได้ทาน
งานใหม่ก็จะเริ่มในอีกหนึ่งวันถัดไปและเมื่อเดินทางกลับมาถึงห้องก็ยังได้ยินเสียงของคนสองคนดังอยู่ด้านใน เซฮุนเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปในห้องอย่างนึกหงุดหงิดใจเพราะแทนที่พี่ชายจะออกมาตอนรับหรือออกมาสอบถามว่าเขาเป็นอย่างไรบ้างเรื่องการฝึกงานก็กลับกลายเป็นนิ่งเฉยหรือเอาแต่สนใจคนอื่นมากกว่าน้องคนนี้
“พี่ชานยอล!!”
“อ้าววว...กลับมาแล้วเหรอ? // แม่!!แม่ต้องรักผมมากกว่าน้องแบคนะครับ”
“ฮึ่ยยยย!!”
งอน...งอนมากกก!! เซฮุนของอนให้กับทุกอย่างเพราะพี่ชายของเขาเอาแต่คุยโทรศัพท์กับแบคฮยอน แล้วพี่ชายของแบคฮยอนก็ยังหลอกจับมือเขาอีก เจ้าเล่ห์กันทั้งพี่ทั้งน้อง อุตส่าห์ได้ที่ฝึกงานอย่างที่ฝันเอาไว้ อุตส่าห์รีบกลับมาเพื่อแจ้งข่าวดี อุตสาห์อดทนต่อความหิวทั้งๆที่คุณจุนมยอนเชิญให้อยู่ทานมื้อกลางวันด้วยกัน แต่สุดท้าย!!...ก็ไม่มีใครสนใจเขาเลยสักคน
ปึ่งงงง!!!!
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับคุณจงอิน...คุณจุนมยอนไม่รับน้องของผมฝึกงานเหรอครับ?”
“รับครับ...น้องเซฮุนได้ฝึกงานแล้ว ได้เป็นเลขาจุนมยอนด้วย”
“อ้าวววว...แล้วตกลงมันเกิดอะไรขึ้นครับ?”
(พี่ชานยอล...คุณแม่วางสายไปแล้ว คุณแม่บอกว่ารักน้องแบคเยอะกว่าพี่ชานยอล)
งงกันหมดทุกคน...คุณจงอินที่เดินตามเซฮุนจนกลับมาถึงห้องก็งง
พี่ชายที่เพิ่งได้เห็นหน้าน้องเพียงแป๊บเดียวก็งง ส่วนน้องแบค...ก็เหมือนจะไม่รู้อะไรเลยนอกจากคนปลายสายที่เพิ่งจบการสนทนากันไปเมื่อครู่?? และเสียงปิดประตูห้องที่ดังขนาดนั้นก็ทำให้ชานยอลต้องเดินออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนเป็นน้อง โกรธเรื่องใด
เสียใจเรื่องอะไร
ไม่พอใจสิ่งไหน...ก็น่าจะบอกกันดีๆ
ไม่ใช่ทำกิริยาเช่นนั้น
“น้องแบคครับ...พี่ชานยอลขอตัวไปดูเซฮุนก่อนนะ วันหลังเราค่อยมาเล่นกันใหม่”
(โอเคครับ //
ป่ะคนแก่...กลับห้องกัน)
“วันนี้ขอบคุณมากเลยนะครับคุณจงอิน...แล้วถ้าน้องของผมทำเรื่องไม่ดีเอาไว้ ผมต้องขอโทษแทนน้องด้วยนะครับ”
“ไม่เลยครับ...น้องเซฮุนไม่ได้ทำเรื่องไม่ดีเอาไว้
ผมว่าน้องคงเหนื่อยมากกว่า...คุณชานยอลอย่าคิดมากเลยนะครับ”
“ขอบคุณนะครับ...เดี๋ยวผมออกไปส่ง”
“ไม่เป็นไรครับ...คุณชานยอลรีบไปดูแลน้องเซฮุนดีกว่า เดี๋ยวผมพาแบคกลับเอง”
(บายนะครับ...พี่ชานยอล)
ใช่ว่าชานยอลคนเดียวที่สงสัย...เพราะคุณจงอินก็สงสัยเหมือนกันว่าน้องเซฮุนเป็นอะไร ตั้งแต่ออกมาจากห้องของจุนมยอน เซฮุนดูท่าทางหงุดหงิด ไม่พอใจและไม่ค่อยยิ้มสักเท่าไหร่ทั้งๆที่ก็ได้งานอย่างที่ฝันเอาไว้ หรือว่า...เขาทำอะไรผิด?? จงอินพยายามนึกถึงสิ่งที่ตัวเองอาจเป็นต้นเหตุ แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกและตอนนี้ก็คงทำได้เพียงพาแบคฮยอนกลับห้องโดยไร้คนน่ารักเดินออกมาส่งเหมือนอย่างที่เคย
ก๊อก ๆ ๆ!!!
“พี่เข้าไปนะ...”
และ...อีกคนที่อดสงสัยไม่ได้อย่างชานยอลก็ต้องรีบมาไถ่ถามให้รู้ความเพราะพี่ชายคนนี้จะมีปัญหากับใครก็ได้แต่ต้องไม่ใช่กับน้องของตัวเอง
มือหนาเคาะลงบนกระดานไม้สีขาวก่อนเอ่ยคำเป็นเชิงขออนุญาตและเปิดประตูเข้าไปด้านใน สองขาก้าวไปที่เตียงกว้างอย่างช้าเมื่อเห็นเซฮุนนอนคว่ำหน้าอยู่บนหมอนใบโต เสื้อสูทก็ไม่ถอด เอกสารก็ไม่ยอมเก็บ แล้วนอนท่านั้นเดี๋ยวก็หายใจไม่ออกพอดี
“เซฮุน...ลุกขึ้นมาคุยกับพี่ก่อน อย่าทำแบบนี้”
“.............”
ไร้เสียงตอบรับ...แถมยังนอนอยู่ท่าเดิมเหมือนอยากท้าทาย แต่ชานยอลชินแล้ว และใช่ว่าจะโกรธ การที่น้องทำแบบนี้ก็เท่ากับว่างอน ซึ่งชานยอลก็ตามง้อมาตั้งแต่เด็กๆ
คนเป็นพี่ขอส่ายศีรษะให้กับความไม่รู้จักโตของน้อง จะอายุห้าขวบหรือตอนนี้จะอายุ 22...เซฮุนก็ยังแสนงอนไม่เคยเปลี่ยน แต่จะงอนด้วยเรื่องอะไร
สิ่งใดคือสาเหตุหรือจะร้ายแรงแค่ไหนก็คงต้องมาคุยกันให้รู้เรื่อง
“ไหน...ใครได้งานถูกใจ เล่าให้พี่ฟังหน่อยได้ไหม?”
“อยากรู้ด้วยเหรอ!”
“อยากรู้สิ...เล่าให้พี่ฟังหน่อยนะ”
“ไม่ไปคุยโทรศัพท์กับน้องแบคแล้วเหรอไง!!”
อ๋อ...งอนเพราะเรื่องนี้นี่เอง พี่ชานยอลเข้าใจแล้ว
และต้องขอโทษจริงๆที่สนใจคนอื่นมากกว่าน้องของตัวเอง มือหนาดึงคนแสนงอนที่ยอมเงยหน้าออกจากหมอนมากอดเอาไว้ก่อนการปรับความเข้าใจจะเริ่มต้นขึ้น
เซฮุนก็ใช่ว่าอยากจะทำเรื่องที่ดูเสียมารยาทเช่นนั้น เขารู้ว่าคุณจงอินเป็นผู้ใหญ่ เขารู้ว่าน้องแบคยังเด็ก
แต่การถูกเมินหรือเหมือนถูกมองเป็นธาตุอากาศมันพาลให้หงุดหงิดจนยับยั้งอารมณ์ไม่อยู่
“พี่ขอโทษ...พี่ไม่ได้ตั้งใจ พอดีตอนนั้นคุณแม่โทรมา พี่ก็เลยให้คุยกับน้องแบค
ก็พี่สัญญากับน้องไว้ว่าจะให้คุยกับแม่เรื่องเป็นทูต พี่ไม่ได้สนใจคนอื่นมากกว่าเซฮุนสักหน่อย”
“ผมก็ขอโทษที่หงุดหงิด...แต่พี่ชานยอลก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าผมไม่ชอบ ผมอุตส่าห์ได้งานดีๆอยากกลับมาเล่าให้ฟัง แต่พี่ชานยอลก็ไม่สนใจ”
“ขอโทษษษษ...หายงอนนะ ทีหลังไม่ทำแล้ว”
“แล้วผมก็ยังไม่ได้กินข้าวกลางวันเลยด้วย...หิวจะแย่”
“พี่ก็ยังไม่ได้กินเหมือนกัน...รอเราอยู่เนี่ย พี่ทำกับข้าวให้น้องแบคกินคนเดียว”
“จริงอะ?”
“จริงสิ...”
หายงอนเป็นปลิดทิ้ง...เมื่อได้ยินที่พี่ชายบอกว่ารอทานข้าวด้วยกันทั้งๆที่ตัวเองก็ต้องทำอาหารให้คนอื่น
เซฮุนดีใจที่พี่ชานยอลไม่ลืมรายละเอียดเล็กๆน้อยๆระหว่างเราสองพี่น้อง มันเหมือนจะเป็นไปโดยอัตโนมัติเพราะเมื่อเราอยู่ด้วยกัน...ก็ต้องทานด้วยกันไม่ว่าจะเป็นมื้อใด แต่ถ้าพี่ชานต้องไปทำงาน
เขาต้องไปเรียนหรือไม่ได้กลับมาเจอกันจนถึงมื้อเย็นก็จะต่างคนต่างทานโดยไม่ต้องรอ
“แล้วจะกินอะไรกันดีฮะ?”
“ไปหาอะไรกินข้างนอกดีไหม...ฉลองที่ได้งานใหม่ด้วยไง พี่เลี้ยงเอง!”
“ดีฮะ...”
“เราก็คิดเมนูไว้เลย...เดี๋ยวพี่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
“ผมก็จะเปลี่ยนเหมือนกัน...แล้วรักพี่ชานยอลด้วยนะฮะ”
“เด็กดี!!”
เขารู้...ว่าเซฮุนไม่ใช่คนที่ไร้เหตุผลและการย้ายที่อยู่ใหม่ก็อาจทำให้เจ้าตัวเหมือนไม่เหลือใคร
พี่คนนี้คงเป็นที่พึ่งพิงเพียงคนเดียวเท่านั้น แม้จะมีเพื่อนข้างห้องที่แสนใจดีถึงสองคน แต่จะอีกกี่คนก็ยังถือว่าเป็นคนอื่น เซฮุนมักจะให้ความสนิทสนมกับอื่นได้ยาก แล้วคนอื่นๆก็มักจะหวังในสิ่งที่เป็นเซฮุน
การมีแม่เป็นถึงท่านทูตหรือมีพ่อที่สามารถใช้เส้นสายในหน้าที่งานได้ก็ทำให้คนอื่นมาใช้หาผลประโยชน์จากตรงนี้มากกว่าการเรื่องใดใด
“ผมพร้อมแล้ว...พี่ชานยอลพร้อมยัง?”
“พร้อมแล้ว...แต่พี่ขอเอาหนังสือไปคืนน้องแบคก่อนได้ไหม เดี๋ยวเราจะไม่อยู่ห้องแล้วน้องแบคอยากได้หนังสือคืน?”
“หนังสืออะไรเหรอฮะ?”
“การบ้านเด็กมัธยม...น้องแบคเอามาให้พี่สอน”
“พี่ชายของผมกลายเป็นคุณครูไปซะแล้ว”
พี่ชานยอลใจดีกับทุกคนบนโลก...แต่กับเขาคือใจดีที่สุดในจักรวาลเพราะถ้าน้องคนนี้อยากได้อะไร พี่ชานยอลก็จะหามาให้ทุกอย่าง ไม่มีสิ่งใดที่หาไม่ได้ ไม่มีสิ่งใดที่ร้องขอแล้วไม่ทำตาม แต่ยกเว้น!!เรื่องที่ผิดกฎหมาย
เซฮุนไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนอื่นๆถึงรักพี่ชานยอลกันนัก ท่อนแขนเล็กๆของคนเป็นน้องขอควงพี่ชายกล้ามโตเดินออกไปจากห้องพร้อมกับกุญแจรถที่ต้องคว้าใส่กระเป๋ากางเกงเอาไว้
“ตกลงจะกินอะไร...เดี๋ยวไปถึงร้านก็คิดไม่ออกอีก”
“วันนี้คิดออกฮะ...แต่มื้อนี้ขอเป็นอาหารฝรั่งได้ไหม ผมเบื่อข้าวอะ”
“กินเข้าไปสิชีส...ตูดใหญ่เท่าหม้อที่อยู่ในครัวแล้ว!”
“น่าเกลียด...พี่ชานยอลพูดน่าเกลียด ถ้าแม่ได้ยินพี่ชานยอลโดนดุแน่ๆ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า.....”
“ไม่ต้องมาหัวเราะเลย...หยุดเดี๋ยวนี้!!”
ต่อให้น้องเป็นผู้ชาย...พี่ก็ไม่ควรพูดจาแบบนั้นและถึงมันจะเป็นเรื่องจริง แต่ก้นอวบๆของเขาก็ไม่ควรถูกนำมาวิจารณ์ จากที่เดินควงแขน...ตอนนี้ก็ขอเปลี่ยนมาเป็นการกอดอกและเดินตามคนเป็นพี่เพื่อมาคืนสมุดการบ้านให้กับแบคฮยอน แต่.....
แกร๊กกก!!!
“อ้าว...พี่ชานยอล พี่เซฮุน
กำลังจะไปไหนกันเหรอครับ?”
“พี่กำลังจะเอาสมุดการบ้านมาคืนน้องแบค แล้วก็จะออกไปธุระข้างนอกครับ...พอดีบริษัทที่พี่จ้างมาส่งของเค้าโทรมาบอกว่าพี่ลืมของสำคัญเอาไว้ พี่ก็เลยต้องรีบไปเซ็นรับของคืน”
“แบคก็กำลังจะไปขอสมุดคืนพอดี...ขอบคุณนะครับพี่ชานยอล”
“พี่ไปก่อนนะ”
“บ๊ายบายยยย....”
เพราะทราบถึงสถานการณ์ตรงหน้าเป็นอย่างดี...ชานยอลจึงรีบตัดบทโดยการหาข้ออ้างเพื่อให้เราพี่น้องได้ไปทานข้าวด้วยกันเพียงสองคนเท่านั้น ขืนบอกคนตัวเล็กว่าจะไปไหนหรือไปที่ใด มีหวังเจ้าตัวได้ร้องตามไปด้วยแน่ๆ และนั่น...ก็จะพาลให้พี่ชายคนนี้ถูกคนที่กำลังยืนกอดอกงอนเป็นครั้งที่สอง
“ขอบคุณนะฮะพี่ชานยอล”
เซฮุนก็ทราบ...ว่าพี่ชายจะจัดการเรื่องนี้ได้ด้วยวิธีไหน และวิธีนั่นก็ทำให้แบคฮยอนยอมรับสมุดการบ้านไปโดยไม่ถามอะไรให้มากความ ขอบคุณที่รู้ใจ
ขอบคุณที่ใส่ใจและขอบคุณที่ในหัวใจของพี่ชานยอลยังคงมีน้องคนนี้มาเป็นอันดับหนึ่ง
แต่อีกใจ...ก็อยากเลี้ยงอาหารคุณจงอินสักมื้อเพื่อตอบแทนเรื่องที่ช่วยให้เขาได้ฝึกงานในที่ที่ฝันอาไว้
“สรุปจะไปกินอะไร...ไหนว่ามาซิ?”
“ไปร้านXXฮะ...แต่วันหลังผมขอชวนคุณจงอินมาด้วยได้ไหม ผมยังไม่ได้ขอบคุณเค้าเลย เค้าอุตส่าห์ช่วยเรื่องฝึกงาน”
“แต่พี่ไปด้วยมันจะดีเหรอ...เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับพี่เลยนะ เค้าช่วยเรา
ไม่ได้ช่วยพี่”
“แต่ผมไม่อยากไปกับเค้าสองคนหนิฮะ...”
“ทำไมล่ะ...เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?”
“ก็คุณจงอินชอบทำตัวแปลกๆ...เหมือนเค้ากำลังจีบผมเลยฮะ แต่ผมไม่แน่ใจ
แล้วคุณจุนมยอนก็พูดเล่นกับคุณจงอินว่าความรักติดคออะไรทำนองนี้ด้วย ผมไม่เข้าใจเลย”
“อะไรนะ...จีบ???!!”
“อื้มม!!”
ฝ่าเท้า...ที่กำลังเหยียบคันเร่งเพื่อออกจากลานจอดรถของคอนโดฯจำเป็นต้องหยุดเอาไว้เพราะคำว่า “จีบ”
ถึงการบอกกล่าวของน้องจะฟังดูไม่แน่ใจ
แต่เซฮุนก็โตพอที่จะดูออกว่าใครกำลังคิดเช่นไรและนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่น้องโดนจีบ ตอนอยู่ไฮสคูลก็มีหนุ่มต่างคลาสมาตามจีบจนจดหมายล้นล็อคเกอร์ แล้วกับแค่เรื่องความผิดปกติของคุณจงอิน...น้องคงไม่กล้าเอาพูดเล่นหรือคิดเข้าข้างตัวเองแน่นอน
สงสัย...คุณจงอินจะไม่ใช่คนอย่างที่ชานยอลคิดไว้ซะแล้ว?!!
♡ ♡ ♡ ♡
100%
Cr. ภาพในตอนที่ห้า :
IG>zkdlin
Talk.
น้องกลัวแน้ววววว...คุณจงอินเปลี่ยนไป
>.<)
ขอบคุณนักอ่านทุกคนมากๆนะคะ
เลิบบบบ ♡
#KHanother
ความคิดเห็น