ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จบแล้ว(EXO) Another (Kaihun Ft.Chanbaek)

    ลำดับตอนที่ #5 : ♡5

    • อัปเดตล่าสุด 1 มิ.ย. 64




    5…

     

    Condominium XXX

    ตึก 5...

     

    Rrrrrr!!!

    Rrrrrr!!!

     

                (ว่างะ...ไง?!!)

     

                “อยู่หน้าห้อง...เปิดประตูหน่อย”

     

                คนปลายสาย...ยังไม่ทันได้พูดให้จบประโยคและคงต้องขอเวลาสักครู่กว่าจะเดินมาถึงหน้าประตูห้องเพราะตอนรับโทรศัพท์มันเพิ่งอาบน้ำเสร็จ  ผ้าขนหนูสีขาวก็ยังพันอยู่บนศีรษะ  เสื้อคลุมก็ต้องรีบหยิบมาใส่  แล้วสลิปเปอร์ก็ถูกสวมก่อนวิ่งไปเปิดประตูห้องอย่างรวดเร็ว

     

    และ.....

     

                “หื้มม...มึงพาใครมาด้วยเนี่ย??  เด็กใหม่เหรอวะ  แล้วทำไมไม่พาไปห้องมึง  ห้องกูไม่ใช่โรงแรมนะเว้ย!!!...น้องแบคอยู่ห้องล่ะซิถึงได้พาเด็กใหม่มาห้องกู  ร้ายนักนะ  เดี๋ยวกูจะฟ้องมะ...แม่  โอ๊ยยย!!  ไอ้จงอินกูเจ็บ!!

     

                ประตูถูกเปิด...ผ้าขนหนูที่พันอยู่บนศีรษะก็ถูกดึงออกมาเช็ดผมพร้อมเสียงบ่นที่แสนยาวเหยียด  และเสียงบ่นนั้นก็พาให้เพื่อนสนิทผิวเข้มและแขกคนสำคัญถึงกับทำหน้าไม่ถูก  จงอินรีบก้าวขาเข้าไปในห้องก่อนใช้มือตีปากหมาๆของเพื่อนด้วยความหงุดหงิด  ส่วนคนที่ยังอยู่หน้าห้องอย่างเซฮุนก็ได้แต่ยืนอยู่ที่เดิมเพราะไม่กล้าเข้าไปด้านในเนื่องจากยังไม่รับอนุญาต  แล้วหัวใจที่เคยเต้นแรงให้กับความเป็นคุณจงอินก็พาลห่อเหี่ยวไปด้วยเมื่อได้ยินเสียงเจ้าของห้องพูดเช่นนั้น

     

    เป็นถึงเจ้าของห้างสรรพสินค้า...ก็ต้องมีสาวเยอะเป็นธรรมดา  ) :

     

                “น้องเซฮุนเข้ามาเลยครับ...ไม่ต้องเกรงใจ”

     

                “ขอบคุณครับ  //  เอ่อออ...สวัสดีครับคุณจุนมยอน”

     

                กล่าวขอบคุณ...เจ้าของห้างสรรพสินค้าสุดฮอตเสร็จสรรพก็รีบทักทายพร้อมโค้งกายให้เจ้าของบริษัทจิลเวลรี่ชื่อดังด้วยความสุภาพ  เซฮุนเดินเข้าไปในห้องโดยพยายามไม่นึกถึงสิ่งที่คุณจุนมยอนพูดเมื่อครู่  และห้องพักสุดหรูห้องนี้ก็มีถึงสองชั้น  ด้านนอกมีสระว่ายน้ำส่วนตัว  แถมยังมีเคาน์เตอร์บาร์พร้อมเครื่องดื่มอีกมากมาย

     

                “เด็กคนนี้รู้จักฉันด้วยเหรอ...นี่แกไปเล่าอะไรให้เค้าฟังอีกล่ะ?”

     

                “อยากโดนตบปากอีกหรือไง?”

     

                “ตบอีกทีเดียว...กูฟ้องน้องแบคแน่!!

     

                “เด็กคนนี้เซฮุน...กูจะพามาฝากงานกับมึงหน่อย  น้องเค้าใกล้จะเรียนจบแล้ว  แต่ต้องฝึกงานให้ครบกำหนดก่อน”

     

                ขี้เกียจจะเถียงต่อ...หนุ่มผิวเข้มจึงรีบบอกความจำเป็นที่ต้องมาที่นี่และเดินไปจูงมือเซฮุนเพื่อแนะนำให้เพื่อนได้รู้จัก  จุนมยอนมองการกระทำของจงอินด้วยสายตาที่บอกเลยว่าไม่อยากจะเชื่อเพราะคนอย่างมันไม่เคยใส่ใจใครมากขนาดนี้นอกจากน้องแบค  แล้วรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นแบบนั้นหรือจะเป็นสายตาที่สบจ้องคนผิวขาวแบบนั้นก็ทำให้เพื่อนอย่างจุนมยอนพอจะเดาได้ว่าจงอินกำลังคิดเช่นไร

     

                “งั้นเซฮุนนั่งรอก่อนนะ  เดี๋ยวพี่ไปใส่เสื้อผ้าแป๊บบบบ...นึง!

     

    ถ้าคุณเพื่อนจะเริ่มมีความรัก...จุนมยอนก็จะคอยสนับสนุน ;)

     

                “เป็นอะไรหรือเปล่าครับน้องเซฮุน?”

     

                “ตื่นเต้นนิดหน่อยครับ”

     

                ขอโทษที่ต้องโกหก...แต่ก็ต้องยอมรับว่ายังคงมีความตื่นเต้นอยู่บ้างแต่ก็ไม่มากเท่ากับตอนแรกเพราะคุณจุนมยอนดูท่าทางใจดีอย่างที่น้องชายของคนตรงหน้าได้รับประกันเอาไว้  ส่วนสาเหตุที่ต้องโกหกก็คงเป็นเรื่องที่คุณจงอินมีแฟนเยอะ  แถมยังเคยมาที่ห้องห้องนี้เหมือนกับเขา  ถึงการพามาที่นี่จะต่างกัน  แต่ห้องพักสุดหรูห้องนี้ก็เคยเป็นที่ที่คุณจงอินกับใครสักคนเคยมา....เอ่อออออ  มาทำเรื่องอย่างว่า??!!

     

                “เดี๋ยวผมไปหาเครื่องดื่มเย็นๆมาให้ทานดีกว่า...เพื่อน้องเซฮุนจะหายตื่นเต้น”

     

                “ขอบคุณนะครับคุณจงอิน”

     

                ดีเหมือนกัน...การไม่เห็นหน้าคุณจงอินสักพักมันคงทำให้ลดความคิดบ้าๆบอๆลงไปได้บ้าง  เซฮุนแอบรู้สึกผิดอยู่ในใจที่คิดเช่นนั้นและพยายามจะไม่เอาเรื่องไร้สาระมาใส่สมองเพราะเรื่องของการฝึกงานมันสำคัญกว่าเรื่องของคนมากเสน่ห์  คุณจงอินจะมีแฟนกี่คน  จะมีมากน้อยแค่ไหน  จะเคยพามาที่ห้องของคุณจุนมยอนกี่ครั้งก็ไม่เห็นจะต้องเก็บมาคิดให้หงุดหงิดใจเลยสักนิด  แต่......!!!?

     

    ปึ่กกก!!

     

                เอกสารที่เคยวางอยู่บนตัก...ถูกย้ายไปวางอยู่บนโต๊ะหน้าโซฟาเหมือนเป็นที่ระบายอารมณ์  เซฮุนเอนหลังพิงลงบนความนุ่มลายดอกไม้และทุกๆอย่างที่เป็นลายดอกไม้ก็คล้ายว่าจะทำให้จิตใจที่กำลังว้าวุ่นสงบลงได้  เซฮุนมองไปรอบๆห้องอย่างนึกสำรวจและไม่ได้อยากจะทำการเสียมารยาทโดยการสอดส่งมองไปตรงนั่นตรงนี่จนดูน่าเกลียด  แต่การตกแต่งห้องของคุณจุนมยอน...ทั้งโซฟา  นาฬิกาบนผนัง  โคมไฟหรือเกือบจะทุกอย่างในห้องห้องนี้มันก็เป็นลายดอกไม้ทั้งหมด

     

    แล้วแจกันแก้วทรงเตี้ยตรงหน้าเขาตอนนี้...ก็มีดอกไม้ดอกเล็กๆสีขาวจัดวางอยู่อย่างน่ารัก  

     

                “ชามะนาวมาแล้วครับน้องเซฮุน”

     

                รวมถึงแก้วน้ำ...ที่คุณจงอินนำเครื่องดื่มเย็นๆมาให้ก็เป็นลายของดอกทานตะวันสีเหลือง  มือบางรับแก้วน้ำมาถือไว้ก่อนดื่มรสชาติหวานอมเปรี้ยวลงคอ  ซึ่งมันก็ให้ความรู้สึกสดชื่นและคลายความตื่นเต้น  ความหงุดหงิดหรือลดความฟุ้งซ่านได้พอสมควร

     

                “ขอบคุณนะครับคุณจงอิน”

     

                “วันนี้น้องเซฮุนขอบคุณผมกี่ครั้งแล้วครับเนี่ย?”

     

                “จะกี่ครั้งก็ต้องขอบคุณครับ...คุณจงอินอุตส่าห์หาที่ฝึกงานให้  แล้วก็นี่อีก...มันอร่อยมากเลยครับ  ทานแล้วหายตื่นเต้นจริงๆด้วย”

     

                สิ้นประโยคที่แสนยาวเหยียด...แก้วน้ำลายดอกทานตะวันก็ถูกยกขึ้นมาเพื่อทานชามะนาวอีกครั้ง  ก่อนรอยยิ้มสวยๆจะถูกส่งมาให้คนทำเครื่องดื่มอย่างนึกขอบคุณ  แต่!!ประโยคแบบนั้นหรือรอยยิ้มแบบนั้นมันกลับทำให้คุณจงอินรู้สึกว่ามันไม่เหมือนเดิม  มันดูห่างเหิน  ดูระวังตัว  ดูไม่เหมือนเมื่อเช้าที่เรานั่งทานข้าวอยู่ด้วยกันและไม่เหมือนน้องเซฮุนที่เอาแต่แก้มแดงเมื่อคุยกับเขา

     

                “น้องเซฮุนเป็นอะไรหระ...หรือ!?”

     

                “มาแล้ววววววว...ไหน!! ใครจะฝึกงาน  เอาเอกสารมาให้ดูหน่อยซิ?”

     

                อยากตบปากเพื่อนอีกสักรอบ...แต่มันคงไม่เหมาะและเรื่องของเซฮุนก็สำคัญกว่าสิ่งที่เขาอยากจะถาม  คุณจงอินจำเป็นต้องเก็บความสงสัยเอาไว้ก่อนคว้าเอกสารบนโต๊ะส่งให้เพื่อนเพื่อพิจารณา  จุนมยอนนั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงข้าม  มือก็ค่อยๆเปิดแฟ้มสีดำก่อนอ่านประวัติของคนที่เพื่อนพามาพบและสายตาก็คอยมองปฏิกิริยาทั้งของจงอินกับเซฮุนไปพร้อมๆกัน  คนใส่สูทมาเป็นอย่างดีดูท่าทางจะตื่นเต้นจนเก็บอาการไม่อยู่  ส่วนเจ้าเพื่อนผิวเข้มก็ดูเหมือนว่ากำลังมีเรื่องให้คิด...แล้วก็คิดมากเสียด้วย?!

     

                “ตกลงมึงจะให้น้องเซฮุนฝึกงานไหม?”

     

                “อย่าใจร้อนสิ...คนกำลังใช้สมาธิ”

     

                “จุน - มยอน...!

     

                “จง อิน!!!

     

                แก้วชามะนาว...ถูกคว้ามาดื่มอีกครั้งเพราะศึกระหว่างเพื่อนสนิทกำลังเกิดขึ้นโดยมีเรื่องการฝึกงานของเขาเป็นสาเหตุ  เซฮุนรู้สึกอึดอัดกับความช่วยเหลือในครั้งนี้  เขาไม่น่าตอบรับหรือยินดีกับสิ่งที่คุณจงอินหยิบยื่นมาให้  ถ้าเขาทำทุกอย่างไปตามระบบ...เพื่อนสนิททั้งสองคนก็คงไม่ต้องมาขึ้นเสียง  ส่งสายตาอาฆาตหรือกล่าวชื่อของแต่ละคนออกมาด้วยความหงุดหงิดเช่นนี้

     

                “เอ่ออ...ถ้าคุณจุนมยอนไม่สะดวก  เดี๋ยวผมไปยื่นเอกสารเรื่องการฝึกงานที่บริษัทวันอื่นดีกว่าครับ  ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ...ขอโทษจริงๆ”

     

                “น้องซะ...เซ!

     

                (อื้มม!!...อะแฮ่มม!)

     

                เสียงกระแอมของเพื่อนผิวเข้ม...พาลให้จุนมยอนรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอีกรอบและต้องส่งสายอาฆาตให้อีกครั้ง  เขาก็แค่อยากจะเรียกคนตรงหน้าว่า  “น้องเซฮุน”  เพื่อลดความกดดันหรือลดความตึงเครียดระหว่างเจ้าของบริษัทกับเด็กฝึกงานคนใหม่  แต่กลับกลายเป็นว่าคำเรียกแบบนั้น...มันไม่อยากให้หลุดออกมาจากปากของใครนอกจาก...คุณจงอิน?!!  เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าเพื่อนผิวเข้ม?  น้องเซฮุนไปทำท่าไหนมันถึงได้ออกอาการเหมือนคนขี้หวง??  ตายแล้ววววว...เพื่อนของเขาจริงจังกับเด็กคนนี้ขนาดไหนกัน???

     

                “ความรักติดคอเหรอไง...มึงโตป่านนี้แล้วนะจงอิน  ขี้หวงอะไรไม่เข้าเรื่อง!  เพ้อเจ้อ!!  แล้วก็อย่าพูดอะไรด้วย  นั่งเฉยๆเงียบๆ  กูกำลังจะสัมภาษณ์เด็กฝึกงาน...เข้าใจที่กูพูดไหม?!

               

                “....................”

     

                เหมือนศึกระหว่างเพื่อนยกที่สองกำลังจะเริ่มขึ้น...แล้วก็เป็นศึกที่คนฟังอย่างเซฮุนไม่เข้าใจ  อะไรคือความรักติดคอ  ใครขี้หวงและใครเพ้อเจ้อ???  แต่มันก็เป็นทั้งคำบ่น  คำด่า  คำสั่งหรืออีกหลายๆคำที่ทำให้คุณจงอินยอมอยู่เฉยๆ 

     

                “เท่าที่พี่อ่านประวัติดู...น้องเซฮุนก็เรียนมาด้านนี้พอดี  แล้วเลขาของพี่ก็มาขอลาออกพอดีด้วย  พี่ก็เลยอยากให้น้องเซฮุนมาเป็นเลขาของพี่แทนคนเก่า  แต่เราไม่ต้องห่วงเรื่องงานนะเพราะกว่าเลขาจะออกก็อีกตั้งสองเดือน...ตอนนั้นน้องเซฮุนคงเรียนรู้งานได้บ้างแล้ว  และพี่ก็หวังว่าน้องเซฮุนจะไม่ปฏิเสธ”

     

                “คุณจุนมยอนพูดจริงใช่ไหมครับ...ผมจะได้จะฝึกงานที่นี่จริงๆใช่ไหมครับ!!!

     

                ไม่อยากจะเชื่อ...เพราะการเป็นเลขาเจ้าของบริษัทมันใช่เรื่องง่ายเลยสักนิดและถึงผลการเรียนจะเป็นที่น่าพอใจ  แต่การได้ฝึกงานในระดับนี้ก็ถือเป็นสิ่งที่ยากจริงๆ  เขายังไม่มีประสบการณ์  ไม่มีความรู้และไม่ได้มีความเชี่ยวชาญในสิ่งที่บริษัทผลิตออกมาเลยแม้แต่น้อย  เขาแค่ชอบดอกไม้  ชอบเครื่องประดับ  ชอบความสวยงามและอยากอยู่ในท่ามกลางสิ่งที่ตัวเองชอบเท่านั้น

     

                “พี่พูดจริงๆ...แล้วผลการเรียนของเราก็ใช้ได้เลยนะ  ส่วนเรื่องงานเดี๋ยวเราก็ค่อยๆฝึกกันไป”

     

                “ขอบคุณมากนะครับคุณจุนมยอน...ขอบคุณจริงๆครับ”

     

                “แต่พี่ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม...ถามแบบส่วนตัวนิดนึง”

     

                “ได้ครับ...คุณจุนมยอนถามมาได้เลยครับ”

     

                “คุณแม่ของน้องเซฮุนใช่ท่านทูตที่ประเทศXXไหม?”

     

                “ใช่ครับ...ท่านเป็นแม่ของผมเอง”

     

                “ตายๆๆๆ...นี่ฉันเอาลูกชายของลูกค้าระดับวีไอพีมาเป็นเด็กฝึกงานเหรอเนี่ย  ตายๆๆๆ  ฉันตายแน่ๆ!!

     

                ประวัติทางการศึกษา...ทั้งเรื่องเรียน  เรื่องเกรด  เรื่องถิ่นที่อยู่  มันไม่ใช่ปัญหาของจุนมยอนเลยสักอย่างเดียว  แต่ยกเว้น!!ชื่อบิดามารดาของเด็กฝึกงานเพราะชื่อๆนั้นมันทำให้เกิดความสงสัย  คนเป็นเจ้าของบริษัทจำได้ดีว่าลูกค้าระดับวีไอพีมีใครบ้าง  แล้วชื่อของท่านทูตก็มาเป็นอันดับต้นๆเสียด้วย  ทุกๆคอลเล็คชั่นของคิมจิลเวลรี่  ท่านทูตมักจะจองไว้ล่วงหน้าเสมอ  ไม่ว่าจะเป็นแหวน  สร้อยคอ  ต่างหู  เข็มกลัดหรือเครื่องประดับชนิดอื่นๆ...ท่านทูตถือเป็นลูกค้าเบอร์ต้นๆที่มักจะสั่งจองเอาไว้ 

     

                “ไม่ตายหรอกครับคุณจุนมยอน...ผมกับคุณแม่ชอบเครื่องประดับของคิมจิลเวลรี่มากๆ  ผมอยากทำงานที่นี่จริงๆ...คุณจุนมยอนอย่าคิดมากนะครับ  แล้วก็ไม่ต้องเกรงคุณแม่ด้วย”

     

                “พี่ขอตั้งสติแป๊บบบบ...นึงนะครับคุณน้อง”

     

                “โถ่...คุณจุนมยอน  เรียกผมว่าเซฮุนเหมือนเดิมดีกว่าครับ”

     

                เอกสารการฝึกงาน...ถูกวางไว้บนโต๊ะหน้าโซฟาเช่นเดิมพร้อมกับเจ้าของบริษัทชื่อดังที่ต้องขอพิงหลังไว้บนความนิ่มลายดอกไม้  แค่เรื่องเลขาคนสนิทจะลาออกมันก็เครียดมากพออยู่แล้วเพราะทำงานด้วยกันมาหลายปี  แล้วเด็กฝึกงานคนใหม่หรือคนที่อยากให้มาลองทำงานร่วมกันก็เป็นถึงบุตรชายของท่านทูต  แถมยังเป็นลูกค้าคนสำคัญของคิมจิลเวลรี่อีกด้วย  จุนมยอนเหมือนจะเกิดอาการหน้ามืด  เวียนศีรษะและคิดไม่ตกในเวลาเดียวกัน

     

                “จะตายไหมเนี่ย...ถ้าจะตายก็รีบบอก  กูจะได้เรียกบาทหลวงมาสวดส่งวิญญาณ”

     

                “สวดวิญญาณมึงน่ะสิ!!

     

                “สัมภาษณ์เสร็จแล้วใช่ไหม...ถ้าเสร็จแล้วจะได้กลับ”

     

                “น้องเซฮุนอย่าไปชอบคนแบบมันนะครับ  ภายนอกมันดูดีมีเสน่ห์เป็นเทพบุตร...แต่ข้างในมันคือซาตานครับ  น้องเซฮุนอย่าไปหลงกลมันเด็ดขาด  ไอ้เพื่อนชั่ว!!

     

                และศึกยกที่สาม...ก็เกิดขึ้นด้วยเรื่องของเขาอีกครั้ง  แต่ครั้งนี้เหมือนจะมีเรื่องส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง  เซฮุนยอมรับว่าคุณจงอินมีเสน่ห์อย่างที่จุนมยอนบอกจริงๆ  แม้การพบกันครั้งแรกที่ร้านอาหารจะไม่ค่อยได้สนใจอะไรมากนัก  แต่ตอนนี้หรือตอนที่เราได้มาทำความรู้จักกันมากขึ้น...เซฮุนขอยอมรับเลยว่าผู้ชายผิวเข้มอายุ  42  ปีคนนี้มีเสน่ห์มากและมากจนบางครั้งก็ไม่กล้าสบตาเพราะยิ่งมองก็ยิ่งเขิน  ยิ่งเห็นหน้าก็ยิ่งแก้มแดง  ยิ่งใกล้...หัวใจก็ยิ่งเต้นแรงขึ้น  แรงขึ้นแล้วก็แรงขึ้นเรื่อยๆ

     

    แต่!!เซฮุนก็ยังไม่ลืมว่าคุณจงอินมีแฟนแล้ว...และก็มีเยอะซะด้วยสิ  ):

     

                “ตกลง ไอรีน จะลาออกจริงๆเหรอ?”

     

                “จริง...กูถึงได้เครียดอยู่นี่ไง”

     

                “จะเครียดทำไม...ตอนนี้มึงมีน้องเซฮุนแล้ว  ให้ไอรีนสอนงานแป๊บเดียวน้องก็ทำได้แล้วมั้ง”

     

                “กูไม่ได้เครียดเรื่องงาน...แต่กูเสียดายเลขาดีๆเก่งๆ”

     

                “ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ...ไอรีนก็คงไม่อยากลาออกหรอก”

     

                “กูจะร้องไห้อะ...”

     

                “เลขาจะลาออกไปดูแลแม่ที่ป่วย...ไม่ได้ไปตายสักหน่อย  มึงจะร้องไห้ทำไม?”

     

                “น้องเซฮุนครับ...งานแรกพี่ขอสั่งให้น้องตบปากจงอิน  ปฏิบัติเลยครับ!

     

                (........!!!?)

     

                เป็นงานแรก...ที่เด็กฝึกงานอย่างเซฮุนทำไม่ได้เพราะการทำร้ายร่างกายคนอื่นคือสิ่งที่ไม่สมควร  แล้วศึกครั้งสี่ก็ได้เริ่มต้นอีกครั้งหรือจะเป็นอีกหลายๆครั้งถ้าเขายังไม่ออกไปจากห้องห้องนี้  เซฮุนทำได้เพียงนั่งนิ่งและกุมมือไว้บนตักก่อนส่ายศีรษะเล็กน้อยเหมือนอยากบอกเจ้านายคนใหม่ว่าเขาไม่สามารถทำตามคำสั่งได้  แต่.......!!

     

    เพี๊ยะ!!

     

                “พอใจยัง...”

     

                “มุกนี้กูรู้ทัน...มึงจะหลอกจับมือน้องเค้ามาจูบทางอ้อมล่ะสิ  แก่แล้วตัณหากลับหรือไง!

     

                เจ้าของมือบาง...ที่ถูกคุณจงอินจับขึ้นมาเพื่อตบปากตามคำสั่ง  เกิดอาการทำตัวไม่ถูกเพราะไม่คิดว่าคนมากอายุจะเจ้าเล่ห์ถึงเพียงนี้  และที่จับมือเขาในลิฟท์แล้วให้เหตุผลว่าจะได้หายตื่นเต้นนั้นก็เป็นการหลอกจับมือด้วยหรือเปล่า??  เซฮุนโดนคนแก่ของน้องแบคหลอกเข้าให้แล้ว...มิน่าล่ะ  น้องแบคถึงได้ดื้อและไม่ค่อยเชื่อฟังพี่ชายสักเท่าไหร่

     

    แต่ถึงจะโดนหลอก...ใบหน้าเรียวสวยก็แดงระเรื่อด้วยความเขินอายเพราะมือของเขาก็ยังถูกมือใหญ่ๆของคุณจงอินจับไว้ไม่ยอมปล่อย >//<) 

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ♡ ♡ ♡ ♡

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    Condominium XXX

    แกร๊กกก!!

     

                (คุณแม่ต้องรักน้องแบคเยอะๆนะครับ)

     

                “อย่าไปรักนะครับ...น้องแบคดื้อมากเลยครับแม่”

     

                (คุณแม่อย่าไปเชื่อพี่ชานยอล!!)

     

                กว่าจะสัมภาษณ์งานเรียบร้อย...หรือกว่าจะจบศึกเล็กๆของเพื่อนสนิทก็กินเวลานานอยู่หลายชั่วโมง  มื้อเที่ยงยังไม่ได้ทาน  งานใหม่ก็จะเริ่มในอีกหนึ่งวันถัดไปและเมื่อเดินทางกลับมาถึงห้องก็ยังได้ยินเสียงของคนสองคนดังอยู่ด้านใน  เซฮุนเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปในห้องอย่างนึกหงุดหงิดใจเพราะแทนที่พี่ชายจะออกมาตอนรับหรือออกมาสอบถามว่าเขาเป็นอย่างไรบ้างเรื่องการฝึกงานก็กลับกลายเป็นนิ่งเฉยหรือเอาแต่สนใจคนอื่นมากกว่าน้องคนนี้

     

                “พี่ชานยอล!!

     

                “อ้าววว...กลับมาแล้วเหรอ?  //  แม่!!แม่ต้องรักผมมากกว่าน้องแบคนะครับ”

     

                “ฮึ่ยยยย!!

     

                งอน...งอนมากกก!!  เซฮุนของอนให้กับทุกอย่างเพราะพี่ชายของเขาเอาแต่คุยโทรศัพท์กับแบคฮยอน  แล้วพี่ชายของแบคฮยอนก็ยังหลอกจับมือเขาอีก  เจ้าเล่ห์กันทั้งพี่ทั้งน้อง  อุตส่าห์ได้ที่ฝึกงานอย่างที่ฝันเอาไว้  อุตส่าห์รีบกลับมาเพื่อแจ้งข่าวดี  อุตสาห์อดทนต่อความหิวทั้งๆที่คุณจุนมยอนเชิญให้อยู่ทานมื้อกลางวันด้วยกัน  แต่สุดท้าย!!...ก็ไม่มีใครสนใจเขาเลยสักคน 

     

    ปึ่งงงง!!!!

     

                “เกิดอะไรขึ้นเหรอครับคุณจงอิน...คุณจุนมยอนไม่รับน้องของผมฝึกงานเหรอครับ?”

     

                “รับครับ...น้องเซฮุนได้ฝึกงานแล้ว  ได้เป็นเลขาจุนมยอนด้วย”

     

                “อ้าวววว...แล้วตกลงมันเกิดอะไรขึ้นครับ?”

     

                (พี่ชานยอล...คุณแม่วางสายไปแล้ว  คุณแม่บอกว่ารักน้องแบคเยอะกว่าพี่ชานยอล)

     

                งงกันหมดทุกคน...คุณจงอินที่เดินตามเซฮุนจนกลับมาถึงห้องก็งง  พี่ชายที่เพิ่งได้เห็นหน้าน้องเพียงแป๊บเดียวก็งง  ส่วนน้องแบค...ก็เหมือนจะไม่รู้อะไรเลยนอกจากคนปลายสายที่เพิ่งจบการสนทนากันไปเมื่อครู่??  และเสียงปิดประตูห้องที่ดังขนาดนั้นก็ทำให้ชานยอลต้องเดินออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนเป็นน้อง  โกรธเรื่องใด  เสียใจเรื่องอะไร  ไม่พอใจสิ่งไหน...ก็น่าจะบอกกันดีๆ  ไม่ใช่ทำกิริยาเช่นนั้น

     

                “น้องแบคครับ...พี่ชานยอลขอตัวไปดูเซฮุนก่อนนะ  วันหลังเราค่อยมาเล่นกันใหม่”

     

                (โอเคครับ  //  ป่ะคนแก่...กลับห้องกัน)

     

                “วันนี้ขอบคุณมากเลยนะครับคุณจงอิน...แล้วถ้าน้องของผมทำเรื่องไม่ดีเอาไว้  ผมต้องขอโทษแทนน้องด้วยนะครับ”

     

                “ไม่เลยครับ...น้องเซฮุนไม่ได้ทำเรื่องไม่ดีเอาไว้  ผมว่าน้องคงเหนื่อยมากกว่า...คุณชานยอลอย่าคิดมากเลยนะครับ”

     

                “ขอบคุณนะครับ...เดี๋ยวผมออกไปส่ง”

     

                “ไม่เป็นไรครับ...คุณชานยอลรีบไปดูแลน้องเซฮุนดีกว่า  เดี๋ยวผมพาแบคกลับเอง”

     

                (บายนะครับ...พี่ชานยอล)

     

                ใช่ว่าชานยอลคนเดียวที่สงสัย...เพราะคุณจงอินก็สงสัยเหมือนกันว่าน้องเซฮุนเป็นอะไร  ตั้งแต่ออกมาจากห้องของจุนมยอน  เซฮุนดูท่าทางหงุดหงิด  ไม่พอใจและไม่ค่อยยิ้มสักเท่าไหร่ทั้งๆที่ก็ได้งานอย่างที่ฝันเอาไว้  หรือว่า...เขาทำอะไรผิด??  จงอินพยายามนึกถึงสิ่งที่ตัวเองอาจเป็นต้นเหตุ  แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกและตอนนี้ก็คงทำได้เพียงพาแบคฮยอนกลับห้องโดยไร้คนน่ารักเดินออกมาส่งเหมือนอย่างที่เคย

     

    ก๊อก ๆ ๆ!!!

     

                “พี่เข้าไปนะ...”

     

                และ...อีกคนที่อดสงสัยไม่ได้อย่างชานยอลก็ต้องรีบมาไถ่ถามให้รู้ความเพราะพี่ชายคนนี้จะมีปัญหากับใครก็ได้แต่ต้องไม่ใช่กับน้องของตัวเอง  มือหนาเคาะลงบนกระดานไม้สีขาวก่อนเอ่ยคำเป็นเชิงขออนุญาตและเปิดประตูเข้าไปด้านใน  สองขาก้าวไปที่เตียงกว้างอย่างช้าเมื่อเห็นเซฮุนนอนคว่ำหน้าอยู่บนหมอนใบโต  เสื้อสูทก็ไม่ถอด  เอกสารก็ไม่ยอมเก็บ  แล้วนอนท่านั้นเดี๋ยวก็หายใจไม่ออกพอดี 

     

                “เซฮุน...ลุกขึ้นมาคุยกับพี่ก่อน  อย่าทำแบบนี้”

     

                “.............”

     

                ไร้เสียงตอบรับ...แถมยังนอนอยู่ท่าเดิมเหมือนอยากท้าทาย  แต่ชานยอลชินแล้ว  และใช่ว่าจะโกรธ  การที่น้องทำแบบนี้ก็เท่ากับว่างอน  ซึ่งชานยอลก็ตามง้อมาตั้งแต่เด็กๆ  คนเป็นพี่ขอส่ายศีรษะให้กับความไม่รู้จักโตของน้อง  จะอายุห้าขวบหรือตอนนี้จะอายุ  22...เซฮุนก็ยังแสนงอนไม่เคยเปลี่ยน  แต่จะงอนด้วยเรื่องอะไร  สิ่งใดคือสาเหตุหรือจะร้ายแรงแค่ไหนก็คงต้องมาคุยกันให้รู้เรื่อง

     

                “ไหน...ใครได้งานถูกใจ  เล่าให้พี่ฟังหน่อยได้ไหม?”

     

                “อยากรู้ด้วยเหรอ!

     

                “อยากรู้สิ...เล่าให้พี่ฟังหน่อยนะ”

     

                “ไม่ไปคุยโทรศัพท์กับน้องแบคแล้วเหรอไง!!

     

                อ๋อ...งอนเพราะเรื่องนี้นี่เอง  พี่ชานยอลเข้าใจแล้ว  และต้องขอโทษจริงๆที่สนใจคนอื่นมากกว่าน้องของตัวเอง  มือหนาดึงคนแสนงอนที่ยอมเงยหน้าออกจากหมอนมากอดเอาไว้ก่อนการปรับความเข้าใจจะเริ่มต้นขึ้น  เซฮุนก็ใช่ว่าอยากจะทำเรื่องที่ดูเสียมารยาทเช่นนั้น  เขารู้ว่าคุณจงอินเป็นผู้ใหญ่  เขารู้ว่าน้องแบคยังเด็ก  แต่การถูกเมินหรือเหมือนถูกมองเป็นธาตุอากาศมันพาลให้หงุดหงิดจนยับยั้งอารมณ์ไม่อยู่

     

                “พี่ขอโทษ...พี่ไม่ได้ตั้งใจ  พอดีตอนนั้นคุณแม่โทรมา  พี่ก็เลยให้คุยกับน้องแบค  ก็พี่สัญญากับน้องไว้ว่าจะให้คุยกับแม่เรื่องเป็นทูต  พี่ไม่ได้สนใจคนอื่นมากกว่าเซฮุนสักหน่อย”

     

                “ผมก็ขอโทษที่หงุดหงิด...แต่พี่ชานยอลก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าผมไม่ชอบ  ผมอุตส่าห์ได้งานดีๆอยากกลับมาเล่าให้ฟัง  แต่พี่ชานยอลก็ไม่สนใจ”

     

                “ขอโทษษษษ...หายงอนนะ  ทีหลังไม่ทำแล้ว”

     

                “แล้วผมก็ยังไม่ได้กินข้าวกลางวันเลยด้วย...หิวจะแย่”

     

                “พี่ก็ยังไม่ได้กินเหมือนกัน...รอเราอยู่เนี่ย  พี่ทำกับข้าวให้น้องแบคกินคนเดียว”

     

                “จริงอะ?”

     

                “จริงสิ...”

     

                หายงอนเป็นปลิดทิ้ง...เมื่อได้ยินที่พี่ชายบอกว่ารอทานข้าวด้วยกันทั้งๆที่ตัวเองก็ต้องทำอาหารให้คนอื่น  เซฮุนดีใจที่พี่ชานยอลไม่ลืมรายละเอียดเล็กๆน้อยๆระหว่างเราสองพี่น้อง  มันเหมือนจะเป็นไปโดยอัตโนมัติเพราะเมื่อเราอยู่ด้วยกัน...ก็ต้องทานด้วยกันไม่ว่าจะเป็นมื้อใด  แต่ถ้าพี่ชานต้องไปทำงาน  เขาต้องไปเรียนหรือไม่ได้กลับมาเจอกันจนถึงมื้อเย็นก็จะต่างคนต่างทานโดยไม่ต้องรอ

     

                “แล้วจะกินอะไรกันดีฮะ?”

     

                “ไปหาอะไรกินข้างนอกดีไหม...ฉลองที่ได้งานใหม่ด้วยไง  พี่เลี้ยงเอง!

     

                “ดีฮะ...”

     

                “เราก็คิดเมนูไว้เลย...เดี๋ยวพี่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”

     

                “ผมก็จะเปลี่ยนเหมือนกัน...แล้วรักพี่ชานยอลด้วยนะฮะ”

     

                “เด็กดี!!

     

                เขารู้...ว่าเซฮุนไม่ใช่คนที่ไร้เหตุผลและการย้ายที่อยู่ใหม่ก็อาจทำให้เจ้าตัวเหมือนไม่เหลือใคร  พี่คนนี้คงเป็นที่พึ่งพิงเพียงคนเดียวเท่านั้น  แม้จะมีเพื่อนข้างห้องที่แสนใจดีถึงสองคน  แต่จะอีกกี่คนก็ยังถือว่าเป็นคนอื่น  เซฮุนมักจะให้ความสนิทสนมกับอื่นได้ยาก  แล้วคนอื่นๆก็มักจะหวังในสิ่งที่เป็นเซฮุน  การมีแม่เป็นถึงท่านทูตหรือมีพ่อที่สามารถใช้เส้นสายในหน้าที่งานได้ก็ทำให้คนอื่นมาใช้หาผลประโยชน์จากตรงนี้มากกว่าการเรื่องใดใด

     

                “ผมพร้อมแล้ว...พี่ชานยอลพร้อมยัง?”

     

                “พร้อมแล้ว...แต่พี่ขอเอาหนังสือไปคืนน้องแบคก่อนได้ไหม  เดี๋ยวเราจะไม่อยู่ห้องแล้วน้องแบคอยากได้หนังสือคืน?”

     

                “หนังสืออะไรเหรอฮะ?”

     

                “การบ้านเด็กมัธยม...น้องแบคเอามาให้พี่สอน”

     

                “พี่ชายของผมกลายเป็นคุณครูไปซะแล้ว”

     

                พี่ชานยอลใจดีกับทุกคนบนโลก...แต่กับเขาคือใจดีที่สุดในจักรวาลเพราะถ้าน้องคนนี้อยากได้อะไร  พี่ชานยอลก็จะหามาให้ทุกอย่าง  ไม่มีสิ่งใดที่หาไม่ได้  ไม่มีสิ่งใดที่ร้องขอแล้วไม่ทำตาม  แต่ยกเว้น!!เรื่องที่ผิดกฎหมาย  เซฮุนไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนอื่นๆถึงรักพี่ชานยอลกันนัก  ท่อนแขนเล็กๆของคนเป็นน้องขอควงพี่ชายกล้ามโตเดินออกไปจากห้องพร้อมกับกุญแจรถที่ต้องคว้าใส่กระเป๋ากางเกงเอาไว้

     

                “ตกลงจะกินอะไร...เดี๋ยวไปถึงร้านก็คิดไม่ออกอีก”

     

                “วันนี้คิดออกฮะ...แต่มื้อนี้ขอเป็นอาหารฝรั่งได้ไหม  ผมเบื่อข้าวอะ”

     

                “กินเข้าไปสิชีส...ตูดใหญ่เท่าหม้อที่อยู่ในครัวแล้ว!

     

                “น่าเกลียด...พี่ชานยอลพูดน่าเกลียด  ถ้าแม่ได้ยินพี่ชานยอลโดนดุแน่ๆ”

     

                “ฮ่า  ฮ่า  ฮ่า.....”

     

                “ไม่ต้องมาหัวเราะเลย...หยุดเดี๋ยวนี้!!

     

                ต่อให้น้องเป็นผู้ชาย...พี่ก็ไม่ควรพูดจาแบบนั้นและถึงมันจะเป็นเรื่องจริง  แต่ก้นอวบๆของเขาก็ไม่ควรถูกนำมาวิจารณ์  จากที่เดินควงแขน...ตอนนี้ก็ขอเปลี่ยนมาเป็นการกอดอกและเดินตามคนเป็นพี่เพื่อมาคืนสมุดการบ้านให้กับแบคฮยอน  แต่.....

     

    แกร๊กกก!!!

     

                “อ้าว...พี่ชานยอล  พี่เซฮุน  กำลังจะไปไหนกันเหรอครับ?”

     

                “พี่กำลังจะเอาสมุดการบ้านมาคืนน้องแบค  แล้วก็จะออกไปธุระข้างนอกครับ...พอดีบริษัทที่พี่จ้างมาส่งของเค้าโทรมาบอกว่าพี่ลืมของสำคัญเอาไว้  พี่ก็เลยต้องรีบไปเซ็นรับของคืน”

     

                “แบคก็กำลังจะไปขอสมุดคืนพอดี...ขอบคุณนะครับพี่ชานยอล”

     

                “พี่ไปก่อนนะ”

     

                “บ๊ายบายยยย....”

     

                เพราะทราบถึงสถานการณ์ตรงหน้าเป็นอย่างดี...ชานยอลจึงรีบตัดบทโดยการหาข้ออ้างเพื่อให้เราพี่น้องได้ไปทานข้าวด้วยกันเพียงสองคนเท่านั้น  ขืนบอกคนตัวเล็กว่าจะไปไหนหรือไปที่ใด  มีหวังเจ้าตัวได้ร้องตามไปด้วยแน่ๆ  และนั่น...ก็จะพาลให้พี่ชายคนนี้ถูกคนที่กำลังยืนกอดอกงอนเป็นครั้งที่สอง

     

                “ขอบคุณนะฮะพี่ชานยอล”

     

                เซฮุนก็ทราบ...ว่าพี่ชายจะจัดการเรื่องนี้ได้ด้วยวิธีไหน  และวิธีนั่นก็ทำให้แบคฮยอนยอมรับสมุดการบ้านไปโดยไม่ถามอะไรให้มากความ  ขอบคุณที่รู้ใจ  ขอบคุณที่ใส่ใจและขอบคุณที่ในหัวใจของพี่ชานยอลยังคงมีน้องคนนี้มาเป็นอันดับหนึ่ง  แต่อีกใจ...ก็อยากเลี้ยงอาหารคุณจงอินสักมื้อเพื่อตอบแทนเรื่องที่ช่วยให้เขาได้ฝึกงานในที่ที่ฝันอาไว้

     

                “สรุปจะไปกินอะไร...ไหนว่ามาซิ?”

     

                “ไปร้านXXฮะ...แต่วันหลังผมขอชวนคุณจงอินมาด้วยได้ไหม  ผมยังไม่ได้ขอบคุณเค้าเลย  เค้าอุตส่าห์ช่วยเรื่องฝึกงาน”

     

                “แต่พี่ไปด้วยมันจะดีเหรอ...เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับพี่เลยนะ  เค้าช่วยเรา  ไม่ได้ช่วยพี่”

     

                “แต่ผมไม่อยากไปกับเค้าสองคนหนิฮะ...”

     

                “ทำไมล่ะ...เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?”

     

                “ก็คุณจงอินชอบทำตัวแปลกๆ...เหมือนเค้ากำลังจีบผมเลยฮะ  แต่ผมไม่แน่ใจ  แล้วคุณจุนมยอนก็พูดเล่นกับคุณจงอินว่าความรักติดคออะไรทำนองนี้ด้วย  ผมไม่เข้าใจเลย”

     

                “อะไรนะ...จีบ???!!

     

                “อื้มม!!

     

                ฝ่าเท้า...ที่กำลังเหยียบคันเร่งเพื่อออกจากลานจอดรถของคอนโดฯจำเป็นต้องหยุดเอาไว้เพราะคำว่า  จีบ”  ถึงการบอกกล่าวของน้องจะฟังดูไม่แน่ใจ  แต่เซฮุนก็โตพอที่จะดูออกว่าใครกำลังคิดเช่นไรและนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่น้องโดนจีบ  ตอนอยู่ไฮสคูลก็มีหนุ่มต่างคลาสมาตามจีบจนจดหมายล้นล็อคเกอร์  แล้วกับแค่เรื่องความผิดปกติของคุณจงอิน...น้องคงไม่กล้าเอาพูดเล่นหรือคิดเข้าข้างตัวเองแน่นอน

     

    สงสัย...คุณจงอินจะไม่ใช่คนอย่างที่ชานยอลคิดไว้ซะแล้ว?!!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ♡ ♡ ♡ ♡

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    100%

    Cr. ภาพในตอนที่ห้า : IG>zkdlin

     

    Talk.

    น้องกลัวแน้ววววว...คุณจงอินเปลี่ยนไป >.<)

    ขอบคุณนักอ่านทุกคนมากๆนะคะ

     เลิบบบบ

    #KHanother

    SNAP
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×