ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จบแล้ว (EXO) SF ออกเรือ (Kaihun Ft.Chanbaek)

    ลำดับตอนที่ #5 : ❧ 5 (END)

    • อัปเดตล่าสุด 17 เม.ย. 64






    ออกเรือวันสุดท้าย

     

     

    06.26 น.

     

    แควกกก!!!!

     

                “....??!!

     

                เสียงฉีกกระดาษ...ที่ได้ยินซ้ำไปซ้ำมา  ทำให้คนที่นอนอยู่ในเต็นท์ด้านข้างต้องตื่นด้วยความสงสัย  ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้นเล็กน้อยเพราะดวงอาทิตย์เริ่มขึ้นมาทำหน้าที่แทนพระจันทร์  แต่ร่างกายที่ไร้ใครบางคนโอบกอดเหมือนเช่นสองคืนที่ผ่านมาก็พาลให้หัวใจรู้สึกสั่นไหวแปลกๆ  หายไปไหนแต่เช้านะ?  ทำไมถึงปล่อยให้นอนอยู่คนเดียว??  แล้ววว...ทำไมเราจะต้องสนด้วยล่ะ???!!

     

     

                มือบาง...สะบัดผ้าห่มออกจากร่างกายด้วยความหงุดหงิดก่อนคลานเข่าออกไปจากเต็นท์แล้วมองไปที่ต้นเสียง  เซฮุนเห็นเพื่อนตัวเล็กกำลังฉีกสมุดบันทึกของคุณพ่อโยนใส่กองไฟทีละแผ่น  ทีละแผ่น  และนั่นก็พาให้สองขาต้องรีบก้าวไปตรงหน้าเปลวเพลิงทันที  เมื่อคืนคุณไคบอกว่าทุกอย่างจะดีขึ้น?  แต่ทำไมเช้านี้แบคฮยอนถึงยังเศร้า??  เมื่อคืนได้นอนหรือเปล่า???  แล้ว...เพื่อนอย่างเขาสามารถช่วยอะไรได้บ้างไหม????

     

                “แบค...มึงทำแบบนี้ทำไมวะ?  สมุดนั่นมึงรักมากเลยไม่ใช่เหรอ?”

     

                “รักมาก...แต่มันก็อันตรายมากนะ  กูไม่อยากให้มันตกไปอยู่กับคนเลวๆก็เลยยย...เผาทิ้งดีกว่า”

     

                “กูถามจริงๆ...มึงโอเคกับทุกเรื่องที่เกิดขึ้นไหมวะ?  กูเป็นห่วงมึงนะแบค  กูเห็นแบบนี้แล้วกูไม่สบายใจเลย”

     

                หย่อนกายลงนั่งข้างๆเพื่อน...และรีบถามในสิ่งที่อยากทราบทันทีเพราะเขาไม่อยากกลับไปโดยที่ยังไม่เคลียร์ความรู้สึก  เซฮุนเป็นห่วงแบคฮยอนที่สุด  มีพ่อ...พ่อก็ต้องมาตายด้วยอาชีพที่ไม่น่าจะพาให้เสียชีวิต  มีความรู้...แต่กลับไม่ได้ใช้ให้เกิดประโยชน์  และมีโอกาสได้เดินทางมาที่นี่เพื่อสานต่อสิ่งที่ผู้มีพระคุณได้ค้นพบ  แต่สุดท้าย...สิ่งที่ได้ก็คือความว่างเปล่า

     

                “ถ้าบอกว่ากูโอเค...มึงคงไม่เชื่อใช่ไหม?”

     

                “ก็เออดิ่...หน้ามึงโคตรหงอยเลย  เพราะฉะนั้นมึงเป็นอะไรรู้สึกอะไรก็พูดออกมาเลย  เราจะได้ช่วยกันแก้ปัญหา”

     

                “กูไม่ได้เสียดายบันทึกเล่มนี้หรอกนะเซฮุน  กูรัก..อันนี้กูไม่ปฏิเสธ  แต่บันทึกของพ่อมันอันตราย  กูเลยต้องทำแบบนี้  แล้วที่กูรู้สึกอีกอย่างก็คือ...งานที่พวกเราทำอยู่มันมีประโยชน์กับคนที่ต้องการมันจริงๆไหมวะ?  เราทดลองนั่นนี่  ได้ตัวยาใหม่  ได้วัคซีนป้องกันโรคบลา  บลา  บลา  แต่จริงๆแล้วใครมันได้ประโยชน์กันแน่วะ?”

     

                “กูก็ไม่รู้  ต้นทางมันคือเรา...แต่ปลายทางใครจะได้ใช้มันก็ไม่ใช่หน้าที่ที่เราต้องไปตรวจสอบป่าววะ?  เราไม่ใช่เจ้าของประเทศหรือพวกที่มีอำนาจอะไรขนาดนั้นนะเว้ย  หน้าที่เราคือทำการวิจัย...แล้วถ้ามึงคิดว่าสิ่งที่เราทำมันขัดต่อความรู้สึกจริงๆ  กูเลิกทำได้นะ...กูไม่ซีเรียส  ใครจะด่ากู  หาว่ากูเกาะพ่อเกาะมรดกวงศ์ตระกูลใช้ไปวันวันกูก็ไม่สน  พ่อกูเงินกู...กูจะใช้ยังไงก็ได้  แต่มึงนั่นแหละ...พร้อมที่จะเลิกไหม?  มึงรักงานนี้เพราะมีพ่อเป็นต้นแบบ  แต่สำหรับกู...กูมีพ่อไว้ของบทำการวิจัยเฉยๆ”

     

                โอเซฮุน...ผู้ซึ่งมีทุกอย่างในชีวิตไม่เคยสนใจว่าใครจะคิดกับตัวเองเช่นไร  เพราะปกติคนนอกก็มักจะเห็นเขาเป็นในสิ่งที่ลูกคนรวยชอบทำ  ใช้เงินไปวันวัน  เกาะบารมีพ่อแม่เพื่อสร้างชื่อเสียง  งานที่ได้มาก็คงใช้เส้นสายหรือจะอีกสารพัดที่คนอื่นอยากจะมอง  ซึ่งเขา...ก็ไม่รู้จะไปสนคนพวกนั้นไปทำไมในเมื่อก็รู้อยู่แก่ใจว่าทุกวันนี้ทำสิ่งใดไปเพื่ออะไร  เพื่อใคร  และถึงแม้จะไม่ค่อยลงรอยกับคุณพ่อสักเท่าไหร่  แต่การที่ท่านมีลูกชายเพียงคนเดียว...ท่านจึงอดไม่ได้ที่จะตามใจลูกอย่างเขา

     

                “ถ้าเลิกทำงานนี้จริงๆ...แล้วพวกเราจะไปทำอะไรกันวะ?”

     

                “เรื่องนั้นค่อยคิด  เก่งอย่างมึงหางานทำไม่อยากหรอก  ส่วนกู...เที่ยวแม่งให้รอบโลก  พักผ่อนจนกว่าพ่อจะด่าแล้วค่อยหางานใหม่”

     

                “มึงก็เป็นแบบนี้ทุกที”

     

                “แล้วเป็นเพื่อนมึงป่ะล่ะ...”

     

                “เป็นสิ...กูรักมึงนะเซฮุน”

     

                “กูก็รักมึง...กูไม่อยากให้มึงคิดมากนะแบค  ทำอะไรแล้วไม่สบายใจก็เลิกทำไปเหอะ  ว่าแต่...มึงไม่ได้เผาเบอร์โทรศัพท์ลุงแท็กซี่ไปด้วยใช่ไหม???”

               

                “เฮ้ยยยย!!..จริงด้วย  ทำไงดี??”

     

                “เชี่ยยยย!!!

     

                อยากกระโจนลงไปงมเบอร์โทรศัพท์ในกองไฟ...แต่ติดตรงที่ยังไม่อยากตายในตอนนี้  ทั้งเซฮุนและเจ้าของสมุดบันทึกจึงได้แต่มองหน้ากันด้วยสายตาที่แสนเศร้าสร้อย  คราวนี้จะกลับกันยังไง?  ท่าเรือคิมก็ไม่มีใครอยากจะเข้ามายุ่งเลยสักคน??  ขนาดลุงแท็กซี่ยังต้องจอดห่างจากท่าเรือไปเป็นเมตรๆ???  เฮ้ออออ...แล้วใครมันจะกล้ามารับพวกเราไปที่สนามบินกันล่ะ?????

     

     

                หัวทุย...ซบลงบนไหล่เพื่อนด้วยความรู้สึกผิด  กองไฟเริ่มมอดเมื่อกระดาษแผ่นสุดท้ายถูกเผาจนไม่เหลือซาก  ยกเว้น...พืชน้ำสีม่วงในมือที่ตอนนี้กลีบดอกเริ่มโรยรา  ขอบคุณคุณชานที่ช่วยเก็บมาให้?  น้ำมันลึกมากเลยนะ...แต่คุณชานก็ไม่บ่นสักคำ??  แถมยังเอามาทัดหูให้อีก...คุณชานเริ่มน่ารักมากขึ้น  แต่ยังชอบกอดแน่นๆจนแทบหายใจไม่ออก  แล้วก็ชอบให้หอมแก้มอยู่เรื่อย...คุณแบคเขินนะ!!

     

                “เออแบค...มึงเห็นคุณไคไหมวะ?”

     

                “ไม่เห็นนะ  คุณชานก็หายไปเหมือนกะ...กัน!!!!

     

    ปังงงง!!!

     

                ยังไม่ทันได้สิ้นคำถามหรือความสงสัย...เสียงปืนที่ดังขึ้นหนึ่งนัดก็พาให้สองเพื่อนรักต้องกอดกันไว้ด้วยความตกใจ  และเสียงแหวกกิ่งไม้ใบหญ้าที่ดังขึ้นจากทางด้านหลังก็ยังทำให้ต้องหันไปมองที่ต้นเสียง  ทั้งแบคฮยอนทั้งเซฮุน...รีบลุกออกจากที่นั่งเพราะเห็นการเคลื่อนไหวของพุ่มไม้ในระยะสายตาและคิดว่าอาจเป็นคนที่หายไป  แต่.....

     

                “เจอตัวสักที...”

     

                “โอ้ยย...!!  //  ปล่อยนะเว้ยย!!

     

                สิ่งที่คิด...ช่างห่างไกลจากความเป็นจริงเหลือเกินเพราะคนที่เดินออกมาจากพุ่มไม้มันไม่ใช่ผู้ที่หายไปแต่เป็นพวกที่ถูกเจ้าของท่าเรือยิงตายเมื่อสองวันก่อน  เซฮุนและแบคฮยอนถูกรวบตัวไว้ด้วยความรวดเร็ว  สองขายังไม่ทันได้วิ่งหนี  แถมยังไม่ทันได้หยิบสิ่งใดมาป้องกันตัวเลยสักอย่าง?!!!  ร่างกายถูกโอบรัดจนผิวเนื้อเนียนขาวขึ้นริ้ว  เอวคอดถูกบีบจนน้ำตาซึม  แล้วแก้มนุ่ม...ก็ถูกสัมผัสด้วยความหื่นกระหาย

     

    ฟอดดดดด!!!

     

                “หอมจริงเว้ยยย!!!

     

                “อย่านะ...ไม่!!

     

                ลิ้นร้อน...ที่แลบเลียใบหน้านวลอย่างกักขฬะส่งผลให้น้ำตาไหลพราก  เซฮุนไม่คิดเลยว่าตัวเองจะต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้และหวังว่าเพื่อนตัวเล็กจะไม่ถูกกระทำอย่างที่ตัวเองต้องเผชิญ  ส่วนแบคฮยอนก็พยายามขืนกายออกจากการถูกกอดรัด  แต่ด้วยแรงเพียงเท่านี้ก็ไม่ได้ทำให้พวกโจรสะดุ้งสะเทือนเลยแม้แต่น้อย  และ.....

     

                “เอามันออกมา!!!!

     

                “คุณไค!!!...”

     

                ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า...ทำให้เซฮุนถึงกับตะโกนชื่อออกมาด้วยความตกใจ  เพราะเสียงปืนที่ได้ยินเมื่อครู่ก็คือแผลที่ปรากฏอยู่บนหัวไหล่ซ้ายของหนุ่มผิวเข้ม  คุณไคเจ็บไหม?  อย่าเป็นอะไรนะ??  แล้วใครก็ได้...ช่วยด้วยยยย!!!???  เจ้าของท่าเรือถูกปืนจอที่ศีรษะแล้วถูกสั่งให้เดินออกมาจากป่า  การเข้าไปสำรวจความปลอดภัยก่อนออกเรืออีกครั้งในตอนเช้ามันทำให้ไคต้องพบกับคนพวกนี้  และการระวังตัวที่น้อยเกินไปหรือไม่คาดคิดว่าจะมีใครเข้ามาที่นี่ก็ส่งผลให้เกิดเรื่องขึ้นจนได้

     

                “เด็กมึงโคตรหอมเลยว่ะ  แต่คงไม่ใช่ของมึงแล้วมั้งเพราะมันอยู่ที่กู!!!

     

                “คุณไคอย่ามองนะ...!!!

     

                ใช่ว่าไม่เห็น...ว่าเซฮุนถูกทำอะไรบ้าง  และใช่ว่าไม่โมโหที่เห็นภาพร่างสวยถูกโอบเอาไว้เช่นนั้น  แต่ยิ่งผลีผลาม***หรือทำไปตามที่ถูกยั่วยุ...ผลที่ได้ก็ยิ่งไม่คุ้มเสีย  ใบหน้านวลที่ถูกโลมเลีย  เอวบางที่ถูกกอดรัด  แก้มขาวที่ถูกสัมผัส  ทุกๆอย่างที่เขาเห็นมันเหมือนถูกไฟร้อนสุมอยู่ในใจ

     

                “พวกมึงไปหาไอ้ชานให้เจอ!!

     

                “ครับลูกพี่...”

     

                วันก่อนมากันห้าคน...แต่ตายไปหนึ่ง  วันนี้จึงเอาคนมาเพิ่มเพื่อก่อเหตุร้ายและมันก็ต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆเพราะในเขตนี้ไม่ใช่เขตที่ใครจะหาเจอได้ง่ายๆ  ไม่ชำนาญก็คงมาไม่ถึง  ไม่รู้จริงก็คงมาไม่ได้  แล้วถ้าไม่แอบตามมาตั้งแต่แรก...พวกมันก็ไม่มีทางเจอเราแน่นอน

     

                “ไม่ต้องกลัวนะเซฮุน”

     

                “ฮึกก!!...คุณไค”

     

                “อย่าร้อง...อดทนไว้”

     

                “คุณไค  ฮึกกกก!!

     

                เสียงทุ้มที่เอ่ยปลอบด้วยความเป็นห่วง...มันเหมือนเป็นแรงใจที่ทำให้อยากมีชีวิตอยู่  แต่การถูกคนพวกนี้สัมผัสอย่างหยาบโลนมันพาลให้อยากตายมากกว่า  เซฮุนพยายามขืนกายออกจากการถูกจับพร้อมพร่ำเรียกคนตรงหน้าและเอาแต่ส่ายศีรษะไปมาเพราะไม่อยากให้ไคเห็นภาพที่ไม่ควรมอง  ดวงตาคู่สวยแดงก่ำ  น้ำตาแห่งความเสียใจ  ความหวาดกลัว  ความรู้สึกขยะแขยงมันไหลพรากอย่างห้ามไม่ได้ 

     

                “ลูกพี่...ผมไม่ไหวแล้วว่ะ!  ขอเอาไอ้นี่ก่อนเหอะ!!

     

                “ตามใจ...แต่ออย่าแรงนักนะเว้ยเดี๋ยวเสียราคาหมด” 

     

                (อย่านะ!!  อย่าทำอะไรเพื่อนกะ...กู  โอ๊ยย!!)

     

                ยิ่งได้ฟังคำพูดที่น่าสะอิดสะเอียน...เซฮุนก็ยิ่งขืนกายมากขึ้นเพราะอยากช่วยเพื่อนรัก  แต่การทำเช่นนั้น...ก็พลันให้หน้าท้องขาวเนียนถูกชกเข้าเต็มแรง  ร่างทั้งร่างทรุดลงไปบนพื้นดิน  ใบหน้านวลแนบไปกับกอหญ้าจนรู้สึกได้ถึงรอยบาด  และสองมือก็ต้องกุมความเจ็บจุกเอาไว้จนตัวงอ  แต่...ความโหดร้ายมันก็ยังไม่จบเพียงเท่านั้นเมื่อเสื้อผ้าของตัวเองเริ่มถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ

     

                “มึงดูไว้นะไอ้ไค!!

     

                “อย่านะ!!  ยะ...อย่า”

     

                แก้มเนียนถูกประทับรอยอย่างหยาบโลน  ริมฝีปากบางถูกแลบเลียอย่างกักขฬะ  และเอวคอดก็ถูกฟอนเฟ้นจนขึ้นริ้ว  เซฮุนพยายามทุกวิธีทางเพื่อไม่ให้ลิ้นร้อนเข้ามากวานต้อนหรือได้ทำในสิ่งต้องการ  แผ่นหลังที่ครูดไปกับพื้นหญ้าก็ไม่ได้สนใจอีกแล้วว่ามันจะเจ็บหรือไม่  ใบหน้าเรียวส่ายไปมาเพื่อหลบหลีกการกระทำที่น่ารังเกียจพร้อมแรงของสองมือ...ที่ดันหน้าอกคนด้านบนให้ออกห่าง  ต่อให้ต้องตายก็ยังดีกว่าถูกคนพวกนี้ทำร้าย  เซฮุนจึงพยายามใช้กำลังที่เหลือทั้งหมดเพื่อปกป้องตัวเองและไม่อยากให้เจ้าของท่าเรือต้องมาเห็นภาพที่เขาถูกย่ำยี  แต่......

     

    กริ๊กกก!!!

     

                “ถ้าไม่หยุด...มึงตาย!!

     

                ชีวิต...ยังไม่ทันได้มีมลทินเพราะก่อนที่กางเกงจะถูกถอดออกจากเรียวขา  เจ้าของเสียงทุ้มใหญ่ที่มาพร้อมกับปืนและจ่ออยู่ที่ข้างขมับคนร้ายก็โผล่มาช่วยได้ทันเวลา  เซฮุนรีบถอยหลังเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเพื่อนตัวเล็กด้วยความหวาดกลัว  ส่วนผู้กระทำการหยาบช้าก็ต้องสลบไปด้วยแรงเท้าที่เตะเสยเข้าปลายคางจนนอนแน่นิ่ง

     

                “จะหนีไปไหนนน!!

     

    ปังงง ๆ ๆ!!

     

                “อึ่กก!

     

                และคน...ที่ถูกปืนจ่อศีรษะอยู่นานก็ได้จังหวะเอาคืน  เพราะเมื่อผู้เป็นลูกน้องเห็นลูกพี่ของตัวเองถูกเตะจนสลบมันจึงเกิดความหวาดระแวง  ซึ่งนั่น...ก็ทำให้หนุ่มผิวเข้มได้โอกาสชิงอาวุธมาป้องกันตัว  กระสุนสามนัดเจาะทะลุร่างพวกหมาหมู่จนล้มคว่ำ  แล้วคนร้ายที่เหลือก็คงถูกเก็บเรียบไปหมดแล้ว  เพื่อนของเขาเก่งในเรื่องการพรางตัวมากที่สุด  และคนอย่างไอ้ชานก็คงไม่มีวันปล่อยให้พวกนี้กลับมาสร้างปัญหาได้อีกแน่นอน  ส่วนคนตัวเล็กที่ถูกช่วยชีวิตเอาไว้ก่อนที่จะแปดเปื้อนจนไม่เหลือชิ้นดีก็รีบปลอบขวัญเพื่อนรักด้วยความเป็นห่วง    

     

                “ไม่เป็นไรแล้วนะเซฮุน”

     

                “แล้วมึงล่ะแบค!!!?  มึงไม่เป็นอะไรใช่ไหม  มันทำอะไรมึงหรือเปล่า!!?”

     

                “ไม่เป็นไรๆ...พวกเราปลอดภัยแล้วนะ”

     

                ใช่ว่าชินชากับเรื่องพวกนี้...แต่มันต้องเข้าใจว่าการอาศัยอยู่ในเขตที่ไม่มีใครปกครองคือต้องเอาชีวิตให้รอดแม้ว่าจะต้องฆ่าใครสักคน  มันห้ามลังเล  ห้ามเห็นใจและห้ามปล่อยไว้เพราะอาจถูกแว้งกัดได้ตลอดเวลา  แบคฮยอนจำได้ดี...ว่าการถูกลากเข้าไปในป่า  การถูกตบใบหน้าจนปากแตก  การถูกความหยาบคายสัมผัสตามผิวเนื้อมันรู้สึกเช่นไร  และภาพที่คนตัวใหญ่จับผู้ร้ายหักคอได้เพียงครั้งเดียวมันดูโหดร้ายแค่ไหน  แต่...ถ้าไม่ทำเช่นนี้หรือไม่ได้คุณชานช่วยชีวิตเอาไว้เขาก็คงถูกทำร้ายจนไม่เหลือความเป็นคน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     


     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    09.21 น.

     

    ปึ่กกก!!!

     

     

                “มึงจะให้กูแบกมันมาทำไมวะ?  แม่งงง...หนักฉิบหาย”

     

                “เอามันไปผูกไว้กับสมอเรือ”

     

                ถ้าแบกเองได้...ก็คงแบกมาแล้ว  แต่การถูกยิงที่แขนมันทำให้บาดเจ็บจนไม่อาจหยิบจับอะไรได้นอกจาก...มือนุ่มๆของคุณหนูตัวป่วน  อยากอุ้มขึ้นเรือ...แต่สังขารมันไม่เอื้ออำนวย  อยากปลอบใจ...แต่ก็พูดอะไรหวานๆไม่ค่อยเป็น  และอยากจัดการ...กับคนที่ทำให้ทุกอย่างในเช้านี้มันวุ่นวาย  ไคเลยจำเป็นต้องเชือดไก่ให้ลิงดู  สองขารีบก้าวขึ้นเรือด้วยความระมัดระวังก่อนประคองกายผู้ถูกทำร้ายให้ขึ้นมาพักพิงความเจ็บปวด

     

     

                การเดินทาง...เพื่อกลับไปที่ท่าเรืออาจทำให้ต้องพบเจอกับพวกโจรป่าหรือพวกที่ลักลอบนำแรงงานออกไปขายยังต่างประเทศ  ไคจึงต้องจับคนร้ายที่เหลือมาผูกไว้กับสมอเหล็กและปล่อยให้เรือมันลากไปตามกระแสน้ำเพื่อให้คนอื่นๆได้เห็นว่า...เจ้าของท่าเรือคิมไม่ใช่คนที่ควรจะเข้ามายุ่ง!!!  ถ้าไม่ร้ายก็คงไม่มีชีวิตรอดมาจนป่านนี้  ถ้าไม่เอาจริง...คนที่ตายอาจเป็นตัวเอง  แล้วถ้าไม่ทำเช่นนี้...พวกที่ร้ายกว่าก็อาจลงมืออีกครั้ง

     

                “คะ...คุณชาน  ทำไมไม่ทิ้งเอาไว้ในป่าล่ะ? เดี๋ยวมันก็ขึ้นมาบนเรือหรอก”

     

                “ถ้าขึ้นมาได้ก็ไม่ใช่คนแล้วนะครับคุณแบค”

     

                “ทำแบบนี้จะดีเหรอ?”

     

                “แล้วที่มันทำกับคุณแบคแล้วก็คุณเซฮุนมันดีหรือไง...โดนแบบนี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ”

     

                “ก็ฆ่ามันไปเลยสิ!!

     

                “ก็อยากทำอยู่  แต่ทำแบบที่ไอ้ไคว่า...มันสะใจกว่าเยอะ!!!

     

                ก็ได้ครับคุณชาน...อยากสะใจมากก็เชิญตามสบายเลยครับ  คุณแบคจะถามอีกแล้ว...และจะไม่หันไปมองอีกเด็ดขาด  ถ้าผู้ชายที่ถูกเตะจนสลบยังไม่ตายตอนนี้ก็คงต้องตายภายในสิบนาที  เพราะการถูกมัดไว้กับสมอเหล็กก่อนปล่อยให้จมสู่เบื้องล่างและถูกลากไปกับกระแสน้ำ  มันก็คงไม่มีใครทนได้เกิดห้านาทีแน่นอน  มันเหมือนตายทั้งเป็น  มันคือความโหดร้ายและมันก็เป็นวิถีชีวิตที่แบคฮยอนต้องทำความเข้าใจ...อีกครั้ง

     

    ถ้ามันไม่ตายเราก็ต้องตาย  เพราะฉะนั้น...ช่างแม่งมันเถอะ!!!

     

                “แบค...มึงมาทำแผลก่อน”

     

                “กูไม่เป็นไร  แค่ปากแตกนิดหน่อย  มึงไปดูคุณไคเหอะ...ป่านนี้เลือดออกหมดตัวแล้วมั้ง”

     

                “ไหวแน่นะแบค?”

     

                “มึงรีบไปเหอะน่าาา!

     

                “แน่นะ...กูไปนะ??!

     

                “เอออ!!..”

     

                ทราบดี...ว่าเพื่อนเป็นห่วงหนุ่มผิวเข้มมากแค่ไหน  และถึงแม้การถูกยิงจะโดนเพียงถากๆแต่อาการบาดเจ็บก็ถือว่าหนักอยู่พอสมควรเพราะเลือดที่ไหลออกมามันเยอะจนน่ากังวล  ส่วนเขา...แค่ปากแตกและแก้มก็คงช้ำไปอีกหลายวันก็เท่านั้น  แบคฮยอน...ไม่รู้จะขอบคุณทุกคนอย่างไรให้สมกับสิ่งที่ได้รับ  ทั้งเรื่องการออกเรือ  เรื่องของพืชน้ำ  เรื่องของคุณพ่อและเรื่องที่คุณชานกับคุณไคได้ช่วยชีวิตของพวกเขาเอาไว้  ถ้ามีอะไรที่พอจะทดแทนให้ได้เขาก็ยินดี  ส่วนเรื่องของค่าจ้าง...ก็คงต้องจ่ายเพิ่มจากที่เคยตกลงกันไว้เพราะการออกเรือในครั้งนี้มันเสี่ยงมากจริงๆ

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    แกร็กก!!!

     

                “นอนตรงนี้ก่อนนะ...เดี๋ยวเราทำแผลให้  แล้วตอนนี้เจ็บมากไหม  ไหวหรือเปล่า  ปวดขะ...แขน!

     

                “เซฮุนนนน...”

     

                “ขอโทษ...ไม่พูดแล้วก็ได้  อ๊ะ!!

     

                พาคนเจ็บเข้ามาพักในห้องนอน...และเมื่อประตูปิดลง  ความเป็นห่วงก็พาให้ต้องถามนั่นถามนี่จนถูกเอ่ยเตือน  เซฮุนรีบปิดปากตัวเองก่อนคว้ากล่องยามาทำแผลให้เจ้าของท่าเรือ  แต่...ยังไม่ทันได้หยิบสิ่งใดออกมาจากกล่อง  อ้อมแขนที่เต็มไปด้วยเลือดก็รีบโอบกอดคนพูดมากเอาไว้ด้วยความเป็นห่วงเช่นกัน  และทั้งคู่ก็คงมีความเจ็บที่ต้องรักษา 

     

     

                เขาเจ็บใจ...ที่ปล่อยให้คุณหนูตัวป่วยถูกทำร้าย  เขาเจ็บแขน...จนไม่สามารถปกป้องคนตรงหน้าเอาไว้ได้  และเซฮุนก็คงเจ็บใจที่เกือบถูกยำยี  แล้วก็เจ็บ...ที่ถูกชกเข้าที่ท้อง  ซึ่งตอนนี้มันน่าจะช้ำจนท้องขาวๆกลายเป็นสีเขียว  ภาพทุกภาพมันยังอยู่ในความทรงจำ  เสียงกรีดร้องยังคงก้องอยู่ในโสตประสาท  และเขา...ก็จะไม่มีทางให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นอีก

     

                “ทำแผลก่อนนะ...ถ้าทำแผลเสร็จแล้วจะให้กอด”

     

                พยายามปลอบใจคนถูกถูกยิง...ทั้งๆที่ตัวเองก็ช้ำไปทั้งร่าง  และตอนนี้ก็เริ่มปวดท้องมากขึ้นเรื่อยๆแต่ก็ต้องอดทนเอาไว้เพราะเจ้าของอ้อมกอดคงเจ็บมากกว่าเขาหลายเท่านัก 

     

                “ขอโทษนะเซฮุน...ขอโทษจริงๆ”

     

                ความรู้สึกผิดมากมาย...มันทำให้เจ็บกว่าแผลที่ถูกยิงเสียอีก  ถ้าเขาไม่ปล่อยเซฮุนให้นอนอยู่ในเต็นท์เพียงลำพัง  ถ้าเขาไม่ออกไปดูความปลอดภัยในป่าก็อาจจะปกป้องคุณหนูตัวป่วนได้มากกว่านี้  และถ้าเขาไม่ประมาทก็คงไม่มีทางถูกยิงแน่นอน  แต่.....

     

                “จะขอโทษทำไม  คุณไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย  เราไม่เป็นไรแล้ว...โอเคไหม?”

     

                มันไม่ใช่คำปลอบใจเหมือนเช่นครั้งแรก...และมันก็ไม่ใช่การปลอบใจตัวเองเพราะเซฮุนพูดทุกอย่างไปตามความรู้สึกที่แท้จริง  เขาไม่โทษว่าเรื่องนี้เป็นความผิดของใคร  เขาไม่โทษว่าเหตุที่เกิดขึ้นคือความประมาท  และถ้าจะโทษ...ก็คงต้องโทษพวกที่ตายอยู่ในป่า  แล้วก็คนที่ถูกผูกไว้กับสมอเหล็ก  ตายๆไปซะได้ก็ดี  คนเลวๆแบบนี้จะอยู่ทำไมให้รกโลก  จระเข้เอ๊ยยยย!!...ช่วยลากศพมันไปกินด้วยจ้าาา

     

                “ไหนขอดูท้องหน่อยสิว่าเป็นยังไงบ้าง?”

     

                “ปวดนิดหน่อย  แต่นอนพักเดี๋ยวก็หายแล้ว  คุณนั่นแหละมาทำแผลก่อน  เห็นไหม...เลือดออกเต็มเลย” 

     

                “งั้นทำแผลเสร็จก็นอนพักด้วยกันนะ”

     

                “กะ...ก็ต้องนอนด้วยกันจนกว่าจะกลับถึงท่าเรือไม่ใช่เหรอ  พูดเองลืมเองหรือไง?”

     

                “หึ!!...”

     

                ใช่ว่าไม่ห่วง...รอยช้ำขนาดใหญ่บนหน้าท้องของเซฮุน  แต่แผลที่เกิดจากการถูกยิงมันต้องได้รับการรักษาก่อนที่เลือดจะไหลหมดตัวหรืออาจติดเชื้อจนพาลให้ไข้ขึ้น  และถ้าไม่ติดว่าบาดเจ็บ...หนุ่มผิวเข้มคงจับตัวป่วนที่แสนน่ารักกินแทนมื้อเช้า  ขนาดปวดท้องยังอดทนทำแผลให้เขาอยู่นานสองนาน  ขนาดร่างกายมีแต่รอยช้ำและรอยบาดจากใบไม้ใบหญ้าก็ยังพูดจาได้น่าฟัง  แล้วแบบนี้...จะไม่ให้ไอ้ไคหลงได้ไงวะ???! 

     

                “จะใส่ยาแล้วนะ  มันแสบนะ...อดทนไว้  ฮึบบบ!!

     

                “เห็นผมเป็นเด็กสามขวบหรือไง  คุณจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ...ผมทนไหว”

     

                “ก็เรากลัวว่าคุณจะแสบหนิ”

     

                “ขนาดคุณทั้งป่วนทั้งแสบผมยังทนได้  แล้วแผลแค่นี้ทำไมผมจะทนไม่ได้ล่ะ...จริงไหม?”

     

                “อย่ามาหลอกด่ากันนะ  เดี๋ยวก็ไม่ทำแผลให้ซะเลย!!

     

                “แต่ทำอย่างอื่นได้ใช่ไหม?”

     

                “ทำอะไร?”

     

    ฟอดดดดด!!!

     

                  >///<)  

     

                มันใช่เวลาไหมเนี่ย...สรุปว่าถูกยิงที่แขนหรือว่าที่หัวกันแน่  สมองถึงได้คิดแต่เรื่องแบบนี้??  เซฮุนรีบยกหลังมือขึ้นมาเช็ดแก้มของตัวเองด้วยความเขินอายก่อนคว้ายาในขวดสีเหลืองมาชุบสำลีแล้วซับลงไปบนบาดแผลอย่างแผ่วเบา  ปากบางสีหวานพ่นลมออกมาเพื่อให้คลายความแสบ  คิ้วโก่งขมวดแน่นเหมือนเป็นคนเจ็บเสียเอง  และการการะทำที่เห็นอยู่ตรงหน้าหรือกิริยาท่าทางที่ฟ้องว่ารู้สึกเช่นไรก็พาให้ปากหยักยกยิ้มได้โดยอัตโนมัติ

     

    ไค...รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะเป็นบ้าเข้าไปทุกที  เพราะไม่ว่าเซฮุนจะทำอะไรมันก็ดูน่ารักไปหมด  เบะปากก็น่ารัก  พูดมากก็น่ารัก  ร้องไห้ก็น่ารัก  น่ารักทุกอย่างงงงงง!!  บ้าแล้ว...กูต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ!!

     

                “เดี๋ยวต้องเช็ดตัวด้วยนะ  คุณจะนอนทั้งที่ตัวเปื้อนเลือดแบบนี้ไม่ได้”

     

                “คุณก็ต้องเช็ดตัวเหมือนกัน  เสื้อผ้าที่ขาดก็ต้องเปลี่ยน  แล้วยาก็ต้องทา...รอยช้ำจะได้จางลงบ้าง”

     

                “ตะ...แต่เราไม่มีเสื้อเปลี่ยนแล้วนะ  ฮึกก!!

     

                “อย่าร้อง...ชู่ววววว”

     

                เหมือนจะห้ามน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่...และที่ตอนแรกเห็นว่ายังไหวก็เพราะมันต้องอดกลั้นเอาไว้  การที่คุณไคถูกยิง  เพื่อนตัวเล็กถูกลากไปทำมิดีมิร้าย  คุณชานก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด  และพอได้ยินคำว่า  “เสื้อขาด”  สติมันจึงขาดไปพร้อมๆกับภาพความโหดร้ายที่ฉายซ้ำๆอยู่ในสมอง  เจ้าของมือเรียว...สั่นไหวเมื่อจับสาบเสื้อขึ้นมาบดบังรอยแดงบนผิวเนื้อ  ใบหน้านวลซีดขาวเมื่อเห็นหน้าท้องมีรอยช้ำขนาดใหญ่  แต่...ทุกความหวาดกลัวก็ถูกปัดเป่าด้วยอ้อมกอดที่แสนอ่อนโยน

     

                “คุณไค...ฮึกก!!

     

                “มันผ่านไปแล้ว  และมันจะไม่เกิดขึ้นอีก...ผมสัญญา”

     

                เข้าใจว่าเสียขวัญ  ทราบดีว่ารู้สึกเช่นไรและไม่ได้มีเจตนาที่จะพูดให้คนอ้อมกอดรู้สึกหวาดกลัว  จากที่คิดแล้วพูดตรงๆ  จากที่เห็นแล้วเอ่ยอย่างชัดเจนหรือจากที่ไม่เคยปลอบใจใคร  ก็คงต้องเริ่มปรับเปลี่ยนนิสัยเสียใหม่เพราะคำพูดบางคำก็อาจทำร้ายจิตใจและอาจทำให้น้ำตามันไหลได้อีกครั้ง

     

                “ขอบคุณนะคุณไค”

     

                “งั้นตอนนี้เรามาเช็ดตัวกันได้แล้ว...เช็ดตัวเสร็จก็นอนพัก  โอเคไหม?”

     

                “คุณต้องกินยาด้วย  จะได้ไม่ปวดผะ...แผล?!!!

     

    ก๊อกกก ๆ ๆ!!!

     

                (เซฮุน...เกิดเรื่องแล้ว!!)

     

                ยังไม่ทันที่จะสิ้นความห่วงใย...และการปลอบใจก็ยังไม่สิ้นสุด  แต่เสียงประตูที่เคาะเพียงแผ่วเบาพร้อมเพื่อนตัวเล็กที่เปิดเข้ามาด้านในก่อนพูดประโยคที่ชวนตกใจก็พาให้เซฮุนต้องรีบลุกออกจากที่นอน  เกิดเรื่อง?  เรื่องอะไร??  มีโจรป่าบุกเข้ามาในเรือเหรอ???  หรือว่ามีใครได้รับบาดเจ็บอีก????  ไม่ใช่เซฮุนคนเดียวที่ตกใจเพราะคนถูกยิงก็รู้สึกตกใจไม่ต่างกัน  ไครับเดินออกมาจากห้องด้วยความรีบร้อน  และ....

     

                “พ่อ??!!!!

     

                เรือหลายลำ...ที่ค่อยๆแล่นเข้ามาใกล้เรือของพวกเขาพร้อมชายสูงอายุที่ยืนอยู่ด้านหน้า  คือสิ่งที่ทำให้แบคฮยอนต้องพูดว่า  “เกิดเรื่อง”  ใช่...มันเกิดเรื่องจริงๆ  เพราะเซฮุนไม่รู้ว่าพ่อตามเขามาถึงที่นี่ได้อย่างไร?  แถมยังเอาเรือติดตามมาตั้งหลายลำ??  แม่น้ำที่กว้าง...มันยังกว้างไม่พอให้เรือของพวกพ่อแล่นเลยได้ด้วยซ้ำ  พ่อต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ  ลูกแค่ออกมาเที่ยว...ทำไมถึงต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่??!!!

     

                “กลับบ้านกับพ่อเดี๋ยวนี้...ไหนบอกว่ามาฮาวาย  แล้วที่เห็นมันคืออะไร?!!

     

                “กะ...ก็ไม่อยากไปฮาวายแล้วไง  ก็เลยมาที่นี่  พ่อนั่นแหละ...มาทำอะไร  กลับไปเลยนะ  ลูกยังสนุกอยู่เลย”

     

                ทั้งเจ้าของท่าเรือและเพื่อนตัวใหญ่...เริ่มรู้สึกว่าสิ่งที่น่ากลัวคงไม่ใช่โจรป่าหรือพวกที่ลักลอบนำแรงงานออกนอกประเทศอีกแล้ว  แต่เป็น...ชายสูงวัยตรงหน้าที่พาเรือเข้ามาในเขตนี้ได้เป็นสิบสิบลำ  แถมยังพาตำรวจมาด้วยอีกต่างหาก  ไม่โดนจับวันนี้ก็คงต้องติดคุกจนหัวหงอกเพราะมีคนตายถูกมัดไว้อยู่ใต้น้ำและสภาพของพวกเขาตอนนี้...ก็ไม่ต่างกับโจรเลยสักนิด

     

                “พ่อสั่งให้กลับบ้านได้ยินไหม!!?  แล้วดูแกซิ...เสื้อผ้าทำไมมันขาดแบบนี้!!!

     

                หนู...ไม่กลับ!!!  แล้วเสื้อผ้าจะขาดก็ช่างมันสิ?  พ่อกลับไปเลยนะ  อย่ามาเบ่งแถวนี้!!

     

                “โอเซฮุนน!!

     

                “โอซือฮุนนน!!!

     

                เออ...ให้มันได้แบบนี้สิวะ  เกิดมาเพิ่งเคยเห็นพ่อลูกเถียงกัน  แล้วการที่คนเป็นลูกแทนตัวเองด้วยคำว่า  “หนู”  แถมยังยืนเท้าเอวต่อปากต่อคำกับผู้ให้กำเนิด  มันก็เป็นสิ่งที่ดูน่ารักไม่ใช่หยอก  อยากหัวเราะให้ดังไปทั่วทั้งแม่น้ำ...แต่เวลานี้มันคงไม่เหมาะ  ไคจึงได้แต่ยืนนิ่งและพยายามเก็บทุกความรู้สึกเอาไว้ให้ได้มากที่สุด

     

                “คุณไค...ออกเรือกันเถอะ  เดี๋ยวพ่อก็กลับไปเองแหละ”

     

                “ไม่ดีมั้งคุณ  พ่อคุณเอาตำรวจมาด้วยนะ...ท้ายเรือมีศพ  ผมอาจถูกจับ!

     

                “ก็ไปปล่อยสมอทิ้งสิ!?”

     

                “เอาจริงดิ่คุณ?!

     

                “อย่าถามมากได้มะ...ไหม!

     

                (เซฮุน...พ่อบอกให้กลับ  //  แล้วมึงก็ปล่อยมือลูกกูเดี๋ยวนี้!!!)

     

                “พ่ออย่ามาว่าคุณไคนะ!!

     

                มีลูกคนเดียวและยังชอบหาเรื่องมาให้...มันจึงปวดหัวแบบนี้  ไอ้เรื่องเรียนเก่งก็ไม่อยากจะอวย  ไอ้เรื่องการงานที่พาให้พ่อได้หน้าในสังคมก็ไม่อยากจะชม  และเวลามันดื้อ...ใครก็เอาไม่อยู่  ก่อนลากกระเป๋าออกจากบ้านก็บอกว่าจะไปเที่ยวฮาวายกับเพื่อนสนิท  แต่สุดท้าย...เส้นสายที่มีก็แจ้งว่าพาสปอร์ตของลูกชายตระกูลโอถูกใช้เข้ามาในประเทศนี้  แล้วววว...จะไม่ให้พ่ออย่างเขาเป็นห่วงได้อย่างไร??!!!  

     

    นี่มันบ้านป่าเมืองเถื่อนชัดๆ  จระเข้ก็เยอะ  สัตว์มีพิษก็เยอะ...ป่านนี้เซฮุนลูกพ่อคงแดงไปทั้งตัวแล้วมั้ง??  ยิ่งแพ้พวกแมลงอยู่ด้วย!!  กลับบ้านกับพ่อเถอะลูกกกกก!!!

     

                “ถ้าไม่อยากให้พ่อว่าเค้า  ลูกก็ต้องกลับบ้านกับพ่อเดี๋ยวนี้!!

     

                “ถ้าอยากให้หนูกลับ...พ่อก็ต้องให้คุณไคไปด้วย  ไปให้หมดนี่เลย  ไม่งั้นหนูก็ไม่กลับ!!

     

                “เออ!!...จะเอาแบบนั้นก็ได้  แต่ยังไงลูกก็ต้องกลับบ้านกับพ่อวันนี้!!

     

                (คุณไค...ไปอยู่กับเราเถอะ)

     

                ใช่ว่าอยากดื้อเพ่งกับคุณพ่อ...แต่จะให้ทิ้งคนที่ช่วยชีวิตตัวเองเอาไว้มันทำไม่ลง  คุณไคเพิ่งถูกยิง  คุณชานต้องขับเรือคนเดียว  แบคฮยอนก็ต้องพักฟื้นร่างกายจนกว่าจะหายดี  ส่วนเขา...ก็มีแต่รอยช้ำเป็นจ้ำไปทั้งตัว  เซฮุนจึงอยากให้ทุกคนได้กลับไปรักษาอาการบาดเจ็บอย่างถูกวิธีหรือได้พบแพทย์เพื่อตรวจอาการในเบื้องต้น

     

                “ใช่ๆ  ๆ...คุณชานกลับไปกับเราเถอะนะ  คุณแบคขอร้องงงง!!

     

                คนถูกอ้อนวอน...เริ่มสองจิตสองใจเพราะตัวเองก็อยากไปให้พ้นๆจากประเทศที่ต้องเอาชีวิตรอดไปวันวัน  แต่จะให้ทิ้งเพื่อนที่ร่วมจมหัวจมท้ายกันมาหลายปี...เห็นทีงานนี้มันต้องคิดหนัก  แบคฮยอนรีบเข้าไปกอดคนตัวใหญ่ด้วยความออดอ้อน  และท่าทีแบบนั้นก็ยิ่งพาให้คุณชานคิดหนักมากขึ้นไปอีก

     

    แต่....!!!!

     

                “ไปไหมวะไอ้ชาน?”

     

                “มึงเอาไงล่ะ?”

     

                “ก็ไปดิ่...จะรออะไร?”

     

                “มันต้องแบบนี้สิวะ!!!

     

                ไค...ก็คิดไม่ต่างไปจากเพื่อนของตัวเองสักเท่าไหร่  และถ้าถามว่าเสียดายท่าเรือคิมหรือเปล่า??...ก็ขอตอบได้เลยว่าไม่!!!  อาจมีบ้างที่คิดถึง  แต่ก็ไม่ถึงขั้นอาลัยอาวรณ์เพราะแม้ท่าเรือแห่งนี้พ่อของคนตัวเล็กจะตั้งใจซื้อไว้ให้เขาทำมาหากิน  แต่...สิ่งที่ไคคิดอยู่เสมอก็คือการตอบแทนผู้มีพระคุณที่เคยสอน  เคยช่วย  เคยผลักดันให้มีทุกอย่างเหมือนคนอื่นๆ  และสิ่งที่จะตอบแทนชายแก่ใจดีผู้นั้นได้ก็คงเป็นการปกป้องลูกชายของท่านตราบเท่าที่ชีวิตยังเหลืออยู่  แต่...คนที่พร้อมจะปกป้องแบคฮยอนก็คงเป็นไอ้คุณชานมากกว่า?!!



    ส่วนคุณหนูตัวป่วนอย่างโอเซฮุน...ก็ต้องถูกกำราบด้วยคุณไคเท่านั้น!!!!!

     

     

     

     

     

     

     




     

      

    END


     

     

     

     

     

     


     

     

     

     

     

    100%

    Cr. ในตอนจบ : Suzy Hazelood

    ***ผลีผลาม  หมายถึง  รีบร้อนเกินไปจนไม่ระวังหรือไม่ดูกาลเทศะ

     

    Talk.

    จบแล้วจ้าาาาาา  \ (^0^) /

    คือออ...มันยิ่งกว่าฟิคไฟลุกในทุกๆเรื่องที่เคยเขียนเลยค่ะ  สมองแล่นมาก...แล่นจนอยากให้เป็นแบบนี้กับเรื่องอื่นบ้าง5555555  (หัวเราะทั้งน้ำตา)

    หวังว่าฟิคเรื่องนี้จะถูกใจนักอ่านนะคะ  และถ้ายังมีข้อผิดพลาดประการใด...เราต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่ง

    ขอบคุณที่ให้โอกาสเราได้สร้างผลงานใหม่ๆอีกครั้งนะคะ  ขอบคุณในกำลังใจ  ขอบคุณคอมเม้นท์  ขอบคุณสำหรับผู้ที่ติดตามกันมาตั้งแต่ต้นจนจบ  และขอบคุณ...นักอ่านที่ติดตามมาตั้งแต่ฟิคเรื่องแรกของเรา  #ดอกไม้ของเจ้านาย  จนถึงเรื่องนี้  ขอบคุณจริงๆค่ะ  ขอบคุณจากใจ

    แล้วพบกันใหม่ที่ฟิค  #ฝากเลี้ยงKH  นะคะ  ^^)

    รัก       

    #ออกเรือKH 

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×