ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จบแล้ว(EXO) Another (Kaihun Ft.Chanbaek)

    ลำดับตอนที่ #4 : ♡4

    • อัปเดตล่าสุด 1 มิ.ย. 64




    4…

     

    Condominium XXX

    08.20 น.

     

                “พี่ชานยอลทานเยอะๆนะครับ”

     

                “ขอบคุณครับน้องแบค”

     

                ในภาชนะเซรามิคของคนเป็นพี่...มีกับข้าวที่ถูกตักให้จนแทบล้นจาน  ทั้งหมูย่าง  ไข่ทอด  ถ้วยซุป  ทุกๆอย่างถูกตักก่อนวางไว้บนข้าวสวยร้อนๆพร้อมรอยยิ้มจากคนตัวเล็ก  ส่วนผู้เป็นน้องก็ยังคงหน้าแดงและต้องก้มต่ำเอาไว้เพราะไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตากับคนที่ทำให้เขาเป็นเช่นนี้  ทราบว่าการถูกหอมแก้มเกิดจากความไม่ได้ตั้งใจ...แต่มันก็ยังเขินอยู่ดี

     

                “ไม่สบายหรือเปล่าเซฮุน?”

     

                และเพราะ...ใบหน้าเรียวสวยที่ก้มต่ำ  ทานอาหารโดยไม่พูดไม่จาหรือเอาแต่ตักนั่นตักนี่เข้าปากก็เป็นสาเหตุให้ชานยอลต้องเอ่ยถาม  มือหนารีบวางช้อนส้อมไว้บนจานข้าวก่อนจับปลายคางของน้องให้หันมาเพื่อจะได้เห็นใบหน้าขาวชัดๆแล้วค่อยวางมือลงบนหน้าผาก  ตัวก็ไม่ร้อน  ปากก็ไม่ซีด  อาหารก็ยังทานได้เป็นปกติ  แต่ทำไม...น้องถึงหน้าแดง????

     

                “ผมสบายดี...”

     

                “แน่ใจนะ?”

     

                “แน่ใจฮะ”

     

                “เป็นอะไรก็รีบบอก...อย่าฝืนตัวเอง  เข้าใจที่พี่พูดไหม?”

     

                “อย่าดุสิฮะ...อายคนอื่นเค้า”

     

                ที่ดุ...ก็เพราะเป็นห่วงและลืมไปเลยว่าตอนนี้เขากับเซฮุนไม่ได้อยู่กันตามลำพัง  แล้วที่น้องหน้าแดงก็ใช่ว่าไม่สบาย  แต่!!ถูกหนุ่มผิวเข้มหอมแก้มต่างหาก  มันยังเขินอยู่เลยนะ!  บรรยากาศในการมื้อเช้าร่วมกับเพื่อนข้างห้องดูจะหม่นลงเล็กน้อยเพราะเสียงทุ้มหนักที่เอ่ยด้วยความเป็นห่วงน้องชายเริ่มทำให้คนเป็นเจ้าห้องเป็นห่วงไปด้วยอีกคน  แต่อีกความรู้สึกหนึ่งก็คือ...ประทับใจ

     

     

                จงอินรู้สึกประทับใจในความเป็นพี่เป็นน้องของคนตรงหน้าเพราะความเป็นห่วงแบบนี้  การออดอ้อนแบบนี้หรือการเอาใจใส่กันแบบนี้มันเคยทำให้เขาเข้าใจผิดและคิดว่าชานยอลกับเซฮุนเป็นแฟนกัน  จงอินอาจเอาความจริงในชีวิตระหว่างเขากับแบคฮยอนมาเป็นตัวตัดสิน  เขากับคนที่นั่งอยู่ข้างๆตอนนี้ไม่ค่อยแสดงความเป็นห่วง  ไม่ค่อยเอ่ยถาม  ไม่ค่อยใส่ใจกันและกันเท่าสองพี่น้องอย่างชานยอลและเซฮุน

     

                “น้องเซฮุนไม่สบายบ่อยหรือครับ?”

     

                พยายาม...ทำให้บรรยากาศในการทานมื้อเช้าร่วมกันดีขึ้น  และถึงมันจะไม่ได้แย่ขนาดนั้น  แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้แขกต้องมารู้สึกอึดอัดใจกับการกระทำที่เผลอตัว  จงอินไม่เคยถือสา  แต่กลับรู้สึกดีด้วยซ้ำเพราะสองพี่น้องคู่นี้ทำให้ความเป็นพี่ชายที่ดูแก่จนเกือบเป็นพ่อเริ่มอยากใส่ใจน้องดื้อๆแบบแบคฮยอนขึ้นมาบ้าง

     

                “ไม่บ่อยหรอกครับคุณจงอิน...แต่เวลาอากาศเปลี่ยน  เซฮุนจะรู้สึกไม่สบายตัว  แล้วพวกเราก็เพิ่งจะย้ายมาอยู่ที่นี่ด้วย  เซฮุนคงยังปรับตัวไม่ค่อยได้ครับ”

     

                “อ้าววว...แล้วปกติคุณทั้งสองคนอยู่ที่ไหนกันครับ  แล้วทำไมถึงต้องย้าย?”

     

                “ตอนแรกผมกับน้องอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ที่ต่างประเทศครับ...แต่พวกท่านเปลี่ยนที่ทำงานบ่อย  แล้วก็เดินทางบ่อยด้วย  ผมก็เลยขอย้ายมาอยู่ที่นี่เพราะจะได้ไม่กระทบการเรียนของเซฮุน”

     

                “ขอโทษที่ถามเยอะนะครับ...เสียมารยาทจริงๆ”

     

                “ไม่เป็นไรเลยครับ...คุยกันแบบนี้ก็สนุกดี  คุณจงอินอย่าคิดมากนะครับ”

     

                ความอยากเปลี่ยนบรรยากาศ...กลายเป็นการเสียมารยาทโดยไม่ได้ตั้งใจ  แต่ดีที่เด็กหนุ่มตัวโตๆไม่ถือสาหาความ  ไม่อย่างนั้นผู้ใหญ่อย่างจงอินคงถูกถอนหงอก***  ส่วนแบคฮยอนก็ไม่คิดว่าคนสองคนตรงหน้าจะย้ายมาจากที่ไกลๆแบบนั้น  และการมาอยู่เพียงลำพังสองคนพี่น้อง...ก็คงทำให้คิดถึงพ่อแม่น่าดู 

     

                “แล้วย้ายมาอยู่ที่นี่...พี่ชานยอลกับพี่เซฮุนไม่คิดถึงคุณพ่อกับคุณแม่เหรอครับ?”

     

                “คิดถึงครับ...แต่ทำไงได้  แล้วท่านๆก็งานเยอะด้วย”

     

                “ผมถามได้ไหม...ว่าท่านทำงานอะไร  แล้วทำไมต้องเดินทางบ่อย?”

     

                มันดูคล้ายๆคุณพ่อกับคุณแม่ของเขา...เพราะถ้าผู้ปกครองของพี่ชานยอลเดินทางบ่อย  พ่อกับแม่ของแบคฮยอนคงต้องพูดว่า  “อยู่ไม่ติดบ้าน”  ท่านมักจะให้เหตุผลว่าต้องไปทำงาน  แต่ลูกคนเล็กอย่างแบคฮยอนมีหรือจะไม่รู้ว่าพวกท่านไปเที่ยว  ประชุมมีแค่วันเดียว  แต่แพ็คกระเป๋าอย่างกับจะไปออกทริปสักสองเดือนแล้วก็ทิ้งให้เขาอยู่กับคนแก่ๆอย่างพี่จงอิน

     

    น่าเบื่ออออออออ!!!!

     

                “พ่อพี่ทำงานเกี่ยวกับนำเข้าส่งออกรถยนต์...ส่วนคุณแม่เป็นทูตอยู่ประเทศXX

     

                “ว้าววววว...น้องแบคอยากเป็นทูต  น้องแบคต้องทำไงถึงจะได้ทูตบ้างครับ!!?”

     

                ฝันไกล...แต่คงไม่ไกลเกินฝันเพราะแบคฮยอนอยากเป็นทูตจริงๆและพยายามเรียนหนังสือให้เก่ง  ไม่เกเร  ฝึกภาษา  เรียนพิเศษหรือทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองได้เป็นดั่งฝันในสักวัน  แล้วรอยยิ้มของแบคฮยอนพร้อมความกระตือรือร้นที่แสดงออกมาก็ทำให้ทุกคนบนโต๊ะอาหารยิ้มตามได้ไม่ยาก  จงอินไม่ได้เห็นรอยยิ้มแบบนี้บ่อยนักเพราะความเป็นพี่ชายตามสูตรที่เข้มงวดของเขามักจะทำให้น้องหน้าบึ้งเสมอ

     

                “ถ้าว่างเมื่อไหร่พี่จะโทรถามคุณแม่ให้นะครับ?”

     

                “เย้...พี่ชานยอลใจดีจัง!!

     

                คิดไม่ผิด...ที่เชิญสองพี่น้องคู่นี้มาร่วมทานมื้อเช้าด้วยกันเพราะมันมีแต่รอยยิ้ม  มันเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและดูมีความสุขกว่าหลายวันที่ผ่านมา  ถึงแม้บางเรื่องที่พูดคุยสอบถามอาจเป็นการละลาบละล้วงความเป็นส่วนตัวมากเกินไปหน่อย  แต่ขอบเขตของความเป็นคนอื่น  เป็นคนรู้จักหรือเป็นเพื่อนข้างห้องคนใหม่ก็ได้กลายมาเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี

     

                “แล้วน้องเซฮุนเรียนจบหรือยังครับ?”

     

                “ใกล้จบแล้วครับ...เหลือแค่ฝึกงานอย่างเดียว”

     

                “อยากฝึกงานแนวไหนครับ...เพื่อผมพอจะช่วยได้”

     

                จบเรื่องน้องที่อยากเป็นทูต...พี่ชายคนนี้ก็ขอทำความรู้จักเจ้าของแก้มหอมเพิ่มอีกสักหน่อยเพราะการย้ายที่อยู่  ที่เรียนหรือที่ที่ต้องจากมามันค่อนข้างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง  แล้วคุณจงอินผู้กว้างขวางและเป็นถึงเจ้าของสรรพสินค้าชื่อดังมากมายก็มีคอนเนคชั่น (connection) ดีๆอยู่ไม่ใช่น้อย  เขาไม่ได้อยากอวดรวย  ไม่ได้อยากได้หน้า  ไม่ได้อยากเบ่งบารมีที่สะสมมานาน  แต่มันอยากจะทำอะไรสักอย่างที่พอจะช่วยน้องเซฮุนได้บ้าง

     

    และ.......!!!?

     

                “พูดไปเลยครับพี่เซฮุน...คนแก่คนเนี่ยเค้าเป็นถึงเจ้าของห้างXX  เพื่อนเค้าเยอะจะตาย  พี่เซฮุนอยากฝึกงานที่ไหนก็พูดไปเลยครับ”

     

                อยากอวย...หรือจะทำให้พี่อับอายขายหน้ากันแน่  แล้วการยักคิ้วหลิ่วตาแต่ปากยังเคี้ยวอาหารจนเต็มแก้มก็ทำให้สองพี่น้องอย่างเซฮุนกับชานยอลอดหัวเราะไม่ได้  ส่วนคนถูกอวยหรือถูกพูดแดกดันก็ทำได้เพียงส่ายศีรษะอย่างนึกระอาใจก่อนเดินออกไปจากโต๊ะอาหารแล้วกลับมาอีกครั้งพร้อมของหวานอย่างคัพเค้กหลากสี 

     

                “ไม่ต้องเกรงใจนะครับน้องเซฮุน...แต่ถ้าคิดว่ามันเป็นความลับหรือเรื่องส่วนตัวผมต้องขอโทษด้วยจริงๆ”

     

                “ไม่ใช่นะครับ...แต่ผมเกรงใจมากกว่า  แค่คุณจงอินเชิญมาทานมื้อเช้าก็เกรงใจจะแย่แล้วครับ”

     

                “ผมก็บอกไปแล้วว่าไม่ต้องเกรงใจ...”

     

                เป็นเช้าที่มีแต่รอยยิ้มให้กัน...เพราะการที่คุณจงอินยิ้ม  แบคฮยอนยิ้มและพี่ชานยอลก็ยิ้ม  ทุกๆคนที่มีรอยยิ้มมันพาให้สุขใจจนไม่อาจเก็บซ่อนสีหน้าเอาไว้ได้  เซฮุนก้มศีรษะลงเล็กน้อยเมื่อคัพเค้กที่ตกแต่งด้วยครีมสีหวานลายดอกไม้ถูกส่งมาให้พร้อมช้อนขนาดเล็ก  คุณจงอินใจดีเกินไปแล้ว  แถมขนมที่ถูกยื่นมาให้ก็ถูกใจจริงๆเพราะไม่ว่าอะไรก็ตามที่เป็นดอกไม้...เซฮุนก็ชอบทั้งหมด

     

                “ผมอยากฝึกงานที่ Kim Jewelry ครับ  ผมเตรียมเอกสารไว้พร้อมหมดแล้ว  เหลือแค่ไปยื่นให้บริษัทพิจารณาครับ”

     

                เซฮุนบอกแล้ว...ว่าอะไรที่เกี่ยวกับดอกไม้เขาชอบทั้งหมดและยิ่งเป็นเครื่องประดับอย่างสร้อยคอ  สร้อยข้อมือ  แหวนหรือต่างหู  เซฮุนก็ยิ่งชอบ  แล้วบริษัทชื่อดังระดับประเทศอย่าง Kim Jewelry ก็จะผลิตแต่เครื่องประดับที่ออกแบบมาจากดอกไม้เท่านั้น  ในโลกนี้มีดอกไม้ชนิดใด  คิมจิวเวลรี่  ก็จะผลิตออกมาตามคอลเล็คชั่น  ตามฤดูกาล  ตามออร์เดอร์พิเศษของลูกค้า

     

    และ............

     

                “ถ้าเป็นบริษัทนี้ก็ดีเลยสิครับ...เพราะเจ้าของเป็นเพื่อนกับผมเอง  ถ้าวันนี้น้องเซฮุนพร้อมผมก็พาไปได้เลยนะครับ  สบายมาก!

     

                “จริงครับ...พี่เซฮุนไปกับคนแก่ได้เลย  ไปทำงานพรุ่งนี้ก็ยังได้  พี่จุนใจดีมากๆเลยครับ  ผมรับประกัน!!

     

                (........!!!!?)

     

                ถามว่าตกใจหรือไม่...ก็ตอบเลยว่ามากกกกกกก!!!!  คุณจงอินเป็นถึงเจ้าของห้างสรรสินค้า  แล้วพี่จุนที่คนตัวเล็กพูดถึงใช่ คุณจุนมยอน ไหม? เพราะถ้าใช่นั่นหมายถึงเจ้าของบริษัทจิวเวลรี่ชื่อดัง!!  เซฮุนแทบตกเก้าอี้เมื่อได้ยินสองพี่น้องพูดถึงเรื่องการฝึกงานของเขาจนเหมือนมันเป็นเรื่องง่ายๆ  ทำไมทุกอย่างมันดูง่ายขนาดนั้นทั้งๆที่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด  บริษัทใหญ่โตมีชื่อเสียง...จะเข้าจะออก  จะไปฝึกงาน  จะไปสมัครงานมันยากจะตาย  แต่สองพี่น้องคู่นี้ทำอย่างกับจะพาเขาไปร้านสะดวกซื้อ

     

    ฮือออออออ....มันง่ายเกินไปไหม??!!!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ♡ ♡ ♡ ♡

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    Condominium XXX

    แกร๊กกก!!

     

                “พี่ชานยอล...ผมจะทำยังไงดี?!!

     

                ใช่แล้ว...เขาควรทำอย่างไรดี  ตอนนี้มันตื่นเต้นไปหมดเพราะหลังจากกลับมาที่ห้องของตัวเองเมื่อจบมื้ออาหารอันแสนสุข  เซฮุนก็ต้องรีบมาเตรียมตัวเพื่อไปพบคุณจุนมยอนหรือเจ้าของร้านจิวเวลรี่ชื่อดัง  แถมยังต้องไปกับคุณจงอินอีกด้วย  แล้วก่อนจะออกมาจากห้องของคุณจงอิน  เขาก็ยังบอกอีกว่าไม่ต้องแต่งตัวเป็นทางการมากนักเนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุด  แต่!!ใครจะแต่งตัวตามสบายได้เมื่อต้องไปพบเจ้าของบริษัท  ใครจะไม่ตื่นเต้นเมื่อได้เข้าพบเป็นการส่วนตัว  แล้วใครจะไม่ตื่นเต้น...ถ้าไม่ใช่เซฮุนคนนี้!!

     

                “ทำใจให้เย็น...แล้วรีบไปแต่งตัว”

     

                “โอเค...”

     

                “เอกสารเราเก็บไว้ที่ไหน...เดี๋ยวพี่ช่วยเตรียมไว้ให้”

     

                “อยู่ในลิ้นชักตรงโต๊ะหนังสือ  ฮือออออ...พี่ชานยอล!!  ผมตื่นเต้นอะ  มือสั่นไปหมดแล้วววว!

     

                “ก็บอกให้ใจเย็นๆ...มีคุณจงอินไปด้วย  งานนี้คงผ่านฉลุย***

     

                “ตะ...แต่ผมก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่เลยฮะ  มันเหมือนผมใช้เส้นยังไงไม่รู้...คนอื่นเค้าอุตส่าห์สู้แทบตาย”

     

                “คิดว่าคนอย่างเจ้าของบริษัทจะรับเราเพราะเป็นเพื่อนกับคุณจงอินเหรอ  ผลการเรียนเป็นยังไงมั่งเค้าต้องตรวจสอบก่อนอยู่แล้ว...ถ้ารับแต่เด็กเส้นบริษัทคงไม่โตมาขนาดนี้หรอก  มันต้องเก่งจริงๆ...พี่ว่าคุณจุนอะไรนั่นก็ต้องมองคนออก”

     

                “ก็จริงเนอะ  ขอบคุณนะฮะพี่ชานยอล...ผมรักพี่ชานยอลที่สุดเลย”

     

                “รีบไปแต่งตัวได้แล้ว...เดี๋ยวคุณจงอินมารอมันจะเสียมารยาท”

     

                บอกคุณพ่อว่าอย่าใช้เส้นสาย...แต่สุดท้ายก็ยิ่งกว่าการใช้เส้นเพราะมีคุณจงอินคอยช่วยอยู่เบื้องหลัง  เซฮุนไม่ชอบวิธีสักเท่าไหร่  เขาอยากสู้  อยากทำตามระบบ  อยากเข้าไปยื่นเอกสารต่างๆด้วยตัวเองหรือทำเหมือนกับคนอื่นๆ  แต่ตอนนี้มันคงเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว  คนเป็นน้องปล่อยอ้อมกอดจากพี่ชายตัวโตแล้วรีบวิ่งเข้าไปเปลี่ยนเครื่องแต่งกายด้วยความรวดเร็ว  ประตูไม้สีขาวถูกเปิดออกก่อนดวงตาคู่สวยจะกวาดมองเพื่อหาเสื้อผ้าที่ดูสุภาพ...และการใส่สูทผูกไทด์ก็น่าจะสุภาพที่สุดแล้ว

     

                “พี่ชานยอล...ผมดูดียัง?”

     

                “อื้มม...ดีๆ!

     

                “แล้วงานพี่ชานยอลละฮะ...ตกลงจะเข้าบริษัทวันไหน?”

     

                “คงเป็นอาทิตย์หน้า...แต่พี่ก็เตรียมตัวไว้แล้ว  เราไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”

     

                “หวงสิ...พี่ชายผมทั้งคนนะฮะ”

     

                “จะอ้อนอะไรอีก...เดี๋ยวเสื้อก็ยับจนได้”

     

                แต่งตัวเรียบร้อย...ให้พี่ชายช่วยตรวจสอบเรียบร้อย  แต่คนเป็นน้องก็อดเป็นห่วงชานยอลไม่ได้เพราะงานที่เคยทำเป็นประจำก็ต้องย้ายสาขามาอยู่ที่นี่  แล้วพี่ของเขาจะเหงาไหม?  งานก็ใหม่  เพื่อนก็คงต้องใหม่เหมือนกัน  แล้วไหนจะลูกน้อง  ลูกค้าหรืออะไรใหม่ๆจากสถานที่ใหม่ๆนั่นอีก  มีสารพัดสิ่งที่พี่ชายของเขาต้องพบต้องเจอ...อ้อมแขนน้อยๆจึงรีบโอบกอดคนตัวโตกว่าเอาไว้อย่างนึกเป็นห่วงเป็นใย

     

                “ป่าวอ้อนสักหน่อย...ผมแค่เป็นห่วงเฉยๆ”

     

                “ไม่ต้องห่วงน้าาาา...งานที่สาขานี้พี่เคยบินมาดูงานบ้างแล้ว  เราสบายใจได้...มันไม่มีปัญหาอะไรหรอก”

     

                “แล้วถ้าต่างคนต่างงานเยอะ...ผมก็อดเจอพี่ชานยอลล่ะสิ  ไม่ดีเลยฮะ”

     

                “งอแงอีกแล้ว...จะฝึกงานผ่านไหมเนี่ย?”

     

                “ฮืออออออออ....”

     

                ไม่ชอบเลย....เซฮุนไม่ชอบเวลาที่เราสองคนพี่น้องงานเยอะ  เขาจำได้และถึงแม้จะไม่บ่อย แต่เวลาที่พี่ชานยอลติดงานหรือต้องบินไปต่างประเทศเพื่อประชุม  เขาก็ต้องเหงาอยู่คนเดียวในบ้าน  ไปเรียนก็ไม่มีใครไปส่ง  เลิกเรียนก็ต้องกลับเอง  ตกเย็นก็ต้องทานข้าวคนเดียวอีก  แล้วถ้าตอนนี้เขาได้ฝึกงาน  พี่ชานยอลก็ต้องเริ่มไปทำงานที่ใหม่...ความงานยุ่ง  ความงานเยอะหรือความงานยังไม่เสร็จก็คงทำให้เราเจอกันน้อยลงใช่ไหม???

     

    ♪♫..♪♫♪..♫♪!!!

     

                “นั่นไง...มัวแต่งอแง  คุณจงอินมาตามแล้วมั้ง??”

     

                เสียงกริ่งหน้าห้อง...ทำให้คนเป็นน้องต้องยอมละจากการอ้อนพี่ชาย  มือบางรีบคว้าเอกสารบนโต๊ะมาถือไว้ก่อนเดินไปกดอินเตอร์คอมเพื่อความแน่ใจว่าคนที่ยืนอยู่ด้านนอกคือหนุ่มผิวเข้ม  และเมื่อมั่นใจก็รีบเปิดประตูห้องทันที

     

    แต่.....!!!?

     

                “เอ่อออ...คุณจงอิน?”

     

                “โอ้โห...แต่งตัวพร้อมทำงานเลยนะครับน้องเซฮุน”

     

                เหมือนถูกแซว...เพราะคนตรงหน้าอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ที่ดูสบายๆ  ส่วนเขาใส่สูทผูกไทด์สวมรองเท้าหนังและในมือก็พร้อมไปด้วยเอกสารมากมาย  สรุปแล้ว...เขาผิดหรือคุณจงอินชิลเกินไป??  เซฮุนทำได้เพียงยืนนิ่ง  ก้มหน้าและถือเอกสารด้วยสองมืออย่างนึกเขินกับสภาพการแต่งตัวของเราทั้งคู่  ส่วนคุณจงอินก็คงได้แต่ยิ้ม  ยิ้ม....แล้วก็ยิ้มให้กับแก้มแดงๆของคนตัวขาว

     

                “ขอบคุณคุณจงอินอีกครั้งนะครับ...แล้วก็ฝากน้องผมด้วย”

     

                “คุณชานยอลไม่ต้องห่วงนะครับ...ผมจะดูแลน้องเซฮุนอย่างเต็มที่และยินดีมากๆ”

     

                (ถ้างั้นก็สลับกันดูแลนะครับ...วันนี้คนแก่จะดูแลพี่เซฮุนเอง  ส่วนพี่ชานยอลก็ต้องดูแลน้องแบค  โอเคไหมครับ?)

     

                ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก...แต่ก็สามารถเรียกรอยยิ้มให้คนตัวโตได้เป็นอย่างดี  ใบหน้าจิ้มลิ้มที่โผล่มาด้านหลังของพี่ชายพร้อมข้อตกลงที่แสนทะเล้นมันทำให้ชานยอลต้องส่ายศีรษะก่อนมุมปากจะยกยิ้มให้กับความแก่นแก้วที่เหมือนว่าจะไม่มีวันจบสิ้น  ชานยอลไม่เคยถือสา...เพราะคิดว่าแบคฮยอนยังเด็กและการที่คุณจงอินช่วยให้น้องของเขาได้ฝึกงานในที่ที่ต้องการ...เขาก็ยอมแลกได้ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเป็นเรื่องอะไร  แล้วการดูแลเด็กตัวเล็กๆมันก็คงไม่ยากเท่าไหร่หรอกมั้ง??

     

                “ผมไปก่อนนะฮะพี่ชานยอล...บ๊ายยย!

     

                “อื้มมม...โชคดี”

     

                “แล้วก็อย่าแกล้งน้องเค้าล่ะ”

     

                (ใครจะแกล้งใครกันแน่)

     

                คำตอบสุดท้ายของพี่ชาย...คงทำได้แค่พูดในใจและต้องโบกมือลาคนเป็นน้องก่อนเชิญให้คนตัวเล็กเข้ามาในห้อง  ใช่ว่าชานยอลไม่อยากไปให้กำลังใจเซฮุนด้วยตัวเอง  แต่น้องโตแล้ว...และเขาก็ไม่สามารถทำทุกสิ่งได้เหมือนใจคิด  แล้วอีกอย่าง...เซฮุนมีคุณจงอินไปด้วย  งานนี้คงไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น  เขาดีใจที่ได้เพื่อนใหม่ที่แสนดี  แถมยังเข้าอกเข้าใจความเป็นพี่น้องโดยที่ไม่ต้องอธิบายคำใดให้มากความ

     

    คุณจงอินห่วงน้องแบคเช่นไร...เขาก็ห่วงเซฮุนไม่ต่างกัน!

     

                ทางด้านของพี่ชานยอล...อาจต้องสู้รบปรบมือกับเด็กอายุสิบแปด   ส่วนน้องอย่างเขาก็ต้องมาสู้รบกับสายตาคมที่ชอบจ้องมาอย่างมีความหมาย  ภายในลิฟท์ตัวเดิมมันเหมือนจะร้อนเช่นเดิม  จำนวนเก้าชั้นของตึกนี้ก็ดูเหมือนจะเนินนานกว่าจะลงมาถึงชั้นที่หนึ่ง  เซฮุนยืนนิ่งอยู่ที่ฝั่งซ้าย  คุณจงอินยืนท่าทางสบายๆอยู่อีกฝั่ง  แต่รอยยิ้มแบบนั้นพร้อมสายตาแบบนั้น...มันคล้ายว่าจะทำให้เซฮุนไม่ค่อยสบาย

     

                “น้องเซฮุนครับ  เอกสารนั่น...ให้ผมช่วยถือไหมครับ?”

     

                “มะ...ไม่เป็นไรครับ  ขอบคุณมากครับ  แล้ววันนี้บริษัทของคุณจุนมยอนเปิดด้วยเหรอครับ?”

     

                “ผมไม่ได้จะพาน้องเซฮุนไปที่บริษัทสักหน่อย”

     

                “นี่คุณจงอินแกล้งผมเหรอครับ?”

     

                ตอนแรกก็รู้สึกดี...แต่ตอนนี้เริ่มโกรธแล้วสิ!?  และไม่รู้ว่าควรโกรธตัวเองดีหรือไม่ที่ไม่ยอมถามทุกอย่างมาให้ละเอียด  จะไปไหน  ที่ใด  อะไร  ยังไง  เซฮุนไม่ได้ถามคุณจงอินเลยสักนิดเพราะมัวแต่ดีใจที่จะได้ไปฝึกงานกับบริษัทที่ตัวเองชื่นชอบ  ใบหน้าเรียวสวยเริ่มบึ้งตึง  สองมือกอดเอกสารปึกใหญ่ไว้แนบอก  ดวงตาคู่สวยก็สบจ้องคนตรงหน้าเหมือนอยากเอาเรื่อง  และ.......

     

                “ผมไม่ได้แกล้งนะครับ...วันนี้บริษัทปิดทำการ  แต่ห้องไอ้จุนมันอยู่ตึกฝั่งตรงข้ามเรานี่เอง  น้องเซฮุนอย่าโกรธผมเลยนะครับ  ผมไม่ได้ตั้งใจจะหลอก  แต่ถ้าบอกว่าจะไปที่ไหน...น้องเซฮุนก็จะเกรงใจผมอีก”

     

                เวลาโกรธแล้วหน้าแดง  เวลาเขินก็หน้าแดง...คนอะไรจะน่ารักไปทุกการกระทำ  คุณจงอินอดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นเซฮุนแสดงอาการออกมาเช่นนั้น  ยอมรับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันน่าโกรธ...แต่เขาก็ไม่ได้มีเจตนาร้าย  บอกว่าจะช่วยก็จะช่วยจนกว่าน้องเซฮุนจะได้สมดั่งที่ตั้งใจ  หรือถ้าอยากได้สิ่งใด...คุณจงอินก็จะหามาให้โดยไม่เกี่ยงงอน  ขอให้บอก  ขอให้พูด  ขอให้เอ่ยปาก  คุณจงอินพร้อมที่จะตามใจทั้งหมด!!!

     

                “ขะ...ขอโทษนะครับ  ผมไม่ได้ตั้งใจ  ก็ผมนึกว่าคุณจงอินจะแกล้ง”

     

                “ไม่เป็นไรครับ...น้องเซฮุนไม่ต้องคิดมาก  ผมเข้าใจ  ออกมาข้างนอกกับคนแปลกหน้าก็ต้องมีบ้างที่คิดแบบนั้น”

     

                “คุณจงอินไม่ใช่คนแปลกหน้าสักหน่อย”

     

                “ถ้าผมไม่ใช่คนแปลกหน้า...แล้วเป็นอะไรครับ?”

     

                “ก็เป็นพี่ชายของน้องแบคไงครับ”

     

                “แล้วเป็นอะไรได้อีกครับ?”

     

                “เป็นเจ้าของห้างXXครับ”

     

                “หึ!!....”

     

                อยากเป็นอะไรอีก...เป็นแฟนกันเลยไหมล่ะ  แล้วใครจะกล้าพูด!!  ตอนนี้เซฮุนยังคงหน้าแดงเช่นเดิม  แต่ไม่ได้เกิดจากความโกรธเหมือนอย่างตอนแรก  แต่มันเกิดจากความเขินอายด้วยเหตุแห่งคำพูดของคนมากอายุ  ถามไปก็ยิ้มไป  ถามไปก็เดินไปและถามไปจนไม่รู้ว่าจะตอบเช่นไรให้ถูกใจคุณจงอิน

     

    เซฮุนก็เลยขอเปลี่ยนเรื่องดีกว่า.... o^_^o)

     

                “เอ่ออ...คุณจุนมยอนอยู่ตึกไหนเหรอครับ?”

     

                “ตึกที่ห้าครับ...แล้วตึกที่เราอยู่รวมถึงทั้งหมดนี้มันก็เป็นเจ้าของ”

     

                “โอ้โห...เรื่องนี้ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยครับ  ตอนพี่ชานยอลตกลงซื้อห้องนั้นก็ไม่ได้ถามอะไรเจ้าของห้องเลย  เห็นห้องสวยถูกใจก็เลยรีบซื้อเอาไว้”

     

                “ผมก็คิดว่าลูกของท่านทูตจะซื้อห้องที่ใหญ่กว่านี้...อย่างตึกนั้นมีห้องที่กว้างกว่า  มีสองชั้นแยกเป็นสัดส่วน...แล้วก็มีสระว่ายน้ำส่วนตัวด้วย”

     

                “ลูกท่านทูตก็คนนะครับ...ไม่ได้สูงส่งมาจากไหน แล้วผมก็ชอบห้องนั้นมากๆ  ขนาดมันกำลังพอดี...ไม่เล็กไม่ใหญ่  ถ้าห้องกว้างกว่านี้หรือมีสองชั้นผมคงทำความสะอาดไม่ไหวหรอกครับ  แล้วคุณจงอินล่ะครับ...ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่??  เป็นถึงเจ้าของห้างตั้งมากมาย...นึกว่าจะอยู่บ้านหลังใหญ่ๆซะอีก?!

     

                ทำไม้ทำมือ...ที่บ่งบอกถึงความใหญ่โตของที่อยู่อาศัยพร้อมทำสีหน้าตื่นเต้นไปด้วย  เอกสารในมือไม่ใช่ปัญหาต่อการแสดงท่าทางเช่นนั้น  และท่าทางเช่นนั้นก็ทำให้คนฟังต้องยิ้มตาม  จงอินอยากขอโทษคนตรงหน้าซ้ำๆเพราะแรกพบที่ร้านอาหารมันพาลให้คิดไปถึงไหนต่อไหน  แต่ตอนนี้...น้องเซฮุนกลับกลายเป็นแค่เด็กคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตปกติธรรมดา  น้องดูเป็นคนง่ายๆ  ไม่อวดเนื้ออวดตัว  มีสัมมาคารวะ  รู้จักกาลเทศะและที่สำคัญก็คือ...เขาเริ่มประทับใจในตัวน้องมากขึ้นเรื่อยๆ

     

                “เจ้าของห้างก็คนเหมือนกันครับ...ไม่ได้สูงส่งมาจากไหน  แล้วคอนโดก็อยู่ใกล้ที่ทำงานด้วย  อีกอย่าง...น้องแบคก็ใกล้จะเข้ามหาลัยแล้ว  อยู่ที่นี่ก็สะดวกทั้งสองฝ่าย”

     

                ออกจากลิฟท์ที่ตึกของตัวเองมาได้สักพัก...ก็เดินมาตามทางที่ปูด้วยหินอ่อนก่อนผ่านสระน้ำที่เป็นส่วนกลางของคอนโดฯสุดหรู  เซฮุนตั้งใจฟังเสียงทุ้มที่คล้ายว่ากำลังจะถูกยอกย้อนมากกว่าการอยากอธิบาย  แต่ก็ให้อภัยกันได้  และเพราะสวนย่อม  ดอกไม้หรือจะบรรยากาศโดยรอบที่ดูร่มรื่นก็พาให้ละสายตาไปไม่ได้

     

     

                สระน้ำขนาดใหญ่...ที่ถูกโอบล้อมด้วยตึกจำนวน 5 ตึก  แต่ละตึกก็ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี  แล้วที่เซฮุนเลือกตึกที่สองก็ด้วยเหตุผลที่ว่ามันพอเหมาะ  ไม่เล็กไม่ใหญ่  มีสองห้องนอน  สามห้องน้ำ   ห้องครัวกับห้องนั่งเล่นก็ไม่กว้างจนเกินไป  แถมยังมีระเบียงด้านนอกให้ออกไปชมวิวของเมืองใหญ่ในยามค่ำคืน  ส่วนตึกอื่นๆหรือห้องอื่นๆมันใหญ่เกินไป  บางห้องมีสองชั้น  มีสระว่ายน้ำ  มีบาร์เครื่องดื่ม  มีห้องทำงานแยกออกไปอีก...ซึ่งเซฮุนไม่ชอบเลยเพราะมันไม่เหมาะกับเขาและพี่ชาย

     

                “แล้วคุณจงอินไม่ต้องโทรหาคุณจุนมยอนก่อนเหรอครับ...ผมเกรงว่าจะเป็นการรบกวน  แล้วก็เกรงว่าคุณจุนจะไม่อยู่?”

     

                “ไม่ต้องห่วงนะครับน้องเซฮุน...วันหยุดไอ้จุนมันไม่ไปไหนหรอกครับ?”

     

                มือหนา...รีบกดลิฟท์ทันทีเมื่อเดินมาถึงตึกที่ 5 และยิ่งใกล้จุดหมายมากเท่าไหร่  เซฮุนก็ยิ่งตื่นเต้นมากเท่านั้นเพราะการยื่นเอกสารเพื่อฝึกงานมันควรผ่านเจ้าหน้าที่อีกมากมายในบริษัทคิมจิลเวลรี่  ไม่ใช่มายื่นต่อหน้าเจ้าของบริษัทแบบนี้  แถมการใส่สูทผูกไทด์ของตัวเองกับการแต่งตัวของคุณจงอินก็ช่างแตกต่างกันเหลือเกิน  หนุ่มผิวเข้มดูจะชิลเป็นพิเศษ  แต่เซฮุน...เหมือนจะเหงื่อออกจนเต็มแผ่นหลังรวมถึงมือที่กำลังถือเอกสารอยู่ด้วย

     

                “เอ่อออ..คุณจงอินครับ  คะ...คืออออ  คุณจุมยอนดุไหมครับ?”

     

                “กลัวเหรอครับน้องเซฮุน?”

     

                “กลัวสิครับ...ก็คุณจุนเป็นถึงเจ้าของบริษัท”

     

                “งั้นเรามาจับมือกันไว้...แบบนี้!!!

     

                “.........?!!!!!!???”

     

                ทั้งตกใจ  ทั้งสงสัย...แล้วก็งงในคราวเดียวกัน  แต่ก็ยอมให้มือหนาจับไว้ก่อนเดินเข้าไปในลิฟท์ตรงหน้า  จะให้สะบัดออกก็กลัวว่าคุณจงอินจะหาว่ารังเกียจ  เจ้าของมือขาวจึงปล่อยเลยตามเลยและตอนนี้ก็ต้องยอมรับว่ามันอุ่นใจขึ้นจริงๆ

     

                “เวลาเจ้าแบคกลัวผีหรือนอนไม่หลับผมก็จะจับมือไว้แบบนี้  น้องเซฮุนไม่ต้องกลัวนะครับ...แล้วก็ไม่ต้องเครียดด้วย  ไอ้จุนมันใจดีจริงๆ”

     

                “ขอบคุณนะครับคุณจงอิน...คุณจงอินก็ใจดีเหมือนกัน”

     

    ในลิฟท์ที่คอนโดฯแห่งนี้...มันจะทำให้เซฮุนหน้าแดงได้ทุกตึกเลยหรือไงนะ!!!?

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ♡ ♡ ♡ ♡

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    100%

    Cr. ภาพในตอนที่สี่ : IG>OOHSEHUN

    ***ถอนหงอก  เป็นสำนวนที่หมายถึง...พูดว่าให้เสียผู้ใหญ่

    ***ฉลุย  หมายถึง  โดยง่าย  โดยสะดวก เช่น...สอบผ่านฉลุย

     

    Talk.

    ตอนที่ 4 แย้วววว ^^)

    ขอบคุณนักอ่านทุกคนมากๆนะคะ

    เลิบบบบ

    #KHanother

    SNAP
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×