ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จบแล้ว (EXO) ฝากเลี้ยง (Kaihun)

    ลำดับตอนที่ #3 : ☺ 3

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.04K
      71
      18 เม.ย. 64



    3.

     

     

    XXX  Condominium

    06.12 น.

     

     

                “อืออ....”

     

                ตื่นตามความเคยชินโดยไม่ต้องตั้งนาฬิกาปลุก  และถึงแม้จะได้นอนเพียงไม่กี่ชั่วโมงแต่ก็ไม่รู้สึกว่าอยากนอนต่อ  วันวันมีอะไรให้ทำตั้งมากมาย  ซึ่งวันนี้ก็อาจมีเรื่องให้ทำมากกว่าหลายเดือนที่ผ่านมา  ตื่นแต่เช้า  อาบน้ำแต่งตัวให้หลาน  เตรียมสารพัดสิ่งสำหรับเด็กวัยเพียงขวบเศษ  เดินทางไปเปิดร้าน  แล้ววันนี้ก็อาจจะมีงานเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งอย่างนั่นก็คือ...เจ้าเพื่อนตัวดำ  รู้สึกดีที่มีคนมาช่วยแบ่งเบาภาระตามที่ได้รับปากเอาไว้  แต่มันจะมาช่วยแบ่งเบาหรือจะมาเป็นภาระก็ต้องคอยดูกันต่อไป

     

     

                ไคเป็นเพื่อนที่ดีข้อนี้เซฮุนทราบอยู่แก่ใจ  แต่ด้วยความบ้านรวย  ความมีฐานะ  ความมีคนใช้มาตั้งแต่เกิด  มันทำให้เพื่อนคนนี้ค่อนข้างเอาแต่ใจในบางครั้ง  แล้วบางเรื่องอย่างพวกการกินการอยู่ก็ต้องดูแลเป็นพิเศษ  เซฮุนเข้าใจดีว่าคนเราถูกเลี้ยงดูมาต่างกัน  และคนที่ไม่รู้จักก็มักจะบอกว่าคิมไคเรื่องมาก  แค่นี้ทำไมทำไม่ได้หรืออีกมากมายที่หลายคนยังตั้งข้อสงสัย  แต่สำหรับเซฮุน...ทุกอย่างเป็นเรื่องที่เข้าใจได้  มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรและไม่ได้รู้สึกรำคาญเลยสักนิด  สิ่งใดช่วยได้ก็ช่วย  อันไหนทำไม่ได้ก็ทำแทนเพราะทุกคนไม่ได้เก่งมาตั้งแต่เกิด  บางคนอาจถนัดเรื่องแบบนี้  อีกคนอาจถนัดอีกอย่าง  เพื่อนย่อมช่วยเพื่อนได้เสมอ...แล้วเพื่อนดีๆอย่างคิมไคก็หาไม่ได้อีกแล้วในชาตินี้

     

     

                กายบาง...บิดซ้ายบิดขวาไล่ความขี้เกียจก่อนลุกออกจากที่นอนด้วยความระมัดระวังเพราะเกรงว่าทุกคนจะตื่น  แต่เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นหลานตัวน้อยนอนอยู่บนอกของเพื่อนผิวเข้ม  รอยยิ้มกว้างก็ผุดขึ้นบนใบหน้าของผู้เป็นน้าได้ในทันที  ทำไมถึงไม่กลัวคนแปลกหน้าเลยนะเจ้าเด็กคนนี้?  ถ้าตื่นมาแล้วรู้ว่าไม่ใช่งุนงุนจะงอแงหรือเปล่า??  แรดเหมือนแม่ไม่มีผิด!!!  แรกๆเป็นความสงสัย...หลังๆเริ่มรู้สึกหมั่นไส้โฮยอนที่คล้ายว่าจะชอบผู้ชายหล่อๆรวยๆเหมือนพี่สาวของเขา

     

    หล่อแล้วไง  รวยแล้วไง...สุดท้ายก็หย่า  หย่าแล้วก็ทิ้งลูกไว้ให้คนอื่นเลี้ยง  เลววววว!!!

     

                ไม่รู้ว่าหลานไปนอนกอดเพื่อนตัวดำตอนไหน...แต่ตอนนี้คนเป็นน้าต้องรีบไปอาบน้ำก่อนที่เด็กน้อยจะตื่น  แถมยังต้องไปเก็บล้างข้าวของในครัวให้เรียบร้อยแล้วค่อยเดินทางไปเปิดร้าน  ขาเรียวเดินฝ่าความมืดภายในห้องด้วยความเคยชินและคว้าทุกสิ่งในตู้เสื้อออกมาอย่างรวดเร็ว  ชั้นใน  กางเกงยีนส์  เสื้อยืด  ตามมาด้วยผ้าเช็ดตัวที่แขวนอยู่บนราวไม้  ทำทุกอย่างเหมือนถูกจับเวลาเพราะการมีเด็กมาให้เลี้ยงมันพาลให้ชีวิตต้องเร่งรีบอยู่เสมอ...และสิบนาทีก็อาบน้ำแต่งตัวเสร็จสรรพ

     

                (อย่าเพิ่งตื่นนะคะโฮยอน  ของุนงุนเตรียมของให้เสร็จก่อน)

     

                บ่นอยู่คนเดียวในใจ...เพราะเมื่ออาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยก็ต้องจัดของให้หลานเพื่อที่จะได้ไปเปิดร้านด้วยกัน  แพมเพิส  7-10  ชิ้น  ผ้าอ้อม  2  ผืน  เสื้อผ้า  1  ชุดเผื่อต้องเปลี่ยน  แล้วที่ขาดไม่ได้ก็คืออาหารสามมื้อที่แช่แข็งอยู่ในตู้เย็น  กระเป๋าเก็บความเย็นถูกหยิบออกมาใส่อาหารทุกมื้อของโฮยอน  ส่วนผลไม้ก็ไม่ต้องเอาไปเนื่องจากที่ร้านมีอยู่แล้ว  และสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ...นม  เมื่อกระเป๋าที่ใส่สารพัดสิ่งของหลานจัดเสร็จเรียบร้อยก็ต้องทำการล้างเครื่องปั่น  มีด  หม้อนึ่งรวมถึงจามชามทุกใบให้สะอาดและเก็บให้เข้าที่เข้าทาง 

     

     

                7.15 น.  เป็นเวลาที่ต้องเดินทางไปเปิดร้านและอย่างช้าที่สุดก็คือเจ็ดโมงครึ่ง  แต่หลานยังไม่มีทีท่าว่าตื่น  ไคก็ยังไม่ตื่นและเขาก็ไม่กล้าปลุก  เซฮุนได้แต่เดินวนเวียนอยู่ปลายเตียงเพราะไม่รู้จะทำเช่นไร  เมื่อคืนโฮยอนนอนดึก  เพื่อนก็เจ็ทแลค...ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่จึงพากันนอนสบายจนใกล้จะเลยเวลาของการเปิดร้าน  ขาเรียวรีบก้าวไปที่โต๊ะทำงานทันทีเมื่อตัดสินใจได้ว่าจะทำบางสิ่งที่ไม่เคยทำ  ก่อนคว้ากระดาษกับปากกามาจดโน๊ตทิ้งไว้ให้เพื่อนสนิท

     

                “เห็นมึงกับหลานกำลังนอนสบายก็เลยไม่อยากปลุก  ถ้าตื่นแล้วฝากอาบน้ำให้โฮยอนด้วยนะ  กูต้องรีบไปเปิดร้าน...ขอบใจนะไค

     

                นำข้อความที่เขียนเสร็จแล้วมาแปะไว้บนหัวเตียง...ก่อนหยิบสัมภาระของเด็กน้อยออกมาจากห้องนอนด้วยความระมัดระวัง  ทิ้งกุญแจสำรองไว้ให้  นั่งสวมรองเท้าด้วยความกังวลใจและปิดแผ่นไม้บานใหญ่อย่างเบามือ  หวังว่าเพื่อนจะไม่โกรธ  หวังว่าโฮยอนจะไม่งอแง  และหวังว่าลูกค้าจะมาใช้บริการที่ร้านเหมือนเช่นทุกวัน

     

     

                มันคงต้องพูดคำเดิมว่า  “การเลี้ยงเด็กไม่ใช่เรื่องง่าย”  เด็กเป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดเดาอะไรได้เลย  บางวันตื่นเช้า  บางวันตื่นสาย  บางคืนก็ร้องไห้จนแทบไม่ได้นอนและในหลายๆครั้งก็ต้องอุ้มไปทำงานทั้งๆที่ยังไม่ได้อาบน้ำ  หลานก็ห่วงร้านก็ห่วง...ซึ่งเรื่องบางเรื่องของหลานอย่างเช่นการอาบน้ำมันรอได้  แต่การเปิดร้านมันต้องตรงเวลาทุกวัน  แล้วการเปิดร้านก็ใช่ว่าจะขายสินค้าได้เลยเพราะมันต้องเตรียมอะไรอีกตั้งมากมาย

     

     

                มีขนมต้องจัดเรียง  มีเมล็ดกาแฟต้องเติมใส่เครื่อง  และกว่าเครื่องทำกาแฟจะพร้อมใช้งานก็ต้องรอ  15-30  นาที  ยิ่งวันไหนตรงกับวันที่ต้องนับสต๊อกหรือสั่งของเข้าร้านก็ยิ่งวุ่นวายมากขึ้นไปอีก  ร้านเปิดแปดโมงปิดสองทุ่ม...แต่กว่าจะได้กลับก็สามทุ่มกว่า  กลับไปก็ใช่ว่าจะได้พักเพราะเงินต้องนับหลานก็ต้องพาเข้านอน  เซฮุนใช้ชีวิตวนเวียนอยู่กับความเหน็ดเหนื่อยแบบนี้มาห้าเดือนกว่าและเขาก็หวังว่าการกลับมาของเพื่อนผิวเข้มจะทำให้ความเหน็ดเหนื่อยมันเบาบางลงไปได้บ้าง

     

     

                ใช่ว่าจะผลักภาระของตัวเองให้คนอื่น...แต่บางครั้งมันก็อยากมีเวลาส่วนตัวสักห้านาทีก็ยังดี  เพราะตั้งแต่พี่สาวทิ้งลูกไว้ให้เลี้ยง  สิ่งที่เคยทำก็ต้องอด  สิ่งที่ควรได้ก็พลาดไปหลายครั้ง  แล้วความฝันที่อยากสานต่ออย่างเช่นการขยายร้านกาแฟให้ใหญ่ขึ้นก็ต้องหยุดชะงัก  ทุกๆอย่างมันไม่เคยมีอะไรได้ดั่งใจอีกเลยนับตั้งแต่มีเด็กคนหนึ่งมาให้ดูแล  หน้าที่ก็ไม่ใช่  ลูกก็ไม่ใช่  เป็นแค่น้าแต่กลับต้องมาทำในสิ่งที่คนเป็นแม่ควรรับผิดชอบ

     

                “เฮ้อออ....”

     

                ถ้าการถอนหายใจมันสามารถเปลี่ยนแปลงเป็นเงินได้  เซฮุนก็คงมีเงินมากพอจะซื้อคอนโดฯได้สักสิบตึก  แต่ในเมื่อสิ่งที่คิดมันเป็นได้แค่เรื่องตลก  ลมหายใจถึงถูกพ่นออกมาซ้ำๆเพื่อระบายความรู้สึก  ชีวิตนี้มันทำได้แค่นั้นจริงๆเพราะบ่นไปก็เหนื่อยเปล่า  พูดไปก็ไม่เกิดประโยชน์  ทุกคนล้วนแต่มีหน้าที่ที่ต้องรับชอบ  แล้วหน้าที่ของเขาตลอดห้าเดือนที่ผ่านมาก็คือการดูแลร้านกาแฟไปพร้อมๆกับการเลี้ยงเด็กหญิงโอ  โฮยอนให้เป็นเด็กดี  เซฮุนอาจไม่ใช่คุณน้าที่ดี...แต่ก็ไม่ได้เลวเหมือนคนที่ทิ้งลูกไปอย่างไร้เยื่อใย

     

    ครืดดดด!!!!

     

                มือบาง...ไขกุญแจประตูบานเลื่อนพร้อมเปิดออกเมื่อเดินทางมาถึงที่ร้าน  และเช้านี้ก็คงจะเป็นวันแรกที่ไม่ต้องเปิดร้านไปพร้อมๆกับการแบกเด็กตัวน้อยไว้บนหลัง  เซฮุนวางสัมภาระทั้งหมดไว้บนเคาน์เตอร์บาร์ก่อนเริ่มวอร์มเครื่องทำกาแฟเป็นอย่างแรก  แล้วต่อด้วยการจัดเรียงขนมในตู้กระจกให้สวยงามน่าซื้อ  ขนมเค้กถูกจัดแยกออกจากพวกแซนวิชหรือโดนัท  เพราะแซนวิชบางชนิดมันมีของคาวอย่างแฮมและเบคอนเป็นส่วนประกอบ  ซึ่งของพวกนี้จึงไม่ควรวางคู่กับขนมหวานที่ทำมาจากครีมสด

     

    เจ้าของร้านกำลังวุ่นอยู่กับการเตรียมสิ่งต่างๆไว้รอลูกค้า...แล้วที่คอนโดฯล่ะ???!

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    08.19 น.

     

    ปึ่กกก!!!

     

                “พี่!..”

     

                “..........”

     

                มือป้อมๆ...ทุบลงบนใบหน้าคมเข้มพร้อมเสียงเรียกเมื่อลืมตาตื่น  กายเล็กขยับยุกยิกก่อนกลิ้งตกจากอกกว้างลงไปบนที่นอนลายยีราฟ  สองขาพยายามยืนโดยไร้ที่จับแต่สุดท้ายก็ล้มหงายหลัง  คุณช้างอยู่ตรงนี้  นมนมไม่มีและงุนงุนก็ไม่อยู่  สายตาของเด็กวัยเพียงขวบเศษมองไปรอบๆตัวเพื่อหาคนเป็นน้าแต่ก็ไม่เจอ  ดีที่ยังมีตุ๊กตาตัวโปรดอยู่ใกล้ๆ  แถมยังมีคนแปลกหน้าที่เริ่มจะคุ้นเคยนอนอยู่ข้างๆ  โฮยอนคลานไปหยิบคุณช้างมากัดหูจนน้ำลายยืดและหวังว่าการเล่นแบบนี้ไปสักพักแล้วงุนงุนก็จะกลับมา

     

    แต่หารู้ไม่...ว่าคนที่เจ้าตัวรอคอยออกไปทำงานตั้งนานแล้ว

     

                เด็กหญิงโอ  โฮยอน...ทำทุกอย่างไปตามเคยชินเพราะหลายครั้งที่ตื่นมาแล้วไม่เจอคุณน้า  นมนมกับคุณช้างก็มักจะอยู่ข้างกายเสมอและพอกินนมหรือเล่นไปสักพักงุนงุนก็จะพาไปเป็ดๆ  แต่วันนี้...มันไม่มีนมนม  ไม่มีงุนงุน  แถมตุ๊กตาตัวโปรดก็เล่นจนเบื่อแล้วสิ!?  โฮยอนคายหูช้างออกจากการกัดแทะก่อนคลานไปหาคนขี้เซาอีกครั้ง  กายหนาเป็นที่ยึดเกาะได้ดีและสองขาน้อยๆก็ปีนขึ้นไปบนอกกว้าง  แต่พละกำลังของเด็กวัยเพียงเท่านี้มันก็มีไม่มากพอจะยึดสิ่งใดให้มั่นคง  จนสุดท้าย...เด็กน้อยก็ล้มไปยังจุดที่ทำให้เพื่อนผิวเข้มของคุณน้าต้องตื่นด้วยความเจ็บจุก

     

                “โอ๊ย...เชี่ยเอ้ยยย!!   ซี้ดด!!!

     

                “ฮึกก!!!  แง............!!!!!!!!!!

     

                หัวทุย...ที่โขกเขากับกล่องดวงใจอย่างแรง  ทำให้ไคทั้งสบถทั้งโวยวายและพลิกกายนอนตะแคงไปตามสัญชาตญาณ  แล้วการทำแบบนั้นก็พาให้เจ้าของหัวทุยรู้สึกตกใจจนร้องไห้งอแง  ตอนนี้ทุกเสียงดังระงมไปทั่วทั้งห้องนอนเพราะคนหนึ่งก็เจ็บจุดสำคัญจนต้องกุมอวัยวะส่วนล่างเอาไว้  และอีกคนก็ไม่มีสิ่งใดหรือใครเป็นที่พึ่งพิงได้เลยสักอย่าง  ไม่มีงุนงุน  ไม่มีนมนม  แถมยังล้มหงายกลิ้งอยู่บนที่นอน

     

    (ฉิบหายยยย!!!)

     

                “โอ๋ๆๆ...โฮยอนไม่ร้องนะครับ  พี่ไคขอโทษษษษ”

     

                “แง......!!

     

                “ชู่ววว...ไม่ร้องนะค้าบบบ”

     

                เป็นมิติใหม่ของการตื่นนอน...แถมเสียงร้องไห้ของเด็กน้อยก็ทำให้ไคจำเป็นต้องละจากความเจ็บปวดทั้งๆที่ยังจุกไม่หายและรีบอุ้มโฮยอนมาปลอบขวัญ  ผ้าอ้อมถูกหยิบมาซับน้ำตาบนแก้มกลม  ก้นที่ตอนนี้แพมเพิสเต็มตุงไปด้วยฉี่ก็ถูกตบเบาๆอย่างที่ทำเมื่อคืน  แล้วโยกกายน้อยๆไปมาเหมือนเป็นกล่อม  ขายาวสมส่วนรีบก้าวออกไปจากที่นอนเมื่อเสียงร้องไห้เริ่มสงบลงเพราะรู้สึกว่าภายในห้องมันเงียบผิดปกติ  ประตูห้องน้ำไม่ได้ปิด...เซฮุนอาจอยู่ในครัวแต่ก็ไม่มี  แล้วห้องนั่งเล่นก็ว่างเปล่า  ไคจะพาโฮยอนไปพบคุณน้าเพื่อหวังว่าเด็กจะรู้สึกดีขึ้น  แต่สิ่งที่คิดกลับไม่เป็นเช่นนั้น...มึงไปไหนวะ???

     

                “งุนงุน  ฮึกก!!...หาย”

     

                เริ่มใจไม่ได้...เพราะโฮยอนร้องหาแต่ผู้เป็นน้า  แล้วเขาก็ไม่เคยรับมือกับเรื่องแบบนี้  ไคเดินกลับมาที่ห้องนอนอีกครั้งก่อนวางเด็กน้อยลงบนเตียง  แต่ยังไม่ทันที่ก้นเด็กจะแตะลงบนความนุ่ม  สายตาก็เหลือบไปเห็นโพสอิทสีแดงพร้อมกับข้อความ  มือหนึ่งก็อุ้มเด็ก...อีกมือก็ถือกระดาษเอาไว้และอ่านจนรู้ว่าเซฮุนหายไปไหนแต่เช้า  เรื่องเปิดร้านยังพอเข้าใจได้ว่ามันสำคัญ  แต่การจะให้คนอย่างเขาอาบน้ำให้โฮยอนคือสิ่งที่ยากจะทำความเข้าใจ

     

                “ไม่ร้องนะครับ  อยู่กับพี่ไคนะค้าบบบ”

     

                “พี่....ฮึกก  ฮึกก!!!

     

    เอาวะ...เพื่อแฟนในอนาคต  สู้!!!!

     

                “โฮยอนครับ...ไปเป็ดๆกันนะครับ?”

     

                “งุนงุน...”

     

                “งุนงุนไปทำงานครับ  วันนี้พี่จะเป็นคนเป็ดๆให้โฮยอน  แล้วเดี๋ยวเราค่อยไปหางุนงุนกัน  โอเคไหม?”

     

                “งุนงุน...เป็ด!!

     

                “งุนงุนไม่เป็ด  ไคไคจะเป็ดให้ครับ”

     

                “งุนงุน....”

     

                “เป็นเด็กดีนะครับ  วันนี้ไม่งุนงุนเนอะ”

     

                “นมนม!!!

     

                “เฮ้อออ...T T

     

                ไม่เอาอะไรสักอย่าง...แต่ดีที่หยุดร้องไห้และตอนนี้เด็กตัวน้อยก็ถูกจับแก้ผ้าก่อนอุ้มเข้าไปในห้องน้ำ  เคยเห็นเซฮุนทำเช่นไรก็ทำเช่นนั้น  ตุ๊กตาเป็ดสีเหลืองยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับโฮยอน  แล้วน้ำก็ต้องไม่ร้อนเกินไปหรือไม่เย็นจนอาจทำให้เป็นไข้  เจลใสพร้อมฟองน้ำนุ่มนิ่มถูกลูบไปบนผิวเด็กอย่างทะนุถนอม  มือหนาประคองกายน้อยๆเอาไว้มั่นแต่ก็ไม่แรงจนเกินริ้ว  แล้วการอาบน้ำให้โฮยอนก็ไม่ยากอย่างที่กังวล

     

                “เสร็จแล้ววว...เราไปแต่งตัวกันดีกว่า”

     

                “พี่...”

     

                “ต้องเรียกว่า...ไคไค”

     

                “พี่!!!

     

                “พี่ไคก็ได้  ไหนลองเรียกดิ...พี่ ไค!!

     

                “........”

     

                “ไม่เรียกก็อย่าเรียก”

     

                อาบน้ำไม่ยาก...แต่ให้เรียกไคไคมันคงยากเกินไป  เจ้าของชื่อจึงไม่อยากบังคับอะไรเด็กอีกแล้ว  และรีบนำครีมมาทาผิวให้โฮยอนก่อนตามด้วยการใส่แพมเพิส  เลี้ยงเด็กมันเหนื่อยแบบนี้นี่เอง  ทั้งการสื่อสาร  การดูแล  การอบรม  ทุกๆอย่างมันต้องใช้ความอดทนรวมถึงความเข้าใจไปพร้อมๆกัน  แล้วเด็กที่อยู่ในวัยกำลังซนอย่างโฮยอนก็ยิ่งต้องดูแลมากเป็นพิเศษ  เพราะปล่อยให้คลาดสายตาไปเพียงชั่วครู่  เด็กก็คลานไปคว้านั่นหยิบนี้มาใส่ปากอย่างรวดเร็ว

     

                “นมนม...หาย!

     

                “นมหมด...ไม่ใช่นมหาย” 

     

                “พี่...นมนม”

     

                “มาใส่เสื้อผ้าก่อนแล้วพี่จะพาไปหางุนงุน”

     

                “นม!!!

     

                ใส่แพมเพิสเรียบร้อยก็เดินไปหยิบเสื้อผ้าเด็กในตู้ไม่กี่วินาที...โฮยอนก็คลานไปคว้าขวดนมมาดูดและดีที่มันเป็นขวดนม  เพราะถ้าเป็นของอย่างอื่นและเกิดอันตราย  ไคก็คงต้องรู้สึกผิดไปชั่วชีวิต  มือหนาหยิบขวดพลาสติกรูปกระต่ายออกมาจากปากเล็กก่อนสวมชุดสีขาวให้โฮยอน  และตอนนี้เด็กน้อยก็ตัวหอมฟุ้ง...ส่วนเขาแม้แต่ฟันก็ยังไมได้แปรง  พี่เลี้ยงมือใหม่จำเป็นต้องใช้ตัวช่วยอย่างเป้อุ้มเด็ก  แล้วพาโฮยอนเข้ามาล้างหน้าแปรงฟันด้วยกัน

     

     

                ไคเริ่มเข้าใจความลำบากของเซฮุนก็ตอนนี้  เพราะขนาดเขาดูแลเด็กเพียงไม่กี่นาทียังรู้สึกเหนื่อยจนอยากนอนพัก  แล้วเพื่อนของเขาที่ต้องเลี้ยงหลานไปด้วยทำงานไปด้วย  แถมยังนอกดึกแทบทุกคืนและต้องตื่นไปเปิดร้านแต่เช้ามันจะเหนื่อยสักแค่ไหน  ไม่เรียกว่า  “เก่ง”  ก็ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาเปรียบ  หน้าที่ก็ไม่ใช่  ลูกของตัวเองก็ไม่ใช่  แต่ต้องมารับผิดชอบและยังทำทุกอย่างได้ดีโดยไม่มีที่ติ  ไคไม่รู้ว่าเซฮุนอดทนมาได้ยังไง  อะไรที่ทำให้เพื่อนสู้มาได้จนถึงวันนี้  สิ่งใดคือกำลังใจที่จะก้าวต่อไปหรือใครที่ทำให้ความวุ่นวายกลายเป็นเรื่องปกติ

     

                (ใคร...???)

     

                คิดไปคิดมาก็รู้สึกสะดุดกับคำคำนี้...เพราะการที่คนคนหนึ่งจะทนต่อความลำบากหรือต้องทนอยู่กับสิ่งที่เกลียดได้โดยไม่นึกชิงชังมันต้องมีใคร  อะไร  สิ่งใดที่ทำให้เกิดกำลังใจ  แล้วถ้าใครที่ว่าคือการมีคนรักที่ไม่ใช่ผู้ชายที่ชื่อคิมไคมันก็คงเจ็บปวดน่าดู  แต่...จะไม่มีทางเป็นแบบนั้นแน่นอนเพราะเพื่อนสนิทที่กำลังเปลี่ยนสถานะมาเป็นแฟนจะทำให้เซฮุนมีความสุขมากกว่าหลายปีที่ผ่านมา  ความฮึกเหิมเกิดขึ้นภายในจิตใจของคนที่อยากจะเปลี่ยนสถานะและต้องรีบแต่งตัวเมื่อล้างหน้าแปรงฟันเรียบร้อย

     

    น้ำไม่ต้องอาบก็ได้...เพราะเมื่อจิตใจมันบริสุทธิ์  ร่างกายก็บริสุทธิ์

     

                “โฮยอน...เราไปหางุนงุนกันดีกว่า”

     

                “งุนงุน...พี่!!!

     

                “เรียกพี่ไคก่อน...ถ้าไม่เรียกอดนมนมนะ  ไม่พาไปหางุนงุนด้วย!

     

                “พี่....!!!

     

                “พี่ - ไค”

     

                “........”

     

                “งั้นลองเรียกแบบนี้....ปะป๊า!!

     

                “..........?”

     

                “พูดก่อน...ปะป๊าาา”

     

                “ปะ....”

     

                “ปะป๊า  ไม่ใช่ปะ....ปะป๊า!

     

                ปะป๊า ^^

     

                “ใช่แล้ววว...ถูกต้อง!!!  ไหนลองเรียกใหม่ดิ๊  นี่ใคร??”

     

                “ปะป๊า...”

     

                Yes!!!!  Let’s  goooooo…!!!!!

     

                ก้าวแรกของความสุขได้เกิดขึ้นแล้ว...ก้าวต่อไปก็คือการเอาคุณน้าของโฮยอนมาเป็นเมีย??  ใจเย็น!!...มาเป็นแฟนให้ได้  มือหนาปิดประตูห้องด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยกำลังของความหวัง  กุญแจสำรองที่เจ้าของห้องทิ้งไว้ให้ถูกเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงก่อนกระชับเด็กน้อยเข้าสู้อ้อมอกและนับจากนี้เขาจะทำหน้าที่ทั้งหมดแทนเพื่อนรัก  คิมไคจะช่วยเลี้ยงหลาน  จะช่วยดูแลร้านกาแฟ  แล้วก็...จะเป็นทุกอย่างให้โอ  เซฮุน

     

     

     

     

     

     

     


     

     

     


     

     


     

     

     

     

     

     

     

     

    Christmas  Café

    09.11 น.

     

    กริ๊งงงง!!!

     

                “สวัสดีครับ  เชิญคะ...ครับ???”

     

                เสียงทักทายลูกค้า...เอ่ยออกมาอย่างตะกุกตะกักเมื่อเห็นหลานสาวเจ้าของร้านอยู่ในอ้อมอกของคนแปลกหน้า  พี่เซฮุนบอกว่าฝากโฮยอนไว้กับเพื่อน  แต่เพื่อนคนนี้เขาไม่เคยเห็นเลยสักครั้งเพราะปกติจะมีแค่พี่อี้ชิง  พี่ชานยอลหรือพี่แบคฮยอนเท่านั้นที่แวะเวียนมาเล่นกับเจ้าตัวน้อยที่ร้านบ่อยๆ  แล้วผู้ชายคนนี้เป็นใคร  เพื่อน?  ญาติ??  และ...............OMG!!!!!!!!  ความสงสัยเกิดขึ้นในจิตใจของพนักงานรอบเช้าอย่างเตนล์ทันทีเมื่อแก้มของพี่เซฮุนถูกประทับรอยด้วยหนุ่มผิวเข้ม

     

    เพื่อน?...หอมแก้ม??  ได้เหรอวะ???

     

                “เชี่ยไค!...มึงทำอะไรเนี่ย?!

     

                “คิดถึง....”

     

                “มึงไปหลังร้านเดี๋ยวนี้เลย”

     

                “ค้าบบบบ”

     

                ยังมาทำหน้าทะเล้นอีก...เป็นบ้าอะไร  อยู่ดีๆก็มาหอมแก้ม  มึงไม่อายลูกค้าก็ควรอายหลานมันบ้าง!!!  เจ้าของร้านที่กำลังวุ่นวายอยู่กับการทำกาแฟรู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นเพื่อนสนิทอุ้มโฮยอนเดินเข้ามาในเคาน์เตอร์  แถมเจ้าตัวน้อยยังหอมฟุ้งจนน่าฟัด  แต่...พอก้มกายเพื่อหวังจะหอมแก้มป่องๆ  ไคกลับส่งจมูกทู่ที่เป็นเอกลักษณ์กดลงมาบนแก้มของเขา  เซฮุนทำได้เพียงแค่ยิ้มเจื่อนๆให้กับลูกค้าเพราะรู้สึกอายก่อนเทเครื่องดื่มแบบปั่นใส่แก้วและวางไว้ที่ปลายบาร์  ส่วนพนักงานรอบเช้าก็ได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจแล้วทำหน้าที่ไปตามปกติ

     

                “เตนล์...พี่ฝากหน้าร้านแป๊บนึงนะ  พี่ไปป้อนข้าวให้โฮยอนก่อน”

     

                “ครับพี่”

     

                “แต่ถ้าลูกค้าเยอะก็เรียกพี่ได้เลยนะไม่ต้องเกรงใจ”

     

                “ตามสบายเลยครับ  ^^

     

                “เตนนนล์....”

     

                ปากตอบว่า  “ครับ...ตามสบายเลยครับ”  แต่สายตากับน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความสงสัยปนหยอกเย้ามันพาลให้เจ้าของร้านต้องรีบเดินเข้าไปด้านหลังเพราะยังรู้สึกอาย  และมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรจะบอกใครในตอนนี้  มันมีความมั่นใจที่เคลือบไปด้วยความสับสน  มีความเชื่อมั่นที่ผสมมากับความสั่นคลอน  แล้วก็มีความหวังที่ยังกลัวว่าจะผิดหวัง...อีกครั้ง??

     

     

                การรอคอยใครสักคนมันช่างแสนเจ็บปวด...และไม่ว่าใครคนนั้นจะเป็นเพื่อน  เป็นญาติหรือเป็นคนรัก  ทุกๆความสัมพันธ์ล้วนนำมาซึ่งความทุกข์ถ้าการรอคอยมันไร้จุดหมาย  เซฮุนหวังเสมอว่าสักวันหนึ่งไคจะกลับมา...และความหวังที่ใกล้จะริบหรี่เต็มทีก็ไม่ได้สูญเปล่า  แถมยังสามารถทดแทนช่วงเวลาที่หายไปได้มากมายเหลือเกิน

     

     

                ส่วนสิ่งที่มั่นใจก็คือ...เขารู้ว่าไคคิดกับเพื่อนคนนี้เช่นไร  แต่ความสับสนก็พาลให้เซฮุนต้องหยุดสถานะไว้เพียงแค่นั้น  แล้วความมั่นใจที่คิดว่าพวกเราจะไม่มีวันทิ้งกันก็ถูกสั่นคลอนด้วยการจากไปโดยไร้การติดต่อ  แถมความเป็นคิมไค...ก็ทำให้โอ  เซฮุนไม่กล้าคิดอะไรไปเองอีกแล้ว  มันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่คิดก็ได้  เราเป็นเพื่อนกันมานาน  เราสนิทกันมาก  ทุกอย่างอาจเป็นเพียงเพราะความคุ้นเคยหรือความคุ้นชินมากกว่า

     

                “งุนงุน...”

     

                “ว่ายังไงคะ...หิวแล้วใช่ไหม?  เดี๋ยวเรามาหม่ำๆกันนะคะ”

     

                “นมนม!

     

                “ไม่นมค่ะ...โฮยอนต้องข้าวก่อนแล้วค่อยกินนมนะคะ”

     

                คุยกับหลานเป็นปกติ...แต่สำหรับเพื่อนผิวเข้มมันไม่อยากแม้แต่จะมองหน้าเพราะความคิดมากมันพาลให้ไม่กล้าสบจ้อง  ใจลึกๆมันรู้สึกขอบคุณที่ไคช่วยดูแลโฮยอนตามที่ได้รับปากเอาไว้  ส่วนเรื่องที่ถูกหอมแก้มก็...ช่างมันเถอะ!  มือบางรีบหยิบอาหารของเด็กน้อยออกมาจากช่องแช่แข็งและทำการอุ่นให้ร้อนด้วยไมโครเวฟ  แต่...กิริยาท่าทาง  สีหน้าแววตารวมถึงเสียงถอนหายใจของคนที่ยังยืนนิ่งอยู่ตรงเครื่องอุ่นอาหารก็ทำให้พี่เลี้ยงคนใหม่อย่างไคอดคิดมากไม่ได้เช่นกัน

     

     

                เซฮุนรู้ใจเขาเช่นไร...คิมไคก็รู้ใจโอเซฮุนเช่นนั้น  เซฮุนชอบอะไรไม่ชอบอะไร  กำลังเครียดหรือกำลังวิตกกับสิ่งไหนเขาก็รู้ดีทุกอย่าง  ขอโทษที่การจากไปทำให้เกิดความสับสน  ขอโทษที่รอยจูบวันนั้นมันทิ้งคำถามเอาไว้มากมาย  แล้วก็ขอโทษที่เมื่อครู่หอมแก้มต่อหน้าลูกค้าและพนักงานในร้าน  ไคอยากสร้างความมั่นใจแต่เหมือนจะเร็วเกินไปหน่อย  เซฮุนจึงไม่ทันได้ตั้งตัว  ไม่ทันเตรียมใจและคงนึกไม่ถึงว่าเพื่อนคนนี้มันอยากเปลี่ยนสถานะ

     

    ติ๊งงง!!!!

     

                เสียงเตือนจากไมโครเวฟ...เหมือนจะเป็นตัวดึงสติให้คนเป็นคนน้าต้องรีบนำอาหารออกมาทำให้อยู่ในอุณหภูมิที่หลานจะทานได้  แต่ความอบอุ่นที่ได้รับจากด้านหลังกลับทำให้อุณหภูมิในร่างกายร้อนกว่าอาหารเช้าของโฮยอน  อ้อมแขนแข็งแรงที่โอบเอวคอดเอาไว้พร้อมการวางใบหน้าคมเข้มไว้บนไหล่มันกำลังทำให้สมองของเซฮุนเริ่มทำงานหนัก  กูเพื่อนมึงนะไค  มึงกอดแน่นไป  มึงอย่าทำแบบนี้กูขอร้อง

     

    แผ่นดินไหว...แต่ตอนนี้โอ  เซฮุนไม่ไหว !!!!

     

                “เซฮุน...มึงโกรธกูเหรอวะ?”

     

                “ปะ...เปล่า”

     

                “แน่ใจ??”

     

                “อื้ม...”


                “กูไม่เชื่อ...ไหนหันหน้ามาดูดิ๊!

     

                จานข้าวลายแครอทสีส้มถูกดึงออกจากมือบางและวางไว้บนไมโครเวฟ  ส่วนใบหน้าที่ก้มจนคางแทบชิดอกก็ถูกเชยคางขึ้นเพื่อสบจ้องดวงตาคู่สวย  เซฮุนพยายามเบนความสนใจไปยังหลานตัวน้อยที่ตอนนี้นอนกลิ้งอยู่บนฟูกเพราะถ้าให้มองคนตรงหน้า...ทุกๆความรู้สึกจะถูกส่งผ่านจนถูกจับได้  แต่การทำเช่นนั้น...ก็ยิ่งทำให้ไคมั่นใจมากขึ้นว่าการจะเปลี่ยนสถานะมันคงไม่ยากเหมือนอย่างที่คิด  เซฮุนแค่กลัวว่าเขาจะจากไป  เซฮุนแค่หวั่นว่าการเปลี่ยนแปลงจะพาให้เจ็บปวด  เซฮุนแค่สับสนว่าสิ่งที่เพื่อนคนนี้กระทำมันหมายความเช่นไร  และ.....

     

    ฟอดดดดด!!!

     

                “ไค!!!...”

     

                “ไปป้อนข้าวโฮยอนก่อน...เดี๋ยวเรื่องของเราค่อยว่ากัน”

     

                “มะ...มึงเอาจริงเหรอวะ?”

     

                “จริง!!...เอาเน้นๆ  แล้วก็เอาแรงๆด้วย”

     

                “มึงพูดเรื่องเหี้ยไรเนี่ย!!!....”

     

                “อยากรู้?”

     

                “ไม่!!

     

                “ไปป้อนข้าวหลานได้แล้ววว...ไป!

     

                ย้ำความมั่นใจให้เซฮุนอีกครั้งด้วยแรงสัมผัสที่แก้มนุ่ม  และต้องรีบคลายวงแขนก่อนที่ความอัดอั้นในหลายปีที่ผ่านมาจะพาลให้เกินเรื่องเกินเลย  ต่างคนต่างรู้กันดีว่ากำลังคิดไร...แล้วคำว่า  “เรื่องของเรา”  มันก็ไม่สามารถคิดไปเป็นอื่นได้  แถมน้ำเสียงที่จริงจังของเพื่อนผิวเข้มก็ทำให้เซฮุนรู้สึกว่าทุกอย่างที่เคยกังวล  เคยคิดมาก  เคยสับสนมันกลายเป็นเรื่องไร้สาระขึ้นมาทันที  ถึงแม้บางประโยคจะเอ่ยหยอกจนน่าถีบ  แต่สายตาคมที่สบจ้องมาอย่างมีความหมายก็สามารถสื่อความในใจได้เป็นอย่างดี

     

    การกระทำเริ่มชัดเจน  ความรู้สึกเริ่มเปลี่ยนแปลง...และสถานะของคำว่า  “เพื่อน”  ก็ใกล้จะถูกแทนที่ด้วยคำว่า  “แฟน”  (หรือเมีย??)

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    13.17 น.

     

                “145 บาทค่ะ...ขอบคุณนะคะ”

     

                ทอนตังค์  ปิดลิ้นชักเครื่องคิดเงินและกล่าวขอบคุณ...ทุกอย่างคือการทำหน้าที่ของไคเพื่อต้อนรับลูกค้า  แต่ที่ต้องพูดคะพูดขาก็เพราะเด็กหญิงโอโฮยอนที่นั่งอยู่ในเป้ด้านหน้ากำลังทำงานเสริมเป็นแคชเชียร์  และการที่เด็กยิ้มจนเห็นเหงือก  หัวเราะเอิ้กอ้ากเสียงดังฟังชัดก่อนตบมือแปะๆหลายครั้งก็พาให้ลูกค้ายิ้มตามไปกับการกระทำของเด็กเพียงขวบเศษ  ส่วนคนที่แบกโฮยอนไว้บนอกมาตั้งแต่เช้าก็ได้ทำสิ่งต่างๆเหมือนอย่างที่ได้รับปากเอาไว้

     

    จะช่วยเลี้ยงหลาน  จะช่วยขายของ...และจะเป็นทุกอย่างให้โอเซฮุน 

     

                “ไค...มึงไปพักบ้างเหอะ  ส่งโฮยอนมาให้กู”

     

                ต้องยอมรับ...และขอบคุณไคที่สามารถช่วยให้ความวุ่นวายในชีวิตดูดีกว่าเมื่อหลานเดือนที่ผ่านมา ทั้งเลี้ยงหลาน  คิดเงิน  เก็บโต๊ะ  ล้างจาน  อุ่นขนม  ต้อนรับลูกค้า  ทุกๆอย่างคือสิ่งที่ไคทำจนเจ้าของร้านอย่างเขารู้สึกเป็นห่วง  เซฮุนไม่แปลกใจเรื่องที่เพื่อนคนนี้สามารถเข้าใจอะไรหลายๆอย่างในร้านได้รวดเร็วเพราะปกติไคเป็นคนที่หัวไวมาก  สมัยยังเรียนหนังสือ...เข้าเรียนบ้างไม่เข้าเรียนบ้างแต่ก็สอบได้ที่หนึ่งเสมอ  ไม่มีวิชาไหนที่มันไม่ได้คะแนนเต็มแถมยังเล่นกีฬาเก่งไม่แพ้ใคร

     

    เก่งจนสาวๆตามมากรี๊ดถึงสนามบอล...หมั่นไส้ :-P

     

                “มึงนั่นแหละไปพัก...”

     

                “ปะป๊า...”

     

                “.........??”

     

                หูไม่ได้แว่ว...แต่มันไม่แน่ใจว่าหลานพูดคำนั้นเพราะตั้งแต่เช้าเจ้าตัวก็ร้องหาแต่นมนมแล้วก็คุณช้าง  และพอจะอุ้มโฮยอนเข้าสู้อ้อมอกแทนเพื่อนผิวเข้ม  เด็กน้อยกลับขืนร่างกายก่อนจับเสื้อของไคเอาไว้แน่นแถมยังเอ่ยคำที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ยิน  โฮยอนไม่เคยเรียกใครเกินกว่าคำว่า  “พี่”  ขนาดเพื่อนๆของเขาหลายคนอย่างอี้ชิง  แบคฮยอน  ชานยอลก็ยังไม่ค่อยเรียกว่าพี่สักเท่าไหร่  แต่ทำไม...เจ้าหลานตัวแสบถึงเรียกไคแบบนั้น?? 

     

                “ว่ายังไงครับคนเก่ง...”

     

                “นมนม...ปะป๊า  นมนม!!

     

                ที่นี่ชัดเลย...และทั้งคำพูดรวมถึงการซบกายน้อยๆลงไปอกกว้างก็หมายความว่าโฮยอนง่วงแล้ว  เฮ้ออ!!!...คำว่าเรื่องของเราก็ยังไม่ได้เคลียร์เพราะวันนี้ลูกค้าค่อนข้างเยอะ  แล้วเมื่อครู่ก็ยังมีเรื่องการเอ่ยสรรพนามใหม่เพิ่มเข้ามาอีก  โอ  เซฮุน...ผู้ที่ยังไม่ได้รับความกระจ่างอะไรเลยสักเรื่องรีบปลดเป้ออกจากเพื่อนผิวเข้มก่อนอุ้มหลานตัวน้อยเข้าไปนอนหลังร้าน  แต่....

     

                “ปะป๊าาาา....ฮึกก!!

     

                “ชู่วววว...ไม่ร้องนะคับเด็กดี  งุนงุนจะพาโฮยอนไปกินนมนมนอนไงครับ”

     

                “ปะป๊า...หาย”

     

                “ไม่หายครับ...ปะป๊าอยู่นี่  แต่ปะป๊าต้องทำงานก่อน”

     

                เออดี...เลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งมาห้าเดือนกว่าแต่เหมือนตอนนี้มันจะไร้ความหมายเพราะโฮยอนไม่ยอมปล่อยมือออกจากเสื้อของไค  แถมยังเรียกด้วยสรรพนามใหม่จนเสียงดังไปทั่วทั้งร้าน  ไอ้เพื่อนเลว...มึงทำกูกลายเป็นคนอื่น  หลานดื้อกับกูก็เพราะมึง  มึงทำให้กูดูแย่  ไอ้บ้าไค!!!!

     

    กริ๊งงงง!!!!

     

                “สวัสดีครับเชิญครับ....”

     

                พนักงานรอบเช้าที่ใกล้ที่จะหมดหน้าที่ในอีกไม่กี่ชั่วโมง...รีบกล่าวทักทายลูกค้าที่เดินเข้ามาด้านในแทนคนที่เหมือนว่ากำลังจะทะเลาะกัน  และเหตุการณ์ที่น่าอึดอัดเมื่อครู่ก็คล้ายว่าจะอึดอัดมากขึ้นไปอีกเมื่อเพื่อนเจ้าของร้านรีบรับออร์เดอร์จากนักศึกษาสาวด้วยรอยยิ้ม  ด้วยความสุภาพและด้วยความไม่รู้ว่าใครกำลังอารมณ์ไม่ดี  เตนล์ได้แต่ยืนนิ่งอยู่ตรงตู้ขายขนมหวานเพราะเรื่องของพี่เซฮุนกับเพื่อน(?)ที่ชื่อคิมไคมันไม่ใช่สิ่งที่เขาควรเข้าไปยุ่ง

     

                “พี่เป็นพนักงานใหม่เหรอคะ...หนูไม่เคยเห็น?”

     

                “ครับ...แล้ววันนี้น้องจะรับอะไรดีครับ?”

     

                “โกโก้ปั่นค่ะ...ไม่เอาวิปครีมนะคะ”

     

                “รับขนมไปทานด้วยไหมครับ...โรลส้มอร่อยนะครับ”

     

                “ค่ะ...เอาโรลส้มด้วยค่ะ  ^-^) ”

     

                เซฮุน...รีบดึงโฮยอนออกมาจากมือของไคแล้วเดินเข้าหลังร้านด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย  ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังหงุดหงิดเรื่องอะไร  เรื่องที่หลานดื้อ?  เรื่องที่ไคไม่ยอมไปพัก??  หรือเรื่องที่ลูกค้าสาวยิ้มให้กับเพื่อนผิวเข้ม???  ความขุ่นมัวมันตีรวนกันอยู่ในอก...และขวดนมรูปกระต่ายน้อยก็ถูกเขย่าจนเหมือนเป็นที่ระบายความรู้สึก  เซฮุนวางขวดนมที่ชงเสร็จแล้วไว้บนที่นอนก่อนอุ้มโฮยอนเข้ามาในห้องน้ำเพื่อล้างก้นและเปลี่ยนแพมเพิส

     

                “ปะป๊า...”

     

                “ปะป๊าคุยกับสาวอยู่ค่ะ!!

     

                “ปะป๊า...หาย”

     

                “หายก็ช่างมันเถอะ...ไปกินนมนอนได้แล้ว”

     

                อยากให้หลานหลับสบาย...คนเป็นน้าจึงต้องเปลี่ยนแพมเพิสก่อนที่มันจะเต็มระหว่างเวลานอน  และเมื่อนมนมพร้อม  คุณช้างพร้อม  เซฮุนก็เริ่มการขับกล่อมด้วยเสียงเพลงที่ฮัมอยู่เป็นประจำ  โฮยอนนอนอยู่ในกระโจมขนาดเล็ก***เพราะหลังร้านมีพื้นที่ไม่มากพอจะนำเตียงขนาดใหญ่แบบที่คอนโดฯมาติดตั้ง  และถึงแม้จะมีคอกกั้นเพื่อความปลอดภัย  แต่เด็กในวัยกำลังหัดเดินก็สามารถปีนออกมาได้อยู่ดี

     

                 “ฮืมม..♪♫...♪♫♪.......ZzzZZzzzzzZ

     

                เสียงการขับกล่อมค่อยๆเงียบลงเมื่อเห็นว่าเด็กน้อยปล่อยขวดนมออกจากปาก...เซฮุนเอนหลังลงบนพื้นและคิดว่าจะพักสายตาสักห้านาทีรวมถึงไม่กล้าทิ้งโฮยอนไว้เพียงลำพังเพราะเกรงว่าหลานยังไม่หลับสนิท  แต่...การพักสายตาหรือความเป็นห่วงหลานกลับถูกแทนที่ด้วยความเพลียจนหลับไปจริงๆ  ความนอนดึกและการตื่นแต่เช้ามาตลอดหลายเดือนมันทำให้ร่างกายของเซฮุนเหมือนถูกปิดสวิตช์

     

    แต่.....

     

                (หึ!!...)

     

                ทุกความเคลื่อนไหว  ทุกการกระทำ  ทุกๆคำพูดที่เซฮุนเอ่ยกับหลานว่า  “ปะป๊าคุยกับสาวอยู่ค่ะ”  “หายก็ช่างก็มันเถอะ”  เป็นสิ่งที่ไคได้ยินและแอบมองอยู่ตลอดเวลา  ไม่ใช่โฮยอนคนเดียวที่ง่วงนอน  ไม่ใช่โฮยอนคนเดียวที่งอแงเพราะผู้เป็นน้าก็งอแงแล้วก็คงง่วงไม่ต่างกัน  นอนก็ดึกตื่นก็เช้า  ลูกค้าก็ต้องต้อนรับและตั้งแต่เก้าโมงจนตอนนี้ก็บ่ายกว่าๆลูกค้าก็ยังไม่น้อยลงเลยสักนิด  ซื้อกลับไปทานบ้าง  นั่งทานที่ร้านบ้าง...ที่นั่งภายในร้านก็ไม่เคยว่างเกินห้านาทีเลยสักครั้ง  แล้วแบบนี้จะไม่ให้เจ้าของร้านเหนื่อยได้อย่างไร

     

     

                ไคกำลังนำแก้วกาแฟและจานขนมเค้กมาล้างในครัว...แต่เสียงบ่นงึมงำกับท่าทางในการกล่อมเด็กของเซฮุนมันทำให้ต้องหยุดฟังหรือแอบมองการกระทำนั้นอย่างตั้งใจ  หวงก็บอก  หงุดหงิดก็ระบายออกมา  และการเขย่าขวดนมแรงๆแบบนั้นเดี๋ยวก็ปวดแขนจนได้  ดื้อเหมือนหลาน  งอแงเหมือนหลาน...แล้วก็น่ารักเหมือนหลาน  เซฮุนเคยรู้ตัวเองบ้างไหมว่าการกระทำบางอย่างมันก็พาลให้เพื่อนคนนี้คิดเข้าข้างตัวเองอยู่บ่อยๆ

     

     

                คิมไคจำได้ดี  จำได้ทุกครั้งและจำได้ทุกการกระทำว่าเพื่อนอย่างโอเซฮุนมันหวงและห่วงเขามากแค่ไหน  ปากก็อ้างว่าไม่อยากให้แม่ของเขาเห็นข่าวลูกชายคุณหญิงคิมมีเดทกับคนที่ไม่คู่ควร  แต่บางคนที่คู่ควรก็ถูกกีดกันจนดูเหมือนว่าไม่อยากให้ใครหน้าไหนมายุ่งกับเขามากกว่า  ถามว่ารำคาญไหม??...ก็ตอบได้เลยว่าไม่!!  ถามว่ารู้สึกเช่นไร...ก็ตอบได้เลยว่ารู้สึกดี  มันไม่ได้อยากเข้าข้างตัวเอง...แต่การกระทำของเพื่อนสนิทมันทำคิดเช่นนั้น  และเซฮุนก็แสดงอาการแบบนี้มาตั้งแต่ตอนเรียนอยู่ชั้นมัธยมจนกระทั่งเข้ามหาวิทยาลัย

     

                “พี่คะ...พี่เป็นเพื่อนสนิทของพี่ไคใช่ไหมคะ  พี่ไคเค้าชอบผู้หญิงแบบไหนเหรอคะ??”

     

              “มันไม่ชอบผู้หญิง...มันบอกว่าน่ารำคาญ!!

     

    เสร็จไปหนึ่ง...

     

              “พี่เซฮุนคะ...วันนี้พี่ไคจะมาที่สนามบอลไหมคะ?”

     

              “ไม่มา”

     

              “งั้นหนูฝากขนมให้พี่ไคด้วยนะคะ”

     

              “มันไม่กินของแบบนี้หรอก...เอาคืนไปเถอะ”

     

    เสร็จไปอีกหนึ่ง....

     

              “พี่ไคคะ...น้ำค่ะ”

     

              “ขอบใจนะ...”

     

    รับไว้เป็นมารยาท...แต่ไม่กล้ากินเพราะดวงตาคู่สวยที่จับจ้องอยู่ข้างสนามบอลมันพาลให้เสียวสันหลัง

     

                นี่ถือว่าน้อย...เพราะมันยังมีอีกเยอะที่เซฮุนทำให้สาวๆไม่กล้าเข้าหาศูนย์หน้าของนักฟุตบอลประจำโรงเรียน  และพอโตขึ้นจนเริ่มเข้ามหาวิทยาลัยเซฮุนก็ยังทำเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน  ไคทราบดีว่าตัวเองเป็นคนค่อนข้างที่จะเรื่องมาก  เพราะถูกปลูกฝังอะไรต่อมิอะไรจากคุณหญิงแม่มาเยอะ  แต่ถึงจะเรื่องมากแค่ไหน  เอาแต่ใจแค่ไหน...เซฮุนก็ไม่เคยเอาเรื่องฐานะหรือชาติตระกูลมาพูดให้รู้สึกแย่  แถมยังดูแลเพื่อนคนนี้ด้วยหัวใจที่แท้จริง

     

     

                มือหนา...เกลี่ยแก้มคนที่รู้ใจ  เข้าใจและรักสุดหัวใจด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความสุข  ปากหยักยกยิ้มเหมือนคนเป็นบ้าเพราะมันไม่มีใครดูแลเขาได้ดีเท่าคนตรงหน้าอีกแล้ว  ขนาดหนีหายไปอยู่อังกฤษตั้งหลายปีก็ยังไม่โกรธกันเลยสักนิด  ไคเอนกายนอนข้างๆเพื่อนรักก่อนวางแขนไว้บนเอวบางและหลับไปทั้งๆที่ยังไม่ได้ล้างสิ่งนำมาวางไว้ในอ่างน้ำเลยสักใบ  ไม่รู้ว่าอาการเจ็ทแลคมันกำเริบหรือว่าความหอมจากคนในอ้อมกอดมันพาลให้หลับสบาย

     

    แต่...คงได้กอดเซฮุนแค่ตอนนี้  เพราะขืนไปกอดมันตอนอื่นมีหวังได้ถูกทุบจนหลังหัก

     

     

     

     

     

     

     

     

     


     


     

     

     

     


     

     

     

     

     

     

    Christmas  Café

    15.29 น.

     

    กริ๊งงงง!!!

     

                “สวัสดี  คะ...ครับ  อ้าว!!พี่โซลาร์

     

                “สวัสดีจ้ะน้องเตนล์  น้องจองอู”

     

                เสียงกระดิ่งหน้าร้าน...และลูกค้าที่เดินเข้ามาด้านใน  ทำให้พนักงานรอบเช้ารอบบ่ายยิ้มกว้างกว่าปกติ  เพราะลูกค้าที่ว่าคือเพื่อนสนิทของพี่เซฮุน  แต่เจ้าตัวไม่ได้มาที่ร้านบ่อยเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ  อาชีพการงานของเธอเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ไม่ค่อยได้มาพบปะเพื่อนฝูง  แต่พอมีเวลาว่างเมื่อไหร่ก็จะรีบมาที่นี่ก่อนเสมอ  เตนล์รีบทำเครื่องดื่มสุดโปรดอย่างนมปั่นให้โซลาร์ทันที  ส่วนจองอูก็หยิบเค้กช็อคโกแลตใส่จานให้อย่างรู้ใจ

     

                “ไม่เจอกันนานเลยครับ  พี่หายไปไหนมา...พวกผมคิดถึง”

     

                “ไปญี่ปุ่นมาจ้ะ  แล้วพี่ก็ซื้อของมาฝากเราสองคนด้วยนะ”

     

                “ขอบคุณครับ!!  //  ขอบคุณครับ”

     

                “แล้วอีฮุนมันไปไหนเนี่ย?  ทำไมปล่อยให้เด็กๆอยู่กันสองคน  แล้วน้องเตนล์ทำไมยังไม่เลิกงานอีก...นี่มันเลยเวลาแล้วไม่ใช่เหรอ?”

     

                ถึงแม้จะไม่ค่อยได้มาที่นี่บ่อยเหมือนเพื่อนคนอื่น  แต่โซลาร์ก็จำได้ว่าบ่ายสามโมงคือเวลาเลิกงานของพนักงานรอบเช้า  ส่วนพนักงานรอบบ่ายจะมาเข้างานก่อนเวลาก็ใช่เรื่องแปลก  แต่ที่แปลกก็คือเจ้าของร้านหายหัวไปไหน??   เซฮุนไม่เคยละเลยต่อหน้าที่  ไม่เคยปล่อยให้ลูกน้องทำงานเพียงลำพังหรือว่า...กำลังป้อนข้าวเจ้าแก้มอ้วน???

     

    แต่....

     

                “คือ...พี่เซฮุนหลับอยู่ครับ”

     

                “อ้าวอีนี่...อู้งานได้ไงวะ?!!

     

                “เดี๋ยวครับพี่โซลาร์  อย่าพะ...เพิ่ง”

     

                ห้ามไม่ทัน...และความใจร้อนของเพื่อนพี่เซฮุนก็ทำให้พนักงานอย่างเตนล์ต้องปล่อยเลยตามเลย  จะวิ่งเข้าไปห้ามถึงหลังร้านก็เกรงว่าจะถูกดุ  จะให้บอกความจริงว่ามีใครอีกคนนอนอยู่ด้านในก็น้ำท่วมปาก  ไปเจอเอาเองแล้วกันพี่โซลาร์...เรื่องนี้ผมเข้าไปยุ่งไม่ได้จริงๆ

     

     

    ...

     

     

    ...

     

    พรึ่บบ!!!

     

                “อีอะ...ฮุน  เชี่ยยย!!!

     

                มู่ลี่ที่กั้นไว้แทนประตูถูกเปิดออกด้วยความแรง  ด้วยความสงสัยและด้วยความคิดถึง  แต่...พอมาเห็นกับตาว่าเกิดอะไรขึ้น  โซลาร์ก็ถึงกับสบถคำหยาบอย่างห้ามเอาไว้ไม่อยู่  อี__อก  แรดมากกกก  ผัวกลับมาแต่ไม่บอกเพื่อนเลยสักคำ  นอนกกนอนกอดกันจนไม่รู้เวล่ำเวลา  แล้วหนูน้อยโฮยอนที่ยังหลับนิ่งอยู่บนที่นอนก็ทำให้โซลาร์จำเป็นต้องเดินออกมาหน้าร้านเช่นเดิมเพราะเกรงว่าจะเป็นรบกวนเวลาพักผ่อนของหลาน

     

    แต่...สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าก็ทำให้ต้องหยิบโทรศัพท์ออกมาเก็บภาพเอาไว้เป็นหลักฐาน

     

                ปิดเสียง  ปิดแฟลต...และปิดหน้าจอเมื่อถ่ายทุกมุมจนพอใจ  แล้วรีบเดินออกมาหน้าร้านเพื่อทำหน้าที่แทนพนักงานรอบเช้าเพราะไม่ต้องการให้เตนล์อยู่เกินเวลาไปมากกว่านี้  โซลาร์รู้สึกเกรงใจเด็กในร้านแทนเพื่อนตัวดี  และการอุ่นขนมหรือการคิดเงินให้กับลูกค้าก็เป็นสิ่งที่พอจะทำได้  ส่วนการทำกาแฟก็คงต้องยอมยกธงขาวเนื่องจากมันยากเกินไป

     

     

                เพื่อนอย่างเธอรู้ดี...ว่าการเกิดมาเป็นโอเซฮุนในช่วงห้าเดือนที่ผ่านมามันเหนื่อยมากแค่ไหน  อะไรที่พอทำได้  อะไรที่พอช่วยไหวก็พร้อมที่จะลงมือทำโดยไม่เกี่ยงงอน  แต่จะงอนก็เพราะอีคนตัวดำมันกลับมาแล้วเพื่อนยังคงปิดปากเงียบ  แถมยังนอนกอดกันจนเลยเวลาของพนักงานในรอบเช้า  แรดกว่าโอเซฮุนไม่มีอีกแล้ว  แรดมากๆ  แรดที่สุด  แรดแบบนี้มันต้องโดนแฉ  มือบางหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดเข้าแอปพลิเคชั่นสีเขียวก่อนแชร์รูปทั้งหมดลงไปในกรุ๊ปของแก๊งร้าน...Christmas  Café

     

    โซลาร์

    แรด 2019




     

    อี้ชิง :

    เฮ้ยย!  มันกลับมาตอนไหนวะ?

     

    C B :

    ชัดเลย!!

     

    โซลาร์ :

    ถ้ากูไม่มาร้านมันวันนี้ก็คงไม่รู้

     

    B C :

    ร้ายมากกกก...ไม่บอกเพื่อนสักคำ

     

              โซลาร์ :

    เย็นนี้ใครว่างรบกวนมาถล่มที่ร้านมันเลยค่ะ

    ประณามมัน  อย่าให้มันมีที่ยืนในสังคม

     

    อี้ชิง :

    เจอกันค่ะ!!

     

    C B :

    ไปแน่  กูจะไปถลกหนังมัน

     

    B C :

    ถลกเลย  กูจะเอาไปทำพรมเช็ดตีน

     

    โซลาร์ :

    แล้วเจอกันนะคะทุกคน ( ;

     

     

                เสร็จจากการแฉรูปและส่งข้อความให้เพื่อนๆทราบเรียบร้อย...เจ้าของโทรศัพท์ก็รีบเก็บเครื่องสื่อสารไว้ในกระเป๋ากางเกงด้วยความสะใจ  มึงตายแน่อีเซฮุน  คนอย่างมึงจะโดนรุมประชาทัณฑ์โทษฐานมีความลับกับเพื่อนอย่างพวกเรา  โซลาร์เริ่มยืนประจำตำแหน่งแคชเชียร์เหมือนเช่นทุกครั้งที่มาที่นี่  ส่วนพนักงานรอบเช้าก็ต้องกลับบ้านทั้งๆที่ยังห่วงงานเพราะจองอูยังทำอะไรไม่ค่อยเป็น  แล้วเจ้าของร้านก็ยังไม่ตื่น

     

                “ผมกลับก่อนนะครับ...สวัสดีครับพี่โซลาร์  แล้วก็ขอบคุณสำหรับของฝากนะครับ”

     

                “ไม่ต้องเป็นห่วงน้าาา  พี่เอาอยู่”

     

                “ขอบคุณครับ”

     

                ตอบกลับไปด้วยความมั่นใจ...เพราะทราบดีว่าลูกค้าช่วงนี้ไม่ค่อยเยอะเหมือนช่วงเช้าหรือช่วงเวลาที่ทุกคนเลิกงาน  และการคิดเงินกับช่วยอุ่นขนมก็เป็นหน้าที่ที่ไม่ยากเลยสักนิด  โซลาร์ยิ้มต้อนรับลูกค้าเมื่อกระดิ่งที่ประตูดังขึ้นพร้อมกับชายวัยกลางคนเดินเข้ามาด้านใน  หูยยยย...หล่ออะ!!  วันนี้จะดื่มอะไรดีคะ  แม่ค้าก็น่ากินขนมก็น่าทาน  กาแฟก็เกรดพรีเมียม(premium)  แล้วคุณลูกค้า...จะรับกาแฟหรือแม่ค้าดีคะ????!

     

    หน้าร้านเหมือนกำลังไปได้สวย...แต่หลังร้านนี่สิ??

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    ...

     

    15.52 น.

     

    ปึ่กก!!

     

    ปั่กก!!

     

    ผัวะ!!

     

                “ทำไมมึงไม่ปลุกกู...หึ!!

     

                “โอ้ยๆ ๆ ๆ...เจ็บๆ  ขอโทษ  ขอโทษ  โอ๊ย!!  พอแล้ว  พอแล้ว”

     

                คิดไว้ไม่มีผิด...เพราะเมื่อเจ้าของกายหอมๆได้สติ  ทั้งหมัดทั้งศอกถูกระดมทุบตามร่างกายจนต้องอ้อนวอนร้องขอชีวิต  ปกติก็นอนด้วยกันบ่อย...แต่ไม่เคยได้กอดแบบนี้เลยสักครั้ง  ใจมันไม่กล้า  เกรงว่าจะคิดลึกและเซฮุนก็ดูจะระวังตัวอยู่ตลอดเวลา  ไคไม่รู้ว่าเพื่อนกำลังหวั่นสิ่งใด  หรือใจมันไม่กล้าเหมือนเขา  แล้วทำไม...หน้ามึงแดงวะ?  โกรธกูมากขนาดนั้นเลยเหรอ???

     

                “แง..........!!!

     

                เสียงโวยวายของคนที่กำลังเขิน...ทำให้เด็กที่นอนหลับอยู่ในกระโจมน้อย***ตกใจตื่น  และเสียงร้องไห้ก็ทำให้คนเป็นน้ารู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำลงไปนั้นมันเกินเหตุไปจริงๆ  เซฮุนรีบอุ้มโฮยอนเข้าสู้อ้อมอกก่อนตบก้นหลานเบาๆเพื่อปลอบขวัญ  ขอโทษนะคะ  งุนงุนไม่ได้ตั้งใจ  ปะป๊าทำให้งุนงุนเป็นแบบนี้  โฮยอนต้องโกรธปะป๊านะคะ  ห้ามโกรธงุนงุนเด็ดขาด

     

                “มึงออกไปดูหน้าร้านเลย...”

     

                “ออกไปด้วยกันดิ...ไหนไหนหลานก็ตื่นแล้ว”

     

                “ตื่นเพราะมึงนั่นแหละ”

     

                (ปะป๊าาา ^^ )

     

                “ว่าไงครับโฮยอน...”

     

                เออดี...ตื่นมาก็ร้องหาแต่เพื่อนผิวเข้ม  น้าคนนี้คงไม่มีความหมายแล้วใช่ไหม  เซฮุนส่งเจ้าตัวน้อยให้ไคอุ้มด้วยความรู้สึกหมั่นไส้และรีบเดินออกไปหน้าร้านก่อนที่พนักงานรอบเช้าจะอยู่เกินเวลาไปมากกว่านี้  นาฬิกาที่แขวนอยู่ผนังทำให้เซฮุนทราบได้ทันทีว่าตอนนี้มันเลยเวลาทำงานของเตนล์มาเกือบชั่วโมง  ซึ่งเจ้าของร้านอย่างเขาก็คงโทษใครไม่ได้นอกจากความเหน็ดเหนื่อยตลอดห้าเดือนที่ผ่านมา  ถ้าไม่เพลียจริงๆก็คงไม่หลับไปนานขนาดนี้  แล้วถ้าร่างกายไม่อ่อนล้าก็คงไม่มีทางทิ้งร้านให้พนักงานดูแลเพียงลำพัง

     

    แต่....

     

                “ขอบคุณมากนะคะ...”

     

                “โซลาร์!!!

     

                “เออกูเอง...อีแรด!

     

                เดินออกมาหน้าร้านได้ไม่กี่ก้าว...เสียงหวานที่เอ่ยขอบคุณลูกค้าและใบหน้าแสบซนของแคชเชียร์ก็ทำให้เซฮุนรู้สึกประหลาดใจ  มึงมาตอนไหนเนี่ย?  มาตั้งแต่เมื่อไหร่??  อย่ามาจิกตาใส่เพื่อนแบบนี้...แล้วกูไปแรดตอนไหน???

     

                “โกรธใครมาอีกล่ะ...แล้วมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”

     

                “โอ  เซฮุน...มึงมีอะไรจะบอกกูไหม?”

     

                เรียกชื่อเต็มขนาดนี้...มึงคงเห็นแล้วสินะว่าใครอยู่หลังร้าน?!  ถึงแม้โซลาร์และเขาจะเรียนอยู่คนละคณะกับเพื่อนตัวดำ  แต่ความสนิทสนมระหว่างเซฮุนกับคิมไคก็ทำให้พวกเราเป็นเพื่อนกันได้ไม่ยาก  และถ้าแม่ปากลำโพงของคณะXXเดินทางมาถึงร้านขนาดนี้  พวกเพื่อนๆในแก๊งคริสต์มาสคาเฟ่ก็คงจะทราบเรื่องกันหมดแล้ว  ปิดร้านเสร็จคงมีกินเลี้ยงต่อแน่ๆเพราะทุกครั้งที่โซลาร์กลับมาจากต่างประเทศเพื่อนๆทุกคนก็มักจะมารวมตัวกันอยู่ที่ร้านจนเกือบรุ่งเช้า

     

                “ก็อย่างที่เห็นนั่นแหละ...”

     

                “แล้วอย่างที่เห็น...มันเป็นแบบที่กูคิดไหมวะ??  เพราะถ้าเป็นแบบที่กูคิด...งั้นก็แสดงว่ามึงกับมัน  โอ๊ยย!

     

                หน้าผากของเพื่อนที่กำลังคิดลึก...ถูกนิ้วดีดจนต้องส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บพร้อมลูบรอยแดงบนผิวเนื้อก่อนทำหน้าทะเล้นอย่างไม่รู้สำนึก  ใจหนึ่งก็รู้สึกหมั่นไส้ความแก่นกะโหลกของโซลาร์  แต่อีกใจก็รู้สึกขอบคุณเพื่อนจอมแสบที่ช่วยดูแลร้านตอนที่เขาหลับ  ขอบคุณนะ (:

     

                “ตกลงมึงมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”

     

                “มาได้สักพักแล่ว  มีของฝากด้วยนะ...อันนี้ของมึง  อันนี้ของโฮยอน”

     

                “ขอบใจ...แต่ทีหลังไม่ต้องซื้อมาก็ได้  เสื้อผ้าหลานกูเต็มตู้ไปหมดแล้ว”

     

                “อย่าขัดใจกูได้ไหมคะ!!

     

                “เออ...งั้นก็ซื้อมาเยอะๆเลย”

     

                “แล้วโฮยอนยังไม่ตื่นเหรอวะ?  กูอยากอะ...อุ้ม!

     

                “นั่นไง...มาพอดี”

     

                ถามไม่ทันขาดคำ...เด็กตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมอกของหนุ่มผิวเข้มก็เดินออกมาหน้าร้าน  ไคแทบไม่ได้สนใจว่ามีใครบางคนกำลังจ้องด้วยสายตาที่แทบจะกลืนกิน  เพราะมัวแต่เล่นกับโฮยอนพร้อมกับช่วยเช็ดโต๊ะที่ลูกค้าเพิ่งลุกออกไปจากร้าน  พ่อของลูกชัดๆ  ทำไมมันหล่อขึ้นวะ  แล้ววว...มึงหายหัวไปไหนมา??  ความยากอุ้มหลานถูกแทนที่ด้วยคนที่ไม่ได้พบหน้ากันมาหลายปี  และเป็นหลายปีที่ทำให้เซฮุนแทบพลิกแผ่นดินเพื่อตามหา

     

     

                โซลาร์จำได้ดี...ว่าการจากไปของไคมันทำให้เพื่อนอย่างเซฮุนเป็นเช่นไร  จากที่พูดเจื้อยแจ้วได้ทั้งวันก็แทบไม่พูดอะไรเลยถ้าไม่จำเป็น  จากที่ร่าเริงสดใสก็กลายเป็นหม่นหมองเพราะไม่ค่อยยิ้มเหมือนเช่นที่เคยเป็น  วันวันเอาแต่จ้องโทรศัพท์หรือถ้ามีเวลาก็จะออกตามหาไคไปเรื่อยๆ  ทำทุกทางเพื่อให้ได้เจอคนที่หายไป  ทำทุกอย่างเพื่อให้ทราบถึงสาเหตุ  แต่ความพยายามทั้งหมดก็สิ้นสุดลงเมื่อรู้ว่าทุกการตามหามานานถึงสองปีคือการคว้าน้ำเหลว***

     

    ดีใจ...ที่ตอนนี้เซฮุนได้เจอกับไคอีกครั้ง  และขอให้ความสุขมันอยู่กับเพื่อนของเขาไปนานๆ

     

                “คิมไค!!!...”

     

                “อ้าววว...โซลาร์!!

     

                “คิดถึงเมียไหมจ้ะ...แล้วกลับมาเมื่อไหร่  หืมม??”

     

                “กลับมาเมื่อวาน...คิดถึงเมียเหมือนกัน”

     

                เรื่องถึงเนื้อถึงตัวคงต้องยกให้โซลาร์...แล้วการเดินเข้าไปกอด เข้าไปทักทาย  เข้าไปเสนอหน้าให้ไคเห็นก็ทำให้เซฮุนต้องส่ายหัวด้วยความเพลียใจ  ส่วนคนถูกกอดก็รู้สึกตกใจที่อยู่ดีๆก็มีคนเข้ามาโอบ  แต่พอเห็นหน้า  เห็นรอยยิ้ม  พร้อมได้ยินสรรพนามที่ใช้เรียกขาน  มันก็ทำให้ทราบได้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้คือใคร  ไม่เจอกันนานแต่ก็ยังแสบเหมือนเดิม  ไอ้ตัวป่วนของแก๊ง 

     

    แปะ!!!!

     

                (ปะป๊า...!!)

     

                “เฮ้ยยย!...โฮยอนเรียกมึงว่าปะป๊าด้วยอะ  นี่กูพลาดอะไรไปวะ!!?”

     

                แรงตบน้อยๆบนแก้มสาก...ทำให้คุณน้าโซลาร์ต้องรีบปล่อยอ้อมกอดจากเพื่อนผิวเข้ม  แถมคำเอ่ยเรียกที่ไม่คิดว่าจะได้ยินก็พาให้รู้สึกประหลาดใจ  ปกติโฮยอนแทบจะไม่พูดหรือเรียกใครแบบนั้น  แล้วคำว่า  “พี่”  ที่มักจะเรียกทุกคนก็ไม่เคยใช้เรียกใครถ้าไม่คุ้นเคย  ขนาดเขาเป็นเพื่อนกับเซฮุนมานาน  เด็กคนนี้ยังไม่เคยเรียก  พี่  เลยสักครั้ง  แต่ทำไมกับไคถึงเรียกกันว่า...ปะป๊า?  มึงมันร้าย  มึงบังคับเด็กให้เรียกแบบนั้นใช่ไหม??  มึงมีแผนอะไร...บอกกูมาซะดีๆ?!!

     

                “พลาดไปเยอะเลยเนอะโฮยอน”

     

                “ปะป๊าาา ^-^)”

     

                “ว่ายังไงคับเด็กดี!!

     

                หมาเลยค่ะงานนี้...น้าโซลาร์ยืนอยู่ทั้งคนแต่ปะป๊ากับหลานตัวน้อยทำเหมือนน้าเป็นธาตุอากาศ  สนิทกันเร็วจริงๆ  สนิทกันเร็วมาก  และถ้าเพื่อนในแก๊งมาเห็นโฮยอนตอนนี้ก็คงจะอดบีบแก้มป่องๆไม่ได้  ส่วนคนที่เห็นทุกอย่างมาตั้งแต่ต้นอย่างเซฮุนก็อดที่จะยิ้มตามไปกับการกระทำของหลานไม่ได้เช่นกัน  ไม่คิดว่าโฮยอนจะติดเพื่อนผิวเข้มมากถึงขนาดนี้  เมื่อเช้าก็นอนกอดกัน  หิวนมก็ร้องหา  เสียใจก็ร้องเรียก  อะไรอะไรก็ปะป๊าไปหมด

     

    แต่...มันก็ดีเหมือนกันเนอะ  เพราะงุนงุนจะได้พักบ้าง

     

     

     

     

     

     

     

     


     

     


     

     

     

     


     

     

     

     

     

     

    100%

    Cr . ภาพในตอนที่ 3 : internetanneleri.com  และMummybebe.com

    ***คว้าน้ำเหลว  หมายถึง  ไม่ได้ผลดั่งหวัง  พลาดหวัง  ไม่ได้อะไรเลย


    ***โซลาร์ (mamamoo)

     



     

    ***กระโจมน้อยหลังร้านกาแฟ

     


     

     


    Talk.

    ครบ100%แล้วค่าาาา

    ขอยอมรับว่ากลัวแต่งฟิคเรื่องนี้ไม่ดี  เพราะพักหลังๆสมองของเรามันหยุดทำงานบ่อยเกินไป  มันเหมือนลืมคำพูดหรือคำบรรยายที่ใช้เขียนนิยายไปเฉยๆ  แบบ...มันว่างเปล่าไปเลย T^T 

    เราต้องขอโทษไว้ล่วงหน้าด้วยนะคะ  ถ้าเราอัพช้าไปบ้างเพราะสมองมันไม่พร้อมจริงๆ (สติไม่ค่อยดี)

    และอยากแจ้งเรื่องคำเขียนอย่าง  คับ  ค้าบบบ  หรือคร้าบบบ  ซึ่งมันเป็นคำที่เราตั้งใจพิมพ์เพื่อแสดงถึงอารมณ์ในการพูดคุยของตัวละคร

    ขอบคุณนักอ่านทุกคนมากๆนะคะ  ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์  ขอบคุณกำลังใจแสนดี  (ไหว้ย่อ)

    รัก

    #ฝากเลี้ยงKH 

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×