คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ☺ 3
3.
XXX Condominium
06.12
น.
“อืออ....”
ตื่นตามความเคยชินโดยไม่ต้องตั้งนาฬิกาปลุก
และถึงแม้จะได้นอนเพียงไม่กี่ชั่วโมงแต่ก็ไม่รู้สึกว่าอยากนอนต่อ วันวันมีอะไรให้ทำตั้งมากมาย ซึ่งวันนี้ก็อาจมีเรื่องให้ทำมากกว่าหลายเดือนที่ผ่านมา ตื่นแต่เช้า
อาบน้ำแต่งตัวให้หลาน
เตรียมสารพัดสิ่งสำหรับเด็กวัยเพียงขวบเศษ
เดินทางไปเปิดร้าน แล้ววันนี้ก็อาจจะมีงานเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งอย่างนั่นก็คือ...เจ้าเพื่อนตัวดำ
รู้สึกดีที่มีคนมาช่วยแบ่งเบาภาระตามที่ได้รับปากเอาไว้ แต่มันจะมาช่วยแบ่งเบาหรือจะมาเป็นภาระก็ต้องคอยดูกันต่อไป
ไคเป็นเพื่อนที่ดีข้อนี้เซฮุนทราบอยู่แก่ใจ แต่ด้วยความบ้านรวย ความมีฐานะ
ความมีคนใช้มาตั้งแต่เกิด
มันทำให้เพื่อนคนนี้ค่อนข้างเอาแต่ใจในบางครั้ง แล้วบางเรื่องอย่างพวกการกินการอยู่ก็ต้องดูแลเป็นพิเศษ เซฮุนเข้าใจดีว่าคนเราถูกเลี้ยงดูมาต่างกัน
และคนที่ไม่รู้จักก็มักจะบอกว่าคิมไคเรื่องมาก
แค่นี้ทำไมทำไม่ได้หรืออีกมากมายที่หลายคนยังตั้งข้อสงสัย แต่สำหรับเซฮุน...ทุกอย่างเป็นเรื่องที่เข้าใจได้
มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรและไม่ได้รู้สึกรำคาญเลยสักนิด สิ่งใดช่วยได้ก็ช่วย อันไหนทำไม่ได้ก็ทำแทนเพราะทุกคนไม่ได้เก่งมาตั้งแต่เกิด บางคนอาจถนัดเรื่องแบบนี้ อีกคนอาจถนัดอีกอย่าง
เพื่อนย่อมช่วยเพื่อนได้เสมอ...แล้วเพื่อนดีๆอย่างคิมไคก็หาไม่ได้อีกแล้วในชาตินี้
กายบาง...บิดซ้ายบิดขวาไล่ความขี้เกียจก่อนลุกออกจากที่นอนด้วยความระมัดระวังเพราะเกรงว่าทุกคนจะตื่น แต่เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นหลานตัวน้อยนอนอยู่บนอกของเพื่อนผิวเข้ม
รอยยิ้มกว้างก็ผุดขึ้นบนใบหน้าของผู้เป็นน้าได้ในทันที ทำไมถึงไม่กลัวคนแปลกหน้าเลยนะเจ้าเด็กคนนี้?
ถ้าตื่นมาแล้วรู้ว่าไม่ใช่งุนงุนจะงอแงหรือเปล่า?? แรดเหมือนแม่ไม่มีผิด!!! แรกๆเป็นความสงสัย...หลังๆเริ่มรู้สึกหมั่นไส้โฮยอนที่คล้ายว่าจะชอบผู้ชายหล่อๆรวยๆเหมือนพี่สาวของเขา
หล่อแล้วไง
รวยแล้วไง...สุดท้ายก็หย่า
หย่าแล้วก็ทิ้งลูกไว้ให้คนอื่นเลี้ยง
เลววววว!!!
ไม่รู้ว่าหลานไปนอนกอดเพื่อนตัวดำตอนไหน...แต่ตอนนี้คนเป็นน้าต้องรีบไปอาบน้ำก่อนที่เด็กน้อยจะตื่น แถมยังต้องไปเก็บล้างข้าวของในครัวให้เรียบร้อยแล้วค่อยเดินทางไปเปิดร้าน
ขาเรียวเดินฝ่าความมืดภายในห้องด้วยความเคยชินและคว้าทุกสิ่งในตู้เสื้อออกมาอย่างรวดเร็ว ชั้นใน
กางเกงยีนส์ เสื้อยืด ตามมาด้วยผ้าเช็ดตัวที่แขวนอยู่บนราวไม้ ทำทุกอย่างเหมือนถูกจับเวลาเพราะการมีเด็กมาให้เลี้ยงมันพาลให้ชีวิตต้องเร่งรีบอยู่เสมอ...และสิบนาทีก็อาบน้ำแต่งตัวเสร็จสรรพ
(อย่าเพิ่งตื่นนะคะโฮยอน ของุนงุนเตรียมของให้เสร็จก่อน)
บ่นอยู่คนเดียวในใจ...เพราะเมื่ออาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยก็ต้องจัดของให้หลานเพื่อที่จะได้ไปเปิดร้านด้วยกัน แพมเพิส
7-10 ชิ้น ผ้าอ้อม
2 ผืน เสื้อผ้า
1
ชุดเผื่อต้องเปลี่ยน
แล้วที่ขาดไม่ได้ก็คืออาหารสามมื้อที่แช่แข็งอยู่ในตู้เย็น กระเป๋าเก็บความเย็นถูกหยิบออกมาใส่อาหารทุกมื้อของโฮยอน
ส่วนผลไม้ก็ไม่ต้องเอาไปเนื่องจากที่ร้านมีอยู่แล้ว และสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ...นม
เมื่อกระเป๋าที่ใส่สารพัดสิ่งของหลานจัดเสร็จเรียบร้อยก็ต้องทำการล้างเครื่องปั่น มีด
หม้อนึ่งรวมถึงจามชามทุกใบให้สะอาดและเก็บให้เข้าที่เข้าทาง
7.15 น.
เป็นเวลาที่ต้องเดินทางไปเปิดร้านและอย่างช้าที่สุดก็คือเจ็ดโมงครึ่ง แต่หลานยังไม่มีทีท่าว่าตื่น ไคก็ยังไม่ตื่นและเขาก็ไม่กล้าปลุก
เซฮุนได้แต่เดินวนเวียนอยู่ปลายเตียงเพราะไม่รู้จะทำเช่นไร เมื่อคืนโฮยอนนอนดึก เพื่อนก็เจ็ทแลค...ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่จึงพากันนอนสบายจนใกล้จะเลยเวลาของการเปิดร้าน ขาเรียวรีบก้าวไปที่โต๊ะทำงานทันทีเมื่อตัดสินใจได้ว่าจะทำบางสิ่งที่ไม่เคยทำ
ก่อนคว้ากระดาษกับปากกามาจดโน๊ตทิ้งไว้ให้เพื่อนสนิท
“เห็นมึงกับหลานกำลังนอนสบายก็เลยไม่อยากปลุก ถ้าตื่นแล้วฝากอาบน้ำให้โฮยอนด้วยนะ กูต้องรีบไปเปิดร้าน...ขอบใจนะไค ☺”
นำข้อความที่เขียนเสร็จแล้วมาแปะไว้บนหัวเตียง...ก่อนหยิบสัมภาระของเด็กน้อยออกมาจากห้องนอนด้วยความระมัดระวัง ทิ้งกุญแจสำรองไว้ให้
นั่งสวมรองเท้าด้วยความกังวลใจและปิดแผ่นไม้บานใหญ่อย่างเบามือ หวังว่าเพื่อนจะไม่โกรธ หวังว่าโฮยอนจะไม่งอแง และหวังว่าลูกค้าจะมาใช้บริการที่ร้านเหมือนเช่นทุกวัน
มันคงต้องพูดคำเดิมว่า “การเลี้ยงเด็กไม่ใช่เรื่องง่าย” เด็กเป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดเดาอะไรได้เลย บางวันตื่นเช้า บางวันตื่นสาย
บางคืนก็ร้องไห้จนแทบไม่ได้นอนและในหลายๆครั้งก็ต้องอุ้มไปทำงานทั้งๆที่ยังไม่ได้อาบน้ำ หลานก็ห่วงร้านก็ห่วง...ซึ่งเรื่องบางเรื่องของหลานอย่างเช่นการอาบน้ำมันรอได้ แต่การเปิดร้านมันต้องตรงเวลาทุกวัน แล้วการเปิดร้านก็ใช่ว่าจะขายสินค้าได้เลยเพราะมันต้องเตรียมอะไรอีกตั้งมากมาย
มีขนมต้องจัดเรียง มีเมล็ดกาแฟต้องเติมใส่เครื่อง และกว่าเครื่องทำกาแฟจะพร้อมใช้งานก็ต้องรอ 15-30 นาที
ยิ่งวันไหนตรงกับวันที่ต้องนับสต๊อกหรือสั่งของเข้าร้านก็ยิ่งวุ่นวายมากขึ้นไปอีก
ร้านเปิดแปดโมงปิดสองทุ่ม...แต่กว่าจะได้กลับก็สามทุ่มกว่า
กลับไปก็ใช่ว่าจะได้พักเพราะเงินต้องนับหลานก็ต้องพาเข้านอน เซฮุนใช้ชีวิตวนเวียนอยู่กับความเหน็ดเหนื่อยแบบนี้มาห้าเดือนกว่าและเขาก็หวังว่าการกลับมาของเพื่อนผิวเข้มจะทำให้ความเหน็ดเหนื่อยมันเบาบางลงไปได้บ้าง
ใช่ว่าจะผลักภาระของตัวเองให้คนอื่น...แต่บางครั้งมันก็อยากมีเวลาส่วนตัวสักห้านาทีก็ยังดี เพราะตั้งแต่พี่สาวทิ้งลูกไว้ให้เลี้ยง สิ่งที่เคยทำก็ต้องอด สิ่งที่ควรได้ก็พลาดไปหลายครั้ง
แล้วความฝันที่อยากสานต่ออย่างเช่นการขยายร้านกาแฟให้ใหญ่ขึ้นก็ต้องหยุดชะงัก
ทุกๆอย่างมันไม่เคยมีอะไรได้ดั่งใจอีกเลยนับตั้งแต่มีเด็กคนหนึ่งมาให้ดูแล หน้าที่ก็ไม่ใช่ ลูกก็ไม่ใช่
เป็นแค่น้าแต่กลับต้องมาทำในสิ่งที่คนเป็นแม่ควรรับผิดชอบ
“เฮ้อออ....”
ถ้าการถอนหายใจมันสามารถเปลี่ยนแปลงเป็นเงินได้
เซฮุนก็คงมีเงินมากพอจะซื้อคอนโดฯได้สักสิบตึก
แต่ในเมื่อสิ่งที่คิดมันเป็นได้แค่เรื่องตลก ลมหายใจถึงถูกพ่นออกมาซ้ำๆเพื่อระบายความรู้สึก
ชีวิตนี้มันทำได้แค่นั้นจริงๆเพราะบ่นไปก็เหนื่อยเปล่า พูดไปก็ไม่เกิดประโยชน์ ทุกคนล้วนแต่มีหน้าที่ที่ต้องรับชอบ
แล้วหน้าที่ของเขาตลอดห้าเดือนที่ผ่านมาก็คือการดูแลร้านกาแฟไปพร้อมๆกับการเลี้ยงเด็กหญิงโอ โฮยอนให้เป็นเด็กดี
เซฮุนอาจไม่ใช่คุณน้าที่ดี...แต่ก็ไม่ได้เลวเหมือนคนที่ทิ้งลูกไปอย่างไร้เยื่อใย
ครืดดดด!!!!
มือบาง...ไขกุญแจประตูบานเลื่อนพร้อมเปิดออกเมื่อเดินทางมาถึงที่ร้าน
และเช้านี้ก็คงจะเป็นวันแรกที่ไม่ต้องเปิดร้านไปพร้อมๆกับการแบกเด็กตัวน้อยไว้บนหลัง เซฮุนวางสัมภาระทั้งหมดไว้บนเคาน์เตอร์บาร์ก่อนเริ่มวอร์มเครื่องทำกาแฟเป็นอย่างแรก แล้วต่อด้วยการจัดเรียงขนมในตู้กระจกให้สวยงามน่าซื้อ ขนมเค้กถูกจัดแยกออกจากพวกแซนวิชหรือโดนัท เพราะแซนวิชบางชนิดมันมีของคาวอย่างแฮมและเบคอนเป็นส่วนประกอบ
ซึ่งของพวกนี้จึงไม่ควรวางคู่กับขนมหวานที่ทำมาจากครีมสด
เจ้าของร้านกำลังวุ่นอยู่กับการเตรียมสิ่งต่างๆไว้รอลูกค้า...แล้วที่คอนโดฯล่ะ???!
...
...
...
08.19
น.
ปึ่กกก!!!
“พี่!..”
“..........”
มือป้อมๆ...ทุบลงบนใบหน้าคมเข้มพร้อมเสียงเรียกเมื่อลืมตาตื่น
กายเล็กขยับยุกยิกก่อนกลิ้งตกจากอกกว้างลงไปบนที่นอนลายยีราฟ
สองขาพยายามยืนโดยไร้ที่จับแต่สุดท้ายก็ล้มหงายหลัง คุณช้างอยู่ตรงนี้ นมนมไม่มีและงุนงุนก็ไม่อยู่
สายตาของเด็กวัยเพียงขวบเศษมองไปรอบๆตัวเพื่อหาคนเป็นน้าแต่ก็ไม่เจอ ดีที่ยังมีตุ๊กตาตัวโปรดอยู่ใกล้ๆ แถมยังมีคนแปลกหน้าที่เริ่มจะคุ้นเคยนอนอยู่ข้างๆ
โฮยอนคลานไปหยิบคุณช้างมากัดหูจนน้ำลายยืดและหวังว่าการเล่นแบบนี้ไปสักพักแล้วงุนงุนก็จะกลับมา
แต่หารู้ไม่...ว่าคนที่เจ้าตัวรอคอยออกไปทำงานตั้งนานแล้ว
เด็กหญิงโอ
โฮยอน...ทำทุกอย่างไปตามเคยชินเพราะหลายครั้งที่ตื่นมาแล้วไม่เจอคุณน้า นมนมกับคุณช้างก็มักจะอยู่ข้างกายเสมอและพอกินนมหรือเล่นไปสักพักงุนงุนก็จะพาไปเป็ดๆ แต่วันนี้...มันไม่มีนมนม ไม่มีงุนงุน
แถมตุ๊กตาตัวโปรดก็เล่นจนเบื่อแล้วสิ!?
โฮยอนคายหูช้างออกจากการกัดแทะก่อนคลานไปหาคนขี้เซาอีกครั้ง
กายหนาเป็นที่ยึดเกาะได้ดีและสองขาน้อยๆก็ปีนขึ้นไปบนอกกว้าง แต่พละกำลังของเด็กวัยเพียงเท่านี้มันก็มีไม่มากพอจะยึดสิ่งใดให้มั่นคง
จนสุดท้าย...เด็กน้อยก็ล้มไปยังจุดที่ทำให้เพื่อนผิวเข้มของคุณน้าต้องตื่นด้วยความเจ็บจุก
“โอ๊ย...เชี่ยเอ้ยยย!! ซี้ดด!!!”
“ฮึกก!!! แง............!!!!!!!!!!”
หัวทุย...ที่โขกเขากับกล่องดวงใจอย่างแรง ทำให้ไคทั้งสบถทั้งโวยวายและพลิกกายนอนตะแคงไปตามสัญชาตญาณ
แล้วการทำแบบนั้นก็พาให้เจ้าของหัวทุยรู้สึกตกใจจนร้องไห้งอแง
ตอนนี้ทุกเสียงดังระงมไปทั่วทั้งห้องนอนเพราะคนหนึ่งก็เจ็บจุดสำคัญจนต้องกุมอวัยวะส่วนล่างเอาไว้
และอีกคนก็ไม่มีสิ่งใดหรือใครเป็นที่พึ่งพิงได้เลยสักอย่าง ไม่มีงุนงุน
ไม่มีนมนม แถมยังล้มหงายกลิ้งอยู่บนที่นอน
(ฉิบหายยยย!!!)
“โอ๋ๆๆ...โฮยอนไม่ร้องนะครับ พี่ไคขอโทษษษษ”
“แง......!!”
“ชู่ววว...ไม่ร้องนะค้าบบบ”
เป็นมิติใหม่ของการตื่นนอน...แถมเสียงร้องไห้ของเด็กน้อยก็ทำให้ไคจำเป็นต้องละจากความเจ็บปวดทั้งๆที่ยังจุกไม่หายและรีบอุ้มโฮยอนมาปลอบขวัญ ผ้าอ้อมถูกหยิบมาซับน้ำตาบนแก้มกลม
ก้นที่ตอนนี้แพมเพิสเต็มตุงไปด้วยฉี่ก็ถูกตบเบาๆอย่างที่ทำเมื่อคืน แล้วโยกกายน้อยๆไปมาเหมือนเป็นกล่อม
ขายาวสมส่วนรีบก้าวออกไปจากที่นอนเมื่อเสียงร้องไห้เริ่มสงบลงเพราะรู้สึกว่าภายในห้องมันเงียบผิดปกติ ประตูห้องน้ำไม่ได้ปิด...เซฮุนอาจอยู่ในครัวแต่ก็ไม่มี แล้วห้องนั่งเล่นก็ว่างเปล่า ไคจะพาโฮยอนไปพบคุณน้าเพื่อหวังว่าเด็กจะรู้สึกดีขึ้น
แต่สิ่งที่คิดกลับไม่เป็นเช่นนั้น...มึงไปไหนวะ???
“งุนงุน ฮึกก!!...หาย”
เริ่มใจไม่ได้...เพราะโฮยอนร้องหาแต่ผู้เป็นน้า
แล้วเขาก็ไม่เคยรับมือกับเรื่องแบบนี้ ไคเดินกลับมาที่ห้องนอนอีกครั้งก่อนวางเด็กน้อยลงบนเตียง แต่ยังไม่ทันที่ก้นเด็กจะแตะลงบนความนุ่ม
สายตาก็เหลือบไปเห็นโพสอิทสีแดงพร้อมกับข้อความ มือหนึ่งก็อุ้มเด็ก...อีกมือก็ถือกระดาษเอาไว้และอ่านจนรู้ว่าเซฮุนหายไปไหนแต่เช้า เรื่องเปิดร้านยังพอเข้าใจได้ว่ามันสำคัญ
แต่การจะให้คนอย่างเขาอาบน้ำให้โฮยอนคือสิ่งที่ยากจะทำความเข้าใจ
“ไม่ร้องนะครับ อยู่กับพี่ไคนะค้าบบบ”
“พี่....ฮึกก ฮึกก!!!”
เอาวะ...เพื่อแฟนในอนาคต สู้!!!!
“โฮยอนครับ...ไปเป็ดๆกันนะครับ?”
“งุนงุน...”
“งุนงุนไปทำงานครับ วันนี้พี่จะเป็นคนเป็ดๆให้โฮยอน แล้วเดี๋ยวเราค่อยไปหางุนงุนกัน โอเคไหม?”
“งุนงุน...เป็ด!!”
“งุนงุนไม่เป็ด ไคไคจะเป็ดให้ครับ”
“งุนงุน....”
“เป็นเด็กดีนะครับ วันนี้ไม่งุนงุนเนอะ”
“นมนม!!!”
“เฮ้อออ...T T ”
ไม่เอาอะไรสักอย่าง...แต่ดีที่หยุดร้องไห้และตอนนี้เด็กตัวน้อยก็ถูกจับแก้ผ้าก่อนอุ้มเข้าไปในห้องน้ำ เคยเห็นเซฮุนทำเช่นไรก็ทำเช่นนั้น
ตุ๊กตาเป็ดสีเหลืองยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับโฮยอน
แล้วน้ำก็ต้องไม่ร้อนเกินไปหรือไม่เย็นจนอาจทำให้เป็นไข้ เจลใสพร้อมฟองน้ำนุ่มนิ่มถูกลูบไปบนผิวเด็กอย่างทะนุถนอม
มือหนาประคองกายน้อยๆเอาไว้มั่นแต่ก็ไม่แรงจนเกินริ้ว แล้วการอาบน้ำให้โฮยอนก็ไม่ยากอย่างที่กังวล
“เสร็จแล้ววว...เราไปแต่งตัวกันดีกว่า”
“พี่...”
“ต้องเรียกว่า...ไคไค”
“พี่!!!”
“พี่ไคก็ได้ ไหนลองเรียกดิ...พี่ – ไค!!”
“........”
“ไม่เรียกก็อย่าเรียก”
อาบน้ำไม่ยาก...แต่ให้เรียกไคไคมันคงยากเกินไป
เจ้าของชื่อจึงไม่อยากบังคับอะไรเด็กอีกแล้ว
และรีบนำครีมมาทาผิวให้โฮยอนก่อนตามด้วยการใส่แพมเพิส เลี้ยงเด็กมันเหนื่อยแบบนี้นี่เอง ทั้งการสื่อสาร การดูแล
การอบรม ทุกๆอย่างมันต้องใช้ความอดทนรวมถึงความเข้าใจไปพร้อมๆกัน แล้วเด็กที่อยู่ในวัยกำลังซนอย่างโฮยอนก็ยิ่งต้องดูแลมากเป็นพิเศษ เพราะปล่อยให้คลาดสายตาไปเพียงชั่วครู่
เด็กก็คลานไปคว้านั่นหยิบนี้มาใส่ปากอย่างรวดเร็ว
“นมนม...หาย!”
“นมหมด...ไม่ใช่นมหาย”
“พี่...นมนม”
“มาใส่เสื้อผ้าก่อนแล้วพี่จะพาไปหางุนงุน”
“นม!!!”
ใส่แพมเพิสเรียบร้อยก็เดินไปหยิบเสื้อผ้าเด็กในตู้ไม่กี่วินาที...โฮยอนก็คลานไปคว้าขวดนมมาดูดและดีที่มันเป็นขวดนม เพราะถ้าเป็นของอย่างอื่นและเกิดอันตราย ไคก็คงต้องรู้สึกผิดไปชั่วชีวิต มือหนาหยิบขวดพลาสติกรูปกระต่ายออกมาจากปากเล็กก่อนสวมชุดสีขาวให้โฮยอน และตอนนี้เด็กน้อยก็ตัวหอมฟุ้ง...ส่วนเขาแม้แต่ฟันก็ยังไมได้แปรง
พี่เลี้ยงมือใหม่จำเป็นต้องใช้ตัวช่วยอย่างเป้อุ้มเด็ก แล้วพาโฮยอนเข้ามาล้างหน้าแปรงฟันด้วยกัน
ไคเริ่มเข้าใจความลำบากของเซฮุนก็ตอนนี้ เพราะขนาดเขาดูแลเด็กเพียงไม่กี่นาทียังรู้สึกเหนื่อยจนอยากนอนพัก
แล้วเพื่อนของเขาที่ต้องเลี้ยงหลานไปด้วยทำงานไปด้วย แถมยังนอกดึกแทบทุกคืนและต้องตื่นไปเปิดร้านแต่เช้ามันจะเหนื่อยสักแค่ไหน ไม่เรียกว่า
“เก่ง”
ก็ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาเปรียบ
หน้าที่ก็ไม่ใช่ ลูกของตัวเองก็ไม่ใช่
แต่ต้องมารับผิดชอบและยังทำทุกอย่างได้ดีโดยไม่มีที่ติ ไคไม่รู้ว่าเซฮุนอดทนมาได้ยังไง อะไรที่ทำให้เพื่อนสู้มาได้จนถึงวันนี้
สิ่งใดคือกำลังใจที่จะก้าวต่อไปหรือใครที่ทำให้ความวุ่นวายกลายเป็นเรื่องปกติ
(ใคร...???)
คิดไปคิดมาก็รู้สึกสะดุดกับคำคำนี้...เพราะการที่คนคนหนึ่งจะทนต่อความลำบากหรือต้องทนอยู่กับสิ่งที่เกลียดได้โดยไม่นึกชิงชังมันต้องมีใคร อะไร
สิ่งใดที่ทำให้เกิดกำลังใจ
แล้วถ้าใครที่ว่าคือการมีคนรักที่ไม่ใช่ผู้ชายที่ชื่อคิมไคมันก็คงเจ็บปวดน่าดู แต่...จะไม่มีทางเป็นแบบนั้นแน่นอนเพราะเพื่อนสนิทที่กำลังเปลี่ยนสถานะมาเป็นแฟนจะทำให้เซฮุนมีความสุขมากกว่าหลายปีที่ผ่านมา ความฮึกเหิมเกิดขึ้นภายในจิตใจของคนที่อยากจะเปลี่ยนสถานะและต้องรีบแต่งตัวเมื่อล้างหน้าแปรงฟันเรียบร้อย
น้ำไม่ต้องอาบก็ได้...เพราะเมื่อจิตใจมันบริสุทธิ์ ร่างกายก็บริสุทธิ์
“โฮยอน...เราไปหางุนงุนกันดีกว่า”
“งุนงุน...พี่!!!”
“เรียกพี่ไคก่อน...ถ้าไม่เรียกอดนมนมนะ ไม่พาไปหางุนงุนด้วย!”
“พี่....!!!”
“พี่ - ไค”
“........”
“งั้นลองเรียกแบบนี้....ปะป๊า!!”
“..........?”
“พูดก่อน...ปะป๊าาา”
“ปะ....”
“ปะป๊า ไม่ใช่ปะ....ปะป๊า!”
“ปะป๊า ^^ ”
“ใช่แล้ววว...ถูกต้อง!!! ไหนลองเรียกใหม่ดิ๊ นี่ใคร??”
“ปะป๊า...”
“Yes!!!! Let’s
goooooo…!!!!!”
ก้าวแรกของความสุขได้เกิดขึ้นแล้ว...ก้าวต่อไปก็คือการเอาคุณน้าของโฮยอนมาเป็นเมีย?? ใจเย็น!!...มาเป็นแฟนให้ได้ มือหนาปิดประตูห้องด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยกำลังของความหวัง
กุญแจสำรองที่เจ้าของห้องทิ้งไว้ให้ถูกเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงก่อนกระชับเด็กน้อยเข้าสู้อ้อมอกและนับจากนี้เขาจะทำหน้าที่ทั้งหมดแทนเพื่อนรัก คิมไคจะช่วยเลี้ยงหลาน จะช่วยดูแลร้านกาแฟ แล้วก็...จะเป็นทุกอย่างให้โอ เซฮุน
Christmas Café
09.11 น.
กริ๊งงงง!!!
“สวัสดีครับ เชิญคะ...ครับ???”
เสียงทักทายลูกค้า...เอ่ยออกมาอย่างตะกุกตะกักเมื่อเห็นหลานสาวเจ้าของร้านอยู่ในอ้อมอกของคนแปลกหน้า พี่เซฮุนบอกว่าฝากโฮยอนไว้กับเพื่อน
แต่เพื่อนคนนี้เขาไม่เคยเห็นเลยสักครั้งเพราะปกติจะมีแค่พี่อี้ชิง
พี่ชานยอลหรือพี่แบคฮยอนเท่านั้นที่แวะเวียนมาเล่นกับเจ้าตัวน้อยที่ร้านบ่อยๆ แล้วผู้ชายคนนี้เป็นใคร เพื่อน?
ญาติ?? และ...............OMG!!!!!!!!
ความสงสัยเกิดขึ้นในจิตใจของพนักงานรอบเช้าอย่างเตนล์ทันทีเมื่อแก้มของพี่เซฮุนถูกประทับรอยด้วยหนุ่มผิวเข้ม
เพื่อน?...หอมแก้ม??
ได้เหรอวะ???
“เชี่ยไค!...มึงทำอะไรเนี่ย?!”
“คิดถึง....”
“มึงไปหลังร้านเดี๋ยวนี้เลย”
“ค้าบบบบ”
ยังมาทำหน้าทะเล้นอีก...เป็นบ้าอะไร อยู่ดีๆก็มาหอมแก้ม มึงไม่อายลูกค้าก็ควรอายหลานมันบ้าง!!! เจ้าของร้านที่กำลังวุ่นวายอยู่กับการทำกาแฟรู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นเพื่อนสนิทอุ้มโฮยอนเดินเข้ามาในเคาน์เตอร์ แถมเจ้าตัวน้อยยังหอมฟุ้งจนน่าฟัด แต่...พอก้มกายเพื่อหวังจะหอมแก้มป่องๆ
ไคกลับส่งจมูกทู่ที่เป็นเอกลักษณ์กดลงมาบนแก้มของเขา เซฮุนทำได้เพียงแค่ยิ้มเจื่อนๆให้กับลูกค้าเพราะรู้สึกอายก่อนเทเครื่องดื่มแบบปั่นใส่แก้วและวางไว้ที่ปลายบาร์ ส่วนพนักงานรอบเช้าก็ได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจแล้วทำหน้าที่ไปตามปกติ
“เตนล์...พี่ฝากหน้าร้านแป๊บนึงนะ พี่ไปป้อนข้าวให้โฮยอนก่อน”
“ครับพี่”
“แต่ถ้าลูกค้าเยอะก็เรียกพี่ได้เลยนะไม่ต้องเกรงใจ”
“ตามสบายเลยครับ ^^ ”
“เตนนนล์....”
ปากตอบว่า “ครับ...ตามสบายเลยครับ” แต่สายตากับน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความสงสัยปนหยอกเย้ามันพาลให้เจ้าของร้านต้องรีบเดินเข้าไปด้านหลังเพราะยังรู้สึกอาย และมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรจะบอกใครในตอนนี้ มันมีความมั่นใจที่เคลือบไปด้วยความสับสน มีความเชื่อมั่นที่ผสมมากับความสั่นคลอน แล้วก็มีความหวังที่ยังกลัวว่าจะผิดหวัง...อีกครั้ง??
การรอคอยใครสักคนมันช่างแสนเจ็บปวด...และไม่ว่าใครคนนั้นจะเป็นเพื่อน เป็นญาติหรือเป็นคนรัก
ทุกๆความสัมพันธ์ล้วนนำมาซึ่งความทุกข์ถ้าการรอคอยมันไร้จุดหมาย เซฮุนหวังเสมอว่าสักวันหนึ่งไคจะกลับมา...และความหวังที่ใกล้จะริบหรี่เต็มทีก็ไม่ได้สูญเปล่า
แถมยังสามารถทดแทนช่วงเวลาที่หายไปได้มากมายเหลือเกิน
ส่วนสิ่งที่มั่นใจก็คือ...เขารู้ว่าไคคิดกับเพื่อนคนนี้เช่นไร
แต่ความสับสนก็พาลให้เซฮุนต้องหยุดสถานะไว้เพียงแค่นั้น แล้วความมั่นใจที่คิดว่าพวกเราจะไม่มีวันทิ้งกันก็ถูกสั่นคลอนด้วยการจากไปโดยไร้การติดต่อ แถมความเป็นคิมไค...ก็ทำให้โอ เซฮุนไม่กล้าคิดอะไรไปเองอีกแล้ว มันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่คิดก็ได้ เราเป็นเพื่อนกันมานาน เราสนิทกันมาก
ทุกอย่างอาจเป็นเพียงเพราะความคุ้นเคยหรือความคุ้นชินมากกว่า
“งุนงุน...”
“ว่ายังไงคะ...หิวแล้วใช่ไหม? เดี๋ยวเรามาหม่ำๆกันนะคะ”
“นมนม!”
“ไม่นมค่ะ...โฮยอนต้องข้าวก่อนแล้วค่อยกินนมนะคะ”
คุยกับหลานเป็นปกติ...แต่สำหรับเพื่อนผิวเข้มมันไม่อยากแม้แต่จะมองหน้าเพราะความคิดมากมันพาลให้ไม่กล้าสบจ้อง ใจลึกๆมันรู้สึกขอบคุณที่ไคช่วยดูแลโฮยอนตามที่ได้รับปากเอาไว้ ส่วนเรื่องที่ถูกหอมแก้มก็...ช่างมันเถอะ!
มือบางรีบหยิบอาหารของเด็กน้อยออกมาจากช่องแช่แข็งและทำการอุ่นให้ร้อนด้วยไมโครเวฟ แต่...กิริยาท่าทาง
สีหน้าแววตารวมถึงเสียงถอนหายใจของคนที่ยังยืนนิ่งอยู่ตรงเครื่องอุ่นอาหารก็ทำให้พี่เลี้ยงคนใหม่อย่างไคอดคิดมากไม่ได้เช่นกัน
เซฮุนรู้ใจเขาเช่นไร...คิมไคก็รู้ใจโอเซฮุนเช่นนั้น เซฮุนชอบอะไรไม่ชอบอะไร
กำลังเครียดหรือกำลังวิตกกับสิ่งไหนเขาก็รู้ดีทุกอย่าง ขอโทษที่การจากไปทำให้เกิดความสับสน ขอโทษที่รอยจูบวันนั้นมันทิ้งคำถามเอาไว้มากมาย
แล้วก็ขอโทษที่เมื่อครู่หอมแก้มต่อหน้าลูกค้าและพนักงานในร้าน
ไคอยากสร้างความมั่นใจแต่เหมือนจะเร็วเกินไปหน่อย เซฮุนจึงไม่ทันได้ตั้งตัว
ไม่ทันเตรียมใจและคงนึกไม่ถึงว่าเพื่อนคนนี้มันอยากเปลี่ยนสถานะ
ติ๊งงง!!!!
เสียงเตือนจากไมโครเวฟ...เหมือนจะเป็นตัวดึงสติให้คนเป็นคนน้าต้องรีบนำอาหารออกมาทำให้อยู่ในอุณหภูมิที่หลานจะทานได้
แต่ความอบอุ่นที่ได้รับจากด้านหลังกลับทำให้อุณหภูมิในร่างกายร้อนกว่าอาหารเช้าของโฮยอน อ้อมแขนแข็งแรงที่โอบเอวคอดเอาไว้พร้อมการวางใบหน้าคมเข้มไว้บนไหล่มันกำลังทำให้สมองของเซฮุนเริ่มทำงานหนัก กูเพื่อนมึงนะไค มึงกอดแน่นไป
มึงอย่าทำแบบนี้กูขอร้อง
แผ่นดินไหว...แต่ตอนนี้โอ
เซฮุนไม่ไหว ♡!!!!
“เซฮุน...มึงโกรธกูเหรอวะ?”
“ปะ...เปล่า”
“แน่ใจ??”
“อื้ม...”
“กูไม่เชื่อ...ไหนหันหน้ามาดูดิ๊!”
จานข้าวลายแครอทสีส้มถูกดึงออกจากมือบางและวางไว้บนไมโครเวฟ
ส่วนใบหน้าที่ก้มจนคางแทบชิดอกก็ถูกเชยคางขึ้นเพื่อสบจ้องดวงตาคู่สวย เซฮุนพยายามเบนความสนใจไปยังหลานตัวน้อยที่ตอนนี้นอนกลิ้งอยู่บนฟูกเพราะถ้าให้มองคนตรงหน้า...ทุกๆความรู้สึกจะถูกส่งผ่านจนถูกจับได้ แต่การทำเช่นนั้น...ก็ยิ่งทำให้ไคมั่นใจมากขึ้นว่าการจะเปลี่ยนสถานะมันคงไม่ยากเหมือนอย่างที่คิด เซฮุนแค่กลัวว่าเขาจะจากไป เซฮุนแค่หวั่นว่าการเปลี่ยนแปลงจะพาให้เจ็บปวด เซฮุนแค่สับสนว่าสิ่งที่เพื่อนคนนี้กระทำมันหมายความเช่นไร และ.....
ฟอดดดดด!!!
“ไค!!!...”
“ไปป้อนข้าวโฮยอนก่อน...เดี๋ยวเรื่องของเราค่อยว่ากัน”
“มะ...มึงเอาจริงเหรอวะ?”
“จริง!!...เอาเน้นๆ แล้วก็เอาแรงๆด้วย”
“มึงพูดเรื่องเหี้ยไรเนี่ย!!!....”
“อยากรู้?”
“ไม่!!”
“ไปป้อนข้าวหลานได้แล้ววว...ไป!”
ย้ำความมั่นใจให้เซฮุนอีกครั้งด้วยแรงสัมผัสที่แก้มนุ่ม
และต้องรีบคลายวงแขนก่อนที่ความอัดอั้นในหลายปีที่ผ่านมาจะพาลให้เกินเรื่องเกินเลย ต่างคนต่างรู้กันดีว่ากำลังคิดไร...แล้วคำว่า “เรื่องของเรา” มันก็ไม่สามารถคิดไปเป็นอื่นได้
แถมน้ำเสียงที่จริงจังของเพื่อนผิวเข้มก็ทำให้เซฮุนรู้สึกว่าทุกอย่างที่เคยกังวล เคยคิดมาก
เคยสับสนมันกลายเป็นเรื่องไร้สาระขึ้นมาทันที ถึงแม้บางประโยคจะเอ่ยหยอกจนน่าถีบ
แต่สายตาคมที่สบจ้องมาอย่างมีความหมายก็สามารถสื่อความในใจได้เป็นอย่างดี
การกระทำเริ่มชัดเจน
ความรู้สึกเริ่มเปลี่ยนแปลง...และสถานะของคำว่า “เพื่อน” ก็ใกล้จะถูกแทนที่ด้วยคำว่า “แฟน”
(หรือเมีย??)
...
...
...
13.17 น.
“145 บาทค่ะ...ขอบคุณนะคะ”
ทอนตังค์ ปิดลิ้นชักเครื่องคิดเงินและกล่าวขอบคุณ...ทุกอย่างคือการทำหน้าที่ของไคเพื่อต้อนรับลูกค้า แต่ที่ต้องพูดคะพูดขาก็เพราะเด็กหญิงโอโฮยอนที่นั่งอยู่ในเป้ด้านหน้ากำลังทำงานเสริมเป็นแคชเชียร์ และการที่เด็กยิ้มจนเห็นเหงือก
หัวเราะเอิ้กอ้ากเสียงดังฟังชัดก่อนตบมือแปะๆหลายครั้งก็พาให้ลูกค้ายิ้มตามไปกับการกระทำของเด็กเพียงขวบเศษ ส่วนคนที่แบกโฮยอนไว้บนอกมาตั้งแต่เช้าก็ได้ทำสิ่งต่างๆเหมือนอย่างที่ได้รับปากเอาไว้
จะช่วยเลี้ยงหลาน
จะช่วยขายของ...และจะเป็นทุกอย่างให้โอเซฮุน
“ไค...มึงไปพักบ้างเหอะ ส่งโฮยอนมาให้กู”
ต้องยอมรับ...และขอบคุณไคที่สามารถช่วยให้ความวุ่นวายในชีวิตดูดีกว่าเมื่อหลานเดือนที่ผ่านมา
ทั้งเลี้ยงหลาน คิดเงิน เก็บโต๊ะ
ล้างจาน อุ่นขนม ต้อนรับลูกค้า
ทุกๆอย่างคือสิ่งที่ไคทำจนเจ้าของร้านอย่างเขารู้สึกเป็นห่วง
เซฮุนไม่แปลกใจเรื่องที่เพื่อนคนนี้สามารถเข้าใจอะไรหลายๆอย่างในร้านได้รวดเร็วเพราะปกติไคเป็นคนที่หัวไวมาก สมัยยังเรียนหนังสือ...เข้าเรียนบ้างไม่เข้าเรียนบ้างแต่ก็สอบได้ที่หนึ่งเสมอ ไม่มีวิชาไหนที่มันไม่ได้คะแนนเต็มแถมยังเล่นกีฬาเก่งไม่แพ้ใคร
เก่งจนสาวๆตามมากรี๊ดถึงสนามบอล...หมั่นไส้ :-P
“มึงนั่นแหละไปพัก...”
“ปะป๊า...”
“.........??”
หูไม่ได้แว่ว...แต่มันไม่แน่ใจว่าหลานพูดคำนั้นเพราะตั้งแต่เช้าเจ้าตัวก็ร้องหาแต่นมนมแล้วก็คุณช้าง และพอจะอุ้มโฮยอนเข้าสู้อ้อมอกแทนเพื่อนผิวเข้ม เด็กน้อยกลับขืนร่างกายก่อนจับเสื้อของไคเอาไว้แน่นแถมยังเอ่ยคำที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ยิน โฮยอนไม่เคยเรียกใครเกินกว่าคำว่า “พี่”
ขนาดเพื่อนๆของเขาหลายคนอย่างอี้ชิง
แบคฮยอน
ชานยอลก็ยังไม่ค่อยเรียกว่าพี่สักเท่าไหร่
แต่ทำไม...เจ้าหลานตัวแสบถึงเรียกไคแบบนั้น??
“ว่ายังไงครับคนเก่ง...”
“นมนม...ปะป๊า นมนม!!”
ที่นี่ชัดเลย...และทั้งคำพูดรวมถึงการซบกายน้อยๆลงไปอกกว้างก็หมายความว่าโฮยอนง่วงแล้ว เฮ้ออ!!!...คำว่าเรื่องของเราก็ยังไม่ได้เคลียร์เพราะวันนี้ลูกค้าค่อนข้างเยอะ แล้วเมื่อครู่ก็ยังมีเรื่องการเอ่ยสรรพนามใหม่เพิ่มเข้ามาอีก โอ
เซฮุน...ผู้ที่ยังไม่ได้รับความกระจ่างอะไรเลยสักเรื่องรีบปลดเป้ออกจากเพื่อนผิวเข้มก่อนอุ้มหลานตัวน้อยเข้าไปนอนหลังร้าน แต่....
“ปะป๊าาาา....ฮึกก!!”
“ชู่วววว...ไม่ร้องนะคับเด็กดี งุนงุนจะพาโฮยอนไปกินนมนมนอนไงครับ”
“ปะป๊า...หาย”
“ไม่หายครับ...ปะป๊าอยู่นี่ แต่ปะป๊าต้องทำงานก่อน”
เออดี...เลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งมาห้าเดือนกว่าแต่เหมือนตอนนี้มันจะไร้ความหมายเพราะโฮยอนไม่ยอมปล่อยมือออกจากเสื้อของไค แถมยังเรียกด้วยสรรพนามใหม่จนเสียงดังไปทั่วทั้งร้าน ไอ้เพื่อนเลว...มึงทำกูกลายเป็นคนอื่น หลานดื้อกับกูก็เพราะมึง มึงทำให้กูดูแย่ ไอ้บ้าไค!!!!
กริ๊งงงง!!!!
“สวัสดีครับเชิญครับ....”
พนักงานรอบเช้าที่ใกล้ที่จะหมดหน้าที่ในอีกไม่กี่ชั่วโมง...รีบกล่าวทักทายลูกค้าที่เดินเข้ามาด้านในแทนคนที่เหมือนว่ากำลังจะทะเลาะกัน และเหตุการณ์ที่น่าอึดอัดเมื่อครู่ก็คล้ายว่าจะอึดอัดมากขึ้นไปอีกเมื่อเพื่อนเจ้าของร้านรีบรับออร์เดอร์จากนักศึกษาสาวด้วยรอยยิ้ม
ด้วยความสุภาพและด้วยความไม่รู้ว่าใครกำลังอารมณ์ไม่ดี เตนล์ได้แต่ยืนนิ่งอยู่ตรงตู้ขายขนมหวานเพราะเรื่องของพี่เซฮุนกับเพื่อน(?)ที่ชื่อคิมไคมันไม่ใช่สิ่งที่เขาควรเข้าไปยุ่ง
“พี่เป็นพนักงานใหม่เหรอคะ...หนูไม่เคยเห็น?”
“ครับ...แล้ววันนี้น้องจะรับอะไรดีครับ?”
“โกโก้ปั่นค่ะ...ไม่เอาวิปครีมนะคะ”
“รับขนมไปทานด้วยไหมครับ...โรลส้มอร่อยนะครับ”
“ค่ะ...เอาโรลส้มด้วยค่ะ ^-^) ”
เซฮุน...รีบดึงโฮยอนออกมาจากมือของไคแล้วเดินเข้าหลังร้านด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังหงุดหงิดเรื่องอะไร เรื่องที่หลานดื้อ? เรื่องที่ไคไม่ยอมไปพัก?? หรือเรื่องที่ลูกค้าสาวยิ้มให้กับเพื่อนผิวเข้ม??? ความขุ่นมัวมันตีรวนกันอยู่ในอก...และขวดนมรูปกระต่ายน้อยก็ถูกเขย่าจนเหมือนเป็นที่ระบายความรู้สึก เซฮุนวางขวดนมที่ชงเสร็จแล้วไว้บนที่นอนก่อนอุ้มโฮยอนเข้ามาในห้องน้ำเพื่อล้างก้นและเปลี่ยนแพมเพิส
“ปะป๊า...”
“ปะป๊าคุยกับสาวอยู่ค่ะ!!”
“ปะป๊า...หาย”
“หายก็ช่างมันเถอะ...ไปกินนมนอนได้แล้ว”
อยากให้หลานหลับสบาย...คนเป็นน้าจึงต้องเปลี่ยนแพมเพิสก่อนที่มันจะเต็มระหว่างเวลานอน และเมื่อนมนมพร้อม คุณช้างพร้อม
เซฮุนก็เริ่มการขับกล่อมด้วยเสียงเพลงที่ฮัมอยู่เป็นประจำ โฮยอนนอนอยู่ในกระโจมขนาดเล็ก***เพราะหลังร้านมีพื้นที่ไม่มากพอจะนำเตียงขนาดใหญ่แบบที่คอนโดฯมาติดตั้ง และถึงแม้จะมีคอกกั้นเพื่อความปลอดภัย แต่เด็กในวัยกำลังหัดเดินก็สามารถปีนออกมาได้อยู่ดี
“ฮืมม..♪♫...♪♫♪.......ZzzZZzzzzzZ”
เสียงการขับกล่อมค่อยๆเงียบลงเมื่อเห็นว่าเด็กน้อยปล่อยขวดนมออกจากปาก...เซฮุนเอนหลังลงบนพื้นและคิดว่าจะพักสายตาสักห้านาทีรวมถึงไม่กล้าทิ้งโฮยอนไว้เพียงลำพังเพราะเกรงว่าหลานยังไม่หลับสนิท แต่...การพักสายตาหรือความเป็นห่วงหลานกลับถูกแทนที่ด้วยความเพลียจนหลับไปจริงๆ ความนอนดึกและการตื่นแต่เช้ามาตลอดหลายเดือนมันทำให้ร่างกายของเซฮุนเหมือนถูกปิดสวิตช์
แต่.....
(หึ!!...)
ทุกความเคลื่อนไหว ทุกการกระทำ
ทุกๆคำพูดที่เซฮุนเอ่ยกับหลานว่า “ปะป๊าคุยกับสาวอยู่ค่ะ” “หายก็ช่างก็มันเถอะ” เป็นสิ่งที่ไคได้ยินและแอบมองอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่โฮยอนคนเดียวที่ง่วงนอน
ไม่ใช่โฮยอนคนเดียวที่งอแงเพราะผู้เป็นน้าก็งอแงแล้วก็คงง่วงไม่ต่างกัน นอนก็ดึกตื่นก็เช้า ลูกค้าก็ต้องต้อนรับและตั้งแต่เก้าโมงจนตอนนี้ก็บ่ายกว่าๆลูกค้าก็ยังไม่น้อยลงเลยสักนิด ซื้อกลับไปทานบ้าง นั่งทานที่ร้านบ้าง...ที่นั่งภายในร้านก็ไม่เคยว่างเกินห้านาทีเลยสักครั้ง
แล้วแบบนี้จะไม่ให้เจ้าของร้านเหนื่อยได้อย่างไร
ไคกำลังนำแก้วกาแฟและจานขนมเค้กมาล้างในครัว...แต่เสียงบ่นงึมงำกับท่าทางในการกล่อมเด็กของเซฮุนมันทำให้ต้องหยุดฟังหรือแอบมองการกระทำนั้นอย่างตั้งใจ หวงก็บอก
หงุดหงิดก็ระบายออกมา
และการเขย่าขวดนมแรงๆแบบนั้นเดี๋ยวก็ปวดแขนจนได้ ดื้อเหมือนหลาน งอแงเหมือนหลาน...แล้วก็น่ารักเหมือนหลาน เซฮุนเคยรู้ตัวเองบ้างไหมว่าการกระทำบางอย่างมันก็พาลให้เพื่อนคนนี้คิดเข้าข้างตัวเองอยู่บ่อยๆ
คิมไคจำได้ดี จำได้ทุกครั้งและจำได้ทุกการกระทำว่าเพื่อนอย่างโอเซฮุนมันหวงและห่วงเขามากแค่ไหน ปากก็อ้างว่าไม่อยากให้แม่ของเขาเห็นข่าวลูกชายคุณหญิงคิมมีเดทกับคนที่ไม่คู่ควร
แต่บางคนที่คู่ควรก็ถูกกีดกันจนดูเหมือนว่าไม่อยากให้ใครหน้าไหนมายุ่งกับเขามากกว่า ถามว่ารำคาญไหม??...ก็ตอบได้เลยว่าไม่!!
ถามว่ารู้สึกเช่นไร...ก็ตอบได้เลยว่ารู้สึกดี มันไม่ได้อยากเข้าข้างตัวเอง...แต่การกระทำของเพื่อนสนิทมันทำคิดเช่นนั้น และเซฮุนก็แสดงอาการแบบนี้มาตั้งแต่ตอนเรียนอยู่ชั้นมัธยมจนกระทั่งเข้ามหาวิทยาลัย
“พี่คะ...พี่เป็นเพื่อนสนิทของพี่ไคใช่ไหมคะ พี่ไคเค้าชอบผู้หญิงแบบไหนเหรอคะ??”
“มันไม่ชอบผู้หญิง...มันบอกว่าน่ารำคาญ!!”
เสร็จไปหนึ่ง...
“พี่เซฮุนคะ...วันนี้พี่ไคจะมาที่สนามบอลไหมคะ?”
“ไม่มา”
“งั้นหนูฝากขนมให้พี่ไคด้วยนะคะ”
“มันไม่กินของแบบนี้หรอก...เอาคืนไปเถอะ”
เสร็จไปอีกหนึ่ง....
“พี่ไคคะ...น้ำค่ะ”
“ขอบใจนะ...”
รับไว้เป็นมารยาท...แต่ไม่กล้ากินเพราะดวงตาคู่สวยที่จับจ้องอยู่ข้างสนามบอลมันพาลให้เสียวสันหลัง
นี่ถือว่าน้อย...เพราะมันยังมีอีกเยอะที่เซฮุนทำให้สาวๆไม่กล้าเข้าหาศูนย์หน้าของนักฟุตบอลประจำโรงเรียน และพอโตขึ้นจนเริ่มเข้ามหาวิทยาลัยเซฮุนก็ยังทำเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน
ไคทราบดีว่าตัวเองเป็นคนค่อนข้างที่จะเรื่องมาก
เพราะถูกปลูกฝังอะไรต่อมิอะไรจากคุณหญิงแม่มาเยอะ แต่ถึงจะเรื่องมากแค่ไหน เอาแต่ใจแค่ไหน...เซฮุนก็ไม่เคยเอาเรื่องฐานะหรือชาติตระกูลมาพูดให้รู้สึกแย่ แถมยังดูแลเพื่อนคนนี้ด้วยหัวใจที่แท้จริง
มือหนา...เกลี่ยแก้มคนที่รู้ใจ เข้าใจและรักสุดหัวใจด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความสุข ปากหยักยกยิ้มเหมือนคนเป็นบ้าเพราะมันไม่มีใครดูแลเขาได้ดีเท่าคนตรงหน้าอีกแล้ว
ขนาดหนีหายไปอยู่อังกฤษตั้งหลายปีก็ยังไม่โกรธกันเลยสักนิด ไคเอนกายนอนข้างๆเพื่อนรักก่อนวางแขนไว้บนเอวบางและหลับไปทั้งๆที่ยังไม่ได้ล้างสิ่งนำมาวางไว้ในอ่างน้ำเลยสักใบ ไม่รู้ว่าอาการเจ็ทแลคมันกำเริบหรือว่าความหอมจากคนในอ้อมกอดมันพาลให้หลับสบาย
แต่...คงได้กอดเซฮุนแค่ตอนนี้
เพราะขืนไปกอดมันตอนอื่นมีหวังได้ถูกทุบจนหลังหัก
Christmas Café
15.29
น.
กริ๊งงงง!!!
“สวัสดี คะ...ครับ
อ้าว!!พี่โซลาร์”
“สวัสดีจ้ะน้องเตนล์ น้องจองอู”
เสียงกระดิ่งหน้าร้าน...และลูกค้าที่เดินเข้ามาด้านใน
ทำให้พนักงานรอบเช้ารอบบ่ายยิ้มกว้างกว่าปกติ เพราะลูกค้าที่ว่าคือเพื่อนสนิทของพี่เซฮุน แต่เจ้าตัวไม่ได้มาที่ร้านบ่อยเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ
อาชีพการงานของเธอเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ไม่ค่อยได้มาพบปะเพื่อนฝูง แต่พอมีเวลาว่างเมื่อไหร่ก็จะรีบมาที่นี่ก่อนเสมอ เตนล์รีบทำเครื่องดื่มสุดโปรดอย่างนมปั่นให้โซลาร์ทันที ส่วนจองอูก็หยิบเค้กช็อคโกแลตใส่จานให้อย่างรู้ใจ
“ไม่เจอกันนานเลยครับ พี่หายไปไหนมา...พวกผมคิดถึง”
“ไปญี่ปุ่นมาจ้ะ แล้วพี่ก็ซื้อของมาฝากเราสองคนด้วยนะ”
“ขอบคุณครับ!! //
ขอบคุณครับ”
“แล้วอีฮุนมันไปไหนเนี่ย? ทำไมปล่อยให้เด็กๆอยู่กันสองคน แล้วน้องเตนล์ทำไมยังไม่เลิกงานอีก...นี่มันเลยเวลาแล้วไม่ใช่เหรอ?”
ถึงแม้จะไม่ค่อยได้มาที่นี่บ่อยเหมือนเพื่อนคนอื่น แต่โซลาร์ก็จำได้ว่าบ่ายสามโมงคือเวลาเลิกงานของพนักงานรอบเช้า
ส่วนพนักงานรอบบ่ายจะมาเข้างานก่อนเวลาก็ใช่เรื่องแปลก แต่ที่แปลกก็คือเจ้าของร้านหายหัวไปไหน?? เซฮุนไม่เคยละเลยต่อหน้าที่
ไม่เคยปล่อยให้ลูกน้องทำงานเพียงลำพังหรือว่า...กำลังป้อนข้าวเจ้าแก้มอ้วน???
แต่....
“คือ...พี่เซฮุนหลับอยู่ครับ”
“อ้าวอีนี่...อู้งานได้ไงวะ?!!”
“เดี๋ยวครับพี่โซลาร์ อย่าพะ...เพิ่ง”
ห้ามไม่ทัน...และความใจร้อนของเพื่อนพี่เซฮุนก็ทำให้พนักงานอย่างเตนล์ต้องปล่อยเลยตามเลย
จะวิ่งเข้าไปห้ามถึงหลังร้านก็เกรงว่าจะถูกดุ
จะให้บอกความจริงว่ามีใครอีกคนนอนอยู่ด้านในก็น้ำท่วมปาก
ไปเจอเอาเองแล้วกันพี่โซลาร์...เรื่องนี้ผมเข้าไปยุ่งไม่ได้จริงๆ
...
...
พรึ่บบ!!!
“อีอะ...ฮุน เชี่ยยย!!!”
มู่ลี่ที่กั้นไว้แทนประตูถูกเปิดออกด้วยความแรง ด้วยความสงสัยและด้วยความคิดถึง แต่...พอมาเห็นกับตาว่าเกิดอะไรขึ้น โซลาร์ก็ถึงกับสบถคำหยาบอย่างห้ามเอาไว้ไม่อยู่ อี__อก แรดมากกกก
ผัวกลับมาแต่ไม่บอกเพื่อนเลยสักคำ
นอนกกนอนกอดกันจนไม่รู้เวล่ำเวลา
แล้วหนูน้อยโฮยอนที่ยังหลับนิ่งอยู่บนที่นอนก็ทำให้โซลาร์จำเป็นต้องเดินออกมาหน้าร้านเช่นเดิมเพราะเกรงว่าจะเป็นรบกวนเวลาพักผ่อนของหลาน
แต่...สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าก็ทำให้ต้องหยิบโทรศัพท์ออกมาเก็บภาพเอาไว้เป็นหลักฐาน
ปิดเสียง ปิดแฟลต...และปิดหน้าจอเมื่อถ่ายทุกมุมจนพอใจ แล้วรีบเดินออกมาหน้าร้านเพื่อทำหน้าที่แทนพนักงานรอบเช้าเพราะไม่ต้องการให้เตนล์อยู่เกินเวลาไปมากกว่านี้ โซลาร์รู้สึกเกรงใจเด็กในร้านแทนเพื่อนตัวดี และการอุ่นขนมหรือการคิดเงินให้กับลูกค้าก็เป็นสิ่งที่พอจะทำได้
ส่วนการทำกาแฟก็คงต้องยอมยกธงขาวเนื่องจากมันยากเกินไป
เพื่อนอย่างเธอรู้ดี...ว่าการเกิดมาเป็นโอเซฮุนในช่วงห้าเดือนที่ผ่านมามันเหนื่อยมากแค่ไหน อะไรที่พอทำได้ อะไรที่พอช่วยไหวก็พร้อมที่จะลงมือทำโดยไม่เกี่ยงงอน แต่จะงอนก็เพราะอีคนตัวดำมันกลับมาแล้วเพื่อนยังคงปิดปากเงียบ แถมยังนอนกอดกันจนเลยเวลาของพนักงานในรอบเช้า แรดกว่าโอเซฮุนไม่มีอีกแล้ว แรดมากๆ
แรดที่สุด
แรดแบบนี้มันต้องโดนแฉ
มือบางหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดเข้าแอปพลิเคชั่นสีเขียวก่อนแชร์รูปทั้งหมดลงไปในกรุ๊ปของแก๊งร้าน...Christmas Café
โซลาร์ :
แรด 2019
อี้ชิง :
เฮ้ยย!
มันกลับมาตอนไหนวะ?
C ♥ B :
ชัดเลย!!
โซลาร์ :
ถ้ากูไม่มาร้านมันวันนี้ก็คงไม่รู้
B ♥ C :
ร้ายมากกกก...ไม่บอกเพื่อนสักคำ
โซลาร์
:
เย็นนี้ใครว่างรบกวนมาถล่มที่ร้านมันเลยค่ะ
ประณามมัน อย่าให้มันมีที่ยืนในสังคม
อี้ชิง :
เจอกันค่ะ!!
C ♥ B :
ไปแน่ กูจะไปถลกหนังมัน
B ♥ C :
ถลกเลย กูจะเอาไปทำพรมเช็ดตีน
โซลาร์ :
แล้วเจอกันนะคะทุกคน ( ;
เสร็จจากการแฉรูปและส่งข้อความให้เพื่อนๆทราบเรียบร้อย...เจ้าของโทรศัพท์ก็รีบเก็บเครื่องสื่อสารไว้ในกระเป๋ากางเกงด้วยความสะใจ มึงตายแน่อีเซฮุน คนอย่างมึงจะโดนรุมประชาทัณฑ์โทษฐานมีความลับกับเพื่อนอย่างพวกเรา
โซลาร์เริ่มยืนประจำตำแหน่งแคชเชียร์เหมือนเช่นทุกครั้งที่มาที่นี่ ส่วนพนักงานรอบเช้าก็ต้องกลับบ้านทั้งๆที่ยังห่วงงานเพราะจองอูยังทำอะไรไม่ค่อยเป็น แล้วเจ้าของร้านก็ยังไม่ตื่น
“ผมกลับก่อนนะครับ...สวัสดีครับพี่โซลาร์ แล้วก็ขอบคุณสำหรับของฝากนะครับ”
“ไม่ต้องเป็นห่วงน้าาา
พี่เอาอยู่”
“ขอบคุณครับ”
ตอบกลับไปด้วยความมั่นใจ...เพราะทราบดีว่าลูกค้าช่วงนี้ไม่ค่อยเยอะเหมือนช่วงเช้าหรือช่วงเวลาที่ทุกคนเลิกงาน และการคิดเงินกับช่วยอุ่นขนมก็เป็นหน้าที่ที่ไม่ยากเลยสักนิด โซลาร์ยิ้มต้อนรับลูกค้าเมื่อกระดิ่งที่ประตูดังขึ้นพร้อมกับชายวัยกลางคนเดินเข้ามาด้านใน หูยยยย...หล่ออะ!! วันนี้จะดื่มอะไรดีคะ แม่ค้าก็น่ากินขนมก็น่าทาน กาแฟก็เกรดพรีเมียม(premium) แล้วคุณลูกค้า...จะรับกาแฟหรือแม่ค้าดีคะ????!
หน้าร้านเหมือนกำลังไปได้สวย...แต่หลังร้านนี่สิ??
...
...
...
15.52
น.
ปึ่กก!!
ปั่กก!!
ผัวะ!!
“ทำไมมึงไม่ปลุกกู...หึ!!”
“โอ้ยๆ ๆ ๆ...เจ็บๆ ขอโทษ
ขอโทษ โอ๊ย!!
พอแล้ว พอแล้ว”
คิดไว้ไม่มีผิด...เพราะเมื่อเจ้าของกายหอมๆได้สติ ทั้งหมัดทั้งศอกถูกระดมทุบตามร่างกายจนต้องอ้อนวอนร้องขอชีวิต
ปกติก็นอนด้วยกันบ่อย...แต่ไม่เคยได้กอดแบบนี้เลยสักครั้ง ใจมันไม่กล้า
เกรงว่าจะคิดลึกและเซฮุนก็ดูจะระวังตัวอยู่ตลอดเวลา ไคไม่รู้ว่าเพื่อนกำลังหวั่นสิ่งใด หรือใจมันไม่กล้าเหมือนเขา แล้วทำไม...หน้ามึงแดงวะ? โกรธกูมากขนาดนั้นเลยเหรอ???
“แง..........!!!”
เสียงโวยวายของคนที่กำลังเขิน...ทำให้เด็กที่นอนหลับอยู่ในกระโจมน้อย***ตกใจตื่น และเสียงร้องไห้ก็ทำให้คนเป็นน้ารู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำลงไปนั้นมันเกินเหตุไปจริงๆ เซฮุนรีบอุ้มโฮยอนเข้าสู้อ้อมอกก่อนตบก้นหลานเบาๆเพื่อปลอบขวัญ ขอโทษนะคะ
งุนงุนไม่ได้ตั้งใจ ปะป๊าทำให้งุนงุนเป็นแบบนี้ โฮยอนต้องโกรธปะป๊านะคะ ห้ามโกรธงุนงุนเด็ดขาด
“มึงออกไปดูหน้าร้านเลย...”
“ออกไปด้วยกันดิ...ไหนไหนหลานก็ตื่นแล้ว”
“ตื่นเพราะมึงนั่นแหละ”
(ปะป๊าาา ^^ )
“ว่าไงครับโฮยอน...”
เออดี...ตื่นมาก็ร้องหาแต่เพื่อนผิวเข้ม น้าคนนี้คงไม่มีความหมายแล้วใช่ไหม
เซฮุนส่งเจ้าตัวน้อยให้ไคอุ้มด้วยความรู้สึกหมั่นไส้และรีบเดินออกไปหน้าร้านก่อนที่พนักงานรอบเช้าจะอยู่เกินเวลาไปมากกว่านี้ นาฬิกาที่แขวนอยู่ผนังทำให้เซฮุนทราบได้ทันทีว่าตอนนี้มันเลยเวลาทำงานของเตนล์มาเกือบชั่วโมง ซึ่งเจ้าของร้านอย่างเขาก็คงโทษใครไม่ได้นอกจากความเหน็ดเหนื่อยตลอดห้าเดือนที่ผ่านมา ถ้าไม่เพลียจริงๆก็คงไม่หลับไปนานขนาดนี้ แล้วถ้าร่างกายไม่อ่อนล้าก็คงไม่มีทางทิ้งร้านให้พนักงานดูแลเพียงลำพัง
แต่....
“ขอบคุณมากนะคะ...”
“โซลาร์!!!”
“เออกูเอง...อีแรด!”
เดินออกมาหน้าร้านได้ไม่กี่ก้าว...เสียงหวานที่เอ่ยขอบคุณลูกค้าและใบหน้าแสบซนของแคชเชียร์ก็ทำให้เซฮุนรู้สึกประหลาดใจ มึงมาตอนไหนเนี่ย? มาตั้งแต่เมื่อไหร่??
อย่ามาจิกตาใส่เพื่อนแบบนี้...แล้วกูไปแรดตอนไหน???
“โกรธใครมาอีกล่ะ...แล้วมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“โอ เซฮุน...มึงมีอะไรจะบอกกูไหม?”
เรียกชื่อเต็มขนาดนี้...มึงคงเห็นแล้วสินะว่าใครอยู่หลังร้าน?!
ถึงแม้โซลาร์และเขาจะเรียนอยู่คนละคณะกับเพื่อนตัวดำ แต่ความสนิทสนมระหว่างเซฮุนกับคิมไคก็ทำให้พวกเราเป็นเพื่อนกันได้ไม่ยาก และถ้าแม่ปากลำโพงของคณะXXเดินทางมาถึงร้านขนาดนี้
พวกเพื่อนๆในแก๊งคริสต์มาสคาเฟ่ก็คงจะทราบเรื่องกันหมดแล้ว ปิดร้านเสร็จคงมีกินเลี้ยงต่อแน่ๆเพราะทุกครั้งที่โซลาร์กลับมาจากต่างประเทศเพื่อนๆทุกคนก็มักจะมารวมตัวกันอยู่ที่ร้านจนเกือบรุ่งเช้า
“ก็อย่างที่เห็นนั่นแหละ...”
“แล้วอย่างที่เห็น...มันเป็นแบบที่กูคิดไหมวะ?? เพราะถ้าเป็นแบบที่กูคิด...งั้นก็แสดงว่ามึงกับมัน โอ๊ยย!”
หน้าผากของเพื่อนที่กำลังคิดลึก...ถูกนิ้วดีดจนต้องส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บพร้อมลูบรอยแดงบนผิวเนื้อก่อนทำหน้าทะเล้นอย่างไม่รู้สำนึก ใจหนึ่งก็รู้สึกหมั่นไส้ความแก่นกะโหลกของโซลาร์
แต่อีกใจก็รู้สึกขอบคุณเพื่อนจอมแสบที่ช่วยดูแลร้านตอนที่เขาหลับ ขอบคุณนะ (:
“ตกลงมึงมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“มาได้สักพักแล่ว มีของฝากด้วยนะ...อันนี้ของมึง อันนี้ของโฮยอน”
“ขอบใจ...แต่ทีหลังไม่ต้องซื้อมาก็ได้ เสื้อผ้าหลานกูเต็มตู้ไปหมดแล้ว”
“อย่าขัดใจกูได้ไหมคะ!!”
“เออ...งั้นก็ซื้อมาเยอะๆเลย”
“แล้วโฮยอนยังไม่ตื่นเหรอวะ? กูอยากอะ...อุ้ม!”
“นั่นไง...มาพอดี”
ถามไม่ทันขาดคำ...เด็กตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมอกของหนุ่มผิวเข้มก็เดินออกมาหน้าร้าน ไคแทบไม่ได้สนใจว่ามีใครบางคนกำลังจ้องด้วยสายตาที่แทบจะกลืนกิน เพราะมัวแต่เล่นกับโฮยอนพร้อมกับช่วยเช็ดโต๊ะที่ลูกค้าเพิ่งลุกออกไปจากร้าน พ่อของลูกชัดๆ
ทำไมมันหล่อขึ้นวะ
แล้ววว...มึงหายหัวไปไหนมา??
ความยากอุ้มหลานถูกแทนที่ด้วยคนที่ไม่ได้พบหน้ากันมาหลายปี
และเป็นหลายปีที่ทำให้เซฮุนแทบพลิกแผ่นดินเพื่อตามหา
โซลาร์จำได้ดี...ว่าการจากไปของไคมันทำให้เพื่อนอย่างเซฮุนเป็นเช่นไร
จากที่พูดเจื้อยแจ้วได้ทั้งวันก็แทบไม่พูดอะไรเลยถ้าไม่จำเป็น จากที่ร่าเริงสดใสก็กลายเป็นหม่นหมองเพราะไม่ค่อยยิ้มเหมือนเช่นที่เคยเป็น วันวันเอาแต่จ้องโทรศัพท์หรือถ้ามีเวลาก็จะออกตามหาไคไปเรื่อยๆ ทำทุกทางเพื่อให้ได้เจอคนที่หายไป ทำทุกอย่างเพื่อให้ทราบถึงสาเหตุ แต่ความพยายามทั้งหมดก็สิ้นสุดลงเมื่อรู้ว่าทุกการตามหามานานถึงสองปีคือการคว้าน้ำเหลว***
ดีใจ...ที่ตอนนี้เซฮุนได้เจอกับไคอีกครั้ง และขอให้ความสุขมันอยู่กับเพื่อนของเขาไปนานๆ
“คิมไค!!!...”
“อ้าววว...โซลาร์!!”
“คิดถึงเมียไหมจ้ะ...แล้วกลับมาเมื่อไหร่ หืมม??”
“กลับมาเมื่อวาน...คิดถึงเมียเหมือนกัน”
เรื่องถึงเนื้อถึงตัวคงต้องยกให้โซลาร์...แล้วการเดินเข้าไปกอด
เข้าไปทักทาย
เข้าไปเสนอหน้าให้ไคเห็นก็ทำให้เซฮุนต้องส่ายหัวด้วยความเพลียใจ ส่วนคนถูกกอดก็รู้สึกตกใจที่อยู่ดีๆก็มีคนเข้ามาโอบ แต่พอเห็นหน้า
เห็นรอยยิ้ม พร้อมได้ยินสรรพนามที่ใช้เรียกขาน มันก็ทำให้ทราบได้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้คือใคร ไม่เจอกันนานแต่ก็ยังแสบเหมือนเดิม ไอ้ตัวป่วนของแก๊ง
แปะ!!!!
(ปะป๊า...!!)
“เฮ้ยยย!...โฮยอนเรียกมึงว่าปะป๊าด้วยอะ นี่กูพลาดอะไรไปวะ!!?”
แรงตบน้อยๆบนแก้มสาก...ทำให้คุณน้าโซลาร์ต้องรีบปล่อยอ้อมกอดจากเพื่อนผิวเข้ม
แถมคำเอ่ยเรียกที่ไม่คิดว่าจะได้ยินก็พาให้รู้สึกประหลาดใจ ปกติโฮยอนแทบจะไม่พูดหรือเรียกใครแบบนั้น แล้วคำว่า
“พี่”
ที่มักจะเรียกทุกคนก็ไม่เคยใช้เรียกใครถ้าไม่คุ้นเคย ขนาดเขาเป็นเพื่อนกับเซฮุนมานาน เด็กคนนี้ยังไม่เคยเรียก พี่
เลยสักครั้ง
แต่ทำไมกับไคถึงเรียกกันว่า...ปะป๊า? มึงมันร้าย มึงบังคับเด็กให้เรียกแบบนั้นใช่ไหม?? มึงมีแผนอะไร...บอกกูมาซะดีๆ?!!
“พลาดไปเยอะเลยเนอะโฮยอน”
“ปะป๊าาา ^-^)”
“ว่ายังไงคับเด็กดี!!”
หมาเลยค่ะงานนี้...น้าโซลาร์ยืนอยู่ทั้งคนแต่ปะป๊ากับหลานตัวน้อยทำเหมือนน้าเป็นธาตุอากาศ สนิทกันเร็วจริงๆ สนิทกันเร็วมาก และถ้าเพื่อนในแก๊งมาเห็นโฮยอนตอนนี้ก็คงจะอดบีบแก้มป่องๆไม่ได้ ส่วนคนที่เห็นทุกอย่างมาตั้งแต่ต้นอย่างเซฮุนก็อดที่จะยิ้มตามไปกับการกระทำของหลานไม่ได้เช่นกัน ไม่คิดว่าโฮยอนจะติดเพื่อนผิวเข้มมากถึงขนาดนี้ เมื่อเช้าก็นอนกอดกัน หิวนมก็ร้องหา
เสียใจก็ร้องเรียก
อะไรอะไรก็ปะป๊าไปหมด
แต่...มันก็ดีเหมือนกันเนอะ
เพราะงุนงุนจะได้พักบ้าง ☺
100%
Cr . ภาพในตอนที่ 3 : internetanneleri.com และMummybebe.com
***คว้าน้ำเหลว หมายถึง ไม่ได้ผลดั่งหวัง พลาดหวัง
ไม่ได้อะไรเลย
***โซลาร์ (mamamoo)
***กระโจมน้อยหลังร้านกาแฟ
Talk.
ครบ100%แล้วค่าาาา
ขอยอมรับว่ากลัวแต่งฟิคเรื่องนี้ไม่ดี
เพราะพักหลังๆสมองของเรามันหยุดทำงานบ่อยเกินไป มันเหมือนลืมคำพูดหรือคำบรรยายที่ใช้เขียนนิยายไปเฉยๆ แบบ...มันว่างเปล่าไปเลย T^T
เราต้องขอโทษไว้ล่วงหน้าด้วยนะคะ
ถ้าเราอัพช้าไปบ้างเพราะสมองมันไม่พร้อมจริงๆ (สติไม่ค่อยดี)
และอยากแจ้งเรื่องคำเขียนอย่าง
คับ ค้าบบบ หรือคร้าบบบ
ซึ่งมันเป็นคำที่เราตั้งใจพิมพ์เพื่อแสดงถึงอารมณ์ในการพูดคุยของตัวละคร
ขอบคุณนักอ่านทุกคนมากๆนะคะ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ ขอบคุณกำลังใจแสนดี
(ไหว้ย่อ)
รัก ☺
#ฝากเลี้ยงKH
ความคิดเห็น