คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ❧ 2
ออกเรือวันที่ 2.
ท่าเรือ XXX
ปั้งงงงง!!!!
“คุณ!!...ตื่นเร็ววว! จะออกเรือแล้ว”
ไม่รู้ว่าจะเรียกสิ่งนี้ว่าการปลุกได้ไหม?...แล้วไอ้ประตูพุๆพังๆมันก็อาจจะถูกเปิดออกด้วยอวัยวะเบื้องล่างเพราะความแรงมันทำให้แผ่นไม้เก่าๆกระแทกไปกับฝาผนังที่ขึ้นสนิมจนเกิดเสียงดังไปทั่วทั้งห้องพัก
แถมเสียงทุ้มที่เอ่ยเรียกพร้อมกลิ่นบุหรี่ที่โชยเข้ามาในจมูกก็พาให้เช้านี้ไม่สดใสเลยสักนิดเดียว เซฮุนสะดุ้งตื่นด้วยสภาพเหมือนคนที่ไม่ได้นอน ส่วนเพื่อนตัวเล็กก็มีสภาพไม่ต่างกัน
ใครจะหลับลง...เมื่อคืนมีคนตาย ที่นอนก็แข็ง
ผ้าห่มก็เหม็นอับ!!!
“ปลุกดีๆไม่ได้เหรอไง! ตกใจหมด!!”
“ต้องมอร์นิ่งคิสไหมล่ะ?”
“หยุดอยู่ตรงนั้น!!...ไม่ต้องเข้ามาเลยนะ!”
รีบยกเท้าขึ้นมาป้องกันความปลอดภัยของตัวเอง...และดีที่เจ้าของท่าเรือยอมถอย ไคได้แต่ยกยิ้มก่อนยืนพิงกรอบประตูมองเรียวขาขาวๆที่ใส่กางเกงนอนขาสั้น ยกอีก
ยกสูงๆ อย่างนั้นนน...ซี้ดดดด!!!
คนถูกมองแทบไม่รู้เลยว่าการกระทำของตัวเองส่งผลให้เกิดสิ่งใดภายใต้กางเกงยีนส์ของหนุ่มผิวเข้ม แต่...
“คราวหลังอย่าใส่กางเกงในนะ...มันเห็นไม่ค่อยชัด”
“อะ...ไอ้บ้า!!! ไอ้โรคจิต!”
“ข๊าววว...ขาว!!”
“ไปเลย!!! ออกไปเลย!”
คว้าผ้าห่มที่เคยบอกว่ามันเหมือนผ้าขี้ริ้วมาปกปิดเรียวขาของตัวเองเอาไว้...แล้วหยิบหมอนคว้างใส่เจ้าของสายตา
เจ้าของคำพูดและเจ้าของความเจ้าเล่ห์ที่ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าให้หายหงุดหงิด อยากมากก็ไปซื้อเด็กมาเอาสิวะ ไม่ใช่มาจ้องคนอื่นเหมือนจะกลืนกินแบบนี้...น่าเกลียดที่สุด
“รีบๆจัดการตัวเองให้เรียบร้อย ผมให้เวลาห้านาที”
“จะบ้าเหรอ ห้านาทีใครจะอาบน้ำทัน แค่ถอดเสื้อก็หมดเวลาแล้วมั้ง?!”
“งั้นไม่ต้องอาบ แล้วก็ห้ามฉีดน้ำหอมหรืออะไรก็ตามที่มีกลิ่นแบบคุณ-หนู”
“ไม่ต้องมาประชด ละ...แล้ว”
(รีบทำตามที่เค้าบอกเถอะเซฮุน ไปเร็วก็ได้กลับเร็วนะ)
ขืนปล่อยให้เถียงกันนานกว่านี้...งานวิจัยคงล่าช้าออกไปอีกหลายวันเพราะกว่าจะเดินทาง กว่าจะพบสิ่งที่ต้องการหรือกว่าจะได้มาถึงตรงนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยสักนิด
แบคฮยอนเตือนเพื่อนขี้บ่นด้วยความหวังดีและก็เข้าใจว่าเจ้าของท่าเรือก็หวังดีเช่นกัน
กลิ่นน้ำหอมอาจทำให้สัตว์ในป่าหรืออะไรก็ตามเกิดความสับสน
พวกราจึงไม่ควรเถียงหรือมีข้อโต้แย้งกับคนในพื้นที่ถ้าไม่จำเป็น
“หัดเข้าใจอะไรง่ายๆเหมือนเพื่อนคุณบ้างก็ดี แล้วถ้ายังพูดมากอีกจะโดนแบบเมื่อวาน”
“เออ!!!
ไม่อาบก็ได้วะ แม่งงงง!”
“แล้วก็เอาแต่ของที่จำเป็นไปเท่านั้น อะไรที่ไม่สำคัญก็ไม่ต้องเอาไป”
“ขยายความหน่อยดิ๊ ของอะไรบ้างที่ไม่สำคัญ? คนเรามันไม่เหมือนกันหรอกนะคุณไค ของแบบนี้อาจไม่สำคัญกับคนคนนั้น แต่มันอาจสำคัญกับอีกคน!! เก็ทไหม?”
“ในงานวิจัยต้องใช้อะไรบ้างก็เอาไป ส่วนเสื้อผ้า
ชั้นใน รองเท้าก็ไม่ต้องเอาไปเยอะมาก แล้วพวกเครื่องสำอางที่มีกลิ่นแรงๆห้ามเอาไปเด็ดขาด
ยกเว้นนน...ลิปสติกกลิ่นพีชนะครับคุณโอเซฮุน จูบแล้วมันหวานดี หอมด้วย!”
“ไอ้.... //
แบคเห็นไหมล่ะ มันกวนตีนกูเนี่ย!!”
“เหลือสองนาที...แล้วไปเจอกันที่เรือ”
เพื่อนตัวเล็ก...ได้แต่ส่ายหน้าด้วยความเพลียใจเพราะหนุ่มผิวเข้มก็เป็นซะแบบนี้ แล้วเซฮุนก็ไม่ค่อยยอมคนสักเท่าไหร่ ไม่เข้าใจก็ถาม ไม่เห็นด้วยก็เถียง แต่พอเถียงไม่ออกก็ร้องหาพรรคพวกทุกที แบคฮยอนไม่อยากมีปัญหากับคนแถวนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนมันยังฝังใจ
การทำตามที่คนในพื้นที่บอกกล่าวหรือกำชับเอาไว้คือสิ่งที่ไม่ควรโต้แย้ง
“รีบเก็บของเถอะเซฮุน เดี๋ยวไปล้างหน้าแปรงฟันบนเรือก็ได้”
“กูอยากกลับบ้านนนนน!! ประเทศบ้าประเทศบออะไรก็ไม่รู้ ฮืออออ!”
“อยากร้องไห้ก็ร้องให้มันจริงจังหน่อยสิ”
“แบค...เพื่อนกำลังเสียใจนะเว้ย มึงยังจะมาล้อเล่นอีก แล้วไอ้คุณไคแม่งก็กวนตีน”
“แล้วไม่ใช่คนกวนตีนเหรอที่ช่วยพวกเราไว้เมื่อคืนอะ?”
“เชี่ยย...มึงจะพูดทำไมวะแบค!! คิดแล้วยังกลัวไม่หาย ยิงคนตายเลยนะเว้ย...แม่งทำเหมือนตบยุง”
“ก็นั่นไง...พวกเรามาโดยไม่รู้อะไรเลย มีแค่บันทึกของคุณพ่อเล่มเดียว เพราะฉะนั้น...มึงเลิกบ่น แล้วทำตามที่คุณไคเค้าบอก”
“จ้า...สวัสดีจ้าคุณไค พวกเราต้องทำอะไรบ้างจ้ะ ดีจ้ะ
ขอบคุณจ้ะ”
“ว่าแต่เค้ากวนตีน มึงก็ชอบยั่วประสาท เก็บของไปเลย...เดี๋ยวเค้ามาตามก็หงุดหงิดอีก”
“จ้าแบค”
“เซฮุนนนน....”
เก็บกระเป๋าเหมือนอยากระบายอารมณ์เพราะทั้งเสื้อผ้า
กางเกง รองเท้าก็จับยัดๆ ๆ
ๆ...โดยมาสนว่ามันจะยับหรือเกิดความเสียหาย
อยากเร่งดีนัก
เครื่องสำอางก็ไม่ให้เอาไป
น้ำหอมก็ไม่ให้ฉีด
น้ำก็ไม่ได้อาบ มีอะไรที่โอเซฮุนทำได้บ้างไหมเนี่ยยยย?!!! ใช่ว่าไม่เข้าใจในสิ่งที่เพื่อนตักเตือน...แต่บางเรื่องมันก็ต้องถาม จะให้ทำไปโดยที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุก็ไม่ใช่นิสัยของนักวิจัยน่ะสิ?!!!
...
...
...
ปึ่กกก!!!
“ใส่คู่นี้...”
“......??”
ยังไม่ทันได้ก้าวขาขึ้นเรือ...รองเท้าบูทก็ถูกโยนมาตรงหน้า แล้วเรือที่ว่าก็ต่างกับสิ่งที่คิดเอาไว้มากมายเหลือเกิน มันคือเรือใช่ไหม? จะพาไปถึงที่หมายได้จริงๆหรือ?? ยังกับซากเหล็กรอการทำลาย??? เซฮุนมองใบหน้าคมเข้มด้วยความไม่สบอารมณ์เพราะการโยนร้องเท้าให้คนอื่นมันช่างเป็นการกระทำที่ไม่มีมารยาทเอาเสียเลย แล้วการสวมร้องเท้าผ้าใบมันผิดตรงไหน
มันก็ดูกระชับและสามารถเดินบุกป่าฝ่าดงได้เหมือนกัน
“ไอ้ตัวเล็ก...ใส่บูทดีกว่า ป้องกันงูกัด”
(มะ...มีงูด้วยเหรอคุณชาน)
“แมงป่องก็มี สัตว์มีพิษมันเยอะ ใส่บูทไว้ปลอดภัยกว่า”
“โอเค...”
เป็นคำตอบที่น่าฟังมากกกกก...แม่น้ำฝั่งนู้นมีจระเข้ ในป่ายังเสือกมีงูกับแมงป่องอีก
แบคฮยอนรีบเปลี่ยนจากรองเท้าผ้าใบสีดำมาเป็นบูทหนังที่ยาวขึ้นมาถึงหน้าแข้งด้วยความรวดเร็ว
ส่วนเซฮุนก็รีบทำตามเช่นกันเพราะเมื่อได้ยินเช่นนั้น ความเรื่องมาก
ความขี่บ่นและความสงสัยก็หายวับไปกับตา
แต่...
แอ่บบ!!!
“เหี้ยย...อะไรวะ!!!”
บูทหนัง...ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้วตกลงมาบนพื้นตามแรงโน้มถ่วงเพราะเมื่อเท้าสัมผัสความนิ่มยืดหยุ่นจนเกิดเสียงร้อง
ความตกใจก็พาลให้ยกขาขึ้นพร้อมสะบัดร้องเท้าออกทันที เซฮุนรีบวิ่งไปกอดเพื่อนทั้งๆที่เพิ่งใส่รองเท้าได้เพียงข้างเดียว
และเมื่อเจ้าของท่าเรือหยิบมันมาเคาะเบาๆสองถึงสามครั้งก็พบเจ้ากบตัวน้อยกระโดดออกมาจากบูทสีเข้ม มันเป็นรองเท้าที่ไม่ได้ใช้มานานนับปี ลูกค้าแทบนี้มักสวมมาพร้อมเมื่อต้องออกเรือหรือต้องเข้าป่า แต่สองคนตรงหน้า...คือลูกค้าที่ต้องคอยบอกคอยสอนเกือบจะทุกเรื่อง
“แค่กบ...จะแหกปากเสียงดังทำไม?!”
“แล้วถ้ามันไม่ใช่กบล่ะ คราวหลังจะเอาอะไรมาให้ใส่ก็ตรวจดูด้วย บ้าจริง!!”
“ขอโทษ...”
“อะ...อื้มม”
ไม่คิดว่าคนบ้านป่าเมืองเถื่อนจะกล่าวคำคำนี้...เซฮุนจึงกล่าวตอบแบบสั้นๆด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลกว่าทุกครั้งเพราะไม่อยากให้บรรยากาศในยามเช้ามันแย่ไปมากกว่าเดิม ทราบว่าตัวเองเป็นคนเรื่องมาก แต่บางเรื่องอย่างเช่นเรื่องนี้มันก็ต้องตรวจดูให้รอบคอบก่อนนำมาให้ใช้ ดีที่สิ่งที่อยู่ในรองเท้ามันคือสัตว์ไม่มีพิษ ไม่อย่างนั้นศพที่สองต่อจากคนที่ถูกยิงเมื่อคืนก็คือโอเซฮุน
“เอ่ออ...ก่อนออกเรือ ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหม?”
“ถามมาเลย...จะได้ไม่ต้องมีอะไรค้างคา
เพราะออกเรือครั้งนี้กว่าจะกลับก็อีกหลายวัน แล้วพวกคุณเตรียมของมาครบแล้วใช่ไหม ผมไม่วนเรือกลับมาเอาของให้พวกคุณหรอกนะ”
“ของครบครับ แต่เรือของคุณไคจะไหวใช่ไหม??”
ไม่ใช่แค่เซฮุนที่คิด...เนื่องจากพาหนะลำนี้มันเก่าพอๆกับท่าเรือและสภาพเท่าที่เห็นก็เหมือนจะพังได้ทุกเมื่อ แบคฮยอนจึงอดถามออกไปไม่ได้เพราะการเดินทางที่ต้องใช้เวลาเป็นวันวันมันก็น่าจะเป็นเรือที่มีสภาพดีกว่านี้ แต่นี่...มันเศษเหล็กลอยน้ำชัดๆ
“ผมก็มีอยู่ลำเดียวนี่แหละคุณ...ออกเรือมาเป็นร้อยๆครั้งก็ไม่เคยมีปัญหา”
(ยังมีหน้ามาเรียกว่าท่าเรืออีก ท่าเรือบ้าอะไรมีเรืออยู่ลำเดียว)
เป็นคำกระซิบ...ที่พูดให้แค่เพื่อนตัวเล็กได้ยินเท่านั้นเพราะขืนพูดดังกว่านี้ก็คงถูกถีบตกน้ำ
แต่สิ่งที่เซฮุนกล่าวมาทั้งหมดมันก็คือเรื่องที่แบคฮยอนเห็นด้วย คำว่า “ท่าเรือ” ในความคิดของพวกเขาคือต้องมีเรือหลายลำจอดเทียบท่า
ลูกค้าต้องการเรือแบบไหนเพื่อออกไปล่าสัตว์ หาของป่าหรืออะไรก็ตามที่ต้องการมันก็น่าจะเป็นพาหนะที่ดีกว่านี้ ไม่ใช่เศษเหล็กที่ไม่รู้ว่าพังตอนไหนอย่างที่พวกเขาเห็นอยู่ตรงหน้า
“เอาเรือดีๆออกไปมันเสี่ยงโดนปล้น แม่น้ำแถบนั้นไม่ได้มีแค่พวกเรานะไอ้ตัวเล็ก”
“ผมก็แค่กังวลว่าเรือลำนี้มันจะพาพวกเราไปได้ไหม เพราะของที่ผมต้องการมันสำคัญมากนะคุณชาน”
“ก็รู้ไงว่าสำคัญ...ถึงได้เอาลำนี้ไป
เกิดโดนปล้นกลางทางของสำคัญที่ว่าก็ไร้ค่านะคุ๊ณณ!!!”
“โอเคๆ...ผมไม่ถามอะไรแล้ว ออกเรือกันเถอะ”
หมดข้อสงสัย
ไร้คำถามและสัมภาระก็ถูกโยนใส่เรือพร้อมของใช้จำเป็น ส่วนของสิ่งใดที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยก็ต้องแบกขึ้นหลังก่อนนำไปวางไว้ที่ที่ปลอดภัย ของบางอย่างอาจเกิดการแตกร้าว แบคฮยอนจึงต้องระวังมากเป็นพิเศษ
แถมราคาของมันก็น่าแพงกว่าเรือลำนี้หลายเท่า หมอกหนาสีขาว...เริ่มจางลงเมื่อเรือค่อยๆเคลื่อนออกไปจากท่า บรรยากาศในยามเช้ามันช่างแสนสดชื่น
น้ำเบื้องหน้ามันใสจนเห็นปลาแหวกว่ายอยู่เป็นฝูง แล้วการได้จิบกาแฟไปพร้อมๆกับการล่องเรือไปตามแม่น้ำ...มันก็ทำให้รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
“คุณชาน...ทานกาแฟไหม?”
“ไม่...เช้าๆแบบนี้มันต้องกรึ๊บบ!”
“เดี๋ยวก็เมา!”
“ไม่เมาหรอก...ตาสว่างดี ตัวเล็กจะลองไหม?”
“ผมชื่อแบคฮยอน ไม่ใช่ไอ้ตัวเล็ก”
“ก็มึงตัวเล็กจริงๆนี่หว่า แล้วชื่อก็เรียกยาก”
“คุณชานนั้นแหละตัวใหญ่เกินไป”
“อย่างอื่นก็ใหญ่นะ”
“ (- -‘ ”
ไม่ใช่เรื่องที่ต้องบอกหรือว่าอยากรู้เลยสักนิด...แต่มันก็คงจะจริงอย่างที่เจ้าตัวพูดเพราะแค่ถูกอุ้มตอนเกิดเรื่องเมื่อคืน
ร่างกายของเขาก็เหมือนจะจมหายไปกับความใหญ่โตของคนที่ตอนนี้เอาแต่กระดกของมึนเมาเข้าปาก ขนาดฟ้ายังไม่สว่างยังดื่มขนาดนี้ แล้วช่วงสายจะขับเรือไหวไหมเนี่ย? อุตส่าห์หวังดีเอากาแฟมาให้ด้วยคิดว่าจะต้องเดินทางกันอีกไกล แต่ที่ไหนได้...แอลกอฮอล์กลับดีกว่าคาเฟอีน
เฮ้ออออ!!...ขอให้เดินทางปลอดภัยด้วยเถิ๊ดดดด!!!
12.00
น.
ปั่กก ๆ ๆ ๆ!!!!
“ไอ้ชาน...น้ำเดือดยังวะ?”
“แป๊บนึง”
เรื่องจับปลา...ยังพอทำความเข้าใจได้ว่ามันเป็นวิถีชีวิตของคนที่นี่
แต่การใช้มีดขนาดใหญ่สับหัวของมันทั้งๆที่ยังมีชีวิตคือสิ่งที่ทำให้รู้สึกหดหู่
เสียงของมีคมที่ฟันหัวปลาซ้ำๆก่อนนำเกล็ดออกอย่างชำนาญคือสิ่งที่คนต่างถิ่นอย่างเซฮุนและแบคฮยอนต้องเมินหน้าหนี มันช่างเป็นมื้อกลางวันที่สดใหม่...แถมความคาวที่มาพร้อมกับกลิ่นเลือดก็คละคลุ้งจนต้องใช้มือปิดจมูกเอาไว้ ส่วนมื้อเช้าหลังจากที่ทานกาแฟกันเรียบร้อยก็คือไก่เป็นๆที่ถูกปาดคอแล้วนำมาย่างกับไฟ
วิธีทำอาหารมันน่าหดหู่ก็จริง...แต่ต้องก็ยอมรับว่ารสชาติอร่อยไม่ใช่เล่น
(อาเมน!!)
“แบค...บันทึกของพ่อได้บอกไว้หรือเปล่าว่าถ้าเจอไอ้ดอกม่วงๆแล้วต้องทำไง?”
ระหว่างรอเจ้าของท่าเรือกับเพื่อนทำมื้อเที่ยง...เซฮุนขอพาแบคฮยอนเข้ามาทำความเข้าใจในเรื่องของพืชน้ำสะท้อนแสง ในเรือมีห้องนอน
มีห้องน้ำและของใช้ทุกอย่างก็ดีกว่าที่ท่าเรือเสียอีก ผ้าห่มใหม่
ที่นอนก็นุ่ม
ส่วนอากาศก็ไม่ร้อนเหมือนเมื่อคืน
ถึงเวลานี้พระอาทิตย์จะทำงานเต็มที่แต่ป่าโดยรอบหรือต้นไม้น้อยใหญ่ก็ช่วยบดบังแสงแดดได้ดี
แล้วก็...ขอบคุณคนตัวดำที่เริ่มใส่ใจคนต่างถิ่นอย่างพวกเขามากขึ้น
“พ่อบอกว่าห้ามจับตัวดอกมันเด็ดขาด...แต่ก็ห้ามเด็ดดอกทิ้ง เราต้องเก็บให้ครบ ทั้งดอก
ใบ ลำต้น ราก
ทุกอย่างต้องสมบูรณ์ที่สุด
ถ้าดอกหลุดออกจากลำต้นมันก็จะใช้ไม่ได้เลย”
“โห!!!...หายากแล้วยังเสือกเก็บยากอีก ดอกมีพิษแต่ไม่ให้เด็ดดอกทิ้งเนี่ยนะ!! เรียกพระเจ้ามาเก็บเหอะ”
“ถ้าพระเจ้าช่วยได้ กูอยากให้ท่านช่วยคืนคุณพ่อมาให้กูมากกว่า”
“ดึงไปเศร้าซะงั้น”
“เฮ้อออ....”
“ไม่เศร้าดิแบค...พ่อมึงตายเพื่อช่วยคนทั้งโลกเลยนะเว้ย ฮีโร่ชัดๆ”
“ขอบใจนะเซฮุน กูก็แค่คิดถึงอะ...ไม่ได้เศร้าหรอก”
“มา ๆ ๆ...ป๋าจะกอดปลอบน้องแบคเอง อย่าคิดมากนะ...น้า!!!!!”
รีบลุกออกจากเตียง....และเดินไปโอบกายเพื่อนรักที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างๆหน้าต่าง เซฮุนเข้าใจดีว่าแบคฮยอนกำลังรู้สึกเช่นไร การสูญเสียคนในครอบครัวเป็นสิ่งที่ทำใจได้ยาก ยิ่งการสูญเสียโดยการถูกฆาตกรรมก็เป็นสิ่งที่นำความโศกเศร้ามาให้มากมายเหลือเกิน แต่...!!!การทำหน้าที่เป็นป๋าก็ถูกตอบแทนด้วยน้ำหนักที่กดทับลงมาตรงช่วงหัวไหล่ และสองมือที่กำลังปลอบประโลมเพื่อนรักก็ต้องคลายออกก่อนหันไปมองที่ไหล่ด้านซ้ายของตัวเอง แล้วววว.....ก็
“เชี่ยยยย!!! แบค...วิ่งงงงงงงง!!!!”
เจ้าของชื่อ...ไม่ทันได้วิ่งอย่างที่เพื่อนรักแหกปากร้องจนดังลั่นป่า เนื่องจากถูกลากออกมาจากห้องทั้งๆที่ยังไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น??
โต๊ะเก้าอี้ล้มระเนระนาดเมื่อคนสองคนที่ขอตัวไปคุยเรื่องงานวิจัยพากันวิ่งออกมาโดยไม่สนว่าจะชนเข้ากับอะไรบ้าง
ดีที่มื้อเที่ยงไม่คว่ำจนต้องทำใหม่...ไม่อยากนั้นหนุ่มผิวเข้มคงต้องนั่งตกปลาอีกเป็นชั่วโมง
ไคจำเป็นต้องจับตัวเซฮุนเอาไว้เพราะขืนปล่อยให้วิ่งต่อไปมีหวังได้ตกน้ำกันทั้งคู่ ส่วนแบคฮยอนก็ต้องปล่อยหน้าที่ให้เป็นของคนตัวใหญ่
“หยุดเดี๋ยวนี้...เกิดอะไรขึ้น!!! แหกปากร้องอะไรกัน?”
“จะกลับบ้านแล้ว ไม่อยู่แล้วววว...ปล่อยยยยย!!!”
“ร้องดังขนาดนี้เดี๋ยวก็ได้ตายกันหมดหรอก แล้วก็หยุดดิ้นสักที!!!”
“ให้มันตายไปเลย ฮืออออ...ไม่อยากอยู่แล้ววว!!!”
สถานการณ์แบบนี้...มันคงต้องใช้คำว่าสติแตกเพราะน้ำหนักที่กดทับลงมาบนไหล่ตอนอยู่ห้องนอนก็คืองูหลาม
เซฮุนยังไม่ทันได้ประมวลภาพหรือลำดับเหตุการณ์ว่ามันมาเลื้อยเข้ามาตอนไหน
แค่เห็นมันทิ้งตัวจากขอบหน้าต่างก่อนหล่นลงมาบนไหล่ของเขาแค่นั้นก็แหกปากร้องพร้อมพาเพื่อนวิ่งออกมาอย่างไม่คิดชีวิต
และตอนนี้...ไคก็พยายามควบคุมเซฮุนให้หยุดอาละวาด ร่างบางในอ้อมกอดยังคงขืนกายไม่หยุด ปากก็เอาแต่พูดว่าอยากกลับบ้าน ใบหน้าเรียวสวยซีดเหมือนแผ่นกระดาษ แถมน้ำตายังไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ชู่ววววว!!! ไม่ร้องนะเซฮุน...ใจเย็นๆก่อน”
มือหนา...ค่อยๆคลายอ้อมกอดแล้วลูบใบหน้าซีดเซียวด้วยความทะนุถนอม น้ำตาบนแก้มนุ่มถูกปาดออกไปพร้อมสบจ้องคนขวัญเสียอย่างนึกเห็นใจ เกิดมาก็ไม่เคยปลอบใคร...และไม่เคยมีใครมาปลอบทั้งนั้นเพราะการโตมาโดยไร้พ่อขาดแม่มันทำให้ชีวิตต้องดิ้นรนเพื่อให้อยู่รอด แค่มีท่าเรือไว้ทำมาหากิน ไว้ซุกหัวนอน
ไว้พักผ่อนในยามเหนื่อยล้าก็ถือว่าดีที่สุดแล้ว แต่ช่วงที่เจอคุณพ่อของคนตัวเล็กมันคือความอบอุ่นเดียวที่เขาสัมผัสได้ ท่านเป็นคนดี
เป็นคนเก่งและเป็นผู้มีพระคุณที่ไคจะไม่มีวันลืมเป็นอันขาด
“ฮืออออ...คุณไค!”
“โอเค...ไม่เป็นไรแล้ว แต่ช่วยบอกผมหน่อยว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”
“งะ...งู มีงูอยู่ในห้องนั้น!”
เปิดหน้าต่างเพื่อหวังจะรับลมจากธรรมชาติ...แต่ธรรมชาติกลับมอบงูตัวใหญ่ให้เป็นรางวัล เซฮุนเข้าใจว่าที่นี่คือป่า ป่าที่มองไปทางไหนก็เขียวทึบและชุ่มชื้น แล้วงูมันก็ควรไปหากินที่อื่น ซึ่งไม่ใช่บนเรือลำนี้......WTF!!!
สองแขนโอบรอบลำคอแกร่งเหมือนหาที่พักทั้งทางกายและทางใจ
ใบหน้าที่ตื่นตระหนกซบลงบนไหล่กว้างพร้อมเอ่ยถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
“งูเหรอเซฮุน!!!?”
คำตอบของเพื่อนรัก...ทำให้คนตัวเล็กที่แอบอยู่ทางด้านหลังของคุณชานต้องชะโงกหน้าออกมาถามด้วยความตกใจ แบคฮยอนไม่ทราบจริงๆว่าในห้องนอนมีงูเพราะหลังจากได้ยินเสียงเซฮุนร้องโวยวาย ตัวเขาก็ถูกลากออกมาจนหัวแทบทิ่มไปกับพื้นเรือ
“เดี๋ยวกูไปจับเอง...ได้อาหารเย็นล่ะทีนี้”
“คุณชาน...อย่าฆ่ามันนะ! ผมขอล่ะ”
“ขอไปเลี้ยง??”
“ไม่ใช่สักหน่อย!!...”
“ฮ่า ฮ่า
ฮ่า...พวกคุณนี่ตลกดีเนอะ
เออๆ..เดี๋ยวจับไปทิ้งให้”
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเจอสัตว์แบบนี้...และการที่พวกเขาเชือดไก่หรือฆ่าปลามาทำเป็นอาหาร มันก็คงจะทำให้สัตว์นักล่าแบบงูได้กลิ่นของเนื้อสด คนตัวใหญ่รีบเดินเข้าไปในห้องนอนก่อนค้นทุกซอกทุกมุมจนแน่ใจและจับสิ่งไม่มีพิษขนาดเท่าแขนโยนลงน้ำจนเกิดเสียงที่พาให้ทั้งเซฮุนทั้งแบคฮยอนสะดุ้งจนสุดตัว
“.......!!!!!!!”
“ไม่มีอะไรแล้ววว...”
“ T^T ”
“คราวหลังต้องตั้งสติหน่อย
ขืนพวกคุณยังแหกปากกันแบบนี้...ผมคงต้องยกเลิกการออกเรือ”
“มันห้ามได้ที่ไหนล่ะ ก็คนมันตกใจหนิ งูนะคุณ...ไม่ใช่แมลงวันบินมาเกาะแล้วจะปัดออกได้”
“แต่คุณน่ะ!!...เลิกเกาะผมได้แล้ว กอดก็แน่น...หายใจไม่ออก”
“ยะ...อยากกอดตายล่ะ!!”
เถียงได้แบบนี้...แสดงว่าหายกลัวแล้วสิ?!
ไคยกยิ้ม...และแสร้งพูดให้คนตัวหอมโวยวายไปอย่างนั้นเพราะจะได้ลืมเรื่องที่เกิดขึ้น
แล้วยิ่งเซฮุนพยามยามปัดความสกปรกออกจากร่างกายก็ยิ่งพาลให้หนุ่มผิวเข้มอยากกอดให้จมอก ถ้าคิดว่าเขาสกปรกขนาดนั้นแล้วมากอดทำไม แถมยังร้องไห้จนต้องปลอบใจอยู่พักใหญ่ แต่ผิวขาวเนียนนุ่มที่อยู่ในอ้อมอกเมื่อครู่ก็ทำให้ไคเพิ่งรู้ว่า...เซฮุนตัวหอมมากๆแม้จะยังไม่ได้อาบน้ำก็ตามที
(ฮ่าาาาห์...ชื่นใจ)
“มากินข้าวกันได้แล้ว...มื้อนี้ยาวถึงมื้อเย็นเลยนะ”
“ทำไมล่ะ?”
“อยากให้งูมันมาอีกเหรอไง?”
“ไม่... // ไม่!!!”
สองเสียงจากคนต่างถิ่น...เอ่ยตอบพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
แกงปลาอะไรก็ไม่รู้ถูกตักใส่ชามพร้อมข้าวที่หุงไว้ตั้งแต่เมื่อเช้าก่อนวางไว้กลางโต๊ะ
ทั้งแบคฮยอนและเซฮุนต่างมองหน้ากันเพราะไม่มีใครกล้าตักมื้อเที่ยงเข้าปาก กลิ่นที่ลอยเข้าจมูกมันก็หอมดีอยู่หรอก แต่เกรงว่าเนื้อปลามันจะคาวจนอาจทำให้อาเจียน
“ไม่กินล่ะ?...ที่นี่ไม่มีพิซซ่าให้กินหรอกนะ ไม่กินก็อด”
“ถ้าสั่งพิซซ่ามากินได้ก็ไม่ง้อหรอก!!”
“ใครอยากให้งอ...ไม่กินก็ไม่แคร์ ดีเหมือนกัน
ประหยัด!!”
“อยากกลับบ้านนนน!”
“โตป่านนี้แล้ว...งอแงเป็นเด็กไปได้ อย่าเรื่องมากได้ไหม มีอะไรก็กินๆเข้าไปเถอะ ขี้ออกมาก็เหม็นเหมือนกันนั้นแหละ”
“แหวะ!!...ไม่มีมารยาท ตอนกินข้าวใครเค้าพูดเรื่องแบบนี้กัน”
“ไปมีมารยาทที่อื่น...นี่มันในป่า ไม่มีใครเค้าสนเรื่องมารยาทหรอก”
(อื้มมม...อร่อยนะเซฮุน ชิมสิ!)
เหมือนต้องเป็นหน่วยกล้าตาย...เพราะไม่อยากให้เพื่อนทะเลาะกับเจ้าของเรือมากไปกว่านี้ พวกเราต้องอาศัยเขานำทางอีกหลายวัน ขืนทะเลาะกันบ่อยๆมีหวังคุณไคอาจโมโหจนต้องหันเรือกลับแน่ๆ
แบคฮยอนตักเนื้อปลาชิ้นใหญ่ใส่ไว้ในชามของเซฮุน ก่อนตักความอร่อยเข้าปากอีกคำเพื่อย้ำว่ารสชาติของมันไม่ได้แย่เหมือนที่คิด กลิ่นของใบไม้ใบหญ้าที่ไคเอามาผสมในอาหารมื้อนี้ทำให้ปลาไม่เหม็นคาว
แถมความเปรี้ยวจากดอกอะไรก็ไม่รู้สีแดงก็ยังช่วยเพิ่มความอร่อย
“เออ...อร่อยจริงๆด้วยว่ะ”
“ทีหลังก็หัดชิมก่อนแล้วค่อยบ่น”
“ไม่ด่ากันสักเรื่องจะตายไหมคุณไค”
“แล้วไม่บ่นสักเรื่องมันจะตายไหมคุณเซฮุน”
น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือไปขวาง...แบคฮยอนจึงทำได้เพียงยกชามข้าวออกไปนั่งทานที่อื่นเพราะท่าทางสองคนนี้คงจะปะทะคารมกันอีกนาน (- -‘
...
...
...
20.00
น.
ตู้มมมม!!!
“สบายจริงโว้ยยยย...”
“อย่าเสียงดังสิเซฮุน”
“ขอโทษ...กูลืม”
น้ำใสไหลเย็นเห็นไปถึงความขาวเนียน...และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ไคและเพื่อนตัวใหญ่ต้องมานั่งเฝ้าคนอาบน้ำ
แล้วค่าเสียเวลาในการเดินเรือก็คือการได้เห็นความสวยงามแหวกว่ายอยู่ในสายตา แต่ความสบายกายของหนึ่งในความขาวเนียนกลับทำให้เจ้าตัวแหกปากร้องด้วยความดีใจ
ไคอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าด้วยความเพลียเพราะเซฮุนเก่งแต่เรื่องโวยวาย เถียงก็เก่ง
ปัญหาก็มากแถมยังไม่ค่อยเชื่อฟังกันสักเท่าไหร่
ที่บ่นที่ว่า...ก็เพื่อความปลอดภัยทั้งนั้น การออกเรือมันมีความเสี่ยงทั้งเรื่องของสัตว์ป่า สัตว์มีพิษและรวมถึงพวกที่เห็นคนต่างถิ่นเป็นเพียงสินค้า
ไคจำเป็นต้องเปลี่ยนเส้นทางเพื่อหลีกเลี่ยงผู้คนมากกว่าพวกสัตว์ในป่า แล้วการเปลี่ยนเส้นทางในครั้งนี้ก็ยังไม่ได้แจ้งให้ลูกชายของผู้มีพระคุณทราบ
ยิ่งต้องแจ้งเรื่องนี้ให้กับคนขี้เหวี่ยงขี้วีนทราบอีกคนก็ยิ่งเป็นเรื่องที่น่าหนักใจกว่าอะไรทั้งหมด การเปลี่ยนเส้นทางอาจต้องใช้เวลาในการเดินเรือนานถึงสองวัน ซึ่งดีที่น้ำไม่เชี่ยวและไม่ใช่ฤดูน้ำหลาก...ไม่อย่างนั้นการเดินทางจะนานถึงห้าวันเต็ม
“คุณ...รีบอาบรีบขึ้นดีกว่ามั้ง ดึกๆสัตว์มันออกหากิน”
“โอเค....”
ทำตามอย่างว่าง่าย...เพราะประสบการณ์ในเรื่องของงูหลามมันทำให้ไม่กล้าขัดคำสั่ง
แค่ได้เอาร่างกายไปแช่น้ำก็รู้สึกสบายตัวมากขึ้น และถึงแม้จะไม่ให้ใช้สบู่หรือครีมอาบน้ำอย่างที่ใจต้องการ
แต่มันก็ยังดีว่าการล้างหน้าแปรงฟันเป็นไหนไหน เซฮุนรีบคว้าผ้าเช็ดตัวมาคลุมร่างกายเอาไว้เพราะสายตาคมที่จับจ้องทุกการเคลื่อนไหวมันพาให้รู้สึกแปลกๆ จะมองอะไรนักหนา...ควักลูกตาทิ้งซะดีมั้ง!!! ส่วนคนที่ถูกเรียกว่าไอ้ตัวเล็กก็รีบวิ่งเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องนอนเช่นกัน สายตาคนที่นี่มันไม่น่าไว้ใจ
แล้วถ้าคุณชานจะมองขนาดนั้น...คราวหลังเขาคงไม่กล้าลงมาอาบน้ำอีกแล้ว
“น่ากินว่ะ...คนอะไรวะโคตรขาวเลย”
“อย่าแม้แต่จะคิด”
“แหม...มึงไม่คิดเลยเนอะไอ้ไค!! กูเห็นมึงจ้องแต่ตูดคนที่ชื่อเซฮุน”
“เออ...คนอะไรวะตูดใหญ่ฉิบหายแต่เอวเล็กแค่นี้”
“จะรอดถึงวันกลับไหมเนี่ย...เห็นแล้วซี๊ดดดด!!!”
รู้สึกขอบคุณเสียงจิ้งหรีด...และสัตว์ที่ออกมาหากินในยามค่ำคืนเพราะมันทำให้บทสนทนาสองแง่สามง่ามถูกกลบด้วยเสียงสัตว์เหล่านั้น ไคทำการดับไฟที่สุมอยู่ด้านนอกก่อนจุดตะเกียงเพื่อให้แสงสว่าง
หน้าเรือท้ายเรือก็ต้องนำตะเกียงไปวางไว้เนื่องจากสัตว์ส่วนมากไม่ชอบแสงไฟ แต่...ยังไม่ทันจะได้เอาตะเกียงไปไว้ในห้องนอนเพิ่มอีกหนึ่งอันเพื่อลดความหวาดกลัว คนที่เพิ่งสบายใจกับการได้อาบน้ำก็หอบหมอนโกยผ้าห่มเดินออกมาด้านนอก
“เจออะไรอีกล่ะ?”
“ป่าวเจอ...แต่ไม่กล้านอน”
“กลัวงู???”
“อือ...”
“ถ้าอยากนอนข้างนอกก็ต้องแยกกันนอน ผมดูแลสองคนไม่ไหวหรอกนะ”
“ทำไมจะนอนด้วยกันไม่ได้ล่ะ?”
“ถ้าไม่แยกกันนอนก็กลับไปที่ห้อง...ไอ้ชานมันต้องขับเรือ ผมต้องคอยเปลี่ยนเวร”
(เอาไงดีวะแบค??)
ใจหนึ่งก็ยังหวั่นกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น แต่อีกใจก็ไม่อยากแยกกันนอนกับเพื่อนรัก
แล้วอีกใจก็รู้ดีว่าคนตรงหน้าต้องทำอะไรบ้าง ส่วนไคก็รู้สึกปวดประสาทกับพวกคุณหนูทั้งสองคนเพราะขนาดเขาให้ไอ้ชานไปซื้อผ้าห่มมาใหม่ เตียงก็เปลี่ยนให้นุ่มกว่าที่นอนในท่าเรือ...แต่พวกคุณคุณก็ยังเรื่องมากกันเหมือนเดิม
“จะเอาไง?”
“คุณนั้นแหละจะเอาไง แต่พวกเราไม่กลับไปนอนในห้องแน่ๆ”
“เรื่องเยอะกันจริงๆ...”
“จะเอาไงก็ว่ามาเลย...นี่ตามใจแล้วนะ”
“งั้นเอางี้...แบคไปนอนที่ท้ายเรือกับไอ้ชาน ส่วนคุณ...อยู่กับผม”
ได้โอกาสก็ขอใช้ให้มันเป็นประโยชน์ ยิ่งไอ้ชานมันอยากกอดคนตัวเล็กจนแทบบ้า
แล้วจังหวะเหมาะแบบนี้ใครมันจะยอมทิ้งไปง่ายๆล่ะ...ว่าไหม?!!
แต่ในความฉวยโอกาสมันก็มีความเป็นจริงปะปนอยู่บ้างเพราะถ้าปล่อยให้สองคนนี้นอนข้างนอกโดยไร้ผู้ดูแลมันก็คงจะเสี่ยงมากเกินไปหน่อย แล้วไหนไหนคืนนี้ไอ้ชานก็มีหน้าที่ขับเรือ เขาจึงจำเป็นต้องฝากคนตัวเล็กเอาไว้สักคน
ส่วน...คุณหนูตัวป่วนของเรือก็ต้องเป็นเขาคนเดียวเท่านั้นถึงจะเอาอยู่
“กูไปก่อนนะเซฮุน...พรุ่งนี้เช้าเจอกัน”
“มึงโอเคใช่ไหมแบค?”
“กูโอเค...แล้วมึงล่ะ?”
“อื้มมม...”
“งั้นก็ฝันดีนะเซฮุน”
“บาย...แล้วเจอกัน ฝันดี”
เพิ่งรู้...ว่าพวกคุณหนูกว่าจะนอนกันได้ก็ต้องบอกฝันดี
แล้วไอ้ดวงตาเศร้าสร้อยพร้อมการโบกมือลาอย่างอาลัยอาวรณ์มันก็น่าขำที่สุด ขนาดจะนอนยังเรื่องมากขนาดนี้ ไคจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเซฮุนถึงได้เรื่องมากไปเกือบทุกเรื่อง
เจ้าของท่าเรือไม่เคยบอกฝันดีกับใครทั้งนั้น
ไอ้ชานจะไปนอนที่ไหนทำอะไรก็ไม่เคยถามสักคำ...แล้วใครจะฝันดีฝันร้ายก็ไม่เคยมีอยู่ในหัวสมอง
ฝันดีนะไอ้ชาน...พรุ่งนี้เจอกัน
บายยย! แค่คิดก็อยากจะอ้วกกกก!!!
“แล้วจะให้ผมนอนตรงไหน?”
“ในเต็นท์...”
“เต็นท์ของคุณเนี่ยนะ?”
“นอนข้างนอกยุงกัดตายแน่”
“ละ...แล้วคุณไม่นอนเหรอ?”
“อยากให้นอนด้วย??”
“ป่าวสักหน่อย...”
“งั้นก็ไปนอนได้แล้ว หมดเวลาเรื่องมาก”
ไคกับชานมีเต็นท์นอนแยกกันคนละส่วนเพราะพวกเขาต้องช่วยกันขับเรือตลอดทั้งวัน ใครง่วงก็บอก
ไม่ไหวก็เรียก...นอนเต็นท์ใครเต็นท์มัน
เจ้าของท่าเรือไม่ค่อยห่วงเรื่องที่หลับที่นอนสักเท่าไหร่ เขาทำงานแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ค่ำไหนก็นอนนั่น มีอะไรกินก็กินโดยที่ไม่ได้สนเรื่องของรสชาติด้วยซ้ำ ขอแค่ไม่อดตายเป็นพอ ส่วนเซฮุนก็ไม่ใช่เวลาที่จะมาเรื่องมากแล้วในตอนนี้ อะไรที่ให้ความปลอดภัยก็ขอเอาไว้เป็นอันดับแรก สองขา...คลานเข่ามุดตัวเข้าไปในเต็นท์
ผ้าห่มผืนใหญ่ถูกกางออกก่อนนอนทับไว้ครึ่งหนึ่งแล้วอีกครึ่งก็ใช้คลุมร่างกาย และเมื่อหมอนพร้อม ความง่วงพร้อม...ก็ถึงคราวต้องกล่าวราตรีสวัสดิ์
“ขอบคุณนะคุณไค...ฝันดีนะ”
และ....
“เออ...ฝันดี”
ก็รู้สึกกระดากปากนิดหน่อย แล้วก็......ใจเต้นหน่อยๆ♥!!!!
100%
Cr.
ภาพในตอนที่สอง : The Fan Carpet
Talk.
ขอบคุณทุกๆการติดตามนะคะ แล้วก็ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ของทุกๆคนด้วยค่ะ ^^)
ส่วนฟิคเรื่อง #ฝากเลี้ยงKH
ใครรออยู่...เราต้องขออภัยไว้ล่วงหน้านะคะที่ยังไม่อัพ แต่ไม่ทิ้งกันแน่นอนค่ะ
รัก ♡
#ออกเรือKH
ความคิดเห็น